ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

แหล่งรวมบทความสารคดี

เริ่มโดย อินดี้, 01:23 น. 27 ส.ค 56

อินดี้

บล็อกจัดอันดับของกินร้านอร่อย จัดอันดับชีวิตสัตว์ ไขปริศนาคดีดัง บทความน่ารู้ ความรู้รอบตัว มาดูกันได้ที่  http://anyapedia.com


4 โรคทางประสาทน่ารู้ อ่านต่อที่นี่


5 คำแนะนำในการเลือกซื้อรองพื้น อ่านต่อที่นี่


8 กีฬาช่วยเพิ่มความสูง อ่านต่อที่นี่


9 วิธีบำรุงตับ อ่านต่อที่นี่


10 ข้อเสียของการไม่มีแฟน  อ่านต่อที่นี่


รวมพลคนกล้ามใหญ่ อ่านต่อที่นี่


สิ่งที่ทำให้คุณหลงรักผู้ชายเจ้าชู้ อ่านต่อที่นี่


อาหารเช้าของชาวโลก  อ่านต่อที่นี่


10 สิ่งที่มิวสิควิดีโอต้องมี  อ่านต่อที่นี่


เรื่องย่อละคร นางสาวทองสร้อย คุณแจ๋วหมายเลข 1 อ่านต่อที่นี่


เรื่องย่อละคร เจ้านาง อ่านต่อที่นี่


เรื่องย่อละคร สุดแค้นแสนรัก อ่านต่อที่นี่


เรื่องย่อละครเพลงรักเพลงลำ อ่านต่อที่นี่


เรื่องย่อละครเพื่อนแพง อ่านต่อที่นี่


เรื่องย่อละครเลือดมังกรตอนแรด อ่านต่อที่นี่


มาตาฮารี ยอดจารชนหญิงของโลก อ่านต่อที่นี่


เสียงประหลาดของสัตว์ปริศนา อ่านต่อที่นี่


สัมภาษณ์คุณฌอห์ณ จินดาโชติ อ่านต่อที่นี่


ยอดนักรบโคตรนักฆ่า 2,746 ศพ อ่านต่อที่นี่


เทศกาลตำนานวันปล่อยผี อ่านต่อที่นี่


5 ปริศนาที่ไร้คำอธิบายของจักรวาล อ่านต่อที่นี่


10 เกมส์อันตรายที่ไม่ควรให้เด็กเล่น  อ่านต่อที่นี่


13 เมืองอาถรรพ์ อ่านต่อที่นี่


ฝังเข็มสลายไขมัน  อ่านต่อที่นี่


ฟื้นชีวิตหลังคืนดื่มหนัก  อ่านต่อที่นี่


12 ความจริงบนอวกาศ อ่านต่อที่นี่


12 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับพายุ อ่านต่อที่นี่


20 ธุรกิจเพี้ยนรอบโลก  อ่านต่อที่นี่


แนะนำเกม DEAD ISLAND RIPTIDE อ่านต่อที่นี่


วิญญาณอาฆาต อ่านต่อที่นี่


เกมส์ TOM CLANCY'S Splinter Cell: Blacklist อ่านต่อที่นี่


คนรักกลายเป็นคนร้ายจะหนีอย่างไรดี  อ่านต่อที่นี่


ถามตอบปัญหากลิ่นปาก อ่านต่อที่นี่


บ้านหลอนแดนนรก อ่านต่อที่นี่


ประมูลขายบั้นท้าย  อ่านต่อที่นี่


ผื่นจากด้วงก้นกระดก  อ่านต่อที่นี่


มะเร็งตับอ่อน  อ่านต่อที่นี่


เป็นไปได้ไหมถ้าจะรักคนอายุต่างกัน  อ่านต่อที่นี่


วิธีสระผมให้สะอาดหอมพลิ้วสลวย  อ่านต่อที่นี่


วิธีสร้างกล้ามของดาราฮอลลีวู้ด  อ่านต่อที่นี่


อินดี้

5 ปริศนาที่ไร้คำอธิบายของจักรวาล

"ดวงอาทิตย์ของเรามีคู่ปรับอันตรายที่จะทำให้ชีวิตบนโลกดับสูญหรือไม่"

"เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเดินทางข้ามเวลา มันเป็นคำถามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่ง"

"เกิดอะไรขึ้นกับคู่แฝดตัวร้ายของสสาร ความคิดของนักฟิสิกส์ทั้งหลายตามหาคำอธิบายนั้นอยู่"

"น้ำบนดาวอังคารหายไปได้อย่างไร"

"อะไรมาก่อนบิ๊กแบง นี่คือปริศนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวิทยาศาสตร์ทั้งปวง"

คำถามสำคัญและวิทยาศาสตร์ล้ำยุค ปริศนาที่ไร้คำอธิบายของจักรวาล

1. อุกกาบาตชนโลกจนชีวิตดับสูญ
ในบรรดาปริศนาคำถามของจักรวาลนั้น มีเรื่องหนึ่งที่ต้องรีบหาคำตอบเป็นพิเศษ สำหรับมนุษย์ทุกคนที่ยังอาศัยอยู่บนโลก ชาวโลกและสิ่งมีชีวิตบนโลกมีกำหนดเวลาที่ต้องถูกล้างเผ่าพันธุ์ทุกๆ 26 ล้านปีหรือไม่ และหากใช่อะไรคือสาเหตุที่ก่อความเสียหายที่รุนแรงนั้น คุณจะเจอการระเบิดอย่างใหญ่หลวง ทุกสิ่งภายในรัศมี 1,000 ไมล์จะตายหมด เราจะต้องเจอแรงระเบิด คลื่นสึนามิ ความร้อนมหาศาล ไฟลุกขึ้นทั่วโลก จากนั้นก็มืดสนิท เป็นเวลาหลายล้านปีแล้วที่วัตถุขนาดใหญ่จากอวกาศได้พุ่งชนโลก จนสร้างความหายนะอย่างร้ายแรง การพุ่งชนครั้งหนึ่งที่นอกชายฝั่งแหลมยูคาทันเป็นสิ่งที่ทำให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์เมื่อ 65 ล้านปีก่อน แต่นี่ไม่ใช่การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่บนโลก และมันก็น่าจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย มีการสูญพันธุ์ที่ใหญ่กว่านั้นในยุคเฮอเมียส ทำให้สิ่งมีชีวิต 95% ในมหาสมุทรตายไป และราว 80% ของสัตว์บกด้วย ดังนั้นการสูญพันธุ์ที่รุนแรงได้เคยเกิดขึ้นแล้ว

นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่าช่วงจังหวะการสูญพันธุ์และการทำลายล้างนี้จะมาเป็นระยะที่แน่นอน นักดึกดำบรรพ์วิทยาพบรูปแบบที่แปลกมาก สิ่งที่พวกเขาพบคือการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ที่ฆ่าไดโนเสาร์และครั้งอื่นๆ ด้วย มันไม่ได้เกิดแบบสุ่มๆ แต่ดูเหมือนจะเกิดขึ้นตามกำหนด นั่นเป็นสิ่งแปลกมาก มันเกิดขึ้นทุกๆ 26 ล้านปี นั่นทำให้เราอยากรู้คำอธิบาย

นักแอสโตรฟิสิกส์ "ริชาร์ด มุลเลอร์" เชื่อว่าคำอธิบายของการทำลายล้างทุกๆ 26 ล้านปีนี้คือดาวแคระแดงสลัวที่ซ่อนอยู่ที่ขอบระบบสุริยะ ดาวฤกษ์ที่เขาเรียกได้อย่างเหมาะสมว่า "เนเมซิส" จากทฤษฏีของมุลเลอร์ เนเมซิสคือดาวคู่หูของดวงอาทิตย์ของเราที่ยังไม่ถูกค้นพบ มันเดินทางไปมาระหว่าง 1-3 ปีแสง จากศูนย์กลางของระบบสุริยะในวงโคจรทรงรียาว เมื่อเนเมซิสเคลื่อนมาใกล้กับดวงอาทิตย์ทุกๆ 26 ล้านปี วงโคจรของมันพามันผ่านกลุ่มเมฆออร์ต (Oort Cloud)ซึ่งเป็นกลุ่มดาวหางราวล้านๆ ดวงรอบๆ ระบบสุริยะของเรา นั่นคือตอนที่ระบบสุริยะเริ่มมีความปั่นป่วนเป็นพิเศษ

"เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น เนเมซิสเริ่มเข้าใหล้ดาวหาง และรบกวนวงโคจรของพวกมัน" มุลเลอร์กล่าว
จากทฤษฎีของมุลเลอร์ การรบกวนแรงดึงดูดที่เกิดจากดาวฤกษ์ที่ดูไร้พิษภัยนี้ ทำให้ดาวหางที่ยาวและไม่ถูกดึงดูดไว้ หนีออกจากวงโคจรในกลุ่มเมฆออร์ต ถูกดึงเข้าสู่ดวงอาทิตย์โดยแรงดึงดูด ดาวหางนับพันล้านดวงถูกส่งให้มุ่งเข้าสู่ระบบสุริยะวงใน บางดวงจะพุ่งมาสู่โลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ทำให้เกิดแรงกระแทกและการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ขึ้น ข้ออ้างที่ว่าดวงอาทิตย์ของเรามีดาวสหายที่ยังไม่ถูกค้นพบนั้นยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์เดี่ยวที่ไม่มีคู่ แต่ในจักรวาลนั้นดาวฤกษ์คู่หรือกลุ่มสามดวงที่อยู่ใกล้กันเพราะแรงดึงดูดเป็นเรื่องปกติ

"ดาวฤกษ์ส่วนใหญ่ในกาแล็คซี่ของเราเป็นดาวฤกษ์คู่หรือแบบสามดวง และดังนั้นแนวคิดที่ว่าดวงอาทิตย์อาจเป็นส่วนหนึ่งของระบบนั้นก็ไม่ได้สุดกู่นักจากมุมมองนั้น มันเป็นคำถามที่น่าสนใจ" เอเดรียน คูล (Adrienne Cool) นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์หญิงกล่าว

แม้ว่าดวงอาทิตย์อาจจะมีสหายที่เป็นคู่กัน นักดาราศาสตร์ก็ไม่เคยเห็นดาวคู่ที่คู่ของมันอยู่ห่างกันอย่างที่มุลเลอร์อ้างว่าดวงอาทิตย์และเนเมซิสเป็นอยู่เลย มุลเลอร์ต้องการข้อพิสูจน์ว่าเนเมซิสมีจริง ในปี 1997 ภารกิจหนึ่งของนาซ่าเริ่มขึ้น ซึ่งจะมีโอกาสให้ความกระจ่างในปริศนานี้ กล้องทูไมครอนสกายเซอร์เวย์ (Two Micron Sky Survey) หรือทูแมส (2MASS) ใช้กล้องดูดาวอินฟราเรดคู่เพื่อส่องจักรวาลหาดาวฤกษ์ที่เราไม่รู้จักมาก่อน ทูแมสเชี่ยวชาญการหาดาวหายาก ภายในและใกล้แกแล็คซี่ของเรา และถึงบัดนี้ได้ให้ภาพสองล้านภาพแล้ว หากมีเนเมซิสอยู่จริง ทูแมสควรจะมองเห็นมันแล้ว แต่กล้องนี้ยังไม่เคยตรวจจับสิ่งใดที่ตรงกับลักษณะดาวมรณะนี้ของมุลเลอร์เลย

"เราได้มองหาดาวมรณะนั้นอย่างมากแล้ว ดาวเนเมซิสนั่น และเราก็ไม่พบมันที่ไหนเลย" ดร.มิชิโอะ คากุ (Michio Kaku) ศาสตราจารย์ทางฟิสิกส์กล่าว

แต่มุลเลอร์ไม่แปลกใจที่กล้องทูแมสไม่พบดาวเนเมซิสของเขา

"เหตุผลก็คือด้วยระยะทางราว 1 ปีแสงเป็นระยะทางที่ไกลพอที่จะต้องโคจรเป็นเวลา 26 ล้านปี ความเคลื่อนไหวของมันจึงน้อยนิดมาก และมันน่าจะถูกมองพลาดไปโดยการสำรวจมาตรฐานที่มองหาดาวฤกษ์ในระยะไกลๆ" มุลเลอร์กล่าว

ความเป็นไปได้อีกอย่างก็คือเนเมซิสอาจเป็นดาวแคระสีน้ำตาล ดาวฤกษ์ที่ใกล้ดับพวกนี้เล็กกว่าดาวแคระแดงมาก และด้วยวงโคจรที่หรี่มากๆ ดาวแคระน้ำตาลจะอยู่ห่างจากโลกเกือบตลอดเวลาและพ้นจากสายตาที่จ้องมองของนักดาราศาสตร์ หากเป็นเช่นนั้นจริงเนเมซิสก็น่าจะพ้นจากเรดาห์ของกล้องทูแมสได้ง่ายๆ

ริชาร์ดมุลเลอร์ปฏิญาณว่าจะมองหาต่อไปและวางแผนที่จะศึกษาอย่างละเอียดยิ่งขึ้น เขาเชื่อว่าไม่ช้าก็เร็วเนเมซิสจะต้องถูกพบ

"มีดาวฤกษ์อยู่มากมายบนนั้นมีเป็นล้านๆ ดวง แต่เมื่อคุณงมเข็มในมหาสมุทร คุณสามารถดูมันแล้วก็บอกได้ว่า โอ้ นั่นไม่ใช่เข็ม นี่ก็เช่นกัน เมื่อเราพบเนเมซิส เราก็จะวัดวงโคจรของมันและพิสูจน์ได้ว่ามันคือเนเมซิส" มุลเลอร์กล่าวทิ้งท้าย

2. การเดินทางข้ามกาลเวลา
ในบรรดาปริศนาไร้คำอธิบายทั้งหมดในจักรวาล บางทีสิ่งที่ยั่วเย้าและเป็นที่โต้เถียงมากที่สุดคือปริศนาที่ว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะเดินทางข้ามเวลา เราสามารถเดินทางย้อนเวลาได้หรือไม่ เราจะเปลี่ยนแปลงชะตาของเราได้หรือไม่ มันเป็นคำถามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่ง

ในปี 1955 รอน มาลเล็ต  มีอายุเพียงสิบขวบ เมื่อพ่อของเขาตายด้วยโรคหัวใจวาย ด้วยความโศกเศร้า หนูน้อยมาเล็นอยากหาวิธีที่จะพบพ่อของเขาอีกครั้ง และอาจจะช่วยชีวิตพ่อไว้

"ราวหนึ่งปีหลังจากเขาตาย ผมก็ได้เจอหนังสือ เดอะ ไทม์แมชชีน ของ H.G. WELLS และนั่นคือสิ่งที่ช่วยผม เพราะผมคิดว่าถ้าผมสามารถสร้างเครื่องย้อนเวลาอย่างที่ H.G. WELLS เขียนเรื่องนี้เอาไว้ได้ ผมก็สามารถกลับไปในอดีต ไปช่วยชีวิตพ่อผมเอาไว้และได้เห็นเขาอีกครั้งหนึ่ง ดังนั้นผมจึงหมกมุ่นอยู่กับความคิดที่จะพยายามสร้างไทม์แมชชีนขึ้น

เดอะ ไทม์แมชชีน เป็นเรื่องราวที่แต่งขึ้น แต่มาลเล็ตค้นพบในไม่ช้าว่ามีเหตุผลที่สนับสนุนเรื่องการเดินทางข้ามเวลาที่ลึกลับนี้ และแหล่งนั้นไม่ใช่ใครนอกจากอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ไอน์สไตน์เสนอทฤษฎีว่าอวกาศและเวลาเชื่อมโยงกัน ดังนั้นเราสามารถจินตนาการอวกาศเวลาว่าเป็นเหมือนเส้นใยหรือแผ่นหยัก ด้วยทฤษฎีสัมพันธภาพทั่วไปของเขา ไอน์สไตน์แสดงให้เห็นว่าวัตถุขนาดใหญ่ เช่นดาวเคาะห์หรือดาวฤกษ์หรือหลุมดำจะทำให้เส้นใยของอวกาศและเวลาโค้งงอ จริงๆ แล้วไอน์สไตน์เชื่อว่าแรงดึงดูด พลังที่ดึงเราไว้ติดกับโลกและทำให้โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ แท้จริงแล้วมันเป็นเพียงผลของการโค้งงอนี้

สำหรับมาลเล็ต แนวคิดที่น่าปวดหัวระดับจักรวาลนี้มีความหมายที่กว้างไกล เพราะถ้าคุณสามารถสร้างแรงดึงดูดมากพอที่จะบิดเวลาจนเป็นวงได้ บางทีคุณก็อาจสร้างเส้นทางสำหรับเคลื่อนที่เดินหน้าหรือถอยหลังไปในเวลาได้ ทฤษฎีของไอน์สไตน์ปลุกพลังให้รอน มาลเล็ตเรียนรู้หาวิธีที่จะสร้างไทม์แมชชีนของเขาเอง แต่การเดินทางข้ามเวลาไม่ใช่หัวข้อที่จะศึกษาโดยนักวิทยาศาสตร์ที่จริงจังได้อย่างเปิดเผย

"ว่ากันตามตรงแล้วผมใช้แนวคิดที่เข้ากันได้ในแบบของผม ผมศึกษาเกี่ยวกับหลุมดำ เพราะหลุมดำทำให้ผมเข้าใจว่าทฤษฎีของไอน์สไตน์ส่งผลต่อเวลาและอื่นๆ อย่างไร มันเป็นแนวคิดบ้าๆ แต่มันถูกมองว่าบ้าแบบมีหลักการ ดังนั้นผมจึงโตาในสายงานในการศึกษาสิ่งเหล่านั้น" รอน มาลเล็ตกล่าว

หลุมดำบริเวณส่วนที่เหลือของดาวฤกษ์ ส่วนที่ยุบตัวขนาดใหญ่ยักษ์ มีแรงดึงดูดที่แทบไม่มีสิ่งใดเทียบได้ที่จะบิดเบือนอวกาศและเวลา ซึ่งก็คือสิ่งที่มาลเล็ตต้องการทำ แต่เขาจะสร้างอุปกรณ์ในห้องแล็บที่มีสสารมากพอที่จะทำให้อวกาศและเวลาโค้งได้อย่างไร เพื่อหาแรงดลใจ มาลเล็ตหันไปหาไอน์สไตน์อีกครั้ง และสมการที่โด่งดังที่สุด E = mc2 ซึ่งแสดงว่าสสารและพลังงานเป็นเพียงรูปแบบที่ต่างกันของสิ่งเดียวกัน ดังนั้นจากทฤษฎีของไอน์สไตน์ก็อาจที่จะสามารถทำให้อวกาศและเวลาโค้งงอได้ เหมือนกัยที่วัตถุขนาดใหญ่ทำได้

"เราคุ้นเคยกับแนวคิดที่ว่าแรงดึงดูดเกิดขึ้นจากสสารจะกลับกลายเป็นว่าทฤษฎีของไอน์สไตน์ แสงสามารถสร้างแรงดึงดูดได้ และนั่นคือแนวคิดที่งานของผมอิงอยู่ พูดอีกอย่างนึงคือหากแรงดึงดูดมีผลต่อเวลา และแสงสามารถสร้างแรงดึงดูดได้ ดังนั้นแสงก็สามารถส่งผลต่อเวลาได้" รอน มาลเล็ตกล่าว

มาลเล็ตได้สร้างเครื่องมืออย่างหนึ่งขึ้นมาเพื่อสาธิตแนวคิดของเขาว่าแสงเลเซอร์ที่เกิดวนไปมาสามารถสร้างอุโมงค์แสงที่บิดอวกาศและเวลาได้

"มันมีแสงเลเซอร์ที่ตัดกันสี่เส้น พื้นที่ภายในลำแสงนั้นจะเป็นพื้นที่ที่อวกาศกำลังถูกบิดตัวอยู่ และในที่สุดเวลาก็จะถูกบิดไปด้วยโดยลำแสงนี้ และนี่จะทำให้เราเดินทางย้อนไปในอดีตได้" รอน มาลเล็ตกล่าว

สิ่งที่เดินทางข้ามเวลาได้อย่างแรกจะต้องเล็กกว่ามนุษย์มาก เช่น อนุภาคที่เล็กกว่าอะตอม เช่น นิวตรอน

"สิ่งที่เราพยายามส่งไปไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นอนุภาคที่เล็กกว่าอะตอมและข้อมูล และนั่นก็ถือเป็นก้าวใหญ่มากแล้ว เพราะนึกดูสิครับว่าถ้าเราสามารถส่งข้อมูลกลับไปในอดีตที่บอกถึงหายนะในอนาคตเพื่อที่จะสามารถป้องกันมันได้ เราสามารถเข้าใจว่าลำแสงที่วนเวียนสามารถบิดอวกาศและเวลาได้อย่างไรด้วยการเปรียบเทียบกับถ้วยกาแฟ ถ้าเราคิดว่ากาแฟในถ้วยเป็นอวกาศที่ว่างเปล่า และคิดถึงช้อนว่าเป็นลำแสงที่วนไปมา คุณก็จะเห็นว่าเกิดอะไรกับกาแฟในขณะที่ผมคนมัน กาแฟนั้นหมุนวน นี่คือสิ่งที่ลำแสงกระทำกับอวกาศที่ว่างเปล่า และเราสามารถเห็นผลเช่นนี้ในกรณีของกาแฟด้วยการใส่เมล็ดกาแฟแล้วคน เมล็ดกาแฟก็จะถูกเหวี่ยงไปรอบๆ ในกรณีของเลเซอร์ขณะที่ลำแสงวนไปมา เราใส่อนุภาคที่เล็กกว่าอะตอม เร็วกว่านิวตรอนลงไป และเมื่อเราคน อากาศรอบๆ นิวตรอนจะถูกทำให้หมุนวนเหมือนเมล็ดกาแฟ ทีนี้จำได้ไหมว่าในทฤษฎีของไอน์สไตน์นั้นอวกาศและเวลานั้นเชื่อมโยงกัน ดังนั้นการหมุนวนของอวกาศจะทำให้เส้นตรงของเวลาหมุนวนเป็นวงกลม และในห่วงของเวลานั้นเราสามารถเดินทางจากอดีตไปปัจจุบันไปอนาคตและกลับไปในอดีตก็ยังได้"  รอน มาลเล็ตกล่าว

ในนิยายวิทยาศาสตร์ได้ให้ภาพไทม์แมชชีนว่า สามารถเดินทางไปข้างหน้าและย้อนเวลากลับได้อย่างไม่จำกัด แต่มาลเล็ตเตือนว่า นักเดินทางข้ามเวลา สามารถเดินทางกลับได้ไกลสุดเท่ากับตอนที่ไทม์แมชชีนเดินเครื่อง

รอน มาลเล็ต "พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ถ้าผมเปิดเครื่องวันนี้แล้วเปิดทิ้งไว้ร้อยปี และใครบางคนในอีกร้อยปีข้างหน้านั้นสามารถเดินทางกลับได้ถึงแค่ช่วงเวลาที่ผมเปิดเครื่องนี้ แต่พวกเขาไม่สามารถเดินทางย้อนไปกว่านั้นได้เพราะเครื่องนั้นยังไม่มีตัวตนขึ้นมา และเครื่องมือเป็นตัวทำให้เกิดผลนั้นขึ้น ดังนั้นจึงไม่มีอะไรให้พวกเขาได้กลับมาหาหรือได้ปรากฏร่างขึ้น"

ข้อจำกัดนี้หมายถึงไทม์แมชชีนของมาลเล็ตไม่สามารถทำให้เขาเดินทางกลับไปปี ค.ศ. 1955 เพื่อช่วยชีวิตพ่อของเขาได้ การจะทำเช่นนั้นจะต้องใช้เทคโนโลยีที่มาจากนอกโลก ในทางทฤษฎี อารยะธรรมต่างดาวที่ล้ำยุค อาจมีไทม์แมชชีนที่เปิดทิ้งไว้เมื่อหลายพันปีก่อน

รอน มาลเล็ต "เราอาจสามารถใช้ไทม์แมชชีนของพวกเขาไปเยือนอดีตที่เก่าแก่ของเรา เพราะถ้าพวกเขาพัฒนาการเดินทางข้ามกาลเวลามาได้ เอาเป็นว่าหมื่นปีก่อนมันมีข้อจำกัดแบบเดียวกัน แต่ถ้าเราพบพวกเขา เราสามารถใช้มันได้ และบางทีในวันหนึ่ง เราสามารถไปเยือนอียิปต์ยุคโบราณหรือโรมยุคโบราณก็ได้"

สำหรับตอนนี้มาลเล็ตจดจ่ออยู่ที่การสร้างไทม์แมชชีนของเขา โครงการที่จะต้องใช้เงิน 250,000 เหรียญแค่ในการเริ่มต้นเท่านั้น เงินเป็นเพียงอุปสรรคหนึ่งที่นักฟิสิกส์ต้องเจอในการอาจหาญที่จะเดินทางข้ามเวลา และยังมีสิ่งขัดแย้งบางอย่างที่หลายคนเชื่อว่าจะทำให้การเดินทางข้ามเวลาเป็นไปไม่ได้ เช่นความขัดแย้งเรื่องคุณปู่ที่มักกล่าวถึงกัน ลองนึกดูว่าถ้าคุณย้อนเวลากลับไปแล้วฆ่าปู่ของคุณก่อนที่เขาจะพบกับย่าของคุณ ดังนั้นคุณจะไม่มีทางได้เกิดมา และดังนั้นจึงไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ตั้งแต่แรก แล้วเหตุการณ์จะถูกกำหนดว่าเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ เกิดขึ้นหรือไม่ได้เกิดขึ้น

แต่มาลเล็ตเชื่อว่าความก้าวหน้าล่าสุดในฟิสิกส์ ทฤษฎีบ่งชี้ว่าความขัดแย้งนี้ไม่ใช่ปัญหาใดใดเลย นักฟิสิกส์หลายคนในขณะนี้เชื่อในแนวคิดสุดขั้วที่ว่าจักรวาลของเราเป็นหนึ่งในจักรวาลขนานหลายๆ แห่ง ดังนั้นเมื่อคุณย้อนเวลากลับคุณอาจเข้าไปในจักรวาลคู่ขนาน ซึ่งคุณสามารถไปยังเหตุการณ์ต่างๆ โดยไม่ส่งผลต่อจักรวาลที่คุณจากมา

ดร.มิชิโอะ คากุ "เราเชื่อว่าแม่น้ำแห่งเวลาอาจมีการไหลวนได้ การไหลวนซึ่งคุณอาจใช้มันกลับไปเพื่อพบกับพ่อแม่คุณก่อนที่คุณจะเกิดมา หรืออาจจะแยกออกเป็นแม่น้ำสองสาย คุณสามารถเปลี่ยนแปลงอดีตเพื่อให้เป็นจักรวาลอีกแห่งหนึ่ง ทั้งหมดนี้เป็นทฤษฎีที่อยู่ในระดับที่สูงมากๆ ของฟิสิกส์ยุคใหม่ทุกวันนี้

มาลเล็ตเชื่อว่าเราอาจต้องรออีกเพียงร้อยปีที่จะได้เดินทางข้ามเวลาโดยมนุษย์ แต่ก็ยังสายไปสำหรับเขาที่จะได้เดินทางกลับไปช่วยพ่อของเขา แต่ความสูญเสียส่วนตัวของเขาได้เปิดประตูไปสู่โลกใหม่สำหรับคนรุ่นหลังๆ

3. ปริศนาของปฏิสสารคู่แฝดของสสาร
ขณะที่จักรวาลเริ่มก่อตัวช่วงแรกๆ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามันประกอบไปด้วยสิ่งที่มากกว่าสสารปกติที่ประกอบเป็นทุกๆ สิ่งรอบตัวเรา พวกเขาเชื่อว่ามันมีปฏิสสารจำนวนเท่าๆ กัน คู่แฝดที่ร้ายกาจและหลบซ่อนอยู่ของสสาร

"หากคุณกลับไปยังจักรวาลช่วงแรกมากๆ ปรากฏว่ามันประกอบไปด้วยสสารและปฏิสสาร และปรากฏว่าอนุภาคทุกอันมีปฏิอนุภาคอยู่ และมันฟังดูค่อนข้างบ้าแต่มันจริงและดูเหมือนกับนิยายวิทยาศาสตร์เลย" เอเดรียน คูล กล่าวถึงเกี่ยวกับเรื่องนี้

แต่อะไรคือปฏิสสารที่ลึกลับนี้และพวกมันทั้งหมดนั้นหายไปไหน

"ปฏิสสารนั้นเหมือนกับสสารทุกอย่าง ความแตกต่างระหว่างกันคือการที่มันมีประจุที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง"

สสารทั่วไปประกอบด้วยอะตอม และตัวมันก็จะประกอบไปด้วยอนุภาคที่เล็กลงไปอีก เช่นอิเล็กตรอนที่มีประจุลบกับโปรตอนที่มีประจุบวก ปฏิสสารจะตรงข้ามกับอนุภาคเหล่านี้ พวกมันมีมวลเท่ากันแต่มีประจุไฟฟ้าตรงข้าม

"โปรตอนเป็นอนุภาคประจุบวกซึ่งเป็นนิวเคลียสของอะตอม แอนตี้โปรตอนจะเป็นโปรตอนที่มีประจุลบซึ่งมีมวลเท่ากัน"

ในจักรวาลของเราสิ่งที่ตรงข้ามจะดึงดูดกัน อนุภาคและปฏิอนุภาคถูกดึงดูดเข้าหากัน เราคงคิดว่านี้คือความสัมพันธ์ที่ถูกสร้างระหว่างฟากฟ้า แต่ทุกครั้งที่สสารมาสัมผัสกับปฏิสสาร ผลลัพธ์จะเหมือนเดิม มันทำลายล้างกันและกัน ลองจินตนาการถึงยานอวกาศสองลำพุ่งไปในอวกาศโดยมีเส้นทางประสานงากัน ลำหนึ่งประกอบด้วยสสารปกติ อีกลำเป็นแบบปฏิสสารสร้างโดยอารยธรรมต่างดาว การชนจะน่ายิ่ง และจะไม่มีซากเหลือให้นักสืบอวกาศได้ตรวจสอบเลย

"สสารและปฏิสสารอันตรธานไป พวกมันหายวับไปเลย แต่พลังงานไม่ได้หายไป พลังงานปรากฏขึ้นในรูปแบบของรังสีแกมม่าสองลำที่แรงมากอย่างโฟตอน และปริมาณพลังงานที่ถูกขังอยู่ในมวลขนาดเล็กจิ๋วนั้นมันน่าตะลึงทีเดียวค่ะ" เอเดรียน คูล กล่าว

"ถ้าคุณนำสสารและปฏิสสารมา แล้วนำมารวมกัน ตูมตามขึ้นมาเลยล่ะ และจริงๆ แล้วมันเป็นแหล่งพลังงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างนึงในจักรวาล การชนกันของสสารและปฏิสสาร ดังนั้นถ้าผมเป็นคุณผมจะไม่นำปฏิสสารไว้ในกระเป๋า" ดร.มิชิโอะ คากุ ว่าไว้

แม้จะมีปฏิกิริยาเช่นนี้เมื่อเจอกับปฏิสสาร แต่มันก็มีพลังงานมากมายซ่อนอยู่ ถ้าเรารู้วิธีตักตวงจากมัน

"ดังนั้นเพื่อให้พอรู้ว่ามีพลังงานอะไรซ่อนอยู่ในสสารและปฏิสสาร ลองสมมติกองทรายสองกองในมือ กองหนึ่งเป็นสสาร อีกกองเป็นปฏิสสาร และคุณปล่อยให้พวกมันมารวมกันและทำลายล้างกันและให้พลังงานออกมา มากแค่ไหนน่ะเหรอ ก็มากพอที่จะจ่ายไฟให้แคลิฟอร์เนียทั้งหมดหนึ่งอาทิตย์ได้เพียงแค่จากทรายสองกองนี้เท่านั้น" เอเดรียน คูลชี้แจง

ปริศนาใหญ่สุดเกี่ยวกับปฏิสสารคือเรื่องนี้ หากมีปริมาณของปฏิสสารและสสารเกือบเท่ากันในจักรวาลช่วงแรก แล้วปฏิสสารอยู่ไหนกันหมดตอนนี้

ดร.มิชิโอะ คากุ "หนึ่งในปริศนาข้อใหญ่ของจักรวาลก็คือเกิดอะไรขึ้นกับคู่แฝดที่ร้ายกาจของเราอย่างปฏิสสาร ทุกแห่งที่เรามองไปในฟากฟ้า เราเห็นแต่สสารปกติ เราไม่เห็นปฏิสสาร มีปฏิสสารเพียงน้อยนิดที่มาจากศูนย์กลางของกาแล็กซี่ทางช้างเผือก"

คิม สแตนลีย์ โรบินสัน ""ทำไมจักรวาลนี้จึงดูเหมือนจะประกอบไปด้วยสสารล้วนๆ และไม่มีปฏิสสารให้เห็นกันมากนัก ถือเป็นปริศนาอยู่ และผมก็ไม่คิดว่ามันจะได้รับการอธิบายอยู่ดี แต่พวกเราเนี่ยแหละคิดหาคำอธิบายอยู่ตลอด"

ความเป็นไปได้อย่างหนึ่งก็คือ อาจมีเปอร์เซ็นต์ของสสารสูงกว่าปฏิสสารเล็กน้อยในจักรวาลช่วงต้นๆ ดังนั้นเมื่ออนุภาคเหล่านั้นชนกันเกิดเป็นสงครามทำลายล้าง สสารที่มีสูงกว่าน้อยนิดจึงเหลือมาจากช่วงเวลานั้น ซึ่งเป็นเหมือนทหารผ่านศึกของสงครามที่เก่าแก่ที่สุดของเรา

เอเดรียน คูล "สำหรับแอนดี้โปรตอนหนึ่งพันล้านอนุภาค คุณต้องการโปรตอนหนึ่งอนุภาค และแล้วทั้งหนึ่งพันล้านนั้นห้ำหั่นกันหมด เหลือมาเพียงหนึ่งโปรตอนเท่านั้น"

ดร.มิชิโอะ คากุ "และสิ่งที่เหลือคือพวกเรา เราคือเศษซาก เราคือสิ่งที่เหลือจากการระเบิดของพลังงานครั้งใหญ่ที่ปล่อยมาจากการชนของสสารและปฏิสสารในช่วงเริ่มที่มีเวลาเกิดขึ้น ทฤษฎีที่ก้าวหน้าที่สุดของเราไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมจึงมีความไม่สมดุลระหว่างสสารและปฏิสสาร แต่ขอบคุณพระเจ้าที่มันเป็นอย่างนี้ ไม่อย่างนั้นเราจะไม่ได้มาอยู่ที่นี่"

แต่แม้ว่าสสารจะเหลือมามากมาย จนประกอบเป็นทุกสิ่งที่เราเห็นรอบๆ ตัว จะมีกาแล็คซี่ที่ห่างไกลหรือพื้นที่อวกาศไหนที่ปฏิสสารยังครองความเป็นใหญ่อยู่หรือไม่

คิม สแตนลีย์ โรบินสัน "อาจจะมีกาแล็คซี่อันที่เป็นปฏิสสาร 99.99% เหมือนที่แกแล็คซี่นี้เป็นสสาร แล้วถ้ากาแล็คซี่ที่เป็นปฏิสสารชนเข้ากับกาแล็คซี่ที่เป็นสสาร มันจะทำลายล้างกันเกิดแสงและพลังงานจนสุดจะบรรยายกันเลยทีเดียว"

ถึงแม้จะแปลกประหลาด นักวิทยาศาสตร์ยังเรียนรู้วิธีที่จะสร้างปฏิสสารปริมาณน้อยนิดในเครื่องเร่งของห้องแล็บเพื่อจุดประสงค์ทางการแพทย์ได้ อนุภาคปฏิสสารจากสารกัมมันตภาพรังสีที่สลายตัวง่ายถูกฉีดเข้าสู่ร่างกายเพื่อสร้างภาพ PET SCAN (Positron-Emission Tomography) ของสมอง

หลายคนไม่รู้ว่าเมื่อพวกเขาไปที่โรงพยาบาลแล้วทำการ PET SCAN นั้นคือจริงๆ แล้วพวกเขาถูกฉีดด้วยแหล่งของปฏิสสาร ตัว P ใน PET มาจากคำว่า โพสิตรอน (Positron) โพสิตรอนนั้นเป็นตัวแอนตี้อิเล็คตรอน แล้วพอมันเข้าไปในบางส่วนของร่างกายที่พวกเขาพยายามดูว่ามันมีปัญหาอะไร เมื่อโพสิตรอนถูกส่งออกมามาเจออิเล็กตรอนอย่างรวดเร็ว เกิดการทำลายล้างกันเกิดเป็นรังสีแกมม่าในร่างกาย และถูกตรวจจับได้ มันจะถูกนำไปรวมในส่วนของสมองที่มีกิจกรรมด้านความคิด และดังนั้นเราสามารถตรวจจับการรับรังสีโพสิตรอนได้ ในการสแกนสมองก็จะให้ภาพที่สวยงามของสมองที่กำลังคิดซึ่งมันเกิดขึ้นได้ด้วยการทำงานของปฏิสสาร

ในขณะที่ปฏิสสารช่วยไขความลับของสมองมนุษย์ สมองมนุษย์ยังไม่อาจไขความลับทั้งหมดของปฏิสสารได้

เอเดรียนคูล "เรายังไม่รู้ว่าทำไมจักรวาลจึงประกอบด้วยสสารในตอนนี้แต่เรากำลังคืบหน้าไปในการตอบคำถามนั้น แบบว่าไปทีละขั้นเล็กๆน่ะค่ะ"

4. น้ำและสิ่งมีชีวิตบนดาวอังคาร
เช่นเดียวกับปริศนาจักรวาลที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดของเรา ความจริงเกี่ยวกับปฏิสสารอาจจะยังเป็นสิ่งที่ไม่อาจอธิบายได้ในตอนนี้ ดาวอังคารและปริศนามักจะไปด้วยกันเสมอ แต่ปริศนาที่น่าสนใจของดาวเคราะห์สีแดงนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้รุกรานจากต่างดาว หลักฐานทางวิทยาศาสตร์บ่งชี้ว่าดาวอังคารเคยเหมือนโลกมากกว่านี้ โดยมีองค์ประกอบสำคัญอย่างนึงที่จะเกื้อหนุนชีวิตได้ "น้ำ" นั่นเอง

"น้ำเคยมีอยู่มากมายบนดาวอังคาร เราพบหลักฐานการไหลเมื่อนานแล้ว เราเห็นไอน้ำบ้างนิดๆ ในบรรยากาศ" ปีเตอร์ สมิทธ์กล่าว

มีกระทั่งภูมิปรเทศบนดาวอังคารที่ดูเหมือนหุบเขาแม่น้ำเก่าและที่ราบน้ำท่วมถึง

"มันเคยเป็นดาวเคราะห์ที่เหมือนเขตร้อนที่มีมหาสมุทรและทะเล แต่น้ำทั้งหมดหายไปแล้ว" ดร.มิชิโอะ คากุ

น้ำทั้งหมดหายไปได้อย่างไรและทำไมมันจึงหายไป สิ่งเหล่านี้คือปริศนาที่นักวิทยาศาสตร์กำลังพยายามค้นหาคำตอบ หลักฐานทางธรณีที่รวบรวมโดยยานมาร์สโรเวอร์์และออร์บิเตอร์บ่งชี้ว่าเมื่อ 3,500 ล้านปีก่อน พื้นผิวที่เป็นน้ำของดาวอังคารเปลี่ยนไปอย่างมาก ดาวเคราะห์ที่เคยเป็นที่ที่มีสภาพอากาศอบอุ่นกลายเป็นพื้นที่เย็นและแห้งและน้ำอันตรธานหายไป แต่การหาคำตอบว่าเมื่อไหร่ที่น้ำหายไปไม่ได้บอกว่าน้ำหายไปไหนและทำไม

เหตุการณ์หลายอย่างบนดาวอังคารหายดูเหมือนจะเปลี่ยนภูมิประเทศที่เป็นน้ำไปอย่างมาก ดาวอังคารเจอกับช่วงที่เกิดภูเขาไฟอย่างรุนแรงและพ่นลาวาออกมาทั่วพื้นผิว เมื่อมันสิ้นสุดลงแกนเหล็กที่หลอมเหลวของมันก็แข็งตัว นี้อาจทำให้ดาวอังคารสูญเสียสนามแม่เหล็กและชั้นโอโซนป้องกันของมัน นี่ทำให้ชั้นบรรยากาศเปราะบางจากลมสุริยะของดวงอาทิตย์ซึ่งมีพลังมากทีเดียว ลมสุริยะพัดกระหน่ำดาวอังคารอยู่หลายล้านปี ทำให้บรรยากาศที่เหลืออยู่หมดไป บัดนี้ไอน้ำที่เคยตกลงมาเป็นหิมะหรือฝนได้หลุดไปจากแรงดึงดูดที่เหลือน้อยของมันไปแล้ว

ดังนั้นน้ำจึงถูกพาไปที่ชั้นบรรยากาศในรูปของไอน้ำและมันถูกกระหน่ำโดยรังสีอัลตร้าไวโอเล็ต มันสามารถแยกน้ำซึ่งก็คือ H2O ไปเป็น ไฮโดรเจนและออกซิเจน ไฮโดรเจนซึ่งเป็นก๊าซที่เบาที่สุดที่เรารู้จักลอยไปที่ชั้นบนของบรรยากาศและถูกพัดไปโดยลมสุริยะ

อีกทฤษฎีหนึ่งของการเสียน้ำบนดาวอังคารเกี่ยวข้องกับภับคุกคามจากภายนอกดาว มีหลักฐานว่าในช่วงปีแรกๆ ของระบบสุริยะ ดาวอังคารอยู่ในตำแหน่งที่ถูกพุ่งชนอย่างหนัก มีกลุ่มก้อนอย่างหนึ่งเมื่อราว 3,600 ล้านปีก่อน ดาวอังคารถูกพุ่งชนหลายครั้งทำให้วัตถุที่อยู่บนดาวและบรรยากาศปลิวออกไปนอกดาวและออกจากสนามแรงดึงดูด

คำตอบอื่นๆ เรื่องน้ำที่หายไปจากดาวอังคารอาจซ่อนอยู่ลึกลงไปในดาวเคราะห์แดงนี้ น้ำบางส่วนรวมตัวกับคาร์บอนไดออกไซด์กลายเป็นน้ำแข็งที่ขั้วดาวหนาถึง 2 ไมล์ และเพอร์มาฟรอสต์ที่ครอบคลุมพื้นผิวส่วนใหญ่ แต่มีหลักฐานว่าภายใต้น้ำแข็งนั้น น้ำยังคงไหลอยู่ น้ำส่วนใหญ่บนดาวอังคารซึมลงไปใต้ดินและบางส่วนของมันได้หนีลงไปที่ความลึกซึ่งอบอุ่นพอที่มันจะอยู่ในสภาพของเหลวได้ และจากนั้นเมื่อมันเริ่มเย็นขึ้น มันจะแข็งตัวเป็นไครโอสเฟียร์ก็ว่าได้ ส่วนที่เป็นน้ำแข็งของใต้ผิวดาวและที่ใกล้ผิวจะแห้งไปเพราะน้ำสามารถเคลื่อนผ่านดินและเข้าสู่บรรยากาศได้

นักวิทยาศาสตร์มหาลัยอริโซน่า ปีเตอร์ สมิทธ์ อยากจะไขปริศนาน้ำที่หายไปของดาวอังคาร สมิทธ์เป็นผู้ควบคุมหลักของภารกิจบนดาวอังคารฟีนิกซ์ของนาซ่า มันคือยานหุ่นยนต์ที่มีวัตถุประสงค์ง่ายๆ อย่างเดียวคือลงจอดบนดาวอังคารและตามหาน้ำ เกิดอะไรขึ้นกับน้ำนั่น มันน่าจะแข็งตัวเป็นน้ำแข็งใต้ดิน หรือแม้แต่น้ำใต้ดินที่เป็นของเหลว นี่คือสิ่งที่เรากำลังมองหาอยู่ทุกวันนี้ โดยใช้วิทยุและเรดาห์ส่องผ่านทะลุผิวเข้าไปและพยายามมองหาแหล่งน้ำพวกนี้ให้พบ

สมิทธ์เชื่อว่า วิลค๊อกซ์ พลายาของอริโซน่าจะคล้ายกับสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ได้พบ เมื่อยานฟีนิกซ์เริ่มตะกุยผิวดาวอังคารสีแดง แม้ว่าพื้นผิวที่อริโซน่าจะถูกเผาจนเป็นเกลือและแห้ง ลึกลงไปเพียง 6 นิ้วบนพื้นผิวนี้กลับกลายเป็นดินเหียวที่เปียกมากเหมือนที่เก็บน้ำและมีระบบนิเวศน์ของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในดินที่เปียกพวกนี้ ในดินเหนียวนี้ เมื่อฝนตกมันจะขึ้นมาที่พื้นผิว แล้วคุณก็จะเห็นกุ้งน้ำเค็มในบ่อน้ำเล็กๆ ที่ติดอยู่ในดินพวกนี้ เราสงสัยว่าเราขุดในที่ๆ ถูกต้องบนดาวอังคารหรือไม่ และนั่นก็คือเขตที่เป็นเพอร์มาฟรอสต์ เราจะพบระบบนิเวศน์แบบเดียวกันที่น้ำแข็งละลายไปเมื่อสภาพอากาศเปลี่ยนซึ่งทำให้อยู่อาศัยได้สำหรับสิ่งมีชีวิตบางอย่างของดาวอังคารหรือไม่

บางคนเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตบนโลกมีที่มาจากดาวอังคารและการเปลี่ยนแปลงที่แปลกของมันทำนายถึงดวงชะตาของเรา หากนั่นเป็นจริง การพบน้ำบนดาวอังคารจะพาเรากลับไปสู่จุดเริ่มต้นในอวกาศของเราและนำไปสู่อนาคตด้วย

5. อะไรเกิดก่อน Big Bang
เมื่อพูดถึงจักรวาลแล้ว สิ่งที่เรารู้ยังเทียบไม่ได้กับสิ่งที่เรายังไม่ได้เรียนรู้ และจากปริศนาที่ไร้คำอธิบายทั้งหลายนั้น คำถามหนึ่งที่มีความสำคัญที่สุดคือ มีอะไรมาก่อนบิ๊กแบงหรือไม่ หรือบิ๊กแบงเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่างจริงๆ และถ้าเป็นเช่นนั้นอะไรที่เป็นตัวจุดประกายมัน นี่คือปริศนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทางวิทยาศาสตร์ทั้งปวง อะไรเป็นตัวเริ่มการสรรค์สร้างนั้น ทฤษฎีบิ๊กแบงยังมีช่องว่างที่หญ่มากอยู่ เราไม่รู้เลย เราไม่รู้ว่าอะไรทำให้เกิดบิ๊กแบงขึ้น

บิ๊กแบงคือแนวคิดของเราที่อธิบายการเกิดของจักรวาลเมื่อ 13,700 ล้านปีก่อน ทุกอย่างในจักรวาลของเราสามารถหาที่มาได้ย้อนไปถึงช่วงเวลานั้น ดูเหมือนจะมีจุดที่เป็นปริศนาในตอนเริ่มต้นแล้วเราเรียกมันว่าซิงกูลาริตี้ แม้ว่ามันจะดูลึกลับและมีคำถามที่ต้องตอบมากมายตามมา มันก็เป็นจุดเริ่มที่ดีในการเริ่มมีเวลาของเรา แต่อุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ของเราไม่รับรู้และตายสนิทในช่วงก่อนบิ๊กแบง หากว่ามีช่วงเวลานั้นจริงๆ ซิงกูลาริตี้เป็นเหมือนเส้นขอบฟ้าที่เราไม่สามารถเดินทางเลยไปได้

เนื่องจากในการสรรค์สร้างนั้น เวลาถูกสร้างขึ้นพร้อมกับอวกาศและพร้อมสสารและบิ๊กแบงเป็นเหตุการณ์แบบนั้นเลย ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนการสร้างจักรวาลขึ้นมา อย่างไรก็ตามความคาดหมายทางวิทยาศาสตร์ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนบิ๊กแบง ทำให้ผู้ปราดเปรื่องที่สุดหลายคนทางสาขาฟิสิกส์และดาราศาสตร์สนใจ

นักทฤษฎีบางคนเชื่อว่าจักรวาลของเราเกิดบิ๊กแบงขึ้นเป็นช่วงๆ แนวคิดที่เป็นวัฏจักรนี้เสนอว่า ทุกๆ ล้านล้านปีจะเกิดบิ๊กแบงขึ้นครั้งหนึ่งซึ่งจักรวาลจะขยยตัวออกไปก่อนที่จะยุบตัวลงมาอีกครั้ง ทำให้พร้อมที่จะเกิดบิ๊กแบงอีกครั้ง มีวิธีที่น่าสนใจที่จะเชื่อมโยงกับเรื่องราวของจักรวาลก่อนหน้านี้ได้ จุดจบของจักรวาลหนึ่งทำให้เกิดการเริ่มต้นของอีกจักรวาลหนึ่ง

บางทีมันอาจไม่เคยมีจุดเริ่มต้น มันอาจมีมาตั้งแต่นานแสนนานและไม่มีจุดกำเนิดเลยก็เป็นได้ แต่เราอาจเข้าใกล้คำอธิบายเรื่องช่วงก่อนบิ๊กแบงมากกว่าที่เรารู้ คลื่นสะท้อนจะช่วยบิ๊กแบงที่ยังคงกระจายอยู่จนทั่วจักรวาล อาจมีคำตอบเรื่องช่วงเวลาก่อนซิงกูลาริตี้ก็ได้ กลับกลายเป็นว่าคลื่นที่ขยายออกนี้เป็นกุญแจสำคัญที่เราใช้เข้าใจจักรวาลทุกวันนี้ และพลังขยายมากระตุ้นจักรวาลครั้งใหญ่ในช่วงแรก

ดังนั้นเราจึงส่งดาวเทียมออกไป เราสังเกตรังสี คลื่นแนวตั้งที่ไม่สมมาตร เครื่องตรวจจับรุ่นใหม่ๆ มากมาย อย่างเครื่องตรวจจับคลื่นแรงดึงดูดจะถูกส่งเข้าไปในอวกาศในทศวรรษหน้าด้วยการเชื่อมกับลำแสงเลเซอร์ หากมีคลิ่นกระแทกในแห่งการถือกำเนิด มันจะทำให้ลำแสงเลเซอร์กระตุกและเราจะสามารถบันทึกแรงสะเทือนที่เหลือมาจากช่วงบิ๊กแบงนั้น นั่นคือเหตุที่นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่าเราสามารถหาคำตอบได้ทั้งเรื่องบิ๊กแบงและช่วงที่ก่อนเกิดบิ๊กแบงอีกด้วยเลเซอร์จะไปตรวจจับแหลังพลังงานที่อาจทำให้เกิดการขยายตัว และอาจบอกถึงกลไกที่ทำให้เกิดบิ๊กแบงได้

ถ้าเราต้องพยายามอย่างหนักเพื่อไขปริศนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เราหวังที่จะเข้าใจจักรวาลอย่างแท้จริงได้อย่างไร เมื่อใดก็ตามที่คุณได้คำตอบของคำถามหนึ่ง มันจะนำไปสู่คำถามอื่นเพิ่มขึ้นมาเสมอ คุณคืบหน้าไปและไขปริศนาได้หลายอย่าง แต่แล้วก็จะมีปริศนาออกมามากขึ้นเสมอ เราคือผลลัพธ์ของจักรวาลที่กำลังพยายามเข้าใจตัวมันเองอยู่ มันยากที่จะเข้าใจได้ แต่อย่างไรก็ตามสักวันมันก็อาจเป็นไปได้ที่เราจะเข้าใจปริศนาเหล่านี้ จักรวาลนั้นเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แต่กฏของฟิสิกส์ที่มีการพิสูจน์แล้วไม่มีการเปลี่ยนแปลง มันไม่เปลี่ยน และนั่นให้ความหวังเราว่าจากความปั่นป่วนทั้งหลายนี้

เราจะสามารถอธิบายได้ว่ามันมาอยู่ที่นี่ในตอนแรกได้อย่างไร ในจักรวาลที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดของเรา ปริศนาที่ไร้คำอธิบายมากมายจะยังคงทำให้เราสงสัยต่อไป แต่เราเริ่มเข้าใกล้เข้าไปอีกสู่การไขความลับชั้นสุดยอด กุญแจสู่อดีตและเส้นทางไปยังอนาคตของเรา ขณะที่วิทยาศาสตร์อธิบายหลายๆ สิ่งได้ แต่ยังมีอีกหลายอย่างที่ยังรอการค้นพบเกี่ยวกับจักรวาลที่ไพศาล มืดมิดและลึกลับของเรา

อ่านเรื่องจัดอันดับอื่นที่นี่ จัดอันดับ

แหล่งรวมบทความสารคดีประวัติศาสตร์ บทความสารคดีจักรวาลและดาวเคราะห์ บทความสารคดีสงคราม บทความสารคดีภัยธรรมชาติ บทความสารคดีชีวิตสัตว์ บทความสารคดีอาวุธทางการทหาร บทความสารคดีการจัดอันดับ บทความสารคดีวิทยาศาสตร์ บทความสัมภาษณ์คนดัง บทสนทนาปัญหาเศรษฐกิจ บทสนทนาประเด็นข่าวร้อน เรื่องราวน่ารู้ ความรู้ทั่วไป สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ผู้หญิง ความงาม แม่และเด็ก สัตว์เลี้ยง อาหาร ร้านอาหาร เกมส์ เทคโนโลยี มาดูกันได้ที่  http://www.anyapedia.com

อินดี้

25 การทรมานสุดโหดในประวัติศาสตร์

ในประวัติศาสตร์ มนุษย์ใช้การทรมานเพื่อลงโทษคนผิด เพื่อสอบสวน หรือแม้กระทั่งเพื่อสนองความต้องการด้านมืดทางเพศ วิธีการทรมานในรูปแบบต่างๆ ที่มนุษย์คิดค้นกันขึ้นมาเพื่อกระทำต่อผู้เคราะห์ร้ายมีหลากหลายวิธีที่ทารุณอย่างแท้จริง เรามาดูกันว่าในอดีตที่ความมีอารยธรรมยังเข้าไม่ถึงและสิทธิมนุษย์ไม่ได้เท่าเทียมกันเหมือนสมัยนี้ คนเรานั้นสามารถสรรหารูปแบบ วิธีการทรมานต่างๆ มากระทำต่อมนุษย์ด้วยกันอย่างไร

25. เครื่องทรมานอ่างไม้ (The Tub)



วิธีการทรมานคือจะให้ผู้เคราะห์ร้ายนั่งในอ่างไม้นี้โดยให้โผล่ออกมาแต่หัว จากนั้นผู้ลงโทษหรือเพชรฆาตจะทาหน้านักโทษด้วยนมและน้ำผึ้ง จากนั้นแมลงวัน ผึ้ง หรือมด ก็จะมาตอม และวางไข่ นักโทษจะถูกป้อนอาหารให้กินปกติและจะขับถ่ายลงในอ่างไม้นี้ หลังจากนั้นหนอนแมลงก็จะฟักเป็นตัวกัดกินตัวนักโทษทั้งเป็น และร่างกายจะค่อยๆ เน่าสลาย นอนจมของเสียของตัวเองอย่างน่าสะพรึงกลัว

24. เครื่องทรมานโคสำริด (The Brazen Bull)



หรือมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า โคซิซีเลียน มันถูกออกแบบให้ใช้งานมาตั้งแต่ยุคกรีซโบราณ เป็นทองเหลืองทั้งชิ้นที่หล่อเป็นรูปโคให้ด้านในกลวงมีช่องด้านหนึ่งสามารถเปิดออกแล้วใส่คนเข้าไปพร้อมกับลงสลักกลอน ผู้ถูกลงโทษจะถูกยัดเข้าไปด้านในแล้วจะก่อไฟที่ด้านล่างตัวโค เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจะถูกย่างอย่างช้าๆ ทรมาน กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เครื่องทรมานที่ทำเป็นรูปโคนี้ยังถูกออกแบบให้สามารถขยายเสียงกรีดร้องให้เหมือนกับเสียงวัวอีกด้วย

23. การเสียบทั้งเป็นให้ตายอย่างช้า (Impalement)



ผู้ที่คิดค้นการทรมานและประหารเชลยด้วยวิธีการเสียบหลาวไม้จากรูทวารไปทะลุออกปากนี้ก็คือ "วลาดจอมเสียบ " ในศตวรรศที่ 15 ประเทศโรมาเนีย เหยื่อหรือเชลยศึกจะถูกจับเสียบและใช้เวลา 2-3 วันที่จะตาย ความวิปลาสของวลาดจอมเสียบก็คือการนั่งทานอาหารกับแขกเมืองตรงลานที่มีศพถูกเสียบประจานอยู่รอบๆ

22. ส้อมคนนอกรีต (Heretics Fork)



เครื่องมือทรมานนี้เป็นเหล็กที่ปลายทั้งสองด้านเป็นส้อมแหลมสองแฉก ผู้ถูกทรมานจะถูกมัดมือไพล่หลัง เอาส้อมนี้มาผูกติดกับคอ ปลายด้านหนึ่งจะอยู่ใต้คางปลายอีกด้านจะทิ่มเข้าตรงกระดูกสันอก ตรงใกล้ๆ ไหปลาร้า ผู้ถูกทรมานจะต้องคอยหงายหน้าอยู่ตลอดเวลาและไม่สามารถหลับได้ เพราะถ้าเผลอหลับสัปหงก ส้อมเหล็กที่มีความคมก็จะทิ่มเข้าไปในเนื้อสร้างความเจ็บปวดอย่างยิ่ง

21. เครื่องทรมานคอ (Neck Torture)



สร้างความเจ็บปวดและอัปยศอดสูให้กับผู้ทรมาน มันถูกออกแบบมาให้เหยื่อที่ถูกใส่เครื่องมือนี้ไม่สามารถขยับตัว และหนามแหลมจะถูกทิ่มเข้าไปในเนื้อประมาณหนึ่ง

20. การตรึงกางเขน (Crucifixion)



วิธีการทรมานที่ชาวคริสต์รู้จักกันเป็นอย่างดี วิธีการทรมานแบบนี้ทำให้ผู้ถูกกระทำได้รับความเจ็บปวดอย่างช้าๆ และถูกประณามด้วยการตรึงไว้บนไม้กางเขนขนาดใหญ่ และต้องใช้เวลาหลายวันก่อนที่จะตาย

19. เปลทรมานยูดาส์ (The Judas Cradle)



การลงโทษที่น่าสยดสยองนี้จะผูกเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายด้วยเชือกแล้วโยงให้เหยื่อมานั่งไว้บนปิรามิดที่มียอดแหลมคม โดยมักจะให้เหยื่อเปลือยกายเพื่อเพิ่มความอัปยศอดสูให้กับเหยื่อ เหยื่อต้องคอยเกร็งตัวไม่ให้ยอดแหลมนั้นทิ่มเข้าไปในร่างกาย เหยื่อมักจะตายเพราะการติดเชื้อเพราะอุปกรณ์ที่ไม่เคยถูกล้าง

18. สเปรย์ตะกั่ว (Lead Sprinkler)



อุปกรณ์นี้จะถูกบรรจุด้วยสารพิษอย่างเช่นตะกั่ว น้ำมันดิน น้ำร้อนหรือน้ำมันเดือดๆ เหยื่อจะถูกหยดหรือพ่นด้วยสารเหล่านี้บนส่วนต่างๆ ของร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ดวงตา สร้างความเจ็บปวดทรมานจนถึงแก่ความตายในที่สุด

17. หุ่นเหล็กสาวพรหมจรรย์ (Iron Maiden)



อุปกรณ์ทรมานนี้ประกอบไปด้วยตู้เหล็กที่กว้างพอจะใส่คนเข้าไปได้ แต่ข้างในจะมีหนามเหล็กแหลมจำนวนมาก เมื่อปิดประตูร่างกายของเหยื่อก็จะถูกดันและเสียบด้วยหนามจำนวนมากทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ผู้ที่นิยมใช้เครื่องมือนี้ก็คือ อลิซาเบธ บาโธรี่ที่เอาเครื่องมือนี้มาใช้เพื่อรีดเลือดจากสาวพรหมจรรย์ เพราะนางมีความเชื่อ (ผิดๆ) ว่าถ้าทาผิวหรืออาบผิวด้วยเลือดจากสาวพรหมจรรย์นี้ช่วยฟื้นฟูผิวพรรณให้เต่งตึงเหมือนกับสาวๆ

16. เครื่องทรมานโลงศพ (Coffin Torture)



เครื่องทรมานนี้เป็นที่นิยมมากในยุคกลาง เหยื่อจะถูกบังคับให้เข้าไปในกรงเหล็กนี้ซึ่งมักจะให้กรงมีขนาดค่อนข้างเล็กกว่าตัวเหยื่อ บางทีก็จะทำหนามคมๆ ไว้ที่ด้านในถ้าใครดิ้นรนหนีก็จะยิ่งบาดเจ็บมากยิ่งขึ้น เหยื่อที่ถูกขังจะรู้สึกไม่สบายตัวและมักจะถูกนำไปห้อยประจานเอาไว้ในที่สูงๆ และถูกทิ้งไว้ที่นั่นจนกว่าอีกาจะมากินซากศพของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายนี้

15. เครื่่องกดนิ้ว (Thumbscrew)



อุปกรณ์ทรมานนี้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ทั้งนิ้วมือ นิ้วเท้า ยังถูกนำมาใช้ในการบดหัวเข่าและข้อศอก แม้กระทั่งการบีบหัวของเหยื่อ เพื่อให้เหยื่อสารภาพผิด เครื่องทรมานนี้ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในยุคกลางนั่นเอง

14. การทรมานด้วยเชือก (Rope Torture)



การใช้เชือกนั้นง่ายและสะดวกในการทรมานเหยื่อ อีกทั้งยังช่วยมัด ผูก ตรึง ไม่ให้เหยื่อดิ้นรนหรือหนีได้ง่าย  ๆ และสามารถทำได้หลายวิธีทั้งผูกเหยื่อไว้กับต้นไม้ ผูกไว้บนตะแลงแกงเพื่อความบันเทิงของผู้ที่มาชมการประหารก่อนที่จะตาย หรือแม้กระทั่งใช้เชือกผูกแขนขาเหยื่อทั้งสี่ด้านโดยให้ปลายเชือกอีกด้านไว้กับม้า เพื่อให้ม้าวิ่งฉีกแขนขาร่างกายของเหยื่อ

13. กิโยติน (Guillotine)



หนึ่งในรูปแบบการประหารชีวิตที่มีชื่อเสียงมากที่สุด เป็นอุปกรณ์ที่้ใช้ใบมีดคมกริบผูกติดอยู่กับเชือก หัวของเหยื่อถูกนำมาวางอยู่ตรงกลางของกรอบ แล้วก็ปล่อยเชือกให้ใบมีดหล่นลงมาตัดศีรษะของนักโทษออกจากร่างกาย และอาจเป็นวิธีที่ทำให้เกิดความเจ็บปวดน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับเครื่องมือประหารอื่นๆ ในสมัยนั้น

12. เครื่องทรมานยืดตัว (The Rack)



เหยื่อจะถูกผูกแขนและขาไว้ แล้วเพชรฆาตจะค่อยๆ หมุนวงล้อเพื่อดึงเชือกให้ตึง และจนกว่าร่างกายหรือแขนขาจะฉีกขาด สร้างความเจ็บปวดทรมานจากการที่ผิวหนังค่อยๆ ยืดออกและเนื้อที่ฉีกขาด

11. เครื่องดึงลิ้น (Tongue Tearer)



ลิ้นของเหยื่อจะถูกดึงออกมา สร้างความอึดอัดทรมาน และบาดเจ็บจากการฉีกขาด

10. การทรมานด้วยหนูกัดกินร่าง (Rat Torture)



ผูกกรงที่มีหนูขนาดใหญ่ไว้ตรงช่วงท้องของเหยื่อ ใช้ความร้อนเพื่อทำให้หนูตะกุยร่างเหยื่อเพื่อหนีความร้อนเข้าไปในร่างกายเหยื่อ ซาดิสต์ดีแท้วิธีนี้

9. เก้าอี้ทรมาน (The Chair of Torture)



นอกจากความแหลมคมของหนามที่มีอยู่รอบๆ เก้าอี้แล้วยังเพิ่มความทรมานด้วยการใช้ความร้อนไว้ใต้เก้าอี้อีกด้วย

8. รองเท้าปูน (Cement Shoes)



เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจะถูกหล่อเท้าด้วยปูนซีเมนต์พอปูนแห้งก็โยนร่างลงแม่น้ำให้จมน้ำตาย

7. เครื่องฉีกเฉือนหน้าอก (Breast Ripper)



เครื่องมือนี้มักจะถูกนำไปเผาไฟเพื่อเพิ่มความทรมาน แล้วก็นำมาเกี่ยว กระชาก จนชิ้นเนื้อหยุดออกมา มักใช้ทรมานผู้หญิงที่ต้องสงสัยว่าเป็นแม่มด

6. กรรไกรจระเข้ (Crocodile Shears)



ใช้ตัด กริบ อวัยวะต่างๆ ของเหยื่อ และมักจะใช้ทรมานผู้ที่ต้องการลอบสังหารกษัตริย์ และเหมือนกับเครื่องทรมานอันอื่นที่เอาไปเผาไฟก่อนให้เจ็บปวดอย่างถึงขีดสุด

5. แต่งงานประจาน (Republican Marriage)



วิธีการที่มักจะใช้ลงโทษพระและแม่ชีที่ต้องสงสัยว่านอกรีต หรือนอกนิกาย จับทั้งคู่เปลือยกายผูกติดกันแล้วโยนลงน้ำที่เย็นยะเยือก

4. ล้อมรณะ (The Breaking Wheel)



มีชื่อเรียกที่เป็นที่รู้จักอีกชื่อว่า "ล้อของแคทเธอรีน" ผู้เคราะห์ร้ายจะถูกมัดติดกับล้อพร้อมๆ กับการทุบตีแขนขา ร่างกายด้วยค้อนเหล็กในที่สาธารณะเพื่อประจาน และสุดท้ายก็จะนำไปทิ้งไว้กลางแจ้งให้เหยื่อขาดน้ำจนตาย บางทีก็จะถูกนกจิกกินร่างกายทั้งเป็น

3. เครื่องทรมานลาสเปน (Spanish Donkey)

[imghttp://1.bp.blogspot.com/-g5Bdja3WRR4/VfW-8BFLXqI/AAAAAAAAOXs/tx9E4XkjaYw/s1600/3.%2BSpanish%2BDonkey.jpg]http://[/img]

เหยื่อจะถูกจับเปลือยกายมัดมือมัดเท้า แล้วเอาไปนั่งคร่อมบนเหล็กที่เป็นรูปตัว V คว่ำที่มีความแหลมคม เพิ่มความเจ็บปวดด้วยการถ่วงน้ำหนักเหยื่อด้วยลูกตุ้มเหล็กเพื่อให้เฉือนกรีดร่างกายได้มากขึ้น

2. เลื่อยทรมาน (Saw Torture)



นักโทษจะถูกผูกให้หัวห้อยลงมาด้านล่างและค่อยๆ เลื่อยที่กึ่งกลางลำตัว และหยุดไว้ที่ช่วงท้องของเหยื่อ ไม่ให้ตายทันที

1. ม้าแยกร่าง (Hanged, Drawn, and Quartered)



การประหารนี้จะถูกทำในที่สาธารณะ ผูกเชือกติดกับแขนขาของเหยื่อทั้งสี่ด้าน โดยปลายอีกด้านเป็นม้า แล้วก็ให้ม้าวิ่งออกไปฉีกกระชากร่างนักโทษออกเป็นเสี่ยงๆ

อ่านเรื่องโหด สยองขวัญเรื่องอื่นที่นี่ เรื่องสยองขวัญ

แหล่งรวมบทความสารคดีประวัติศาสตร์ บทความสารคดีจักรวาลและดาวเคราะห์ บทความสารคดีสงคราม บทความสารคดีภัยธรรมชาติ บทความสารคดีชีวิตสัตว์ บทความสารคดีอาวุธทางการทหาร บทความสารคดีการจัดอันดับ บทความสารคดีวิทยาศาสตร์ บทความสัมภาษณ์คนดัง บทสนทนาปัญหาเศรษฐกิจ บทสนทนาประเด็นข่าวร้อน เรื่องราวน่ารู้ ความรู้ทั่วไป สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ผู้หญิง ความงาม แม่และเด็ก สัตว์เลี้ยง อาหาร ร้านอาหาร เกมส์ เทคโนโลยี มาดูกันได้ที่  http://www.anyapedia.com

อินดี้

"อพอลโล" ไม่ใช่เรื่องลวงโลก!?
Space.com - มีข่าวลือที่ไม่สู้จะดีนักเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อวกาศหน้าที่เชื่อกันว่ายิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งระบุว่า ปฏิบัติการเหยียบดวงจันทร์ของยานอพอลโลในระหว่างปี 1968 -1972 เป็นมหกรรมแหกตาครั้งประวัติศาสตร์ใต้คำบงการของนาซ่า ทั้งนี้ ต้นตอของข่าวลือดังกล่าวเกิดจากรายการที่ออกอากาศทางเครือข่ายโทรทัศน์ของฟอกซ์ ที่ต่อมากลายเป็นเหตุของวิวาทะอันเผ็ดร้อนของฝ่ายที่เห็นว่าจริงกับฝ่ายที่เห็นว่าหลอก
     
       แต่ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไรก็ตาม นายฟิล เพลตแห่งมหาวิทยาลัยในโซโนมา แคลิฟอร์เนีย โต้แย้งข้ออ้างดังกล่าวไว้ในสเปซ อิลลัสเทรเท็ด แม็กกาซีนอย่างรุนแรงว่า หลักฐานที่นักทฤษฎีที่เชื่อว่าอะไรๆในโลกนี้ก็ล้วนมีเงื่อนงำ พยายามนำมาสนับสนุนความเชื่อของตัวเอง โดยละเลยวิทยาศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นฟิสิกส์ ธรณีวิทยา หรือหลักการเกี่ยวกับการถ่ายภาพ ไปอย่างน่าเสียดายนั้น มีข้อบกพร่องอย่างมหาศาล
     
       เพลตเริ่มจากการตั้งต้นตีแสกหน้าหลักฐานที่ฝ่ายแฉโพยเสนอว่า ภาพที่ถ่ายมาได้จากปฏิบัติการอพอลโลมีจำนวนดวงดาวน้อยเกินไป ซึ่งถ้าดวงจันทร์ไม่มีชั้นบรรยากาศจริงอย่างที่ทฤษฎีว่า ฟ้ารอบนอกก็จะต้องเต็มไปด้วยดวงดาว แต่เพลตให้เหตุผลว่า จริงอยู่ที่เกือบทุกภาพมันมีแต่ฟ้ามืดๆ แทบจะไม่มีดวงดาวให้เห็น แต่นั่นเป็นเพราะฟิล์มในกล้องของนักบินอวกาศที่ลงไปถ่ายภาพบนพื้นผิวของดวงจันทร์มีความไวแสงต่ำ (คือฟิล์มสีเป็นแบบ เอ็กตาโครม 64 ในขณะที่ฟิล์มขาวดำเป็นแบบพานาโตมิค เอ็กซ์) แถมยังเปิดหน้ากล้องรับแสงอาทิตย์ที่สว่างจ้า และภาพทั้งหมดถูกถ่ายในเวลาเพียงเสี้ยววินาที
     
       นั่นทำให้การถ่ายภาพดวงดาวแม้แต่ดวงที่สว่างสุกใสที่สุด ซึ่งสลัวกว่าดวงจันทร์เต็มดวงที่เรามองเห็นจากโลกถึง 10,000 เท่า และอับแสงกว่าดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงเจิดจ้าถึง 10,000 ล้านเท่า ต้องอาศัยเวลาตั้งหน้ากล้องนานนับหลายวินาทีเพื่อเปิดรับแสงพอที่จะให้เห็นดวงดาว ซึ่งหากเลือกถ่ายในลักษณะดังกล่าว ก็จะทำให้ภาพได้รับแสงมากเกินไปจนบังฉากซึ่งประกอบด้วยนักบินอวกาศ และดวงจันทร์ ดังนั้น กล้องที่เปิดหน้ากล้องตามที่ปรับให้เหมาะสมกับที่จะถ่ายจากดวงจันทร์ซีกที่เป็นกลางวัน จึงไม่สามารถถ่ายภาพดวงดาวได้
     
       ยิ่งกว่านั้น รูปบางรูปก็แสดงให้เห็นดวงดาวหราอยู่ เช่น รูปที่นายจอห์น ยังใช้กล้องโทรทรรศน์ลำแสงอัลตราไวโอเล็ตขนาดเล็กวางบนบริเวณที่เป็นเงาของยานลูนาร์ โมดุลที่ใช้ร่อนลงสู่พื้นผิวดวงจันทร์ ถ่ายรูปดวงดาวและกาแลกซี่มาได้ หรือรูปที่นักบินของยานโมดุล ในภารกิจอพอลโลรอบอื่นๆได้รับคำสั่งให้ถ่ายภาพดาวหรือลำแสงโคโรนาของดวงอาทิตย์ด้วยฟิล์มที่มีความไวแสงสูง และเปิดหน้ากล้องนานๆ ก็สามารถบันทึกภาพกลับมาได้
     
       ส่วนที่สงสัยกันว่า ภาพจากวีดีโอที่บันทึกภารกิจดังกล่าวไม่ได้แสดงให้เห็นก้าวแรกของมนุษย์บนดวงจันทร์จริงๆ นั้น ทางวิทยาศาสตร์ก็สามารถพิสูจน์ได้ เนื่องจากเมื่อรองเท้าชุดอวกาศของนักบินเหยียบย่างถึงพื้นในสภาพสูญญากาศ ฝุ่นผงจะเคลื่อนไหวคล้ายวิถีของลูกกระสุนปืนใหญ่ โดยวงโคจรเป็นรูปโค้งพาราโบลาที่สมบูรณ์จะทำให้มันเคลื่อนขึ้นลงอย่างตรงๆ ดังนั้น หากวีดีโอดังกล่าวถูกทำปลอมขึ้นมา คิดดูว่า ฝุ่นผงที่ลอยละล่องต้องอยู่ในลักษณะคลื่นม้วนตลบ ซึ่งเป็นไปตามกฏที่ได้รับอิทธิพลจากชั้นบรรยากาศที่หนาของโลก ยิ่งถ้าคิดแบบง่ายๆกว่านั้น เราอาจจะตั้งข้อสมมติฐานได้ว่า แรงดึงดูดของดวงจันทร์ที่คิดเป็นอัตราส่วนแค่ 1 ใน 6 ของแรงโน้มถ่วงของโลก น่าจะทำให้ฝุ่นดังกล่าวตกลงสู่พื้นอย่างรวดเร็วเพราะไม่มีอากาศพยุง หรือง่ายยิ่งไปกว่านั้นก็ลองเทียบกับหนังเรื่อง 2001: A Space Odyssey แล้วจะพบว่าฉากเดินบนดวงจันทร์ในหนังเรื่องนี้ ต่างกันกับภาพจากวีดีโอที่บันทึกจากโครงการอพอลโลอย่างเห็นได้ชัด
     
       อย่างไรก็ตาม หลักฐานที่ดีที่สุดที่พิสูจน์ว่า ปฏิบัติการครั้งประวัติศาสตร์ไม่ใช่เรื่องแหกตาประชาชนแต่อย่างใดคือ หินดวงจันทร์ที่มีน้ำหนักรวมกันถึง 840 ปอนด์ ที่ปัจจุบันถูกนำไปแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์อวกาศที่ฮิวสตัน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ลงความเห็นเหมือนกันว่า ไปหาจากที่ไหนในโลกก็ไม่ได้อย่างนี้ เนื่องจากหินดวงจันทร์ไม่จมน้ำ อีกทั้งยังมีส่วนประกอบของธาตุเหล็กและแมงกานีส ต่างจากหินบนโลก มิหนำซ้ำหินบางก้อนยังมีอายุเก่าแก่ถึงขนาดที่อาจระบุย้อนหลังไปเมื่อเริ่มกำเนิดระบบสุริยจักรวาล นอกจากนั้น หินดวงจันทร์ยังมีร่องรอยของการถูกระเบิดโดยอนุภาคกึ่งอะตอม และฝนดาวตกเล็กๆ จากลมสุริยะ ในลักษณะที่ไม่อาจเกิดขึ้นกับหินบนโลกที่ถูกป้องกันด้วยชั้นบรรยากาศ
     
       นายเพลตกล่าวว่า หลังจากที่เขาเขียนบทวิจารณ์ที่เผ็ดร้อนเกี่ยวกับรายการทีวีดังกล่าวไว้บนเวปไซต์ เขาได้รับข้อความที่กล่าวโทษว่า เขาเป็นเครื่องมือของขบวนการหลอกลวงของนาซ่า แต่ในขณะเดียวกันก็ได้รับการชื่นชมจากผู้อ่านอีกส่วน ในจำนวนนี้รวมทั้งคำขอบคุณของนายชาร์ลี ดุ๊กนักบินโครงการอพอลโล
     
       "หากคนที่ดูรายการดังกล่าวทำการศึกษาอย่างจริงจัง หรือทราบเรื่องราวที่แท้จริงอยู่ก่อนแล้ว รายการ "มูน ฮอกซ์" ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับสูญญากาศที่ว่างเปล่า ไม่มีแก่นสารอะไรเลย" เพลตกล่าว

ดูบทความอื่นที่น่าสนใจ อ่านที่นี่

อินดี้

เตือนสิงห์อมควัน ลดบุหรี่แค่หลอกตัวเอง
BBC – ผู้เชี่ยวชาญเตือนสิงห์อมควัน แม้จะลดจำนวนบุหรี่ที่สูบหรือเปลี่ยนไปสูบบุหรี่แบบไลท์ ยังไงเสียก็ยังมีความเสี่ยงต่อโรคร้ายสูง ทางเลือกที่ดีที่สุดคือต้องพยายามเลิกสูบให้ได้
     
       ผู้เชี่ยวชาญเตือนสิงห์อมควัน การลดจำนวนบุหรี่ที่สูบหรือเปลี่ยนไปสูบบุหรี่ประเภทที่มีทาร์ต่ำนั้น เป็นเพียงการหลอกตัวเอง และไม่ได้ช่วยทำให้ความเสี่ยงต่อโรคที่เกี่ยวข้องน้อยลง เนื่องจากหลาย ๆ คนก็ยังรับปริมาณสารอันตรายเท่าเดิมหรือมากกว่าเก่าโดยไม่รู้ตัว
     
       ศาสตราจารย์มาร์ติน จาร์วิส จากหน่วยพฤติกรรมสุขภาพของยูนิเวอร์ซิตี้ คอลเลจ ลอนดอน กล่าวว่าผู้สูบควรพยายามเลิกบุหรี่ให้เด็ดขาด เพราะคนที่พยายามลดบุหรี่จะพยายามสูบบุหรี่ให้หมดมวนมากกว่าแต่ก่อน ทำให้อาจได้รับทาร์และสารอันตรายอื่นในปริมาณมากกว่าเดิม
     
       จีน คิง ผู้อำนวยการการควบคุมยาสูบที่ศูนย์วิจัยมะเร็งประเทศอังกฤษเสริมว่า บางคนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังเพิ่มโอกาสเป็นมะเร็ง ทั้งที่มีงานวิจัยชี้ว่าคนที่ลดหรือหันไปสูบบุหรี่ทาร์ต่ำ อาจจะอัดบุหรี่หนักกว่าและติดนิโคตินเท่า ๆ กับคนที่สูบในปริมาณมากกว่า
     
       การศึกษาที่ตีพิมพ์ในเดือนสิงหาคมแนะว่า คนที่สูบบุหรี่แค่วันละสองสามตัวกำลังทำลายสุขภาพตัวเองอย่างแรง การศึกษาโดยแพทย์ในเดนมาร์กพบว่าผู้หญิงที่สูบบุหรี่เพียงวันละสามมวน เพิ่มโอกาสที่จะมีอาการหัวใจล้มเหลวและตายเร็วกว่าปกติถึงสองเท่า ขณะที่ผู้ชายจะมีความเสี่ยงในระดับเดียวกันถ้าสูบบุหรี่วันละ 6 มวนหรือสูบซิการ์วันละ 1 มวน

ดูบทความอื่นที่น่าสนใจ อ่านที่นี่

อินดี้

เยียวยาหัวใจด้วย "ถั่ว"
TNANEWS- ข่าวดีสำหรับคนชอบกินถั่วจนเพื่อนๆต้องหนีไกลเวลาผายลม...เพราะการกินพืชตระกูลถั่ว สามารถลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้

    ดร.ลิเดีย เอ. บัซซาโน่ จากมหาวิทยาลัยตูเลน ในรัฐหลุยส์เซียนา สหรัฐอเมริกา และคณะวิจัย บอกว่า ชายและหญิงที่ทานถั่วอย่างน้อย ๔ ครั้งใน ๑ สัปดาห์ จะมีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจขาดเลือด ภายในระยะเวลา ๑๙ ปี น้อยกว่า คนที่ทานถั่วสัปดาห์ละครั้ง ถึง ๒๒ %

    นอกจากนี้ คนที่ชอบทานเป็นประจำจะมีความดันโลหิตและปริมาณคลอเลสเตอรอลต่ำ และมีโอกาสเป็นความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวานน้อยกว่าคนที่มักไม่ได้ทานถั่วอีกด้วย

    ผลงานวิจัยชิ้นนี้นับว่ามีประโยชน์ต่อชาวอเมริกาและคนทั่วโลก เนื่องจากคนอเมริกันเป็นโรคหัวใจกันมาก และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของชาวอเมริกันในวัยผู้ใหญ่

    ทั้งนี้ ถั่วประกอบด้วยเส้นใยที่สามารถละลายได้ เส้นใยที่ว่านี้ช่วยลดคลอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี และเพิ่มการต้านทานอินซูลิน ถั่วมีธาตุโซเดียมน้อยแต่มีโปตัสเซียม แคลเซียม และแมกนีเซียมในปริมาณมาก ธาตุทั้งสามชนิดมีส่วนสำคัญต่อการลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ส่วน โฟเลต ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่พบมากในถั่ว ก็ช่วยลดสารประกอบที่เพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจเช่นกัน

ดูบทความอื่นที่น่าสนใจ อ่านที่นี่


อินดี้

เอ็กเซอร์ไซส์ = ไวอะกร้า
รอยเตอร์- การออกกำลังกายแบบพิเศษจะให้ผลกับร่างกายเช่นเดียวกับการใช้ไวอะกร้าและสามารถช่วยเยียวยาอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศจากบางสาเหตุได้ด้วย หมอที่เยอรมนียืนยัน
     
       นายแพทย์แฟรงค์ ซอมเมอร์ ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยโคโลญจ์ ประเทศเยอรมนีแนะว่า การบริหารกล้ามเนื้อเชิงกรานบางส่วนจะสามารถทุเลาปัญหาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ หลังจากที่ได้ทำการศึกษาเบื้องต้นและทดสอบอย่างจริงจัง
     
       จากการทดสอบกับผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องการไหลเวียนโลหิตแบบน้อย-ปานกลาง 104 คนพบว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มตัวอย่างมีอาการดีขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ใช้ไวอะกร้าซึ่งได้ผล 74 เปอร์เซ็นต์ และการใช้สารที่ไม่ได้ให้ผลทางยาแต่ใช้หลอกผู้ป่วยที่ใช้ยานั้นซึ่งให้ผล 18 เปอร์เซ็นต์
     
       การบริหารร่างกายตามโครงการนี้ซึ่งมีกำหนดระยะเวลาสามสัปดาห์มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นระบบการไหลเวียนของเลือดบริเวณกระดูกเชิงกราน การทำงานของกล้ามเนื้อสะโพกและต้นขาซึ่งจำเป็นต่อการเยียวยาชายที่เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และหลังเข้าโครงการแล้วกลุ่มตัวอย่างมีอาการดีขึ้นถึง 46 เปอร์เซ็นต์
     
       ซอมเมอร์สรุปว่า การบริหารร่างกายเป็นวิธีการเยียวยาแบบดั้งเดิมที่ได้ผลกับผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องการไหลเวียนโลหิตแบบน้อย-ปานกลาง
     
       ผลการศึกษาชิ้นนี้กำลังจะตีพิมพ์ในวารสารของสมาคมผู้เชี่ยวชาญระบบทางเดินปัสสาวะแห่งยุโรป

ดูบทความอื่นที่น่าสนใจ อ่านที่นี่

อินดี้

กินบรอคโคลี่ลดความเสี่ยงโรคดาวน์ให้ลูก
บีบีซีนิวส์- นักวิจัยแนะว่าที่คุณแม่กินบรอคโคลี่หรืออาหารที่มีกรดโฟลิคสูงเพื่อลดความเสี่ยงโรคดาวน์ซินโดรมแก่ทารกที่เสี่ยงจะเกิดมีความบกพร่องทางประสาทจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม
     
       ความบกพร่องทางประสาท (เอ็นทีดี) เป็นความบกพร่องแต่กำเนิดที่เกิดขึ้นกับทารกในระยะแรกของการตั้งครรภ์ ส่วนมากมักเกิดกับสมองและผนังลำกระดูกสันหลังและทำให้ร่างกายและจิตใจผิดปกติขั้นร้ายแรง
     
       คณะนักวิจัยจากอิสราเอล ยูเครน และอังกฤษศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างครอบครัวชาวอิสราเอล 493 ครอบครัวที่ทารกได้รับผลกระทบจากโรคเอ็นทีดีและครอบครัวชาวยูเครน 516 ครอบครัวที่ทารกได้รับผลกระทบจากโรคดาวน์ซินโดรมพบว่า การที่คุณแม่กินอาหารที่มีกรดโฟลิคมากกว่าปกติจะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคดาวน์ซินโดรมได้
     
       ศาสตราจารย์โฮวาร์ด คุคเคิล บอกกับวารสารเดอะแลนเซ็ตว่า การศึกษาครั้งนี้เกี่ยวข้องกับโรคเอ็นทีดีและดาวน์ซินโดรม และยืนยันว่า การกินอาหารที่มีกรดโฟลิคสูงก่อนตั้งครรภ์จะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคดาวน์ซินโดรมได้

ดูบทความอื่นที่น่าสนใจ อ่านที่นี่

อินดี้

สอนหนูน้อยเข้าส้วมตอนอายุเท่าไรดี
บีบีซีนิวส์- ผู้เชี่ยวชาญชี้ การสอนให้เด็กเข้าส้วมก่อนวัย 27 เดือน (2 ขวบ 3 เดือน) จะเสียเวลาเปล่า และต้องใช้เวลาสอนนานกว่าเด็กจะเข้าใจและรู้เรื่อง
     
       ดร. ราธาน บลูม ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการของเด็กได้ทำการศึกษาคุณพ่อคุณแม่จาก 100 ครอบครัว และพบว่า คุณพ่อคุณแม่ที่หัดให้ลูกเข้าส้วมต่างก็ต้องพบกับความยากลำบาก และมีแนวโน้มว่าต้องใช้เวลานานกว่าเด็กจะยอมเข้าส้วมเอง
     
       การศึกษาชิ้นนี้พุ่งเป้าไปที่การพยายามสอนลูกให้เข้าส้วมของพ่อแม่ เพราะพ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะคอยจ้ำจี้จำไชให้ลูกของตนหัดเข้าส้วมหรือนั่งกระโถนอย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง แต่การสอนจะไม่เป็นผลจนกว่าเด็กจะมีอายุได้ 27 เดือน หรือสองขวบสามเดือน
     
       การสอนให้เด็กเข้าส้วมก่อนอายุ 27 เดือนจะได้ผลไม่ดีนัก จนบางครั้งอาจทำให้พ่อแม่ท้อ แต่ถ้าเริ่มสอนลูกเมื่อเขามีอายุได้ 27 เดือน พวกเขาก็จะพบว่ามันงายกว่าที่คิด เพราะโดยเฉลี่ยแล้วถ้าสอนตามอายุดังกล่าว อาจจะใช้เวลาเพียง 5 ถึง 9 เดือนครึ่ง และเด็กจะยอมรับการสอนได้ดี แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่าระยะเวลาในการเรียนรู้ของเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน และเด็กชาจะใช้เวลาในการเรียนรู้นานกว่าเด็กหญิงราว สองเดือนครึ่ง ดร. บลูม กล่าว
     
       อย่างไรก็ตาม แม้การสอนให้เด็กเข้าส้วมจะใช้เวลานาน แต่ถ้าพ่อแม่สอนเด็กก่อนที่เขาจะมีอายุครบ 27 เดือน พวกเขาอาจจะต้องใช้เวลาถึง 10 ถึง 14 เดือนครึ่ง กว่าที่เด็กจะเข้าส้วมเป็น เขาเสริม

ดูบทความอื่นที่น่าสนใจ อ่านที่นี่

อินดี้

5 สิ่งที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับแบทแมน
ข่าวการเปลี่ยนตัวแบทแมน จาก 'คริสเตียน เบล' เป็น 'เบน แอฟเฟล็ก' ในหนังที่พูดถึงการ พบกันของ 2 ซูเปอร์ฮีโร่ดัง ซูเปอร์แมนและ
แบทแมนซึ่งจะฉายในอีก 2 ปีข้างหน้า ทำแฟนหนังอัศวินรัตติกาลแสดงความเห็นไปต่างๆ นานา ไม่ว่าคุณจะอยากให้ใครได้บทนี้ นี่คือบาง
เรื่องของอัศวินรัตติกาลที่คุณอาจไม่เคยรู้

1. ผู้ที่รับบท 'แบทแมน' ยาวนานที่สุดคือ 'เควิน คอนรอย' คนคนนี้ให้เสียงแบทแมนมาทั้งภาคหนังการ์ตูน, วิดีโอเกม และในหนังแบทแมน
กินเวลารวม 12 ปี! นอกจากจะให้เสียงคอนรอยยังช่วยให้แคแรกเตอร์แบทแมนมีความชัดเจนมากขึ้น คือจริงๆ แล้วในหนังสือการ์ตูนระบุว่า เวลาแบทแมนสวมหน้ากากและเสื้อคลุมเขาจะปลอมทุกอย่างเพื่อไม่ให้ผู้คนจำได้ แต่ผู้ที่มารับบทนี้ก่อนคอนรอยมักแสดงบทแบทแมนและ
บรูซ เวย์น ดูใกล้เคียงกัน จนเมื่อคอนรอยมาเป็นแบทแมน เขาได้ปรับโทนเสียงตอนเป็นแบทแมนกับตอนกลายเป็นเศรษฐีให้ดูต่างกันอย่างชัดเจน

2. เดิมทีศัตรูของแบทแมนบางตัวดูเป็นสัตว์มากกว่าที่เราเห็นกันในหนัง อย่างแคทวูแมน แรกเริ่มเดิมทีเป็นเจ้าเหมียวขนปุยใส่หน้ากากปิดใบหน้า ส่วนมนุษย์เพนกวินตัวร้ายจริงๆ แล้วก็มีที่มาจากตัวการ์ตูนเพนกวินที่ใช้ในการโฆษณาบุหรี่ยี่ห้อหนึ่ง...แว่วว่าเพนกวินต้นฉบับนั้นจริงๆ แล้วดูเป็นการ์ตูนและดูไฮเปอร์กว่าที่เห็นในหนังเยอะ!

3. มีคนจำนวนไม่น้อยเข้าใจว่าแบทแมนถูกสร้างเป็นหนังครั้งแรกโดยทิม เบอร์ตัน เมื่อพ.ศ. 2533 หรือไม่ก็เข้าใจว่าหนังแบทแมนเรื่องแรกถูกสร้างพ.ศ. 2509 แต่ความจริงแล้ว...ผิดทั้งคู่!หนังแบทแมนเรื่องแรกของโลกถูกสร้างเมื่อปี 2507 ในชื่อ 'Batman, Dracula' ผู้กำ
กับและผู้สร้างคือ แอนดี วอร์ฮอล แต่มีแค่ไม่กี่คนที่ได้ชมเรื่องนี้ ทำไมแฟนแบทแมนถึงรู้? เพราะมันมีภาพฟุตเทจที่หลงเหลืออยู่ของหนังเรื่องดังกล่าวมาโผล่ในหนังสารคดีเรื่อง 'Jack Smith and the destruction of Atlantis' (2543) กำกับโดย แมรี จอร์แดน

4. ปี 2497 เฟรเดอริก เวิร์ธแธม จิตแพทย์ชาวเยอรมัน-อเมริกันได้พิมพ์หนังสือ 'Seduction of The Innocent' เป็นหนังสือที่แสดงความเห็นว่าอาชญากรรมและความรุนแรงที่เห็นๆ ในหนังสือการ์ตูนนั้นจะมาล้างสมองเด็กๆ เวิร์ธแธมได้พุ่งเป้าไปที่แบทแมน และโรบิ้นเป็นคู่เกย์ แม้หลายคนจะมองว่านี่เป็นเรื่องฮา แต่ก็มีหลายคนเชื่อว่าคำกล่าวนี้เป็นแรงบันดาลใจให้นักเขียนผู้สร้างแบทแมน (หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็
ต้องเจาะไปที่ บรูซ เวย์น) หาอะไรมาทำให้หมอนี่ดูเป็นเสือผู้หญิงมากขึ้น เพื่อจะได้รอดพ้นจากคำครหานี้

5. ชื่อเมือง 'ก็อทแธม' ได้มาจากการที่นักเขียนคนหนึ่งเปิดสมุดโทรศัพท์ของเมืองนิวยอร์กแบบสุ่มๆ แล้วก็พบกับคำ 'ก็อตแธม จิวเลอร์ส' ส่วนสถานที่ตั้งเมืองก็อทแธมนั้นค่อนข้างจะคลุมเครือ บางครั้งมันก็ถูกตั้งอยู่แถวกลางตะวันตก หรืออยู่ใกล้ๆ กับบ้านเกิดของซูเปอร์แมน อย่างไรก็ตาม ที่ยอมรับกันมากที่สุดคือก็อทแธมอยู่แถวชายฝั่งตะวันออก แบบเจาะจงหน่อยก็อยู่ในนิวเจอร์ซีย์ เอ่อ มันไม่เคยถูกระบุชัดๆ
ในการ์ตูนนะ แต่มีแฟนบางคนที่อ่านแล้วสังเกตเห็นคำว่า "ก็อธแฮม ซิตี้, นิวเจอร์ซีย์" บนป้ายทะเบียนรถ และครั้งหนึ่งบนใบขับขี่ของตัวละครพลขับ

แหล่งรวมบทความจัดอันดับ สารคดีประวัติศาสตร์ บทความสารคดีจักรวาลและดาวเคราะห์ บทความสารคดีสงคราม บทความสารคดีภัยธรรมชาติ บทความสารคดีชีวิตสัตว์ บทความสารคดีอาวุธทางการทหาร บทความสารคดีการจัดอันดับ บทความสารคดีวิทยาศาสตร์ บทความสัมภาษณ์คนดัง บทสนทนาปัญหาเศรษฐกิจ บทสนทนาประเด็นข่าวร้อน เรื่องราวน่ารู้ ความรู้ทั่วไป สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ผู้หญิง ความงาม แม่และเด็ก สัตว์เลี้ยง อาหาร ร้านอาหาร เกมส์ เทคโนโลยี มาดูกันได้ที่  http://www.anyapedia.com

เล่าเรื่องสยองขวัญ สยองกลางทุ่ง
10 โรคมฤตยูที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์
10 อันดับฆาตกรต่อเนื่องที่อำมหิตที่สุดในโลก
10 สุดยอดคนสมองเพชรที่ฉลาดที่สุดในโลก
เล่าเรื่องสยองขวัญ นั่งซากหวาดผวา ศพล่อเสือ
25 การทรมานสุดโหดในประวัติศาสตร์
มนุษย์กินคนในตำนาน ซอว์นี่ บีน (Sawney Bean)
25 อาหารแปลกจากทั่วโลก
10 อันดับสุดยอดเรื่องเล่าสยองขวัญเดอะช็อค
จัดอันดับ
เรื่องเล่าสยองขวัญ
ประวัติศาสตร์
เมนูอาหาร
สุขภาพ

อินดี้

รักบนบัลลังก์เลือดของกษัตริย์เกาหลีองค์สุดท้าย

เจ้าชายลีเมียงบอคมีพระประสูติกาลเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2395 ทรงกำเนิดมาอย่างเจ้าชายปลายแถวที่ไม่มีหวังจะได้ครองราชย์เพราะราชบัลลังก์ในตอนนั้นอยู่ในกำมือของพระเจ้าซอลจง ซึ่งเป็นเจ้านายต่างตระกูลกับพระองค์



แต่ในช่วงที่ทรงพระเยาว์นั้น พระเจ้าซอลจงก็สวรรคตลงโดยไม่มีรัชทายาท ราชบัลลังก์แห่งโชซอนจึงกลายเป็นเนื้อชิ้นงามที่ใูงแร้งในคราบเชื้อพระวงศ์หมายมั่นจะรุมทึ้ง โดยมีเจ้าชายลีแฮอง พระบิดาของเจ้าชายลีเมียงบอคเป็นหัวหอกใหญ่ในการชิงอำนาจ และเมื่อกรุยทางไปสู่บัลลังก์โดยใช้เลือดของฝ่ายตรงข้ามเป็นเครื่องสังเวยเรียบร้อยแล้ว เจ้าชายลีแฮองก็ทรงตั้งโอรสของตัวเองขึ้นเป็นกษัตริย์ หรืออาจจะเรียกว่าหุ่นเชิดก็ยังได้ โดยมีพระองค์เป็นผู้สำเร็จราชการที่กุมบังเหียนอำนาจไว้แต่เพียงผู้เดียว หลังจากที่เถลิงราชสมบัติ เจ้าชายลีเมียงบอคก็เปลี่ยนพระนามเป็นกษัตริย์โกจง ส่วนเจ้าชายลีแฮองพระบิดา ได้รับพระยศใหม่เป็นองค์ชายแดวังกุน



ปกติยุวกษัตริย์จะต้องถูกกวดขันให้เรียนรู้วิชาการปกครองทุกๆ ด้าน เพื่อเตรียมรับภาระสำคัญในวันข้างหน้า แต่ชีวิตในวัยเยาว์ของพระเจ้าโกจง ทรงถูกสั่งสอนให้เอาแต่เล่น การศึกษาก็ได้รับเพียงงูๆ ปลาๆ  ไม่มากไปกว่าลูกขุนนางทั่วไป เพื่อไม่ให้ปีกกล้าขาแข็งลุกขึ้นมาต่อกรกับพระบิดาได้ พระเจ้าโกจงจึงเติบโตขึ้นมาแบบหนุ่มน้อยรักสนุกคนหนึ่งเท่านั้น

เมื่อทรงเจริญชันษาได้ 15 ชันษา ก็ถึงเวลาที่พระเจ้าโกจงจะต้องมีมเหสีเสียที แน่นอนว่าองค์ชายแดวังกุนจะต้องกุลีกุจอมาจัดหาลูกสะใภ้ด้วยตัวเอง เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกชายได้เมียหัวแข็งที่อาจจะงัดข้อกับพ่อผัวในวันข้างหน้า ผู้หญิงที่ทรงมองว่าเหมาะที่สุดเป็นสาวน้อยจากตระกูลมิน ชื่อว่าคุณหนูมินจายอง

รักบนบัลลังก์เลือดของกษัตริย์เกาหลีองค์สุดท้าย อ่านต่อที่นี่

อินดี้

5 อันดับมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ที่คนไทยนิยม

ที่มา รายการ 5 มหานิยม ข้อมูลตั้งแต่ปี 2550 ถึงเดือน กุมภาพันธ์ 2555
ความฝันของผู้ชายที่ชอบรถมอเตอร์ไซค์ทุกคนก็คือการได้ขับมอเตอร์ไซค์ที่เร็ว แรง ใหญ่ เพื่อเป็นเป้าสายตา ตลอดจนได้เข้าร่วมกลุ่มและคลับของผู้ที่ชื่นชอบรถประเภทเดียวกัน ซึ่งดูเหมือนกับว่ามอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่แนวสปอร์ตไบค์หรือที่คนทั่วไปรู้จักกันในชื่อ "บิ๊กไบค์" ดูจะเป็นคำตอบในหัวใจของพวกเขา ความจริงแล้ว บิ๊กไบค์ เป็นเหมือนชื่อเล่นที่ใช้เรียกรถมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดใหญ่กว่ามอเตอร์ไซค์ทั่วไป มีความจุของเครื่องยนต์ตั้งแต่ 250 ซีซี ไปจนถึง 2,400 ซีซี ซึ่งก็มีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไปหลายอย่างอาทิ เนคเค็ดไบค์ สปอร์ตไบค์ ทัวริ่งไบค์ หรือแม้แต่ช๊อปเปอร์

ปัจจุบันบิ๊กไบค์ได้กลายเป็นพาหนะเสริมบารมีของเหล่าเซเล็บ และเป็นความฝันของผู้ที่ชื่นชอบความเร็วในแบบสองล้อไปแล้ว โดยดูได้จากเหล่าดาราและคนดังต่างๆ ที่ตบเท้าแสดงตัวเป็นเจ้าของบิ๊กไบค์หลากรุ่นหลายยี่ห้อ ก็ยิ่งทำให้กระแสบิ๊กไบค์ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้าถามถึงกระแสปัจจุบันที่วัยรุ่นไทยสนใจกันมากที่สุด เพราะสามารถจับต้องได้จากราคาที่มีให้เลือกหลากหลาย และแต่ละแบรนด์ก็มีจุดขายดึงดูดเย้ายวนให้เป็นเจ้าของก็ต้องยกให้แนวสปอร์ตไบค์ที่มาแรงแซงทุกรูปลักษณ์ จนกลายเป็นที่พูดถึงและมีคนเรียกร้องให้ทำการจัดอันดับหาสุดยอดรถบิ๊กไบค์แบรนด์ที่เป็นที่นิยมของคนไทย บิ๊กไบค์ยี่ห้อไหนที่คนไทยนิยมใช้และจดทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบกมากที่สุด ข้อมูลตั้งแต่ปี 2550 ถึงเดือน กุมภาพันธ์ 2555  มาดูกันเลย

อันดับที่ 5 ซูซูกิ (Suzuki)



แม้จะยังไม่ได้บุกตลาดบิ๊กไบค์อย่างเต็มตัว แต่ด้วยความแรงของฮายาบูสะ (Hayabusa) ก็ทำให้ยี่ห้อซูซูกิ กลายเป็นรถในฝันของคนทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่คนไทย โดยในรอบ 5 ปีที่ผ่านมามีคนไทยจดทะเบียนเป็นเจ้าของรถยี่ห้อนี้มากถึง 346 คัน ซึ่งในจำนวนนี้เป็นรุ่นฮายาบูสะถึง 207 คันเลยทีเดียว เรียกว่าหากซูซูกิหันมาทำตลาดอย่างจริงจัง โอกาสที่จะเติบโตในกลุ่มบิ๊กไบค์ก็จะสดใสอย่างแน่นอน

รุ่นแนะนำ ซูซูกิฮายาบูสะ
จุดเด่นคือขับขี่สบาย ความเร็วสูงสุดได้ประมาณ 330 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ติดตั้งระบบ Drive mode selector ให้เหมาะสมกับสไตล์ของผู้ขับขี่ได้ถึงสามโหมด คือโหมด A เน้นแรงบิดสูงสุดสไตล์เรซซิ่ง โหมด B เป็นการขับขี่ในสไตล์สปอร์ต และโหมด C เน้นที่การขับขี่แบบทั่วไปและเน้นการประหยัดน้ำมัน นอกจากนี้ยังมีระบบระบายความร้อนด้วยน้ำผสานกับช่องดักอากาศที่มีประสิทธิภาพให้อากาศไหลผ่านระบายความร้อนได้ดีอีกด้วย

อันดับที่ 4 ดูคาติ (Ducati)



แบรนด์ดังจากอิตาลีที่ได้รับสมญานามว่าเป็น เฟอร์รารี่ เวอร์ชั่นสองล้อ ได้เข้ามาบุกตลาดบ้านเราเมื่อประมาณ 9 ปีที่ผ่านมา และเริ่มหันมาผลิตในไทยเมื่อปลายปีที่แล้ว กับรุ่น Monster 795 asian model ด้วยราคาถูกลงเป็นแสน จึงทำให้คนไทยจับจองเป็นเจ้าของมากกว่าสามร้อยคัน ต้องรอคิวรถที่ผลิตไม่ทันขายนาน 6-7 เดือนเลยทีเดียว เมื่อราคาไม่ใช่ปัญหาของกลุ่มผู้รักความเร็ว ก็ทำให้ตั้งแต่ปี 2550 ถึงเดือน กุมภาพันธ์ 2555 ดูคาติเป็นแบรนด์ที่มีผู้จดทะเบียนสูงถึง 890 คัน

รุ่นแนะนำ Ducati 1199 PANIGALE
ให้กำลังสูงสุด 195 แรงม้า ที่ 10,750 รอบต่อนาที จึงเป็นรถที่มีแรงม้าและแรงบิดต่อน้ำหนักตัวที่ดีที่สุด ด้วยอัตราส่วน 0.84 หรือ หนึ่งแรงม้าต่อน้ำหนักตัว 0.84 กิโลกรัม ไฟหน้า-หลังเป็น LED พร้อมลูกเล่นอิเล็คทรอนิคส์มากมาย เช่น ช่วงล่างปรับไฟฟ้า ABS Traction control ทั้งหมด ส่วนท่อไอเสียนั้นถูกออกแบบให้ย้ายลงไปด้านล่างเพื่อลดน้ำหนีดจุดศูนย์ถ่วง

อันดับที่ 3 บีเอ็มดับบลิว (BMW)



หนึ่งในแบรนด์มอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ระดับพรีเมี่ยมจุดเด่นรถอยู่ที่สมรรถนะยอดเยี่ยม ขับขี่ทางไกลสบาย ที่สำคัญคือมีลหากหลายโมเดล ที่พร้อมตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเทคโนโลยีและความปลอดภัยที่ไม่เป็นสองรองใคร นอกจากนี้ยังมีความพร้อมในด้านศูนย์บริการ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ในรอบห้าปีที่ผ่านมาจะเห็นคนไทยจับจองเป็นเจ้าของบิ๊กไบค์ยี่ห้อนี้มากถึง 1,276 คัน

รุ่นแนะนำ BMW S1000RR
จุดเด่นก็คือมาพร้อมกับอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ที่ช่วยให้ขับขี่ได้ง่ายและปลอดภัย สามารถผลิตกำลังได้สูงสุด 193 แรงม้า ที่ 13,000 รอบ และมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร ภายในเวลา 2.9 วินาที แถมยังเลือกโหมดการขับให้เหมาะกับสภาพการใช้งานได้ เช่น โหมดเรน (rain mode) สำหรับถนนเปียก โหมดสปอร์ต สำหรับการขับขี่แบบสปอร์ต โหมดเรซ (race mode) สำหรับการขับขี่ในสนามแข่งขัน

อันดับที่ 2 คาวาซากิ (Kawasaki)



เมื่อพูดถึงค่ายรถญี่ปุ่นที่เน้นทำตลาดรถบิ๊กไบค์มายาวนานที่สุดในเมืองไทยก็ต้องยกให้คาวาซากิ เพราะค่ายนี้สร้างแบรนด์เพื่อส่งเสริมการขาย ด้วยการผลิตรถเพื่อเข้าแข่งยูโรเปี้ยนกรังด์ปีซ์ เพื่อให้คนทั้งโลกรู้จักชื่อชั้นของคาวาซากิ ดังนั้นรถใหญ่ของค่ายนี้จึงเป็นที่รู้จักมาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ยังผลิตมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ตั้งแต่ขนาด 250 ซีซี ไปจนถึง 1,000 กว่าซีซี ในรอบห้าปีที่เก็บข้อมููลนี้จึงมีคนไทยที่จดทะเบียนรถบิ๊กไบค์ยี่ห้อนี้ถึง 1.939 คัน แต่หากจะบอกว่ารุ่นที่ฮิตที่สุดและกลายเป็นเหมือนโลโก้บิ๊กไบค์คาวาซากิในหมู่วัยรุ่นไทย ก็ต้องยกให้ คาวาซากิ นินจา (Kawasaki Ninja) นั่นเอง

รุ่นแนะนำ คาวาซากิ GTR 1400
เป็นรุ่นที่เหมาะสมกับการขับขี่ทัวริ่ง คือขับในระยะทางไกลเพื่อท่องเที่ยวไปในสถานที่ต่างๆ มี shield หน้า หรือแผ่นกันลมด้านหน้าที่สามารถปรับระดับได้ รุ่นนี้เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการขับทางไกลแบบไม่จำกัดระยะทาง มีความจุกระบอกสูงสุด 1,352 ซีซี สองร้อยแรงม้า เรียกได้ว่าระบบเครื่องยนต์กลไกพื้นฐานนั้นเหมือนเป็นฝาแผดของ ZX14 ที่ออกแบบมาเพื่อแข่งกับฮายาบุสะกันเลยทีเดียว

อันดับที่ 1 ฮอนด้า (Honda)



ค่ายมอเตอร์ไซค์ที่ครองส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุดในประเทศไทย เพราะมีมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ทุกขนาดให้เลือก ตั้งแต่ 250 ซีซี ไปจนถึง 1,000 กว่าซีซี จึงสามารถตอบสนองกลุ่มลูกค้าได้ทุกกลุ่ม อีกทั้งอะไหล่ก็หาง่ายเพราะมีศูนย์บริการอยู่ทั่วประเทศ ทำให้ผู้ที่เริ่มหัดขี่บิ๊กไบค์มักจะเลือกมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าเป็นอันดับแรกๆ ส่งผลให้ในรอบห้าปีที่ผ่านมามีผู้จดทะเบียนเป็นเจ้าของมอเตอร์ไซค์ค่ายนี้มากถึง 5,225 คันกันเลยทีเดียว

รุ่นแนะนำ ฮอนด้า CBR 1000RR
จุดเด่นของรถฮอนด้าก็คือเป็นรถบิ๊กไบค์ญี่ปุ่นที่ขับขี่ได้ง่าย ควบคุมรถได้ง่าย ส่วนรุ่น CBR 1000RR นั้นได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีระบบหัวฉีด PGM FI (Programmed Fuel Injection) มาจาก รถจักรยานยนต์ฮอนด้ารุ่น RC212V เรียกได้ว่าเป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยีมาจากสนามแข่งกันเลยทีเดียว ซึ่งไม่เพียงช่วยเสริมสมรรถนะให้กับเครื่องยนต์ แต่ยังให้ไอเสียที่สะอาดขึ้น เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

อ่านเรื่องจัดอันดับอื่นที่นี่ จัดอันดับ

แหล่งรวมบทความจัดอันดับ สารคดีประวัติศาสตร์ บทความสารคดีจักรวาลและดาวเคราะห์ บทความสารคดีสงคราม บทความสารคดีภัยธรรมชาติ บทความสารคดีชีวิตสัตว์ บทความสารคดีอาวุธทางการทหาร บทความสารคดีการจัดอันดับ บทความสารคดีวิทยาศาสตร์ บทความสัมภาษณ์คนดัง บทสนทนาปัญหาเศรษฐกิจ บทสนทนาประเด็นข่าวร้อน เรื่องราวน่ารู้ ความรู้ทั่วไป สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ผู้หญิง ความงาม แม่และเด็ก สัตว์เลี้ยง อาหาร ร้านอาหาร เกมส์ เทคโนโลยี มาดูกันได้ที่  http://www.anyapedia.com

10 อันดับเลขท้ายสองตัวที่ออกบ่อยที่สุด
30 อันดับโคตรมาเฟียตลอดกาล
10 อันดับสุดยอดเรื่องเล่าสยองขวัญเดอะช็อค
5 อันดับเพชรฆาตใต้ทะเลลึก
10 สุดยอดไม้มงคลที่คนไทยนิยมปลูก
จัดอันดับ
ที่สุดในโลก

อินดี้

6 สิ่งที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับ มนุษย์บ้ากามกินคน
ไม่เพียงข่มขืนแล้วฆ่า แต่เด็กผู้หญิง และสตรีทั้งหลายยังต้องเผชิญอันตรายแบบ นี้อีกมาก และคนพวกนี้มันยังทำได้มากกว่านั้น บางตัวทั้งกระทำชำเรา - ฆ่า รวม ทั้งกินเป็นอาหารด้วย และ 6 เรื่องต่อไปนี้คือสิ่งที่ใครอาจไม่รู้เกี่ยวกับมนุษย์บ้ากาม แถมยังกินเหยื่อด้วย!

1. วันที่ 19 เดือนนี้ เดล โบลิงเจอร์ บุรุษพยาบาลวัยชาวอังกฤษ จะได้รับการพิพากษาให้รับโทษ หลังจากถูกตัดสินให้มีความผิด โทษฐานล่อลวงเด็กหญิงวัย 14 ปีมาพบ เพื่อจะฆ่าแล้วกินเธอ

2. นายโบลิงเจอร์ พบ 'อีวา' หรือ เป้าหมายของเขา ในเว็บชื่อ Dark Fetish Network (DFN) ที่สมาชิกในนั้นคุยกันแต่เรื่องคนกินคน มีสมาชิกใช้ นามแฝงอย่าง 'ทรมาน 4' หรือ 'เนื้ออร่อย' และมีศัพท์แสงรู้กันภายในกลุ่มซึ่งล้วนเกี่ยวเนื่องกับการฆ่าทั้งนั้น

3. "ที่เราคิดกันคือร่วมรัก แล้วกินน้องไง อย่างนั้นแหละมันเร้าอารมณ์" คือบางข้อความที่นายโบลิงเจอร์สื่อสารกับเหยื่อของเขาในเว็บ เขาบอกกับตำรวจว่าไม่ได้คิดว่าอีวา เป็นเด็กหญิงอายุ 14 แต่อาจเป็นผู้ชายวัย 30 ที่ "มีกล่องพิซซ่าเกลื่อนอยู่รอบๆ" แต่ในวันที่เหยื่อเดิน
ทางจากเยอรมนีมาที่อังกฤษเพื่อพบกับเขา นายโบลิงเจอร์ได้ทำการซื้อขวานใหม่เอี่ยมเตรียมการเอาไว้

4. นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เว็บไซต์ชุมชนเพี้ยนๆ อย่าง DFN มีเอี่ยวกับเหตุฆาตกรรมวิปลาส กิลเบิร์ต วัลเล หรือ 'ตำรวจกินคน' ชาวนิวยอร์ก
ต้องถูกตัดสินจำคุก 21 เดือน หลังจากถูกจับได้ว่าเตรียมแผนลักพาตัวเด็กสาววัยรุ่นรายหนึ่งที่เจอกันในเว็บนี้เพื่อฆ่ากินเหมือนกัน

5. Vorarephilla คือชื่ออาการทางจิตของคนที่มีอารมณ์ทางเพศหากโดนกินหรือได้กินคนอื่น และเมื่อครั้ง อาร์มิน ไมเวส ชาวเยอรมันโพสต์โฆษณาเพื่อหาเหยื่อมากิน มีคนเข้ามาตอบถึง 200 ราย นอกจากนี้เมื่อปี 2002 เขายังได้เจอกับ นาย เบอร์นด์ แบรนเดส เลยทำการตัดอวัยวะเพศของตัวเองแล้วเอามาทำอาหารกินด้วยกัน จากนั้นเขาก็สับนายแบรนเดสเป็นชิ้นแล้วเก็บเอาไว้กินในตู้เย็น

6. อัลเบิร์ต ฟิช, เอ็ด จีน และ อิสเซอิ ซากาวะ คือบางรายชื่อของฆาตกรโหด ข่มขืน - ฆ่า แล้วกินที่เคยเดินปะปนอยู่ในสังคมบนโลกใบนี้

แหล่งรวมบทความจัดอันดับ สารคดีประวัติศาสตร์ บทความสารคดีจักรวาลและดาวเคราะห์ บทความสารคดีสงคราม บทความสารคดีภัยธรรมชาติ บทความสารคดีชีวิตสัตว์ บทความสารคดีอาวุธทางการทหาร บทความสารคดีการจัดอันดับ บทความสารคดีวิทยาศาสตร์ บทความสัมภาษณ์คนดัง บทสนทนาปัญหาเศรษฐกิจ บทสนทนาประเด็นข่าวร้อน เรื่องราวน่ารู้ ความรู้ทั่วไป สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ผู้หญิง ความงาม แม่และเด็ก สัตว์เลี้ยง อาหาร ร้านอาหาร เกมส์ เทคโนโลยี มาดูกันได้ที่  http://www.anyapedia.com

เล่าเรื่องสยองขวัญ นั่งซากหวาดผวา ศพล่อเสือ
เล่าเรื่องสยองขวัญ สยองกลางทุ่ง
10 อันดับฆาตกรต่อเนื่องที่อำมหิตที่สุดในโลก
8 อันดับฆาตกรสุดโหดแห่งสยามเมืองยิ้ม
อลิซาเบธ บาโธรี่ เคานท์เตสกระหายเลือด
จัดอันดับ
เรื่องเล่าสยองขวัญ
ประวัติศาสตร์
เมนูอาหาร
สุขภาพ


อินดี้

อลิซาเบธ บาโธรี่ เคานท์เตสกระหายเลือด

ผู้หญิงทุกคนอยากสวย แต่ความสวยของผู้หญิงนี้ต้องแลกมาด้วยชีวิตของสาวพรหมจรรย์ถึง 605 ชีวิต..."อลิซาเบธ บาโธรี่ เคานท์เตสกระหายเลือด" (The Blood Countess) คือ ฆาตกรหญิงที่โหดเหี้ยมที่สุดในโลก

อลิซาเบธอาจจะสร้างสถิติประหัตประหารชีวิตผู้คนไม่ได้มากขนาดนี้ ถ้าเธอไม่ได้เกิดมาในตระกูลบาโธรี่ แห่งฮังการี ซึ่งเป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ ยิ่งยงด้วยยศศักดิ์และอำนาจบารมี ถึงขนาดเกี่ยวดองเป็นพระญาติกับกษัตริย์แห่งฮังการีเลยทีเดียว ธิดาสาวอย่างอลิซาเบธเลยเปรียบเสมือนเจ้าหญิง ที่มีแต่คนคอยรองมือรองเท้าเอาอกเอาใจ ทำให้เธอเป็นเด็กเห็นแก่ตัว เจ้าอารมณ์และหลงตัวเองสุดลิ่มทิ่มประตู

ขณะเดียวกันอลิซาเบธที่เรียกได้ว่าเป็นเด็กไม่เอาถ่าน ขนาดพ่อแม่จ้างครูที่เก่งที่สุดแห่งยุคมาสอนหนังสือให้ถึงปราสาท แต่คุณหนูอลิซก็ไม่สนใจจะเรียน เธอชอบหนีออกจากปราสาทไปขลุกอยู่กับพวกทาสหนุ่มๆ ตามท้องไร่ท้องนาตามประสาเด็กสาวใจแตก ปีนกำแพงบ้านหนีออกไปไม่กี่ครั้ง อลิซาเบธก็เกิดอาการท้องมาน ท้องโย้ออกมาโดยหาสาเหตุไม่ได้ ท่านเคานท์ผู้เป็นพ่อจึงจำต้องส่งธิดาสาวไปรักษาโรคท้องมานที่ปราสาทไกลลับหูลับตาคน จนคลอดลูกแล้วจึงให้กลับมาสวมบทเป็นคุณหนูผู้สูงศักดิ์ตามเดิม



สมาชิกตระกูลบาโธรี่แทบทุกคนเป็นโรคปวดหัวเรื้อรังซึ่งเป็นโรคทางกรรมพันธุ์ที่เกิดจากการแต่งงานกันเองในหมู่ญาติ เพื่อรักษาทรัพย์สมบัติไม่ให้กระเด็นไปไหน แต่ดูเหมือนอลิซาเบธจะอาการหนักกว่าเพื่อน วันหนึ่งอลิซาเบธปวดหัวอย่างรุนแรง พอสาวใช้เข้ามาปลอบเธอก็คลุ้มคลั่ง กัดไหล่สาวใช้เคราะห์ร้ายจนเนื้อหลุดออกมาทั้งก้อน เสียงกรีดร้องโหยหวนของสาวใช้ดังก้องไปทั่วปราสาท แต่น่าแปลกเหลือเกินที่เสียงนั้นทำให้อาการปวดหัวของอลิซาเบธหายเป็นปลิดทิ้ง ภาพสาวใช้ร้องครวญครางเลือดไหลท่วมตัวจนเสื้อผ้าแดงฉานอาจเป็นภาพที่น่าสยดสยองสำหรับคนอื่น แต่สำหรับอลิซาเบธมันทำให้จิตใจเบาโหวง ปลอดโปร่งอย่างบอกไม่ถูก นั่นเป็นจุดเริ่มต้นความวิปริตของอลิซาเบธ เธอเชื่อว่าความทรมานของคนอื่นคือยากรักษาโรคที่สวรรค์ประทานมาให้ นับจากนั้นทุกครั้งที่ปวดหัว อลิซาเบธก็จะทรมานสาวใช้อย่างหนัก การได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดกลายเป็นความสนุกประจำวันที่คุณหนูอลิซาเบธโปรดปรานเป็นที่สุด

ในปี 1575 เมื่ออลิซาเบธอายุ 15 ปี เป็นเวลาที่เด็กสาวในสมัยนั้นจะต้องออกเรือนเสียที ขืนใครยังต้างเติ่งอยู่จนแก่กว่านี้ ก็ไม่แคล้วต้องขึ้นคาน บิดาของเธอจึงจัดการให้เธอแต่งงานกับท่านเคานท์ฟีเรนซ์ นาดาสดี้ ลูกพี่ลูกน้องที่ร่ำรวยและทรงอำนาจพอๆ กัน อลิซาเบธจึงได้เลื่อนยศขึ้นเป็นเคานท์เตสตามยศของสามี จากนั้นเธอก็ตามท่านเคานท์ฟีเรนซ์ไปปกครองปราสาทเซติอันกว้างใหญ่ กลางป่าลึกบนภูเขาคาร์ลปาเชีย ในสโลวาเกีย...และที่นี่เองตำนานสยองก็เริ่มขึ้น!

ท่านเคานท์ฟีเรนซ์กับอลิซาเบธนั้นนับว่าเป็นคู่กิ่งทองใบหยกโดยแท้ เพราะมีจิตใจวิปริตชอบเห็นความทรมานของคนอื่นเหมือนๆ กัน สองผัวเมียจึงจับมือกันเป็นคู่หูดูโอ้ ทรมานทรกรรมบ่าวไพร่ในปราสาทอย่างสนุกสนาน และดูเหมือนว่ายิ่งทรมานลูกก็ยิ่งดก เพียงไม่กี่ปีทั้งคู่มีลูกด้วยกันถึงสี่คน แต่เคานท์ฟีเรนซ์มักมีเหตุให้ไม่ได้อยู่ติดบ้าน เพราะสโลวาเกียในยุคนั้นมีเรื่องพิพาทตามแนวชายแดนเป็นประจำ เคานท์ฟีเรนซ์จึงต้องพากองทัพออกไปปราบผู้รุกรานอยู่เสมอ ทิ้งให้ภรรยาสาวจับเจ่าเฝ้าปราสาทอยู่คนเดียว เมื่อมีสามีก็เหมือนไม่มีอลิซาเบธจึงต้องแก้เหงาด้วยวิธีที่ถนัด นั่นคือการทารุณสาวใช้และวิธีทรมานของเธอก็โหดร้ายผิดมนุษย์ขึ้นทุกที เช่นใช้เข็มแหลมแทงนิ้วของสาวใช้ หรือจับสาวใช้เคราะห์ร้ายเปลื้องผ้าทาน้ำผึ้งทั่วตัวก่อนจะโยนลงไปในห้องใต้ดินที่เต็มไปด้วยมด กว่าจะได้กลับขึ้นมาสาวใช้ก็ถูกฝูงมดรุมกัดจนสลบไปหลายรอบ เป็นต้น

นอกจากงานทรมานคนอื่นอันลือลั่นแล้วกิจกรรมโปรดอีกอย่างของอลิซาเบธก็คือการเล่นชู้กับทาสหนุ่มๆ ในปราสาท จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมแม่สามีซึ่งรู้เห็นทุกอย่างจึงชังน้ำหน้าเธอมาก แต่ครั้นจะไล่สะใภ้ผู้สูงศักดิ์ออกจากบ้านก็ไม่ได้อีก ปราสาทเซติซจึงกลายเป็นสมรภูมิขนาดย่อมให้แม่ผัวลูกสะใภ้เล่นเกมชิงไหวชิงพริบกันอย่างเอาเป็นเอาตาย อลิซาเบธทนให้แม่สามีเป็นหนามยอกอกอยู่จนถึงปี 1600 เธอก็ได้รับข่าวร้ายว่าเคานท์ฟีเรนซ์พลาดท่าเสียที ถูกข้าศึกฆ่าจายในสนามรบเสียแล้ว เป็นอันว่าทรัพย์สมบัติและอำนาจทุกอย่างของสามีก็ได้ถูกถ่ายโอนมาเป็นของเธอโดยชอบธรรม และแล้วในคืนนั้นเอง แม่ผัวของอลิซาเบธก็ถูกมือที่มองไม่เห็น ลอบวางยาพิษจนตายไปอย่างทรมาน

บัดนี้อลิซาเบธมีทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในกำมือแล้ว แต่ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่สักเพียงใดก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่เธอเอาชนะไม่ได้ นั่นคือกาลเวลา เช้าวันหนึ่งเมื่อเธอตื่นขึ้นมาแต่งองค์ทรงเครื่องตามปกติ อลิซาเบธก็สังเกตเห็นรอยเหี่ยวย่นตรงหางตาของตัวเอง มันทำให้เคานท์เตสผู้หลงใหลในรูปโฉมทนไม่ได้ เธอกรีดร้องสุดเสียง ก่อนจะคว้าเชิงเทียนที่อยู่ใกล้มือฟาดใส่สาวใช้ประจำตัวเพื่อระบายอารมณ์ แต่วันนี้อลิซาเบธคงจะอารมณ์เสียหนักกว่าทุกครั้ง เพียงแค่เห็นสาวใช้หัวแตกเลือดโชกก็ยังไม่สะใจ เธอสนองนี้ดด้วยการหันไปคว้าแส้หนังมากระหน่ำฟาดต่อแย่างเมามัน เนื้อหนังของเหยื่อสาวใช้เคราะห์ร้ายฉีกขาดเป็นริ้วๆ เลือดและเศษเนื้อสาดกระจาย กว่าเคานท์เตสจะหายคลุ้มคลั่ง สาวใช้วัยรุ่นก็สิ้นใจคาแส้เสียแล้ว ขณะที่อลิซาเบธยกมือขึ้นปาดเลือดที่กระเด็นมาเปื้อนแก้วของเธอออกนั่นเอง เธอก็ค้นพบด้วยความอัศจรรย์ใจว่า ผิวบริเวณนั้นที่เคยซูบซีดแบบผิวคนแก่ กลับเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ชะรอยเลือดของหญิงสาววัยเยาว์คงจะเป็นน้ำอมฤต มีอานุภาพบันดาลความสาวสวยให้เธอไปตลอดกาลกระมัง

นับจากนั้นอลิซาเบธก็เริ่มต้นชีวิตฆาตกรเต็มรูปแบบ ทาสสาววัยรุ่นที่อาศัยอยู่บริเวณรอบปราสาทต้องตกเป็นเหยื่อสังเวยความบ้าของนายหญิงแห่งปราสาทเซติซคนแล้วคนเล่า ทุกคนตายอย่างทรมานยิ่งนักเพราะอลิซาเบธสั่งให้ทหารกรีดเนื้อของพวกเธอเพื่อรีดเลือดออกมาให้ได้มากที่สุด เด็กสาวบางคนถูกชำแหละลึกถึงกระดูก หลายคนถูกแหวะท้อง แทงหัวใจให้เลือดพุ่งออกมาเป็นสายน้ำชโลมใส่ร่างของอลิซาเบธที่ยืนรออยู่

อ่านต่อ อลิซาเบธ บาโธรี่ เคานท์เตสกระหายเลือด

8 อันดับฆาตกรสุดโหดแห่งสยามเมืองยิ้ม
10 อันดับฆาตกรต่อเนื่องที่อำมหิตที่สุดในโลก
10 สุดยอดคนสมองเพชรที่ฉลาดที่สุดในโลก
สารคดีความโหดร้ายของการขลิบอวัยวะเพศหญิง
15 เกมเพี้ยนอันตรายสุดๆ แห่งโลกออนไลน์
6 พฤติกรรมลดไอคิว
อ่านนิสัยจากผลไม้สุดโปรด
9 ต้นไม้มงคลเสริมโชคลาภ
วิธีป้องกันงูเข้าบ้าน
9 วิธีป้องกันตัวจากฟ้าผ่า
7 เครื่องดื่มสมุนไพรต้านมะเร็งโดยเฉพาะ

ดูบทความอื่นที่น่าสนใจ อ่านที่นี่

อินดี้

7 ขนมหวานยอดฮิตของเยอรมัน

ขนมหวาน หลายคนยอมอ้วนเพื่อให้ได้กินขนมหวานเหล่านี้

อันดับที่ 7 Lebkuchen

Lebkuchen เป็นขนมประจำช่วง christmas มีส่วนผสมหลักอย่าง น้ำตาล น้ำผึ้ง ถั่ว ทำให้เกิดรสสัมผัสที่ยากจะอดใจไหว ช่วงchristmas จนถึงช่วงปีใหม่ ชาวเยอรมันกินขนมชนิดนี้มากกว่า 100,000 คน โดยเฉลี่ยชาวเยอรมันกิน Lebkuchen ปีละ 1.3 กิโลกรัมต่อคน

อันดับที่ 6 ลูกอมคาราเมล ความหวานทีไม่อาจต้านทานได้

ลูก อมคาราเมลมีส่วนประกอบหลักคือ น้ำเชื่อม น้ำตาล ครีม และเนยซึ่งเป็นตัวช่วยไม่ให้ลูกอมแข็งจนเกินไป ลูกอมคาราเมลนั้นเหนียวมาก ถ้าเคี้ยวไม่ดีหรือผิดจังหวะ อาจทำให้คุณฟันหลุดได้ ชาวเยอรมันนิยมบริโภคลูกอมคาราเมล ปีละ 1.7 กิโลกรัมต่อคน

อันดับ 5 คุ๊กกี้สอดไส้

เคล็ด ลับความอร่อยอยู่ที่ไข่ไก่และเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของขนมชนิดนี้ เครื่อง Mixer จะตีส่วนผสมจนขึ้นฟู โดยไม่ต้องใส่สารเคมีใดๆมาช่วยเลย ขนมที่อบสุกแล้วจะถูกสอดไส้ และเคลือบผิวหน้าด้วย Chocolate ผู้ผลิตรายหนึ่งบอกข้อมูลว่า ชาวเยอรมันบริโภคขนมชนิดนี้ ปีละ 1.8 กิโลกรัมต่อคน

อันดับ 4 เยลลี่รูปหมี

ส่วนผสมหลักของขนมชนิดนี้ คือ เจลาตินและกลูโคสไซรัป โดยใส่กลิ่น รส และสีสังเคราะห์ เป็นตัวเพิ่มรสชาติ ยกเว้นสีฟ้า ข้อมูลจากงานวิจับบอกว่า คนเยอรมันบริโภคขนม jelly bear ปีละ 3.5 กิโลกรัมต่อคน และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

อันดับ 3 cookies เนย

เพียง ใช้เนย น้ำตาล และแป้ง ก็ได้ cookies แสนอร่อยออกมาแล้ว และถึงแม้ cookies เนย จะมี caleries สูงแค่ไหน คนเยอรมันก็ยังบริโภค ปีละ 4 กิโลกรัมต่อคน

อันดับ 2 ไอศครีม

70% ของไอศครีมวานิลลาเคลือบช็อคโกแล็ต คือ นม ส่วนที่เหลือคือ น้ำตาล สถิติบริโภคไอศครีมของคนเยอรมันอยู่ที่ ปีละ 4.5 กิโลกรัมต่อคน

อันดับ 1 Chocolate

ขนม หวานสุดโปรดของสาวๆ คุณทราบหรือไม่ เมล็ดโกโก้ที่นำมาทำ Chocolate นั้นแท้จริงแล้วมีสีขาว แต่เมื่อผ่านกรรมวิธีการคั่วและบด ทำให้เมล็ดโกโก้กลายเป็นสีดำ หรือสีน้ำตาล การใช้ผงโกโก้อย่างเดียวจะทำให้ chocolate มีรสชาติขมจนเกินไป ดังนั้นในการผลิต chocolate จึงมีการผสมนม น้ำตาล และไขมันพืชลงไปด้วย แต่ของอร่อยมักคู่กับความอ้วน chocolate 100 gram ให้พลังงานมากถึง 550 kcal หรือเท่ากับอาหารที่เรากิน 1 มื้อเลยทีเดียว chocolate ที่ขายดีที่สุด คือ chocolate แท่งแบบดั้งเดิม สถิติการบริโภค chocolate ของชาวเยอรมันอยู่ที่ ปีละ 8.0 กิโลกรัมต่อคน

แหล่งรวมบทความจัดอันดับ สารคดีประวัติศาสตร์ บทความสารคดีจักรวาลและดาวเคราะห์ บทความสารคดีสงคราม บทความสารคดีภัยธรรมชาติ บทความสารคดีชีวิตสัตว์ บทความสารคดีอาวุธทางการทหาร บทความสารคดีการจัดอันดับ บทความสารคดีวิทยาศาสตร์ บทความสัมภาษณ์คนดัง บทสนทนาปัญหาเศรษฐกิจ บทสนทนาประเด็นข่าวร้อน เรื่องราวน่ารู้ ความรู้ทั่วไป สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ผู้หญิง ความงาม แม่และเด็ก สัตว์เลี้ยง อาหาร ร้านอาหาร เกมส์ เทคโนโลยี มาดูกันได้ที่  http://www.anyapedia.com

5 สุดยอดร้านเกาเหลาเลือดหมู
30 อันดับขนมหวานเมืองคามาคูระประเทศญี่ปุ่น
10 อันดับอาหารหม้อไฟของญี่ปุ่น
50 อาหารแปลกแต่ขายดีของญี่ปุ่น
101 เมนูอาหารญี่ปุ่น
จัดอันดับ
ที่สุดในโลก
จัดอันดับอาหาร

อินดี้

7 สิ่งมหัศจรรย์ในระบบสุริยะจักรวาล
ตอนแรกมีแต่ความมืด ต่อมาระเบิด สิ่งที่ขยายออกไปไม่มีที่สิ้นสุดของกลางอวกาศ และสสารถือกำเนิดขึ้น ทุกวันการค้นพบใหม่ๆไขปริศนา ความลับของสิ่งที่เราเรียกว่าจักรวาล จักรวาลของเราไม่เหมือนทุกสิ่งที่เราเคยเห็นหรือรู้มาก่อน กาแล็คซี่เพื่อนบ้านของเราคือบ้านของ 7 สิ่งที่น่าตื่นตะลึงและสร้างปรากฏการณ์มากมายในจักรวาล ดาวเคราะห์ที่มีวงแหวนที่น่าทึ่งประกอบด้วยภูเขาสูงเทียมเทือกเขาแอลป์ ดาวบริวารขนาดยักษ์ที่มีชั้นน้ำพุร้อนและน้ำแข็งพุ่งขึ้นมาสู่พื้นผิว ภูเขาไฟขนาดใหญ่มหึมา จากนั้นมีกลุ่มพายุที่ทะลุผ่านกลุ่มดาวก่อนดำดิ่งสู่เฮอริเคนขนาดใหญ่ ประสบการณ์ใหม่ล่าสุดที่น่าตื่นเต้นรอบดวงอาทิตย์ เรามาผจญภัยไปใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของระบบสุริยะจักรวาล

ถ้าคุณคิดว่าวิทยาศาสตร์ได้เปิดเผยถึงเรื่องราวที่อันตราย แปลก และมหัศจรรย์เอาไว้หมดแล้ว คิดซะใหม่ ตอนนี้เรากำลังอยู่ในใจกลางการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอาณาจักรอวกาศ สิ่งแปลกประหลาดมหัศจรรย์กำลังเกิดขึ้นที่นี่ในจักรวาลของเราเอง ระบบสุริยะของเราเป็นสถานที่ที่น่าหลงใหล ตอนนี้เราพบระบบดาวเคราะห์อื่นๆ แต่เรายังไม่พบอะไรที่เหมือนระบบสุริยะจักรวาลของเราเลยแม้แต่น้อย ร่วมเดินทางไปกับเราเพื่อค้นพบ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของระบบสุริยะจักรวาล

อันดับที่ 7 ดาวเอนเซลาดุส (ENCELADUS)



ก่อนอื่นเรามุ่งหน้าสู่วงโคจรของดาวเสาร์กัน เที่ยงคืนวันที่ 2 พฤศจิกายน ปี 2009 ยานอวกาศแคสซินี่(Cassini)โคจรรอบดาวเสาร์ กล้องของยานจับภาพแปลกประหลาดของหนึ่งในดาวบริวารที่อยู่ด้านนอกที่ชื่อว่าเอนเซลาดุส (ENCELADUS) ดาวบริวารส่วนใหญ่ในระบบสุริยะจักรวาลเป็นดาวที่ตายแล้ว และการมองที่พื้นผิวน้ำแข็งที่ระยิบระยับที่ขั้วโลกใต้ของมัน ดาวเอนเซลาดุสมองดูเหมือนโลกที่สงบสุข แต่ทันใดนั้นมีน้ำพุร้อนและน้ำแข็งขนาดมหึมาพุ่งขึ้นมาจากรอยแยกของพื้นดิน  เอนเซลาดุสเป็นดาวบริวารที่สุดยอดของดาวเสาร์ แม้จะมีขนาดเล็ก  และภูเขาไฟของเอนเซลาดุสก็มีความแตกต่างจากภูเขาไฟบนโลกซึ่งเป็นแมกมาร้อนที่เป็นหินที่หลอมเหลว แต่เอนซาลาดุสเป็นน้ำที่เป็นของเหลวพุ่งออกมาแล้วก็แข็งเรียกว่า โครโอโวคานิซึ่ม (Cryovolcanism)  ยานแคสซินี่บินทะลุเข้าไปยังพลังงานที่ระเบิดออกมาในอวกาศนับร้อยไมล์ ด้วยความเร็ว 1,400 ไมล์ต่อชั่วโมง

เอนเซลาดุสสะดุดตาเราเมื่อไม่นานมานี้ เพราะว่าเราเห็นน้ำร้อนที่พึ่งขึ้นมาจากขั้วโลกใต้ เราไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ในดาวบริวารที่เป็นน้ำแข็งในระบบสุริยะจักรวาล แสดงว่าเกิดอะไรขึ้นบนดาวเอนเซลาดุส มันยังไม่ตายและเราอยากรู้ว่าทำไม นักวิทยาศาสตร์สนใจน้ำพุร้อนอย่างน้อย 30 แห่ง ที่พุ่งขึ้นมาจากรอยแยกเล็กๆที่เรียกว่าไทเกอร์สทริป (Tiger Stripe) ตามแนวขั้วโลกใต้ของดาวเอนเซลาดุส ภาพแผนที่อินฟราเรดของบริเวณนี้เผยให้เห็นอุณหภูมิที่อบอุ่นของพื้นผิว ความร้อนแผ่กระจายจากไทเกอร์สทริป อาจจะเนื่องมาจากความร้อนที่อยู่ใต้นั้นที่มันระเหยออกมา นักวิทยาศาสตร์คิดว่าต้องมีความร้อนภายในสองแหล่งที่ขับเคลื่อนน้ำแข็งบนดาวเอนเซลาดุส แหล่งหนึ่งอาจเป็นธาตุกัมมันตภาพรังสีที่เสื่อมสลายทำให้ภายในดาวร้อนทำให้น้ำอยู่ในสถานะของเหลว แหล่งที่สองอาจเป็นคลื่นความร้อน

ตอนที่เอนเซลาดุสโคจรรอบดาวเสาร์ในแนววงรีแบบแปลกๆ บางครั้งมันจะเข้าใกล้ดาวเสาร์ บางทีก็ห่างออกไป ตอนที่มันเข้าใกล้ดาวเสาร์ แรงดึงดูดของดาวเสาร์ก็ได้สร้างคลื่นขนาดใหญ่ออกไปในดาวเอนเซลาดุส มากกว่าตอนที่มันอยู่ห่าง นั่นทำให้เกิดการเสียดสีของวัตถุที่อยู่ภายในและปล่อยพลังงานออกมา คลื่นของแรงเสียดสีมันจะช่วยละลายสิ่งที่อยู่ภายในดาวเอนเซลาดุส ทำให้น้ำแข็งกลายสถานะเป็นของเหลว ปริศนาก็คือมีน้ำอยู่ในดาวเอนเซลาดุสอยู่มากแค่ไหน ดาวบริวารดวงน้อยอาจซ่อนมหาสมุทรอยู่ใต้พื้นดินก็เป็นไปได้ เราอนุมานว่าต้องมีของเหลวอยู่ในนั้น เพราะน้ำพุร้อนที่พุ่งขึ้นมาต้องมีแหล่งของน้ำ มหาสมุทรอาจจะไม่ได้กระจายอยู่ทั่วทั้งดวง มันอาจอยู่ใต้พื้นดินในบริเวณที่น้ำพุร้อนพุ่งขึ้นมา และจะต้องมีแหล่งน้ำที่สำคัญอยู่ใต้พื้นดินของเอนเซลาดุสอย่างแน่นอน

ถ้ามีน้ำอยู่ใต้พื้นผิวของดาว มันอาจเป็นแหล่งที่เต็มไปด้วยโมเลกุลของสิ่งมีชีวิต ประกอบกับอุณหภูมิอุ่นๆ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของการสร้างสิ่งมีชีวิต มันคงสุดยอดถ้าเราค้นพบสิ่งมีชีวิตอยู่ใต้พื้นผิวของดาวเอนเซลาดุส เราไม่ได้คาดหวังว่าจะพบสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ แม้แต่แบคทีเรียเล็กๆ ก็ถือว่าเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่แล้ว ดาวเอนเซลาดุสโคจรอยู่ในสิ่งมหัศจรรย์อีกสิ่งหนึ่งของระบบสุริยะจักรวาล

อันดับ 6 วงแหวนของดาวเสาร์ (Rings Of Saturn)



เราได้ภาพใหม่ๆจากการไปเยือนดาวเสาร์ของยานอวกาศ แคสซินี่ ก็เหมือนกับเราใส่แว่นสามมิติเป็นครั้งแรก มันทำให้เราเห็นรายละเอียดของสิ่งที่อยู่ในวงแหวนของดาวเสาร์  ท่ามกลางวงแหวนหลัก 7 วง ดาวเคราะห์ที่เต็มไปด้วยก๊าซดวงนี้มีวงแหวนนับพันและประกอบไปด้วยน้ำแข็งและฝุ่น 35 แสนล้านล้านตัน มีน้ำมากกว่าโลกของเราประมาณ 26 ล้านเท่า และนักวิทยาศาสตร์ยังคงหาจุดกำเนิดของวงแหวนดาวเสาร์มาหลายศตวรรษแล้ว เราไม่รู้จุดกำเนิดของมัน มันอาจประกอบไปด้วยวัสดุที่ไม่มีโอกาสก่อตัวบนดาวบริวาร เพราะอิทธิพลของแรงดึงดูดของดาวเสาร์เอง หรือดาวบริวารเดินทางมาใกล้ดาวเสาร์มากเกินไป ก็เลยระเบิดเป็นเศษแตกละเอียดจากผลของคลื่นแรงดึงดูดของดาวเสาร์ หรืออาจเป็นไปได้ว่าดาวหางเดินทางมาใกล้ดาวเสาร์มากเกินไป ก็เลยโดนแรงดึงดูดจำนวนมหาศาลของดาวเสาร์จับเอาไว้นั่นเอง  สิ่งที่น่าสนใจมากกว่านี้ก็คือนักวิทยาศาสตร์นับดาวบริวารที่อยู่รอบๆ วงแหวนของดาวเสาร์ได้ถึง 62 ดวง ภาพใหม่นี้ชี้ให้เห็นว่าดาวบริวารดวงน้อยเหล่านี้พาวงแหวนไปสู่ความสูงใหม่




11 สิงหาคม 2009 ภาพอิควาน็อกซ์ที่หายากของดาวเสาร์แสดงวงแหวนของมันใกล้ขอบดวงอาทิตย์ ภาพนี้เผยข้อเท็จจริงที่น่าตกใจ วงกลมสว่างไสวที่เคยปรากฏในรูปของแข็งแบนๆ จริงๆแล้วมันประกอบไปด้วยภูเขาจำนวนมากที่มีความสูงตั้งแต่ไม่กี่ฟุตไปจนถึงระยะที่สูงกว่าเทือกเขาแอลป์ เมื่อเรามองที่วงแหวนดาวเสาร์จากกล้องเทเลสโคป มันดูราบเรียบ แต่ว่าตอนนี้เราเห็นว่าวงแหวนของมันนั้นมีอนุภาคที่ทับถมกันจนกลายเป็นภูเขาที่มีความสูงหลายไมล์ แต่ภูเขาสูงหลายไมล์ที่ว่านี้ก่อตัวขึ้นมาได้อย่างไร ภารกิจแคสซินี่ของนาซ่าจับภาพดาวบริวารที่พลัดเข้าไปในวงแหวน เป็นเหตุให้มันบิดและฉีกขาดกลายเป็นรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงไป ในวงแหวนของดาวเสาร์ที่อยู่นอกสุดของวงแหวนที่สว่างมีดาวบริวารที่ชื่อว่า แดพนิส (Daphnis) มียอดที่สูงที่สุดถึงสองไมล์ครึ่ง

ดาวบริวารปฏิสัมพันธ์กับวงแหวนของดาวเสาร์ในแบบที่ดึงวัสดุต่างๆขึ้นเหนือวงแหวนหรือต่ำกว่าวงแหวน เมื่อดาวบริวารโคจรเพราะว่าวงโคจรไม่ค่อยสัมพันธ์กับตัววงแหวนนั้นๆ ระบบของวงแหวนดาวเสาร์เป้นภาพที่ตระการตา แต่ในดาวเคราะห์อีกดวงนั้นแตกต่างกันมาก

อันดับที่ 5 Great Red Spot ของดาวพฤหัส



มีสิ่งหนึ่งที่ดูชั่วร้ายอย่างไม่น่าเชื่อมันคืออันดับที่ 5 ในการจัดอันดับ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของเรา พายุที่บ้าคลั่งที่มีขนาดใหญ่เกือบสามเท่าของในโลก เจ้าแม่แห่งพายุที่นี่มีขนาดใหญ่กว่าโลกประมาณสามเท่า เราไม่รู้แน่ชัดว่าเรดสป็อตก่อตัวขึ้นมายังไง มันอยู่ของมันอย่างนั้นมาตั้งแต่เราเห็นครั้งแรก ตั้งแต่ปี 1650 มันอยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่ตอนที่เราไม่ได้สนใจมันซะอีก The Great Red Spot คือพายุโบราณที่หมันอย่างบ้าคลั่งมานานนับศตวรรษ พายุเมฆขนาดใหญ่ที่หมุนวงอยู่สูงเหนือดวงดาว 5 ไมล์ ทำให้พายุอื่นๆบนโลกของเราดูด้อยไปเลย พายุหมุนที่ The Great Red Spot ของดาวพฤหัสวัดได้ความเร็วลม 400 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งมันเร็วกว่าทอร์นาโดบางลูกที่รุนแรงที่สุดในโลก และทอร์นาโดบนโลกจะหมุนนานประมาณ 10-20 นาที หรือมากที่สุดก็ 2-3 ชั่วโมง ในขณะที่ The Great Red Spot ของดาวพฤหัส นั้นหมุนอยู่อย่างน้อย 400 ปี และมีขนาดใหญ่กว่าโลกถึงสามเท่า นี่เป็นพายุที่คุณไม่อยากจะโดนดูดเข้าไปอย่างแน่นอน

พายุฤดูร้อนส่วนใหญ่ในซีกโลกใต้จะหมุนตามเข็มนาฬิกาเหมือนที่โลกของเราหมุน แต่บนดาวพฤหัส The Great Red Spot หมุนไม่เหมือนกับโลก The Great Red Spot จะอยู่ทางซีกโลกใต้ของดาวพฤหัส มันหมุนทวนเข็มนาฬิกา เป็นเพราะว่าความกดอากาศสูงซึ่งตรงข้ามกับพายุความกดอากาศต่ำบนโลกของเรา ต้นกำเนิดของพายุที่มีอายุยืนยาวทำให้นักดาราศาสตร์งุนงง แต่ตอนนี้วิทยาศาสตร์อาจกำลังไขความลับของพายออก กล้องเทเลสโคปอวกาศฮับเบิล ถ่ายภาพพายุ 3 ลูกที่มีขนาดเล็กกว่าบนดาวพฤหัส ที่เรียกว่า White Spot ภายในเวลา 3 ปี White Spot ทั้งสามจะมารวมตัวกัน และจะกลายเป็นพายุที่มีขนาดเท่าลูกโลก ในเวลาแค่เพียงสัปดาห์เดียวพายุก็เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีแดง ตอนนี้เราเรียกว่า Red Junior แต่ทำไมมันถึงได้กลายเป็นสีแดง และนั่นก็ยังเป็นปริศนาอยู่ นักดาราศาสตร์สงสัยว่าการรวมตัวกันในลักษณะนี้ พายุในตอนเริ่มต้นอาจเป็นสีขาวมาก่อน แต่เมื่อความเร็วเพิ่มขึ้น มันเริ่มดึงวัสดุที่อยู่ลึกลงไปในพื้นผิวของดาวพฤหัสเข้ามา การรวมตัวกันอาจทำให้เกิดก๊าซซัลเฟอร์ เราไม่เข้าใจว่าทำไม The Great Red Spot จึงมีสีแดงเหมือนกับอิฐ อาจเป็นเพราะสารเคมีที่มารวมกันแล้วทำปฏิกิริยากับแสงอาทิตย์แล้วเกิดเป็นสีแบบนี้ขึ้นมาก็ได้

นักดาราศาสตร์ The Great Red Spot อย่างใกล้ชิด ในหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมาพวกเขาค้นพบการเปลี่ยนแปลงที่น่าพิศวง เราได้จ้องมองการหดตัวของ The Great Red Spot แล้วมันก็มีรูปทรงกลมขึ้น แต่ใครจะรู้ ไม่แน่ว่าในอีก 400 ปีมันอาจจะหายไปหมดก็ได้ ตอนนี้ The Great Red Spot ยังคงเป็นพายุที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะจักรวาล เราจะออกจากดาวพฤหัสแล้วมุ่งหน้าออกไป 200 ล้านไมล์ในทิศทางเดียวกันกับดวงอาทิตย์และเข้าใกล้สิ่งมหัศจรรย์ที่แทบไม่น่าเชื่ออันดับต่อไป

อันดับที่ 4 แถบดาวเคราะห์น้อย (ASTEROID BELT)



นักวิทยาศาสตร์ต้องการรู้มากขึ้นถึงจุดกำเนิดของเศษขยะของจักรวาล ซึ่งถูกทิ้งจากการก่อตัวของระบบสุริยะจักรวาล นานมาแล้วที่เราคิดว่าอาจจะมีดาวเคราะห์ชนกัน เราได้เห็นเศษซากความเสียหายที่รุนแรง แต่ว่าในตอนนี้เราเชื่อว่าดาวเคราะห์ไม่สามารถที่จะชนกันในแบบนั้นได้ แรงดึงดูดจากดาวพฤหัสและดวงดาวอื่นๆ ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่ดาวเคราะห์จะชนกันเอง เมื่อเดินทางฝ่าก้อนหินนับร้อยล้านไมล์ บางก้อนเล็กเพียงไม่กี่ฟุต บางก้อนใหญ่กว่าเมือง ดาวเคราะห์น้อยอาจประกอบด้วยก้อนหินนับล้านชิ้น ถ้าเศษทั้งหมดรวมกันกลายเป็นดวงดาว มันอาจเล็กกว่าดวงจันทร์นิดเดียว เราเริ่มจะเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับประวัติของระบบสุริยะจักรวาลด้วยการศึกษาเอาเศษชิ้นเล็กๆ ในระบบสุริยะจักรวาลมา เราอยากจะรู้ว่ามันหมุนไปรอบๆ ได้อย่างไร และมันมีผลต่อดาวดวงใหญ่ๆยังไงบ้าง แล้วชะตาของมันจะสิ้นสุดตรงไหน จะเกิดอะไรขึ้นกับมัน

ภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงพรรณนาว่าแถบดาวเคราะห์น้อยเป็นอุปสรรคของดาราจักร สถานที่ซึ่งยานอวกาศหลบหินขนาดยักษ์ ที่เบียดกันก่อนพุ่งเข้ามาทำลายล้างโลกของเรา ฮอลลีวู้ดเข้าใจผิดหรือเปล่า แถบดาวเคราะห์น้อยนั้น ทำอย่างนั้นได้อย่างไร และมีคนสงสัยว่าแถบดาวเคราะห์น้อยมีหน้าตาเหมือนกับในหนังจริงหรือไม่ จริงๆแล้วแถบดาวเคราะห์น้อยไม่ได้แย่เหมือนกับในหนังไปซะหมด ถ้าหากว่าเราโคจรรอบดวงดาวในแถบดวงดาวในระบบสุริยะจักรวาล คุณจะมองไม่เห็นอุกกาบาตขนาดใหญ่ของดาวที่หมุนอยู่ใกล้ๆ ความจริงแล้วมันจะดูเหมือนจุดแสงสว่างที่อยู่ไกลๆ นั่นเป็นเพราะว่าระยะห่างเฉลี่ยระหว่างวัตถุส่วนใหญ่ในแถบดาวเคราะห์น้อยมากกว่าขนาดของมัน ดังนั้นมันจึงมองเหมือนจุดมากกว่า

ความจริงแล้วระยะห่างเฉลี่ยระหว่างวัตถุอวกาศสองชิ้น อาจเป็นหนึ่งล้านไมล์ อย่างไรก็ตามในทะเลอวกาศอันกว้างใหญ่ที่มีหินรูปร่างแปลกๆ หินรูปทรงกลม ซีรีส (Ceres)เป็นวัตถุอวกาศที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะจักรวาล ก้อนหินที่กว้าง 600 ไมล์เป็นส่วนประกอบ 1 ใน 4 ของมวลทั้งหมดในแถบดาวเคราะห์น้อย หินส่วนใหญ่ในแถบดาวเคระห์น้อยมีลักษณะเป็นก้อนขรุขระเหมือนมันฝรั่ง แต่ว่าซีรีสไม่เป็นอย่างนั้น มันมีขนาดใหญ่มากพอที่จะมีแรงดึงดูดที่ก่อตัวมันเองให้เป็นทรงกลม นอกจากรูปร่างกลมของมัน ทำให้ซีรีสได้เลื่อนระดับ นักวิทยาศาสตร์เลื่อนฐานะของมันเป็นดาวเคราะห์แคระ มีความสำคัญเช่นเดียวกับดาวพลูโต มุมมองสมัยใหม่ของซีรีสก็คือมันไม่ได้ใหญ่พอจะเป็นดาวเคราะห์ มันใหญ่พอที่จะก่อตัวเป็นทรงกลม สิ่งมหัศจรรย์อันดับสี่ไม่ได้มีรูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากการก่อตัวของระบบสุริยะจักรวาลเท่านั้น แต่มันยังเป็นที่เก็บซ่อนมวลที่มีพลังทำลายล้างขนาดใหญ่อีกด้วย วัตถุอวกาศมากมายที่หลบหนีการดึงดูดของแถบดาวเคราะห์น้อยไปได้ และหนึ่งในนั้นอาจซ้ำรอยประวัติศาสตร์ได้ทุกขณะ และจะไม่มีใครรอดชีวิตมาพูดถึงมัน

ตอนนี้การเดินทางสู่ 7 สิ่งมหัศจรรย์ในระบบสุริยะจักรวาลของเรา มายังน้ำพุร้อนของดาวเอ็นเซลาดุส วงแหวนดาวเสาร์ The Great red Spot ของดาวพฤหัส ตอนนี้เราเดินทางผ่านสิ่งมหัศจรรย์อันดับสี่ก็คือแถบดาวเคราะห์น้อย โครงสร้างที่ถูกทิ้งนี้น่าสนใจขนาดถูกสร้างเป็นภาพยนต์ และสิ่งที่ฮอลลีวู้ดหลงใหลก็คือสิ่งที่หลุดออกมาจากแถบดาวเคราะห์น้อยและมุ่งหน้าสู่โลกของเรา วัตถุใกล้โลกหรือที่เรียกว่า NEO (Near-Earth Object) ก็คือก้อนหินจักรวาล วัตถุอวกาศ หรือว่า ดาวตกที่พุ่งชนโลกแทบทุกวัน วัตถุใกล้โลกคือวัตถุที่ข้ามผ่านการโคจรของโลกไปรอบดวงอาทิตย์ซึ่งในบางครั้งมันอาจชนกับโลกของเรา และถ้ามันใหญ่พออาจทำให้เกิดความเสียหายกับโลกได้

14 เมษายน 2010 กล้องสามารถจับภาพวัถุอวกาศที่ลุกเป็นไฟขนาด 3 ฟุต ที่กำลังพุ่งลงมาเหนือแถบตะวันตกกลางของสหรัฐ โชคดีที่ก้อนหินอวกาศแตกเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนตกบนพื้น แต่ในอดีตก้อนหินอวกาศขนาดใหญ่ อย่างเช่นที่ อริโซนา Western Australia Quebec สร้างหลุมอุกกาบาตขนาดใหญ่ และยังกระตุ้นให้เกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ อย่างก้อนหินอวกาศที่ทำให้ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ กว่าหนึ่งพันล้านปีที่ผ่านมาโลกของเราถูกพุ่งชนหลายครั้ง จากวัตถุอวกาศหลกหลายขนาด และผลที่เกิดขึ้นเมื่อ 65 ล้านปีที่แล้วที่มันกวาดล้างไดโนเสาร์ไป อาจจะเป็นวัตถุใหญ่ขนาด 6 ไมล์ที่อาจเป็นสาเหตุของการสูญพันธุ์ก็ได้  การสำรวจอวกาศใหม่ๆ หลายครั้งติดตามวัตถุที่อยู่ใกล้โลกที่ใหญ่พอที่จะทำลายล้างเมืองที่ทันสมัย หรือแย่กว่านั้นคือเกิดความเสียหายทั่วโลก เรารู้ว่าวัตถุส่วนใหญ่มีขนาดใหญ่กว่า 1 ไมล์ที่สามารถจะผ่านวงโคจรของโลกได้ สิ่งสำคัญก็คือหาวัตถุที่มีขนาดเท่ากับสนามกีฬาให้พบ ในขณะที่มันยังไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับโลก เพราะถ้ามันพุ่งชนโลกจะเกิดความเสียหายมาก

เราจะออกจากแถบดาวเคราะห์น้อยต่อมาเราจะเดินทางไปพบกับอีกสิ่งหนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของเรา

อ่านต่อที่นี่

5 ปริศนาที่ไร้คำอธิบายของจักรวาล
กำเนิดดวงอาทิตย์
กำเนิดเอกภพ
7 สิ่งมหัศจรรย์ในระบบสุริยะจักรวาล
สตีเฟ่น ฮอว์คิง (Stephen Hawking) กับคำถามสำคัญของเอกภพ
จักรวาลและดาวเคราะห์

แหล่งรวมบทความจัดอันดับ สารคดีประวัติศาสตร์ บทความสารคดีจักรวาลและดาวเคราะห์ บทความสารคดีสงคราม บทความสารคดีภัยธรรมชาติ บทความสารคดีชีวิตสัตว์ บทความสารคดีอาวุธทางการทหาร บทความสารคดีการจัดอันดับ บทความสารคดีวิทยาศาสตร์ บทความสัมภาษณ์คนดัง บทสนทนาปัญหาเศรษฐกิจ บทสนทนาประเด็นข่าวร้อน เรื่องราวน่ารู้ ความรู้ทั่วไป สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ผู้หญิง ความงาม แม่และเด็ก สัตว์เลี้ยง อาหาร ร้านอาหาร เกมส์ เทคโนโลยี มาดูกันได้ที่  http://www.anyapedia.com

อินดี้

20 ไอติมแสนอร่อยในญี่ปุ่น

1. ไอติมแท่งรสแตงโม





2. ไอติมรสเมล่อน



3. การิการิคุง รสโซดา (Gari Gari Kun (soda flavor)





4. ชิโระคุมะไอซ์ มารุนากะ (Shirokuma ice, Marunaga)









5. พิโนะ รสวานิลลา โมรินากะ (Pino, Morinaga (vanilla flavor)







6. ช็อคโกโมนากะจัมโบ้ ของโมรินากะ(Choco Monaka Jumbo, Morinaga)





7. พาแนปป์ รสองุ่น ช็อคโกแลต พีช กลิโค (Panapp (Grape, Chocolate, Peach), Glico)



8. พุดดิ้งไอซ์เมจิ(Pudding Ice, Meiji)



9. ไอติมแท่งรสสตรอเบอรี่ช็อคโกแลตเมจิ (Strawberry chocolate ice cream bar, Meiji)



10. ไอติมแท่งรสช็อคโกแล็ตเมจิ (Chocolate ice cream bar, Meiji)



11. ไอติมแท่งรสช็อคโกแล็ตอัลมอนด์ (Almond chocolate ice cream bar, Meiji)



12. ไอติมแท่งคาเฟ่ลาเต้ช็อคโกแลต (Cafe latte chocolate ice cream bar, Lotte)





13. ไอติมแท่งรสคาลพิสของล็อตเต้ (Calpis ice bar, Lotte)





14. ยูกิมิไดฟุกุ ล็อตเต้ (Yukimi Daifuku, Lotte)





15. ไทยากิไอซ์ (Taiyaki ice, Imuraya)





16. กรีนทีโมนากะ (Green tea Monaka, Marunaga)





17. ซอฟท์ครีมรสวานิลลา เมจิ (Vanilla soft cream, meiji)





18. ไอศครีมแท่งรสเชลซีบัตเตอร์สก็อตช์ (Chelsea butter scotch ice cream bar, Lotte)





19. ไอติมแท่งรสถั่วแดง (Azuki ice cream bar, Imuraya)





20. ไอติมแท่งช็อคโก้บานาน่า (Choco banana ice cream, Futaba)





แหล่งรวมบทความสารคดีประวัติศาสตร์ บทความสารคดีจักรวาลและดาวเคราะห์ บทความสารคดีสงคราม บทความสารคดีภัยธรรมชาติ บทความสารคดีชีวิตสัตว์ บทความสารคดีอาวุธทางการทหาร บทความสารคดีการจัดอันดับ บทความสารคดีวิทยาศาสตร์ บทความสัมภาษณ์คนดัง บทสนทนาปัญหาเศรษฐกิจ บทสนทนาประเด็นข่าวร้อน เรื่องราวน่ารู้ ความรู้ทั่วไป สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ผู้หญิง ความงาม แม่และเด็ก สัตว์เลี้ยง อาหาร ร้านอาหาร เกมส์ เทคโนโลยี มาดูกันได้ที่  http://www.anyapedia.com

จัดอันดับ

อินดี้

20 อันดับเมนูเส้นแปลก

ที่มาจากรายการโกโกริโกะเกมกึ๋ย
ภารกิจกินเมนูเส้นแปลกๆ ในท้องถิ่นต่างๆ ของ ญี่ปุ่น 20 เมนู จากโพลการสำรวจคน 1,000 คน โดยให้ดาราตลกประจำรายการมาทาน

อันดับที่ 20 ราเม็งหม้อหินอัดแน่นด้วยผัก



เริ่มกันที่ร้านอิชืยากิราเม็งคัสซันที่จังหวัดอิราบากิ อย่างที่ชื่อของร้านบอกเพราะที่นี่จะใช้หม้อหินในการทำ ความร้อนที่ได้ก็สูงมากกว่า 300 องศาเซลเซียสกันเลยทีเดียว เส้นที่ใช้เป็นเส้นบะหมี่แบบขนาดอ้วนแล้วก็ตามด้วยผักต่างๆ ที่ผัดปรุงรสแล้ว เมื่อตกแต่งด้วยไช่ต้มผ่าซีกก็ตามด้วยน้ำซุปมิโสะร้อนๆ ลงไปก็เป็นอันเสร็จ เป็นราเม็งที่ทั้งร้อนสุดๆ และอร่อยสุดๆ ไปเลย

อันดับที่ 19 ราเม็งซุปสีฟ้า



ที่จริงแล้วเมนูนี้ทำขึ้นเมื่อสิบปีก่อน เมื่อทีมเบสบอลโยโกฮาม่าเบสสตาร์คว้าชัยชนะได้ในรอบ 38 ปีนั่นเอง สีฟ้าของน้ำซุปก็มาจากลิเคียว เหล้าหวานที่เลือกใช้เป็นเหล้าหวานสีฟ้านั่นเอง นำเหล้าหวานสีฟ้านี้ไปต้มให้แอลกอฮอล์ระเหยออกให้หมด จากนั้นก็เติมน้ำซุปไก่ลงไป ทำให้ออกมาเป็นน้ำซุปที่ไม่เลี่ยน ใส่เส้นแบบจีนแบบเส้นเล็ก หมูแดง ไข่ย่างรูปดาว และต้นหอมสับก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย เป็นเมนูที่ไม่เหมือนใครช่างแปลกจริงๆ

อันดับที่ 18 มิโสะเระมิโสะสึเคะเมน



แม้จะเป็นเมนูที่มีเฉพาะในหน้าร้อนแต่ก็ยังติดอันดับเข้ามาได้ จุดเด่นก็อยู่ที่การจัดแต่ง เพราะจะโปะด้วยน้ำแข็งไสจนเต็มชามนั่นเอง และยังเสิร์ฟคู่กับน้ำแข็งไสที่เป็นของหวานด้วย ทั้งเส้นและซุปมาในแบบเย็นที่มีรสชาติเข้มข้น เป็นการรวมกันของน้ำแข็งไสและบะหมี่ที่แปลกใหม่ ช่างน่าทานซะจริงๆ

อันดับที่ 17 ฮิยาชิซาวาระเมน



เป็นราเม็งที่ใช้น้ำซุปอัดแก๊สให้เป็นฟอง น้ำซุปที่ใช้เป็นน้ำซุปกระดูกหมูและกระดูกไก่รสเข้มข้นผสมกับน้ำต้มสาหร่ายคอมบุและซาบะตากแห้ง ทำให้เย็นก่อนจะใส่เส้นทำเองของที่ร้านลวกแล้วใส่ลงไป ตามด้วยหน่อไม้ดองและหมูชาชูชิ้นใหญ่เป็นท็อปปิ้งและเครื่องอื่นๆ ลงไป และในขั้นตอนสุดท้ายก็ใส่น้ำซุปแบบญี่ปุ่นที่ผสมแก๊สลงไปก็เป็นอันเสร็จ ราเม็งกับน้ำซุปรูปแบบใหม่ที่ไม่เหมือนใคร เชิญทานได้เลย

อันดับที่ 16 โซบะกับตะเกียบต้นหอม



มาจากร้านมิซายาวะ จังหวัดฟุกุชิม่า เป็นเมนูโซบะที่มาพร้อมกับต้นหอมยักษ์ทั้งต้น โดยให้ใช้ต้นหอมนี้แทนตะเกียบในการกิน นอกจากนี้เพื่อเพิ่มความอร่อย จะเคี้ยวต้นหอมเข้าไปด้วยก็ไม่ว่ากันนะ

อันดับที่ 15 พิซซ่าอุด้ง



มาจากร้านอุงเป เป็นเมนูอุด้งที่ผสมผสานความเป็นญี่ปุ่นและตะวันตกเข้าด้วยกัน เริ่มจากนำของทะเลอย่างหมึก กุ้ง มาย่างบนกะทะร้อน ใส่เนย เกลือ และพริกไทยเล็กน้อย นำเส้นอุด้งไปผัดบนกระทะ ผัดให้เข้ากันกับน้ำจากของทะเล พอเส้นได้ที่ก็เอาเครื่องทะเลและผักต่างๆ มาวางลงไปด้านบน ราดด้วยพิซซ่าซอส โปะขีสไว้ด้านบน นำไปอบจนได้ที่ก็จะได้เป็นพิซซ่าอุด้งแสนอร่อย เป็นเมนูที่นำเอาอุด้งกับพิซซ่ามารวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ชีสรสเข้มข้น เชิญทานได้เลย

อันดับที่ 14 ซุปทาโกะยากิพร้อมเส้น



ที่ร้านทาโกะยากิร้านดัง ร้านทาโกะเทสึ เริ่มต้นจากการทำทาโกะยากิกันก่อน น้ำซุปที่ใช้ได้จากกระดูกไก่จากไก่ในญี่ปุ่น และความพิถีพิถันอีกอย่างก็คือการใช้ไก่หนึ่งตัวสำหรับน้ำซุปหนึ่งชาม เส้นก็เป็นเส้นบะหมี่แบบเส้นเล็ก ใส่ทาโกะยากิเป็นท็อปปิ้ง 7 ลูกก็เป็นอันเสร็จ นับเป็นเมนูราเม็งที่มีน้ำซุปที่หอมและได้รสชาติของทาโกะยากิที่ไม่เหมือนใคร แถมราคายังถูกเพียง 500 เยนเท่านั้น

อันดับที่ 13 สลัดราเม็ง



จากร้านราเม็งเท็ตจัง ราเม็งรสชาติกระดูกหมูโชยุที่มีผักกาดแก้ววางที่ด้านบน ตามด้วยกะหล่ำปลีซอยและผักอื่นๆ มาวางเป็นท็อปปิ้ง แล้วก็ราดด้วยน้ำสลัดเฟรนช์เดรสซิ่ง ราเม็งร้อนๆ กับสลัดเย็นๆ ที่เข้ากันอย่างลงตัว ความเปรี้ยวของน้ำสลัดช่วยเพิ่มความอร่อยได้เป็นอย่างดี

อันดับที่ 12 ราเม็งน้ำซุปนม



มาจากร้านราเม็งบังฟุคุในโตเกียว น้ำซุปใสที่เคี่ยวจากส่วนต่างๆ ของหมู นำมาต้มแล้วเติมนมไปในปริมาณที่เท่ากัน จากนั้นเติมน้ำซอสที่หมักหมูชาชู แค่นี้ก็จะได้น้ำซุปที่หอมและรสชาติเข้มข้น เมนูนี้มีขายมานานกว่าสามสิบปีอีกด้วย

อันดับที่ 11 ราเม็งมะเขือเทศ



มาจากร้านราเม็งโด้ดิวอิตาเลี่ยนในเมืองทาจิคาว่า โตเกียว ราเม็งของร้านนี้ทั้งน้ำซุปและเครื่องต่างๆ ล้วนเป็นมะเขือเทศที่มีรสเปรี้ยว วิธีทำเริ่มจากนำเส้นที่ลวกแล้วราดด้วยน้ำซอสที่เคี่ยวจากมะเขือเทศลงไป โปะด้วยมะเขือเทศลูกเล็กหั่นครึ่งก็เป็นอันเสร็จ เป็นเมนูสำหรับคนชอบมะเขทอเทศอย่างแท้จริง ว่ากันว่าเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าผู้หญิงมากๆ แถมดูดีน่ากินอีกด้วย

อันดับที่ 10 มิโสะคาสึอุด้ง



ร้านซังโคคุอิจิที่มีเมนูราเม็งอร่อยจากทั่วประเทศ และเมนูที่เราพูดถึงก็เป็นเมนูที่มีการดัดแปลงของเมนูจากนาโกย่า หมูทอดทงคัตสิชิ้นใหญ่ที่วางบนเส้นอุด้งลวกอวบอ้วน แซมด้วยกะหล่ำปลีซอยราดด้วยซอสมิโสะสูตรพิเศษ หมูทอดที่กรอบนอกนุ่มใน มิโสะที่หวานเล็กน้อยทานกับเส้นอุด้ง ช่างเข้ากันได้เป็นอย่างดี

อันดับที่ 9 อิปป้งอุด้ง



ที่ร้านคามาอาเกะอุด้งในโตเกียว เป็นอุด้งเส้นใหญ่ยาวสุดๆ ที่จริงแล้วนี่เป็นอาหารที่ปรากฏอยู่ในนิยายของคุณอิเคะนามิ เซทาโร่มาก่อนด้วย มีฉากที่ฮาเซงาว่าเฮโซที่เป็นตัวละครหลักของเรื่องได้กินอุด้งเส้นใหญ่ยาวนี้อยู่ด้วย วิธีการทำก็คือการปั้นเส้นให้กลมแล้วตัดตามที่ความยาวที่ต้องการ นำไปลวกต่อให้สุก และเวลาในการลวกใช้เวลา 50 นาที สุดท้ายก็นำไปใส่ในน้ำเย็นเพื่อเพิ่มความเหนียวนุ่มก็เป็นอันเสร็จ เส้นมีความอ้วนราวๆ 3 เซ็นติเมตร อิ่มกันแน่นอน เสริ์ฟพร้อมกับงาและเครื่องเคียงต่างๆ ในเซ็ต

อันดับที่ 8 คุโรโคะคุโระเมน



เป็นราเม็งจากโตเกียว เมนูที่ว่านี้มีเส้นที่เป็นสีดำน่ากลัว สีดำที่ว่าเป็นถ่านจากไผ่สำหรับทำอาหาร ผสมในแป้งที่ใช้ทำเส้น ถ่านที่ว่านี้กินเข้าไปมีประโยชน์มีแร่ธาตุต่างๆ และทำให้เลือดไหลเวียนดี มาในน้ำซุปรสชาติเข้มข้นไม่เหมือนใครจริงๆ

อันดับที่ 7 โอจิยะอุด้ง



จากร้านมัตสึบายะ เมนูนี้เป็นการนำข้าวกับเส้นอุด้งมารวมกันแล้วเติมน้ำซุปลงไป เมื่อเดือดปุดๆ ขึ้นมาแล้วก็เติมไข่ ปลาอานาโกะ รวมทั้งเครื่องต่างๆ ลงไป เป็นเมนูเด็ดที่สืบทอดกันมาสามรุ่นของที่ร้าน เป็นเมนูอร่อยและราคาไม่แพงด้วย

อันดับที่ 6 สุกียากี้ราเมน



จากร้านจิฟุ จังหวัดเกียวโต และที่นี่เขามีวิธีการกินที่แปลกไม่เหมือนใคร น้ำซุปเป็นน้ำซุปรสโชยุ เส้นก็เป็นแบบเหนียวนุ่มเส้นตรง เนื้อหมูชาชูก็นำมาวางเรียงรอบชามให้ทั่ว โปะด้วยถั่วงอกและต้นหอมจำนวนมากก็เป็นอันเสร็จ ที่ได้ชื่อว่าสุกียากี้ก็เพราะว่าที่ร้านเขาจะให้จุ่มไข่ดิบก่อนทานนั่นเอง

อันดับที่ 5 ยากิโซบะในน้ำซุป



ร้านคามะอิโคะ จังหวัดอิบาระกิ ดูเผินๆ ก็เหมือนราเม็งทั่วๆ ไป แต่ที่จริงแล้วนี่ก็คือยากิโซบะในน้ำซุป วิธีการทำก็เริ่มจากผัดเนื้อไก่ในกระทะ ตามด้วยกะหล่ำปลี ตามด้วยเส้นที่ลวกแล้วผัดกับเครื่องที่เตรียมไว้ เติมซอสสูตรพิเศษแล้วผัดต่อไปอีกสักครู่ ก็จะได้ยากิโซบะแบบที่เราเห็นทั่วๆ ไป จุดสำคัญอยู่ตรงนี้ เพราะหลังจากผัดเสร็จก็จะเติมซุปโชยุลงไป ความอร่อยของซอสกับโชยุกลมกลืนกันเป็นเนื้อเดียวในรูปแบบใหม่ เป็นเมนูที่ได้รับความนิยมที่ในวันหยุดจะมีคิวต่อกันอย่างยาวเหยียด

อันดับที่ 4 เนงิราเม็งที่สุดแสนน่าตกใจ



ทันใดนั้นไฟก็พุ่งพรวดขึ้น ต้นหอมที่ใช้เป็นคุโจเนงิที่ขึ้นชื่อของเกียวโตเพราะว่าต้นหอมชนิดนี้ไม่เผ็ดและมีความนุ่มกว่า น้ำซุปต้มเคี่ยวจากเครื่องทะเลและกระดูกหมู ส่วนเส้นที่ใช้ก็เป็นแบบเส้นตรงทำพิเศษ โปะด้วยเนื้อหมูชาชูห้าชิ้นใหญ่ แล้วตามด้วยคุโจเนงิก็เป็นอันเสร็จ หลังจากเสิร์ฟก็จะราดด้วยน้ำมันเนงิร้อนๆ จนไฟพุ่งพรวด แม้จะราดน้ำมันแต่ก็ไม่ได้ทำให้เลี่ยนเลยแม้แต่น้อย กลิ่นก็ยังหอมชวนทานอีกด้วย

อันดับที่ 3 ไบไบยากิโซบะ



เรามากันที่ร้านไบไบในย่านไชน่าทาวน์ที่เมืองโยโกฮาม่า เป็นเมนูที่ดูแปลกตาจริงๆ มีวิธีการทำดังนี้ เริ่มจากนำเส้นมาแผ่ไว้ให้ทั่วกระทะที่ร้อน จากนั้นก็ย่างเส้นไปด้วยหมุนกระทะไปด้วย เทน้ำราดที่มีผักต่างๆ และเนื้อหมูติดมันใส่ลงไป เทไข่ใส่ลงไปรอบๆ จากนั้นก็ย่างต่ออีกสักพัก พลิกด้านแล้วก็เทใส่จานก็เป็นอันเสร็จ กรอบนอกนุ่มในน่าทานมากๆ นุ่มๆ กรอบๆ ร้อนๆ อย่างนี้ เป็นใครก็อยากจะลองกินดูสักครั้ง

อันดับที่ 2 ชิเซนทันทันอิปป้งเมน



มาจากไชน่าทาวน์เช่นกันกับเมนูเส้นๆ ที่ตื่นตาอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน จากร้านเคียวทาโร่ เป็นเส้นบะหมี่ที่ยืดออกเป็นเส้นเดียวกัน ที่ใช้เส้นเดียวอย่างนี้ถือเป็นอาหารมงคลที่คนจีนนิยม หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เส้นอายุยืนยาว เส้นจะมีการชุบน้ำมันและจะยืดเส้นออกให้ยาว แล้วเชฟจะใช้มือยืดเส้นเป็นจังหวะค่อยๆ ปล่อยเส้นลงไปลวกในน้ำร้อน เส้นที่ทำออกมามีความยาวต่อเนื่องถึง 33 เมตรเลยทีเดียว เมื่อลวกเส้นเสร็จแล้วก็เอาไปใส่ในน้ำซุปสูตรพิเศษที่ทำจากน้ำรายุ ใส่หมูสับที่ผัดกับโทบันจัน ตามด้วยผักลวกและต้นหอมสับก็เป็นอันเสร็จ น้ำซุปมีรสชาติเผ็ดเล็กน้อยช่วยเติมสีสันให้กับเมนูนี้ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

อันดับที่ 1 ทงโคะสึเกี๊ยะไคสึเมนชาบู



ที่ร้านกะริวเค็นคากุระที่ย่านอิเคะบุคุโระ แม้จะเป็นสึเคะเมนแต่ก็ยังสามารถลิ้มรสน้ำซุปชาบูชาบูได้ถึงสองอย่างพร้อมๆ กัน และเพื่อให้ซุปร้อนตลอดทางร้านได้ติดตั้งเตาไฟฟ้าในแต่ละโต๊ะด้วย ทีนี้ก็สามารถทานได้ในขณะที่ร้อนๆ ไปตลอดนั่นเอง นอกจากนี้ยังนำนเนื้อไปจุ่มในน้ำซุปร้อนๆ ทานในสไตล์ชาบูชาบูได้อีกด้วย

อ่านเรื่องจัดอันดับอื่นที่นี่ จัดอันดับ

แหล่งรวมบทความสารคดีประวัติศาสตร์ บทความสารคดีจักรวาลและดาวเคราะห์ บทความสารคดีสงคราม บทความสารคดีภัยธรรมชาติ บทความสารคดีชีวิตสัตว์ บทความสารคดีอาวุธทางการทหาร บทความสารคดีการจัดอันดับ บทความสารคดีวิทยาศาสตร์ บทความสัมภาษณ์คนดัง บทสนทนาปัญหาเศรษฐกิจ บทสนทนาประเด็นข่าวร้อน เรื่องราวน่ารู้ ความรู้ทั่วไป สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ผู้หญิง ความงาม แม่และเด็ก สัตว์เลี้ยง อาหาร ร้านอาหาร เกมส์ เทคโนโลยี มาดูกันได้ที่  http://www.anyapedia.com

จัดอันดับ

อินดี้

10 เกมส์ดีที่โลกควรรู้จัก ช่วยฝึกสมอง เด็กเล่นได้ไม่รุนแรง
เกมขนาดเล็กใครว่าไม่สนุก มาดู 10 เกมส์คอมพิวเตอร์ดีที่เด็กเล่นได้ผู้ใหญ่เล่นดี ช่วยฝึกความจำ การวางแผน การแก้ปัญหาในเวลาจำกัด แถมไม่เป็นพิษเป็นภัย ไม่กระตุ้นความรุนแรง ไว้เล่นเวลาว่างๆคลายเครียด ไม่ต้องเล่นจนหามรุ่งหามค่ำ เพราะเป็นเกมส์ขนาดเล็ก ไม่ต้องใช้เวลามาก

Egg Vs Chicken



เกมส์ง่ายๆแต่เร้าใจ ผู้เล่นเป็นไข่ ผู้เล่นต้องต่อสู้กับอำนาจของไก่ แต่สู้ไม่ได้ในยุคปัจจุบัน จึงต้องย้อนเวลากลับไปในอดีต เพื่อหาทางเอาชนะไก่ให้ได้ วิธีการที่ไข่ใช้สู้กับไก่ก็ไม่เหมือนใคร โดยเราจะต้องเรียงไข่ให้ชิดกำแพงด้านที่ใช้ต่อสู้และจะต้องเป็นไข่สีเดียวกัน 3 ฟองขึ้นไป เพื่อนำมาใช้เป็นอาวุธ เอาไว้ยิงโจมตีไก่ที่จะเข้ามาเจาะกำแพงของเรา ยิ่งถ้าเราสามารถเรียงไข่สีเดียวกันไว้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้พลังโจมตีมากขึ้นเท่านั้น แต่ศัตรูของเราก็ไม่ใช่หมูๆนะจ๊ะ (เพราะมันเป็นไก่) ไก่บางชนิด เช่นไก่เพลิงสีแดงที่ต้องยิงไข่หลายนัดถึงจะตายหรือต้องใช้ไข่สีน้ำเงินพลังนำแข็งที่มันแพ้ทางจึงจะชนะมันได้ง่ายชึ้น นี่ยังไม่รวมไปถึงไก่หัวหน้าที่ต้องยิงกันจนไข่ขาดตลาด ก่อนที่มันจะเจาะกำแพงทะลุไม่อย่างนั้นก็จบเกมส์ ประโยชน์ของเกมส์ Egg Vs Chicken คือเราต้องวางกลยุทธมในการเรียงให้ไข่ให้ถูกต้องและให้มันมีพลังโจมตีสูงที่สุด

Out Of Your Mind



เราต้องรับบทเป็นนักบำบัดสุขภาพจิตที่ต้องล้างความทุกข์ของคนไข้ออกไป การล้างความทุกข์ที่ต้องลงลึกเข้าไปถึงในจิตใจ เพื่อหาต้นเหตุที่ทำให้ไม่สบาย แล้วใช้สายพลังจิตจับต้นเหตุความทุกข์ออกมา แต่ความทุกข์มันก็ไม่ได้หายไปง่ายขนาดนั้นมันจะทิ้งร่องรอยไว้ภายในจิตใจของคนไข้ด้วย เราจึงต้องใช้สายพลังจิตดึงร่องรอยของมันออกมาด้วยการล้อมกรอบมัน ซึ่งสายพลังจิตที่ใช้จับความทุกข์จะต้องเป็นสีเดียวกับความทุกข์นั้นด้วย เกมส์ Out Of Your Mind จะช่วยฝึกให้ผู้เล่นช่างสังเกตและสามารถมองรายละเอียดโดยรวมอย่างรอบคอบมากขึ้น

Shopping Mania



ในเกมส์ Shopping Mania ผู้เล่นจะรับบทเป็นพนักงานห้างแสนขยันที่อยู่ในร้านของในห้างแสนโหด หน้าที่ของผู้เล่นคือการจัดเรียงของลงในตะกร้าของลูกค้าให้ได้มากที่สุด ก่อนที่ลูกค้าจะโมโห แล้วของจะวิ่งตกสายพานไป ดูไปดูมาเกม Shopping Mania นี้ก็คล้ายกับเกม Tetris แต่เกมนี้ท้าทายกว่าตรงลูกเล่นของเกมที่สามารถเพิ่มคะแนนขึ้นได้หากวางสินค้าสีเดียวกับที่ลูกค้าต้องการ อีกทั้งยังมีความกดดันจากลูกค้ากับนายห้างจอมโหด เกม Shopping Mania ช่วยให้ผู้เล่นได้จัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่เข้ามาในชีวิตในช่วงเวลาจำกัด

eets



เกมนี้ใครมีอายุหน่อยก็จะนึกถึงเกม Lemming เมื่อเกือบ 20 ปีก่อน เพราะแนวการเล่นคล้ายๆกัน ในเกม eets ผู้เล่นจะต้อคอยควบคุมเจ้า eets ให้ไปหาเป้าหมายด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องเอาไปวางไว้ก่อนเริ่มเกม เช่นปลาวาฬจอมหิวที่สามารถดูดเจ้า eets แล้วพ่นเจ้า eets ให้ลอยสูงขึ้นไปได้ หรือเจ้าเม็ดสีเขียวที่เมื่อเจ้า eets กินเข้าไปจะทำให้มันขี้กลัวไม่กล้ากระโดดออกจากกรอบ เมื่อวางอุปกรณ์เสร็จก็สั่งให้เจ้า eets เริ่มเดินและผู้เล่นก็คอยวางอุปกรณ์ต่างๆให้ถูกจังหวะเพื่อให้เจ้า eets เดินไปถึงเป้าหมายโดยสวัสดิภาพได้ eets จึงเป็นเกมที่ช่วยให้ผู้เล่นวางแผนและคาดการณ์อนาคตและยังเพิ่มความตื่นเต้นด้วยการให้ผู้เล่นได้แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้อีกด้วย

Garden Defense



ในเกมผู้เล่นรับบทเป็นองครักษ์พิทักษ์สวน ที่จะต้องป้องกันสวนจากกองทัพแมลงร้าย ที่จะเข้ามากัดแทะสวนของเรา วิธีการเล่นเกม Garden Defense คือ เราจะต้องใช้เงินที่มีมาซื้ออุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสมกับแมลงฝั่งศัตรู เช่น ตุ๊กตาเด็กยืนฉี่จะกำจัดแมลงที่เดินมาบนดินเท่านั้น เมื่อซื้ออุปกรณ์และจัดเรียงอาวุธฆ่าแมลงเรียบร้อยแล้ว จึงเริ่มปล่อยแมลงให้เดินผ่าน เล่นเกมนี้จบอาจเกิดความคิดดีๆในการทำสวนก็ได้ แถมยังฝึกการวางแผนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย

Professor Fizzwizzle



เกม Professor Fizzwizzle นั้นจะว่าไปแล้วก็คล้ายกับเกมฮิตในอดีต The Bug Bunny แต่เกม Professor Fizzwizzle สนุกกว่าและสดใสกว่าด้วยสีสันของเกม ในเกมเรารับบทเป็น ศาสตราจารย์ Fizzwizzle ที่มีปัญหากับเจ้าหุ่นกระป๋องคู่ใจ จะต้องหาทางแก้ไข ซึ่งหน้าที่ของผู้เล่นคือจะต้องพาศาสตราจารย์ Fizzwizzle ผ่านด่านเข้าไปสู่ประตูทางออกของแต่ละด่านให้ได้ อุปสรรคที่ศาสตราจารย์ Fizz ต้องเผชิญ เช่นหลุมหรือช่องว่างต่างๆ ที่ศาสตราจารย์ Fizz ไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ ต้องหาทางเอาลังไม้ไปวางอุดหลุมก่อนเพื่อให้สามารถเดินผ่านหลุมนั้นไปได้ หรือพื้นที่ที่เป็นก้อนน้ำแข็ง ถ้าเดินผ่านโดยไม่มีอะไรมากั้นระหว่างทาง จะทำให้ลื่นเลยจนตกเหวไป เกม Professor Fizzwizzle เป็นเกมที่ฝึกการใช้สมองอย่างสุดๆ เพราะผู้เล่นต้องมองภาพโดยรวมของแต่ละด่านและต้องคิดวิธีที่ต้องหาทางผ่านด่านไปให้ได้ ซึ่งมีด่านให้ฝึกสมองกันมากกว่า 230 ด่านกันเลยทีเดียว และ Professor Fizzwizzle

ก็ไม่ได้อยู่กับเราแค่เกมเดียว Charactor นี้ยังมีให้เห็นในเกมที่เราจะพูดต่อไป

The Amazing Brain Train



ภายในเกม The Amazing Brain Train นั้นวิธีการเล่นนั้นแตกต่างจากเกม Professor Fizzwizzle อย่างสิ้นเชิง ตรงที่เกมนี้จะพารถไฟผ่านไปตามจุดแต้มคะแนนที่จะได้จากการเล่นเกมย่อยๆ ซึ่งภายในเกม The Amazing Brain Train ประกอบไปด้วย 15 เกมย่อยเช่น เกมย่อยให้ไออุ่นหมีโคอาล่า ซึ่งในด่านย่อยนี้ศาสตราจารย์ Fizz จะต้องหันกระจกสะท้อนไออุ่นไปที่ตัวโคอาล่าให้ครบทุกตัว จึงจะสามารถผ่านด่านได้ และมีเกมจดจำสิ่งของแล้วเลือกให้ถูกว่ามีสิ่งใดที่เข้ามาใหม่ เกมย่อยทั้งหมดจะจำกัดเวลาเล่นเพื่อให้ผู้เล่นได้คิดอย่างรวดเร็วที่สุด และเมื่อเล่นจบโปรแกรมจะสรุปผลการเล่นเกมย่อยนั้นออกมาและเทียบกับการเล่นในอดีตว่าเรามีพัฒนาการจากการเล่นครั้งที่แล้วหรือไม่ และคะแนนการเล่นเกมย่อยนั้นมีผลต่อการวิ่งของรถไฟอีกด้วย เกมของProfessor Fizzwizzle สามารถ Download ได้ที่ www.gnubbygames.com จ้า

Rocket Mania เกมต่อสายชนวนสุดมัน



เกมนี้เมื่อเล่นแล้วหยุดไม่ได้กันเลยทีเดียว เป้าหมายของเกม Rocket Mania นั้นก็ง่ายๆ เพียงแค่ต่อสายชนวนจากทางด้านซ้ายให้เชื่อมโยงไปถึงพลุที่อยู่ทางด้านขวาให้ได้จำนวนพลุตามจำนวนของแต่ละด่านตามเวลาที่กำหนดซึ่งในด่านหลังๆอาจจะต้องจุดพลุกันจนหมอกลง ยิงรัวกันยิ่งกว่าปืนของแรมโบ้ จนกว่าจะผ่านด่านไปได้ความยากของเกมอยู่ที่การวางสายชนวนว่าวางยังไงจึงจะจุดพลุได้หลายอันในการจุดชนวนครั้งเดียว

Airport Mania



ในเกมนี้เราจะต้องจัดคิวการลงของเครื่องบินเพื่อไม่ให้เครื่องบินคอยอยู่บนน่านฟ้านานจนเกินไปและยังต้องดูแลการบำรุงรักษาเครื่องบินบนภาคพื้นดินอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการพาเครื่องบินไปเติมน้ำมันส่งเข้าโรงซ่อมบำรุง หรือพาเครื่องบินไปหยุดพักเพื่อรอรับส่งคนจากท่าอากาศยาน นอกจากนี้เรายังสามารถ up grade สนามบินของเราให้ทำงานได้ไวขึ้นอีกด้วย เครื่องบินในเกมก็มีหลายประเภทไปตั้งแต่เครื่องบินใบพัดไปจนถึงเครื่องบินคองครอดที่มีความเร็วในการรับส่งคนแตกต่างกันไป และบางทีเครื่องบินก็มารอกันจนเต็มน่านฟ้า สร้างความกดดันให้กับผู้เล่นที่เป็นผู้บริหารสนามบินเป็นอย่างมาก

World Of Goo



ในเกม World Of Goo ผู้เล่นจะต้องจัดเรียงตัวละครที่มีชื่อว่า Goo ให้เรียงเป็นรูปร่างต่างๆ เช่นพยายามเรียงให้เป็นสะพานเพื่อต่อให้เป็นฐานให้ตัว Goo อื่นๆ วิ่งผ่านลงท่อไป หรือต่อตัว Goo เป็นฐานสูงขึ้นจนกว่าจะถึงท่อดูด แต่การต่อตัว Goo นี้ก็ไม่ได้สามารถต่อได้ตรงๆโดยไม่มีอุปสรรคใดๆ เพราะทุกครั้งที่เราต่อโครงสร้างน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจะทำให้รูปร่างของโครงสร้างเปลี่ยนแปลงไปได้ เช่น ผู้เล่นที่กำลังสร้างสะพานอยู่พอต่อไปได้ยาวขึ้นน้ำหนักจากตัว Goo ก็จะกดให้สะพานที่สร้างค่อยๆโค้งลง นี่ยังไม่ได้นับรวมแรงลงที่มีผลต่อการสร้างโครงสร้างต่างๆอีกด้วย เหมือนกับเกม World Of Goo นี้ ใช้การคำนวณทางวิศวกรรมมาใช้ร่วมด้วย และไม่น่าเชื่อว่าเกมที่สร้างสรรค์แบบนี้ใช้ผู้สร้างกันเพียง 2 คนเท่านั้น

แหล่งรวมบทความจัดอันดับ สารคดีประวัติศาสตร์ บทความสารคดีจักรวาลและดาวเคราะห์ บทความสารคดีสงคราม บทความสารคดีภัยธรรมชาติ บทความสารคดีชีวิตสัตว์ บทความสารคดีอาวุธทางการทหาร บทความสารคดีการจัดอันดับ บทความสารคดีวิทยาศาสตร์ บทความสัมภาษณ์คนดัง บทสนทนาปัญหาเศรษฐกิจ บทสนทนาประเด็นข่าวร้อน เรื่องราวน่ารู้ ความรู้ทั่วไป สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ผู้หญิง ความงาม แม่และเด็ก สัตว์เลี้ยง อาหาร ร้านอาหาร เกมส์ เทคโนโลยี มาดูกันได้ที่  http://www.anyapedia.com

เล่าเรื่องสยองขวัญ สยองกลางทุ่ง
10 โรคมฤตยูที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์
10 อันดับฆาตกรต่อเนื่องที่อำมหิตที่สุดในโลก
10 สุดยอดคนสมองเพชรที่ฉลาดที่สุดในโลก
เล่าเรื่องสยองขวัญ นั่งซากหวาดผวา ศพล่อเสือ
25 การทรมานสุดโหดในประวัติศาสตร์
มนุษย์กินคนในตำนาน ซอว์นี่ บีน (Sawney Bean)
25 อาหารแปลกจากทั่วโลก
10 อันดับสุดยอดเรื่องเล่าสยองขวัญเดอะช็อค
จัดอันดับ
เรื่องเล่าสยองขวัญ
ประวัติศาสตร์
เมนูอาหาร
สุขภาพ

อินดี้

10 เกมส์อันตรายที่ไม่ควรให้เด็กเล่น

1.Grand theft auto หรือ GTA
เกมนี้อนุญาตให้ผู้เล่นได้แสดงพฤติกรรมของอาชญากร และจะได้รับรางวัลเมื่อทำภารกิจเสร็จ
2.Man Hunt
เกม ที่ดูเหมือนหนังสนัฟฟิล์ม ราวกับหนังที่ฆ่าคนจริงๆ ภาพและเสียงของเกมส์ การใช้อาวุธ การกรีดร้องของตัวละครเกมที่ถูกฆ่า ราวกับมีการฆ่าเกิดขึ้น
3.Scarface
เกมส์ที่พัวพันกับการซื้อและขายยาเสพติด การสังหารคนนับร้อย
4.50 cent bulletproof
เกม ที่เกี่ยวกับการคอร์รัปชั่น ที่เกี่ยวโยงไปถึงเครือข่ายขนาดใหญ่ และนำไปสู่เส้นทางการนองเลือด ในวงการค้ายาใต้ดินนิวยอร์ก เกมนี้ได้ 50 cent นักร้อง hip hop ชาวอเมริกัน แสดงเป็นพระเอกของเกม
5. 300 the video game
เกม นี้ดัดแปลงมาจากภาพยนตร์ชื่อดังของ Hollywood ที่เชื้อเชิญให้ผู้เล่นเป็นพระเอกตามภาพยนตร์ ที่มีเรื่องราวให้พระเอกเป็นเหมือนนักรบ gladiator ใช้ดาบเป็นอาวุธไล่ฆ่าพวกเปอร์เซีย ที่เป็นศัตรู
6. the god father
เกมส์ ที่สร้างจากภาพยนตร์ไตรภาคชื่อดังของ hollywood นำเอามาปัดฝุ่นใหม่โดยใช้เนื้อเรื่องในภาค 1 ในการนำเสนอ god fathe เป็นเรื่องของแก๊งค์มาเฟียอิตาลี 2 แก๊งค์ที่ไม่ลงรอยกัน มีฉากไม่เหมาะสมหลายอย่างเช่น การใช้อาวุธปืน การฆ่ารัดคอ การชกหรือซ้อมฝ่ายตรงข้าม
7. killer 7
เกมนี้ได้รับการขนานนามจากเกมเมอร์ผู้ใหญ่หลายคนว่าเต็มไปด้วยความรุนแรงมากที่สุด และเวียนหัวมากที่สุดเท่าที่เคยเล่นเกมมา
8. Ressident Evil 4
เป็น อีกหนึ่งเกมที่ประสบความสำเร็จจนนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ เป็นเรื่องราวการต่อสู้กับผีร้ายซอมบี้ และที่ติด 10 เกมส์ อันตรายเนื่องมาจากการสังหารศัตรูจำนวนมากในฉากอันกว้างใหญ่
9. God of War
เกมเทพเจ้าแห่งสงครามนี้เป็นเกมที่ถูกเปรียบว่าเหมือนท้องทะเลแห้งความรุนแรงทีไม่เคยหยุดนิ่ง
10. Hitman blood money
เป็น อีกหนึ่งเกมที่เกี่ยวข้องกับแก๊งค์มาเฟียมีเนื้อหาที่ค่อนข้างรุนแรงมาก เกมออกแบบมาในมุมมองที่สมจริงมีภาพเลือดและคำหยาบคาย และการนำเอาสิ่งของต่างๆมาใช้เป็นอาวุธฆ่าคน
เครดิต แบไต๋ไฮเทค

แหล่งรวมบทความจัดอันดับ สารคดีประวัติศาสตร์ บทความสารคดีจักรวาลและดาวเคราะห์ บทความสารคดีสงคราม บทความสารคดีภัยธรรมชาติ บทความสารคดีชีวิตสัตว์ บทความสารคดีอาวุธทางการทหาร บทความสารคดีการจัดอันดับ บทความสารคดีวิทยาศาสตร์ บทความสัมภาษณ์คนดัง บทสนทนาปัญหาเศรษฐกิจ บทสนทนาประเด็นข่าวร้อน เรื่องราวน่ารู้ ความรู้ทั่วไป สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ผู้หญิง ความงาม แม่และเด็ก สัตว์เลี้ยง อาหาร ร้านอาหาร เกมส์ เทคโนโลยี มาดูกันได้ที่  http://www.anyapedia.com

เล่าเรื่องสยองขวัญ สยองกลางทุ่ง
10 โรคมฤตยูที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์
10 อันดับฆาตกรต่อเนื่องที่อำมหิตที่สุดในโลก
10 สุดยอดคนสมองเพชรที่ฉลาดที่สุดในโลก
เล่าเรื่องสยองขวัญ นั่งซากหวาดผวา ศพล่อเสือ
25 การทรมานสุดโหดในประวัติศาสตร์
มนุษย์กินคนในตำนาน ซอว์นี่ บีน (Sawney Bean)
25 อาหารแปลกจากทั่วโลก
10 อันดับสุดยอดเรื่องเล่าสยองขวัญเดอะช็อค
จัดอันดับ
เรื่องเล่าสยองขวัญ
ประวัติศาสตร์
เมนูอาหาร
สุขภาพ

อินดี้

10 สุดยอดเรื่องเล่าสยองขวัญเดอะช็อค
เรื่องราวของประสบการณ์ประหลาด จิตวิญญาณ ภูต ผี ปีศาจ สิ่งเร้นลับที่ยังไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ โดยเฉพาะเมื่อพูดถึง ผี ขึ้นมาเมื่อไหร่ หลายคนคงหยุดนิ่งพร้อมกับความรู้สึกเสียวสันหลังวูบ เพราะไม่อยากเจออย่างแน่นอน แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะหลีกเลี่ยงได้ เพราะหลายคนก็เคยสัมผัสความสยอง จนถึงขั้นเอามาเล่าสู่กันฟังแบบสดๆ หน้าไมค์ในรายการเดอะช็อค รายการวิทยุสดที่นำเสนอ เรื่องผี วิญญาณและสิ่งเร้นลับ โดยเปิดสายให้คนทางบ้านมาเล่าประสบการณ์สยองของตัวเอง รายการนี้มีดีเจที่เชี่ยวชาญเรื่อง ผี ชื่อดังอย่างพี่ป๋อง กพล ทองพลับ และทีมงานที่ดำเนินรายการตลอดระยะเวลา 20 กว่าปีที่ผ่านมากับเรื่องเล่านับหมื่นเรื่อง และบางเรื่องยังโด่งดังขนาดนำไปสร้างเป็นภาพยนต์อีกด้วย เรื่องที่ถูกเล่าในรายการเดอะช็อคเรื่องใดที่เป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มาดูกัน

อันดับที่ 10 ลองของผีที่บ้านร้าง
เรื่องนี้แฟนรายการเดอะช็อคชื่อคุณต้นไปลองของที่บ้านร้างแถวชานเมืองที่หนึ่ง เป็นหมู่บ้านที่ปล่อยร้างไว้นานมาก เป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น คุณต้นไปลองของกับเพื่อนประมาณ 6-7 คน ขับรถกระบะกันเข้าไป พอขับเข้าไปถึงที่บ้านหลังนี้ ทุกคนกลับมีความรู้สึกว่าไม่อยากเข้าไปแล้ว รู้สึกกลัวกัน เพราะด้วยบรรยากาศด้วยอะไรหลายๆ อย่าง แต่ด้วยที่ว่าตัดสินใจมากันแล้วก็ลองเข้าไปดูหน่อยก็แล้วกัน ก็ขึ้นไปกัน พอขึ้นไปปุ๊บ ที่ข้างหน้าประตูเนี่ยมันล็อค มันเข้าไม่ได้ ก็เลยพยายามปีนขึ้นไปบนชั้นสอง ตอนแรกเพื่อนคุณต้นปีนขึ้นไปก่อน ปรากฏว่าเพื่อนรีบกระโดดลงมาจากชั้นสองแล้วบอกว่ากลับกันดีกว่า คุณต้นเห็นอาการของเพื่อนแทนที่จะกลัว กลับอยากรู้ว่าเพื่อนไปเห็นอะไร ก็เลยขึ้นไปดูบ้าง พอขึ้นไปคุณต้นก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ อีกฟากหนึ่งของห้องที่มีกระจกไฟเบอร์กลาสกั้นอยู่ คุณต้นก็คิดว่าตัวเองตาฝาด ก็ขยี้ตาก็ปรากฏว่าผู้หญิงคนนั้นเลื่อนมาอยู่ที่ตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว ก็รีบวิ่งลงมาหาเพื่อนที่รออยู่และพากันกลับ พอออกรถก็รู้สึกว่ามีบางอย่างติดอยู่ที่ล้อรถ ก็ลงมาดูกัน พอหยิบดูก็พบว่าเป็นเส้นผมกระจุกใหญ่ แถมตอนออกมาที่ทางออกของหมู่บ้าน ผู้หญิงคนหนึ่งก็ยืนขวางทางอยู่อีกด้วย ก็ขับฝ่าออกมากันด้วยความระทึก

อันดับที่ 9 บ้านเราเองแท้ๆ
เรื่องนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดระยอง เป็นเรื่องของพี่กุ้งที่โทรมาเล่าให้ฟัง พี่กุ้งนี่ไปเรียนต่างประเทศมาซึ่งที่บ้านเขานี่ค่อนข้างจะมีตังค์ ก็เป็นบ้านใหญ่ คุณพ่อเขาเนี่ยปลูกบ้านไว้หลายหลัง ก็พอกลับไป พ่อเขาก็ยกบ้านหลังนี้ให้อยู่ พอไปอยู่แรกๆ ก็เจอเลย ในบ้านจะมีเตียงนอนที่ไปซื้อมือสองมา เป็นเตียงไม้ใหญ่ๆ แล้วในตอนที่นอนนี่เหมือนมีผู้ลายคนหนึ่งมายืนอยู่ปลายเตียง แล้วก็บอกว่าเอาที่กูคืนมา บอกอย่างนี้อยู่หลายคืน แล้วทีนี้พอคืนหลังๆ เนี่ยหลังจากผู้ชายแล้วก็มีผู้หญิงเข้ามาด้วย ผีผู้ชายจากที่ยืนอยู่ปลายเตียงก็เริ่มมานั่งคร่อมบนตัว แต่ผีผู้หญิงนี่แปลก ไม่ได้ยืนใกล้ๆ แต่ยืนอยู่ที่หน้าห้อง ตาแดงๆ และชี้หน้าด้วยความโกรธ ใส่ชุดคลุมท้องด้วย ซึ่งพี่กุ้งจะเจอผู้หญิงคนนี้บ่อยมาก จนทนไม่ไหวไปบอกคุณพ่อ คุณพ่อเขาก็เลยนิมนต์พระมาทำพิธี หลังจากทำพิธีแล้ว ผีผู้ชายหายไป เหลือแต่ผีผู้หญิง ซึ่งไม่ยอมไปซะที ทั้งๆ ที่ทำบุญให้แล้ว หลังจากนั้นก็เจอหนักขึ้นๆ บางทีนอนๆ อยู่ในห้องแล้วประตูหเองก็เปิดไปเห็นห้องโถงข้างหน้าเห็นผีผู้หญิงยืนชี้หน้าอยู่ ซึ่งในภายหลังน้องของพี่กุ้งได้โทรเข้ามาในรายการบอกว่าเขาพาเพื่อนที่ท้องมาอาศัยที่บ้านหลังนี้เนื่องจากพ่อไม่ยอมรับ แต่ก็เสียชีวิต ตายทั้งกลมอยู่ที่บ้านหลังนี้

อันดับที่ 8 เช่าแสนถูก
พี่ผู้ชายคนที่โทรมาเล่านี้ช่วงนั้นแกฐานะไม่ดีก็เลยไปหาบ้านเช่าถูกๆ แกก็อยู่กับแฟน เวลาที่อยู่บ้านหลังนี้เขาจะเจอกับผีผู้หญิงคนหนึ่ง แบบกำลังเคลิ้มๆ กึ่งหลับกึ่งตื่น ผีผู้หญิงคนนี้จะมาบอกให้ช่วย และสุดท้ายก็บอกว่าถ้าอยากเจอเขาให้ไปดูที่ข้างบ้านสิ พี่ผู้ชายคนนี้ทนไม่ไหวแกเลยไปขุดดูที่ข้างบ้าน ก็พบเป็นศพผู้หญิงคนนั้นนอนคุดคู้อยู่จริงๆ ซึ่งเป็นหญิงสาวที่ถูกฆาตกรรมโดยชายคนรักที่พอฆ่าเธอแล้วก็ลากศพไปฝังไว้ที่ข้างบ้าน และต่อมาผีผู้หญิงคนนั้นก็มาให้โชคให้พี่เขาถูกล็อตเตอรี่รางวัลใหญ่อีกด้วย

อันดับที่ 7 ผีเข้ากลางรายการ
วันนั้นมีพี่ผู้หญิงคนหนึ่งชื่อพี่น้ำมนต์ อายุแกก็เยอะแล้วล่ะ แกโทรศัพท์มาเล่าในรายการเดอะช็อค โดยตั้งชื่อเรื่องว่า "เค้าหาว่าเราเป็นผี" คือเหมือนกับว่าตัวของเขาานั้นมีสองร่าง มีตัวเค้าเองกับมีอะไรก็ไม่รู้มาคอยสิงอยู่ พี่เค้าโทรมาเล่าโดยที่ตอนแรกแกก็เกริ่นก่อนนะว่าถ้าเกิดพี่คุยไปแล้วพี่มีอาการอะไรแปลกไปก็อย่าตกใจนะ แล้วแกก็เล่าต่อว่าแกมักจะมีอะไรไม่รู้เข้ามาสิง แล้วช่วงเวลานั้นแกจะไม่รู้ตัว หรือบางทีมีคนเห็นว่าตัวพี่น้ำมนต์นั้นมักจะคุยอยู่คนเดียว คุยกันไปคุยกันมาแต่เป็นสองเสียง เหมือนเป็นการแบ่งบุคลิกกัน จนกระทั่งที่พี่เขาเล่าไปถึงกลางเรื่อง สักพักนึง พี่เขาก็เงียบ แล้วก็กลายเป็นเสียงหัวเราะ แล้วก็พูดว่าเขาไม่ใช่คุณน้ำมนต์ เขาเป็นพญานาค ที่เข้ามาอยู่ในตัวพี่น้ำมนต์ เพราะพี่เขาเนี่ยเป็นคนที่บาปเยอะ ต้องเข้ามาสิงเพื่อพาไปบำเพ็ญเพียรทำความดีไถ่บาป จนสุดท้ายแกก็เงียบหายไปแล้วก็กลับมาเป็นพี่น้ำมนต์อีกครั้ง

อันดับที่ 6 กระจกโบราณ
เหตุการณ์นี้เกิดที่จังหวัดนนทบุรี ที่อาคารพาณิชย์สี่ชั้นของครอบครัวหนึ่ง ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวใหญ่ คนที่โทรมาเล่านี้ชื่อคุณเปิ้ล คุณเปิ้ลโทรมาเล่าว่าที่บ้านอาคารพาณิชย์หลังนั้นมีพี่สาวกับพี่เขยอาศัยอยู่ แล้วก็หลานอีกสองคนผู้ชายกับผู้หญิง ตัวพี่เขยเนี่ยชอบไปซื้อกระจกเก่าๆ ที่เป็นกระจกโบราณเนี่ยมาเก็บไว้ พอพี่เปิ้ลมาอยู่ด้วยก็มักจะได้ยินหลานชายเค้าซึ่งเป็นโตเป็นหนุ่มวัยรุ่นแล้วคุยอยู่กับใครก็ไม่รู้ทุกคืน ซึ่งพี่เปิ้ลเขาสงสัยมาก พอถามหลานชายว่าคุยกับใคร หลานก็ไม่อยากจะบอกแล้วก็เฉไฉไปโรงเรียนเลย ด้วยความที่อยากรู้พี่เปิ้ลก็เลยเดินขึ้นชั้นสองเพื่อจะไปดูที่ห้องของหลานชาย ระหว่างที่ขึ้นบันไดพี่เปิ้ลก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินจูงมือเด็กแล้วเดินหายเข้าไปในห้องของหลานชาย

อันดับที่ 5 เด็กพิเศษ
เรื่องนี้คนที่โทรศัพท์มาเล่าชื่อว่าคุณกร เขาเล่าว่าช่วงปิดเทอมเขาได้ไปพักที่บ้านญาติที่จังหวัดลพบุรี บังเอิญเขาไปรู้จักกับเด็กคนหนึ่ง เป็นเด็กพิเศษมีชื่อเล่นว่าอ๋อง แต่คนแถวนั้นเขาจะเรียกอ๋องกันว่า "เอ๋อ" ซึ่งบางคนในละแวกนั้นจะค่อนข้างกลัวและไม่อยากให้เข้าใกล้เด็กๆ เพราะคิดว่าอ๋องเป็นคนบ้าสติไม่ดี ครั้งแรกที่กรได้เจอและพูดคุยกับอ๋องนั้นก็เป็นบริเวณหน้าวัดที่อ๋องอาศัยอยู่ ซึ่งกรนั้นพอรู้จักชื่ออ๋องว่าบ้างก็ทักว่า อ้าว อ๋อง ไปไหนๆ คือเด็กพิเศษเวลาที่เขาพูด เข้าจะพูดสั้นๆ อ๋องชี้ไปที่จักรยานแล้วก็บอกว่า มันเสียๆ กรก็ปลอบใจอ๋องและพาอ๋องไปซ่อมรถจักรยานและเป็นจุดเริ่มต้นความเป็นเพื่อนของทั้งคู่ เมื่อกรสนิทกับอ๋อง ความพิเศษของอ๋องก็ถูกถ่ายทอดมาให้กรรับรู้มากขึ้น

มีอยู่วันหนึ่งคุณกรมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งชื่อว่าคุณเก่ง ซึ่งอ๋องกับคุณเก่งไม่เคยเห็นหรือรู้จักกันมาก่อน พอเก่งมาเยี่ยมหากรที่บ้านและอ๋องก็อยู่ด้วย อ๋องเห็นหน้าเก่งก็ชี้ไปที่หน้าของเก่งแล้วบอกว่า "เมีย" หลังจากนั้นประมาณสองสามชั่วโมงก็มีโทรศัพท์มาถึงคุณเก่งว่าภรรยาของเก่งที่ทำงานอยู่ที่โรงงานเย็บผ้านั้นได้รับอุบัติเหตุโดยจักรเย็บเข้าไปที่มือ ทุกคนในตอนนั้นก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องที่อ๋องพูดทักเก่งแต่อย่างใด แต่หลังจากผ่านเหตุการณ์ทั้งหมดจึงมาเรียบเรียงดูความแปลกประหลาดที่เกี่ยวกับอ๋องนี้ ส่วนเก่งนั้นมีอาชีพที่เกี่ยวกับมูลนิธิอาสาสมัคร พอเก่งไม่ว่างต้องดูแลภรรยาเลยวานให้กรนั้นไปทำหน้าที่แทนระยะหนึ่ง โดยให้ทำงานคู่กับชาติที่เป็นคู่หูอาสาสมัครของเก่ง อยู่มาวันหนึ่งก็ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถชนกัน เมื่อไปถึงพบว่าเป็นเหตุการณ์รถพ่วงชนกับรถกระบะ แล้วรถกระบะก็ไถลไปชนกับมอเตอร์ไซค์อีกคันหนึ่ง จากเหตุการณ์นีเทำให้คนขับมอเตอร์ไซค์เสียชีวิตและหัวขาดหาหัวไม่เจอ กรกับชาติก็ลงไปช่วยกันหาหัวของศพตรงบริเวณที่เกิดเหตุ แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ สักพักอ๋องก็พูดออกมาว่าล้อๆ กรเอะใจจึงเอาไฟฉายไปส่องหาที่ล้อรถบรรทุก ก็พบว่าหัวของศพติดอยู่ที่ร่องล้อจริงๆ ก็แปลกใจกันว่าอ๋องรู้ได้ยังไง

จนกระทั่งมาถึงเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุด วันหนึ่งกรไปเตะฟุตบอลกับเพื่อนและฝากสร้อยทองไว้กับอ๋องที่นั่งเล่นอยู่ข้างสนาม พอเตะบอลเสร็จก็เดินมาข้างสนามตรงที่อ๋องอยู่ก็พบว่าอ๋องหายไปไหนก็ไม่รู้ ซึ่งตัวคุณกรนั้นก็ไม่ได้คิดว่าอ๋องจะขโมยทองไปหรืออะไร เพียงแต่สงสัยว่าอ๋องหายไปไหนเท่านั้น จนกระทั่งกรต้องมาเข้าเวรของมูลนิธิพร้อมกับชาติ ระหว่างที่นั่งรถตรวจตรากันอยู่นั้นก็เจอเหมือนกับผู้ชายคนหนึ่งเดินอยู่ข้างถนน พอขับรถเข้าไปใกล้ก็พบว่าเป็นอ๋องที่ตัวเปียกอยู่ พอเข้าไปถามอ๋องก็บอกว่าหนาว ก็เลยพาตัวอ๋องมาเพื่อที่จะไปส่งที่บ้าน พอขับรถไปได้สักพักหนึ่ง อ๋องก็ทุบรถแล้วบอกให้หยุด พอจอดรถได้สักพักหนึ่ง ข้างหน้าก็เกิดเหตุการณ์รถสิบล้อชนประสานงากับรถบัสต่อหน้าต่อตากร ชาติ และก็อ๋อง พอช่วยเหลือเก็บกวาดอุบัติเหตุนี้แล้วก็เดินกลับกันมาที่รถ อ๋องก็ไม่อยู่ซะแล้ว ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าอ๋องคงจะเดินกลับบ้านไปเอง

พอรุ่งเช้ากรก็มานั่งที่ม้าหินอ่อนหน้าบ้าน และเปิดดูช่องเก็บที่กรมักจะเอาขนมมาใส่ไว้ให้อ๋องกิน ก็พบกระดาษทิชชู่ที่ห่อสร้อยทองที่กรฝากอ๋องตอนเตะบอล สักพักหนึ่งมีคนวอแจ้งว่ามีคนจมน้ำตาย พอกรขับรถไปดูก็พบว่าศพที่จมน้ำเป็นศพของอ๋องที่คาดว่าน่าจะตายตั้งแต่ตอนที่กรเตะบอลอยู่ เพราะช่วงเวลานั้นมีกลุ่มเด็กเล่นน้ำอยู่แล้วมีเด็กคนหนึ่งจมน้ำ อ๋องก็โดดลงไปช่วยทั้งที่ตัวเองว่ายน้ำไม่เป็นและเพิ่งจะพบศพตอนเช้านี้เอง

อันดับที่ 4 แฟนเก่า
เป็นเรื่องของผู้ชายคนหนึ่งโทรมาเล่า เรื่องของเรื่องเขามีแฟนแล้วก็มีนิสัยคล้ายๆ กันคือไม่ค่อยพูด และเนื่องจากเป็นช่วงที่ย้ายที่ทำงานใหม่จึงสนใจแต่เรื่องงานเพราะอยู่ในช่วงทดลองงาน แต่ตัวผู้ชายก็พอรู้อยู่บ้างว่าแฟนสาวของเขานั้นกินยาเยอะมาก พอถามแฟนเขาก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไร เป็นแค่วิตามินบำรุงธรรมดา ตัวเขาก็ไม่ได้จะซักไซร้อะไรมากเพราะด้วยความที่ก็ยุ่งเรื่องงาน ก็ได้แต่บอกว่าตัวเองจะกินอะไรมากมายเนี่ย เดี๋ยวจะติดเอานะ จนมาช่วงหนึ่งตัวผู้ชายนั้นทำงานหนักมาก จนนอนที่ออฟฟิศเลย อยู่ไปเรื่อยๆ เขาเอะใจว่าพักนี้แฟนสาวของเขาไม่โทรมาหาเลย โทรไปก็ไม่รับสายจนกระทั่งปิดเครื่องไปเลย แต่ในระหว่างนี้เวลาที่เขากลับบ้านจะพบว่าเหมือนกับมีใครมาทำกับข้าวและซื้อของกินไว้ให้เขา แต่สุดท้ายเมื่อติดต่อไม่ได้จึงตัดสินใจเดินทางไปที่บ้านของแฟน พอไปถึงได้คุยกับพ่อและแม่ของแฟนก็ได้รู้ว่าแฟนเสียชีวิตไปแล้วเมื่อสามอาทิตย์ก่อนเพราะป่วยเป็นลูคีเมีย

เมื่อรู้ว่าแฟนตัวเองตายไปเมื่อสามอาทิตย์ที่แล้วโดยที่ไม่รู้อะไรเลย และด้วยความที่เสียใจที่ไม่ได้ดูแลแฟนเลย แต่ก็ฝืนกลับมาทำงานและใช้ชีวิตต่อให้ได้ เมื่อกลับมาทำงาน เขากลับมีความรู้สึกว่าเหมือนกับมีกับข้าวอยู่ในตู้เย็นยังกับตอนที่แฟนเขายังอยู่ ด้วยความสงสัยเขาเลยไปถามยามกับแม่บ้านที่ดูแลอพาร์ทเม้นต์ว่ามีใครเข้ามาที่ห้องของเขามั้ย ยามกับแม่บ้านก็บอกตรงกันว่า ก็แฟนคุณไง ซื้อกับข้าวมาทำทุกวันเลยแล้วประมาณซักเที่ยงคืนตีหนึ่งแฟนเขาก็กลับ เขาเลยไปปรึกษากับเพื่อน เพื่อนแนะนำว่าถ้าอยากพิสูจน์ว่าแฟนของเขายังไม่ไปไหนจริง ให้เอาแป้งฝุ่นโรยให้ทั่วห้อง

พอตื่นเช้ามาเขาก็ไปดูที่พื้นก่อนว่ามีรอยเท้ามั้ย ก็พบว่าไม่มีรอยอะไร แต่กลับปรากฏรอยเหมือนมีคนเอาแขนมาพาดไว้บนตัวของเขา พอเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนคนอื่นฟัง ทุกอย่างมันก็เฉลยหมดเลยว่า มีอยู่วันหนึ่งที่เป็นวันเกิดเพื่อนคนหนึ่ง ทุกคนเห้นเหมือนกันหมดเลยว่าแฟนสาวของเขามาด้วยโดยนั่งอยู่ในรถ มีเหตุการณ์หลายอย่างที่ทำให้แน่ใจว่าแฟนของเขายังไม่ไปไหน สุดท้ายเขาจึงจะบวชให้แฟน จนกระทั่งตอนสึก เจ้าอาวาสก็มาบอกกับเขาว่า โยม ที่โยมมาบวชเนี่ย เขารู้นะ วันที่โยมกำลังจะเดินเข้าโบสถ์ เขามาจับชายผ้าเหลืองโยมอยู่นะ

อันดับที่ 3 กระดานอาถรรพ์
คุณเบิร์ดเป็นคนโทรมาเล่าว่า เขาได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนว่าพ่อของเพื่อนเสียชีวิต ก็เลยรวมกลุ่มกันจะไปงานศพ บังเอิญว่ามีเพื่อนคนหนึ่งเพิ่งกลับมาจากทำงานและตรงดิ่งมาที่วัดโดยที่ไม่ได้เตรียมชุดดำมาด้วย เพื่อนคนนี้ก็เดินหายไปสักพักหนึ่งก็กลับมาพร้อมกับปลอกแขนสีดำ ซึ่งไปแกะมาจากพวงหรีด ด้วยความที่เฮฮากันตามประสาเพื่อนๆ และปากไม่ค่อยเป็นมงคล เพื่อนคนนี้ก็พูดขึ้นมาว่า งานศพทำไมต้องเป็นกระเพาะปลาวะ ถ้าเป็นงานเรานะจะจัดอาหารให้แบบดีๆ เลย เพื่อนคนอื่นก็ทักกันว่าทำไมพูดอย่างนั้น ก็คุยกันไป ระหว่างที่รอแท็กซี่กันอยู่ ก็หันไปเห็นกระดานงานศพ ด้วยความคะนองก็เลยเขียนชื่อจริง นามสกุลจริงของตัวเองลงไปในกระดานพร้อมวันเผาเสร็จสรรพ ด้วยความที่เขาเป็นคนห้าวๆ กับเพื่อนก็เลยหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองมาเปิดว่าให้ตรงกับวันอาทิตย์ที่เป็นวันหยุดเพื่อที่เพื่อนๆ จะได้มางานได้

เวลาผ่านไปสักพักจนวันหนึ่งเพื่อนคนนี้โทรมาคุยกับคุณเบิร์ดว่าพักนี้เขานอนไม่ค่อยหลับและมักจะฝันว่ามีใครก็ไม่รู้พาเขาไปยังสถานที่หนึ่ง เหมือนเป็นศาลาๆ หนึ่ง แล้วที่หน้าศาลาจะมีผู้ชายผมขาวๆ ซึ่งในฝัน เพื่อนได้เข้าไปคุยกับชายคนนี้ แต่ชายคนนี้ก็นั่งเฉยๆ ไม่ยอมพูดจากับเขาเลย คุณเบิร์ดเห็นเพื่อนไม่สบายใจก็เลยชวนให้เพื่อนไปนอนที่บ้านจะได้คุยปลอบเพื่อนไม่ให้คิดมาก จนเวลาผ่านไป มีอยู่วันหนึ่งคุณเบิร์ดได้รับโทรศัพท์จากญาติของเพื่อนคนนี้ว่าเพื่อนล้มหน้าห้องน้ำและอาการหนัก พอไปเยี่ยมก็พบว่าเพื่อนปอดแฟบและสุดท้ายก็เสียชีวิต พอจะจัดงานศพก็หาวัดไม่ได้จนสุดท้ายกลับไปได้วัดเดียวกับที่พ่อของเพื่อนที่ตายก่อนหน้านี้

อันดับที่ 2 สาวชุดดำ
เรื่องสาวชุดดำเนี่ยเป็นเหมือนกับตำนานของเดอะช็อคก็ว่าได้ เพราะมีคนเจอและมาเล่าในรายการค่อนข้างบ่อย ส่วนมากที่จะไปเจอก็จะเป็นถนนเส้นประชาอุทิศ รัชดา ลักษณะที่เจอก็คล้ายๆ กันว่าเป็นผู้หญิงสองคนมายืนรอ เหมือนรอรถ และใส่ชุดสีดำที่เหมือนเพิ่งกลับจากไปเที่ยวย่านนั้น คนที่เจอและโทรมาเล่าก็จะเป็นแท็กซี่เป็นส่วนใหญ่ ส่วนเรื่องที่พีคที่สุดนั้นมีนักเที่ยวคนหนึ่งโทรมาเล่าให้ฟังในรายการ เขาไม่เคยฟังเดอะช็อคมาก่อน เขาเล่าว่าคืนวันที่เจอนั้นเขาไปเที่ยวกลางคืนเสร็จ ขากลับขับรถกลับมาคนเดียว มีผู้หญิงสองคนใส่ชุดสีดำ เหมือนสองคนนี้จะเป็นพี่น้องกันด้วยนั้นโบกรถเขาอยู่ ตามประสาหนุ่มนักเที่ยวเห็นสาวโบกรถก็เลยจอดรับ คนนึงนั่งหน้า อีกคนนั่งหลัง

ระหว่างนั้นเขาก็คุย เท่าที่จำได้คือคนข้างหน้าที่นั่งคู่เขาคุยกันแบบถามคำตอบคำ ส่วนคนข้างหลังนั้นเงียบไม่ปริปากพูดอะไรออกมาเลย จนกระทั่งขับรถมาเกือบจะถึงวัดเสมียนนารีนั้นก็จอดติดไฟแดงและมีรถไฟผ่านมาพอดี เวลาตอนนั้นประมาณตีสามถึงตีสี่ ถนนตอนนั้นเงียบมาก มีรถของเขาจอดติดรถไฟอยู่คันเดียว ระหว่างที่ที่กั้นรถไฟกำลังจะยกขึ้น เขาหันไปดูที่เบาะข้างคนขับก็พบว่าไม่มีใคร หันไปดูที่เบาะหลังก็ไม่มีใครอีกเหมือนกัน มองไปมองมามองเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ จนกระทั่งมองผ่านกระจกไปด้านหน้าก็เจอผู้หญิงทั้งสองคนที่เมื่อกี้นั่งรถของเขาอยู่ ไปนอนคลานอยู่ที่รางรถไฟ โดยที่ผู้หญิงคนหนึ่งตัวขาดครึ่งท่อน และอีกคนพยายามตะเกียกตะกายมาหา เขาตกใจมากสลบคารถไปเลย พอตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในโรงพยาบาลโดยสอบถามเจ้าหน้าที่ได้ความว่ามีตำรวจมาส่ง และทุกวันนี้เขาเป็นโรคหัวใจ ผีสาวชุดดำที่กลายเป็นตำนานนั้นเพราะไม่ได้มีคนเห็นเพียงแค่คนเดียว มีแท็กซี่เจอผู้หญิงสองคนนี้บ่อยมาก มีการให้เงินโดยสารกันจริงๆ พอมาเปิดดูเงินก็กลับกลายเป็นเศษใบไม้ ดอกไม้จันทร์

อันดับที่ 1 ผีช่องแอร์
เป็นเรื่องจากแฟนรายการคนหนึ่งชื่อว่าคุณบิว เป็นนักดนตรี วันหนึ่งเขาไปเล่นดนตรีที่หาดใหญ่ พอเล่นเสร็จก็กลับมาที่ห้องพักของโรงแรม ก็นั่งสังสรรค์ดื่มกินกันเหมือนทุกครั้งที่ไปเล่นดนตรีด้วยกัน มีเพื่อนคนหนึ่งเดินมาแถวๆ หน้าประตู ที่ข้างบนเป็นช่องแอร์ที่ไม่มีฝาปิด เพื่อนคนนี้ก็ยืนมอง คนอื่นก็ถามว่ามองอะไรวะ เพื่อนคนนั้นกลับไม่พูดไม่จาอะไร เดินออกจากห้องไปเลย เพื่อนอีกคนสงสัยว่าเพื่อนคนนั้นเป็นอะไร เมาหรือเปล่า ก็เลยเดินออกไปตามดู ก่อนออกจากห้องก็แหงนมองดูที่ช่องแอร์นี้เพราะเห็นเพื่อนมองก็เลยมองบ้าง พอแต่ละคนมองก็มีอาการเหมือนกันหมดคือพอแหงนมองช่องแอร์นี้ปุ๊บก็เดินออกจากห้องไปทันที จนสุดท้ายเหลือแต่คุณบิวคนที่โทรมาเล่า แกสงสัยว่าเป็นอะไรกันไปหมด แกก็เลยเดินออกมาดูบ้าง

พอเดินมามองเขาก็เห็นเป็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเบียดตัวเองอยู่ในช่องแอร์นี้แล้วห้อยหัวลงมา เขาก็รีบเดินออกมาที่ล็อบบี้ของโรงแรมก็พบว่าเพื่อนๆ นั้นนั่งรอกันอยู่แล้ว แต่ความน่ากลัวของเรื่องเล่านี้อยู่ตรงที่ กลุ่มเพื่อนๆ ที่เจอผีช่องแอร์ในวันนั้นได้ทยอยกันตายเรียงลำดับตามคนที่เจอก่อนจนกระทั่งเหลือคุณบิวกับเพื่อนอีกคนหนึ่งที่ไปอยู่เมืองนอกแล้ว ส่วนตัวเขานั้นตอนที่เล่าก็บอกว่าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเขานั้นจะตายตามเพื่อนไปวันไหน ซึ่งเมื่อตามไปดูประวัติก็พบว่ามหญิงสาวคนหนึ่งเหมือนกับจะทำงานขายบริการถูกฆ่าตายที่ห้องนี้ โดยถูกฆ่าตัดหัวแล้วเอาหัวไปซ่อนไว้ในช่องแอร์นี้เพื่ออำพรางศพ

สยองขวัญ
จัดอันดับ

อินดี้

10 สถานที่สุดแห่งความสยองขวัญ



คุณกำลังก้าวเข้าสู่โลกแห่งตำนานลึกลับ เรื่องราวภูติผีและประสบการณ์น่ากลัว ท้าทายความตายและขอต้อนรับสู่เส้นทางแห่งอาถรรพ์ ขอต้อนรับสู่ 10 สถานที่ที่น่ากลัวที่สุดในโลก
สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า
หนึ่งในสถานที่ลึกลับที่สุดในโลกคือสามเหลี่ยมในตำนานแห่งทะเลที่อยู่ระหว่าง 3 จุดในมหาสมุทรแอตแลนติก เปอร์โตริโก ฟลอริด้า และเบอร์มิวด้า ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมามีคนอย่างน้อย 1,000 คนเสียชีวิตที่นี่ เรือและเครื่องบินมากกว่า 100 ลำสูญหายไปโดยไร้ร่องรอย ขอต้อนรับสู่สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าปลายทางสยองขวัญอันดับที่ 10 คำอธิบายถึงวัตถุจำนวนมากสูญหายไปในบริเวณสามเหลี่ยมมีตั้งแต่พืชยักษ์ ระเบิดลูกไฟ ถูกสัตว์ประหลาดโจมตี มิติเวลาแปรปรวน และต่างดาวลักพาตัว ด้วยเหตุนี้จึงอาจแปลกใจที่บางคนอยากมาสัมผัสที่นี่ และบริเวณที่ดีที่สำหรับการเดินทางไปท่องเที่ยวเบอร์มิวด้าคือเกาะบิมินิ (Bimini) 50 ไมล์จากไมอามี่มุ่งสู่ศูนย์กลางของสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า และนำไปสู่เรื่องลึกลับที่สุดของเบอร์มิวด้า การสูญหายของเที่ยวบินที่ 19 ในปี 1945 ฝูงเครื่องบินรบ 5 ลำ บินขึ้นจากท่าอากาศยานฐานทัพเรือเพื่อซ้อมรบ 90 นาทีให้หลังหัวหน้าผู้ฝูงวิทยุแจ้งว่าหลงทาง และหลังจาก 3 ชั่วโมงก็ได้รับข้อความสุดท้ายที่สับสน ฝูงบินขาดการติดต่อ และเราไม่เคยได้พบซากเครื่องบิน
ฮอลลีวู้ด
ฮอลลีวู้ด แคลิฟอร์เนียเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีชื่อเสียงในโลก และในอีกด้านหนึ่งฮอลลีวู้ดก็เป็นหนึ่งในที่เที่ยวสุดสยองได้เช่นกัน และสยองพอที่จะเป็นอันดับที่ 9 ในการจับอันดับนี้ ที่โรงแรมรูสเวลต์ แขกที่นี่รวมถึงนักแสดงผู้มีชื่อเสียงจากต้นยุคของการผลิตภาพยนต์ จากชาร์ลี แชปปลิ้น สู่มารีลีน มอนโร มีเรื่องเล่าว่าบางคนก็ไม่เคยเช็คเอาท์ มีคนเชื่อว่าผีนักแสดงมอนโกเมอรี่ คลิฟต์ สิงอยู่ที่ห้อง 928 ที่โรงแรมแห่งนี้ มอนโกเมอรี่ คลิฟต์พักที่โรงแรมนี้ 2-3 เดือนก่อนถ่ายหนังเรื่อง from here to eternity คนที่เข้าพักในห้อง 928 มักจะได้ยินเสียงคนเล่นทรัมเป็ต และบางครั้งก็โทรมาต่อว่าแล้วบอกว่าช่วยบอกให้คนที่อยู่ข้างล่างหยุดเล่นทรัมเป็ตได้มั้ย แลัวเมื่อทางโรงแรมบอกกับเขาว่าเคยมีแขกที่เข้าพักห้องนั้นและเป็นคนที่ติดต่อกับวิญญาณได้บอกว่าเป็นวิญญาณของมอนโกเมอรี่ คลิฟต์ แขกคนนั้นเมื่อได้ฟังแล้วกลับไม่กลัวและอยากจะพักต่อ ซึ่งเขาคิดว่ามันน่าหลงใหล  ดาราอีกคนที่ยังสิงอยู่ในโรงแรมรูสเวลต์คือมารีลีน มอนโร เธอพักที่นี่เมื่อมาถึงฮอลลีวู้ดครั้งแรก มารีลีนพักที่ห้อง 246 ข้างสระว่ายน้ำ ตอนนั้นเป็นปี 1951 และเพราะเธอเคยพักที่นี่ เธอจึงยังคงวนเวียนอยู่ที่นี่  มอนรีลีนมอนโรตายอย่างลึกลับขณะนอนหลับในปี 1962 อายุ 36 ปี กระจกในห้องพักของเธอตอนนี้ถูกแขวนอยู่ที่ล็อบบี้ของโรงแรม  หลายคนบอกว่าเคยเห็นเงาของเธอในกระจก

ไม่ไกลกันนั้นมีโรงแรม Knockerbocker ที่นี่ก็มีแขกมีชื่อเสียงเช่นกันทั้งที่ยังมีชีวิตและตายแล้ว มีคนเคยเห็นหัวคนลอยอยู่เหนือโต๊ะพูลในผับของโรงแรม และมีคู่รักกำลังนั่งเล่นกันในนั้น ทันใดนั้นพัดลมก็โฉบลงจากเพดานลอยไปทั่วห้อง หลอดไฟอีกข้างหนึ่งของห้องก็ระเบิดขึ้น แล้วคู่รักคู่นั้นก็เห็นผีผู้ชายแต่งกายในยุค 40 ปรากฏกายขึ้นแล้วก็แว่บหายไป แต่โรงแรมไม่ใช่ที่เดียวที่จะเกิดเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ สุสานตลอดกาลของฮอลลีวู้ดเป็นที่พักของคนมีชื่อเสียงมากมาย และเป็นที่รู้กันว่ามีผีมากกว่าที่อื่นในฮอลลีวู้ด เช่นดาราดังในยุค 1920 รูดอล์ฟ วาเลนติโน่ ซึ่งตายอย่างไม่คาดคิดด้วยแผลทะลุเรื้อรังด้วยอายุเพียง 31 ปี เชื่อกันว่าเขายังวนเวียนตามโถงทางเดินที่ร่างของเขาถูกฝังเอาไว้ บ่อยครั้งที่วิญญาณของเขาเตร็ดเตร่ออกไปที่พาราเม้าท์ อาถรรพ์แห่งฮอลลีวู้ดประกอบด้วยความหลงใหลในตัวคนดัง ถ้าคุณได้มีโอกาสไปพักที่โรงแรมรูสเวลต์ ถึงแม้คุณไม่มีโอกาสได้เจอมารีลีน มอนโรในชีวิตจริง แต่คุณอาจมีโอกาสได้เจอเธอในหนังแห่งความตาย

หอคอยแห่งลอนดอน (Tower of London)
ชื่อนครลอนดอน ประเทศอังกฤษ ปกติแล้วจะไม่ค่อยได้รู้สึกถึงความน่ากลัวนัก แต่มีสถานที่หนึ่งในลอนดอนที่น่ากลัวมากพอที่จะเป็นอันดับที่ 8 เรากำลังพูดถึง 900 ปีแห่งประวัติศาสตร์ของเลือด ความตายที่น่าสยดสยองโดยกิโยตินและคมขวาน การถูกแขวนคอ ถูกยิง คมดาบ การตายอย่างทารุณต่างๆ มันเป็นปราสาทและคุกเก่าแก่ที่สุด ซึ่งน่ากลัวเหนือคำบรรยาย นักโทษมากมายถูกพามาที่หอคอย ผู้ที่ผิดด้วยข้อหาศาสนานอกรีตถูกเผาทั้งเป็น ชนชั้นปกครองถูกสังหารบนเนินของหอคอยอันเป็นการประหารต่อหน้าฝูงชน มันคือมรดกของความโหดเหี้ยมที่ให้กำเนิดตำนานเหนือธรรมชาติ ทหารยามที่ดูแลปราสาทรายงานว่าเห็นร่างหญิงไร้ศรีษระเดินมุ่งไปทางโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ นั่นคือแอนน์ โบลีน กับหัวที่อยู่ในอ้อมแขน ถ้าคุณมองหาตำนานสยองขวัญที่นี่มีให้คุณมากมาย

Mutter Museum
โครงกระดูกมนุษย์ อวัยวะที่เป็นโรคและความผิดปกติทางการแพทย์ นำไปสู่นิทรรศการที่น่าสยองที่สุดในโลก และมันก็มาอยู่ในอันดับที่ 7 มันคือพิพิธภัณฑ์แห่งประวัติศาสตร์การแพทย์มุทเทอร์ เป็นความขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงกับพิพิธภัณฑ์อื่นในเมืองฟิลาเดเฟีย รัฐเพนซิลวาเนีย พิพิธภัณฑ์มุทเทอร์แสดงอุปกรณ์การสอนและชุดการสอนทางการแพทย์จากปี 1800 เพื่อแสดงให้เห็นว่านักเรียนเรียนรู้ที่จะตรวจพบเชื้อโรคและเพื่อรวบรวมสิ่งที่น่าสนใจจากการศึกษาทางการแพทย์  พิพิธภัณฑ์มุทเทอร์ยังคงรวบรวมอุปกรณ์การสอน แต่เมื่อเปิดให้คนทั่วไปได้เข้าชมในปี 1963 นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาเพื่อความสยองขวัญในบรรยากาศของนิทรรศการทางวิทยาศาสตร์  มันมีทั้งพยาธิตัวตืดที่ยาวมากและทารกสามหัว จุดที่ได้รับความสนใจ รวมถึงรูปหล่อปูนขาวของแฝดสยาม ชุดสะสมอวัยวะที่เป็นโรค รวมถึงลำไส้ใหญ่ขนาดยักษ์ ชุดสะสมอันแปลกประหลาดของวัตถุที่พบในทางเดินอากาศและทางเดินอาหารของมนุษย์ โถบรรจุชิ้นส่วนตัวอย่างของมนุษย์ที่ติดเชื้อที่สยองจนทำให้คุณไม่อยากเจอกับตัวเอง แม้ว่าพิพิธภัณฑ์มุทเทอร์จะถูกออกแบบมาเพื่อการศึกษาแต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาที่นี่เพื่อความบันเทิง
Gettyburg
ดินแดนแห่งนี้เป็นที่ๆชาย 51,000 คนต้องเสียชีวิต วันที่ 1-3 กรกฎาคม 1863 คลื่นแห่งสงครามกลางเมืองก็เปลี่ยนทิศไป เมื่อเกิดสงครามที่นองเลือดที่สุดในแผ่นดินอเมริกา สงครามที่ Gettyburg มันเป็นที่ๆศักดิ์สิทธิ์ มีทหารพัธมิตรถูกฝังที่นี่ ทุกปีนักท่องเที่ยว 1,700,000 คน เดินข้ามพื้นที่ 6,000 เอเคอร์ของสนามรบ บ้างมาเพื่อศึกษาประวัติศาสตร์ บ้างเพื่อระลึกถึงบรรพบุรุษ หลายคนมาด้วยเหตุผลอื่น เรื่องของสถานที่ผีสิง กลิ่นแปลกๆ และความเย็นยะเยือก กลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับนักท่องเที่ยวใน Gettyburg มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้น บางอย่างปรากฏในรูปถ่าย

นิวออร์ลีน
วิญญาณ เรื่องลี้ลับที่อธิบายไม่ได้ ปิศาจที่น่ากลัวแห่งวูดู ที่นี่หลายคนรู้ศึกถึงวิญญาณ เวทมนต์และความเชื่อโบราณ  การติดต่อของนิวออร์ลีนกับภูตผีนั้นยาวนานและเข้มข้น การเข้าชมพิพิธภัณฑ์วูดู หรือทัวร์จตุรัสฝรั่งเศสยามราตรี เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะได้สัมผัสด้านมืดของนิวออร์ลีน เป็นที่ๆคนธรรมดาจะสามารถสัมผัสได้ถึงความลี้ลับ

Salem Massachusetts
อาณานิคมที่งดงามดั่งภาพวาด เพียง 30 นาทีจากบอสตัน เมืองเซเลมที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และหลักฐานของการปฏิวัติ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาที่นี่เพื่อสำรวจมรดกอาถรรพ์แห่งเซเลม ในปี 1692 คน 19 คนถูกแขวนคอในข้อหาเป็นแม่มด เป็นผู้หญิง 14 คน และชาย 5 คน

Area 51
เป็นที่ไกลจากผู้คน ห่างจากลาสเวกัส 75 ไมล์ไปทางตะวันตก ด้วยชื่อแปลกๆก็คือทางหลวงจากนอกโลก เป็นความลับสุดยอดของรัฐบาลที่เป็นต้นตอของการปรากฏของต่างดาว นี่คือที่สำหรับปลีกวิเวกของรัฐบาลแม้ว่าเราพยายามที่จะเข้าถึงมัน รัฐบาลปฏิเสธว่ามีที่แห่งนี้อยู่ จนปี 1995 รัฐบาลได้ยอมรับว่าได้ทดลองเครื่องบินสอดแนมที่นี่ แม้ว่ามีเครื่องบินทดสอบที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็น UFO หลายต่อหลายครั้ง ไม่ปรากฏว่ามีการติดต่อกับต่างดาวจนปี 1989 นักวิทยาศาสตร์รายหนึ่งออกมาบอกว่าพวกเขาทำงานบนยานต่างดาวในโรงเก็บบนหุบเขาที่ถูกซุกซ่อนไว้ในเขตพื้นที่ Area 51 นักวิทยาศาสตร์คนนั้นออกโทรทัศน์ท้องถิ่นในเวกัสบอกว่า "ผมเป็นนักฟิสิกส์ถูกเกณฑ์ให้ไปตรวจพิสูจน์ทางวิศวกรรมของระบบการขับเคลื่อนต่อต้านแรงดึงดูดของโลกด้วยแม่เหล็กไฟฟ้าของวัถุที่บินได้รูปจานรองถ้วยเหมือนในหนังสงครามของมนุษยชาติ"  รอบๆบริเวณนั้นไม่มีรั้วกั้น และผู้ที่อยากรู้ทั้งหลายก็ไมกล้าเข้าไป พวกเขาคอยเฝ้าดูด้วยกล้องส่องทางไกลคุณภาพสูง มีกล้องบันทึกภาพระยะไกลบนสันเขา และมีป้ายเตือนห้ามเข้า

Winchester Mystery House
อันดับ 2 ของปลายทางสยองขวัญคือพื้นที่ 160 ห้องของแมนชั่นในซานโฮเซ่ แคลิฟอร์เนีย บ้าน Winchester ที่ซึ่งเล่ากันว่ามีผีสิง บ้านถูกออกแบบแปลกๆ มีทางเดินลับและทางตันอยู่ทั่วพื้นที่ คฤหาสถ์นี้เคยเป็นบ้านของ Sarah Winchester ผู้มีสมบัติมากมายจากสามีลูกหลานตระกูลผู้ผลิตปืนไรเฟิล หลังจากการตายของสามีและลูกสาว เธอพบร่างทรงซึ่งบอกเธอว่า การตายของลูกสาวและสามีของเธอเป็นเพราะวิญญาณทั้งหลายที่ตายด้วยปืนไรเฟิล หนทางในการแก้ปัญหานี้ก็คือเธอต้องซื้อบ้านและสร้างไปเรื่อยๆ และตรายที่เธอยังสร้างบ้าน เหล่าวิญญาณก็จะไม่ทำร้าย เธอทำตามคำเตือนโดยซื้อบ้านที่ทิ้งร้าง ในปี 1884 เธอซื้อบ้านมีห้องแปดห้องที่ยังไม่ได้ตกแต่ง 38 ปีให้หลัง เธอเปลี่ยนมันให้เป็นคฤหาสถ์ 7 ชั้น แบบบ้านที่วิปริต เธอสร้างประตูที่เปิดไปเจอกำแพง หน้าต่างทางตัน ห้องประชุมที่มีทางเข้าทางเดียวสามทางออกและประตูลับที่ร่วงไปสู่ห้องครัวชั้นล่าง เธอตายในปี 1920 เมื่ออายุ 83 ปี และงานสร้างทั้งหมดก็หยุดลง

บ้านที่เกิดเหตุคดีลิซซี่ บอร์เดน
เมืองนิวอิงค์แลนด์อันเงียบสงบเป็นที่เหมาะมากสำหรับพักผ่อนหรือฆาตกรรมโหด ที่นี่เป็นบ้านเกิดของลิซซี่ บอร์เดน กับเหตุการณ์ฆาตกรรมที่โหดเหี้ยมและลี้ลับที่สุดตลอดกาล คดีที่พ่อและแม่เลี้ยงของลิซซี่  บอร์เดนถูกฆ่าตายในบ้าน คำให้การของลิซซี่ที่น่าส่งสัย จนปัจจุบันก็ยังเป็นความลับว่าเธอฆ่าพ่อและแม่เลี้ยงหรือไม่ ที่เกิดเหตุได้ถูกเปลี่ยนเป็นห้องพักและพิพิธภัณฑ์  แขกต้องจองเป็นปีล่วงหน้าเพื่อที่จะได้นอนในห้องนอนที่แม่เลี้ยงของลิซซี่ถูกฆ่าหรือเพื่อนั่งบนโซฟาที่พบศพพ่อของเธอ แม่เลี้ยงของลิซซี่ถูกฟันถึง 19 แผล เธอถูกจับตะแคง เธอเห็นฆาตกรมุ่งเข้ามาที่เธอ จากนั้นก็กระหน่ำยิงกระสุน 18 นัดเข้าที่หัว ส่วนพ่อของเธอถูกฆ่าใน 90 นาทีต่อมา และมีการแจ้งความว่าพบศพของเขาก่อน เขาถูกยิง 10 นัดที่หัว พ่อของลิซซี่มีทรัพย์สินถึงกว่า 500,000 ดอลล่าห์ ถ้าเทียบกับปัจจุบันอาจเป็นมูลค่าถึง 12 ล้านดอลล่าห์ แม้จะมีเหตุจูงใจแต่จากการสอบสวนพบว่าลิซซี่บริสุทธิ์ 

แหล่งรวมบทความจัดอันดับ สารคดีประวัติศาสตร์ บทความสารคดีจักรวาลและดาวเคราะห์ บทความสารคดีสงคราม บทความสารคดีภัยธรรมชาติ บทความสารคดีชีวิตสัตว์ บทความสารคดีอาวุธทางการทหาร บทความสารคดีการจัดอันดับ บทความสารคดีวิทยาศาสตร์ บทความสัมภาษณ์คนดัง บทสนทนาปัญหาเศรษฐกิจ บทสนทนาประเด็นข่าวร้อน เรื่องราวน่ารู้ ความรู้ทั่วไป สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ผู้หญิง ความงาม แม่และเด็ก สัตว์เลี้ยง อาหาร ร้านอาหาร เกมส์ เทคโนโลยี มาดูกันได้ที่  http://www.anyapedia.com

เล่าเรื่องสยองขวัญ สยองกลางทุ่ง
10 โรคมฤตยูที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์
10 อันดับฆาตกรต่อเนื่องที่อำมหิตที่สุดในโลก
10 สุดยอดคนสมองเพชรที่ฉลาดที่สุดในโลก
เล่าเรื่องสยองขวัญ นั่งซากหวาดผวา ศพล่อเสือ
25 การทรมานสุดโหดในประวัติศาสตร์
มนุษย์กินคนในตำนาน ซอว์นี่ บีน (Sawney Bean)
25 อาหารแปลกจากทั่วโลก
10 อันดับสุดยอดเรื่องเล่าสยองขวัญเดอะช็อค
จัดอันดับ
เรื่องเล่าสยองขวัญ
ประวัติศาสตร์
เมนูอาหาร
สุขภาพ