ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

รู้ทัน ไวรัสตับอักเสบบี

เริ่มโดย สายน้ำ, 10:50 น. 07 ธ.ค 53

สายน้ำ

     ไวรัสตับอักเสบบี  เป็นดีเอ็นเอไวรัสที่ทำให้เซลล์ตับอักเสบและตาย  การติดเชื้อมีทั้งแบบเฉียบพลัน(Acute hepatitis B infection) มีอาการเริ่มจากไข้ต่ำๆ เบื่ออาหาร คลื่นไส้  ตามมาด้วยอาการตัวเหลือง  ตาเหลือง  อ่อนเพลีย 
ตรวจเลือดพบเปลือกของไวรัสตับอักเสบบี  (HBsAg และ HBeAg) และมี ระดับเอนไซม์ในตับสูงมากขึ้น

     หากภูมิคุ้มกันในร่างกายผู้ป่วย  สามารถจะกำจัดไวรัสตับอักเสบบีได้  ตับอาจกลับสู่สภาวะปกติ 
อย่างไรก็ตามหากภูมิคุ้มกันในร่างกายผู้ป่วย  ไม่สามารถกำจัดไวรัสตับอักเสบบีได้  ผู้ป่วยจะมีการดำเนินโรค
ต่อไปเป็นการติดเชื้อแบบเรื้อรัง (chronic  hepatitis B infection)

สายน้ำ

โรคติดต่อเชื้อจากไวรัสตับอักเสบบีติดต่อสู่คนได้หลายทางได้แก่

1.   การติดต่อจากการได้รับเลือด
2.   การติดต่อจากการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
3.   การติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์

สายน้ำ

     ในประเทศไทย  การติดต่อจากมารดาสู่ทารกเป็นการติดเชื้อที่พบบ่อย และสำคัญ  ทารกมักไม่แสดงอาการ
เมื่อเริ่มติดเชื้อแต่จะมีการดำเนินโรคต่อไปเป็นการติดเชื้อแบบเรื้อรังมีการทำลายของเซลล์ตับมากขึ้นเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่
จะมีโอกาสเกิดเป็นตับแข็ง (Cirrhosis)  อันอาจนำไปสู่ภาวะตับวายและมะเร็งตับได้
     การตรวจดีเอ็นเอของไวรัสตับอักเสบบี (HBV DNA ) จากเลือดของผู้ป่วยมีผลต่อการวินิจฉัย  การพยากรณ์โรค 
และการเลือกใช้ยารักษา

สายน้ำ

    การรักษาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีแบบเรื้อรัง
   
    มีจุดประสงค์เพื่อลดการอักเสบของตับและลดจำนวนของไวรัสตับอักเสบบี  มักเริ่มในรายที่มีระดับตับ HBV  DNA 
มากกว่า 20,000  IU/ml  ร่วมกับตรวจเลือดพบระดับเอ็นไซม์ในตับสูงขึ้นมากกว่า 2 เท่า  นานอย่างน้อย 3 เดือน

    ยาในปัจจุบัน มี 2 กลุ่มใหญ่ๆ  ได้แก่ ยาที่ไปออกฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยให้สามารถกำจัดไวรัสตับอักเสบบีได้
เช่น  อินเตอร์เฟอรอน  และยาที่ไปออกฤทธิ์ยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัสตับอักเสบบี เช่น ลูมิวีดีน อะดีโฟเวียร์  เอนติคาร์เวีย
และเทลบิวูดีน  เป็นต้น  การรักษาทำให้โรคสงบได้แต่อาจมีเชื้ออยู่ในปริมาณน้อยๆ จึงต้องตรวจซ้ำทุก 3-6 เดือน

สายน้ำ

     หากตรวจร่างกายแล้วพบว่า ยังไม่มีภูมิคุ้มกันต่อไวรัสตับอักเสบบี  แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี 
หากฉีดครบ 3 เข็มที่เวลา 0, 1, และ 6 เดือน จะสามารถป้องกันไวรัสตับอักเสบได้ตลอดไป
     
     อย่างไรก็ตาม  หากทราบว่ามีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในร่างกายแล้วแต่ยังไม่มีอาการใดๆ  ควรเลือกรับประทานที่มีประโยชน์  หลีกเลี่ยงอาหารประเภทถั่วซึ่งมีสารก่อมะเร็งและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  ออกกำลังกายพอสมควรและพบแพทย์ทุกๆ 3-6 เดือน

     ที่มา  วารสารฟาสซิโน

สายน้ำ

โรคไวรัสตับอักเสบ เป็นภัยเงียบที่น่ากลัวเลยที่เดียวค่ะ
เพราะเป็นโรคที่ไม่แสดงอาการใดๆ

จากการสอบถามจากคนที่เป็น ส่วนมากจะรู้จากการบริจาคเลือด หรือตรวจสุขภาพประจำปีค่ะ
แต่ถ้าใครทราบว่าตัวเองเป็นก็ควรจะเช็คค่าตับเบื้องต้นก่อนน่ะค่ะ ว่าค่าตับอยู่ที่เท่าไหร อยู่ในระยะติดเชื้อหรือเปล่า
จะได้รักษาต่อไป