ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

แหล่งรวมบทความสารคดี

เริ่มโดย อินดี้, 01:23 น. 27 ส.ค 56

อินดี้

10 อันดับฆาตกรเด็ก
เนื้อหาบางส่วนมีเรื่องราวโหดร้าย ทารุณ
10. อีริค สมิธ (Eric Smith, January 22, 1980)



อีริค สมิธเป็นเด็กชายอายุ 13 ปี เขามักจะถูกแกล้งอยู่เป็นประจำอันเนื่องมาจากรูปลักษณ์ของเขา เขาสวมแว่นหนา หน้าตกกระ ผมแดง และหูที่ยื่นยาวออกมา เชื่อกันว่ามาจากผลข้างเคียงในการรักษาโรคลมบ้าหมูของแม่ของเขาขณะที่เธอตั้งครรภ์ เขาถูกจับกุมหลังจากที่ฆ่าเด็กชายวัย 4 ขวบที่ชื่อเดอริค โรบี้ (Derrick Robie)  ศพเดอริคถูกรัดคอ และหัวของเขาถูกทุบด้วยหินก้อนใหญ่ และเมื่อตำรวจถามอีริคถึงสาเหตุในการฆ่า อีริคไมาสามารถให้คำตอบที่แท้จริง  จิตแพทย์วินิจฉัยว่าอีริคมีความผิดปกติในการควบคุมอารมณ์ มันเป็นสภาวะที่บุคคลไม่สามารถควบคุมความโกรธเคืองภายในจิตใจ  เขาถูกตัดสินว่ากระทำผิดและถูกจับเข้าคุก จนถึงทุกวันนี้เขาเป็นนักโทษมาแล้ว 8 ปี และถูกปฏิเสธทัณฑ์บน 5 ครั้ง

9. โจชัว ฟิลลิปส์ (Joshua Phillips, March 17, 1984)



ในเช้าวันหนึ่งแม่ของฟิลลิปส์ทำความสะอาดห้องของเขาเมื่อเขาไปโรงเรียนแล้ว แม่ของเขาสังเกตเห็นหยดน้ำใต้เตียงของเขา เธอคิดว่ามันคงจะหยดรั่วลงมาจากเตียงน้ำของลูกชายเธอ เธอก็สำรวจรอยรั่วบนเตียงและเห็นว่ามีเทปพันสายไฟแปะอยู่ที่จุดหนึ่ง เธอพลางคิดว่าฟิลลิปส์คงเห็นรอยรั่วนี้แล้วแปะเทปเอาไว้ เธอคิดจะซ่อมมันใหม่และเมื่อเธอเอาเทปออก เธอเห็นถุงเท้าของลูกเธอในนั้น แต่แล้วเธอก็รู้สึกเย็นยะเยือกกับภาพตรงหน้าเมื่อเธอส่องไฟฉายเข้าไป มันเป็นศพของแมดดี้ คลิฟตัน (Maddie Clifton) ลูกของเพื่อนบ้านวัย 8 ขวบที่หายตัวมาแล้ว 7 วัน

คนที่อยู่ในละแวกนั้น รวมทั้งพ่อแม่ของแมดดี้แทบไม่อยากจะเชื่อว่าฟิลลิปส์ฆ่าแมดดี้ ฟิลลิปส์เป็นหนึ่งในเพื่อนบ้านที่เป็นอาสาสมัครช่วยกันตามหาแมดดี้ และเพราะฟิลลิปส์อายุต่ำกว่า 16 ปี เขาจึงไม่ได้รับโทษประหารชีวิต เขาถูกจับกุมและถูกพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตและห้ามถูกปล่อยตัวเป็นอิสระ จนถึงทุกวันนี้อีริคกล่าวว่าเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายแมดดี้ แมดดี้ถูกตีเข้าบริเวณดวงตาด้วยไม้เบสบอลและถูกรัดคอ หลังจากนั้นก็แทงเธอแล้วเก็บศพไว้ในห้องของเขา และแน่นอนว่าคณะลูกขุนไม่เชื่อเรื่องที่ฟิลลิปส์ให้การ

8. จอร์จ สตินนีย์ (George Stinney, October 21, 1929–June 16, 1944)



วันที่ 16 มิถุนายน 1944 สหรัฐได้มีการบันทึกว่ามีตัดสินประหารชีวิตนักโทษเด็ก จอร์จ สตินนีย์ อายุ 14 ปี นักโทษประหารชีวิตที่มีอายุน้อยที่สุดของสหรัฐในช่วงศตวรรษที่ 20 จอร์จฆาตกรรมเด็กผู้หญิงสองคนคือเบ็ตตี้ จูน เบ็นนิคเกอร์ อายุ 11 ปี และ แมรี่ เอ็มม่า เธมส์ อายุ 8 ปี พวกเธอถูกพบว่าเป็นศพอยู่ในบ่อโคลน จอร์จให้การว่าเขาต้องการมีเซ็กซ์กับเบ็ตตี้และฆ่าเธอในภายหลัง คดีของเขาไม่ได้รับการอุทธรณ์เนื่องจากครอบครัวของจอร์จยากจน

7. ไลโอเนล เทต (Lionel Tateม, January 30, 1987)



แคทเธอลีน กรอสเสท เทตเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่น่าเชื่อถือ ในเย็นวันหนึ่งเธอพาเด็กหญิงทิฟฟานี่ อูนิค วัยหกขวบมาที่บ้านของเธอ เธอขึ้นไปข้างบนบ้านและปล่อยให้เด็กหญิงดูโทรทัศน์อยู่กับไลโอเนล ลูกชายเธอวัย 14 ปี จนเวลาประมาณ 4 ทุ่ม เธอรู้สึกว่าเสียงของเด็กๆเงียบไป แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะคิดว่าเด็กๆ คงจะผลอยหลับไป จนประมาณ 45 นาทีให้หลัง ไลโอเนลเรียกเธอแล้วบอกเธอว่าทิฟฟานี่ไม่หายใจแล้ว ไลโอเนลบอกว่าพวกเขาเล่นมวยปล้ำกัน เขาจับเธอทำท่าเฮดล็อกและจับเธอทุ่มไปบนโต๊ะ จากการชันสูตรทิฟฟานี่พบว่ามีแรงกระแทกอย่างรุนแรงจนทำให้ตับของเธอฉีกขาด กะโหลกศรีษระและกระดูกซี่โครงร้าว สมองบวมจากการถูกตีอย่างรุนแรง ไลโอเนลเปลี่ยนคำให้การภายหลังว่าเขากระโดดไปบนตัวเธอจากขั้นบันได
ไลโอเนลถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตในปี 2001

6. แบร์รี่ เดล ลูไคทีส (Barry Dale Loukaitis)



2 กุมภาพันธ์ 1996 เกิดเหตุการณ์กราดยิงตัวประกันในห้องเรียนวิชาพีชคณิต โรงเรียนเดอะฟรอนเทียร์ มิดเดิล สคูล มีผู้เสียชีวีตสามคน (ครู 1 คน นักเรียน 2 คน) และหนึ่งคนบาดเจ็บสาหัส ผู้ก่อเหตุคือนักเรียนชายวัย 14 ปีที่ชื่อแบร์รี่ เดล ลูไคทีส
ก่อนเหตุการณ์กราดยิง แบร์รี่มีอาการประสาทหลอนและคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้า เขาพกปืนไรเฟิล ปืนพกขนาด.357 และ ปืนพกขนาด.25 ซึ่งปืนทั้งหมดเป็นของพ่อของเขา หลังก่อเหตุเขาจับตัวประกันไว้ประมาณ 10 นาทีก่อนถูกโค้ชกีฬาหลอกล่อและจับตัวเขาไว้ได้ นอกเหนือจากการป่วยทางจิตใจและปัญหาในครอบครัวของเขา เขายังได้รับแรงบันดาลใจจากมิวสิควีดีโอเพลงเจเรมี่ (Jeremy) ของวงเพิร์ลแจม ที่เป็นเรื่องราวของวัยรุ่นคนหนึ่งที่ฆ่าตัวตายเพราะมีปัญหากับเพื่อนร่วมชั้นและครู
และอ้างถึงตัวเอกในนิยายเรื่องเรจ (Rage) ของสตีเฟ่นคิงที่ฆ่าครูและเพื่อนในคลาสเรียนวิชาพีชคณิต แบร์รี่ได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิตกับจำคุก 205 ปี

5. เครก ไพรซ์ (Craig Price)



4 กุมภาพันธ์ 1989 โจน ฮีทตัน อายุ 39 ปี พร้อมลูกสาวของเธอสองคน เจนนิเฟอร์ 10 ปีและเมลิสซ่า 8 ปี ถูกพบเป็นศพโชกเลือดภายในบ้านของเธอ พวกเขาถูกแทงเป็นแผลฉกรรจ์ และมีดหักคาอยู่ในคอของเมลิสซ่า ในรายงานของตำรวจ โจนถูกแทงประมาณ 60 ครั้ง ขณะที่เด็กหญิงทั้งสองถูกแทงประมาณ 30 ครั้ง เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเหตุจูงใจเป็นการลักทรัพย์ มีดที่ใช้ฆาตกรรมถูกนำมาจากในครัวของบ้าน มีร่องรอยการต่อสู้ของโจนกับคนร้าย และเชื่อว่าคนร้ายอาจเป็นหนึ่งในเพื่อนบ้านของเธอ และคนร้ายอาจจจะมีบาดแผลจากการต่อสู้กับเธอ เครกถูกสนใจโดยตำรวจจากบาดแผลที่มือของเขา เขาอ้างว่ามือกระแทกกับกระจกรถยนต์ แต่ตำรวจไม่เชื่อ พวกเขาตรวจค้นห้องพักของเครกและเข้าชาร์จจับกุมหลังจากที่พบมีด ถุงมือ และสิ่งของต่างๆที่เปื้อนเลือด เขาสารภาพว่าก่อเหตุเหมือนกับคดีนี้เมื่อสองปีก่อน เขาถูกตัดสินก่อนวันเกิดครบรอบ 16 ปี และยังติดคุกอยู่จนถึงปัจจุบัน

4. เกรแฮม ยัง (Graham Young, September 7, 1947 – August 22, 1990)



เกรแฮม ยังผู้หลงใหลในความรู้เกี่ยวกับยาพิษต่างๆ และผลที่เกิดกับคน เขายังมีความสนใจและเทิดทูนฆาตกรอย่างด็อกเตอร์ฮอว์ลี่ย์ คริพเพ็น, วิลเลี่ยม พาล์มเมอร์, อดอล์ฟ ฮิตเล่อร์ และคนอื่นๆ ยังเริ่มการทดลองเกี่ยวกับยาพิษเมื่ออายุ 14 ปี เขาโกหกอายุเพื่อทำให้สามารถหาซื้อสารเคมีต่างๆเท่าที่ต้องการ ครอบครัวและเพื่อนคือเหยื่อของเขา พวกเขามีไข้ อาเจียน ท้องเสีย กระเพาะอาหารเป็นแผล ยังในวัย 14 มีความรู้ในวิชาเคมีเทียบเท่าระดับปริญญาตรีจาการเรียนรู้ด้วยตนเองในห้องสมุด ในบางครั้งเขาก็เป็นเหยื่อเสียเองเพราะลืมว่าใส่ยาพิษลงในอาหารของเขา ยังถูกจับเพราะครูคนหนึ่งตรวจโต๊ะเรียนของเขาในเย็นวันหนึ่งหลังเลิกเรียน เขาพบยาพิษ บันทึกต่างๆ และหลักฐานทั้งหมด และนำไปสู่การแจ้งตำรวจ หลังจากนั้นเขาถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลที่มีการรักษาความปลอดภัยสูงสุด แต่มันก็ไม่อาจหยุดยั้งพฤติกรรมชั่วร้ายของเขา เขาวางยาพิษเจ้าหน้าที่พยาบาลและเพื่อนผู้ต้องขัง มีหนึ่งคนตาย ความรู้ของเขาที่สามารถสกัดไซยาไนด์จากใบลอเรลบุชแพร่หลายไปทั่ว
แต่ถึงกระนั้นเขาได้รับการปล่อยตัวเมื่ออายุ 23 ปี และอาศัยอยู่กับพี่สาวของเขา และกลับมาวางยาพิษเพื่อนร่วมงานอีก เขาถูกจับเป็นนักโทษอีกครั้งและตายที่นั่น

3. เจส โพมรอย (Jesse Pomeroy, November 29, 1859–September 29, 1932)



เจสเกิดเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 1959 ในCharlestown รัฐแมสซาชูเซตส์ และเป็นฆาตกรอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐแมสซาชูเซตส์ เจส โพมรอยเริ่มแสดงความโหดร้ายกับเด็กคนอื่นเมื่อเขาอายุ 11 ปี เขาจับเด็กเจ็ดคนไว้ในที่ซ่อน จับพวกเขาแก้ผ้าและทรมานด้วยมีดและแทงด้วยเข็มเข้าไปในเนื้อของเด็กพวกนี้ หลังจากที่ถูกจับได้เขาถูกส่งไปโรงเรียนดัดสันดาน และต้องอยู่ที่นี่จนถึงอายุ 21 ปี แต่แล้วก็ถูกปล่อยตัวออกมาเพราะประพฤติตัวดี หลังจากไปอยู่ได้เพียงปีครึ่ง หลังจากนั้นสามปี เขาทำสิ่งที่เลวร้ายกว่าเดิม เขาลักพาตัวและฆ่าเด็กหญิงอายุสิบขวบชื่อ Katie Curran และยังต้องสงสัยว่าฆ่าเด็กชายอายุสี่ขวบที่ถูกพบเป็นศพขาดวิ่นในอ่าว Dorchester แม้ว่าจะมีหลักฐานที่แน่ชัดที่จะเชื่อมโยงไปถึงตัวเจสในคดีการตายของเด็กชาย แต่เจสรับสารภาพเฉพาะคดีของ Katie Curran เจสถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตและถูกขังเดี่ยว เขาตายเมื่ออายุ 72 ปีด้วยโรคชรา

2. จอน เวนาเบิลส์ และ โรเบิร์ต ธอมสัน(Jon Venables and Robert Thompson, August 13, 1982, August 23, 1982)



แม่ของเด็กชายวัยสองขวบเจมส์ บัลเกอร์ ปล่อยลูกไว้ที่ประตูหน้าร้าน butcher ด้วยความคิดโง่เขลาที่ว่าใช้เวลาไม่นานในการกลับมารับลูกของเธอ หลังจากนั้นเธอก็ได้รู้ว่ามันเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้ลูกของเธอในสภาพที่มีชีวิต จอนและโรเบิร์ตทั้งคู่อายุสิบปี เด็กเกเรสองคนที่โดดชั้นเรียนมาเที่ยวห้าง และกำลังมองหาอะไรสนุกๆทำ พวกมันเจอเจมส์และพาตัวออกไปข้างนอก เจมส์ถูกเอาหัวกระแทกรถ มีรายงานว่าก่อนที่พวกมันจะทำกับเจมส์ ได้เคยพยายามลักพาตัวเด็กผู้ชายหลงทางคนหนึ่งเพื่อไปทรมาน แต่ไม่สำเร็จเพราะแม่ของเหยื่อรู้ตัวเสียก่อน ระหว่างทางสองไมล์ที่เจมส์ถูกพาตัวออกไป พวกมันทั้งต่อย เตะ ทุบหัวของเด็กน้อย คนที่เดินผ่านไปมาก็ละเลย ไม่สนใจ เพราะคิดว่าเป็นการเล่นกันของเด็กและคิดว่าเป็นพี่น้องกัน จอนและโรเบิร์ตพาตัวเจมส์มาที่รางรถไฟ พวกมันทรมานเขาต่างๆนานา หยอดสีลงในตาซ้ายของเจมส์ ทำให้เกือบบอดในทันที ขว้างหินใส่เขา ตีเขาด้วยก้อนอิฐ และท่อนเหล็ก พวกมันยังทำร้ายทางเพศกับเจมส์อีกด้วย ทั้งหมดนี้แทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นการกระทำของเด็กสิบขวบ มันโหดร้ายทารุณมากที่มนุษย์ในวัยนี้จะกระทำต่อผู้อื่นได้ พวกมันวางร่างของเจมส์พาดบนรางรถไฟและเอาก้อนอิฐมาปิดหัวที่ชุ่มเลือดของเขา เพราะพวกมันคิดว่าเจมส์ตายแล้วและหวังว่าจะอำพรางคดีให้รถไฟทับศพเจมส์ มีรายงานว่า เจมส์ยังไม่ตายเวลานั้น แต่ตายก่อนที่รถไฟจะทับร่างของเขา

1. แมรี่ เบล (Mary Bell, May 26, 1957)



"Murder isn't that bad; we all die sometime anyway." การฆาตกรรมไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ยังไงพวกเราทุกคนก็ต้องตายอยู่ดี 
Brian Howe ถูกพบเป็นศพถูกปกคลุมด้วยสาหน่ายสีม่วงและต้นหญ้า 1 วันหลังจากการตายของ Martin Brown ซึ่งตายจากการสำลัก ผมของเขาถูกตัด มีรอยเจาะที่ต้นขา อวัยวะเพศของเขาถูกถลกหนังบางส่วน เด็กชายวัยสามขวบเสียชีวิตเนื่องจากถูกรัดคอ จากการสอบสวนแมรี่ เบล อายุ 11 ปี เธออธิบายรายละเอียดการฆาตกรรมที่เป็นความลับที่มีแต่ฆาตกรเท่านั้นที่เป็นคนรู้ เบื้องหลังพฤติกรรมโหดร้ายผิดปกติของแมรี่ เบลนี้บางทีอาจมาจากครอบครัวของเธอ เธอคิดว่าตลอดว่าพ่อของเธอคือ บิลลี่ เบล ผู้วึ่งก่ออาชญากรรมเป็นนิสัย และถูกจับกุมด้วยข้อหาปล้นอาวุธ ไม่มีใครรู้พ่อที่แท้จริงของเธอจนทุกวันนี้ แมรี่อ้างว่าแม่ของเธอเป็นโสเภณีและพยายามที่จะให้เธอหมั้นกับลูกค้าของแม่คนที่กระทำทางเพศกับเธอเมื่อตอนแมรี่อายุสี่ขวบ เธอถูกปล่อยตัวเมื่ออายุ 23 ปี









  นั่งซากหวาดผวาศพล่อเสือ    เล่าเรื่องสยองขวัญสยองกลางทุ่ง    เล่าเรื่องสยองขวัญคุณแม่เล่าให้ฟัง 
  เล่าเรื่องสยองขวัญบ้านเก่า    เล่าเรื่องสยองขวัญ6ปีไม่เคยลืม    เล่าเรื่องสยองขวัญ แถวนี้มีเยอะ 
  เล่าเรื่องสยองขวัญทำไมไม่บวชให้    เล่าเรื่องสยองขวัญ เพื่อนเล่าให้ฟัง    ตำนานผีญี่ปุ่น คาซาเนะ 
  ตำนานผีญี่ปุ่น กาซาโดคุโร    ตำนานผีญี่ปุ่น ผีตระกูลเฮอิเคะ    มนุษย์กินคนในตำนาน ซอว์นี่ บีน 
  เล่าเรื่องสยองขวัญ แดนพิศวง    เล่าเรื่องสยองขวัญ สโมสรร้าง    เล่าเรื่องสยองขวัญ แรงงานต่างด้าว 
  เล่าเรื่องสยองขวัญลองจนเจอดี    เล่าเรื่องสยองขวัญ ร้านเหล้าผี    ตำนานผีญี่ปุ่น บ้านแห่งจาน 
  10 อันดับฆาตกรต่อเนื่องที่อำมหิต    เล่าเรื่องผี มาเอาแม่ผมไปทำไม    คดีฆาตกรรมในโรงนาสีแดง 

แหล่งรวมบทความจัดอันดับ สารคดีประวัติศาสตร์ บทความสารคดีจักรวาลและดาวเคราะห์ บทความสารคดีสงคราม บทความสารคดีภัยธรรมชาติ บทความสารคดีชีวิตสัตว์ บทความสารคดีอาวุธทางการทหาร บทความสารคดีการจัดอันดับ บทความสารคดีวิทยาศาสตร์ บทความสัมภาษณ์คนดัง บทสนทนาปัญหาเศรษฐกิจ บทสนทนาประเด็นข่าวร้อน เรื่องราวน่ารู้ ความรู้ทั่วไป สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ผู้หญิง ความงาม แม่และเด็ก สัตว์เลี้ยง อาหาร ร้านอาหาร เกมส์ เทคโนโลยี มาดูกันได้ที่  http://www.anyapedia.com


อินดี้

5 สุดยอดร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อ
ที่มารายการ Top 5 ทางรายการได้จัดนักชิมมาให้คะแนนวัตถุดิบหลักของก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ได้แก่ เส้น ลูกชิ้น น้ำซุป เนื้อสดและเนื้อตุ๋น มาดูกันว่าร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อร้านไหนได้คะแนนวัตถุดิบแต่ละอย่างเท่าไหร่ ใครที่ชอบกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อแต่ไม่รู้จะไปกินที่ไหน มีพิกัดร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้ออร่อยๆ ให้คุณตามไปลองกินกัน

1. ร้านกอเต็กเชียง
สุดยอดร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้ออันเลื่องชื่อแห่งย่านเตาปูน ถ่ายทอดความเทพจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูกมาแล้วกว่า 70 ปี ความอร่อยจากทุกๆ คำจึงเป็นตำนานที่คุณไม่ควรพลาด

จุดเด่นของก๋วยเตี๋ยวเนื้อร้านกอเต็กเชียง ใช้เนื้อส่วนน่องที่มีเอ็นแทรกเล็กน้อยมาตุ๋นในแบบธรรมชาติกว่า 12 ชั่วโมง จนได้ความนุ่มนวลที่ไม่เหมือนใคร ส่วนเนื้อสดที่ใช้เนื้อสันในและน่องลายหมักให้เข้าเนื้อก่อนนำมาลวก ลูกชิ้นเนื้อลูกใหญ่ที่ทั้งอร่อยและโดนใจแบบเต็มๆ อยู่ในน้ำซุปที่ได้จากเนื้อตุ๋นที่ปรุงด้วยความเชี่ยวชาญได้กลิ่นละมุนลอยคลุ้งออกมา ปิดท้ายด้วยเส้นที่ลวกอย่างพิถีพิถันนุ่มกำลังดี

พิกัดร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อกอเต็กเชียง
จากสะพานบางซื่อมุ่งหน้าไปทางบางโพถึงสามแยกไฟแดงให้เบี้ยวขวาเข้าถนนกรุงเทพนนทบุรี จะเห็นร้านกอเต็กเชียงอยู่ทางด้านซ้ายมือ

2. ร้านนายโส่ย

สุดยอดร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อชื่อดังแห่งย่านถนนพระอาทิตย์ บรรเลงความอร่อยให้คุณได้ประจักษ์แก่สายตาทุกวัน ไม่มีวันหยุด อัดแน่นด้วยสูตรเด็ดที่มัดใจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ต่างโค้งคำนับให้กับความอร่อยแบบขั้นเทพ

จุดเด่นของก๋วยเตี๋ยวเนื้อร้านนายโส่ย ใช้เนื้อสามชั้นมาทำการตุ๋นทิ้งไว้หนึ่งคืน จนน้ำซุปเข้าเนื้อและเนื้อนุ่มจนแทบไม่ต้องเคี้ยว ส่วนเนื้อสดใช้เนื้อส่วนสันในอย่างดี มาลวกแบบประณีต ได้ทั้งความสดและนุ่มกำลังดี ลูกชิ้นที่ใช้เนื้อล้วนๆ เด้งสดไม่เหมือนใคร เส้นก็ลวกได้รสสัมผัสพอดี ปิดท้ายด้วยน้ำซุปที่เคี่ยวจากกระดูกและเครื่องยาจีนหลากหลายชนิด

พิกัดร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อนายโส่ย
จากถนนพระสุเมรุให้ตรงไปทางถนนพระอาทิตย์ ร้านนายโส่ยจะอยู่ทางด้านซ้ายมือก่อนถึงซอยชนะสงครามประมาณ 50 เมตร

3. ร้านเจ๊ผอม ตลาดปีระกา

ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อสุดเก๋าแห่งตลาดปีระกา ดำเนินการโดยเจ๊ผอมที่เติบโตมากับสูตรก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่เป็นที่กล่าวขาน เรียกได้ว่าอร่อยจนคุณไม่เคยพบเจอที่ไหนมาก่อน

จุดเด่นของก๋วยเตี๋ยวเนื้อร้านเจ๊ผอม ตลาดปีระกา ใช้เนื้อส่วนท้องที่เป็นสามชั้นมาตุ๋นด้วยเครื่องเทศที่เป็นสูตรลับจึงทั้งหอมและนุ่มจนแทบละลายอยู่ในปาก ส่วนเนื้อสดใช้ทั้งสันนอกและสันในลวกมากำลังดี นุ่มละมุนลิ้น ลูกชิ้นใช้เนื้อล้วนๆ ในการทำ น้ำซุปที่เคี่ยวจากเนื้อสามชั้น เส้นก็ลวกมากำลังดี ไม่แข็งหรือเละจนเกินไป

พิกัดร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อเจ๊ผอม ตลาดปีระกา
จากถนนเยาวราชตรงไปถึงซอยนาครเกษม 1 เลี้ยวเข้าซอยไปประมาณ 50 เมตร ร้านเจ๊ผอมจะอยู่ในซอยแรกทางซ้ายมือ

4. ร้านเฮ้งชุนเส็ง

สุดยอดก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่ไม่มีใครไม่รู้จัก เปิดตำนานความอร่อยมาแล้วกว่าสามรุ่นอายุคน ด้วยน้ำซุปสูตรโบราณแทรกซึมในเนื้อตุ๋นยาจีนที่เป็นทีเด็ดของร้าน จึงกล้าการันตีว่าเป็นที่หนึ่งของก๋วยเตี๋ยวเนื้อแห่งย่านคลองเตย

จุดเด่นของก๋วยเตี๋ยวเนื้อร้านเฮ้งชุนเส็ง เนื้อสดใช้เนื้อส่วนสะโพกลวกมาอย่างดี เนื้อตุ๋นใช้ส่วนสามชั้นที่ตุ๋นจนนุ่ม ลูกชิ้นมีทั้งแบบเนื้อและเอ็น น้ำซุปก็ตุ๋นจากเครื่องยาจีนและรากผักชีได้ทั้งรสชาติและความหอมมาอย่างครบครัน ทานกับเส้นนุ่มๆ ที่ผ่านการลวกมาเป็นอย่างดี

พิกัดร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อเฮ้งชุนเส็ง
จากกถนนสุนทรโกษาตรงไปทางกรมศุลกากร ร้านเฮ้งชุนเส็งจะอยู่บริเวณปากซอยสุนทรโกษา 7 ตรงข้ามกับสนามฟุตบอลการท่าเรือไทย

5. ร้านวัฒนาพานิช

สุดยอดร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อชื่อดังของเมืองไทย ด้วยสูตรเด็ดที่มีมายาวนานกว่า 70 ปีส่งตรงจากแดนมังกร บวกด้วยเนื้อตุ๋นที่เรียกได้ว่าเป็นสุดยอด ใครๆ จึงขนานนามว่าเป็นราชันย์ของก๋วยเตี๋ยวเนื้อประจำย่านเอกมัยตัวจริง

จุดเด่นของก๋วยเตี๋ยวเนื้อร้านวัฒนาพานิช ใช้ส่วนสามชั้นติดมันส่วนท้องมาตุ๋นกว่าหลายชั่วโมงจนเนื้อเปื่อย นุ่ม ละลายอยู่ในปาก เนื้อสดใช้เนื้อส่วนลูกมะพร้าวมาหมักด้วยเครื่องเทศสูตรลับของทางร้านก่อนนำไปลวก ลูกชิ้นจัดมาให้ทั้งแบบเนื้อและเอ็น ได้รสชาติของเนื้อเต็มๆ คำ น้ำซุปที่เคี่ยวจากเนื้อตุ๋นและกระดูกส่วนขาและเครื่องยาจีน เส้นก็ลวกกำลังดี

พิกัดร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัฒนาพานิช
จากถนนสุขุมวิทตรงไปที่ซอยสุขุมวิท 63(เอกมัย) พอเข้าถนนเอกมัยให้ตรงไปจนถึงซอยเอกมัย 18 ร้านวัฒนาพานิชจะอยู่ถัดจากซอยเอกมัย 18 ประมาณ 20 เมตร

คะแนนเฉลี่ยความอร่อยของเส้น       ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อเฮ้งชุนเส็งได้คะแนนมากที่สุด  9.7/10
คะแนนเฉลี่ยความอร่อยของลูกชิ้น    ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัฒนาพานิชได้คะแนนมากที่สุด  9.7/10
คะแนนเฉลี่ยความอร่อยของน้ำซุป    ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อกอเต็กเชียงได้คะแนนมากที่สุด  9.8/10
คะแนนเฉลี่ยความอร่อยของเนื้อสด   ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัฒนาพานิชได้คะแนนมากที่สุด  9.8/10
คะแนนเฉลี่ยความอร่อยของเนื้อตุ๋น   ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อเจ๊ผอมตลาดปีระกาได้คะแนนมากที่สุด  9.9/10

แหล่งรวมบทความจัดอันดับ สารคดีประวัติศาสตร์ บทความสารคดีจักรวาลและดาวเคราะห์ บทความสารคดีสงคราม บทความสารคดีภัยธรรมชาติ บทความสารคดีชีวิตสัตว์ บทความสารคดีอาวุธทางการทหาร บทความสารคดีการจัดอันดับ บทความสารคดีวิทยาศาสตร์ บทความสัมภาษณ์คนดัง บทสนทนาปัญหาเศรษฐกิจ บทสนทนาประเด็นข่าวร้อน เรื่องราวน่ารู้ ความรู้ทั่วไป สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ผู้หญิง ความงาม แม่และเด็ก สัตว์เลี้ยง อาหาร ร้านอาหาร เกมส์ เทคโนโลยี มาดูกันได้ที่  http://www.anyapedia.com

อินดี้

กระบวนการผลิตชีส ลักษณะของชีสชนิดต่างๆ

เอานมมา ใส่แบคทีเรียลงไปอีกนิด เชื้อราอีกหน่อย ตัวร้ายอีกเล็กน้อย ชีสคือวิธีอย่างหนึ่งในการถนอมอาหารไม่ให้เน่าเสีย แล้วเราก็จะได้ความอร่อยที่คนกินเท่าไหร่ก็ไม่พอ จากทุ่งเลี้ยงวัวไปสู่พิซซ่า จากโรคฟอร์ท (Roquefort) ไปถึงเวลวีต้า (Velveeta) ไม่ว่าคุณจะหั่นหรือว่าราดมันคือหนึ่งในการถนอมอาหารที่ซับซ้อนที่สุดของมนุษย์อย่างหนึ่ง

รถบรรทุกมาถึงก่อนรุ่งสาง ถังเหล็กส่องประกายแวววับ แต่ละถังมีปริมาตร 600 แกลลอน เลื่อนเข้าสู่สายพานผลิต มันคือโรงกลั่นอย่างหนึ่งแต่ของที่ทำไม่ใช่น้ำมันหรือว่าก๊าซแต่เป็นนม ที่โรงงานอัลโต้แดรี่ วิสคอนซิน วันปกติจะมีนมประมาณ 3,500,000 ปอนด์มาส่งที่โรงงานหรือประมาณ 70 รถบรรทุก อัลโต้แดรี่จะทำนม 3,500,000 ปอนด์นี้เปลี่ยนให้เป็นชีส 400,000 ปอนด์ทุกวัน นมร้อยละ 90 ที่ผลิตได้ในวิสคอนซินจะกลายเป็นชีส และชีสของวิสคอนซินร้อยละ 10 ถูกผลิตจากโรงงานแห่งนี้ อัลโต้แดรี่โรงงานทำชีสที่ใหญ่ที่สุดทางตะวันออกของมิสซิสซิปปี้ ตั้งแต่โรงงานใหญ่โตไปจนถึงฟาร์มเล็กๆ การทำชีสคือศาสตร์และศิลป์และงานฝีมือ ทั้งยังเป็นความสัมพันธ์ระหว่างที่ดิน สัตว์ และเทคนิค

อัลโต้แดรี่ก็เช่นเดียวกับโรงงานทำชีสอื่นๆ ชีสดีๆ เริ่มต้นจากนมบริสุทธิ์เข้มข้น สิ่งแรกที่ทำเวลารถบรรทุกนมเข้ามาคือ เจ้าหน้าที่จะเปิดฝาเพื่อนำตัวอย่างนมมาตรวจหาสารปฏิชีวนะ เมื่อห้องแล็บตรวจแล้วพวกเขาก็จะติดท่อเข้าไปเพื่อสูบนมออกมาจากถังไปเก็บไว้ในแท้งค์นมขนาดยักษ์ของโรงงาน เมื่อการผลิตชีสเริ่มขึ้นนมจะถูกส่งไปฆ่าเชื้ออย่างรวดเร็วที่อุณหภูมิประมาณ 162 องศาฟาเรนไฮต์เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียทั้งหมด จากนั้นมันจะถูกส่งไปหม้อทำชีส ที่แปลกก็คือขั้นตอนต่อไปที่สำคัญที่สุดในการทำชีสทุกชนิด ตั้งแต่ชีสสดชนิดเหลวไปจนถึงพาร์มิซานที่ต้องบ่ม นั่นก็คือการใส่เชื้อแบคทีเรีย เป็นที่ทราบกันว่าแบคทีเรียชนิดดีจะเป็นตัวบ่มชีส



เราต้องใส่แบคทีเรียชนิดดีลงไป และมันจะเป็นการเริ่มกระบวนการบ่ม สิ่งที่มันทำคือแบคทีเรียมันจะเริ่มกินแลคโตสหรือน้ำตาลนม ขณะที่แบคทีเรียที่ได้รับความช่วยเหลือจากความร้อนและการกวนที่พอเหมาะ กินน้ำตาลและหมักพวกมันเป็นกรดแลคติก พวกมันลดค่า pH ของนม นี่จะทำให้ชีสมีกลิ่นและรสฉุนเปรี้ยวในที่สุด ค่า pH ที่ลดลงจะทำให้โปรตีนนมแข็งเป็นก้อน ที่โรงงานอัลโต้นมพวกนี้จะถูกทำให้กลายเป็นเชดดาห์ชีส ดังนั้นก่อนที่นมจะแข็งเป็นก้อน คนทำชีสจะใส่สีย้อมที่ทำจากพืชที่เรียกว่าชาดลงไปเพื่อให้เชดดาห์ชีสมีสีส้มอันเป็นเอกลักษณ์

การแข็งเป็นก้อนที่แท้จริงเกิดขึ้นเพราะเอนไซม์มหัศจรรย์ชนิดหนึ่งที่ชื่อว่าเรนเน็ต (Rennet) แม้คนทำชีสปัจจุบันมักใช้เรนเน็ตที่สังเคราะห์จากพืช แต่ในอดีตมันถูกนำมาจากในกระเพาะของสัตว์เคี้ยวเอื้อง เช่นวัวหรือแกะ ภายในเวลาแค่สามสิบนาที เรนเน็ตเพียงเล็กน้อยก็เปลี่ยนนมหม้อใหญ่นี้ให้กลายเป็นก้อนเหนียวเหมือนโยเกิร์ต นมประมาณ 55,000 ปอนด์จะใช้เรนเน็ตแค่ประมาณ 70 ออนซ์เท่านั้น จากนั้นมีดอัตโนมัติจะหั่นพวกมันเป็นชิ้นแข็งๆ ที่เรียกว่า เคิร์ด (Curd)  ส่วนของเหลวที่คัดออกมาเรียกว่า หางนม (Whey หรือ Milk Serum) นี่คือลักษณะสากลอย่างหนึ่งของการทำชีส ที่โรงนมไม่ว่าทั้งใหญ่และเล็ก ขนาดของเคิร์ดจะเป็นตัวกำหนดเนื้อและปริมาณความชื้นของชีส ยิ่งเคิร์ดมีขนาดบางเท่าไหร่ หางนมที่คั้นออกมาได้ก็ยิ่งมาก เชดดาห์ชีสจะถูกตัดจนบางเฉียบ มันจะได้เป็นชีสเนื้อแน่นที่แห้งสนิท

ต่อมาเราจะล้างเคิร์ด ซึ่งต้องลดอุณหภูมิลงเพื่อชะลอปฏิกิริยาของแบคทีเรียและขจัดแหล่งอาหารของพวกมันด้วยการล้างแลคโตสออกไปบ้าง จากนั้นเราจะทำให้เค็มด้วยการใส่เกลือซึ่งไม่เพียงเพื่อเพิ่มรสชาติให้ชีสแต่ยังเป็นการควบคุมแบคทีเรียอีกทางหนึ่งด้วย จากนั้นเคิร์ดจะถูกส่งไปยังจุดอัดชีส ซึ่งมันจะถูกส่งลงไปในแม่พิมพ์ที่รู้จักกันในวงการว่า "640" ซึ่งก็คือแม่พิมพ์ชีสขนาด 640 ปอนด์นั่นเอง แม่พิมพ์จะถูกส่งลงไปในเครื่องอัดไล่น้ำและปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที หลังจากทิ้งไว้ 5 นาทีแล้วตัวอัดไล่น้ำจะกดลงมา แรงอัดทั้งหมดจะรีดเอาหางนมออกไปอีก แม่พิมพ์แต่ละชิ้นจะกดอัดประมาณ 8 นาที ด้วยแรงอัด 5 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (PSI = Pounds per Square Inch)

เครื่องพลังไฮดรอลิคนี้ใช้สำหรับอัดชีสในระดับอุตสาหกรรม ส่วนคนทำชีสทั่วไปใช้วิธีง่ายๆ มานับพันปี คือใช้แรงคนรีดเอาหางนมออกไป แม่พิมพ์ถูกส่งไปอัดต่อในห้องสูญญากาศ พอเวลาผ่านไปชิ้นเคิร์ดจะหลอมรวมกันเป็นสิ่งที่เราเรียกว่า เชดดาห์ชีส ขณะเดียวกันลึกลงไปในชีส แบคทีเรียที่เป็นตัวบ่มจะทำให้น้ำตาลนมแตกตัวเป็นกรดแลคติกที่มีกลิ่นฉุน ส่วนโปรตีนจะกลายเป็นสารประกอบที่มีรสฉุนจัดค่อยๆ เพิ่มรสชาติให้กับชีส และทั้งหมดนั้นคือขั้นตอนการทำชีสเพื่อถนอมนมไว้ไม่ให้เน่าเสีย เราทำให้โมเลกุลนมแตกตัวเป็นโมเลกุลที่แยกย่อยลงไปอีก การบ่มชีสส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นห่างจากโรงงานอัลโต้แดรี่ ซึ่งจะบ่มชีสในห้องเย็นประมาณ 10 วัน ก่อนที่จะเอาออกจากแม่พิมพ์ไปสู่พ่อค้าคนกลาง เป็นที่มาของ อิงลิชฟาร์มเฮ้าส์เชดดาห์แบบดั้งเดิมที่มากด้วยปริมาณและเทคโนโลยี

คนทำชีสในโลกนี้ผลิตชีสได้ปีละ 20 ล้านตัน มากกว่ายาสูบ เมล็ดกาแฟ ใบชาและเมล็ดโกโก้รวมกันทั้งโลก เพราะชีสไม่สามารถชั่งตวงวัดเป็นปริมาณเพียงอย่างเดียว มันเป็นเรื่องของความชื่นชอบ ความหลงใหลไม่มีวันจบสิ้น ไม่ว่าจะเป็นชีสกลิ่นฉุนอย่าง บรีเดอมัวร์ (Brie de Meaux) หรือชีสในชีสเบอร์เกอร์ ในฐานะอาหารพกพาที่เต็มไปด้วยโปรตีน มันยังเป็นส่วนสำคัญในการอยู่รอดของมนุษย์อีกด้วย

เรารับรองได้เลยว่ามีการทำชีสในนครบาธมากว่า 3,000 ปีก่อนคริสตกาลแล้ว โดยเฉพาะในแถบที่เรารู้จักในปัจจุบันว่าเป็นประเทศตุรกี อิหร่าน ซีเรีย อาจจะหลายพันปีก่อนมีนครบาธด้วยซ้ำ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดคือกากแห้งๆ ที่นักโบราณคดีขุดพบในหม้อดินเผาในบริเวณที่ปัจจบันคืออียิปต์ ซึ่งมีอายุประมาณ 2-3 พันปีก่อนคริสตกาลตามการตรวจอายุด้วยเครื่องตรวจคาร์บอน

ระหว่างการคาดเดาประวัติศาสตร์ของผู้รู้กับตำนานคือทฤษฎีที่ว่ามันเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ต้องขอบคุณคนเลี้ยงแกะเร่ร่อนที่บังเอิญเอานมแกะใส่ถุงที่ทำจากกระเพาะแพะหรือแกะ ขณะที่พวกเขาพกถุงนม นมเกิดปฏิกิริยากับเยื่อบุกระเพาะซึ่งมีเชื้อเรนเน็ตอยู่ด้วย และทำให้มันกลายเป็นเคิร์ดแยกตัวกับหางนม ถ้าเราอัดเคิร์ดพวกนี้เข้าด้วยกัน มันก็คือชีส มีการคิดค้นการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำมาตลอด 5-8 พันปี จนกลายมาเป็นชีสในปัจจุบันที่นิยมกันอย่างแพร่หลายเพราะมันเป็นการถนอมอาหารอย่างหนึ่งและมันเก็บได้นาน

ชีส 1 ออนซ์ มีโปรตีนเป็น 7 เท่าของนม 1 ออนซ์ และมีแคลเซียมมากกว่า 5 เท่า ชีสยังให้พลังงานจากไขมันที่เข้มข้นด้วย ซึ่งร้อยละ 40-50 ของน้ำหนักที่ปราศจากน้ำคือไขมัน แต่เดิมชีสโบราณทำจากนมของผู้ร่วมทางอย่างแพะ มีการเลี้ยงแพะมากว่า 7,000 ปีแล้ว พวกมันก็คือสัตว์ชนิดแรกๆ ที่มนุษย์เลี้ยง จึงมีความเป็นไปได้ว่าชีสนมแพะอาจจะเป็นชีสชนิดแรกที่ถูกทำขึ้นบนโลก ในมหากาพย์โอดิสซี่ย์ของโฮเมอร์ เป็นมหากาพย์แห่งอารยธรรมตะวันตก ซึ่งคาดว่าโฮเมอร์แต่งเรื่องนี้เมื่อ 800 ปีก่อนคริสตกาล บางส่วนในเรื่องได้พูดถึงไซคลอปส์ยักษ์ตาเดียวที่เลี้ยงแกะเอาไว้ เขากวนนมแพะและนมแกะเพื่อทำเป็นเคิร์ด รีดน้ำจากชีสในตะกร้าที่สานแน่นแล้วบ่มพวกมันในถ้ำ

วิธีทำชีสนมแพะพัฒนาต่อไป ไม่เพียงในกรีซแต่ยังเผยแพร่ไปทั่วเมดิเตอร์เรเนียน รวมทั้งที่เรดวู้ดฮิลฟาร์ม ทางเหนือของแคลิฟอร์เนีย ในการทำเฟต้าชีสของที่นี่ มีนมหนึ่งพันแกลลอนในเครื่องบ่ม ใส่เรนเน็ต แล้วสักพักมันก็จะเซ็ตตัวเป็นลิ่มก้อนเหมือนเต้าหู้หรือเจลลี่ คนทำชีสหั่นเคิร์ดเป็นก้อนสี่เหลี่ยมค่อนข้างใหญ่และแยกมันจากหางนม จากนั้นก็ใส่เคิร์ดลงในแม่พิมพ์ มันอัดแน่นเข้าด้วยกันปละกลายเป็นชีสชิ้นหนึ่ง ที่นี่จะไม่กดอัดด้วยเครื่องจักร พอทิ้งไว้หนึ่งคืนพวกมันจะได้ที่ พอพรุ่งนี้เช้าก็จะใส่ก้อนเคิร์ดนี้ลงในน้ำเกลือสมุทร

คุณค่าของชีสในฐานะที่น้ำหนักเบาเป็นอาหารที่เก็บได้นาน เพิ่มขึ้นเมื่อวัฒนธรรมเมดิเตอร์เรเนียน โดยเฉพาะโรมันทำให้ศิลปะการทำชีส เค็ม แข็ง มีขนาดใหญ่ขึ้น เก็บได้นานและพกพาได้ง่าย มีทหารโรมันมากมายที่ต้องกินอาหาร และชีสก็เป็นอาหารอย่างหนึ่งของพวกเขา ดังนั้นพวกทหารโรมันไม่ว่าจะไปที่ไหนจะไปหาฝูงวัว ฝูงแพะหรือแกะ อะไรก็ได้ที่มี จากนั้นก็รีดนมมาทำชีส ชีสโรมันที่โดดเด่นที่สุดตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันก็คือชีสนมแกะแห้งๆ มันๆ ที่แข็งมาก ซึ่งเราเรียกว่าโรมาโน่เปโคริโน (Romano Pecorino) แปลว่าชีสที่ทำจากนมแกะจากแถบโรม

ชีสแข็งอิตาลีที่ยอดเยี่ยมอย่าง กราน่า ปาดาโน่ (Grana Padano) กับ พาร์มิจิอาโน่ เร็จจิอาโน่ (Parmigiano Reggiano) ถูกทำต่อเนื่องมาราวๆ พันปี หรืออาจนานกว่านั้น ชาวโรมันไม่ใช่พวกเดียวที่ทำแผ่นชีสบ่มใหญ่ๆ แข็งๆ ต้นศตวรรษที่ 11 สูงขึ้นไปบนแอลป์ของสวิส คนเลี้ยงสัตว์ต้อนสัตว์ในฤดูร้อนตามลำพังให้พวกมันหากินหญ้าสมุนไพรหวานๆ บนภูเขาแล้วผลิตชีสแข็งก้อนใหญ่อย่าง กรูแยร์ (Gruy?re cheese) อาหารสำคัญที่ช่วยให้อยู่รอดผ่านฤดูหนาวอันโหดร้าย สวิสผลิตกรูแยร์อย่างต่อเนื่องมาอย่างน้อยหนึ่งพันปีแล้ว การคิดค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนี้เต็มไปด้วยรู ทำไมจึงมีรูในชีสสวิส และนักบวชในยุคกลางที่ดื่มเหล้าจัด สร้างสรรค์ชีสที่ดีที่สุดและกลิ่นฉุนที่สุดในโลกได้อย่างไร

เมื่อก้าวเข้าไปในร้านชีสระดับโลก ก็เหมือนก้าวเข้าไปในยันทึกทางประวัติศาสตร์ที่ยังมีลมหายใจ ที่ๆ รวมชีสกลิ่นฉุนๆ ที่ดีที่สุดในโลกไว้อย่างแปลกประหลาด ไม่ว่าจะเป็นร้านชีสที่เป็นมิตรและมีชื่อเสียงในแคลิฟอร์เนียหรือเบเวอร์ลี่ฮิลล์ หรือตลาดแฟร์เวย์ที่คราคร่ำ ห่างออกไปสามพันไมล์ที่นครนิวยอร์ค เราเกือบจะจัดอันดับร้านชีสดีๆ ได้จากกลิ่นที่เวลาเดินเข้าไปในร้าน ถ้าไม่มีกลิ่นเหม็นฉุน คุณก็เข้าร้านผิดแล้ว

ชีสมีกลิ่นเหม็นฉุนเพราะการทำงานของแบคทีเรียและเชื้อรา ซึ่งทำให้ไขมันและโปรตีนแตกตัวเป็นองค์ประกอบที่ระเหยง่าย อย่างแอมโมเนียและไฮโดรเจนซัลไฟด์ อันเป็นที่มาของกลิ่นแรงๆ ชีสที่เหม็นฉุนที่สุดถูกทำขึ้นโดยนักบวชแบ๊บติสต์และเบเนดิกทีน (Baptist and Benedictine) ในยุคกลางซึ่งนำความคิดสร้างสรรค์อันยอดเยี่ยมที่นำไปสู่ขั้นตอนสุดท้ายของการทำชีสนั่นก็คือการบ่ม

ชีสที่เหม็นฉุนนั้นเพราะพวกมันถูกล้างน้ำมาอีกที พวกนักบวชเรียนรู้ว่าถ้าถูผิวหน้าของชีส ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชีสนมวัว การล้างด้วยน้ำเปล่า น้ำเกลือ ไวน์ เบียร์ บรั่นดี หรืออาจจะเป็นน้ำองุ่นจะเป็นการให้อาหารแก่แบคทีเรียธรรมชาติที่อยู่นอกชีส ในอากาศ รวมทั้งในเนื้อชีสได้ทำงานเพื่อบ่มชีส นักบวชเปรียบเสมือนสะพานเชื่อมโลกโบราณหรือยุคกลาง พวกเขาทำให้การทำชีสนี้ยังคงอยู่ มันคือศิลปะ

ชีสมองต์เดอแคทส์ (Mont des Cats) เป็นชีสดั้งเดิมที่นักบวชยุคนั้นทำขึ้น มันกินแกล้มเนื้อแห้ง เบียร์และบทสวดสักสองบท ชีสนี้เหมาะมากๆ เอามากินแกล้มเบียร์อร่อยกว่าชีสที่มีเนื้อแข็งๆ พวกนักบวชก็เลยคิดสูตรชีสที่เหนียว เนื้อละเอียดและอร่อยมากๆ กินกับขนมปังดำและเบียร์ที่แรงๆ อาหารที่กินในสมัยนั้นทำให้พวกเขาแข็งแรงมากๆ

อีกหนึ่งตำนานของชีสสูตรแบ๊บติสต์คือชีสลิมเบอร์เกอร์กลิ่นฉุนที่โด่งดัง ที่สหกรณ์ชาเลตชีส มอนโร วิสคอนซิน นักทำชีส มารอน โอลสัน ทำชีสวิธีเดียวกับที่นักบวชทำมากว่า 1 ศตวรรษ เมื่อเคิร์ดแข็งตัวแล้วก็คลุกด้วยเกลือ จากนั้นก็ส่งไปยังห้องบ่มเพื่อให้ได้แบคทีเรียอันเป็นเอกลักษณ์ พรมน้ำไปบนผิวชีส มันคือน้ำผสมเกลือที่มีแบคทีเรียชนิดพิเศษ จากนั้นก็จะลวกมันและทำแต่ละด้านให้เป็นสี่เหลี่ยมสุดปลายก้อนชีส แบคทีเรียจะเริ่มเติบโต ทำให้โปรตีนในชีสแตกตัว เปลี่ยนมันจากชีสร่วนๆ ที่เป็นกรดมากให้กลายเป็นชีสนุ่มๆ มันทำให้ด้านนอกของชีสนิ่มเข้าไปถึงด้านใน ลิมเบอร์เกอร์อาจไม่ใช่ชีสพรมน้ำที่กลิ่นแรงที่สุด แต่มันอาจเป็นกลิ่นประเภทที่คนจำได้ เพราะบรีวีแบคทีเรียม (Brevibacterium) ในชีสลิมเบอร์เกอร์เป็นแบคทีเรียชนิดเดียวที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลิ่นตัวของคนเรา ที่โรงงานของสหกรณ์ชาเลตชีสใช้แบคทีเรียชนิดเดียวกันนี้จากแผ่นไม้สนในห้องบ่มตั้งแต่ต้นปี 1900 ปัจจุบันชาเลตชีตคือบริษัทเดียวที่ผลิตลิมเบอร์เกอร์ในสหรัฐ แต่ต้นศตวรรษที่ 20 ลิมเบอร์เกอร์ได้รับความนิยมอย่างมาก

ถ้าคุณคิดว่าการทาแบคทีเรียเป็นวิธีที่น่ารังเกียจในการบ่มชีส คุณอาจอยู่ให้ห่างจากมิโมเล็ตต์ (Mimolette Cheese) เนยแข็งที่ถูกบ่มด้วยมูลชองไรในโพรงไม้ มันเป็นชีสโปรดของชาร์ล เดอ กูล (Charles de Gaulle) อดีตประธานาธิบดีของฝรั่งเศส ถ้าเราดูที่ผิวจะเห็นตัวไรที่กินเข้าไปในผิวเหมือนตามด มันมีผลทำให้รสชาติแปลกออกไป เนื้อชีสจะค่อนข้างอ่อนอยู่กึ่งกลางระหว่างเชดดาห์กับอีดาม (Edam Cheese) สิ่งมีชีวิตที่นิยมใช้ในการบ่มชีสมากกว่าก็คือรา ราบนชีสถูกเพาะมาอย่างดี ไม่เหมือนที่ขึ้นตามห้องใต้ดินอับๆ

ในตระกูลเดียวกับบรี ชีสนมแพะที่เต็มไปด้วยรานี้เรียกว่า โครติน (crottin cheese) กับ คามิลเลีย (camilia) ถูกบ่มอยู่ที่เร้ดวู้ดฮิลล์ฟาร์ม ช่วงแรกของการผลิต คนทำชีสใส่การผลิตชีส ลงในนม ระหว่างขั้นตอนการบ่ม ราจะขึ้นอยู่บนผิวหน้าชีส เพราะมันต้องการอากาศ ชีสจะถูกเปลี่ยนองค์ประกอบ ราจะทำให้ไขมันเนยแตกตัวไปด้วย มันจะหมักชีสจากด้านนอกเข้าไปด้านใน คาเมมเบิร์ต (Camembert Cheese) กับ บรี (Brie Cheese) ถึงได้มีขอบหนืดๆ มันจะถูกหมักไปเรื่อยๆ จนกว่าชั้นในสุดจะเหลวเหมือนกัน

ชีสหนืดที่มีชื่อเสียงที่สุดคือชีสสีฟ้าอย่างสติลตัน (Stilton) ของอังกฤษ กอกอนโซล่า (Gogonzola) ของอิตาลี และโดยเฉพาะ โรคฟอร์ท (Roquefort) ของฝรั่งเศส ตามที่เล่ากันมานมแกะสีฟ้าถูกบ่มในถ้ำที่ชื่อว่าโรคฟอร์ทและมีราขึ้นตามเนื้อชีส โรคฟอร์ทคือชีสนมแกะสีฟ้าที่ทำกันในแคว้นโอแวร์ญ (Auvergne) ของฝรั่งเศส มันคือนมแกะแท้ๆ และถูกบ่มอยู่ในถ้ำ พอถึงจุดนึงชีสจะขึ้นรา พอปาดออกอากาศจะเข้าไปและทำให้ราสีฟ้าเจริญเติบโต มันคือราสีฟ้าที่เรียกว่า เพนิซิเลียมโรคฟอร์ท ชีสโรคฟอร์ทไม่เหมือนใครเลย มันไม่เหมือนชีสสีฟ้าอื่นๆ

ชีสที่มีเอกลักษณ์อีกชนิดหนึ่งคือชีสเอ็มเมนทอลที่ทำในสวิสเซอร์แลนด์ แล้วรูพวกนี้ในชีสสวิสนี้มาจากไหนล่ะ ในการทำชีสสวิสในขั้นตอนแรกๆ จะใส่แบคทีเรียชนิดพิเศษลงไป มันชื่อว่าแบคทีเรียโพรพิโอนิก ซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติในนมจะเติบโตในห้องบ่มที่อุ่นกว่าปกติ พอมันทำให้ชีสอุ่น แบคทีเรียโพรพิโอนิกก็จะเริ่มเติบโต พวกมันจะก่อตัวเป็นหย่อมเล็กๆ หย่อมพวกนี้จะเริ่มสร้างคาร์บอนไดออกไซด์ และคาร์บอนไดออกไซด์นี้จะดันให้ชีสโป่งเกิดเป็นรูด้านในชีส เจ้าแบคทีเรียชนิดนี้ยังทำให้เกิดรสชาติที่เราเรียกกันว่าเป็นรสชาติแบบสวิส

รสชาติคือสิ่งสำคัญเหนืออื่นใดของชีส ขอต้อนรับเข้าสู่โลกของชีสแปรรูป ชีสที่ผ่านกระบวนการแล้วอาจแปรรูปได้หลายอย่าง อาจจะเป็นชีสแผ่นแบนๆ ไปจนถึงชีสที่เป็นครีมซอส มันถูกปรุงแต่งด้วยสารต่างๆ แล้วนำมาคืนรูปใหม่ ชีสที่ได้มีอายุที่นานกว่าตามธรรมชาติ ละลายได้สม่ำเสมอกว่าและผลิตได้ประหยัดกว่า เราพบกระบวนการนี้ได้ที่วิโนน่าฟู้ดส์ กรีนเบย์ วิสคอนซิน ที่โรงงานแห่งนี้ผลิตชีสแปรรูปหลายชนิด รวมทั้งชีสซอสแบบเป็นขวด มันมีตราสินค้าเป็นรูปวัวบนกระป๋อง ชีสแปรรูปจะเริ่มจากชีสธรรมชาติอย่างเชดดาห์หรือโคลบี้ ที่โรงงานวิโนน่าแห่งนี้ เชดดาห์ชีสสีขาวก้อนละ 40 ปอนด์ถูกบด เป้าหมายคือเพื่อเพิ่มพื้นผิวให้สารเคมีแปรรูปแทรกซึมเข้าเนื้อชีสให้ได้มากที่สุดในหม้อผสม ที่จะใส่สารอิมัลซิไฟเออร์ ผงหางนม ไขมัน และน้ำ ผสมจนชีสมีเนื้อเหนียวข้น

ส่วนประกอบสำคัญในชีสแปรรูปทุกชนิดก็คือสารอิมัลซิไฟเออร์ที่จะทำให้มันรวมเข้ากับสารอื่นเป็นเนื้อเดียวกันทำให้ไขมันกระจายตัวและไม่แยกชั้นกันกับผงหางนมโปรตีนที่ใส่เข้ามาแม้เวลาจะผ่านไปและทำให้มันมีเนื้อนุ่มเนียน ส่วนผสมถูกหลอมและคนอยู่ตลอดเวลา มันคือขั้นตอนสำคัญอย่างหนึ่งในการขึ้นรูปให้เนื้อชีส เนื้อของมันเกือบจะเหมือนพลาสติกภายในหม้อผสมที่มีอุณหภูมิร้อนมากๆ

ชีสแปรรูปชนิดแรกถูกวางจำหน่ายในปี 1915 โดยชายผู้ที่ประทับใจประวัติของชีสมากกว่าใครๆ เขาคือ เจมส์ แอล คราฟท์ อาชีพทำชีสของคราฟท์เริ่มต้นในชิคาโกในปี 1903 ในตอนแรกเขาลงทุน 65 เหรียญสหรัฐกับม้าและรถเทียมม้า จากนั้นก็เริ่มส่งชีสไปยังร้านของชำในท้องถิ่น แต่คราฟท์ไม่พอใจกับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในขณะนั้น มันไม่มีความเสถียรในแง่ของรสชาติและคุณภาพของชีสและยังมีปัญหากับอายุการเก็บที่สั้นอีกด้วย

ปี 1911 เริ่มทดลองทำชีสที่ฆ่าเชื้อด้วยความร้อนซึงสามารถขายเป็นกระป๋อง แต่ความร้อนทำให้ไขมันและโปรตีนแยกตัวกัน ในที่สุดคราฟท์ก็พบว่าการคนอย่างสม่ำเสมอและการใช้สารอิมัลซิไฟเออร์แก้ปัญหานี้ได้ ในไม่ช้าคราฟท์ก็ได้ออเดอร์ล็อตใหญ่ เขาได้ทำการเซ็นสัญญาว่าจะส่งชีสที่ไม่เน่าเสีย 6 ล้านปอนด์ให้กับกองทัพสหรัฐระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และนี่ก็คือสัญญาฉบับสำคัญที่ช่วยให้เจมส์ แอล คราฟท์พัฒนาธุรกิจของเขาขึ้นมา ธุรกิจกลายเป็นอาณาจักรอย่างรวดเร็ว ปี 1923 ทำบริษัทชีสที่ใหญ่ที่สุดในโลก จากนั้นในปี 1928 คราฟท์ก็วางตลาดก้อนชีสนุ่มๆ สีทองที่มีชื่อแสนไพเราะว่าเวลวีต้า (Velveeta)

สิ่งที่เวลวีต้าไม่เหมือนกับชีสอื่นๆ ก็คือข้อเท็จจริงที่ว่า หางนมที่ถูกแยกออกไปตอนทำชีสถูกนำมาใส่กลับเข้ามาตอนแปรรูป และสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์พบนั้นทำให้ชีสมีเนื้อครีมที่แปลกใหม่และคุณค่าทางสารอาหารที่ได้เพิ่มขึ้น และไม่น่าเชื่อว่าร้อยละ 30 ของชีสที่ผลิตทั่วอเมริกานั้นคือชีสของคราฟท์ วิศวกรของคราฟท์ยังนำเทคโนโลยีหลักๆ ทั้งหมดมาใช้ในการผลิตชีสแปรรูป รวมทั้งหม้อที่กวนชีสได้อย่างต่อเนื่องก็ยังถูกใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน เท่านั้นยังไม่พอ นักวิทยาศาสตร์ของคราฟท์ยังคิดค้นการผลิตครีมชีสที่ไฮเทคจนน่าประหลาดใจ

ในยุค 1940 ออสการ์ เจ ลิ้งค์ ได้ผลิตเครื่องแยกครีมเพื่อทำครีมชีส ซึ่งทำให้เราแยกหางนมออกจากครีมชีสได้ภายใน 15 วินาที แทนที่จะเป็นชั่วโมงๆ เหมือนเมื่อก่อน เขายังคิดค้นหม้อต้มพิเศษที่ทำให้เรายืดอายุของสินค้าออกไปได้ถึง 120 วัน ครีมชีสคือชีสธรรมชาติไม่ใช่ชีสแปรรูป แต่การทำให้เนื้อครีมชีสนั้นสมบูรณ์แบบได้นั้นไม่ธรรมดาเลย และมันทำโดยไม่ใช้ครีม มันทำโดยการใช้ให้แบคทีเรียค่อยๆ จัดเรียงประจุไฟฟ้าที่มีอยู่ในนม ประจุไฟฟ้าที่มีในนมอยู่แล้วจะเป็นประจุลบเป็นส่วนใหญ่ มันจึงผลักกันเองและไม่เข้าใกล้กันและกัน นมจึงอยู่ในสภาพของเหลวไม่เป็นเจล แต่เมื่อเราใส่แบคทีเรียลงไป มันจะสร้างกรดบางอย่างและเปลี่ยนกลุ่มประจุไฟฟ้าในโปรตีนให้กลายเป็นประจุบวก ทีนี้พวกมันก็จะเริ่มดึงดูดกันและติดกัน เมื่อประจุมีความสมดุล ส่วนผสมข้นๆ จึงอยู่ในสภาพครีมโดยสมบูรณ์ไม่เหลวไม่แข็ง ณ จุดนั้นมันจะถูกให้ความร้อนอย่างรวดเร็วเพื่อฆ่าแบคทีเรียให้มันหยุดทำงานและก่อตัวเป็นครีมชีส

ในปี 1940 นอร์แมน คราฟท์ น้องชายของเจมส์ ออกแบบระบบกระบอกเย็นที่ไม่เหมือนใคร เพื่อทำผลิตภัณฑ์ที่เขาคิดเอาไว้มาหลายปี ชีสแผ่นสำเร็จรูป ชีสที่ผ่านการให้ความร้อนมาแล้วจะไหลเข้าไปในกระบอกที่ทำความเย็นขนาดใหญ่ มันจะสร้างแผ่นชีสที่เย็นตัวลงอย่างรวดเร็วและแผ่นนั้นก็จะถูกตัดออกเป็นริ้วอย่างรวดเร็ว และจะถูกตัดขวางอีกทีเพื่อให้มีขนาดเป็นสี่เหลี่ยมที่ใส่พอดีกับขนมปัง ซึ่งปกติจะผลิตออกมาเป็นปึกๆ ละ 8 แผ่น จากนั้นก็บรรจุหีบห่อ ฟังดูแล้วเหมือนมันง่าย แต่ก็ถือว่านอร์แมน คราฟท์นั้นเข้าใจคิดมากในยุคนั้น ในที่สุดเมื่อชีสแผ่นนี้ถูกวางจำหน่ายใน ปี 1950 มันเป็นสิ่งที่ฮือฮามาก จากนั้นก็กลายเป็นสินค้าสำคัญจนเป็นที่รู้จักในฐานะที่เป็นชีสอเมริกัน ปัจจุบันชีสแต่ละแผ่นยังคงถูกหั่นมาจากโรงงานคราฟท์ จากรายงานประจำปี ชีสของคราฟท์สามารถผลิตได้ถึง 7,200 ล้านแผ่น ปี 1952 คราฟท์วางตลาด Whiz Cheese ชีสแปรรูปความชื้นสูงชนิดทาที่สามารถทาได้เรียบเนียนมากขึ้น

เรื่องราวน่ารู้เรียบเรียงจากสารคดีคุณภาพในรูปแบบบทความ กดถูกใจแฟนเพจเพื่อติดตามและอัพเดตบทความใหม่ๆ คลิกเลย

อินดี้

ประวัติศาสตร์กำแพงเมืองจีน (The Great Wall of China)



ประเทศจีนที่ซึ่งประวัติศาสตร์และตำนานสอดประสานกันอย่างสมบูรณ์แบบ จนบางครั้งมันเกือบเป็นไปไม่ได้ที่จะแยกเรื่องจริงออกจากนิทานในดินแดนที่สสารไม่จีรัง เหมือนหมอกยามเช้าในหุบเขาลุ่มแม่น้ำเหลือง กองหินมหึมาที่เรียกว่ากำแพงเมืองจีน โผล่ขึ้นมาจากพื้นดินทันทีทันใดเหมือนมังกรหลับใหล หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของยุคโบราณและโลกปัจจุบัน ประวัติศาสตร์ของมันถูกห้อมล้อมด้วยเรื่องเล่าขานของเหตุการณ์นองเลือดและความบ้าคลั่ง มันถูกกล่าวว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้นที่ยาวที่สุดในโลก มังกรหินขนาดมหึมาที่ขนาดของมันไม่เพียงแต่น่าเกรงขาม แต่ยังเป็นแนวคิดของมันเอง มันเป็นการเปลี่ยนสัญลักษณ์ของความอัปยศ ความขัดแย้งของชาติ เป็นหลักการทางจิตวิทยาและวัฒนธรรมของประเทศจีนสมัยใหม่ด้วย

กำแพงเมืองจีนกลายเป็นสัญลักษณ์อย่างไม่เป็นทางการของประเทศจีนในปี 1972 เมื่อประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน เดินเข้าไปในระหว่างการเยือนเพื่อเปิดสัมพันธ์ทางการฑูตกับประเทศจีน เขากล่าวว่า "ผมคิดว่าคุณต้องพูดได้ว่า มันต้องเป็นกำแพงอันยิ่งใหญ่ ถูกสร้างโดยคนของประเทศที่ยิ่งใหญ่" แต่ชาวจีนเองไม่รู้สึกภูมิใจกับมันเสมอไป มุมมองเดิมของจีนต่อกำแพงก็คือพวกเขาคิดว่า มันเป็นสัญลักษณ์ของรัฐบาลที่กดขี่ ความอ่อนแอทางทหารและความไร้ประโยชน์ มันเป็นสัญลักษณ์ของการทนทุกข์ของชาวจีนภายใต้การปกครองแบบกดขี่ มันเริ่มขึ้นที่บริเวณภูเขาบรรจบกับทะเล ที่ชางไห่กวนและทอดยาวผ่านภาคเหนือของจีนไปจรดขอบทะเลทรายโกบี ก่อให้เกิดระบบที่เรียกว่ากำแพงยาวซึ่งกินระยะทางหลายพันไมล์ของดินแดนจีน และความสง่างามของมันได้รับการเฉลิมฉลองอย่างกว้างขวางทั้งในนิทานและในตำนาน

ถึงกระนั้นโลกตะวันตกก็ไม่ได้รับรู้ถึงการปรากฏอยู่ของกำแพงเมืองจีนเป็นเวลากว่า 1,500 ปี ที่ไม่น่าเชื่อก็คือ มันไม่ปรากฏอยู่ในภาพวาดของจีนสมัยนั้น หรือในบันทึกของมาโคโปโลตอนที่เขามาประเทศจีนในศตวรรษที่ 13 ในความเป็นจริงชาวจีนไม่ได้เรียกมันว่ากำแพงอันยิ่งใหญ่ จนกระทั่งศตวรรษที่ 20 ที่โลกตะวันตกหลงใหลมันจนตั้งชื่อนี้ให้ ในตอนต้นของศตวรรษที่ 20 เริ่มมีแนวคิดแบบตะวันตกที่สถาปนาให้กำแพงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของประเทศจีน และชาวจีนก็ยอมรับแนวคิดนี้ เพื่อให้มันกลายเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมสมัยใหม่ของประเทศจีน

ในปี 1908 นักเขียนและนักผจญภัย วิลเลี่ยม เอดการ์ กิล (William Edgar Geil) กลายเป็นชาวอเมริกันคนแรกที่เดินทางตลอดแนวกำแพง ข้อสังเกตของเขาเป็นคำเชื้อเชิญมากกว่าคำชมเชย และคำประกาศอันน่าอับอายของเขาถูกนำมากล่าวซ้ำจนถึงปัจจุบันว่า "กำแพงเมืองจีนคือสัญลักษณ์แห่งยุคทองของจีน มันยาว 1,700 ไมล์ และเป็นสิ่งก่อสร้างฝีมือมนุษย์ที่มองเห็นด้วยตาเปล่าจากดวงจันทร์" ซึ่งจริงๆแล้วเราไม่สามารถเห็นกำแพงเมืองจีนได้จากดวงจันทร์ เรื่องราวนี้ถูกแพร่ออกไปตอนที่มีการขึ้นสู่อวกาศ และมันก็เป็นที่รู้กันดีในหมู่นักบินอวกาศ ในหมู่คนที่เคยออกไปอยู่ในอวกาศว่า คุณไม่สามารถเห็นกำแพงเมืองจีนได้จากอวกาศได้ และนักบินอวกาศมักจะบอกว่า มีคนไม่น้อยที่ถามคำถามนี้ แต่เรื่องเล่าอื่นๆยังคงอยู่และแทบไม่เคยได้รับการยืนยันจากวิทยาศาสตร์

มีการคำนวณทุกชนิดในศตวรรษที่ 19 ออกมาว่า คุณเอาหินทุกก้อนจากกำแพงมาเรียงใหม่ได้รอบเส้นศูนย์สูตร หรือว่ามันมีมวลเท่ากับบ้านทุกหลังในอังกฤษและสก็อตแลนด์ และเรื่องเหล่านี้ก็อยู่มาจนถึงในศตวรรษที่ 20 ตำนานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของกำแพงเมืองจีนก็คือ มันมีกำแพงเมืองจีนจริงหรือไม่ มันเต็มไปด้วยความสงสัยว่ากำแพงเมืองจีนเคยปรากฏอยู่ในฐานะแนวป้องกันชิ้นเดียวยาวต่อเนื่องข้ามภาคเหนือของประเทศจีน มันน่าจะเป็นกำแพงไม่ต่อเนื่องหลายชุดที่สร้างในเวลาต่างๆ กัน โดยผู้คนต่างๆ กัน เพื่อจุดประสงค์ต่างๆ กัน แล้วนำมาต่อกัน ปล่อยให้ผุพัง สร้างใหม่ และขยายออกในช่วงราวๆ 2,000 ปี เมื่อคนคิดถึงกำอพงเมืองจีน พวกเขาคงจะคิดถึงสิ่งก่อสร้างใหญ่โต ยาวต่อเนื่องกันหลายพันไมล์ข้ามประเทศจีน แน่นอนว่าความจริงมันต่างจากนั้นมาก กำแพงถูกสร้างเป็นชิ้นๆ ส่วนใหญ่แล้วมันไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าซากปรักหักพังทางโบราณคดีเลย และในพื้นที่ห่างไกลของจีนส่วนใหญ่มันก็ถูกทับถมไปแล้ว

ส่วนของกำแพงที่ถูกสร้างในราชวงศ์หมิงที่ยังเหลืออยู่ ส่วนที่พวกเขาสร้างในศตวรรษที่ 16 นั้นน่าทึ่งมาก มันเป็นกำแพงอิฐตันอยู่บนภูเขาสูงชันพร้อมด้วยหอสังเกตการณ์ และมันก็ยากมากที่จะจินตนาการว่าพวกเขาสร้างมันจนเสร็จได้อย่างไร สำหรับขนาดอันใหญ่โตและมิติอันหนักแน่นของมัน กำแพงเมืองจีนยังคงมีปริศนาซ่อนอยู่ มันไม่เคยได้รับการสำรวจอย่างทั่วถึง และแม้แต่ในปัจจุบัน ไม่มีใครแน่ใจถึงความยาวและเส้นทางแท้จริงของมัน ประวัติศาสตร์กำแพงเมืองจีนที่ตกมาถึงเรา คือการผสมผสานอันแปลกประหลาดของความจริงและจินตนาการ หลักฐานอันหนักแน่นเพียงเล็กน้อยหลอมรวมกับเรื่องเล่าขานและตำนาน และมันก็แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะแยกมันออกจากกัน

ไม่เคยมีอารยธรรมใดที่ดูจะนิยมการสร้างกำแพงมากกว่าชนชาติจีนอีกแล้ว การตั้งถิ่นฐานครั้งแรกสมัยยุคหินกลางหรือนีโอลีธิก (Neolethics) ส่วนสำคัญของเมืองถูกล้อมรอบด้วยคันดินถม อันที่จริงแล้วคำว่าชางที่แปลว่าเมืองในภาษาจีนยังแปลว่ากำแพงอีกด้วย กำแพงเมืองจีนคือกำแพงซ้อนกำแพง กำแพงเมืองจีนเป็นส่วนปกป้องกำแพงที่ซ้อนกันอยู่ทั้งปวง รวมถึงกำแพงของบ้านพักอาศัยด้วย กำแพงเป็นส่วนลึกล้ำทางประวัติศาสตร์ของวัฒนธรรมจีน พวกเขาสร้างกำแพงล้อมรอบบ้านและวัด เทพเจ้าของกำปพงและอาคารมีอำนาจเหนือขอบเขตความเป็นและความตาย คนจีนสร้างกำแพงเพื่อระบุขอบเขตของพวกตน เพื่อป้องกันผู้แปลกหน้าจากที่ห่างไกล กำแพงในบางแห่งอาจมีความสำคัญในบางพิธีกรรมด้วย ประเทศจีนสมัยก่อนเป็นอาณาจักรที่ปราศจากความสงบ การที่ชนเผ่าเร่ร่อนทางเหนือและอาณาจักรข้างเคียงที่ตื่นตัวทุกครั้งเมื่อมีสัญญาณของความอ่อนแอ กำแพงจึงถูกมองว่าเป็นความจำเป็นทางยุทธศาสตร์

จนสิ้นศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตกาล บริเวณที่กลายเป็นประเทศจีนได้ก้าวเข้าสู่ยุคของความขัดแย้งระหว่างรัฐที่ยาวนานถึง 500 ปี มันประกอบด้วยรัฐที่ปกครองด้วยระบบขุนนางและรัฐเล็กๆ ที่ปกครองด้วยระบบศักดินาที่มารวมตัวกันหลายแห่งมารวมตัวกันอยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์ซึ่งมีอำนาจทางจิตใจและพิธีกรรมมากกว่าในทางปฏิบัติ จนถึงกลางศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล เกียรติยศและพันธไมตรีที่มอบให้จักรพรรดิต้องหลีกทางให้กับความเห็นแก่ตัวและการเข่นฆ่า มันคือช่วงสงครามระหว่างแคว้นที่ชาวจีนเริ่มสร้างกำแพงขึ้นอย่างจริงจัง แคว้นฉีสร้างกำแพงขึ้นตามแนวชายแดนด้านใต้เพื่อป้องกันศัตรูจากแคว้นฉู แคว้นฉูสร้างกำแพงตามแนวชายแดนด้านเหนือเพื่อป้องกันตนเองจากแคว้นฉิน แคว้นเยนและแคว้นเฉาสร้างกำแพงเพื่อป้องกันตนเองจากพวกเร่ร่อนทางเหนือและจากกันและกัน กำแพงมีความยาวทั้งหมดประมาณ 2,800 ไมล์ กำแพงถูกสร้างขึ้นตามแนวชายแดนของแคว้นต่างๆ ที่ทำสงครามกัน

ในยุคหนึ่งมีแคว้นต่างๆ ถึง 120 แคว้น เมื่อถึงช่วงสูงสุดของสมัยสงครามระหว่างแคว้น และมีเพียง 7 แคว้นที่เหลืออยู่ มีการทำลายแคว้นเล็กๆ มากมายทั่วทั้งประเทศจีน ที่หลงเหลือมาจากสมัยสงครามระหว่างแคว้นคือ ปรัชญาชีวิตหลักของจีนที่เริ่มก่อตัวขึ้น ขณะที่มีผู้มีความรู้พยายามคิดว่า สิ่งใดผิดพลาดและจะแก้ไขมันอย่างไร ในศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาล ขงจื๊อเห็นถึงความจำเป็นในการเคารพกฎและความสำคัญระหว่างมนุษย์และสวรรค์อย่างเคร่งครัดและเสียใจกับการมีสงครามและกำแพง ลัทธิกลุ่มหนึ่งคือลัทธิเต๋าค้นพบคำตอบในธรรมชาติและเชื่อว่า ทุกสิ่งมีสภาพเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาพลังหยินและหยาง เพราะฉะนั้นการดิ้นรนและสงครามจึงเป็นเรื่องไร้สาระ ถ้าปรัชญาเหล่านี้กลายเป็นนโยบายระหว่างรัฐ มันคงเป็นไปได้ยากที่กำแพงจะถูกสร้างขึ้นมา

แต่แคว้นฉินใช้ระบอบการปกครองเบ็ดเสร็จด้วยกฎหมายการลงโทษและการให้รางวัล มีเรื่องเล่าที่ดีมากเกี่ยวกับคนดูแลมงกุฏและคนดูแลเสื้อคลุม ในคืนหนึ่งที่ฮ่องเต้หลับอยู่หน้าบริเวณเตาผิง คนดูแลมงกุฏจึงนำเสื้อมาคลุมให้ท่าน ฮ่องเต้ตื่นขึ้นมาถามว่า ใครห่มเสื้อคลุมให้ฉัน ผู้ดูแลมงกุฏก็ตอบว่าข้าเอง แล้วฮ่องเต้ก็สั่งให้นำตัวไปประหารทันทีเพราะนั่นไม่ใช่หน้าที่ของเขา เรื่องเหล่านี้เป็นแนวทางของกองทัพฉินในศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล พวกเขาเริ่มเคลื่อนกำลังข้ามแผ่นดินจีนผนวกเอาแคว้นต่างๆ เข้าไปเหมือนหนอนไหมกัดกินใบหม่อนตามบันทึกนักประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ฮั่น 246 ปี ก่อนคริสตกาล เหตุการณ์สำคัญก็เป็นจุดเปลี่ยนของเรื่องที่เกิดขึ้น เด็กชายอายุ 13 ก้าวเข้าสู่บัลลังค์ของแคว้นฉิน เขาเป็นที่รู้จักในนามของจิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิคนแรกของประเทศจีน ตำนานกล่าวว่าเขาบินไปยังดวงจันทร์ด้วยพรมวิเศษในความฝัน เมื่อมองลงมาเขาเห็นอาณาจักรของเขามีภัยคุกคามจากศัตรูมากมาย เขาปลุกบรรดาที่ปรึกษาขึ้นมาแล้วบอกว่า ข้าจะสร้างกำแพงที่ยิ่งใหญ่

ในปี 1974 ชาวนาที่กำลังขุดบ่อน้ำพบหลักฐานทางโบราณคดีที่น่าทึ่ง มันคือหลุมฝังตุ๊กตากระเบื้องพลทหาร พลธนู รถม้าศึกและม้า ทั้งหมดนี้มีขนาดเท่าของจริงและแต่ละตัวนั้นแตกต่างกันดูราวกับว่ามีต้นแบบมาจากของจริง ทุกวันนี้ตุ๊กตามากกว่า 6,000 ตัวถูกขุดขึ้นมา กองทัพกระเบื้องเคลือบที่ถูกออกแบบให้สู้ศึกเพื่อฮ่องเต้ในโลกหน้า หรือบางทีเพื่อคุ้มกันการหลับใหลชั่วนิรันดร์ในอาณาจักรของพระองค์ ในบริเวณใกล้เคียงเป็นหลุมฝังพระศพของจิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิองค์แรกของจีน หรือที่ขนานนามกันว่าปฐมกษัตริย์ ตามบันทึกที่ตกทอดสู่ราชวงศ์ต่อมา การขึ้นครองราชย์ของจิ๋นซีฮ่องเต้มีที่มาค่อนข้างคลุมเครือ พระมารดาของพระองค์เป็นนางระบำสาวเสน่ห์แรงและเป็นภรรยาน้อยของพ่อค้าเร่ผู้มีเล่ห์เหลี่ยมมากพอกับความร่ำรวย ขณะที่เข้ามาค้าขายในพระราชวัง พ่อค้าขอให้เธอเต้นรำกับรัชทายาทของราชวงค์ฉิน เมื่อพระองค์ตกหลุมรักเขาก็ยกเธอให้พระองค์ โดยไม่เคยเอ่ยปากเลยว่านางกำลังตั้งครรภ์บุตรของเขาอยู่ องค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์หลังขึ้นครองราชย์ไม่นาน แล้วจากนั้นจิ๋นซีฮ่องเต้ก็สืบทอดบัลลังค์ตั้งแต่ยังเยาว์วัย

ขณะที่ฮ่องเต้น้อยเติบโตขึ้น พระองค์เริ่มแสดงอุปนิสัยแปลกๆ และเกิดอาการวิตกกังวล พระองค์สั่งเนรเทศพระมารดา และสั่งพระบิดาอดีตพ่อค้าที่ว่าราชการแทนในวัยเยาว์ของพระองค์ให้ฆ่าตัวตาย พระองค์เรียกโหร หมอผี และที่ปรึกษาเจ้าเล่ห์ ไร้ศีลธรรมหลายคนให้เข้ามารับใช้ใกล้ชิด ประมาณ 234 ปีก่อนคริสตกาล พระองค์ส่งกองทัพออกไปเพื่อพิชิตแผ่นดินจีนที่บรรพบุรุษได้เริ่มไว้ เมื่อเกิดสงครามระหว่างแคว้นก็มีแคว้นอิสระแยกตัวออกมา และท้ายที่สุดก็เหลือเพียงสองแคว้น จนเมื่อ 221 ปีก่อนคริสตกาล ประเทศจีนก็รวมเป็นหนึ่งเดียว เมื่อแคว้นฉินทำลายแคว้นฉีจนได้ จิ๋นซีฮ่องเต้ประกาศว่าตนคือจักรพรรดิของแผ่นดินใหม่ที่พระองค์ตั้งชื่อว่าจีน ตามราชวงค์ของพระองค์ และรีบรวมอำนาจอย่างรวดเร็ว จิ๋นซีฮ่องเต้สร้างอาณาจักรขึ้น ซึ่งมันไม่เคยมีมาก่อน พระองค์สร้างระบบถนนภายในประเทศ พระองค์สร้างมาตรฐานให้กับอักษรจีน พระองค์รวมสกุลเงินจีนต่างๆเป็นหนึ่งเดียว พระองค์สร้างมาตรฐานให้อาณาจักร พระองค์ทำให้มันเป็นเอกภาพ พระองค์ยังสนใจเรื่องเวทมนต์ การเล่นแร่แปรธาตุอย่างเหลือเชื่อ และเชื่อว่าพระองค์สามารถเอาชนะความตายและเป็นอมตะได้ พระองค์อยากเป็นคนครองโลก

จิ๋นซีฮ่องเต้ตั้งมาตรฐานการชั่ง ตวง วัด ด้วยระบบที่มีพื้นฐานอยู่บนเลขหก อันเป็นเลขมหัศจรรย์ของพระองค์ พระองค์ประกาศว่าสีดำคือสีที่มีพลังลึกลับของพระองค์เป็นสีทางการสำหรับเสื้อผ้าและธงของอาณาจักรและสถาปนาตนเองขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์ และออกพระราชบัญญัติว่าราชวงศ์ฉินจะปกครองตลอดไป จากนั้นพระองค์ก็ตัดสินพระทัยสร้างกำแพง ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าความคิดของการสร้างกำแพงเมืองจีนเข้ามาอยู่ในพระทัยของจักรพรรดิเมื่อใด หรือทำไมพระองค์ตัดสินพระทัยสร้างมัน ตำนานหนึ่งเล่าว่าหนึ่งในโหรของพระองค์ทำนายว่าราชวงค์ของพระองค์จะล่มสลายด้วยฝีมือของเผ่าคนเถื่อนจากภาคเหนือ ส่วนเรื่องอื่นก็เกี่ยวกับความฝัน ลางบอกเหตุ และความตั้งพระทัยของจักรพรรดิที่จะสร้างอนุสรณ์ถึงความรุ่งเรืองของพระองค์เมื่อใดก็ตามที่มีโอกาส

จิ๋นซีฮ่องเต้แต่งตั่งให้นายพลเม้งเทียน นายทหารผู้แข็งขันและมากด้วยความสำเร็จรับผิดชอบการสร้างกำแพง เพื่อจะแบ่งแยกผู้คนที่มีอารยธรรมจากพวกคนเถื่อน และปีศาจร้ายที่อาศัยอยู่พื้นที่ว่างเปล่าทางเหนือ  กำแพงเริ่มต้นตั้งแต่ทะเลเหลืองทางตะวันออกไปจนถึงทะเลทรายโกบีทางตะวันตก มันต้องมีความสูง 24 ฟุต และมีความกว้างมากพอที่นายทหาร 8 นายจะเดินเรียงหน้ากระดานได้ กำแพงต้องสร้างตามลักษณะภูมิประเทศตราบเท่าที่เป็นได้และต้องไม่สร้างเป็นเส้นตรง เพราะเชื่อว่าปีศาจเดินทางได้เป็นเส้นตรงเท่านั้น เทคนิคการสร้างกำแพงแตกต่างกันอย่างมากในแต่ละที่ และมีกำแพงของจิ๋นซีฮ่องเต้เหลืออยู่น้อยมากจนไม่สามารถบอกได้ว่ามันถูกสร้างอย่างไร กระนั้นนักวิชาการเชื่อว่ามันถูกใช้เป็นแนวไว้สำหรับสร้างเพิ่มเติมตามรากฐานของมัน

นายพลเม้งเทียนเริ่มด้วยการสร้างหอคอยก่อน โดยสร้างจากอิฐและหินโดยมีฐานเป็นเศษหิน หอคอยเหล่านี้สูงประมาณ 40 ฟุต มีฐานเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาด 40 ฟุต เมื่อสร้างหอคอยเสร็จแล้วมันจะถูกเชื่อมเข้าด้วยกำแพงหิน เพื่อป้องกันผู้รุกรานและปีศาจร้าย ป้อมปราการที่ใหญ่พอที่จะบรรจุทหารได้หลายร้อยนายถูกจัดวางอยู่ในระยะธนู 2 ดอก เพื่อให้สามารถคุ้มกันพื้นที่ระหว่างนี้ได้ หอคอยโผล่ออกมาจากกำแพงเหมือนป้อมปืน ดังนั้นฝ่ายป้องกันสามารถยิงใส่ผู้รุกรานได้ตลอดแนวกำแพง มีการประมาณว่าชาวแคว้นฉินภายใต้การดูแลของนายพลเม้งเทียน ก่อสร้างกำแพงใหม่หลายร้อยไมล์ส่วนที่เหลือเป็นการก่อสร้างเพิ่มจากของเดิมที่แคว้นอื่นทำไว้แล้วรวมกับของใหม่ สิ่งที่พวกเขาทำก็คือการเชื่อมกำแพงรุ่นก่อนๆที่สร้างในสมัยสงครามระหว่างแคว้น พวกเขาใช้เทคนิคการบดอัดดิน เป็นเทคนิคเดียวที่พวกเขารู้จัก ซึ่งมันไม่ได้แตกต่างจากกำแพงในยุคนีโอลีธิกส์เลย เพียงแต่มันมีขนาดที่ใหญ่กว่าเท่านั้นเอง

ในภูเขาทางทิศตะวันออก ดินแห้งถูกนำมาถมระหว่างกำแพงหินหรืออิฐจนได้ระดับที่แน่นพอเพียง จากนั้นหินหรืออิฐจะถูกนำมาเรียงทับหน้าเพื่อป้องกันฝนชะล้างและใช้เป็นถนน ห่างออกไปทางทิศตะวันตก ซึ่งเป็นหินตะกอนละเอียดที่เรียกว่าดินเหลือง คนงานจะเทดินที่ผสมกับน้ำลงในพิมพ์ไม้แล้วนำไปก่อเป็นโครงสร้างให้แข็งแรงเมื่อมันแห้งแล้ว บนพื้นที่แห้งแล้งของที่ราบฝั่งตะวันตก กำแพงถูกสร้างจากใบต้นปาล์ม ต้นกก แสม กับกรวดและโคลน ไปจนสิ้นสุดที่ริมทะเลทรายอันกว้างใหญ่ เลยไปจากนั้นเป็นดินแดนที่สิงสถิตย์ของวิญญาณร้าย นายพลเม้งเทียนสร้างกำแพงเหล่านี้เสร็จภายในเวลาน้อยกว่า 10 ปี หรือเสร็จก่อน 210 ปีก่อนคริสกาล แต่เรื่องราวที่คาดการณ์เกี่ยวกับมูลค่าของมันในแง่ความทุกข์ทรมานและชีวิตที่สูญเสีย เรื่มแพร่กระจายออกไปแล้ว

แรงงานจำนวนมากมาจากการเกณฑ์ชาวนาผสมกับนักโทษ ทหารที่ถูกจับได้ ขุนนางตกยาก นักปราชญ์ และคนอื่นๆที่ถูกเรียกว่าเป็นศัตรูของอาณาจักร เป็นที่กล่าวกันว่าทุกๆสิบคนที่ถูกเกณฑ์มา มีเพียงสามคนรอดกลับบ้าน จักรพรรดิมีคำสั่งอีกว่า ใครก็ตามที่แอบหลับจะต้องถูกฝังทั้งเป็นไว้บนกำแพงนั่นเอง ความทรงจำอันแพร่หลายของการสร้างกำแพงก็คือ ชาวนาถูกกวาดต้อนมาทำงานแล้วก็ไม่เคยกลับไปอีกเลย โดยถูกใช้งานเยี่ยงทาสจนเสียชีวิตในผืนป่าที่ห่างไกล มันเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก และมีเรื่องเล่าว่า ศพของชาวนาถูกโยนทิ้งลงไปในช่องว่างระหว่างกำแพง ซึ่งเป็นที่ใส่เศษหิน ความเลวร้ายนี้ถูกระบายออกมาผ่านบทกวีมากมาย ชิ้นที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือตำนานของคุณนายเม็ง หนึ่งในเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ที่เด็กๆเรียนในช่วงยี่สิบปีแรกของการปกครองระบบสังคมนิยม เป็นเรื่องของหญิงคนหนึ่งตามหาสามีของเธอที่ถูกจิ๋นซีฮ่องเต้ส่งไปเป็นแรงงานทาสที่กำแพงนั่น แล้วเธอก็พบว่าเขาตายแล้วและอาจจะถูกฝังอยู่ในกำแพงเหมือนกับหลายๆคน ดังนั้นกำแพงจึงถูกมองว่าเป็นผลงานของความกดขี่ของระบอบขุนนาง ซึ่งถูกสร้างโดยหยาดเหงื่อของคนธรรมดาภายใต้การทารุณของทรราชย์ ขณะที่ในตอนนี้กำแพงนั้นถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ของประเทศจีน ความยั่งยืนของอารยธรรมของมัน เป็นการแสดงพลังอำนาจ ประวัติศาสตร์

เมื่อการก่อสร้างล่าช้ากว่ากำหนด หนึ่งในโหรของจักรพรรดิกล่าวว่า กำแพงจะไม่มีวันเสร็จ ถ้าไม่มีการฝังคนหนึ่งหมื่นคนทั้งเป็นในนั้น จักรพรรดิรู้สึกว่าพระองค์ไม่อาจเสียคนขนาดนั้นได้ จิ๋นซีฮ่องเต้แก้ปัญหาด้วยการหาชายคนหนึ่ง ซึ่งชื่อของเขามีตัวอักษรที่มีความหมายว่าหนึ่งหมื่นมาฝังไว้ในกำแพงแทน ประมาณกันว่ามีคนงานสร้างกำแพงหนึ่งล้านคนระหว่างการทำงานที่ยาวนานหลายปีในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก และไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีผู้เสียชีวิตมากมายจากภูมิอากาศ ความเหนื่อยล้า และความอดอยาก แม้กระทั่งทุกวันนี้ยังมีเรื่องเล่าที่ว่าศพของพวกเขาถูกฝังตรงที่เสียชีวิตอยู่ในสุสานยาวที่สุดในโลกตลอดกาล หลังจากรวมประเทศจีนเข้าเป็นหนึ่งเดียวไม่ทันถึงสิบปี การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นอีก โครงการสาธารณะเช่น คลอง ถนน และระบบเกษตรกรรม ได้รับการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ ขณะนี้เมื่อมีกำแพงใหญ่ล้อมรอบ จิ๋นซีฮ่องเต้ทรงประกาศว่าไม่มีใครจะเอาชนะอาณาจักรของพระองค์ได้ แต่มีสุภาษิตจีนกล่าวไว้ว่า สูงสุดคืนสู่สามัญ

แม้ขณะที่กำแพงอยู่ระหว่างการก่อสร้าง จิ๋นซีฮ่องเต้ยังคงถลำลึกลงไปในเรื่องไสยศาสตร์และความวิปลาส สองร้อยสิบสามปีก่อนคริสกาล พระองค์ตัดสินพระทัยว่าประวัติศาสตร์ควรเริ่มต้นที่พระองค์และสั่งให้เผาหนังสือประวัติศาสตร์ทั้งหมด ใครที่พบว่ามีหนังสือเหล่านี้อยู่ในครอบครองหลังการประกาศจะถูกส่งไปใช้แรงงานสร้างกำแพง หรือถูกฝังทั้งเป็น ประมาณการว่านักปราชญ์ 460 คนเสียชีวิต เมื่อบุตรชายองค์โตและเป็นรัชทายาทของพระจักรพรรดิคัดค้านนโยบายนี้ เขาก็ถูกเนรเทศให้ไปช่วยงานนายพลเม้งเทียนทางเหนือ ขณะที่จักรพรรดิมีพระชนม์มายุเพิ่มขึ้น ความลุ่มหลงกับความตายของพระองค์ก็เพิ่มมากขึ้น ถึงแม้จะมีบันทึกว่าพระองค์เข้าเยี่ยมชมการก่อสร้างกำแพงของพระองค์เพียงครั้งเดียว และมีรายงานว่าพระองค์ออกเดินทางค้นหายาที่จะทำให้เป็นอมตะถึง 5 ครั้ง แต่พระองค์ก็สิ้นพระชนม์เมื่อมีอายุได้ 49 พรรษา ในการเดินทางครั้งหนึ่ง การสิ้นพระชนม์ของพระองค์อาจเกิดจากยาที่มีสารอันตรายอย่างตะกั่วหรือสารหนูที่พระองค์เสวยเข้าไปเพื่อเสาะหาชีวิตอมตะ

ราชวงค์ของพระองค์ล่มสลายด้วยน้ำมือของบุตรชายคนที่สองที่ชื่อ อู๋ไห่ การที่รัชทายาทอันชอบธรรมอยู่ระหว่างการถูกเนรเทศ ทำให้อู๋ไห่ขึ้นครองราชย์อาณาจักรฉิน พร้อมความเจ้าเล่ห์ โหดร้ายที่เหมือนพระบิดา แต่ขาดซึ่งความเข้มแข็งและความเป็นผู้นำแบบจิ๋นซี เขาสั่งขังที่ปรึกษาทั้งหมดของพระบิดา รวมทั้งนายพลเม้งเทียน ผู้ซึ่งฆ่าตัวตายหลังจากไตร่ตรองความโชคร้ายของตนและกล่าวว่า เขาสมควรตาย เพราะเขาละเมิดชี่ อันเป็นการไหลของพลังงานโลกด้วยการก่อสร้างกำแพงที่ละเมิดพื้นที่ภูเขา แม่น้ำ และพื้นที่ธรรมชาติอื่นๆ  อู๋ไห่ครองราชย์ได้เพียงสี่ปี ก่อนที่ฝ่ายกบฏจะล้มล้างเขา และประเทศจีนกลับเข้าสู่สงครามกลางเมืองอีกครั้ง ราชวงค์อันยิ่งใหญ่ที่หวังจะได้อยู่ตลอดกาล กลับได้อยู่เพียง 15 ปี นับเป็นการปกครองที่สั้นที่สุดที่เคยปกครองจีน

แหล่งรวมบทความจัดอันดับ สารคดีประวัติศาสตร์ บทความสารคดีจักรวาลและดาวเคราะห์ บทความสารคดีสงคราม บทความสารคดีภัยธรรมชาติ บทความสารคดีชีวิตสัตว์ บทความสารคดีอาวุธทางการทหาร บทความสารคดีการจัดอันดับ บทความสารคดีวิทยาศาสตร์ บทความสัมภาษณ์คนดัง บทสนทนาปัญหาเศรษฐกิจ บทสนทนาประเด็นข่าวร้อน เรื่องราวน่ารู้ ความรู้ทั่วไป สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ผู้หญิง ความงาม แม่และเด็ก สัตว์เลี้ยง อาหาร ร้านอาหาร เกมส์ เทคโนโลยี มาดูกันได้ที่  http://www.anyapedia.com

เล่าเรื่องสยองขวัญ สยองกลางทุ่ง
10 โรคมฤตยูที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์
10 อันดับฆาตกรต่อเนื่องที่อำมหิตที่สุดในโลก
10 สุดยอดคนสมองเพชรที่ฉลาดที่สุดในโลก
เล่าเรื่องสยองขวัญ นั่งซากหวาดผวา ศพล่อเสือ
25 การทรมานสุดโหดในประวัติศาสตร์
มนุษย์กินคนในตำนาน ซอว์นี่ บีน (Sawney Bean)
25 อาหารแปลกจากทั่วโลก
10 อันดับสุดยอดเรื่องเล่าสยองขวัญเดอะช็อค
จัดอันดับ
เรื่องเล่าสยองขวัญ
ประวัติศาสตร์
เมนูอาหาร
สุขภาพ

อินดี้

อร่อยเต็มอิ่มด้วยอาหารญี่ปุ่นสไตล์โมเดิร์น

ถ้าคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ชอบอาหารญี่ปุ่น และหลงใหลในการทานซูชิเป็นที่สุดขอแนะนำาว่าต้องไปร้าน YTSB เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่คุณไม่ควรพลาด ด้วยเทคนิคการทำาซูชิที่แปลกแตกต่างจากที่อื่น และรสชาติซอสที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งเป็นสูตรลับที่เชฟคิดค้นขึ้นมาเอง สำหรับร้านนี้แล้วทุกอย่างต้องพรีเมี่ยม
เท่านั้น

เริ่มต้นกันด้วยจานแรกที่ต้องบอกว่าไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนอย่าง Yellow Spy คือแซลมอนแมงโก้ ซูชิ ที่นำมะม่วงกับปลาแซลมอนมาอยู่ด้วยกัน โดยทางร้านจะเลือกมะม่วงที่ไม่หวานจนเกินไป มีรสชาติเปรี้ยวนิดหน่อย และด้านในก็จะมีอะโวคาโดกับไข่กุ้ง เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสกะทิที่ราดอยู่ข้างๆ จานพอตักเข้าปากปุ๊บจะรู้สึกฟินกับรสชาติที่ต้องบอกเลยว่าคล้ายๆ กับข้าวเหนียวมะม่วงบ้านเรานี่เอง และน่าทึ่งมากๆ ก็คือเป็นอาหารญี่ปุ่นแต่ทำารสชาติออกมาคล้ายอาหารไทย จานนี้ต้องคอนเฟิร์มเลยว่าทั้งแปลกและอร่อยในเวลาเดียวกัน

Aburi Sushi ขึ้นชื่อว่าซูชิ ที่ไหนๆ ก็เหมือนกัน แต่สำหรับที่นี่ จานนี้เป็นซูชิที่มีความพิเศษตรงที่แต่ละคำจะมีซอสที่ปรุงขึ้นพิเศษด้วยสูตรลับเฉพาะของทางร้านนี้เท่านั้นสามารถทานได้เลยโดยไม่ต้องจิ้มโชยุ บอกได้คำาเดียวเลยว่าซูชิทั้ง 5 คำนี้ รสชาติจะอร่อยแตกต่างกันออกไป รับรองว่าทานคำแรกเข้าไปจะหยุดทานไม่ได้อีกเลย

Rossini เป็นวากิวไส้ฟัวกราส์และหน่อไม้ฝรั่ง ส่วนด้านนอกเป็นเนื้อคาโกชิมาเเบบ A5 เป็นเนื้อที่ค่อนข้างดีมาก ตรงส่วนที่เป็นเนื้อจะมีน้ำมันแทรกอยู่ทุกสัดส่วน แนะนำให้ทานคู่กับซอส เพราะซอสมีความโดดเด่นด้านพริกไทยดำาที่บดผสมเข้าไปจะมีความเผ็ดนิดๆ ที่ช่วยตัดความเลี่ยนได้เป็นอย่างดี นอกจากซอสจะช่วยตัดความเลี่ยนแล้วยังช่วยให้ซูชิจานนี้อร่อยมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

Sakura Sashimi มาถึงจานที่เอาใจคนชอบทานปลาดิบกันบ้าง โดยปลาดิบที่ถูกเสิร์ฟมานี้มีความสดขั้นเทพเพราะรับวัตถุดิบมาจากประเทศญี่ปุ่น แล้วยังได้รับคำยืนยันจากเชฟมาว่าสดแน่นอน ต้องลองทานดูถึงจะรู้ว่าสดยังไงและรับรองว่าไม่ใช่ของค้างคืนแน่นอน คุณภาพเน้นๆ เนื้อปลาแน่นๆ หนาๆ ทานเข้าไปแล้วความสดเต็มๆ คำเลยทีเดียว

ต่อกันด้วย Spider Salad หรือสลัดปูนิ่มที่คัดสรรวัตถุดิบเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นผักที่ต้องมีความสด กรอบ ส่วนปูนิ่มก็กรอบอร่อยมากๆ นำมาคลุกเคล้ากับน้ำซอสถึง 3 อย่างยังเพิ่มสีสันด้วยไข่ปู เวลาเคี้ยวจะกรุบๆ ในปาก จานนี้แนะนาว่าให้ทานทันที รับรองว่าเป็นความกลมกล่อมที่อร่อยสุดๆ ไปเลย

อาหารคาวจานสุดท้าย Gindara Saikyo Sugi – Ita Yaki เมนูนี้ต้องใช้เวลาทำนานถึง 2 วัน โดยผ่านกรรมวิธีที่พิถีพิถันไม่ว่าจะหมักเนื้อปลา 1 คืน การย่างปลาที่ความสุก 80 เปอร์เซ็นต์ แล้วจึงนำไม้ซีด้ามาประกบเนื้อปลา และนำไปย่างอีกหนึ่งรอบ ซึ่งจะช่วยให้เนื้อปลาหอมมากยิ่งขึ้น ต้องบอกเลยว่าความหอมอร่อยของเมนูนี้ก็อยู่ที่ไม้นี่แหละ ซึ่งไม้แพงกว่าเนื้อปลาซะอีก ต้องลองทานดูแล้วจะรู้ว่าจานนี้
อร่อยขนาดไหน มีทั้งกลิ่นหอมๆ ของมิโสะและกลิ่นหอมไม้อยู่ในตัว เนื้อปลาก็แน่นมาก ฟินขนาดนี้รีบโทรไปจองโต๊ะเลยดีกว่า

ปิดท้ายกันด้วยของหวาน Chocolate Lava เป็นขนมหวานที่ผสมผสานระหว่างความเป็นญี่ปุ่นและยุโรปเข้าด้วยกัน เค้กช็อกโกแลตเสิร์ฟคู่กับไอศกรีมชาเขียว ความอร่อยที่เอาใจสาวกขนมหวานก็คือเนื้อเค้กด้านนอกจะกรอบส่วนด้านในจะนุ่มและมีช็อกโกแลตลาวาทะลักออกมา ซึ่งรสชาติไม่หวานและไม่ขมจนเกินไปทานคู่กับไอศกรีมชาเขียวเข้ากันสุดๆ แต่ถ้าใครที่กลัวจะเลี่ยนจนเกินไป เรามีสตรอว์เบอร์รี่เอาไว้แก้เลี่ยนอีกด้วย

แหล่งรวมบทความจัดอันดับ สารคดีประวัติศาสตร์ บทความสารคดีจักรวาลและดาวเคราะห์ บทความสารคดีสงคราม บทความสารคดีภัยธรรมชาติ บทความสารคดีชีวิตสัตว์ บทความสารคดีอาวุธทางการทหาร บทความสารคดีการจัดอันดับ บทความสารคดีวิทยาศาสตร์ บทความสัมภาษณ์คนดัง บทสนทนาปัญหาเศรษฐกิจ บทสนทนาประเด็นข่าวร้อน เรื่องราวน่ารู้ ความรู้ทั่วไป สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ผู้หญิง ความงาม แม่และเด็ก สัตว์เลี้ยง อาหาร ร้านอาหาร เกมส์ เทคโนโลยี มาดูกันได้ที่  http://www.anyapedia.com

อินดี้

BOTTOMS UP
ดื่มด่ำกับความคลาสสิกและความชิคของร้านอาหารใจกลางทองหล่อ

ซัมเมอร์ปีนี้เริ่มต้นกันด้วย Bottoms Up wine.beer & bistro bar ร้านที่ผสมผสานความชิคและความหรูหราเอาไว้อย่างลงตัว ภายในร้านจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของงานศิลปะแบบอาร์ติสต์แกลเลอรี่ที่น่าสนใจ อิ่มอร่อยกับ International Fusion Food ที่เน้นอาหารอิตาเลียนเป็นพิเศษ พร้อมทั้งจิบเครื่องดื่มทั้งไวน์กว่า 15,000 ขวดให้เลือก เบียร์และค็อกเทลอีกมาก เหมาะสำหรับคนที่ต้องการร้านที่มี Movement ที่สนุกสนาน ได้ฟังดนตรีสดเจ๋งๆ ทุกวันเป็นอย่างยิ่ง

อยู่ที่ไหน : 888 ซ.สุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) ปากซอยธารารมณ์ 2 ถ้าเอาสะดวกก็ขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอสแล้วลงสถานีทองหล่อ
เปิด - ปิดเมื่อไหร่ : เปิดตั้งแต่ 16.00-01.00 น. ทุกวัน
ราคาเท่าไหร่ : ราคาอาหารเริ่มต้นตั้งแต่ 90-690.- ไวน์และแชมเปญ 850-25,500.- เบียร์ขวดละ 200-540.- เบียร์สด 130-250.- ซอฟต์ดริงก์ และน้ำผลไม้ 30-80.- ค็อกเทลและม็อกเทลแก้วละ 140-280.- รวมทั้งยังมีวิสกี้และเครื่องดื่มอีกเพียบ

อะไรอร่อย : วอร์มกระเพาะด้วยเมนูเบาๆ อย่าง 'Tuna Salad with Honey Lemon Dressing' และ 'Bottoms Up Spicy Salad' ก่อนที่จะเข้าสู่เมนคอร์สทั้ง 'Wague Lamb with Demi-glaze Sauce' เนื้อแกะวากิว เนื้อนุ่มที่ไม่อยากให้พลาด รวมถึง 'Grilled Salmon with Lemon Cream Sauce' เนื้อปลาแซลมอนย่างกำลังดี ปิดท้ายด้วย Durain Cr?me Brulee เมนูอาหารหวานที่ควรสั่งให้สาวๆ เป็นอย่างยิ่ง ส่วนค็อกเทล Elyx Cosmo ที่ใช้วอดก้าคุณภาพเยี่ยมจากสวีเดน ผสมกับผิวส้มซึ่งให้รสเปรี้ยวอมหวาน น่าจิบสุดๆ

เมนูอาหาร

SEINIKU-TEN Premium Yakiniku Restaurant

Seiniku ในภาษาญี่ปุ่น หมายถึง เนื้อชั้นดีหรือเนื้อที่คัดมาอย่างดี ส่วน Tenpo แปลว่า ร้านค้า จึงเกิดเป็น Seiniku-ten Premium
Yakiniku เพื่อให้ท่านได้ลิ้มลอง สุดยอดเนื้อย่างสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ด้วยบรรยากาศร้านแบบแนวๆ เหมือนได้นั่งทานในญี่ปุ่นกับหลากหลาย
เมนูทั้ง A La Carte ที่ได้คัดสรรเนื้อวัววากิว ซึ่งเป็นเนื้อวัวชั้นเลิศจากวัวดำของญี่ปุ่นที่มีทั้งเนื้อมัตสึซากะ เนื้อโกเบ และอื่นๆ อีกมากมาย ส่งตรงจากญี่ปุ่นมาให้ท่านได้ลิ้มลองในราคาที่ใครๆ ก็ทานได้ นอกจากนี้ยังมีเมนู All You Can Eat ที่มีทั้งเนื้อวัวนำเข้าจากนิวซีแลนด์ หมูดำคุโรบูตะ ซีฟู้ด ที่มีทั้งปลาไข่ ปลา แซลมอนและหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ พร้อมมิโซะซอสเข้มข้นสูตรพิเศษที่อร่อยกลมกล่อมจนลืมน้ำจิ้ม

อยู่ที่ไหน : ทองหล่อ เยื้องๆ
โรงพยาบาลคามิลเลี่ยน จอง

เปิด-ปิดเมื่อไหร่ : ทุกวัน 12.00-23.00 น. ครัวปิด 22.00 น.

ราคาเท่าไหร่ : กินไม่อั้น 2 ชม. แบบ All You Can Eat ในราคา 559.- รวมซูชิ เครื่องดื่ม (ชาเขียว น้ำอัดลม ชามะนาว) แต่ถ้าอยากได้บรรยากาศญี่ปุ่นแบบเต็มๆ ก็อย่าได้รอช้าสั่งสาเกมาให้ไว แต่ถ้าชอบไวน์ก็สั่งได้มีไว้คอยบริการเช่นกัน

อะไรอร่อย : Set Menu เป็นเมนูแนะนำ เพื่อความอร่อยที่ลงตัว โดยการจับคู่เนื้อ หมูหรือปลา กับเครื่องเคียงที่มีทั้งผักยำ คิมูจิ มิโซะซุป ผลไม้สด

เมนูอาหาร

อินดี้

TOM CLANCY'S GHOST RECON:WILDLANDS
ครั้งแรกของเกมซีรีส์ Tom Clancy's Ghost Recon สำหรับการสวมบทบาทเป็นทหารหน่วยพิเศษพร้อมพวก อีก 3 กับเกมยิงออนไลน์รูปแบบ "โอเพ่นเวิลด์" ทุกพื้นที่ในเกมจึงกลายเป็นภารกิจสุดท้าทายในเขตรอยต่อระหว่าง โบลิเวียและเปรู ต้องปะทะกับเหล่าองค์กรค้ายาเสพติด ที่กฎหมายกลายเป็นสิ่งไร้อำานาจใดๆ เป้าหมายคือต้องหาทางทลายองค์กรเหล่านี้และยังต้องหาทางโค่นล้มรัฐบาลฉ้อโกงลงให้จงได้

ULTIMATE MARVEL VS. CAPCOM 3
เกมมันส์ห้ำหั่นกันกับสามกลุ่มนักรบอย่างอัศวิน ไวกิ้ง และซามูไร ใช้ทักษะการต่อสู้แตกต่างกัน รวมถึงไหวพริบในการวางแผนรุกเข้าฐานกองกำาลังศัตรูฝ่ายตรงข้าม สามารถเล่นพร้อมกันได้ถึง 8 คน แบบ4 ปะทะ 4 คอนเฟิร์มว่ากราฟิกงดงามสมจริงและสุดโหด

MASS EFFECT: ANDROMEDA
ปฏิบัติการของพลซุ่มยิงที่แม่นราวกับจับวางชื่อว่าคาร์ล แฟร์เบิร์น ผู้เข้าร่วมกับกลุ่มนักสู้ชาวอิตาเลียนในกองกำาลังต่อต้านลัทธิเผด็จการชาตินิยมอย่าง เบนิโต มุสโสลินี อันเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง สามารถเล่นคนเดียว หรือเล่นร่วมกันได้

KINGDOM HEARTS HD I.5 + II.5 REMIX
เกมซิ่งของสิงห์มอเตอร์ไซค์ภาคที่สอง มาสนองนักบิดผู้กระหายความเร็วและความท้าทาย ไปกับรถจักรยานยนต์ระดับแรงๆ มากกว่า 200 รุ่น จากหลากหลายแบรนด์ดัง เพิ่มเติมภาพการแข่งขันและสนามหลากหลายท่ามกลางสภาพอากาศที่ยากเกินคาดเดา

เล่าเรื่องสยองขวัญ สยองกลางทุ่ง
10 โรคมฤตยูที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์
10 อันดับฆาตกรต่อเนื่องที่อำมหิตที่สุดในโลก
10 สุดยอดคนสมองเพชรที่ฉลาดที่สุดในโลก
เล่าเรื่องสยองขวัญ นั่งซากหวาดผวา ศพล่อเสือ
25 การทรมานสุดโหดในประวัติศาสตร์
มนุษย์กินคนในตำนาน ซอว์นี่ บีน (Sawney Bean)
25 อาหารแปลกจากทั่วโลก
10 อันดับสุดยอดเรื่องเล่าสยองขวัญเดอะช็อค
จัดอันดับ
เรื่องเล่าสยองขวัญ
ประวัติศาสตร์
เมนูอาหาร
สุขภาพ
เทคโนโลยี

อินดี้

101 เมนูซูชิ



ซูชิเป็นอาหารชื่อดังของญี่ปุ่น เป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย หลายคนคงเคยได้กินซูชิมาแล้ว ซูชินิยมใช้อาหารทะเลสดๆ หั่นหรือแล่เป็นแผ่นบาง จัดวางอย่างสวยงาม ขนาดพอดีคำเพื่อรสสัมผัสที่อร่อยและดูน่าทาน การปั้นซูชิและการจัดวางซูชิเพื่อเสิร์ฟให้ลูกค้าถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญ ทั้งนี้เพราะซูชินิยมใช้อาหารทะเลหรือเนื้อสัตว์สดๆมาทำ ถ้าทำไม่ดีหรือใช้ของไม่สดจะทำให้ดูไม่น่ากินและรสชาติแย่ ซูชิมีชื่อเรียกตามวัตถุดิบและรูปร่าง มาดูกันซิว่าซูชิทั้ง 101 อย่างมีอะไรบ้าง

1. ข้าวปั้นหน้าปลามากุโร่, มากุโร่ นิกิริ (Maguro Nigiri)



ข้าวปั้นหน้าปลาทูน่าเนื้อแดง ใช้ปลาทูน่าทุนนัส (Thunnus Tuna) หรือ ปลาทูน่าครีบเหลือง เนื้อแดงไขมันต่ำ เป็นปลาทูน่าพันธุ์เล็ก

2. ข้าวห่อสาหร่ายไส้แตงกวา, กัปปะมากิ (Kappa Maki)



มากิก็คือข้าวห่อสาหร่าย ส่วนที่เรียกว่ากัปปะเพราะว่า ตัวกัปปะปิศาจชนิดหนึ่งของญี่ปุ่นชอบกินแตงกวา

3. ข้าวปั้นซูชิหน้าปลาแซลมอน, ซาเกะนิกิริ (Sake Nigiri)



4. ข้าวห่อสาหร่ายหน้าไข่ปลาแซลมอน (Ikura Gukan)



5. ข้าวปั้นซูชิหน้าปลาทูน่า (Toro)



โทโร่เป็นเนื้อส่วนท้องที่มีไขมันเยอะของปลาทูน่าครีบน้ำเงินหรือปลาทูน่ายักษ์

6. ข้าวปั้นซูชิหน้าไข่หอยเม่น, อุนิ (Uni)



จริงๆ แล้วอุนิไม่ใช่ไข่หอยเม่นแต่มันคืออัณฑะหรือรังไข่ของหอยเม่น

7. ข้าวปั้นซูชิหน้ากุ้งแบบดิบ, อามะเอบิ นิกิริ (Amaebi)



8. ข้าวปั้นซูชิหน้ากุ้งแบบปรุงสุก, เอบิ นิกิริ (Ebi Nigiri)



9. ซูชิปลาฮามาจิ (Hamachi)



ฮามาจิเป็นชื่อเรียกปลาบุรี (ปลาหางเหลือง) ขนาดที่ยังเล็กอยู่

10. ซูชิหน้าปลาไหล, อานาโกะ (Anago)



ปลาอานาโกะเป็นปลาไหลชนิดหนึ่งอาศัยอยู่ในน้ำเค็ม ปลาไหลที่นำมาทำเป็นซูชินิยมปรุงสุกโดยการย่างหรือต้ม น้ำซอสที่ใช้ปรุงจะนิยมให้ออกรสหวานเค็ม

11. ซูชิหน้าปลาหมึก (Ika Nigiri)



12. ซูชิหน้าหอยโอตาเตะ (Hotate Nigiri)



โฮตาเตะหรือหอยเชลล์ญี่ปุ่น

13. ซูชิหน้าไข่หวานย่าง (Tamagoyaki)



14. ซูชิหน้าปลาหมึกยักษ์ (Tako Nigiri)



15. ซูชิหน้าปลากะพง (Tai)



16. ซูชิหน้าปลาอาจิ (Aji)



ปลาอาจิ (Japanese Jack Mackerel) เป็นปลาทูสายพันธุ์หนึ่ง

17. ข้าวห่อสาหร่ายไส้ปลาทูน่า, เท็กกะมากิ (Tekkamaki)



18. ซูชิหน้าปลาซาบะ (Saba)



ส่วนใหญ่จะนำปลาซาบะมาดองเค็มก่อนแล้วทำเป็นหน้าซูชิ

19. แคลิฟอร์เนียโรล (California Roll)



เป็นซูชิสไตล์ตะวันตกที่เป็นที่นิยมมาก คือเป็นมากิที่ม้วนกลับด้านให้สาหร่ายถูกข้าวห่ออยู่ด้านใน เป็นข้าวห่อม้วนสาหร่ายไส้ในเป็นแตงกวา อาโวคาโด ปูอัด หรือแล้วแต่เชฟสร้างสรรค์

20. ฟุโตะมากิ (Futomaki)



เป็นข้าวห่อสาหร่ายที่มีส่วนประกอบของไส้ในที่หลากหลาย ที่นิยมก็คือ คัมเปียว (ฟักหรือน้ำเต้าหมักด้วยโชยุและน้ำตาล หั่นเป็นเส้นๆแล้วตากแห้ง) ไข่หวาน แตงกวา เห็ด

21. ซูชิหน้าปลาอุนากิ (Unagi)



อุนากิเป็นปลาไหลน้ำจืด ต้มในน้ำซอสหวาน

22. ซูชิหน้าปลาอายุ (Ayu)



23. ข้าวห่อสาหร่ายไส้นัตโตะหรือถั่วหมัก(Natto Maki)



24. ซูชิหน้าปลาซันมะ (Sanma)



25. เนกิโทโร่ (Negitoro)



เนื้อส่วนท้องปลาทูน่าบลูฟินสับกับต้นหอม ทำเป็นไส้ข้าวห่อสาหร่าย

อ่านต่อที่นี่ค่ะ
101 เมนูซูชิ part 2 -->
101 เมนูซูชิ part 3 -->
101 เมนูซูชิ part 4 -->

แหล่งรวมบทความจัดอันดับ สารคดีประวัติศาสตร์ บทความสารคดีจักรวาลและดาวเคราะห์ บทความสารคดีสงคราม บทความสารคดีภัยธรรมชาติ บทความสารคดีชีวิตสัตว์ บทความสารคดีอาวุธทางการทหาร บทความสารคดีการจัดอันดับ บทความสารคดีวิทยาศาสตร์ บทความสัมภาษณ์คนดัง บทสนทนาปัญหาเศรษฐกิจ บทสนทนาประเด็นข่าวร้อน เรื่องราวน่ารู้ ความรู้ทั่วไป สังคม เศรษฐกิจ การเมือง ไลฟ์สไตล์ สุขภาพ ผู้หญิง ความงาม แม่และเด็ก สัตว์เลี้ยง อาหาร ร้านอาหาร เกมส์ เทคโนโลยี มาดูกันได้ที่  เว็บจัดอันดับ

อินดี้

25 สถานดำน้ำทั่วโลก
1.มายา ธิลา มัลดีฟส์ (Maaya Thila, Maldives)



มัลดีฟส์เป็นสถานที่ดำน้ำที่นิยมมาก มีพืชใต้น้ำที่แปลกใหม่และสัตว์ทะเลหลากหลาย และแนวปะการังที่สวยงาม เพราะมันเป็นเกาะที่แยกตัวออกมจากทวีปขนาดใหญ่ อุดมไปด้วยหินปะการังที่เป็นแหล่งกำเนิดระบบนิเวศทางทะเล คุณจะพบปลาหลายชนิดที่น่าสนใจ เช่น ปลาวาฮู หรือ ปลาอินทรีน้ำลึก ปลาทูน่าแจ็ค ปลาทูน่าด็อกทูธ (Dogtooth tuna)  ปลาผีเสื้อ ปลาสำลีและปลาพันธุ์หายากอื่น ๆ เช่น ปลานโปเลียนยักษ์ หรือ ปลานกขุนทองหัวโหนกยักษ์ (Giant Napoleon Wrasse) นอกจากนี้ยังมีฉลามวาฬ ดอกไม้ทะเล ปลาไหล ปลากระเบนราหูและเต่า

2. เปอร์โต กาเลรา ฟิลิปปินส์ (Puerto Galera, Philippines)



ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่มีเกาะมากกว่า 7,000 เกาะ เปอร์โต กาเลราถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่จะไปดำน้ำ เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งที่จะดูชีวิตทางทะเลและอุดมไปด้วยแนวปะการังที่สวยงาม ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของนักถ่ายภาพใต้น้ำ

3. เดอะบลูโฮล ประเทศเบลีซ  (The Blue Hole, Belize)



ประเทศเบลีซตั้งอยู่ในฝั่งตะวันออกของอเมริกากลาง ริมทะเลคาริบเบียน มีชื่อเสียงในเรื่องของเดอะบลูโฮล มันเป็นหลุมขนาดใหญ่ใต้น้ำ และเป็นสถานที่ๆดีที่สุดแห่งหนึ่งในการรักษาไว้วึ่งระบบนิเวศน์ทางทะเล

4. เกาะเต่า ประเทศไทย (Koh Tao Island, Thailand)



เป็นสถานที่ๆเหมาะแก่การดำน้ำมาก มันถูกล้อมรอบทุกด้านด้วยแนวปะการังที่มีสีสัน เหล่าสิ่งมีชีวิตใต้น้ำที่หลากหลาย เช่น ปลาฉลามจ้าวมันหรือปลาฉลามสีเทา ฉลามวาฬ

5. ไคลัวร์ โคน่า ฮาวาย (Kailua Kona, Hawaii)



เป็นสถานที่ๆ เต็มไปด้วยสัตว์ทะเลหลากหลาย เช่น ปลาเขตร้อนที่มีสีสัน เต่าทะเลยักษ์ ฉลาม ปลากระเบน ปลาวาฬ และอื่น ๆ อีกมากมาย

6. อูทิล่า ฮอนดูรัส (Utila, Honduras)



ทะเลแคริบเบียนเป็นบ้านจำนวนมากของจุดดำน้ำ เกาะอูทิล่าก็เป็นสถานที่หนึ่งที่เรียกได้ว่าสวยมากที่สุดในแคริบเบียน

7. สิปาดัน มาเลเซีย (Sipadan, Malaysia)



เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ดีที่สุดที่จะไปดำน้ำ เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตทางทะเล ปะการังแข็งและอ่อน ปลาฉลามหัวค้อน ฉลามครีบขาว ปลาฉลามเสือดาว และเต่าทะเล

8. โบแนร์ เนเธอร์แลนด์ แอนทิลลิส (Bonaire, Netherlands Antilles)



โบแนร์ เป็นเขตปกครองพิเศษของประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อรวมเกาะนี้กับเกาะอารูบาและคูราเซา เรียกว่าหมู่เกาะเอบีซี แห่งหมู่เกาะลีเวิร์ดแอนทิลลีส โบแนร์เคยเป็นส่วนหนึ่งของเนเธอร์แลนด์แอนทิลลีส จนแยกออกมาเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 2010 โดยแยกออกมาเป็นเขตปกครองพิเศษของเนเธอร์แลนด์

9. เกาะกีลี อินโดนีเซีย (Gili Islands, Indonesia)



ถือได้ว่าเป็นเมืองหลวงแห่งเต่าทะเลเลยทีเดียวสำหรับเกาะกีลี มีภาพใต้น้ำที่น่าตื่นตาตื่นใจกับความอุดมสมบูรณ์ของพืชและสัตว์ทางทะเล เช่น ปลานกแก้วหัวโหนก กระเบนราหู ปลาฉลามครีบขาวและครีบดำ เต่ากระ ปะการังแข็งและอ่อนหลากหลายชนิด นอกจากนี้ยังใกล้บาหลีอีกด้วย

10. เกาะแย็พ ไมโครนีเซีย (Yap, Micronesia)



มีไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้จักเกาะแย็พ มันอยู่ห่างจากลอสแอนเจลิสเพียง 6,000 ไมล์ หรือห่างจากเกาะกวมด้วยการเดินทางโดยเครื่องบิน 1 ชั่วโมง เหล่านักดำน้ำหลงรักมัน มีสิ่งมีชีวิตทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังเป็นที่นิยมในหมู่นักสำรวจ นักนิเวศน์วิทยาและผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับธรรมชาติ

อ่านต่อที่นี่ 25 สถานดำน้ำทั่วโลก

อินดี้

มารยาทในการทานซูชิ
มีบางอย่างเกี่ยวกับรูปลักษณ์ที่เป็นทางการและเป็นระเบียบของซูชิที่สามารถทำให้บางคนรู้สึกอึดอัดใจ โชคดีที่ไม่มีกฎระเบียบที่เข้มงวดในการดำเนินการแต่รู้สึกสบายใจกับมารยาทจะไม่เพียง แต่ช่วยให้คุณผ่อนคลายก็จะเพิ่มความเพลิดเพลินของอาหาร บาร์ซูชิในญี่ปุ่นเป็นสถานที่ที่ใกล้ชิด แต่ผ่อนคลายดำเนินการในหลอดเลือดดำเดียวกันเมื่อเพลิดเพลินกับซูชิที่บ้าน
การจัดโครงสร้างอาหารที่บาร์ซูชิการขาดเมนูหมายถึงไม่มีโครงสร้างอาหารที่ชัดเจนในทำนองเดียวกันเมื่อทำซูชิที่บ้านที่นั่นไม่มีกฎเกี่ยวกับสิ่งที่เลือกให้และไม่มีการกำหนดลำดับที่จะกินซูชิเลือกสิ่งที่คุณต้องการและพิจารณาหลักเกณฑ์ทั่วไปเหล่านี้แต่ไม่ถือว่าพวกเขาเป็นพระกิตติคุณ:
•ชาวญี่ปุ่นมักให้บริการซุปที่ทั้งสองปลายของมื้ออาหาร ตามเนื้อผ้า sui โมโน, ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับคอนซูเม่ จุดเริ่มต้น. Miso shiru หรือซุปมิโซะมักจะหมายถึงการสิ้นสุดของมื้ออาหาร
•สาหร่ายซาซิมิไม่กี่ชิ้นสามารถเป็นสุภาพอ่อนโยนได้เริ่มทำอาหารซูชิเริ่มต้นด้วยไข่เจียวเป็นรสชาติที่ละเอียดอ่อนช่วยให้คุณได้ลิ้มรสข้าว อย่างไรก็ตามฉันมีซูชิที่รู้จักกันดีในการรับประทานอาหารด้วยไข่เจียว, การรักษามันเหมือนขนมหวาน
•วิธีการเชิงตรรกะ (แต่ไม่จำเป็น) คือเริ่มต้นด้วยปลาขาวที่ชวนหลงใหลและทำงานทางของคุณไปยังปลาที่อุดมสมบูรณ์ด้วยสีแดงเนื้อสัตว์และรสชาติที่เข้มข้นมากขึ้นอย่างไรก็ตามหากเครื่องประดับที่คุณชื่นชอบเป็นไขมันท้องของปลาทูน่าจะดีที่จะเริ่มต้นด้วยที่
•บางคนบอกว่าควรทานอาหารให้เสร็จกับซูชิรีด อาจเป็นเพราะพวกเขามีข้าวมากขึ้นและมีมากขึ้นกรอกข้อมูลที่ไม่ใช่ซูชิมือที่เกิดขึ้น แต่ฉันไม่ได้คิดว่าคุณควรจะรอ

มารยาทการใช้ตะเกียบคีบซูชิ
ใส่ตะเกียบที่ใส่ตะเกียบและชามขนาดเล็กในสถานที่แต่ละแห่ง ถ้าคุณใช้ตะเกียบไม้ใช้แล้วทิ้งในแขนกระดาษให้เอาตะเกียบออกแขนหักมันออกจากกันและวางไว้บนตะเกียบขนาดเล็กที่อยู่ข้างหน้าคุณเป็นคุณนั่งของคุณใช้ชามขนาดเล็กสำหรับการจุ่มซูชิของคุณเอง
•อย่าผ่านอาหารจากตะเกียบของคุณไปยังตะเกียบของผู้อื่นเช่นนี้ถือว่าโชคร้ายมาก (ในพิธีฝังศพแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ญาติผ่านกระดูกเผาของตายด้วยตะเกียบก่อนเก็บพวกเขาในหม้อฝังศพ)
•ถ้าคุณกำลังช่วยตัวเองจากอาหารจานชุมชนหรือให้บริการคนอื่นอย่างสุภาพที่จะหันตะเกียบของคุณไปรอบ ๆ และใช้ปลายด้านบน

ใช้ตะเกียบหรือใช้มือหยิบซูชิดี
ถ้าคุณรู้สึกไม่สบายใช้ตะเกียบเป็นอย่างดียอมรับการใช้นิ้วมือของคุณมือที่เกิดขึ้นซูชิหรือ nigiri zushi ถูกสร้างสรรค์เดิมเป็นอาหารว่างจะกินที่คอกข้างทางถนนที่ซูชิบาร์คุณจะเป็นให้ผ้าขนหนูเปียกเมื่อเริ่มต้นของมื้ออาหารเพื่อเช็ดมือก่อนที่คุณจะเริ่ม; คุณสามารถทำแบบเดียวกันที่บ้าน

การใช้ซอสโชยุที่ถูกต้อง
หนึ่งในเครื่องปรุงรสยอดเยี่ยมที่สุด ซอสถั่วเหลืองปรากฏในเกือบทุกด้านของการทำอาหารญี่ปุ่น ฉันรักมันและใช้มันทั้งหมดเวลา แต่สำหรับซูชิก็ควรจะใช้เล็กน้อยสำหรับการจุ่มและไม่สำหรับการจมน้ำอาหาร มีศิลปะเพื่อหยิบชิ้นของซูชิที่ทำด้วยมือลงในซอสถั่วเหลืองโดยไม่ต้องมันหลุดร่อนและออกจากธัญพืชของข้าวลอยอยู่ในจานว่าคุณใช้ตะเกียบหรือนิ้วมือลองกินข้าวปั้นมือในหนึ่งคำ;
ถือว่าเป็นการไม่สุภาพที่จะกัดชิ้นส่วนซูชิในครึ่งแล้วใส่ที่เหลือครึ่งหลังบนจานของคุณเมื่อหั่นชิ้นส่วนของซูชิรีดจุ่มเพียงเล็กน้อยมุมของมันในซอสถั่วเหลืองอย่ายุบปลาดิบเนื่องจากไม่เพียง แต่จะมันแตกสลาย แต่ข้าวจะดูดซับได้อย่างรวดเร็วซอสถั่วเหลืองและรสชาติอ่อน ๆ ของม้วนจะจมโดยสิ้นเชิงเทคนิคเดียวกันในการแช่มุมใช้เฉพาะสำหรับเรือประจัญบานซูชิในซอสถั่วเหลือง

วิธีการทานซูชิด้วยมือ
1. เทซอสถั่วเหลืองลงในหยดเล็กน้อย เคล็ดลับชิ้นของซูชิไปด้านใดด้านหนึ่งจานและหยิบมันขึ้นมาถือไว้ระหว่างนิ้วหัวแม่มือและนิ้วกลางของคุณ

2. เลี้ยวมือของคุณเล็กน้อยเพื่อจุ่มเพียงเติมในซอสถั่วเหลือง ป๊อปชิ้นของซูชิในปากของคุณคว่ำลงดังนั้นคุณลิ้มรสถั่วและถั่วเหลืองก่อน

การจิ้มวาซาบิ
คนละลายทั้งหมดกองของวาซาบิวางในซอสถั่วเหลืองของพวกเขาจุ่มจานและจากนั้นจะจมน้ำตายส่วนของซูชิหรือซาซิมิในนั้น จนถึงตอนนี้ฉันขอแนะนำให้คุณกินตามรสนิยมส่วนตัวของคุณและมีไม่ได้ข่มขู่โดยการประชุม แต่นี่คือที่ฉันวาดเส้น วาซาบิเป็นสิ่งจำเป็นประกอบอาหารกับซูชิและซาซิมิ แต่มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มรสชาติของอาหารและไม่ควรถือเป็นหลักฐานของความกล้าหาญถ้าคุณชอบรสชาติและความรู้สึกของวาซาบิ, ตบเบา ๆ วาซาบิวางบนแต่ละชิ้นของซูชิหรือซาซิมิแล้วจุ่มมันสั้น ๆ ในซอสถั่วเหลือง ด้วยวิธีนี้คุณสามารถทำได้ลิ้มลองรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของปลาและยังคงได้รับสาระสำคัญของวาซาบิและซอสถั่วเหลือง ที่ซูชิบาร์ขอคำแนะนำจากพ่อครัวใช้วาซาบิกับซูชิของคุณน้อยมากและเขาจะยินดีมากกว่าที่จะบังคับ


อินดี้

10 อันดับชีสที่ดีคุณควรลอง
ชีสเป็นหนึ่งในส่วนใหญ่กินอาหารในโลก มีพันและนับพันชนิด แต่น่าเสียดาย เพราะของระดับประเทศที่ผู้คนสามารถไปทั้งชีวิต โดยไม่พยายามบางส่วนของที่หายาก ชีส รายการนี้ประกอบด้วย ชีส ที่คุณสามารถหาได้โดยไม่ต้องมากเกินไปการค้นหาและหลายคงซุกอยู่ในมุมในซุปเปอร์มาร์เก็ตท้องถิ่นของคุณแล้ว นี้สามารถเป็นหินก้าวเพื่อพยายามเนยแข็งทั้งหมดของโลก ดังนั้นเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มกับหมายเลข 10


10. Pecorino –อิตาลี
ชีสนี้เป็นครั้งแรกประมาณ 2000 ปีที่ผ่านมาในชนบทโดยรอบโรม ส่วนใหญ่จะทำในภูมิภาค Latium อิตาลี ในปี 1884 , สภาเมืองเริ่มที่จะห้ามการชีสข้างในร้านค้า ดังนั้นส่วนใหญ่ของผู้ที่ย้ายไปยังซาร์ดิเนีย มันทำเฉพาะจากแกะซาร์ดิเนีย . เพื่อให้มันเป็นชีสสยองขวัญ เค็มแล้วกดลงในแม่พิมพ์ที่ชุด กดลบที่สุดของความชื้น ทำยากมาก มันมีกลิ่นคนรวยที่ยอดเยี่ยมที่สามารถเพิ่มอาหารใด ๆที่คุณจะต้องใช้ชีสมาตรฐาน ชีสนี้เหมาะทานคนเดียวหั่นเป็นก้อนเล็ก ๆ หรือ ขูดลงบนพาสต้า มีหลายชนิดของชีสนี้ซึ่งแตกต่างกันเล็กน้อยตามภูมิภาค

9. Camembert –ประเทศฝรั่งเศส
ชีสคาเมมเบิร์ต และ บรีก็เหมือนพี่น้องกัน กับบรีการเก่า ทั้งชีสทำจากนม unpasteurized ซึ่งจะ curdled และวางไว้อย่างระมัดระวังลงในแม่พิมพ์ เป็นชีสแล้วก็ไปตั้งค่าและเปลี่ยนโดยไม่ต้องกดปุ่ม มันเป็นเฉพาะกระบวนการที่ให้ชีสเนื้อนุ่ม . เชื้อราเพนนิซีเลียม Candida และ Penicillium camamberti แล้วบ่มเนยแข็งอ่อนเหล่านี้ รอบ ไม่กี่สัปดาห์ แม่พิมพ์เหล่านี้ให้ชีส การเคลือบลักษณะแข็งสีขาวด้านนอก ในขณะที่ชีสข้างในยังคงอ่อนนุ่ม Camembert เป็นบิตนุ่มในภายในกว่าบรี Camembert เอาจุดในรายการ เพียงเพราะเคยดังนั้นเล็กน้อยเพิ่มเติมที่ไม่ซ้ำกัน มารี HAREL ที่เป็นชาวนาจากนอร์มังดีในฝรั่งเศสครั้งแรก Camembert ใน 1791 . เธอได้ยินเกี่ยวกับบรีชีสเรียกจากพระที่มาจากบริเวณนั้น และมีการพัฒนารุ่นของตัวเอง แต่เดิมเมื่อ Camembert าข้างนอกเป็นสีน้ำเงิน / สีเทาสี แต่เป็นเทคนิคการผลิตที่เปลี่ยนแปลงเพื่อรองรับการผลิตมวล นี้เปลี่ยนแม่พิมพ์สีขาวบริสุทธิ์ ชีสนี้จะดีที่สุดกินแครกเกอร์หรือของฉันส่วนบุคคลที่ชื่นชอบ เสิร์ฟหั่นกับสเต็กรสเผ็ด

8. Gruy?re–สวิตเซอร์แลนด์
ชีสกรูแยร์เป็นชื่อหลังจากที่เมืองกรูแยร์ ใน สวิตเซอร์แลนด์ มันเป็นครั้งแรกที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 มันทำให้กระบวนการดี ที่ไหนมัน curdled หั่น เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วโมโห นี่มันสุกแล้วที่อุณหภูมิต่ำเพื่อระบายความชื้นมากขึ้นบาง เป็นชีสใส่ในแม่พิมพ์ และล้างด้วยน้ำเกลือ แล้วทิ้งให้สุก แบคทีเรียภายในชีสผลิตฟองก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งให้ชีสลักษณะหลุม เฉพาะกระบวนการนี้ช่วยให้ชีสน่ารักยากเนื้อสัมผัสและรสชาติบ๊อง กรูแยร์ เป็นศูนย์กลางของการโต้เถียง ( เท่าที่ชีสไปก็ตาม ) ก่อนปี 2001 ซึ่งเหมือนกับลักษณะเนยแข็งฝรั่งเศสใช้ชื่อกรูแยร์ . นี้ได้ถูกตัดสินด้วย AOC สถานะเป็นเนยแข็งสวิสเท่านั้น กรูแยร์ จะเสิร์ฟหั่นบาง หรือขูดกับสลัดหรือพาสต้า ของนัตตี้กลิ่นหมายความว่ายิ่งใหญ่ โดยตัวเอง หรือ เป็นรสชาติที่ลึกซึ้งกับอาหารอื่น ๆ

7. Mascarpone – อิตาลี
Mascarponeเป็นชีสที่เคยทำไว้รอบหันของศตวรรษที่ 16 มันเป็นสามเท่า ครีมชีส ซึ่งหมายความว่า มันมีอย่างน้อย 75% บัตเตอร์แฟ๊ท . นี้เป็นสิ่งที่คุณอาจต้องการแทนเนยแข็งอื่น ๆของคุณทันที อร่อยทำจากครีมหนัก ซึ่งให้ความร้อน 85 ? C และกรด tartaric เป็น  นี้ส่วนผสมข้นและตู้เย็นเป็นเวลา 12 ชั่วโมง แล้วจะเครียดเอาเวย์เพิ่มเติม อร่อยเป็นซึ่งแพร่กระจายได้ งาช้างหนาสีชีส กับเข้มข้นคล้ายกับที่ของครีมและโยเกิร์ต มันเป็นหนึ่งในส่วนผสมหลักใน ทีรามิสุ แต่ก็สู้ความรสชาติอื่น ๆส่วนใหญ่ อร่อยที่สุด เสิร์ฟเย็น กับบิตของน้ำตาลกวนหรือโรยบน หรือมันสามารถใช้ในสถานที่ของครีมขนมหวาน

6. เรดวินด์เซอร์ชีส - อังกฤษ
มันเป็นสีแดง ! ที่จริงผมใส่ชีสนี้ในรายการ เพราะมันสีแดง ผมเห็นมันในร้าน วันนึง ฉันประหลาดใจว่ามีบางคนตัดสินใจทำชีส สีอื่น ๆ ชีสวินด์เซอร์สีแดงถูกสร้างมากเหมือนกับชีสเชดดาร์ ก่อนนมจะ curdled แล้วเต้าหู้จะได้รับอนุญาตให้ตั้งค่านิดหน่อย แล้วเต้าหู้ก็หั่นเป็นก้อนเล็ก ๆนี้อยู่เป็นระยะ แล้วส่วนผสมนี้จะสุกและกวนเป็นเวลา 20-40 นาที แล้วเนื้อ ส่วนเต้าหู้ทำเป็นก้อน แล้วซ้อนกันและทิ้งไว้สักพัก นี้จะเพิ่มความเป็นกรด ในที่สุด , นมข้นเค็ม และแบบผสม ในขั้นตอนนี้ ไวน์ ( ปกติบอร์โดซ์หรือพอร์ต ) ถูกสาดลงบนเต้าหู้ . แล้วพวกเขาก็ถูกกด ซ้าย และ เป็นผู้ใหญ่ในช่วงเวลาสั้นๆ สั้นกว่า ลื่นปกติ เป็นชีสเนื้อแน่นด้วยหินอ่อนสีชมพูตลอด มีรสชาติที่แข็งแกร่ง , กับคำใบ้ของไวน์เป็นหลังจากที่ได้ลิ้มรส ชีสนี้จะเสิร์ฟธรรมดา มีกรอบ เพื่อทำให้แขกของคุณ

5. ชีสเนตเติล - อังกฤษ
ชีสเนตเติล เป็นหนึ่งในบรรดาคลุมเครือมากขึ้นชีส  มีสองสายชนิด หนึ่งเรียกว่ายาก และเป็นพี่สาวใจดี นี้ถูกทำในคอร์นวอลล์อังกฤษ ชีสได้ตามปกติ แต่ก่อนที่จะถูกทิ้งให้ผู้ใหญ่มันถูกห่อแน่นใน Nettle ใบไม้ สามใบ ใบเดิมที่ใช้ช่วยเก็บชีส นี่ก็เหลือโตเพียงไม่กี่เดือน บางครั้งมันก็ทิ้งให้ผู้ใหญ่ในถ้ำ เป็นถ้ำมีความชื้นคงที่และอุณหภูมิ เป็นชีสสุก , Nettle ใบเริ่มเติบโตเชื้อราบนพวกเขาและพวกเขาแห้งออกช้าๆ เหมือนอากาศ และแม่พิมพ์ดูดความชื้น ชีสที่แตกต่างจากเนื้อครีมเป็นเนื้อร่วน ชีสรสชาติไม่รุนแรง และได้รสชาติที่แข็งแกร่งในปาก ไม่แตกต่างจากเห็ด แม่พิมพ์ยังให้ชีสเป็นเปลือกแข็งกินด้านนอก ซึ่งยังให้มันเองเฉพาะชาร์ป รสชาติ ความหลากหลายอื่น ๆล่าสุด และมากที่สุดที่ผมเคยพบมา จากฮอลแลนด์ ( หรือที่อื่นๆ ) นี่ใบ Nettle เป็นดินและเพิ่มชีสเต้าหู้ ก่อนที่จะกด แล้วชีสที่เหลือที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ nettles เติบโตบิตของแม่พิมพ์ และใส่ชีสรสชาติเฉพาะของพวกเขาในรอบ สิ่งที่คุณจะได้รับหลังจากชีสเนยแข็งชนิดหนึ่งคล้ายอ่อน มีกลิ่นเฉพาะตัว ที่คุณอาจไม่เคยได้ลิ้มรส นั่นคืออาจจะคล้ายกันมากกับกะหล่ำปลี แต่แน่นอน นั่นมันเป็นแค่สิ่งที่มันเตือนฉันของ คุณจะต้องลอง เนทเทิลชีส หรือ ยาก จะเสิร์ฟเป็นอาหารว่าง ทั้งแบบธรรมดา หรือกับแครกเกอร์ หรือขนมปัง นอกจากนี้ยังเหมาะกับอัลเฟรโด้ซอส

4. ชีสสติลตัน - อังกฤษ
stilton ปรากฏตัวครั้งแรกใน stilton ใน 1730 . ผู้ชายชื่อคูธอร์นจากโรงแรมของเขาขายให้นักท่องเที่ยว เขาเป็นคนรักชีส หนึ่งวันหลังจากเห็นบลูชีสโดยเฉพาะที่เขารัก เขาได้รับสิทธิ โดยเฉพาะตลาด เขาไม่ได้งานที่ดีของการตลาด และวันนี้ตอนนี้เป็นชีสที่มีชื่อเสียงเป็น stilton เป็นป้องกันชีส ซึ่งหมายความว่า มันต้องมีหลักเกณฑ์ที่เข้มงวดซึ่งรวมถึงสถานที่ที่ทำ มันรูปร่างและกระบวนการผลิต stilton ทำจากนมพาสเจอร์ไรส์ ซึ่งจากนั้นสยองขวัญที่มี rennet และ curds ทิ้งให้แห้ง ที่หมักเค็ม แล้วใส่ลงในแม่พิมพ์รูปทรงกระบอก และเปลี่ยนบ่อยๆ แล้วในที่สุด ชีสจะเจาะด้วยเข็ม ซึ่งทำให้ท้องชีสกับแม่พิมพ์ ซึ่งเติบโตและรูปแบบเส้นสีฟ้า ข้างในเนยแข็งสีขาวติ๊งต๊อง เป็นครีมที่อุดมไปด้วย stilton รอบรสบลูชีส ซึ่งไม่แรงเกินไป มันสามารถเพลิดเพลินกับแครกเกอร์ หรือ สลัด หรือซุป ที่ชื่นชอบส่วนตัวของฉันกับ stilton ใน burgerfuel เบอร์เกอร์ อืม

3. danablu –เดนมาร์ก
มันค่อนข้างเป็นไปได้หนึ่งในรสชาติที่ชื่นชอบมากที่สุดของชีส danablu หรือเดนมาร์กฟ้าที่มาจากเดนมาร์ก เป็นหนึ่งใน ที่สุด รสของชีสสีฟ้า ชีสนี้เต็มไปด้วยสีฟ้าตัวของแม่พิมพ์ เป็นชีสเนื้อนุ่ม ( เกือบซึ่งแพร่กระจายได้ ) และยังร่วนเล็กน้อย ชีสนี้ถูกประดิษฐ์ขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 20 โดย Marius boel ผู้พยายามเลียนแบบเนยโรควิฟอร์ต , บลูชีสที่คล้ายคลึงกันมาก ซึ่งทำโดยเฉพาะในฝรั่งเศส danablu จากสิ่งที่ฉันได้เห็นได้เกือบจะบดบังในความนิยม แต่ส่วนใหญ่เป็นเพราะมันง่ายที่จะได้รับถือของ danablu ทำจากนมวัว และก่อนที่มันจะเหลืออายุ เต้าหู้จะทะลุกับตัวอย่างของแม่พิมพ์เพื่อสร้างเส้นตลอด ชีส เป็นชีสแล้วซ้าย อายุ 2-3 เดือน เมื่อรอแล้ว เรามีชีสที่มีประสิทธิภาพที่ได้ตัง ก.ตร. ที่แข็งแกร่งได้ danablu เข้ากันได้ดีกับอาหารอื่น ๆ มันแรงกินเรียบเกินไปหน่อย หรือ ไม่มีรสชาติ ใหญ่อื่น ๆ วิธีที่ชื่นชอบของฉันเพลิดเพลินกับ danablu ละลายอยู่ด้านบนของหมูทอด Schnitzel .

2. ชีสเอ็มเมนทอล - สวิตเซอร์แลนด์
ชีสเอ็มเมนทอล  ชื่อแปลกๆ เหตุผลมันอยู่ในรายชื่อนี้ เพราะมันเป็นเนยแข็งสวิสจริง (กรูแยร์) บ่อยครั้งเมื่อคุณซื้อชีสสวิส บ่อยครั้งที่คุณจะได้รับที่ด้อยกว่า ชีส Emmental ของจริง เช่น อีริน brokovich จะพูด มันเป็นครั้งแรกในจดหมาย ในสถานที่ที่เรียกว่า Emmental ใกล้ Berne . มันสวยมาก ชีสเก่าจากสวิตเซอร์แลนด์ Emmental จะมีชื่อเสียงของหลุมขนาดใหญ่มาก ( เรียกว่าตา ) ที่กรอกชีส และผลิตชิ้นที่น่าสนใจเมื่อมันตัด ชีสเป็น บริษัท ที่จะมีเนื้อแข็ง และมีสีสีเหลือง มันมีกลิ่นที่แข็งแกร่งที่สามารถที่ดีที่สุดจะอธิบายรสชีส เหตุผลที่เป็นชีสเต็มหลุม เพราะแบคทีเรียที่เผาผลาญกรดแลคติกในชีส และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ฟองอากาศที่เป็นชีส ที่ค่อยๆ ขยาย และรูปตา ลักษณะ ใหญ่กว่าตาเยอะ รสชาติของชีส นี่คือผลข้างเคียงของริ้วรอย และอุณหภูมิที่สูงขึ้น ซึ่งช่วยให้แบคทีเรียผลิตรสชาติที่แข็งแกร่ง และเวลามากขึ้นสำหรับคาร์บอนเพื่อสร้าง Emmental จะเสิร์ฟในแซนวิช แล้วคุณจะไม่กลับไปที่ด้อยกว่า ชีส

1.ชีสฮอลลูมิ –ไซปรัส
ชีสฮอลลูมิ ค่อนข้างจะแปลกประหลาดของเนยแข็งทั้งหมดไว้แล้ว และอาจจะมากที่สุด สิ่งที่ทำให้ชีสนี้พิเศษที่ไม่ละลาย เหตุผลนี้ก็คือเต้าหู้ร้อน ก่อนที่มันจะอยู่ในน้ำเค็ม ความร้อนผู้ผลิตโปรตีนในชีสเพื่อทำให้มันเป็นเส้นใยยาว ซึ่งต่อต้านการหลอมละลาย มันจริงจะปรุงอาหารแทน halloumi มาจากตะวันออกกลาง เบดูอิน หรือคนพเนจร มันทำเพราะมันช่วยได้ดีมาก ทุกวันนี้ halloumi าในไซปรัสจากแพะและนมแกะ มีพันธุ์ที่ถูกกว่าที่ทำจากนมวัวแท้ๆ รสชาติใช้ได้ แต่สิ่งที่ดีกว่า วิธีที่ดีที่สุดที่จะกินมันเพื่อ slice บางๆ แล้วทอดในกะทะ ด้านนอกของชีสจะเป็นกรอบ และถ้าคุณหั่นให้หนาพอ ข้างในจะกลายเป็นเกือบละลาย มันยังสามารถย่าง มันยอดเยี่ยมในสลัดแทนเฟ และรสชาติดี แค่ธรรมดา จะได้แข็งแรง รสเค็ม และมีเกือบจะเลี่ยนรู้สึกมันจัดเรียงของชอบกินข้าวยาง เนื้อสุดยอดมากอย่างไรก็ตาม และมีประสบการณ์เพื่อให้เข้าใจ นี้เป็นชีสที่ดีจริงๆที่จะมีกับอาหารมื้อเช้าที่ดี

กระบวนการผลิตชีส ลักษณะของชีสชนิดต่างๆ


อินดี้

10 ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับชีส
ฉันได้รับการคิดการเขียนรายการในขณะนี้และสุดท้าย ได้แรงบันดาลใจจากการดูหนึ่งของอาหารที่ชื่นชอบของฉันแสดงให้เห็น , กินเก่ง ( จุ๊ จุ๊ เจมี่ ผมรู้ว่าคุณเกลียดแสดงว่า ) ความรักของชีสมีการเติบโตตลอดทั้งปี จากการสอบถามพ่อแม่บาง " cheesh " กรุณารอบคอบเลือกชีสใหม่เพื่อลองจากอาหารส่วนของร้านขายของชำท้องถิ่นของฉัน . ฉันหวังว่าคุณสนุกกับการอ่านนี้เท่าที่ฉันสนุกกับการค้นคว้าและการเขียน

ที่มาของคำว่าชีส
รากคำศัพท์ของชีสคำภาษาอังกฤษมาจากภาษาละติน caseus ซึ่งยังช่วยให้เราคำเคซีน , โปรตีนนมที่เป็นพื้นฐานของชีส ในภาษาอังกฤษที่เก่า caseus คือ C จีน หรือ ซี เซ ซึ่งเป็นชีสในภาษาอังกฤษยุคกลาง สุดท้ายกลายเป็นชีสในภาษาอังกฤษสมัยใหม่ caseus ยังเป็นรากของคำว่า ชีสในภาษาอื่น ๆรวมทั้งขนลุกในภาษาสเปน kaas ในดัตช์ , K และ เซ ใน เยอรมัน และ queijo ในโปรตุเกส caseus formatus หรือขึ้นรูป ( ปั้น ) ชีส ทำให้เรา formaticum คำว่าชาวโรมันในเนยแข็งที่ใช้เป็นวัสดุสำหรับ legionaries . จากรากนี้มาโฟร์มาจิโอ้ fromage ฝรั่งเศสและอิตาลี

ชีสก่อนประวัติศาสตร์
การบริโภคชีสก่อน บันทึกประวัติศาสตร์ กับนักวิชาการเชื่อว่ามันเริ่มก่อนพ.ศ. 8000 เมื่อแกะครั้งแรกที่โดดเด่นจะเป็นปลายพ.ศ. 3000 เป็นที่เชื่อกันว่าจะได้รับการค้นพบในตะวันออกกลาง หรือเร่ร่อนชนเผ่าเติร์กในเอเชียกลางที่ถูกเก็บไว้ในอาหารโดยทั่วไปสัตว์ซ่อนหรืออวัยวะสำหรับการขนส่ง นมที่เก็บไว้ในท้องของสัตว์จะต้องแยกออกเป็นกากโปรตีนโดยการเคลื่อนไหวและ rennet และแบคทีเรียที่มีอยู่ตามธรรมชาติ

หลักฐานการเกิดของชีส
อียิปต์มาเร็วโบราณคดีหลักฐานของ cheesemaking พบในจิตรกรรมฝาผนังหลุมฝังศพที่วันที่กลับถึง พ.ศ. 2000 เนยแข็งเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะได้รับมากเปรี้ยวและเค็ม ( เกลือจำนวนมากต้องการรักษาชีสในภูมิอากาศแห้งแล้งร้อน ) และคล้ายกับชีส feta หรือในพื้นผิว เนยแข็งในยุโรปไม่ต้องเป็นเกลือเพราะเย็นเงื่อนไขจึงปูทางสำหรับจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์และแม่พิมพ์รูปแบบและให้เนยแข็งของพวกเขาน่าสนใจและมีประสิทธิภาพที่มีรสชาติ

ศิลปะการทำชีส
โบราณ Greeks และชาวโรมันเป็นคนแรกที่จะเปิด cheesemaking เป็นศิลปะดี บ้านโรมันขนาดใหญ่แม้จะมีครัวพิเศษ เรียกว่า careale แค่การทำชีส หลังจากการพัฒนาเทคนิคใหม่สำหรับสูบบุหรี่และเพิ่มรสอื่น ๆเข้าไปในเนยแข็ง โรมัน กระจายความรู้นี้อย่างช้า ๆผ่านอาณาจักรของพวกเขา ทรัพยากรท้องถิ่นที่อนุญาตสำหรับสายพันธุ์ที่แตกต่างกันที่จะพัฒนาไปพร้อมกัน

หลากหลายชนิดของชีส
หลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน พระสงฆ์ใหม่รับผิดชอบสร้างบางส่วนของคลาสสิกชนิดของชีสที่เรารู้ว่าวันนี้ ตามที่คณะกรรมการชีส อังกฤษ สหราชอาณาจักรมีประมาณ 700 ที่แตกต่างกันในเนยแข็งท้องถิ่น . มันเป็นความคิดที่ ฝรั่งเศส และอิตาลี มีประชาชนประมาณ 400 คน การเปลี่ยนแปลง รส สี และพื้นผิวของชีสมาจากหลายปัจจัยรวมถึงชนิดของนมที่ใช้ ชนิดของแบคทีเรียหรือกรดที่ใช้แยกนม ความยาวของอายุ และเพิ่มรสอื่น ๆหรือแม่พิมพ์

ชีสชนิดต่างๆ
แม้ว่าชีสส่วนใหญ่ผลิตจากวัว แกะ หรือแพะนม และสามารถได้จากมากมายเหลือเฟือของนมที่ผลิตสัตว์ ฟาร์มใน bjurholm , สวีเดนจริงทำให้มูสชีส ที่ 1 ระยะเวลาของมูสสั้น นานประมาณเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม และฟาร์ม และเป็นเจ้าของโดยคริสเตอร์เ กซ์ ลลา โจแฮนสัน เก็บสามมูสที่ผลิตเพียง 300 กิโลกรัมของชีสต่อปี ส่วนมูสชีสขายประมาณ 1 , 000 เหรียญสหรัฐต่อกิโลกรัม สถานที่ใน รัสเซียผลิตนมมูส แต่ไม่ได้มีความสำเร็จกับมูส cheesemaking เนื่องจากเนื้อหาสูงระดับของ

ชีสยอดนิยม
สหรัฐอเมริกาเป็นผู้ผลิตด้านบนของชีสในโลก กับวิสคอนซินและแคลิฟอร์เนียชั้นนำของรัฐในการผลิต ถึงแม้ว่าเราผลิตชีสมากที่สุด กรีซ และฝรั่งเศสนำแพ็คในการบริโภคชีสต่อหัวเฉลี่ย 27.3 กิโลกรัมต่อคนในปี 2003 และ 24.0 ตามลำดับ ใน ปีเดียวกัน โดยเราใช้รอบพลเมือง 14.1 กิโลกรัม แม้ว่าการบริโภคชีสในเราได้สามเท่าตั้งแต่ปี 1970 และยังคงเพิ่มขึ้น ภาพด้านบนคือชีสครับ ให้มันมีคลาส

ชีสเหม็นเกี่ยวอะไรกับเท้า
ลิมเบอเกอร์ เป็นชีสฉาวโฉ่สำหรับอย่างมากในเรื่องกลิ่น แบคทีเรียที่รู้จักกันเป็น brevibacterium linens สาเหตุนี้ นอกจากนี้ยังพบในผิวหนังมนุษย์ และจะต้องรับผิดชอบต่อ กลิ่นตัว สหกรณ์ที่ชี Chalet ตั้งอยู่ในมอนโร , วิสคอนซิน เป็นเฉพาะเครื่องของลิมเบอเกอร์ ชีสในอเมริกาเหนือในวันนี้

ฟองดูชีส
เมื่อกินชีสฟองดูว์ ให้แน่ใจว่าจะเก็บห้องให้ " นุ่น " ที่ด้านล่างของหม้อ หรือ ลา รีลิเจียส . รีลิเจียสหมายถึงแม่ชีในฝรั่งเศส และมักจะหมายถึงประเภทของขนม มีการเก็งกำไรมากว่าทำไมทำเหมือนขนมปังปิ้งชั้นพบในด้านล่างของ caquelon เรียกว่า la รีลิเจียส จากตำนานที่พระสงฆ์ช่วยเหลือเศษ fondue สำหรับแม่ชี กับความคิดที่กินมันเป็นประสบการณ์ทางศาสนา ในเยอรมัน มันเรียกว่า Gro ?บ่นหรือ grossmutter ซึ่งแปลว่าคุณย่า ความหมายใช้นี้ยังไม่ชัดเจน

ชีสที่เป็นที่กล่าวขวัญ
" ชีส อาจผิดหวัง มันอาจจะน่าเบื่อ อาจจะซื่อเกินไป มันอาจจะมากกว่าที่ซับซ้อน แต่มันยังคงอยู่ ชีส นม กระโดดต่อความเป็นอมตะ " คลิฟตันเฟอดีเมิ่น ( นักเขียนชาวอเมริกันและบรรณาธิการ ; นิวยอร์ก ผู้ตรวจทานหนังสือ 1904-1999 ) " เย็นซึ่งสิ้นสุดลงโดยไม่มีชีสจะชอบผู้หญิงสวย มีเพียงหนึ่งตา " ฌอง ( ฝรั่งเศส anthelme brillat savarin ทนายความและนักการเมือง นักกิน และนักกิน 1755-1826 , ) มากมาย เป็นคืนที่ยาวนานฉันฝันของชีส - ขนมปังปิ้ง ส่วนใหญ่ " โรเบิร์ตหลุยส์สตีเวนสัน ( สก็อตนักประพันธ์ กวี นักเขียนและนักเขียน , เดินทาง 1850-1894 ) " วิธีที่คุณสามารถปกครองประเทศซึ่งมี 246 พันธุ์ของชีส " ชาร์ล เดอ โกล ( ฝรั่งเศสทั่วไปและประธาน 1890-1970 )

กระบวนการผลิตชีส ลักษณะของชีสชนิดต่างๆ


อินดี้

เรื่องราวของชีส
ตอนนี้บาง 5,000 ปีต่อมาชีสจะทำขึ้นทั่วโลกกับนมทุกชนิดจากนมกวางเรนเดีย Lapland, ไปยังนมควายในออสเตรเลียและนมของจามรีในราชอาณาจักรภูฏาน ปาฏิหาริย์ของชีสคือแม้ว่านมจะมีรสชาติเหมือนกันทั่วโลก ความหลากหลายของพื้นผิวรสนิยมและกลิ่นของเนยแข็งเกือบไม่มีที่สิ้นสุดและแทบชีสใด ๆ สามารถทำทุกที่ในโลก ขนาดรูปร่างและนมของเนยแข็งอย่างไรก็ตามได้รับการพิจารณาโดยหลากหลายเช่น กองกำลังภายนอกเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์หลายศตวรรษของการทดลองทางศาสนาคำสั่งซื้อและภูมิประเทศในขณะที่ความแตกต่างของพื้นผิวและรสนิยมได้รับอิทธิพลจากวัตถุดิบ - ชนิดและสายพันธุ์ของสัตว์ ดิน, ปศุสัตว์, สภาพภูมิอากาศ, สภาพอากาศหนาวเย็นและความเฉลียวฉลาดของผู้ผลิตชีส

ชีสจากยุโรป
ติดค้างมากเพื่อความรู้ของชาวกรีกและต่อมาชาวโรมันผู้ที่สร้างมันขึ้นมาความรู้และเอาของพวกเขาสูตรสำหรับทำชีสทั่วยุโรปเพื่อให้อาหารของพวกเขาพยุหเสนาเป็นอาณาจักรของพวกเขาแพร่กระจาย - มรดกเห็นได้ชัดทั่วยุโรปมาจนถึงทุกวันนี้ยุคกลางเห็นการขยายตัวของวัดสั่งซื้อทั่วยุโรปและเข้าสู่อังกฤษและไอร์แลนด์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเบเนดิกตินและภายหลังพระซิสเตอร์เรียนที่พัฒนาชีสเรารู้วันนี้เป็น Trappist ซึ่ง Maroilles ของภาคเหนือของฝรั่งเศสอาจเป็นครั้งแรกในอดีต

ขนาดชีสถูกกำหนดโดยปริมาณของนมที่มีอยู่และความใกล้ชิดกับตลาดที่ใกล้ที่สุด ดังนั้นชีสภูเขามีแนวโน้มที่จะจะมีขนาดใหญ่พร้อมกับเกษตรกรที่รวมนมเข้าด้วยกันชีสที่สุกช้าพวกเขาสามารถขายได้ในตอนท้ายของฤดูร้อนเมื่อวัวกลับไปที่หุบเขาผู้ที่ทำในหุบเขาและใกล้ตลาดขนาดใหญ่จะมีขนาดเล็กลงเร็วขึ้นทำให้สุกและขายได้ทุกสัปดาห์ตลาด กำหนดรูปร่างไว้โดยความซับซ้อนของผู้ผลิตและวัตถุดิบพร้อมที่จะทำแม่พิมพ์ ไม่ว่าจะทอหญ้ายิงดินหรือไม้วันนี้ของยุโรปแบบดั้งเดิมชีสมักทำในพื้นที่ที่กำหนดโดยผู้ผลิตช่างฝีมือหลายรายมีปริมาณรวมกันอยู่สูงพอสมควรที่
ชีสสามารถพบได้ทั่วโลก. ตัวอย่างคลาสสิกรวมถึงนมดิบ Camembert เดอ Normandie ทำโดยผู้ผลิตเพียงสิบรายและ Parmigiano โดยประมาณ 400 ผู้ผลิต ชีส Artisan พัฒนาขึ้นในช่วง 35 ปีที่ผ่านมาหรืออย่างไรอย่างไรก็ตามมีแนวโน้มที่จะเป็นที่คิดค้นโดยบุคคล ชีสและมักจะหายากนอกบ้านภูมิภาคหรือประเทศต้นทางแม้ว่าจะทำในปริมาณมากก็ตาม

วัตถุดิบในการผลิตชีส
เอกลักษณ์และเอกลักษณ์ของชีสคือพิจารณาจากข้อเท็จจริงหลายประการ
สภาพภูมิอากาศและภูมิทัศน์รวมทั้งแร่ธาตุเข้าดินส่งผลต่อสิ่งที่พืชเจริญเติบโตและดังนั้นสิ่งที่สัตว์ที่กินนมทำให้มีอิทธิพลต่อรสชาติที่บอบบางของนม แม้แต่คนที่ไม่ได้รับการยอมรับมากที่สุดไม่สามารถมองเห็นและกลิ่นความแตกต่างระหว่างสดหญ้าป่าโคลเวอร์และทุ่งหญ้าเปรียบเทียบกับกระชับฟีดหมักหรือผักกาด แร่ยังมีผลต่อความเร็วของการสุกเนื้อและรสชาติของชีส

สัตว์และนิสัยการเลี้ยงสัตว์ของมันเพิ่มอีกมิติ. วัวที่สบายความรักส่วนใหญ่พบในที่เขียวชอุ่มหุบเขาที่อุดมไปด้วยราบและทุ่งหญ้าภูเขาที่มีแดด แพะแตกต่างจากวัวและแกะเป็นเบราว์เซอร์ฉีกเบาบาง แต่พฤกษากลิ่นหอมจากยอดเขายอดเขาที่ขรุขระโรยกรวดหุบเขาหรือเมื่อมีโอกาสเกิดขึ้นเกษตรกรของสวนตกแต่งอย่างสวยงาม นมที่ได้คือสมุนไพรเช่นกรอบไวน์ขาว infused กับสมุนไพร, กลายเป็นเหมือนอัลมอนด์มาร์ซิปันหรือพื้นดินที่มีอายุหวาน, คาราเมลเกือบรสชาติของนมแม่ได้รับมูลค่าในยุโรปและตะวันออกกลางเป็นพัน ๆ ปี หลายสายพันธุ์ปรับให้เข้ากับสภาพอากาศเกือบทุกสภาพอากาศ บางคนยังมีชีวิตอยู่ในดูเหมือนไม่มีอะไรยอม แต่ไม่กี่ลิตรของนมต่อวัน, ตื้นตันใจกับสาระสำคัญของป่า, สมุนไพรหอม, หญ้า, และดอกไม้ที่ก่อรูปของพวกเขาสายพันธุ์ของสัตว์ยังสามารถเป็นปัจจัย เมื่อเทียบกับผลผลิตสูงของ Friesian เช่น Guernsey หรือ วัว Jersey ผลิตนมน้อยลงด้วย globules ไขมันขนาดใหญ่ที่ผลิตชีสสีเหลืองของ Monet ที่ร่ำรวยและนุ่มนวลขึ้น, และนมหวานของเมลเบิร์นวัวคือ โด่งดังทั่วภูมิภาค Savoie ของประเทศฝรั่งเศส

ที่จุลินทรีย์ของทั้งนมและห้องชีสให้สัมผัสการตกแต่ง มีสีสันสดใสมีลมพัดแม่พิมพ์และยีสต์จะปฏิบัติต่อกลุ่มโปรตีนใหม่ ๆ ที่หลากหลายเปรี้ยวเป็นผ้าใบที่จะสร้างงานประจำวันของพวกเขา ในขณะที่แบคทีเรียที่ได้รับนมจะชอบความสันโดษและความอบอุ่นของภายในที่จะทำงานมายากลของพวกเขา เหล่านี้แปลงน้ำตาลนมหวานแลคโตสลงในกรดแลคติกและเพื่อเริ่มต้นกระบวนการหมัก เมื่ออุบัติเหตุจากธรรมชาติ ส่วนใหญ่ได้รับการควบคุมโดย cheesemakers เพื่อให้แน่ใจว่า ผลลัพธ์ที่ได้คือคาดการณ์ได้มากขึ้น จุลินทรีย์เหล่านี้พร้อมกับรายละเอียดปลีกย่อยที่มีอยู่ในนมจะหายไปเมื่อนมถูกพาสเจอร์ไรส์และต้องนำกลับมาใหม่ในรูปแบบของค็อกเทลของแบคทีเรียที่รู้จักกันเป็นวัฒนธรรมเริ่มต้นน่าเสียใจที่วัฒนธรรมที่ผลิตในห้องปฏิบัติการเหล่านี้ไม่สามารถทำได้เลียนแบบความซับซ้อนโดย Mother Nature
วิธีทำชีส
อุปกรณ์และวิธีการปรุงสุกจะแตกต่างกันไป cheesemaker เพื่อ cheesemaker แต่หลักการพื้นฐานมีส่วนร่วมยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเป็นเวลาหลายพันปี
1 นม
นมจะถูกสูบตรงจากห้องรีดนมไปยังนมซึ่งจะมีการตรวจสอบและทดสอบเพื่อให้มั่นใจว่าบริสุทธิ์และสะอาด จากนั้นจะมีการพาสเจอร์ไรส์ โดยปกติอยู่ที่165?C (15?C) เป็นเวลา 15 วินาที นมก็คือโอนไปยังถังและอุ่นจนถึงระดับความเป็นกรดที่จำเป็นสำหรับประเภทของชีสที่ทำ
2 การทำให้แยกตัวเป็นก้อนเคิร์ดนม
เมื่อความเป็นกรดถึงระดับที่ต้องการค็อกเทลพิเศษของแบคทีเรียแลคติกหรือ"วัฒนธรรมเริ่มต้น" ถูกเพิ่มเข้าไป ทั้งสองแปลงแลคโตสกรดแลคติกและก่อให้เกิดกลิ่นรสและเนื้อชีส (มากเกินไปหรือไม่เพียงพอความเป็นกรดผลเนยแข็งที่ไม่สมบูรณ์) ชีสส่วนใหญ่ทำด้วยเพิ่มวัว (มาจากกระเพาะอาหารของสัตว์เคี้ยวเอื้อง สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม) หรือสารตัวอื่นเพื่อให้แน่ใจว่าโปรตีนและไขมันในนมและไม่สูญหายไปในเวย์การคดเคี้ยวเป็นขั้นตอนพื้นฐานในการทำเนยแข็ง เมื่อระดับของการจับตัวเป็นก้อนจะเป็นตัวกำหนดขั้นสุดท้ายความชื้นของชีสและในทางกลับกันส่งผลต่อความเร็วของกระบวนการหมัก
3 การแยกนมวัวและเวย์
นมเปรี้ยวดูเหมือนวุ้นขาวขณะที่เวย์เป็นสีเหลือง - เขียว ของเหลว ค่อยๆแยก curds จากเวย์สร้างชีสที่นุ่มและมีความชื้นสูงในขณะที่ตัด curds expels เพิ่มเติมเวย์และผลิตชีสยากขึ้น เนยแข็งมากขึ้น ถูกตัดแข็งและปลีกย่อยสุดท้ายชีสเวย์จะถูกระบายออกเมื่อถึงความเป็นกรดที่ต้องการ
4 การหมักและเกลือเคี่ยว
แม่พิมพ์หรือห่วงและอาจถูกกดก่อนที่จะหันออกจากแม่พิมพ์ของพวกเขา เมื่อออกจากแม่พิมพ์ชีสคือลูบหรือโรยด้วยเกลือหรือแช่ในน้ำเกลือก่อนถูกวางไว้ในห้องเย็นหรือห้องใต้ดินถึง
5 อายุของชีส
อายุและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกระบวนการหมักบ่มชีสคือศิลปะและวิทยาศาสตร์ของการทำชีสตามที่ออกมาลักษณะของนมและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ไปเลี้ยงปศุสัตว์ affineur ดีคนที่ ripens ชีสสามารถรักษาชีสที่ง่ายที่สุดให้ผลผลิตทุกความแตกต่างของรสชาติชีส Artisan แตกต่างกันไปในแต่ละวัน ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงปศุสัตว์, ฤดู เงื่อนไขในห้องเนยแข็งและชีสดังนั้นแตกต่างจากไวน์ ชีสมีเหล้าองุ่นทุกวันซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้วิเศษและมหัศจรรย์

วิธีทำชีส
ประเภทของชีส
ชนิดของชีส

อินดี้

10 อันดับซูชิที่คุณควรลอง
สิบอันดับซูชิ มันได้รับการกล่าวถึงหลายครั้ง โดยเฉพาะในรายการ " 10 อันดับอาหารหรู " และ " 10 สุดยอดร้านอาหารที่แปลกประหลาด แต่ไม่เคยมีรายการของตัวเอง ดังนั้นผมจึงได้ริเริ่ม เหล่านี้เป็น Top 10 อร่อยที่สุด กัดของซูชิ ผมเลือกรายการที่เหมาะสมพร้อมใช้งานในตลาด และที่ชอบคือ " เจมี่ พ่อ 10 อันดับอาหารเกาหลี คุณต้องพยายาม " เป็นตัวแทนของความหลากหลายใด ๆด้วยตนเองเคารพนักกินซูชิควรกำหนดเป้าหมายที่จะพยายามในชีวิตของพวกเขา ธรรมชาติ รายการนี้เป็นความเห็นส่วนตัวมากตาม แต่ต้องให้สั้นประจำตัวฉัน ฉันเป็นพ่อครัวซูชิและทำซูชิในระดับมืออาชีพ ตั้งแต่ปี 2005 และได้กินซูชิตั้งแต่ก่อนว่า ทั้งสหรัฐฯ และญี่ปุ่น การเลือกของฉันมีไว้สำหรับคณะกรรมการสเปกตรัมของนักกินซูชิ ตั้งแต่เริ่มต้น ( แม้ " ซูชิบริสุทธิ์ " ที่เราชอบพูด ) ถึงแม้ที่สุดรอบรู้ " ซูชิ snobs " ในหมู่พวกเรา โดย " ซูชิกัด " ผมได้รวมรายการที่ 2 เป็นเรื่องของอรรถศาสตร์ ซูชิ และ ซาซิมิ นี้ครอบคลุมทั้งหมดส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับเทคนิคและวัสดุที่เกี่ยวข้องกับซูชิ ปลาดิบ และต้มปลา มี หรือ ไม่มี ซูชิ ข้าว ฉันยังพยายามที่จะให้ทั้งชื่อภาษาอังกฤษ และภาษาญี่ปุ่น สำหรับสิ่งที่ ฉันทำของฉันที่ดีที่สุดเพื่ออธิบายรสชาติของแต่ละรายการ แต่ที่เป็นเรื่องยากเขียนอาณาเขตด้วยข้อจำกัดบางอย่าง ( วิธีที่คุณจะอธิบายรสชาติของเกลือ เช่น นอกจากบอกว่า " เค็ม " ? ) นอกจากทั้งหมดนี้ ผมหวังว่าจะให้ข้อมูลที่ดีและมากของใหม่เบ็ดเตล็ดความรู้ผู้อ่านแต่ละอย่างในรายการใด ๆควรจะทำ

10. อุนากิ ซูชิปลาไหล
เราจะเริ่มต้นด้วยหนึ่งที่ง่ายในปลาไหล (ความหลากหลายของปลาไหลน้ำจืด) ได้รับอนุมัติในประเทศญี่ปุ่น และล่าสุดมีเพิ่มขึ้นในความนิยมในสหรัฐอเมริกาด้วย มันอธิบายเป็นยางเหนียว แต่ไม่เหมือนดินและ mushroomy ถ้าเป็นไปได้ อาจจะมากที่สุด ไก่ชอบซูชิเนื้อมันไม่ใหญ่เกินไปของกระโดดสำหรับตัวจับเวลาแรกเมื่อพวกเขาได้รับมากกว่าความจริงที่ว่ามันคือปลาไหล เกือบทุกร้านอาหารซูชิได้ยกฟาร์มก่อนบรรจุและย่างในซอสเทอริยากิ ชอบ ทำให้รสชาติที่ประกอบด้วยองค์ประกอบของน้ำตาล , ซอสถั่วเหลือง , เมล็ดงา และน้ำตาล และสำหรับส่วนใหญ่ที่เป็นที่สอดคล้องกันจากร้านอาหาร ภัตตาคาร ร้านอาหาร มันก็ไม่แปลกสำหรับให้บริการที่อบอุ่น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะสำหรับซูชิ ที่สหรัฐ พบรายการที่มีปลาไหลเป็นข้างในรูปแบบของม้วนซูชิ (มากิสไตล์ ) ที่รู้จักกันเป็นหนอนผีเสื้อ ไม่มีนิยามที่แน่นอนของหนอนม้วน เป็นแต่ละร้านมักจะมีรุ่นของตัวเอง แต่มันมักจะคู่กับอะโวคาโด อุนางิ ( สำคัญมาก ) และส่วนผสมอื่น ๆ

9. ทาโกะซูชิ ซูชิหมึกยักษ์
เนื้อหั่นปลาหมึกหนวดจะค่อนข้างหนาแน่นและนุ่ม . มันมีเล่ห์เหลี่ยม สะอาดรสชาติอร่อยที่ให้ โดยเฉพาะ แต่ซื่อสัตย์ พัดลมฐาน ที่สุดนิงิริซูชิสไตล์ ( คือชิ้นปลาบนมือปั้นลูกบอลข้าว ) จะมีจำนวนเล็ก ๆของจาวาซาบิ ( นี้คือใช้ในดุลพินิจ ของเชฟ และปลาไหลเป็นข้อยกเว้นทั่วไป การปฏิบัตินี้ ) รสชาติของทาโกะ แต่เป็นโคตรเพิ่มโดยวาซาบิ และดังนั้นมันอาจจะได้รับมากกว่าชิ้นอื่น ๆ โดยเฉลี่ย สิ่งที่พิเศษเกี่ยวกับตะโกนั้น แทนที่จะถูกตัดโดยเดียวเคลื่อนไหวทิศทางหนึ่ง เป็นกฎสำหรับการตัดปลาอื่น ๆ มันถูกตัดสั้นและรวดเร็วมากเลื่อยการเคลื่อนไหวส่งผลให้พื้นผิวลูกฟูก นี้ถูกทำโดยวิธีการให้ลูกค้าว่าชิ้นตัวอย่างปรสิตฟรี แต่มันติดเป็นประเพณี นอกประเทศญี่ปุ่น ปลาหมึกต้มทั้งหมดอย่างละเอียดก่อนที่จะแกะสลักผลในเนื้อเป็นสีขาวขุ่นและผิวสีม่วงเข้ม ในญี่ปุ่นมันเป็นบริการเดียวกัน ถึงแม้ว่ามันอาจจะยังใช้วัตถุดิบและสีเทาและ chewier มาก

8. บาซาชิซูชิ ซูชิเนื้อม้า
ทัศนคติต่อการบริโภคของมนุษย์เนื้อม้าขึ้นอยู่กับภูมิภาค มันเป็นอย่างมากที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในเอเชียตะวันออก ประเทศ ญี่ปุ่น จีน และเกาหลี ซึ่งเป็นความถี่ ที่อื่น ๆในโลกมันทั่วไป น้อย แต่ปัจจุบัน สถานที่ เช่น อเมริกาใต้ ตะวันออกกลาง และทวีปยุโรปด้วย มันไกลมากแทบที่มีอยู่ใน UK , ออสเตรเลียและแคนาดา และอย่างน้อยก็ในสหรัฐอเมริกา ที่มันต่อต้านอย่างรุนแรงและดูโดยมากเป็นข้อห้าม ในญี่ปุ่น เนื้อม้า โดยทั่วไปเรียกว่า ซากุระ คุ ( ซึ่งหมายความว่า " ซากุระสเต็ก " ) แต่เมื่อมันถูกตัดเป็นชิ้นบาง ๆ และเสิร์ฟสไตล์ปลาดิบ มันเรียกว่า basashi . มันผอมมาก และค่อนข้างนุ่ม รสชาติใกล้เคียงกับอื่น ๆ หายาก เนื้อสีแดง เช่น เนื้อวัว และ เนื้อแกะที่เตรียมไว้ ( เพิ่มเติมดังนั้นเนื้อ แต่แน่นอนแตกต่างจากเนื้อ ) ที่จริงมันมีมากไขมันน้อยกว่าเนื้อวัว และสองเหล็ก ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การแต่งหน้าที่ดีที่สุดสำหรับ basashi ขูดขิงสด ๆหั่นหัวหอม นี้เป็นต้อง

7. โทบิโกะ ซูชิไข่ปลาบิน
โทบิโกะเป็นไข่ปลา ( รังไข่ ) จากการเก็บเกี่ยวปลาบิน มันถูกใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารญี่ปุ่นมาก และเราก็มักเห็นบนด้านนอกของแคลิฟอร์เนียโรล หรือ " ก้อนทอง " แคลิฟอร์เนีย อย่างไรก็ตาม มันทำให้เป็นจุดในรายการของเราเมื่อมันทำหน้าที่เป็นส่วนผสมหลัก ในลักษณะที่เรียกว่ามากิกุนกันหรือ " เรือรบสไตล์ธรรมดา " โทบิโกะเป็นสีส้ม รสเค็ม รส และกรอบในพื้นผิว บางครั้งมันเป็นเสิร์ฟพร้อมกับไข่นกกระทาดิบแตกโดยตรงบนเรือรบชิ้น กับใบ Shiso ( คิดว่าเป็นใบสะระแหน่ แต่ไม่ตรง ) ซึ่งเป็นแฟนรายการด้วย ไม่ต้องพูดอะไร รสชาติซับซ้อน โทบิโกะมาในการแบ่งประเภทของรสชาติและทางเลือกสี วาซาบิ ( สีเขียว ) , ( สีดำ ) หมึกปลาหมึกเผ็ด ( สีแดง ) และ ยูซุ ผลไม้ส้ม ( เหลือง ) มักจะถูกแทนที่ด้วยถูกกว่า masago โทบิโกะ ( ไข่ปลาของเคปลิน ) แต่ masago ไข่มีขนาดเล็กเพียงเล็กน้อยในขนาด เมซีเยและมากสีส้มสดใส มันง่ายที่จะบอกความแตกต่างเมื่อพวกเขาอยู่เคียงข้างกัน มันแค่ใช้ประสบการณ์ที่จะรู้ว่าสิ่งที่คุณกำลังมองหาที่

6. โทโร่ ซูชิปลาทูน่า
บางทีเดียว สถิติที่ใช้ในป่าจับปลาในซูชิ ในระดับโลก เป็นบลูฟินทูน่า มันจึง overfished ในความเป็นจริงว่ามันเป็นคุกคามเป็นสปีชีส์ ซึ่งจะถือเป็นหลักความยั่งยืนต่อมหาสมุทรของโลกที่เป็นระบบ นักกิจกรรมกรีนพีซเคยบอกฉันว่า มีครีบปลาทูน่าแช่แข็งมากกว่าคนที่อยู่ สำหรับเหตุผลนี้ หลายๆคน รวมทั้งตัวเองได้เริ่มต้นเพื่อหลีกเลี่ยงครีบมากขึ้น ตอนนี้ต้องบอกว่าตราบใดที่คุณจะไม่กินมันทุกวัน ผมจะเป็นคนสุดท้ายที่จะกล่าวหา ส่วนครีบ ( มาก ) ผลการตัดที่แตกต่างกันสำหรับซูชิ ส่วนใหญ่ของปลา และดังนั้นจึง พบบ่อยที่สุด และถูกที่สุด เรียกว่า คามิ . นี้เป็นแดงเข้มตัดมาจากกระดูกสันหลังและหาง ย้ายใกล้ชิดกับหัว , ชูโทโร่ คือเนื้อ fattier มีรสดีขึ้น และจากนั้นย้ายไปยังท้องด้านหน้าเป็นหินอ่อนโทโร่ มากที่สุด และสูงที่สุด มูลค่า ตัด fattiest สัมบูรณ์ของโทโร่เรียกว่าปลาโอโทโร่ หรือพวกแค่หลอก ชิ้นนี้ ละลายในปาก เช่น เนย

5. ซูชิหนังปลาแซลมอน
ร่วมกับ ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ต้องถือว่าเป็นเชฟใหญ่ ขายปลา ทั้งปริมาณ และกำไร เพราะความจริงนี้ , เชฟอันค้นหาตัวเองกับส่วนเกินที่ดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุดของหนังปลาแซลมอน ซึ่งถูกตัดขาด และไม่รวมอยู่ในม้วนปลาดิบ nigiri , และอื่น ๆ กับผิวรอบพิเศษ ( มอบให้ เชฟจะต้องให้ความใส่ใจในการขอดเกล็ดปลาและรักษาผิว แทนที่จะทิ้งมันกราด ) มีความเป็นไปได้ว่า พ่อครัวที่ยินดีที่จะให้หนังปลาแซลมอนม้วน ถ้ามันไม่มีอยู่ในเมนู ผิวหนัง การไล่ระดับสีมีจุดสีขาว สีเงิน และ สีดำ เหมือนการรวมกันของปลาเอง และมีน้ำทะเลที่มันอาศัยอยู่ มันควรจะอบหรือย่างไว้ล่วงหน้า ซึ่งทำให้โดยรวมมีคุณภาพหนึ่งของ " อุ่น " อธิบายยากเกินกว่าที่ บางครั้งผิวเป็นรมควัน ซึ่งเป็นรสทั้งหมดด้วยตัวเอง แต่ที่ยังสามารถรักษาจริง ทั้งสองวิธีมันเป็นม้วนขึ้นเป็นสิ่งที่ตรวจเรียกว่าก่อนคริสต์ศักราชม้วน ( บริติชโคลัมเบีย ) หรือฟิลาเดลม้วน ( แสดงว่าครีมชีส ) กับสิ่งอื่น เช่น แตงกวา หรือ ปู หรืออะไรก็ตาม แต่เชื่อฉัน , ปลาแซลมอนผิวเป็นสิ่งที่คุณจะได้ลิ้มรส

4. อามะเอบิ ซูชิกุ้งหวาน
อามะเอบินั้นโปร่งแสง ประณีต หางของกุ้งที่เสิร์ฟดิบเป็น nigiri หรือซาซิมิ มันไม่ควรจะสับสนกับกุ้ง , ชนิดของซูชิกุ้งที่คุ้นเคยกับฆราวาส : ใหญ่ จำชิมทำอาหารเสมอ บ่อย กว่าจะสุก และที่น่ารังเกียจ และอาจไม่ปลอดภัยมันตามหน้าที่ amaebi มักเสิร์ฟกับโทบิโกะหรือกุระ ( ไข่แซลมอน ) ด้านบน amaebi กุ้ง นอกจากถูกมากเอร็ดอร่อยเป็นนอกจากนี้ที่รักในนั้น เนื่องจากประสบการณ์ซูชิแบบดั้งเดิม คือ ความกังวล พวกเขานำเสนอสิ่งที่ใกล้กินสดสิ่งมีชีวิต ( เกื้อกูลการปฏิบัติแม้ว่า ) สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือในหนึ่งย่อลำดับเชฟจะแยกหางจากท้อง ตนเองเอาเปลือกและขวากหนามจากหาง ทำความสะอาดโพรงเลือดดำ และเริ่มด้วยการนำเสนอของอาหารซึ่งมักจะรวมถึงทันทีภายในหัว ฉันลังเลที่จะพูดได้ว่ามันเป็นอาหาร แต่เพราะที่จุดนี้เพื่อความอยู่รอดเป็นสัตว์แน่นอน เป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าลูกค้าโชคดีเล็กน้อยบางกระตุกจะเกิดขึ้น เอาเป็นว่า นี้แน่นอนจะไม่ น้อยยังมีชีวิตอยู่ที่คุณจะเคยพยายามในชีวิตของคุณ

3. ชิเมะซาบะ ซูชิปลาซาบะดอง
ชิเมะคือปลาซาบะที่ถูกดอง มันมากเริ่มรสเกินไปสำหรับบางมาก เปรี้ยวและเค็ม ( ธรรมชาติ จากขั้นตอนการบ่ม ) คาวมาก ( ในทางที่ดี ) , และมาก ผิวมัน กินมากกว่าหนึ่งชิ้นที่นั่งจะต้องทำมัน นอกจากคุณจะชอบมัน ฉันคิดว่า มัน ยัง มี ฉาวอรหัตผลซึ่งผมก็จะไม่พยายามที่จะอธิบาย shime สะบ้าเป็นมั่นเหมาะหนึ่งของสิ่งเหล่านั้นที่คนทั้งรักหรือเกลียดมัน มากที่สุดที่ฉันได้พบในที่สุดยอมรับว่าพวกเขาชอบมัน เนื้อเป็นเกี่ยวมาก แสง สีแทน แต่ผิวจะเงามาก , สีเงิน , กับซาลาแมนเดอร์เหมือนริ้วรอยที่สามารถมากในโทนสีฟ้า ( ไม่เหมือนของนาวี ผิวจากหนังเรื่อง Avatar ) เพื่อความรู้ของฉัน เป็นชิ้น shime ซาบะซูชิเป็นเพียงธรรมชาติที่เกิดขึ้น เช่น เนื้อสีฟ้า ด้วยเหตุผลแค่นี้ คุณก็ต้องพยายาม ถ้าคุณไม่ได้

2. ซูชิปลาบุรีหรือปลาหางเหลือง
ซูชิในคำพูด " บุริ " ( Hamachi ) หมายถึง ชนิดของปลาที่พบชื่อภาษาอังกฤษคือปลาสำลีญี่ปุ่น นี้จะไม่สับสนกับบุริปลาสำลีที่มีชื่อซูชิ คือ ฮิรามาสะ และยังบางครั้งเรียกว่าผู้ยึดติดค่านิยมเก่าๆ หรือปลาแซลมอน สีขาว หรือมันต้องสับสน ซึ่งมันมักจะเป็นกับชนิดใด ๆของปลาทูน่าหรือปลาเช่นปลาทูน่าที่มีชื่อซูชิ คัตสึโอะ หรือ เหลือง ซึ่งอยู่ภายใต้ร่มของคำว่า " มาก " หรือปลาที่ญี่ปุ่น , ซูชิชื่อปลาอะจิ ไม่ต้องสับสนกับอา , ชื่อฮาวายเหลือง . Hamachi ควรจะร่วมกันมากพอที่จะหลีกเลี่ยงทั้งหมดนี้ความผิดปกติ แต่มันเสมอดีที่จะรู้ว่าสิ่งที่คุณกินจริงๆ ฮามาจิ มีเต็ม รสเผ็ด เนื่องจากปริมาณไขมันสูง . ในความเป็นจริงในระหว่างฤดูหนาวเดือนเนื้อจะอุดมไปด้วยไขมันที่มันจะไม่ถือซอสถั่วเหลืองและอาจจะขับไล่มัน สีมันอาจจะขัดแย้งกัน แต่มันไม่ขาวเกินไป ( เมื่อมันจึงเรียกว่า นาดะ ) หรือสีแดง ( จึงเรียกว่าบุรี ) แต่ควรจะหนักสีชมพู ไม่โปร่งแสง ที่ทั้งหมด มีเป็นสีน้ำตาลจางๆค่ะ มันจะเปิดแทนมากกว่า มันกลายเป็นสดน้อยลง จึงควรแตกต่างกัน เป็นคนดี และสีชมพู ตัดสดของ Hamachi มากรสชาติมากขึ้น และอย่างน้อยก็เป็นเนยที่ตัดใด ๆของมากุโระ พระเจ้ารู้ว่าทำไม แต่ Hamachi ก็น่ากลัวกับ jalape 15 OS นี้เป็นแนวโน้มที่ค่อนข้างใหม่ แต่ก็มีการแพร่กระจายเหมือนไฟป่า โดยเฉพาะกับสองของอเมริกาอันดับคนดังญี่ปุ่นเชฟ โนบุ โนบูยูกิ โมริโมโตะ และมาซาฮารุ ( เชฟกะทะเหล็ก ) แต่ละเสนอลายเซ็นของตัวเองที่ใช้ในการรวมกัน

1.ซูชิปลาปักเป้า
ฟุกุ ( ปลาปักเป้า pufferfish หรือ ) ก็จะต้องเป็นหนึ่งใน ที่สุด ถ้าไม่ที่สุดอันตราย เสน่ห์อาหารที่มีอยู่ และหรูหรามากที่สุดอันตรายของอาหารที่มีอยู่ เตรียมแบบซาซิมิ เรียกว่าฟุกุซาชิมิ มันเป็นเพราะพิษ พิษที่มีอยู่ในตับของปลา ลำไส้และผิวหนัง เมื่อปนเปื้อนพิษ ซึ่งสามารถมาก 140 , 000 ครั้งมีประสิทธิภาพเช่นโคเคน , มนุษย์จะกลายเป็นอัมพาตไปจนกว่าจะตายจากการขาดอากาศหายใจอย่างเต็มที่จากการไม่สามารถหายใจ ทั้งหมดนี้ในขณะที่พวกเขายังคงสมบูรณ์ มีสติ มันไม่มียาถอนพิษ ฟุกุในกฎหมายของญี่ปุ่นอย่างเข้มงวด และเชฟต้องมีใบอนุญาตพิเศษที่ไปได้ดีเกินที่ของพ่อครัวซูชิโดยเฉลี่ย มีฟูกร้านอาหาร ในนิวยอร์ก แต่มันแพงมาก และเชฟจะต้องสมบูรณ์เดียวกันต้องทำงานที่ญี่ปุ่น ต้องตรงไปตรงมา โอกาสของคนที่ตายจากการกิน ฟุกุจะค่อนข้างต่ำ ( ประมาณเท่ากับตายกระโดดร่ม ) อันตรายจริงและปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกของความเสี่ยงนี้ ( โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเป็นคนแรกที่โต๊ะเพื่อลองชิ้นส่วน ) เป็นที่น่าตื่นเต้นมากและหนึ่งในเหตุผลที่ฟุกุเพื่อฉลอง เหตุผลอื่น ๆ และผมต้องเน้นเรื่องนี้ เพราะว่าอร่อยอย่างไม่น่าเชื่อมันคืออะไร อธิบายว่า " ประเสริฐ " และ " เสพ " รสจะละเอียดมาก และสะอาด เหมือนปลาหมึก แต่ไม่เหนียวเลย หรือยาง หรือนุ่ม . เหมือน Hamachi หรือ Toro , มันมีกลิ่นคาวอ่อน อ่อนมาก แต่ก็มี มันมีพื้นผิวเรียบ ชุดมาก ( ไม่เหมือน Hamachi หรือโทโร่ ซึ่งมีเส้นเสี้ยนวิ่งผ่านพวกเขาและสามารถเป็นขุย ) เมื่อเตรียมไว้อย่างสมบูรณ์ ร่องรอยของยาพิษเข้าไป และมันก็ทำให้มันกินปากไปมึนนิดหน่อย ไม่มาก พวกเขาไม่สามารถรู้สึกถึงมัน แต่พอว่า ถ้าเขาตัดลิ้นของพวกเขา มันไม่ได้เจ็บปวดอีกแล้ว ฟุกุจะเปราะบางและโปร่งใสมาก ผ้ามันจะเสิร์ฟบนจานที่มีรูปดอกเบญจมาศบน ( สัญลักษณ์ของจักรพรรดิ ) และรายละเอียดของดอกไม้ควรจะมองเห็นได้ผ่านบางซูเปอร์ซาซิมิ ตัด . การอยู่ด้วยกัน ตัวเองยังมักจะจัดในรูปแบบของดอกไม้ รสชาติมันนุ่มมาก ที่คุณสามารถนั่งและกินตันของมันในหนึ่งนั่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี ฉันได้แต่พยายามเพียงครั้งเดียวในชีวิตของฉัน แต่มันเป็นอาหารอร่อยที่สุดที่ผมเคยมี

101 เมนูซูชิ



อินดี้

ซูชิคืออะไร
ประวัติศาสตร์ของซูชิ
ความหมายง่ายๆของซูชิคือ "ข้าวสวยที่มีไส้หรือเติม, ปรุงสุก, หมัก, หรือหมักหอย, หอย, ผักหรือไข่ "มันกินเป็นอาหารขบเคี้ยวขนมขบเคี้ยวหรืออาหารจานหลักและมีหลายรูปแบบชามข้าวกระจัดกระจายอยู่กับปลาและผักเพื่อรีดรีดและซูชิมือที่เกิดขึ้น ในประเทศญี่ปุ่นซูชิเป็นที่นิยมอย่างมาก มันเป็นความสุขไม่เพียงในบาร์ซูชิ แต่ยังอยู่ที่บ้านโดยครอบครัวทั้งหมด ทั่วโลกเป็นของญี่ปุ่นมากที่สุดที่รู้จักกันดีอาหาร - แน่นอนเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นเคยล้อว่าซูชิได้ทำมากขึ้นเพื่อเพิ่มรายละเอียดระหว่างประเทศของประเทศญี่ปุ่นกว่าความพยายามอย่างเป็นทางการของประเทศ

ต้นกำเนิดของซูชิ
ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อซูชิถูกคิดค้น แต่คิดว่ามีมาเป็นวิธีการเก็บรักษาอาหารไว้ภูมิภาคที่ปลูกข้าวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เนื้อสัตว์ปลาหรือผักเค็มและบรรจุลงในไม้กดกับสุกข้าวและทิ้งไว้เพื่อหมักตามธรรมชาติคาร์โบไฮเดรตในข้าวจะเปลี่ยนกับกรดแลคติกและร่วมกับเกลือ, จะดองอาหาร นักวิชาการบางคนเชื่อว่าซูชิมาญี่ปุ่นด้วยการแนะนำการปลูกข้าวจากจีน, เร็วที่สุดเท่าที่ 500 องศาเซลเซียสขณะที่บางคนคิดว่าการปฏิบัติที่ถูกนำกลับมาโดยชาวพุทธนักบวชกลับจากประเทศจีน การฝึกอบรมในศตวรรษที่ 7 C.E. บันทึกแรกของรูปแบบแรกของซูชิ - ปลาที่เก็บรักษาไว้ในข้าวหมัก -พบในดินแดนที่ถูกผูกไว้เมืองหลวง, Heij?-ky? (ปัจจุบัน - วันนารา), ซึ่งส่งไปเป็นรูปแบบการชำระภาษี จากพื้นที่ชายฝั่งทะเล วันนี้ตัวอย่างของซูชิหมักที่เรียกว่า nare zushi, ยังสามารถพบได้ทั่วประเทศญี่ปุ่น ที่สุด ตัวอย่างที่มีชื่อเสียงคือ funa zushi ซึ่งทำขึ้นจากปลาคาร์พที่พบในทะเลสาบบิวะใกล้กับเมืองเกียวโตปลาและข้าวถูกกดลงในชั้นและหมักเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งปี (บางครั้งก็สองปีหรือมากกว่า) ตามเวลาที่มันพร้อมที่จะกิน เกือบจะไม่มีข้าวเหลือเพียงอย่างเดียว ปลาที่มีกลิ่นฉุน บางสิ่งบางอย่าง รสที่ได้มาจะอธิบายได้ดีที่สุดว่าส่วนผสมของเนยแข็ง Camembert ที่โตเต็มที่และน้ำปลาไทยซึ่งมีกลิ่นค่อนข้างแรงนั่นเอง

จากปลาที่ได้รับการเลี้ยงดูไว้ให้ SUSHI Nare zushi ดำเนินต่อไปในรูปแบบเดิมจนถึงกลางเดือนศตวรรษที่ 15 เมื่อกระบวนการปฏิวัติโดยการลดระยะเวลาหมักน้อยกว่าหกเดือนระยะเวลาหมักที่สั้นลงยังคงเก็บรักษาปลาไว้ แต่ข้าวหมักจะยังคงอยู่แทนการทำลายลงอย่างสิ้นเชิง ซูชิชนิดใหม่นี้ถูกเรียก nama-nare zushi หมายถึงการหมักแบบสดๆ ซูชิหรือซุชิฮานนัสชุนหมักครึ่งลง ซูชิ. ตอนนี้ทำซูชิแล้วโดยทั่วไปคนทั่วไปคนที่ข้าวเป็นอาหารที่ไม่ต้องเสียเปล่า การทำให้เป็นกรดตอนนี้ข้าวกินกับปลาความคิดที่คุ้นเคยที่ยังคงใช้กับซูชิเรารู้และกินวันนี้

ประวัติศาสตร์ของซูชิ
ญี่ปุ่นเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่สำคัญ อำนาจในช่วงเริ่มต้นของศตวรรษที่ 17 ซึ่งจะมีอิทธิพลกว้างขวางเกี่ยวกับอาหารของ ในปี ค.ศ. 1603 โชกุนงาวะวะ Ieyasu เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประเทศและจัดตั้งขึ้น รัฐบาลของรัฐบาลเอะโดะ (ตอนนี้กรุงโตเกียว) ด้วยการจัดตั้งที่มีประสิทธิภาพ โครงสร้างทางการเมืองและสังคมมา การเติบโตทางเศรษฐกิจโดยเน้นที่การส่งเสริมการเกษตร มันคือการประมาณ การผลิตข้าวเกือบเพิ่มเป็นสองเท่าการผลิตข้าวที่เพิ่มขึ้นนำไปสู่การใช้ผลิตภัณฑ์จากข้าวอื่น ๆ อย่างกว้างขวางเกินไปเช่นเหล้าสาเกและน้ำส้มสายชู มันเป็นมีน้ำส้มสายชูมากขึ้นโดยเฉพาะที่ส่งผลให้เกิด ora zushi หรือ "sushi รวดเร็ว" แทนที่จะให้ข้าวหมักตามธรรมชาติและผลิตกรดแลคติค, น้ำส้มสายชูข้าวถูกเพิ่มเข้าไปในขณะนี้ซึ่งลดเวลาที่ใช้ในการทำซูชิจากหลายเดือนไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงใช้น้ำส้มสายชูกับฤดูข้าวไม่เพียงทำซูชิเร็วกว่าที่จะทำมันยังสนับสนุนการสร้างรูปแบบใหม่ของซูชิ ไม่จำเป็นต้องกดอีกต่อไป
ข้าวและปลาลงในกล่องเพื่อหมัก(แม้ว่าซูชิกดยังคงเป็นเป็นที่นิยมมาก) ในอีกสองสามปีข้างหน้าศตวรรษที่ซูชิประเภทอื่น ๆ อีกมากมายวิวัฒนาการเช่น chirashi zushi (กระจัดกระจายซูชิ), maki zushi (ซูชิรีด) และ inari zushi (ซูชิอัดแน่นไปด้วยรสเผ็ดร้อนถุงเต้าหู้) ในตอนท้ายของศตวรรษที่ 18 รูปแบบใหม่ของซูชิถูกสร้างขึ้นในทุกมุมของประเทศญี่ปุ่น

NIGIRI ZUSHI - อาหารที่เร็วที่สุดอันดับแรก
Hanaya Yohei ผู้ตั้งร้านขายซูชิเข้า อีดีโอในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 มีอยู่ทั่วไปเครดิตกับการเป็นนักประดิษฐ์ของnigiri zushi หรือซูชิที่ผลิตด้วยมือนั่นเองเรารู้วันนี้ เขาเป็นพ่อครัวคนแรกของบีบน้ำส้มสายชูลงในลูกบอลด้านบนมันมีชิ้นปลา แม้ว่าการเพิ่มน้ำส้มสายชูข้าวลดลงเวลาเตรียมตัวพ่อครัวซูชิที่ยังทำอยู่ซูชิแบบดั้งเดิมกดซึ่งเอาบางส่วนเวลาเตรียมตัว ชาวอีดีโออาศัยอยู่ฉาวโฉ่ใจร้อนดังนั้น Yohei ของใหม่คิดค้น nigiri zushi ซึ่งใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเพื่อเตรียมพร้อมสไตล์ใหม่ของซูชิเป็นที่รู้จักกันว่า Edomae nigiri หรือ "ซูชิแบบมือในสไตล์โตเกียว" ปลาท้องถิ่นและหอยจากอ่าวโตเกียวถูกใช้สำหรับรสชาติของมัน มันมากขนาดใหญ่กว่าสมัยใหม่ nigiri zushi, แต่ส่วนใหญ่รสชาติปรุงสุกหรือหมัก - ไม่ดิบ ตามที่เราคุ้นเคยกับวันนี้เป็นที่นิยมในวงการอีดีโอ (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นโตเกียว) nigiri zushi ทำเฉพาะเท่านั้น

ในกรุงโตเกียวจนถึงทศวรรษที่ 1940 ที่สิ้นสงครามโลกครั้งที่สองการปันส่วนอาหารป้องกันไม่ให้ร้านซูชิจากการดำเนินงานปกติ เมื่ออาชีพของฝ่ายสัมพันธมิตรทางการออกคำสั่งอนุญาตให้แลกถ้วยข้าว 10 ถ้วยnigiri zushi และม้วนซูชิพวกเขาไม่ได้รวมถึงซูชิชนิดอื่น ๆ เก็บร้านค้าของพวกเขาเปิดเชฟซูชิในส่วนที่เหลือของญี่ปุ่นพบว่าจำเป็นที่จะต้องยอมรับซูชิแบบมือในรูปแบบโตเกียว


อินดี้

กระบวนการผลิตชีส ลักษณะของชีสชนิดต่างๆ

เอานมมา ใส่แบคทีเรียลงไปอีกนิด เชื้อราอีกหน่อย ตัวร้ายอีกเล็กน้อย ชีสคือวิธีอย่างหนึ่งในการถนอมอาหารไม่ให้เน่าเสีย แล้วเราก็จะได้ความอร่อยที่คนกินเท่าไหร่ก็ไม่พอ จากทุ่งเลี้ยงวัวไปสู่พิซซ่า จากโรคฟอร์ท (Roquefort) ไปถึงเวลวีต้า (Velveeta) ไม่ว่าคุณจะหั่นหรือว่าราดมันคือหนึ่งในการถนอมอาหารที่ซับซ้อนที่สุดของมนุษย์อย่างหนึ่ง

รถบรรทุกมาถึงก่อนรุ่งสาง ถังเหล็กส่องประกายแวววับ แต่ละถังมีปริมาตร 600 แกลลอน เลื่อนเข้าสู่สายพานผลิต มันคือโรงกลั่นอย่างหนึ่งแต่ของที่ทำไม่ใช่น้ำมันหรือว่าก๊าซแต่เป็นนม ที่โรงงานอัลโต้แดรี่ วิสคอนซิน วันปกติจะมีนมประมาณ 3,500,000 ปอนด์มาส่งที่โรงงานหรือประมาณ 70 รถบรรทุก อัลโต้แดรี่จะทำนม 3,500,000 ปอนด์นี้เปลี่ยนให้เป็นชีส 400,000 ปอนด์ทุกวัน นมร้อยละ 90 ที่ผลิตได้ในวิสคอนซินจะกลายเป็นชีส และชีสของวิสคอนซินร้อยละ 10 ถูกผลิตจากโรงงานแห่งนี้ อัลโต้แดรี่โรงงานทำชีสที่ใหญ่ที่สุดทางตะวันออกของมิสซิสซิปปี้ ตั้งแต่โรงงานใหญ่โตไปจนถึงฟาร์มเล็กๆ การทำชีสคือศาสตร์และศิลป์และงานฝีมือ ทั้งยังเป็นความสัมพันธ์ระหว่างที่ดิน สัตว์ และเทคนิค

อัลโต้แดรี่ก็เช่นเดียวกับโรงงานทำชีสอื่นๆ ชีสดีๆ เริ่มต้นจากนมบริสุทธิ์เข้มข้น สิ่งแรกที่ทำเวลารถบรรทุกนมเข้ามาคือ เจ้าหน้าที่จะเปิดฝาเพื่อนำตัวอย่างนมมาตรวจหาสารปฏิชีวนะ เมื่อห้องแล็บตรวจแล้วพวกเขาก็จะติดท่อเข้าไปเพื่อสูบนมออกมาจากถังไปเก็บไว้ในแท้งค์นมขนาดยักษ์ของโรงงาน เมื่อการผลิตชีสเริ่มขึ้นนมจะถูกส่งไปฆ่าเชื้ออย่างรวดเร็วที่อุณหภูมิประมาณ 162 องศาฟาเรนไฮต์เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียทั้งหมด จากนั้นมันจะถูกส่งไปหม้อทำชีส ที่แปลกก็คือขั้นตอนต่อไปที่สำคัญที่สุดในการทำชีสทุกชนิด ตั้งแต่ชีสสดชนิดเหลวไปจนถึงพาร์มิซานที่ต้องบ่ม นั่นก็คือการใส่เชื้อแบคทีเรีย เป็นที่ทราบกันว่าแบคทีเรียชนิดดีจะเป็นตัวบ่มชีส


เราต้องใส่แบคทีเรียชนิดดีลงไป และมันจะเป็นการเริ่มกระบวนการบ่ม สิ่งที่มันทำคือแบคทีเรียมันจะเริ่มกินแลคโตสหรือน้ำตาลนม ขณะที่แบคทีเรียที่ได้รับความช่วยเหลือจากความร้อนและการกวนที่พอเหมาะ กินน้ำตาลและหมักพวกมันเป็นกรดแลคติก พวกมันลดค่า pH ของนม นี่จะทำให้ชีสมีกลิ่นและรสฉุนเปรี้ยวในที่สุด ค่า pH ที่ลดลงจะทำให้โปรตีนนมแข็งเป็นก้อน ที่โรงงานอัลโต้นมพวกนี้จะถูกทำให้กลายเป็นเชดดาห์ชีส ดังนั้นก่อนที่นมจะแข็งเป็นก้อน คนทำชีสจะใส่สีย้อมที่ทำจากพืชที่เรียกว่าชาดลงไปเพื่อให้เชดดาห์ชีสมีสีส้มอันเป็นเอกลักษณ์

การแข็งเป็นก้อนที่แท้จริงเกิดขึ้นเพราะเอนไซม์มหัศจรรย์ชนิดหนึ่งที่ชื่อว่าเรนเน็ต (Rennet) แม้คนทำชีสปัจจุบันมักใช้เรนเน็ตที่สังเคราะห์จากพืช แต่ในอดีตมันถูกนำมาจากในกระเพาะของสัตว์เคี้ยวเอื้อง เช่นวัวหรือแกะ ภายในเวลาแค่สามสิบนาที เรนเน็ตเพียงเล็กน้อยก็เปลี่ยนนมหม้อใหญ่นี้ให้กลายเป็นก้อนเหนียวเหมือนโยเกิร์ต นมประมาณ 55,000 ปอนด์จะใช้เรนเน็ตแค่ประมาณ 70 ออนซ์เท่านั้น จากนั้นมีดอัตโนมัติจะหั่นพวกมันเป็นชิ้นแข็งๆ ที่เรียกว่า เคิร์ด (Curd)  ส่วนของเหลวที่คัดออกมาเรียกว่า หางนม (Whey หรือ Milk Serum) นี่คือลักษณะสากลอย่างหนึ่งของการทำชีส ที่โรงนมไม่ว่าทั้งใหญ่และเล็ก ขนาดของเคิร์ดจะเป็นตัวกำหนดเนื้อและปริมาณความชื้นของชีส ยิ่งเคิร์ดมีขนาดบางเท่าไหร่ หางนมที่คั้นออกมาได้ก็ยิ่งมาก เชดดาห์ชีสจะถูกตัดจนบางเฉียบ มันจะได้เป็นชีสเนื้อแน่นที่แห้งสนิท

ต่อมาเราจะล้างเคิร์ด ซึ่งต้องลดอุณหภูมิลงเพื่อชะลอปฏิกิริยาของแบคทีเรียและขจัดแหล่งอาหารของพวกมันด้วยการล้างแลคโตสออกไปบ้าง จากนั้นเราจะทำให้เค็มด้วยการใส่เกลือซึ่งไม่เพียงเพื่อเพิ่มรสชาติให้ชีสแต่ยังเป็นการควบคุมแบคทีเรียอีกทางหนึ่งด้วย จากนั้นเคิร์ดจะถูกส่งไปยังจุดอัดชีส ซึ่งมันจะถูกส่งลงไปในแม่พิมพ์ที่รู้จักกันในวงการว่า "640" ซึ่งก็คือแม่พิมพ์ชีสขนาด 640 ปอนด์นั่นเอง แม่พิมพ์จะถูกส่งลงไปในเครื่องอัดไล่น้ำและปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที หลังจากทิ้งไว้ 5 นาทีแล้วตัวอัดไล่น้ำจะกดลงมา แรงอัดทั้งหมดจะรีดเอาหางนมออกไปอีก แม่พิมพ์แต่ละชิ้นจะกดอัดประมาณ 8 นาที ด้วยแรงอัด 5 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (PSI = Pounds per Square Inch)

เครื่องพลังไฮดรอลิคนี้ใช้สำหรับอัดชีสในระดับอุตสาหกรรม ส่วนคนทำชีสทั่วไปใช้วิธีง่ายๆ มานับพันปี คือใช้แรงคนรีดเอาหางนมออกไป แม่พิมพ์ถูกส่งไปอัดต่อในห้องสูญญากาศ พอเวลาผ่านไปชิ้นเคิร์ดจะหลอมรวมกันเป็นสิ่งที่เราเรียกว่า เชดดาห์ชีส ขณะเดียวกันลึกลงไปในชีส แบคทีเรียที่เป็นตัวบ่มจะทำให้น้ำตาลนมแตกตัวเป็นกรดแลคติกที่มีกลิ่นฉุน ส่วนโปรตีนจะกลายเป็นสารประกอบที่มีรสฉุนจัดค่อยๆ เพิ่มรสชาติให้กับชีส และทั้งหมดนั้นคือขั้นตอนการทำชีสเพื่อถนอมนมไว้ไม่ให้เน่าเสีย เราทำให้โมเลกุลนมแตกตัวเป็นโมเลกุลที่แยกย่อยลงไปอีก การบ่มชีสส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นห่างจากโรงงานอัลโต้แดรี่ ซึ่งจะบ่มชีสในห้องเย็นประมาณ 10 วัน ก่อนที่จะเอาออกจากแม่พิมพ์ไปสู่พ่อค้าคนกลาง เป็นที่มาของ อิงลิชฟาร์มเฮ้าส์เชดดาห์แบบดั้งเดิมที่มากด้วยปริมาณและเทคโนโลยี

คนทำชีสในโลกนี้ผลิตชีสได้ปีละ 20 ล้านตัน มากกว่ายาสูบ เมล็ดกาแฟ ใบชาและเมล็ดโกโก้รวมกันทั้งโลก เพราะชีสไม่สามารถชั่งตวงวัดเป็นปริมาณเพียงอย่างเดียว มันเป็นเรื่องของความชื่นชอบ ความหลงใหลไม่มีวันจบสิ้น ไม่ว่าจะเป็นชีสกลิ่นฉุนอย่าง บรีเดอมัวร์ (Brie de Meaux) หรือชีสในชีสเบอร์เกอร์ ในฐานะอาหารพกพาที่เต็มไปด้วยโปรตีน มันยังเป็นส่วนสำคัญในการอยู่รอดของมนุษย์อีกด้วย

เรารับรองได้เลยว่ามีการทำชีสในนครบาธมากว่า 3,000 ปีก่อนคริสตกาลแล้ว โดยเฉพาะในแถบที่เรารู้จักในปัจจุบันว่าเป็นประเทศตุรกี อิหร่าน ซีเรีย อาจจะหลายพันปีก่อนมีนครบาธด้วยซ้ำ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดคือกากแห้งๆ ที่นักโบราณคดีขุดพบในหม้อดินเผาในบริเวณที่ปัจจบันคืออียิปต์ ซึ่งมีอายุประมาณ 2-3 พันปีก่อนคริสตกาลตามการตรวจอายุด้วยเครื่องตรวจคาร์บอน

ระหว่างการคาดเดาประวัติศาสตร์ของผู้รู้กับตำนานคือทฤษฎีที่ว่ามันเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ต้องขอบคุณคนเลี้ยงแกะเร่ร่อนที่บังเอิญเอานมแกะใส่ถุงที่ทำจากกระเพาะแพะหรือแกะ ขณะที่พวกเขาพกถุงนม นมเกิดปฏิกิริยากับเยื่อบุกระเพาะซึ่งมีเชื้อเรนเน็ตอยู่ด้วย และทำให้มันกลายเป็นเคิร์ดแยกตัวกับหางนม ถ้าเราอัดเคิร์ดพวกนี้เข้าด้วยกัน มันก็คือชีส มีการคิดค้นการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำมาตลอด 5-8 พันปี จนกลายมาเป็นชีสในปัจจุบันที่นิยมกันอย่างแพร่หลายเพราะมันเป็นการถนอมอาหารอย่างหนึ่งและมันเก็บได้นาน

ชีส 1 ออนซ์ มีโปรตีนเป็น 7 เท่าของนม 1 ออนซ์ และมีแคลเซียมมากกว่า 5 เท่า ชีสยังให้พลังงานจากไขมันที่เข้มข้นด้วย ซึ่งร้อยละ 40-50 ของน้ำหนักที่ปราศจากน้ำคือไขมัน แต่เดิมชีสโบราณทำจากนมของผู้ร่วมทางอย่างแพะ มีการเลี้ยงแพะมากว่า 7,000 ปีแล้ว พวกมันก็คือสัตว์ชนิดแรกๆ ที่มนุษย์เลี้ยง จึงมีความเป็นไปได้ว่าชีสนมแพะอาจจะเป็นชีสชนิดแรกที่ถูกทำขึ้นบนโลก ในมหากาพย์โอดิสซี่ย์ของโฮเมอร์ เป็นมหากาพย์แห่งอารยธรรมตะวันตก ซึ่งคาดว่าโฮเมอร์แต่งเรื่องนี้เมื่อ 800 ปีก่อนคริสตกาล บางส่วนในเรื่องได้พูดถึงไซคลอปส์ยักษ์ตาเดียวที่เลี้ยงแกะเอาไว้ เขากวนนมแพะและนมแกะเพื่อทำเป็นเคิร์ด รีดน้ำจากชีสในตะกร้าที่สานแน่นแล้วบ่มพวกมันในถ้ำ

วิธีทำชีสนมแพะพัฒนาต่อไป ไม่เพียงในกรีซแต่ยังเผยแพร่ไปทั่วเมดิเตอร์เรเนียน รวมทั้งที่เรดวู้ดฮิลฟาร์ม ทางเหนือของแคลิฟอร์เนีย ในการทำเฟต้าชีสของที่นี่ มีนมหนึ่งพันแกลลอนในเครื่องบ่ม ใส่เรนเน็ต แล้วสักพักมันก็จะเซ็ตตัวเป็นลิ่มก้อนเหมือนเต้าหู้หรือเจลลี่ คนทำชีสหั่นเคิร์ดเป็นก้อนสี่เหลี่ยมค่อนข้างใหญ่และแยกมันจากหางนม จากนั้นก็ใส่เคิร์ดลงในแม่พิมพ์ มันอัดแน่นเข้าด้วยกันปละกลายเป็นชีสชิ้นหนึ่ง ที่นี่จะไม่กดอัดด้วยเครื่องจักร พอทิ้งไว้หนึ่งคืนพวกมันจะได้ที่ พอพรุ่งนี้เช้าก็จะใส่ก้อนเคิร์ดนี้ลงในน้ำเกลือสมุทร

คุณค่าของชีสในฐานะที่น้ำหนักเบาเป็นอาหารที่เก็บได้นาน เพิ่มขึ้นเมื่อวัฒนธรรมเมดิเตอร์เรเนียน โดยเฉพาะโรมันทำให้ศิลปะการทำชีส เค็ม แข็ง มีขนาดใหญ่ขึ้น เก็บได้นานและพกพาได้ง่าย มีทหารโรมันมากมายที่ต้องกินอาหาร และชีสก็เป็นอาหารอย่างหนึ่งของพวกเขา ดังนั้นพวกทหารโรมันไม่ว่าจะไปที่ไหนจะไปหาฝูงวัว ฝูงแพะหรือแกะ อะไรก็ได้ที่มี จากนั้นก็รีดนมมาทำชีส ชีสโรมันที่โดดเด่นที่สุดตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันก็คือชีสนมแกะแห้งๆ มันๆ ที่แข็งมาก ซึ่งเราเรียกว่าโรมาโน่เปโคริโน (Romano Pecorino) แปลว่าชีสที่ทำจากนมแกะจากแถบโรม

ชีสแข็งอิตาลีที่ยอดเยี่ยมอย่าง กราน่า ปาดาโน่ (Grana Padano) กับ พาร์มิจิอาโน่ เร็จจิอาโน่ (Parmigiano Reggiano) ถูกทำต่อเนื่องมาราวๆ พันปี หรืออาจนานกว่านั้น ชาวโรมันไม่ใช่พวกเดียวที่ทำแผ่นชีสบ่มใหญ่ๆ แข็งๆ ต้นศตวรรษที่ 11 สูงขึ้นไปบนแอลป์ของสวิส คนเลี้ยงสัตว์ต้อนสัตว์ในฤดูร้อนตามลำพังให้พวกมันหากินหญ้าสมุนไพรหวานๆ บนภูเขาแล้วผลิตชีสแข็งก้อนใหญ่อย่าง กรูแยร์ (Gruy?re cheese) อาหารสำคัญที่ช่วยให้อยู่รอดผ่านฤดูหนาวอันโหดร้าย สวิสผลิตกรูแยร์อย่างต่อเนื่องมาอย่างน้อยหนึ่งพันปีแล้ว การคิดค้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนี้เต็มไปด้วยรู ทำไมจึงมีรูในชีสสวิส และนักบวชในยุคกลางที่ดื่มเหล้าจัด สร้างสรรค์ชีสที่ดีที่สุดและกลิ่นฉุนที่สุดในโลกได้อย่างไร

เมื่อก้าวเข้าไปในร้านชีสระดับโลก ก็เหมือนก้าวเข้าไปในยันทึกทางประวัติศาสตร์ที่ยังมีลมหายใจ ที่ๆ รวมชีสกลิ่นฉุนๆ ที่ดีที่สุดในโลกไว้อย่างแปลกประหลาด ไม่ว่าจะเป็นร้านชีสที่เป็นมิตรและมีชื่อเสียงในแคลิฟอร์เนียหรือเบเวอร์ลี่ฮิลล์ หรือตลาดแฟร์เวย์ที่คราคร่ำ ห่างออกไปสามพันไมล์ที่นครนิวยอร์ค เราเกือบจะจัดอันดับร้านชีสดีๆ ได้จากกลิ่นที่เวลาเดินเข้าไปในร้าน ถ้าไม่มีกลิ่นเหม็นฉุน คุณก็เข้าร้านผิดแล้ว

ชีสมีกลิ่นเหม็นฉุนเพราะการทำงานของแบคทีเรียและเชื้อรา ซึ่งทำให้ไขมันและโปรตีนแตกตัวเป็นองค์ประกอบที่ระเหยง่าย อย่างแอมโมเนียและไฮโดรเจนซัลไฟด์ อันเป็นที่มาของกลิ่นแรงๆ ชีสที่เหม็นฉุนที่สุดถูกทำขึ้นโดยนักบวชแบ๊บติสต์และเบเนดิกทีน (Baptist and Benedictine) ในยุคกลางซึ่งนำความคิดสร้างสรรค์อันยอดเยี่ยมที่นำไปสู่ขั้นตอนสุดท้ายของการทำชีสนั่นก็คือการบ่ม

ชีสที่เหม็นฉุนนั้นเพราะพวกมันถูกล้างน้ำมาอีกที พวกนักบวชเรียนรู้ว่าถ้าถูผิวหน้าของชีส ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชีสนมวัว การล้างด้วยน้ำเปล่า น้ำเกลือ ไวน์ เบียร์ บรั่นดี หรืออาจจะเป็นน้ำองุ่นจะเป็นการให้อาหารแก่แบคทีเรียธรรมชาติที่อยู่นอกชีส ในอากาศ รวมทั้งในเนื้อชีสได้ทำงานเพื่อบ่มชีส นักบวชเปรียบเสมือนสะพานเชื่อมโลกโบราณหรือยุคกลาง พวกเขาทำให้การทำชีสนี้ยังคงอยู่ มันคือศิลปะ

ชีสมองต์เดอแคทส์ (Mont des Cats) เป็นชีสดั้งเดิมที่นักบวชยุคนั้นทำขึ้น มันกินแกล้มเนื้อแห้ง เบียร์และบทสวดสักสองบท ชีสนี้เหมาะมากๆ เอามากินแกล้มเบียร์อร่อยกว่าชีสที่มีเนื้อแข็งๆ พวกนักบวชก็เลยคิดสูตรชีสที่เหนียว เนื้อละเอียดและอร่อยมากๆ กินกับขนมปังดำและเบียร์ที่แรงๆ อาหารที่กินในสมัยนั้นทำให้พวกเขาแข็งแรงมากๆ

อีกหนึ่งตำนานของชีสสูตรแบ๊บติสต์คือชีสลิมเบอร์เกอร์กลิ่นฉุนที่โด่งดัง ที่สหกรณ์ชาเลตชีส มอนโร วิสคอนซิน นักทำชีส มารอน โอลสัน ทำชีสวิธีเดียวกับที่นักบวชทำมากว่า 1 ศตวรรษ เมื่อเคิร์ดแข็งตัวแล้วก็คลุกด้วยเกลือ จากนั้นก็ส่งไปยังห้องบ่มเพื่อให้ได้แบคทีเรียอันเป็นเอกลักษณ์ พรมน้ำไปบนผิวชีส มันคือน้ำผสมเกลือที่มีแบคทีเรียชนิดพิเศษ จากนั้นก็จะลวกมันและทำแต่ละด้านให้เป็นสี่เหลี่ยมสุดปลายก้อนชีส แบคทีเรียจะเริ่มเติบโต ทำให้โปรตีนในชีสแตกตัว เปลี่ยนมันจากชีสร่วนๆ ที่เป็นกรดมากให้กลายเป็นชีสนุ่มๆ มันทำให้ด้านนอกของชีสนิ่มเข้าไปถึงด้านใน ลิมเบอร์เกอร์อาจไม่ใช่ชีสพรมน้ำที่กลิ่นแรงที่สุด แต่มันอาจเป็นกลิ่นประเภทที่คนจำได้ เพราะบรีวีแบคทีเรียม (Brevibacterium) ในชีสลิมเบอร์เกอร์เป็นแบคทีเรียชนิดเดียวที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลิ่นตัวของคนเรา ที่โรงงานของสหกรณ์ชาเลตชีสใช้แบคทีเรียชนิดเดียวกันนี้จากแผ่นไม้สนในห้องบ่มตั้งแต่ต้นปี 1900 ปัจจุบันชาเลตชีตคือบริษัทเดียวที่ผลิตลิมเบอร์เกอร์ในสหรัฐ แต่ต้นศตวรรษที่ 20 ลิมเบอร์เกอร์ได้รับความนิยมอย่างมาก

ถ้าคุณคิดว่าการทาแบคทีเรียเป็นวิธีที่น่ารังเกียจในการบ่มชีส คุณอาจอยู่ให้ห่างจากมิโมเล็ตต์ (Mimolette Cheese) เนยแข็งที่ถูกบ่มด้วยมูลชองไรในโพรงไม้ มันเป็นชีสโปรดของชาร์ล เดอ กูล (Charles de Gaulle) อดีตประธานาธิบดีของฝรั่งเศส ถ้าเราดูที่ผิวจะเห็นตัวไรที่กินเข้าไปในผิวเหมือนตามด มันมีผลทำให้รสชาติแปลกออกไป เนื้อชีสจะค่อนข้างอ่อนอยู่กึ่งกลางระหว่างเชดดาห์กับอีดาม (Edam Cheese) สิ่งมีชีวิตที่นิยมใช้ในการบ่มชีสมากกว่าก็คือรา ราบนชีสถูกเพาะมาอย่างดี ไม่เหมือนที่ขึ้นตามห้องใต้ดินอับๆ

ในตระกูลเดียวกับบรี ชีสนมแพะที่เต็มไปด้วยรานี้เรียกว่า โครติน (crottin cheese) กับ คามิลเลีย (camilia) ถูกบ่มอยู่ที่เร้ดวู้ดฮิลล์ฟาร์ม ช่วงแรกของการผลิต คนทำชีสใส่การผลิตชีส ลงในนม ระหว่างขั้นตอนการบ่ม ราจะขึ้นอยู่บนผิวหน้าชีส เพราะมันต้องการอากาศ ชีสจะถูกเปลี่ยนองค์ประกอบ ราจะทำให้ไขมันเนยแตกตัวไปด้วย มันจะหมักชีสจากด้านนอกเข้าไปด้านใน คาเมมเบิร์ต (Camembert Cheese) กับ บรี (Brie Cheese) ถึงได้มีขอบหนืดๆ มันจะถูกหมักไปเรื่อยๆ จนกว่าชั้นในสุดจะเหลวเหมือนกัน

ชีสหนืดที่มีชื่อเสียงที่สุดคือชีสสีฟ้าอย่างสติลตัน (Stilton) ของอังกฤษ กอกอนโซล่า (Gogonzola) ของอิตาลี และโดยเฉพาะ โรคฟอร์ท (Roquefort) ของฝรั่งเศส ตามที่เล่ากันมานมแกะสีฟ้าถูกบ่มในถ้ำที่ชื่อว่าโรคฟอร์ทและมีราขึ้นตามเนื้อชีส โรคฟอร์ทคือชีสนมแกะสีฟ้าที่ทำกันในแคว้นโอแวร์ญ (Auvergne) ของฝรั่งเศส มันคือนมแกะแท้ๆ และถูกบ่มอยู่ในถ้ำ พอถึงจุดนึงชีสจะขึ้นรา พอปาดออกอากาศจะเข้าไปและทำให้ราสีฟ้าเจริญเติบโต มันคือราสีฟ้าที่เรียกว่า เพนิซิเลียมโรคฟอร์ท ชีสโรคฟอร์ทไม่เหมือนใครเลย มันไม่เหมือนชีสสีฟ้าอื่นๆ

ชีสที่มีเอกลักษณ์อีกชนิดหนึ่งคือชีสเอ็มเมนทอลที่ทำในสวิสเซอร์แลนด์ แล้วรูพวกนี้ในชีสสวิสนี้มาจากไหนล่ะ ในการทำชีสสวิสในขั้นตอนแรกๆ จะใส่แบคทีเรียชนิดพิเศษลงไป มันชื่อว่าแบคทีเรียโพรพิโอนิก ซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติในนมจะเติบโตในห้องบ่มที่อุ่นกว่าปกติ พอมันทำให้ชีสอุ่น แบคทีเรียโพรพิโอนิกก็จะเริ่มเติบโต พวกมันจะก่อตัวเป็นหย่อมเล็กๆ หย่อมพวกนี้จะเริ่มสร้างคาร์บอนไดออกไซด์ และคาร์บอนไดออกไซด์นี้จะดันให้ชีสโป่งเกิดเป็นรูด้านในชีส เจ้าแบคทีเรียชนิดนี้ยังทำให้เกิดรสชาติที่เราเรียกกันว่าเป็นรสชาติแบบสวิส

รสชาติคือสิ่งสำคัญเหนืออื่นใดของชีส ขอต้อนรับเข้าสู่โลกของชีสแปรรูป ชีสที่ผ่านกระบวนการแล้วอาจแปรรูปได้หลายอย่าง อาจจะเป็นชีสแผ่นแบนๆ ไปจนถึงชีสที่เป็นครีมซอส มันถูกปรุงแต่งด้วยสารต่างๆ แล้วนำมาคืนรูปใหม่ ชีสที่ได้มีอายุที่นานกว่าตามธรรมชาติ ละลายได้สม่ำเสมอกว่าและผลิตได้ประหยัดกว่า เราพบกระบวนการนี้ได้ที่วิโนน่าฟู้ดส์ กรีนเบย์ วิสคอนซิน ที่โรงงานแห่งนี้ผลิตชีสแปรรูปหลายชนิด รวมทั้งชีสซอสแบบเป็นขวด มันมีตราสินค้าเป็นรูปวัวบนกระป๋อง ชีสแปรรูปจะเริ่มจากชีสธรรมชาติอย่างเชดดาห์หรือโคลบี้ ที่โรงงานวิโนน่าแห่งนี้ เชดดาห์ชีสสีขาวก้อนละ 40 ปอนด์ถูกบด เป้าหมายคือเพื่อเพิ่มพื้นผิวให้สารเคมีแปรรูปแทรกซึมเข้าเนื้อชีสให้ได้มากที่สุดในหม้อผสม ที่จะใส่สารอิมัลซิไฟเออร์ ผงหางนม ไขมัน และน้ำ ผสมจนชีสมีเนื้อเหนียวข้น

ส่วนประกอบสำคัญในชีสแปรรูปทุกชนิดก็คือสารอิมัลซิไฟเออร์ที่จะทำให้มันรวมเข้ากับสารอื่นเป็นเนื้อเดียวกันทำให้ไขมันกระจายตัวและไม่แยกชั้นกันกับผงหางนมโปรตีนที่ใส่เข้ามาแม้เวลาจะผ่านไปและทำให้มันมีเนื้อนุ่มเนียน ส่วนผสมถูกหลอมและคนอยู่ตลอดเวลา มันคือขั้นตอนสำคัญอย่างหนึ่งในการขึ้นรูปให้เนื้อชีส เนื้อของมันเกือบจะเหมือนพลาสติกภายในหม้อผสมที่มีอุณหภูมิร้อนมากๆ

ชีสแปรรูปชนิดแรกถูกวางจำหน่ายในปี 1915 โดยชายผู้ที่ประทับใจประวัติของชีสมากกว่าใครๆ เขาคือ เจมส์ แอล คราฟท์ อาชีพทำชีสของคราฟท์เริ่มต้นในชิคาโกในปี 1903 ในตอนแรกเขาลงทุน 65 เหรียญสหรัฐกับม้าและรถเทียมม้า จากนั้นก็เริ่มส่งชีสไปยังร้านของชำในท้องถิ่น แต่คราฟท์ไม่พอใจกับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในขณะนั้น มันไม่มีความเสถียรในแง่ของรสชาติและคุณภาพของชีสและยังมีปัญหากับอายุการเก็บที่สั้นอีกด้วย

ปี 1911 เริ่มทดลองทำชีสที่ฆ่าเชื้อด้วยความร้อนซึงสามารถขายเป็นกระป๋อง แต่ความร้อนทำให้ไขมันและโปรตีนแยกตัวกัน ในที่สุดคราฟท์ก็พบว่าการคนอย่างสม่ำเสมอและการใช้สารอิมัลซิไฟเออร์แก้ปัญหานี้ได้ ในไม่ช้าคราฟท์ก็ได้ออเดอร์ล็อตใหญ่ เขาได้ทำการเซ็นสัญญาว่าจะส่งชีสที่ไม่เน่าเสีย 6 ล้านปอนด์ให้กับกองทัพสหรัฐระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และนี่ก็คือสัญญาฉบับสำคัญที่ช่วยให้เจมส์ แอล คราฟท์พัฒนาธุรกิจของเขาขึ้นมา ธุรกิจกลายเป็นอาณาจักรอย่างรวดเร็ว ปี 1923 ทำบริษัทชีสที่ใหญ่ที่สุดในโลก จากนั้นในปี 1928 คราฟท์ก็วางตลาดก้อนชีสนุ่มๆ สีทองที่มีชื่อแสนไพเราะว่าเวลวีต้า (Velveeta)

สิ่งที่เวลวีต้าไม่เหมือนกับชีสอื่นๆ ก็คือข้อเท็จจริงที่ว่า หางนมที่ถูกแยกออกไปตอนทำชีสถูกนำมาใส่กลับเข้ามาตอนแปรรูป และสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์พบนั้นทำให้ชีสมีเนื้อครีมที่แปลกใหม่และคุณค่าทางสารอาหารที่ได้เพิ่มขึ้น และไม่น่าเชื่อว่าร้อยละ 30 ของชีสที่ผลิตทั่วอเมริกานั้นคือชีสของคราฟท์ วิศวกรของคราฟท์ยังนำเทคโนโลยีหลักๆ ทั้งหมดมาใช้ในการผลิตชีสแปรรูป รวมทั้งหม้อที่กวนชีสได้อย่างต่อเนื่องก็ยังถูกใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน เท่านั้นยังไม่พอ นักวิทยาศาสตร์ของคราฟท์ยังคิดค้นการผลิตครีมชีสที่ไฮเทคจนน่าประหลาดใจ

ในยุค 1940 ออสการ์ เจ ลิ้งค์ ได้ผลิตเครื่องแยกครีมเพื่อทำครีมชีส ซึ่งทำให้เราแยกหางนมออกจากครีมชีสได้ภายใน 15 วินาที แทนที่จะเป็นชั่วโมงๆ เหมือนเมื่อก่อน เขายังคิดค้นหม้อต้มพิเศษที่ทำให้เรายืดอายุของสินค้าออกไปได้ถึง 120 วัน ครีมชีสคือชีสธรรมชาติไม่ใช่ชีสแปรรูป แต่การทำให้เนื้อครีมชีสนั้นสมบูรณ์แบบได้นั้นไม่ธรรมดาเลย และมันทำโดยไม่ใช้ครีม มันทำโดยการใช้ให้แบคทีเรียค่อยๆ จัดเรียงประจุไฟฟ้าที่มีอยู่ในนม ประจุไฟฟ้าที่มีในนมอยู่แล้วจะเป็นประจุลบเป็นส่วนใหญ่ มันจึงผลักกันเองและไม่เข้าใกล้กันและกัน นมจึงอยู่ในสภาพของเหลวไม่เป็นเจล แต่เมื่อเราใส่แบคทีเรียลงไป มันจะสร้างกรดบางอย่างและเปลี่ยนกลุ่มประจุไฟฟ้าในโปรตีนให้กลายเป็นประจุบวก ทีนี้พวกมันก็จะเริ่มดึงดูดกันและติดกัน เมื่อประจุมีความสมดุล ส่วนผสมข้นๆ จึงอยู่ในสภาพครีมโดยสมบูรณ์ไม่เหลวไม่แข็ง ณ จุดนั้นมันจะถูกให้ความร้อนอย่างรวดเร็วเพื่อฆ่าแบคทีเรียให้มันหยุดทำงานและก่อตัวเป็นครีมชีส





อินดี้

10 best free games for your phone or tablet

We compile 10 of the most popular titles for phones and tablets running Google's mobile operating system

1. Hill Climb Racing:



Hill Climb Racing may look basic, but what it lacks in eye-popping graphics it makes up for in pure addiction. To start you get a jeep, one level, an accelerator and a brake, but you'll quickly unlock more cars and levels. Coins – used to upgrade cars and buy new items – are collected by driving over them, reaching checkpoints and performing flips. You'll find yourself coming back again and again to get further, an upgrade, a new car or level.

2. Temple Run 2:



Temple Run is the cr?me de la cr?me of endless runners and the second version is not only better than the original, but free. Temple Run 2 combines easy controls with a simple objective and a graphically stunning design. You'll be jumping, dodging and sliding to beat your friends and unlock achievements and new characters. You might not escape with the precious idol, but you'll definitely have fun trying.

3. Bad Piggies:



The first Angry Birds to put the evil green pigs in the spotlight is Bad Piggies, and we love it. Getting your pig (or pigs), from A to B might sound simple, but you've got do it by building an increasingly complex contraption out of available parts. Various objectives and the desire to win three stars will keep you coming back for more. Probably the most fun is the sandbox levels, which let you build almost anything you want from a vast inventory of parts.

4. Plants vs Zombies 2:



The original Plants vs Zombies was a smash-hit and the sequel is a must-have for any Android gamer. This exceptional tower defence game expands on the original, while taking you in new directions. A level structure takes you through themed worlds, complete with new objectives to complete. As you would expect, there are new plants with which to get to grips and, although inapp purchases make an appearance,
you can ignore them.

5. Cut the Rope:



A classic mobile game available in various editions, Cut the Rope has superb level design and makes great use of a touchscreen. Physics-based gameplay lets you interact with many di fferent objects as you try and try again to win three stars in each level. There's loads of levels to keep you going – and keep you coming back for more. And let's not forget how adorable is the main character Om Nom.

Please like and follow us on Facebook Around the World Top List

6. Real Racing 3:



If you find Hill Climb Racing too basic, and have a spare gig of storage on your device, check out Real Racing 3. You'll be blown away by its highly detailed graphics. Real Racing 3 features real cars, tracks and people. Time Shifted Multiplayer lets you compete against friends, even if they're o ine. A good selection of race types includes cup races, eliminations, endurance challenges and drag races. All this and, amazingly, it's free to download.

7. Triple Town:



Bringing an innovative concept to puzzle games, Triple Town is a great free download and the kind of game you can pick up at any time. The idea is to build the best city you can, and this is done by combining three items to form a better one. Bushes become trees, trees become huts and so on. Some cute but pesky bears will get in the way of your progress. We're also big fans of the gorgeous and charming graphics and animations.

8. Tetris Blitz:



This is no ordinary version of Tetris. In Blitz you get just two minutes in which to score as many points as you can. A Frenzy mode adds a fresh element to this classic game. Rather than moving around blocks, you simply tap on the screen where you want them to go. This removes some of the skill, but is in keeping with the game's fast-paced nature. Although Tetris Blitz tries to tempt you to buy power-ups, you can get high scores without opening your wallet.

9. Candy Crush Saga:



Topping the games charts since its release, you've probably heard of Candy Crush Saga. It's a variation on the classic match-three puzzler, whereby gems are swapped with sweets and other tasty treats. The ease with which you can continue your game on multiple devices is a huge plus point. Objectives must be completed before you can progress through the seemingly never-ending supply of levels. In-app purchases are avoidable, but irritating.

10. New Star Soccer:



This footie game puts you in the boots of a penniless up-and-coming footballer. You have to complete flick-based challenges, such as passing, shooting and timing interceptions. The better you get the more money you earn, allowing you to buy vehicles, clothes, property... and a whole string of girlfriends. The more you train your player the better you get. So while you start your career at Torquay United, you can flick your way to the World Cup.

Please like and follow us on Facebook Around the World Top List

Vermontf

sbo

อินดี้

10 ผีลอนดอน

1. ไก่เลนผี

อาจจะมีชื่อเสียงมากที่สุดของทุกเรื่องผีลอนดอนเริ่มขึ้นในมกราคม 1762 เมื่อลิซาเบธ ที่ลูกสาวอายุสิบสอง year- ของเสมียนตำบลเรียกว่าริชาร์ดพาร์สันส์ดูเหมือนจะกลายเป็นท่อผ่านที่เป็นเหยื่อฆาตกรรมอาจกล่าวโทษนักฆ่าเธอจากเหนือหลุมฝังศพ การสื่อสารส่วนใหญ่ผ่านระบบมาตรฐานของการเคาะรหัส (หนึ่งสำหรับใช่สองไม่ได้), ผีของแฟนนีเคนท์อดีตผู้พักอาศัยกับพาร์สันส์บอกว่าเธอได้รับการวางยาพิษโดยสามีกฎหมายทั่วไปของเธอวิลเลียมเคนท์ เรื่องราวถึงหนังสือพิมพ์และบ้านของพาร์สันส์ในไก่เลนใกล้เซนต์พอลถูกปิดล้อมโดยนักข่าวบาทหลวงและนักท่องเที่ยว สำหรับเวลาที่ไก่เลนกลายเป็นปลายทางยอดนิยมสำหรับความรู้สึกที่คนหาว่าเป็นโรงพยาบาลโรคจิตที่โรงพยาบาลบ้า Fanny หรือลิซาเบ ธ ก็ไม่ทำให้ผิดหวังผู้ชมของเธอ เมื่อวิลเลียมเคนท์ถูกนำตัวไปที่บ้าน เขาได้รับการต้อนรับจากความวุ่นวายของ knockings ที่กล่าวหาว่าเขาทำไปกับภรรยาของเขา แปลกใจที่เขาปฏิเสธมันทั้งหมด คนที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องเพื่อแห่กันไปที่บ้าน หนึ่งเป็นนักเขียนโอลิเวอร์โกลด์สมิ ธ ที่ออกจากบัญชีของสิ่งที่เขาเห็น

ผู้ชม ... นั่งมองที่แต่ละอื่น ๆ เสียงหัวเราะปราบปรามและรอในความคาดหวังเงียบสำหรับการเปิดของฉาก เป็นผีที่มีการจัดการที่ดีโกรธเคืองที่กังขาคนปัจจุบันที่จะหลบพวกเขาหากพวกเขามีใด ๆ โดยการปกปิดนี้เพียง แต่พวกเขาหวังว่าจะสามารถทำให้ถูกใจอยากรู้อยากเห็นของพวกเขา เพราะถ้าพวกเขาแสดงอย่างใดอย่างหนึ่งก่อนหรือเมื่อเคาะจะเริ่มการสืบสวน prying เกินไปหรือสไตล์เปิ่นของการคิดผียังคงมักจะเงียบหรือจะใช้การแสดงออกของบ้านมิส Fanny โกรธ. ในที่สุดคณะกรรมการก่อตั้งขึ้นเพื่อดำเนินการตรวจสอบกึ่งทางการเข้ามาหลอน สมาชิกรวมแพทย์เด่นแม่บ้านของโรงพยาบาลคลอดบุตรและกวีพจนานุกรมและทุกรอบดวงประทีปวรรณกรรมดรซามูเอลจอห์นสัน Fanny ในรูปร่างของลิซาเบ ธ พาร์สันส์, ได้รับการพิสูจน์ความร่วมมือส่วนใหญ่และคณะกรรมการประทับใจจากความคิดที่ว่าผู้หญิงถูกฆ่าตายได้กลับมาเพื่อเรียกร้องให้แก้แค้นฆาตกรของเธอ ในฐานะที่เป็นดอกเตอร์จอห์นสันเขียนไว้ในนิตยสารสุภาพบุรุษ 'มันคือ ... ความเห็นของการชุมนุมทั้งที่เด็กมีศิลปะการทำหรือการปลอมแปลงเสียงโดยเฉพาะอย่างยิ่งบางอย่างและนั่นก็คือหน่วยงานของสาเหตุที่สูงขึ้น แต่อย่างใด. ในฤดูร้อนของ 1762 วิลเลียมเคนท์ได้เหน็ดเหนื่อยของการโจมตีที่น่ากลัวนี้ในชื่อที่ดีของเขาและเขานำกรณีที่ศาลกับริชาร์ดพาร์สันส์และคนอื่น ๆ ที่อ้างว่าสมรู้ร่วมคิดกับเขา คณะลูกขุนกลับคำตัดสินในความโปรดปรานของเขาและพาร์สันส์ถูกตัดสินให้ใช้เวลาในการประจาน ผีไก่เลนหายไปจากหัว s นิตยสาร 'มันคือ ... ความเห็นของการชุมนุมทั้งที่เด็กมีศิลปะการทำหรือการปลอมแปลงเสียงโดยเฉพาะอย่างยิ่งบางอย่างและนั่นก็คือหน่วยงานของสาเหตุที่สูงขึ้น แต่อย่างใด. ในฤดูร้อนของ 1762 วิลเลียมเคนท์ได้เหน็ดเหนื่อยของการโจมตีที่น่ากลัวนี้ในชื่อที่ดีของเขาและเขานำกรณีที่ศาลกับริชาร์ดพาร์สันส์และคนอื่น ๆ ที่อ้างว่าสมรู้ร่วมคิดกับเขา คณะลูกขุนกลับคำตัดสินในความโปรดปรานของเขาและพาร์สันส์ถูกตัดสินให้ใช้เวลาในการประจาน ผีไก่เลนหายไปจากหัว s นิตยสาร 'มันคือ ... ความเห็นของการชุมนุมทั้งที่เด็กมีศิลปะการทำหรือการปลอมแปลงเสียงโดยเฉพาะอย่างยิ่งบางอย่างและนั่นก็คือหน่วยงานของสาเหตุที่สูงขึ้น แต่อย่างใด. ในฤดูร้อนของ 1762 วิลเลียมเคนท์ได้เหน็ดเหนื่อยของการโจมตีที่น่ากลัวนี้ในชื่อที่ดีของเขาและเขานำกรณีที่ศาลกับริชาร์ดพาร์สันส์และคนอื่น ๆ ที่อ้างว่าสมรู้ร่วมคิดกับเขา คณะลูกขุนกลับคำตัดสินในความโปรดปรานของเขาและพาร์สันส์ถูกตัดสินให้ใช้เวลาในการประจาน ผีไก่เลนหายไปจากหัว ในฤดูร้อนของ 1762 วิลเลียมเคนท์ได้เหน็ดเหนื่อยของการโจมตีที่น่ากลัวนี้ในชื่อที่ดีของเขาและเขานำกรณีที่ศาลกับริชาร์ดพาร์สันส์และคนอื่น ๆ ที่อ้างว่าสมรู้ร่วมคิดกับเขา คณะลูกขุนกลับคำตัดสินในความโปรดปรานของเขาและพาร์สันส์ถูกตัดสินให้ใช้เวลาในการประจาน ผีไก่เลนหายไปจากหัว ในฤดูร้อนของ 1762 วิลเลียมเคนท์ได้เหน็ดเหนื่อยของการโจมตีที่น่ากลัวนี้ในชื่อที่ดีของเขาและเขานำกรณีที่ศาลกับริชาร์ดพาร์สันส์และคนอื่น ๆ ที่อ้างว่าสมรู้ร่วมคิดกับเขา คณะลูกขุนกลับคำตัดสินในความโปรดปรานของเขาและพาร์สันส์ถูกตัดสินให้ใช้เวลาในการประจาน ผีไก่เลนหายไปจากหัว

2. ชายในชุดสีเทาโรงละครรอยัลดรูรีเลน

ส่วนใหญ่โรงละครลอนดอนอายุใดมีอย่างน้อยหนึ่งผีที่หลอกหลอนหอประชุมหรือปรากฏขึ้นทันทีในห้องแต่งตัวที่จะทำให้ตกใจปัญญาออกจากการเป็นนักแสดงที่ไว้วางใจ เดลฟีละครเช่นมีชื่อเสียงที่ถูกหลอกหลอนโดยผีของวิลเลียม Terriss นักแสดงที่ในปี 1897 ถูกแทงตายโดยคู่แข่งวิกลจริตนอกประตูเวที ตัวตลกศตวรรษที่สิบเก้าโจเซฟกรีมัลด์ได้รับการมองเห็นที่แซดเลอร์ของเวลส์ยังคงสวมแต่งหน้าเขาทำให้เป็นที่รู้จัก กรีมัลด์ยังได้รับการเห็นที่โรงละครรอยัลดรูรีเลน แต่ผีที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเห็นจะมีสิ่งที่เรียกว่า 'ชายในชุดสีเทา แต่งกายในชุดเสื้อคลุมยาวสีเทาและสวมหมวก tricorn เป็นผีเป็นเรื่องปกติในการที่แตกต่างจากคนส่วนใหญ่ของ spooks ที่รอชั่วโมง witching ก็ปรากฏขึ้นในตอนกลางวัน เห็นชายคนหนึ่งในสีเทาที่มีการฝึกซ้อมสำหรับการผลิตมีการกล่าวถึงทำนายได้ดีสำหรับความสำเร็จของการแสดง ดูเหมือนไม่มีใครแน่ใจว่าใครเป็นผีอาจจะถึงแม้ว่าบางคนก็อ้างว่าเขาเป็นคนที่ถูกฆ่าตายในโรงละครใน 1780

3. 50 Berkeley Square

อธิบายเมื่อเป็นบ้านผีสิงมากที่สุดของกรุงลอนดอน 50 Berkeley Square ขึ้นชื่อว่าเป็นบ้านของสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติดังนั้นน่ากลัวว่ามันขับรถผู้ที่เห็นมันบ้า เรื่องราวส่วนใหญ่ซ้ำบ่อยบอกลูกเรือสองคนที่บางครั้งในทศวรรษที่ผ่านมาช่วงกลางของศตวรรษที่สิบเก้าบุกเข้าไปในบ้านแล้วว่างเพื่อที่จะหาสถานที่ที่จะนอนหลับ พวกเขาได้เลือกสถานที่พำนักของพวกเขาอย่างไม่ฉลาด ในตอนเช้าหนึ่งในลูกเรือคนพบศพเสียบบนรั้วนอกบ้าน กะลาสีเรืออื่น ๆ ก็ยังคงอยู่ภายในบ้าน แต่ถูกลดลงไปคนบ้าพูดพล่าม เรื่องราวต่อไปของบุคคลบ้าบิ่นเห็นพ้องที่จะใช้จ่ายคืนคนเดียวในบ้านและถูกพบเป็นซาก gibbering ได้บอกในหนังสือวิคตอเรียและนิตยสาร ทฤษฎีต่าง ๆ ขั้นสูงที่จะอธิบายผี บางทีมันเป็นจิตวิญญาณของผู้เช่าที่อดีต นายไมเออร์, 'ข้ามแปลกระหว่างครูจคริสต์มาสและนางสาว Havisham ของความคาดหวังที่ดี' ซึ่งได้กลายเป็นฤๅษีตระหนี่หลังจากที่เขาถูกปฏิเสธในวันแต่งงานของเขา บางทีมันอาจจะเป็นผีของพี่ชายคนบ้าผู้เช่าของผู้อื่นที่ได้รับการปิดตัวไปในห้องใต้หลังคา ปัญหาเกี่ยวกับการเรื่องราวทั้งหมดประมาณ 50 Berkeley Square คือว่าพวกเขาเป็นหนี้มากขึ้นในวรรณคดีกว่าความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์ เรื่องลอร์ดลิตตัน 'ผีสิงและ ปัญหาเกี่ยวกับการเรื่องราวทั้งหมดประมาณ 50 Berkeley Square คือว่าพวกเขาเป็นหนี้มากขึ้นในวรรณคดีกว่าความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์ เรื่องลอร์ดลิตตัน 'ผีสิงและ ปัญหาเกี่ยวกับการเรื่องราวทั้งหมดประมาณ 50 Berkeley Square คือว่าพวกเขาเป็นหนี้มากขึ้นในวรรณคดีกว่าความเป็นจริงทางประวัติศาสตร์ เรื่องลอร์ดลิตตัน 'ผีสิงและ


4. พิพิธภัณฑ์ผีอังกฤษ

นิทานน่ากลัวคำสาปมัมมี่ของและวิญญาณของชาวอียิปต์โบราณตายไปนานแล้วหลอนห้องพักของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอังกฤษที่ได้รับการบอกเล่ามานานหลายทศวรรษ หนึ่งแม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งของเด็กสาวคนหนึ่งที่ทำหน้าที่พระเจ้า Amon-Ra ได้รับความสนใจจากหลายเรื่องราว เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอ้างว่าในระหว่างการลาดตระเวนคืนพวกเขารู้สึกได้ถึงความน่ากลัวสถานะที่ใกล้กับแม่ ช่างภาพที่ถ่ายภาพของคดีแม่ฆ่าตัวเองหลังจากที่เขาได้พัฒนาพวกเขาในห้องมืดของเขาและเห็นสิ่งที่กล้องเปิดเผย เก่าสถานีบริติชมิวเซียมใต้ดินไม่ได้อยู่ในการใช้งานก็ยังขึ้นชื่อว่าถูกหลอกหลอนโดยผีของชาวอียิปต์โบราณแต่งตัวไม่เพียงพอสำหรับสภาพอากาศที่ภาษาอังกฤษในผ้าขาวม้าและพระราชพิธีหัวชุด

5. หอคอยผีแห่งลอนดอน

ดังนั้นคนจำนวนมากได้รับการถูกขังอยู่ในหอคอยและจำนวนมากได้รับการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งภายในผนังหรือบนหอคอยสีเขียวว่ามันไม่น่าแปลกใจเล็กน้อยว่าสถานที่ที่มีเรื่องผีจำนวนมากติดอยู่กับมัน ในระหว่างที่มีชื่อเสียงมากของผู้เข้าพักลังเลที่หอคอยของผู้ที่ได้รับการเห็นยังคงเดินห้องและทางเดินของมันเป็นหัวขาดแอนน์โบลีน, เซอร์วอลเตอร์ราลี Guy Fawkes และเจ้าชายในหอคอย อย่างมากที่สุดของหอคอยหลาย Hauntings เป็นผีตรากฎหมายใหม่ของการดำเนินการที่ผิดพลาดของเคาน์เตสซอลส์ซึ่งกล่าวกันว่าจะใช้สถานที่ในวันครบรอบการตายของเธอใน 1541. คุณหญิงผู้สูงอายุได้รับการลงโทษประหารโดย Henry VIII ส่วนใหญ่ เนื่องจากการกบฏของลูกชายของเธอและเพราะเธอมีการเรียกร้องจากระยะไกลเพื่อราชบัลลังก์

6. ผีของหมีในวอล์กเดิน

ไม่ทั้งหมดผีลอนดอนเป็นมนุษย์ หมีผีก็เห็นเป็นประจำในสวนหนึ่งของบ้านในวอล์ก, เชลซีในศตวรรษที่สิบเก้าและต้นทศวรรษของศตวรรษที่ยี่สิบ สิ่งมีชีวิตที่ควรจะเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งของหมีกลั่นแกล้งให้ตายบนเว็บไซต์ในศตวรรษที่สิบหก แต่เรื่องนี้อาจจะมีต้นกำเนิดในโรงละครสัตว์ของสัตว์ที่แปลกใหม่ที่เก็บรักษาไว้ ณ วันที่ 16 วอล์กในยุค 1860 โดยกวี Dante กาเบรียลรอส จิงโจ้รอสเจ้าของ armadillos, zebus วัวพราหมณ์และหมีดำค่อนข้างเลวทรามทั้งหมดที่มีการทำงานของสวนของบ้านของเขา นิทานของสัตว์เลี้ยงแปลกกวีอาจจะทำให้ปรากฏการณ์ของ padding หมีรางรอบสวนด้านหลังของเชลซี

7. โรงพยาบาลวิทยาลัยมหาวิทยาลัย - ผีของพยาบาล

แปลกใจที่โรงพยาบาลเป็นประจำดึงดูดเรื่องผี ส่วนใหญ่ดูเหมือนจะเป็นพยาบาลกลับไปยังสถานที่ทำงานเก่าของพวกเขา สีเทาเลดี้ของโรงพยาบาลเซนต์โทมัสจะปรากฏขึ้นเพื่อผู้ป่วยที่กำลังจะตายและมักจะเห็นเฉพาะจากหัวเข่าขึ้นไปตามที่คาดคะเนเพราะเธอ materializes ในหอผู้ป่วยที่มีระดับชั้นมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงหลายปี โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยวิทยาลัยในถนนโกเวอร์นอกจากนี้ยังมีผู้เข้าชมสเปกตรัมของตัวเอง กล่าวกันว่าเป็นผีของพยาบาลที่ตั้งใจให้ผู้ป่วยยาเกินขนาดของมอร์ฟีนและบอบช้ำจากความผิดพลาดของเธอว่าเธอฆ่าตัวตายที่จิตวิญญาณอย่างสม่ำเสมอแสดงตัวเองให้กับทั้งผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่ แต่งกายในชุดเครื่องแบบอย่างเห็นได้ชัดสมัยเก่าผียังคงมีผลประโยชน์ที่ดีที่สุดของผู้ป่วยที่หัวใจและมีหลายคนยกย่องการรักษาชนิดที่พวกเขาได้รับจากพยาบาลที่ไม่มีใครสามารถมองเห็น

8. คอลลินฮอลล์เพลงอิสลิงตันผี

แซม Vagg เป็นกวาดปล่องไฟที่ลอนดอนอัตชีวประวัติตัวเองเป็น 'ไอริช' นักร้องที่เรียกว่าซามูเอลคอลลินในผับและสถาบันดนตรีกลางวิคตอเรียอังกฤษ ใน 1,862 เขาเอาไปผับที่เรียกว่าแขน Lansdowne ในอิสลิงตันสีเขียวและเปิดตัวเป็นคอลลินฮอลล์เพลง แม้ว่าคอลลินตัวเองเสียชีวิตเมื่อสามปีต่อมาเมื่ออายุเพียงสามสิบเก้าโรงละครของเขาเติบโตและส่วนใหญ่ของชื่อที่ดีของฮอลล์เพลงที่เล่นมีที่จุดในอาชีพของพวกเขาบาง เกรซี่ฟิลด์เปิดตัวของเธอที่ลอนดอนคอลลินในปี 1912 เป็นเวลาหลายปีก่อตั้งดูเหมือนไม่เต็มใจที่จะฉีกตัวเองออกไปจากโรงละครที่เบื่อชื่อของเขาและวิญญาณของเขาได้รับการเห็นเป็นประจำในสำนักงานที่รายรับวันนับ คอลลินถูกทำลายด้วยไฟในปี 1958 และไม่เคยสร้างขึ้นมาใหม่ สาขาวอเตอร์ตอนนี้ยืนอยู่บนเว็บไซต์

9

ในปี 1933 ในระหว่างการขุดเชื่อมต่อกับการสร้างใหม่ของธนาคารที่โลงศพถูกค้นพบในสวนศาลเก่า ฟุตเจ็ดและครึ่งยาวโลงศพเป็นพนักงานธนาคารที่เรียกว่าวิลเลียมเจนกินส์ที่เพิ่งเสียชีวิตใน 1798 แปลกสูงสำหรับเวลาของเขา - เขาเป็นมากกว่า 6 ฟุต 7 นิ้ว - เจนกินส์ได้รับการหมกมุ่นอยู่ในช่วงสุดท้ายของเขา การเจ็บป่วยด้วยความคิดที่ว่าร่างกาย Snatchers จะยึดศพของเขาสำหรับค่าอยากรู้อยากเห็นและขายมันให้กับศัลยแพทย์สำหรับการผ่า เพื่อน ๆ ของเขาชักชวนให้กรรมการของธนาคารที่เป็นพนักงานที่ให้บริการยาวเจนกินส์สมควรได้รับของธนาคารป้องกันชันสูตรและเขาถูกฝังอยู่ในสวนศาลในเช้าวันหนึ่งก่อนที่จะเริ่มต้นธุรกิจ เจนกินส์ผีสูงยังคงกล่าวว่าจะเดินไปทางเดินของธนาคาร

นอกธนาคารใน Threadneedle ถนนดึกคนโดยได้รับเป็นครั้งคราวเผชิญหน้ากับผู้หญิงคนหนึ่งในชุดศตวรรษที่สิบเก้าต้นถามหรือไม่ว่าพวกเขาได้เห็นพี่ชายของเธอ นี่คือผีที่เรียกว่า 'ธนาคารนุ่น' 1812 พนักงานธนาคารที่เรียกว่าเฮดกำลังพยายามปลอมเรียกเก็บเงินและการแขวนคอ ยี่สิบห้าปีหลังจากนี้น้องสาวของเขาซาร่าห์ขับเคลื่อนบ้าตายพี่ชายของเธอมาในแต่ละวันกับธนาคารเชื่อว่าเขายังคงทำงานอยู่ที่นั่น เธอกลายเป็นภาพที่คุ้นตากับแรงงานธนาคารที่ขนานนามเธอธนาคารนุ่น 'เพราะชุดสีดำไม่นานเธอมักจะสวม ผีซาร่าห์เฮดยังได้รับการเห็นในสถานีรถไฟใต้ดินธนาคาร

10. ผีรถประจำทางของ Ladbroke ป่าละเมาะ

หนึ่งในนานที่สุดตำนานเมืองของเวสต์ลอนดอนบอกว่ารถบัสที่น่ากลัวว่าในช่วงกลางทศวรรษ 1930 ได้เห็นบ่อย careering ไปตามถนนของ Ladbroke ป่าละเมาะในชั่วโมงแรกของเช้าวันที่ รถบัสก็มักจะมองเห็นที่ชุมทางถนนเซนต์มาร์คและเคมบริดจ์ Gardens และหลายสิบคนอ้างว่าได้เห็นมัน 'ฉันถูกเปลี่ยนมุม' พยานคนหนึ่งกล่าวว่า 'และเห็นรถบัสฉีกขาดต่อฉัน, ไฟของชั้นบนและด้านล่างและไฟได้เต็มรูปแบบ แต่ฉันจะได้เห็นไม่มีลูกเรือหรือผู้โดยสาร. สนธิกับโค้งตาบอดทั้งสองทิศทางมีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นจุดด่างดำที่เกิดอุบัติเหตุและต้นรถบัสผีเพิ่มเพียงนี้ รถชนหลายคนถูกกล่าวหาว่าเป็นคนขับรถที่มีประสบการณ์ช็อกเมื่อเห็นมัน ในที่สุด

6 ตำนานผีของภาคเหนือ
5 อันดับผีตามความเชื่อของคนอีสาน
10 ตำนานผีอาเซียนประเทศเพื่อนบ้านสุดสยอง
ตำนานผีญี่ปุ่น
เล่าเรื่องสยองขวัญ นั่งซากหวาดผวา ศพล่อเสือ
เล่าเรื่องผี มาเอาแม่ผมไปทำไม
วิญญาณอาฆาต
เล่าเรื่องสยองขวัญ เจอดีตอนธุดงค์
เล่าเรื่องสยองขวัญ สโมสรร้าง
เล่าเรื่องสยองขวัญ แดนพิศวง
เล่าเรื่องสยองขวัญ แรงงานต่างด้าว
บ้านหลอนแดนนรก
10 สุดยอดเรื่องเล่าสยองขวัญเดอะช็อค
25 การทรมานสุดโหดในประวัติศาสตร์


อินดี้

200 Best Video Games of All Time  - Geometry Wars 3: Dimensions

The Geometry Wars series had an inauspicious start as a minigame buried within Project Gotham Racing 2 for the Xbox. An homage to classic twin-stick shooters like Robotron 2084, and perfectly adapted for a dual analog controller, you controlled a little weaponized claw as you blew up lots of other geometric shapes, created in the vector style of games like Tempest. It was fleshed out considerably and released separately at the launch of the Xbox 360, where, even as a cheapie download title, it was the best game on the platform for months, inspiring legions of new twin-stick shooter clones.

There are about a half dozen enemy types, each with unique attacks and movement patterns – pink shapes break into smaller ones when destroyed, green ones dance tauntingly around your shots, and vortexes will suck up the playing field and explode unless you kill them quickly. They're simple to predict, but the game is always tossing them at you in different combinations, getting more and more overwhelming, and only stopping for a breather when you get killed. The playing field is larger than Robotron, though, making it less
claustrophobic. It also has a slightly gentler difficulty curve, ensuring at least a few minutes of play for the average gamer before it becomes too manic. The visuals are minimalist, but the neon colored, high resolution characters, paired with the danceable techno music, grace it with a slick, modern appeal.

The main bit of brilliance is the way Geometry Wars forces you to be aggressive. Destroyed enemies drop little green things that add to your score multiplier, which keeps increasing until you run out of lives. You can't just run away and shoot, but need to grab these before they disappear, often moving back into the direct path of danger, creating a persistent risk/reward mechanic.

The original release was fantastic, but the series came into its own with the sequel, which offers several different modes of play. Beyond the classic "blow stuff up until you run out of lives", there are variations like Deadline, which gives you unlimited lives and three minutes to score as highly as possible. We've picked the third iteration as the highlight, as it contains slightly nicer graphics, along with an enhanced single-player mode that borrows elements from the spin-off, Geometry Wars Galaxies, as well as other similar games, such as Super Stardust HD, including circular playing fields and boss battles. These provide variety and longevity, but the best experiences remain in the standard score attacks modes, which are just as playable in the second game. -Kurt Kalata

The most lauded progenitor of twin-stick shooters (thought Taito's Space Dungeon is generally considered the first), Robotron 2084 is practically the genre's Robert Johnson. Its DNA can still be found floating around in modern games like Geometry Wars and Hotline Miami, and with good reason. "Moving with one  stick/shoot-andaiming with the other" is one of the purest, most intuitive gameplay control schemes ever developed, and has essentially stayed the same for 30+ years. Here, you save humans and destroy robots before a 2001-esque screen-filling transition sequence throws you rapidly into the next zone. Add to that some of the most classic sound effects that arcades had to offer, and gamers were treated to a glimpse of twitch-based gaming's future. -RS

TOP 10 VIDEO GAMES OF ALL TIME
BEST ANDROID GAMES
45 BEST ANDROID GAMES
10 CREEPY VIDEO GAME URBAN LEGENDS
10 TECHNOLOGIES INSPIRED BY VIDEO GAMES


อินดี้

Finding Travel Insurance After A Cancer Diagnosis
For people suffering from cancer and other serious conditions, finding adequate travel insurance can be tricky. But help is at hand from specialist companies providing great cover at reasonable cost

Finding suitable travel insurance after a cancer diagnosis can be fraught with problems. The premiums quoted online often cost more than the holiday or else any claim relating to the cancer is excluded.

Action is underway that should lead to better levels of insurance and more reasonable prices for those with medical conditions. But in the meantime consumers must know where to look to avoid buying inadequate cover.

All insurers and comparison websites will soon be required to signpost consumers with preexisting conditions to specialist travel insurers, whether they have offered them a quote for cover or not. It follows an investigation into this market by the regulator - the Financial Conduct Authority.

Andrew Williams, business development manager for specialist travel insurer Free Spirit, says: "The FCA is in discussions with insurers, and changes should be coming soon, which is great news for anyone with cancer or any other serious condition who has struggled to find insurance. Cover is out there for people in this situation but it can be difficult to know how to get it."

A recent survey by consumer group Which? found that when consumers with pre-existing medical conditions apply for travel insurance, around one in five are only offered cover that excludes claims arising from their condition and one in four faced inflated premiums.

"Research by Which? highlights the importance of speaking to a specialist broker or insurer when you have cancer or other medical condition," says Sarah Page, brand manager for specialist insurer Insurancewith. "Not everyone's situation is going to fit neatly into the tick boxes on a screen when applying for cover."

Ms Page adds: "At Insurancewith we can offer one-to-one medical underwriting and policies tailored to your specific needs so the price more accurately reflects the risk. This usually makes it much more affordable, particularly for someone with cancer."

The type of cancer you have, its stage, your treatment and your medication will all affect the premium, as will your age - with older consumers typically having to pay more, as statistically they are more likely to claim.

Your choice of destination and the duration of the trip will also have a bearing on the cost. This is because the cost of healthcare in different countries varies widely. In Spain, for example, tourists will often be directed to private clinics when they need medical attention - this can vastly inflate the cost of a claim, compared to state-funded healthcare. Healthcare in the US and Australia, for example, can also be expensive.

The delay to Brexit means holidaymakers to European Union countries can continue to use the European Health Insurance Card (known as EHIC) for now - although future arrangements are unclear. EHIC entitles you to emergency state healthcare in EU countries. But consumers should not rely on this as an alternative to travel insurance. The standards of care may be much lower than with the NHS. It also won't cover the costs of repatriation.

The majority of insurers in the market use medical screening software called Healix, although a number use a different package called Protectif. The screening will ask questions about your condition and treatment to arrive at a 'medical score' before offering a premium cost for the travel insurance. As the two screening methods are slightly different it can be worthwhile getting quotes from a range of insurers that use different screening software.

Chris Rolland, chief executive at specialist insurer AllClear, says: "Declare everything. You will be asked to provide answers to set questions relating to each medical condition to ensure the insurer gets the information it needs to offer appropriate cover."

Using a broker can be helpful as it will look across a broad spectrum of providers to find you the best cover and price for your needs. The British Insurance Brokers' Association (BIBA) website at biba. org.uk can help you find one.

For most people with cancer and serious pre-existing conditions, and even those with a terminal diagnosis, it should be possible to find cover at a reasonable cost, although in some circumstances specific and tailored underwriting may be necessary.

Fi Munro, 33, from Errol, Perthshire, was diagnosed with stage-4b ovarian cancer in January 2016. She has since written a book How Long Have I Got?, set up an award-winning blog - Live Like You are Dying - and started her own businesses teaching yoga and meditation.

Fi says: "After the diagnosis I just wanted to live my life in the way I wanted and without barriers. I love to travel, but looking around for insurance that would cover me and my cancer was so difficult.

"A medical professional recommended that I speak to Insurancewith," she adds. "I just couldn't believe the difference in its approach - and also the cost. It was so much cheaper than the mainstream brands that I'd previously been looking at."

Fi takes out single-trip cover for each holiday. Cover for her and her husband, Ewan, for a two-week trip to France in April cost ?85, for example. It is a stark contrast to the hundreds of pounds she could be charged with less specialist insurers. According to experts, it is a good idea to take out joint cover with the same insurer, even where one person in a couple does not have any preexisting medical conditions. The cost should not be any higher.

Mr Williams at Free Spirit says: "There could be complications if you need to cancel your trip due to illness, but your partner's separate insurance won't cover the cancellation."

Insurer AllClear offers Travelling companion' cover for travellers who are insured with a different provider for cancellation or curtailment as a result of the pre-existing condition of their travelling companion under AllClear. Think about purchasing travel insurance even for trips booked in the UK - because cancellation is among the main reasons for claiming on a policy for those with medical conditions.

How to Keep Premiums Down Shop Around:
Do your research and speak to different specialist insurers. A broker should be able to scour the market to find different policies to suit your needs at a reasonable price. Opt for a larger excess: By agreeing to pay a higher excess - the first part of any insurance claim that you must pay - it may be possible to lower the premium. Book holidays closer to the time of travel: If you can reduce the risk of cancellation due to ill health and can exclude cancellation cover from your insurance this should bring the premium down.

Consider changing destination and reduce length of trip: Insurance for travel to some countries will be much more expensive, so if you have not yet booked your trip talk to insurers and find out where might be cheapest. Shorter trips mean a lower risk of a claim and will bring insurance costs down.

Most insurers will ask about any treatment or prescribed medication you have taken within the last two years, or if you have been an in-or outpatient at a hospital, clinic or GP in the same time frame. It means if you had cancer three years ago, for example, but you can answer 'no' to these questions you will not need to declare the cancer and your premium should be much lower.

Cost Was Greater but Reasonable
Many holidaymakers with pre-existing conditions decide to take a gamble and travel without insurance because they feel the premium cost is unaffordable. But this is a high-risk strategy.

John Carpenter was extremely glad he had taken out annual travel insurance when he was forced to cancel a cruise he had booked for his wife Linda's birthday last year, after a lump appeared in his neck and he needed urgent chemotherapy.

John, in his early-60s, had been diagnosed with lymphoma in 2016. At that time doctors advised him to wait and see because his symptoms did not warrant immediate treatment. John and Linda, who love to travel, continued to take many holidays each year - although, due to his cancer, John now took out cover with specialist insurer AllClear, rather than buying cover through his travel agent as he always had done in the past.

"At ?500 for annual worldwide cover my condition did mean a significant increase to the cost of cover," says John. "But I felt it was reasonable considering the cruise I had planned and that it included the US, renowned for its high medical costs."

The couple received a 25% refund on the cost of their ?3,000 holiday from the cruise company and luckily, the terms of AllClear's cover meant that they could reclaim the remainder on their insurance, minus the ?250 excess.

"We were sent an email confirming our claim had been successful within two days," says John, "and the payment was in my bank account within seven days of making the claim."

John responded well to treatment and has stem cell therapy planned. He has been advised he is well enough to go on holiday before this treatment starts and AllClear has provided a new policy, taking into account his current medical situation. He has taken out a single trip policy for ?200 for a seven-night break to Turkey.
BY JO THORNHILL
Souce Moneywise


อินดี้

What Is a Structured Settlement Annuity?
A structured annuity settlement is a financial vehicle that includes periodic payments, provided that the plaintiff in a personal injury liability lawsuit replaces a cash payment settlement. This type of financial tool can only be configured with a licensed settlement planner. (Settlement Quotes does not create these insurance products.)

A structured settlement is set up by purchasing an annuity through a life insurance company such as Metlife or Monumental Life Insurance Company. This annuity can be a monthly, semi-annual, annual or lifetime payment from the claimant. These periodic payments are tax-free and are a great source of fixed income for an individual after a personal injury liability case.

selling annuity ᛋᚠᚢᛞ, Structured Settlement Annuity

Many people wonder if they can receive a one-time cash payment after they start receiving their structured settlement annuity payments. The answer is no, you cannot go back to a cash settlement for the total. You do have options however. Settlement Quotes provides services to people in this situation. We will offer you a sum of cash for your structured settlement from other companies.

This is not always the best option for many people. A discount rate will be applied to your structured settlement to calculate your present value of your structured annuity to calculate your cash settlement. Due to the time value of money, you will only receive a partial amount in the lump sum. After a court approval process the lump sum payment will remain tax free.



Quotes Settlement only recommends using this inexpensive option if you have other financial assets that can provide financial support for your family. Many people pay off their debts, send their kids to college, or make a down payment on a house with the money they receive from the factored structured settlement.

There are many benefits to keeping your settlement structured. Quotes Settlement recommends seeking the advice of a financial professional before factoring payments through a structured settlement factoring company. A structured settlement can be used as a source of income when it comes to applying for a loan. This option must be tried first before attempting to receive a one-time payment.



Frequently Asked Questions

Structured Settlement Quotes is dedicated to providing you with the information you need to make an informed decision about the sale of your structured settlement or annuity payments. The following is a list of the most frequently asked questions, followed by detailed answers from our learning center organized by topic:

About Settlement Quotes

What makes Settlement Quotes services unique in the market?

For what types of payments does Structured Settlement Quotes provide price quotes service?

About Selling Your Annual Structured Settlement

What is an annual structured settlement?

Is it legal to sell your structured settlement payments?

What if your structured settlement agreement or annuity policy contains an anti-sale or non-transferable clause?

Can only some of your structured settlement payments be sold or do you have to sell all of them?

What if you have sold some of your structured settlement payments in the past? Can more payments be sold now to registered Certified Structured Settlement Quotes funders?

Do you have to pay taxes on the money received from the sale of your structured settlement payments?

What if you are in bankruptcy and have not yet been discharged?

The sale and transaction with a financier are risk free?

If you are a minor, can you sell your structured settlement payments?

Is It Legally Allowed To Sell Workers' Compensation Payments?

About the Bidding Process

How do you start the bidding process to receive quotes from our certified sponsors?

How long will it be until you receive the quotes?

How many quotes do you receive from Settlement Quotes?

Each of the quotes you receive is a guaranteed offer to buy your structured settlement payments?

Are you obliged to sell if you only request a quote?

How long do you have to accept an offer?

What if you accept an offer and then decide you want to cancel?

When do you find out which certified finance company gave the highest quote?

About the selling process and getting your money

Once you accept an offer, what are the steps to follow to complete the sale transaction and how long does it take to receive payment?

If the sale transaction is not completed for any reason, will you still receive your payments as usual?

About Settlement Quotes

What makes Settlement Quotes services unique in the market?

Settlement Quotes is a market leader in providing the industry for buying and selling structured settlement payments and other annuities in every state.

Settlement Quotes brings together, settlement buyers (Certified funders) to compete for their payments.

If you decide to sell, you have the peace of mind of knowing that the selected Certified Financier is one of the most experienced and respected in the industry to complete the sale and get your money in the shortest time allowed by law.

For what types of payments does Structured Settlement Quotes provide a quote service?

Settlement Quotes provides structured settlement quotes and other insurance annuity payments. Specifically, we can quote the payments you receive:

From an insurance company

As a result of a lawsuit or insurance settlement

Payments of any guarantee or life contingencies

Not as a result of a workers' compensation claim

We DO NOT offer quotes on:

Workers' compensation payments

Payments for a minor

Pensions

Social security payments

TIAA CREF payments

Mortgages

Pre-settlement cases

Settlement of travel expenses

VA disability or pension

Other disability payments

About Selling Your Structured Settlement Annuity

What is a structured settlement annuity?

A structured settlement annuity is a contract issued by an insurance company to finance the payment of personal injury compensation over a period of time. It is sometimes referred to as an insurance allowance.

In the event of your death, your beneficiary is guaranteed a tax-free payment or series of payments over a fixed period of time.

Most structured settlements are the result of a lawsuit, with payments resulting from a legal action.

Is it legal to sell your structured settlement payments?

Yes. You can sell your structured settlement or insurance settlement payments.

Most states have a structured Settlement Protection Act. These laws allow you to sell your payments if the following requirements are met:

Full information should be given on the financial terms of your sale.

You have a "cooling off period" after signing the documents you can change your mind and cancel the sale.

You must be informed in writing to request independent professional advice regarding your sale. In some states, you can choose to waive the tips.

The hearing takes place before a judge who considers your case and decides whether or not to approve the sale. The judge will examine your financial situation, what you want to do with the money, and whether it is in your best interest to sell payments.

The judge must issue a court order approving the sale.

What if your structured settlement agreement or annuity policy contains an anti-sale or non-transferable clause?

An anti-transfer clause or anti-sale language does not prevent you from selling your payments.

Some structured settlement agreements or annuity policies contain anti-sale or non-transfer clauses such as:

"None of the periodic payments can be advanced, deferred, increased or decreased, they cannot be anticipated, sold, assigned or encumbered."

Since you must obtain a court order approving the sale of your payments, a judge will review and evaluate your case.

The judges have the power to approve the sale, even if the no-sell clause appears in the structured settlement agreement or structured settlement annuity policy which tries to prevent you from selling your payments.

Can only some of your structured settlement payments be sold or do you have to sell all of them?

You can sell part or all of your payments.

You can create more than one online file with different payment combinations and get more than one set of price quotes in order to better meet your financial needs.

If you only sell some of your payments, your insurance company will continue to pay the payments you still have on time and in good time.

What if you have sold some of your structured settlement payments in the past? Can more payments be sold now to registered Certified Structured Settlement Quotes funders?

Yes. If you have sold some of your structured settlement payments in the past, you can sell the remaining payments that you are still a beneficiary of.

Do you want to know how much your payments are worth? Get a guaranteed price offer set for your payments in less than 24 hours.

Do you have to pay taxes on the money received from the sale of your structured settlement payments?

The money you receive from the sale of your structured settlement payments will have the same tax treatment as the payments you receive from your structured settlement annuity.

If you receive your payments tax free then the money you receive from the sale of your payments will also be tax free.

In most cases, structured settlement annuity payments are tax-free because your pension was established to qualify for tax-free treatment under section 130 of the Internal Revenue Code.

The US Federal Government has taken several steps to ensure that payments received for personal injury damages are tax-free.

Section 104 (a) (2) of the Internal Revenue Code confirms that damages received from personal injury or illness are not considered income and are not taxable.

In 2002, a federal law was passed to protect beneficiaries in the sale of their structured settlement payments. As a result, Section 5891 was introduced into the Internal Revenue Code.

Section 5891 requires that the sale of structured settlement payments be approved by a court in accordance with applicable state law.

Please note that this information is provided as a courtesy only, and does not constitute legal advice. You should seek legal or professional counsel to deal with your specific circumstances.

What if you are in bankruptcy and have not yet been discharged?

We can quote your payments, even if you are in bankruptcy and have not yet been discharged.

If you are in bankruptcy, you will need to notify us before your case is quoted so that we can speak with your bankruptcy administrator or legal representative to obtain additional information.

Our certified funders reserve the right to deduct a commission for additional work in processing cases that have not yet been discharged from bankruptcy.

The sale and transaction with a financier are risk free?

You do not waive any rights in the sale of a structured settlement until the transaction is completed and you have received the full sale price. Furthermore, your case is protected by the court and a judge's order that forces the financing company to carry out its obligations. You are fully protected.

If you are a minor, can you sell your structured settlement payments?

Settlement Quotes does not offer quotes to underage beneficiaries as they have no legal capacity to sell their payments without the intervention of a litigation or a guardian.

Is It Legally Allowed To Sell Workers' Compensation Payments?

It is not legal for you to sell structured settlement annuities that arise from workers' compensation claims. You must keep the annuity until all payments have been completed.

About the Bidding Process

How do you start the bidding process to receive quotes from our certified sponsors?

To start the bidding process,

1- Go to the form above and enter the amounts of the payments, the date and the insurance company. You can enter as many cases as you like with different payment combinations to get the amount of money that best suits your financial needs.

OR

2- Contact one of our customer service specialists at 1-888-562-1268 and he or she can help you enter the information necessary for our certified financiers to start bidding and competing to buy your payments. Once the offers are received, one of our customer service specialists will contact you to review your case.

How long will it be until you receive the quotes?

We are usually able to get back to you within a few hours (up to a maximum of 24) with the company offering to buy your annuity. You can receive all or some of your quotes, in just 1 hour.

How many quotes do you receive from Settlement Quotes?

We are going to share with you the top quotes we receive from our certified sponsors. The number of citations we receive will depend on the number of certified funding participants at the time your case is entered on the Settlement Quotes website.

Each of the quotes you receive is a guaranteed offer to buy your structured settlement payments?

Yes. The price quotes received are guaranteed offers to purchase your structured settlement payments.

We guarantee:

1- You will get a higher price from each of our Certified Financiers in advance, without problems.

2- You will receive your guaranteed quote quickly --- in less than 24 hours and, often, in the shortest time of 2 hours.

3- Each quote constitutes an offer to purchase your annuity payments that remains open for acceptance for 24 hours after publication in order to provide time to decide. If you do not accept the offer within 24 hours from the date of registration, the offer is frozen and may remain valid or may be revoked or modified at the discretion of the respective certified financier on a case by case basis. It is recommended to contact Settlement Quotes at 1-888-562-1268 to confirm the availability of these types of offers, if the 24-hour period has already expired.

Are you obliged to sell if you only request a quote?

No. There is no obligation to accept an offer to purchase. You may decide that you do not want to sell your annuity in which case we will close the file until further notice from you.

How long do you have to accept an offer?

Each offer provided by our certified partners is open for acceptance for a period of 24 hours after publication. To accept, simply contact us by phone at 1-888-562-1268 and notify one of our customer service specialists that you accept the offer and wish to continue your sale.

What if you accept an offer and then decide you want to cancel?

You should not indicate acceptance of the offer until you are sure you want to proceed with the sale. However, even if you accept and receive sales documents, there is usually a "cool down" in which you can change your mind and cancel the transaction. The reflection time period is clearly stated either in the sales compliance certificate or in the Assignment Agreement that you receive as part of the sales documentation.

When do you find out which certified finance company gave the highest quote?

You will be notified by email or phone of the successful Certified Funder immediately upon acceptance of an offer to purchase. You can rest assured that each Funding Entity is examined by Settlement Quotes and certified to be reliable, trustworthy and competent to complete your transfer and get your money in the shortest time allowed by law.

About the selling process and getting your money

Once you accept an offer, what are the steps to follow to complete the sale operation and how long does it take to receive payment

At Settlement Quotes we understand that your financial goals depend on completing your sales transaction and getting paid in the shortest time allowed by law.

Once you have accepted an offer and confirm that you wish to proceed with the sale to the winning Certified Funder, the sale process immediately begins as follows:

1- First call at 2 hours. You will receive a call from a customer service expert on behalf of the certified finance company within 2 hours of acceptance. At that time, our expert will inform you that Financial Certificated was the successful bidder and will provide you with the contact information.

2- Legal documents in 24 hours. You will receive the legal documents from the Certified Financier within 24 hours. A Notary Public will wait for you at your home or other convenient location to review the sale documents with you, answer any questions you may have, and sign the sale.

3- Process in court within 30 days. Our Certified Financier will complete the court process as soon as legally permitted. This could take about 30 days, depending on the state.

4- Immediate access to your money. You will get your money directly by bank transfer into an account of your choice immediately after completing the legal process.

5- The expected time from price quotation to financing and the entire transfer process can take about 6 weeks, depending on the state in which you reside.

If the sale transaction is not completed for any reason, will you still receive your payments as usual?

Our certified funder will process the sale transaction of your structured settlement, at no cost to you.

In the unlikely event that your sale is not completed for any reason:

1- Neither Settlement Quotes nor the corresponding certified funder will charge you any fees or penalties. This promise will be recorded in writing in the sales documentation that you receive.

2- You will have the right to receive all the payments of the annuity that you had agreed to sell as they mature.

3- Your insurance company will continue to pay all future payments as if it had never entered into a sales transaction.

You will have no future obligation to Settlement Quotes or the applicable certified funder.

see also finance and business knowledge