ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

จากใจอภิสิทธิ์ถึงคนไทย 4 : 91 ศพสังเวยความต้องการใคร

เริ่มโดย ล ลิง, 12:03 น. 17 มิ.ย 54

ล ลิง

(ที่มา หน้าแฟนเพจเฟซบุ๊ก Abhisit Vejjajiva)
หลังจากสังคมได้รับรู้เรื่องเหตุการณ์ 10 เมษา และปรากฏการณ์ชายชุดดำ ปัญหาการชุมนุมก็ยังไม่ยุติ
ตรงกันข้ามมีการใช้ความรุนแรงอย่างต่อเนื่องกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นการยิง M79 ที่สถานีรถไฟฟ้า BTS ที่ศาลาแดง  การสูญเสียของเจ้าหน้าที่ที่ถนนพระราม 4  เป็นปรากฏการณ์ที่ตรงกันข้ามกับปี 2551
วันนั้นมีแต่ M79 ยิงใส่ผู้ชุมนุมฝ่ายพันธมิตร
           
แต่ปี '53  M79 ออกมาจากพื้นที่ชุมนุมยิงใส่ชาวสีลม ข่มขู่ประชาชนทั่วไป
โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่หลายคนไม่อยากจำ แต่ลืมไม่ลง
คือ การบุกโรงพยาบาลจุฬาฯ จนต้องมีการย้ายคนไข้ ไม่เว้นแม้แต่สมเด็จพระสังฆราช
ทุกท่านคงนึกออกว่า แรงกดดันที่มาที่ ศอฉ. ให้ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมจะรุนแรงแค่ไหน
ผมแบกรับอย่างต่อเนื่อง แต่อดทนเพื่อหาแนวทางสันติจนต้นเดือนพฤษภาคม ผมจึงเสนอแผนปรองดองที่พูดถึงการแก้ปัญหาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเรียกร้องของผู้ชุมนุมในทุกเรื่อง
       
โดยเฉพาะหากยกเลิกการชุมนุมก็จะจัดการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤศจิกายน
         
ผมถูกก่นด่าว่าอย่างรุนแรงจากคนที่สนับสนุนผม
แต่ผมต้องการเห็นบ้านเมืองสงบทั้ง ๆ ที่รู้ว่า ข้อเสนอทั้งหมดไม่ได้คะแนนจากชาวเสื้อแดง แต่เสียคะแนนจากฝ่ายสนับสนุนผม
           
ข้อเสนอผมเป็นเหตุเป็นผลขนาดที่แกนนำบนเวทีต้องตอบรับแต่ขอเวลาที่จะตัดสินใจในการสลายการชุมนุม
           
ระหว่างนั้นผมก็ให้คุณกอร์ปศักดิ์ประสานงานตลอด แต่เจรจาอย่างไรก็ไม่เป็นผล ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มขอคืนพื้นที่บริเวณโรงพยาบาลจุฬาฯ ฯลฯ
สิ่งที่ผมสังหรณ์ใจไม่ผิดก็คือ แผนปรองดองทั้งหมดมีจุดอ่อนจุดเดียว
คือ ไม่มีการนิรโทษกรรมให้คุณทักษิณ
           
แม้แกนนำหลายคนก็เริ่มอยากจะให้แผนนี้เป็นทางออกที่ดีสำหรับทุกฝ่าย การเจรจาคืบหน้าไปจนถึงจุดที่ว่าจะช่วยกันดูแลให้พี่น้องคนเสื้อแดงที่มาชุมนุมกลับบ้านได้อย่างไร เช่น ประสานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน
           
แต่สุดท้าย การเจรจาก็ล้มเหลว เพราะไม่ได้รับไฟเขียวจากนายใหญ่ ฝ่ายเจรจาของผู้ชุมนุม ที่แปลกใจหรือผิดหวังตั้งแต่ 10 เม.ย.ว่ามีคนตายแล้วแต่รัฐบาลยังอยู่ได้ มองว่า หากไม่มีการนิรโทษกรรม คุณทักษิณก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร จึงไม่ต้องการให้คลี่คลายเพราะไม่ได้รับชัยชนะ แม้แต่ก่อนสลาย เราพยายามจะเจรจาให้ส่งผู้ชุมนุมกลับบ้านก่อนมอบตัว แต่ถูกปฏิเสธ
           
ในที่สุด เวลาผ่านไป 10 วันก็ชัดเจนว่า จะไม่มีการเลิกการชุมนุม
           
ศอฉ. จึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องรักษากฎหมายโดยการ "กระชับพื้นที่"
           
ไม่ได้เข้าไปสลายการชุมนุม แต่ตั้งด่านปิดล้อมเพื่อให้คนออกจากพื้นที่ชุมนุม ไม่ให้คนเข้า เพียงแต่ต้องใช้อาวุธจริงเพื่อป้องกันตนเองและป้องกัน M79
           
ความสูญเสียระหว่างวันที่ 14-18 พ.ค. ไม่ได้เกิดขึ้นจากการที่มีใครสั่งฆ่าประชาชน แต่มีกลุ่มคนติดอาวุธโจมตีด่าน ทำให้เกิดการปะทะกัน โดย ศอฉ.ได้เตือนประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มอาสาสมัครและสื่อมวลชนให้ระวังตัวว่าจะเป็นเป้าของการยั่วยุให้ปะทะ และชายชุดดำซึ่งอยู่ที่ตึกชีวาทัย (ถ.ราชปรารภ) และบริเวณใต้ทางด่วน ถ.พระราม 4
           
หลายคนเคยเห็นภาพที่ทำได้กระทั่งเอาเด็กมาเป็นโล่มนุษย์
           
จนในที่สุด ศอฉ. จำเป็นต้องตัดสินใจเข้ายึดพื้นที่บริเวณสวนลุมฯ ซึ่งเป็นที่ซ่องสุมของอาวุธและชายชุดดำในเช้าวันที่ 19 พ.ค.  แต่ไม่ได้เข้าไปในพื้นที่ชุมนุม จนแกนนำยอมสลายเอง ซึ่งหากไม่ทำเช่นนั้น ความสูญเสียก็จะมีต่อไปไม่รู้จบ
           
แต่แล้วปัญหาก็ไม่ได้จบไปกับการสลายการชุมนุมและการมอบตัวของแกนนำ ซึ่งก็เป็นไปตามคำประกาศครั้งสุดท้ายของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่พูดบนเวทีก่อนสลายการชุมนุมว่า
           
"การชุมนุมยุติลงแล้ว แต่การต่อสู้ของเรายังไม่จบ"
           
จากนั้นไม่ถึงชั่วโมง กรุงเทพฯ ก็กลายเป็นทะเลเพลิงเหมือนกับที่นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง เคยปลุกระดมเอาไว้
           
เป็นสถานการณ์ที่พี่น้องจำนวนมากที่ติดตามจากการถ่ายทอดสดของทีวีแทบทุกช่อง อาจถึงขั้นหลั่งน้ำตาที่ต้องมาเห็นภาพคนไทยฆ่ากันเอง และยังต้องสลดหดหู่กับภาพคนไทยเผาเมืองหลวงของเรา เพราะถูกปลุกปั่นยุยงด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จอีกด้วย

เหตุการณ์ที่สะเทือนใจคนไทยอย่างมากก็คือ ความสูญเสียที่เกิดขึ้นที่วัดปทุมฯ
           
ที่จริงเมื่อมีข้อเสนอให้ประกาศเป็นเขตอภัยทาน ผมให้คุณกอร์ปศักดิ์ประสานไปว่า ไม่อยากให้ทำ เพราะควรอำนวยความสะดวกให้คนกลับบ้านมากกว่า
           
ที่สำคัญ ผมบอกว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะให้มีแต่ผู้หญิง เด็ก คนแก่เข้าไปในพื้นที่  ผมรู้ว่าต้องมีคนติดอาวุธเข้าไปด้วย ซึ่งต่อมาก็มีการพบอาวุธที่ถูกนำไปซ่อนในที่นั้น  ผมเคยถามด้วยซ้ำว่า หากมีการยิงกัน ปะทะกันจนเกิดความสูญเสีย ใครจะรับผิดชอบ
           
แม้ในวันที่ 19 เอง ก็ยังมีคนจากอีสานที่รับจ้างทำบ้องไฟกับเพื่อน ๆ แต่สุดท้ายไม่ได้รับค่าจ้าง หลบหนีเข้าไปอยู่ในวัดปทุมฯ ซึ่งต่อมาได้พยายามหนีกับเพื่อน ๆ ออกจากประตูวัดด้านใกล้แยกอังรีดูนังต์ แต่เพื่อนที่วิ่งนำหน้าถูกกลุ่มชายชุดดำใส่หมวกไหมพรม 5-6 คน  ยิงจนเสียชีวิตและลากศพไปเผาบริเวณที่บังเกอร์หน้าวัด  เขาจึงวิ่งย้อนกลับไปหลบหนีออกด้านหลังวัด ในที่สุดชายคนนี้ได้ให้ปากคำที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ในฐานะพยานผู้เห็นเหตุการณ์การกระทำอันโหดร้ายของกลุ่มชายชุดดำ
           
หลังกระชับพื้นที่วันที่ 19 พ.ค.  ศอฉ. จึงไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปบริเวณนั้น แต่ก็เจอกับปัญหาเผาเซ็นทรัลเวิลด์ สยามสแควร์ ไม่นับการเผาช่อง 3 และศาลากลางในหลายจังหวัด
           
ซึ่งทุกแห่งมีการใช้กลุ่มติดอาวุธยิงสกัดกั้นรถดับเพลิง จนเจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปคุ้มครอง ผมเองยังได้รับการติดต่อจากนักข่าวต่างประเทศที่ถูกยิงบริเวณวัดให้เข้าไปช่วย ซึ่งรถพยาบาลกว่าจะเข้าไปได้ก็ต้องมีเจ้าหน้าที่คุ้มครองด้วยความยากลำบาก
           
ผมไม่สามารถฟันธงได้หรอกครับว่า 6 ศพที่วัดปทุมฯ เป็นฝีมือใคร แต่ผมถามว่า มีเหตุผลอะไรที่เจ้าหน้าที่จะจงใจไล่ยิงประชาชนเมื่อการชุมนุมสิ้นสุดแล้ว  ผมเชื่อว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นอาจเป็นผลของการปะทะหรือการฉวยโอกาสของกลุ่มติดอาวุธที่แฝงตัวอยู่ ซึ่งผมหวังว่าคณะกรรมการฯ และหน่วยงานจะให้ความจริงกับเราต่อไป
           
เมื่อเหตุการณ์คลี่คลายลง คนใกล้ชิดผมจำนวนไม่น้อยแนะนำให้ผมยุบสภา ลาออก หรือเว้นวรรคทางการเมือง เพื่อจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบ ไม่ต้องมีชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย พวกเขาบอกผมว่า นับจากนี้ไปชีวิตผมไม่มีทางปลอดภัย แต่ถ้ายอมแพ้ให้คุณทักษิณได้ในสิ่งที่ต้องการทุกอย่างก็จะจบ
           
แต่ผมไม่คิดว่าจบหรอกครับ ผมว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นหายนะครั้งใหม่ของชาติมากกว่า และที่ผมตัดสินใจมุ่งมั่นแก้ปัญหาต่อไป ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าชีวิตถูกคุกคามได้ทุกเมื่อ ไม่ใช่เพราะยึดติดกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่เพราะผมตระหนักถึงหน้าที่ของตัวเองว่าต้องใช้อำนาจที่มีต่อสู้เพื่อรักษาบ้านเมืองของเรา
           
ในช่วงเวลานั้น ผมได้รับกำลังใจจากประชาชนจำนวนมากที่ส่งข้อความมายังโทรศัพท์มือถือของผม เป็นแรงใจให้ผมมีความเข้มแข็งยืนหยัดต่อสู้เพื่อนำบ้านเมืองของเรากลับสู่ความสงบให้ได้
           
แม้จะอยู่ในอารมณ์เศร้าสะเทือนใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขี้น แต่ผมก็รู้ดีว่ามีหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นนักการเมืองที่อาสาตัวมารับใช้พี่น้องประชาชน ผมท้อไม่ได้ และผมไม่มีสิทธิ์ถอยเพราะถ้าทำอย่างนั้นก็เท่ากับว่า ผมทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชนที่ให้โอกาสผมได้เป็นตัวแทนปวงชนชาวไทยมายาวนานเกือบ 20 ปี
           
"อย่าใจเสีย อย่ายุบสภา อย่าลาออก ท่านนายกฯทำดีที่สุดแล้ว"
           
"หลังควันไฟจบบ้านเมืองก็สงบด้วย สิ่งปลูกสร้างเราซ่อมแซมใหม่ได้ หน้าที่ต่อไปคือนำประเทศผ่านวิกฤติครั้งนี้ให้ได้ ท่านนายกฯ ยังมีหน้าที่สู้ต่อเพื่อบ้านเมืองของเรา เชื่อมั่นว่าท่านทำได้"
           
และข้อความอีกมากมายที่ส่งมาให้กำลังใจ เป็นเสมือนน้ำทิพย์ชโลมใจที่อ่อนล้าของผมให้กลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง มันสร้างความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวระหว่างผมซึ่งเป็นผู้บริหารประเทศกับประชาชนภายใต้การดูแลของผม
           
ช่วงที่เปลวเพลิงยังลุกโชติช่วงที่เซ็นทรัลเวิลด์ ผู้บริหารของเซ็นทรัลเวิลด์ท่านหนึ่งโทรศัพท์มาหาผม แต่ในขณะนั้นผมกำลังอยู่ในที่ประชุมเพื่อร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องคลี่คลายสถานการณ์ดับไฟกลางเมืองให้ได้ เพราะมีปฏิบัติการของคนชุดดำลอบยิงเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปดับเพลิง จนทำให้การดับเพลิงเป็นไปด้วยความยากลำบาก อีกทั้งเมื่อสามารถดับไฟได้แล้วก็ยังมีความพยายามเผาใหม่หลายรอบ ทำให้เซ็นทรัลเวิลด์เกือบมอดเป็นเถ้าถ่าน แต่ในที่สุดเราคนไทยก็ผ่านสถานการณ์นี้ไปด้วยกันจนได้
           
เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ผมโทรศัพท์กลับไปยังผู้บริหารเซ็นทรัลเวิลด์ ยอมรับเลยครับว่า ระหว่างกดหมายเลขโทรศัพท์ผมนึกประหวั่นในใจเหมือนกัน เพราะไม่รู้ว่าจะพบกับปฏิกิริยาเช่นไรจากบุคคลที่ถือเป็นผู้สูญเสีย แต่ผมหนีความรับผิดชอบไม่ได้ ไม่ว่าจะถูกต่อว่าแค่ไหน ผมรู้ดีว่าเป็นสิ่งที่ต้องน้อมรับ เพราะแม้จะพยายามอย่างเต็มที่ให้ความสูญเสียทั้งร่างกายและทรัพย์สินเกิดขึ้นน้อยที่สุด แต่ก็รู้ดีว่า การจลาจลครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายใหญ่หลวงต่อทั้งภาพลักษณ์ของประเทศและเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวอย่างรุนแรง
           
ผมต้องขอขอบคุณผู้บริหารเซ็นทรัลเวิลด์ท่านนั้น ปลายสายที่พูดกับผมคำแรกแตกต่างไปจากที่ผมคิดไว้มากนัก
           
"ก่อนอื่นต้องบอกว่า นายกรัฐมนตรีตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ที่โทรมาเพียงแค่ต้องการแจ้งถึงสภาพโครงสร้างอาคาร..."
           
เราพูดคุยกันถึงการดูแลอาคารไม่ให้ทรุดตัวลงจากเปลวเพลิงครั้งนี้ ขณะเดียวกันผมก็คิดล่วงหน้าไปถึงการเยียวยาทุกฝ่ายที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเผาบ้านเผาเมืองดังกล่าว ควบคู่ไปกับการจัดการตามกฎหมายกับคนที่ทำชาติย่อยยับ มิใช่เพราะโกรธแค้นแต่ผมยืนยันเสมอว่า บ้านเมืองต้องปกครองโดยหลักนิติรัฐ ใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมตัดสินความถูกผิด ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกับสถานการณ์ความขัดแย้งในบ้านเมืองที่ขยายวงกว้างมากขึ้นทุกที
           
หน้าที่สมานบาดแผลแผ่นดินยังเป็นสิ่งที่ผมมุ่งมั่นเดินหน้าต่อ แม้จะรู้ว่าการอยู่ตรงกลางระหว่างคนสองสี คือ ทั้งสีเหลืองและสีแดง จะทำให้ผมไม่ได้รับคะแนนนิยมจากสองฝ่ายนี้เลย แต่ผมเห็นว่าการสลายสีให้ประเทศไทยเป็นของคนไทยทุกคนไม่ใช่ตกเป็นเบี้ยล่างมวลชนสีใดสีหนึ่ง สิ่งเหล่านี้เป็นหน้าที่ที่ผมต้องทำให้ลุล่วง
           
เมื่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ รวมทั้งคณะกรรมการของ อ.คณิต นำเสนอข้อมูลกับผมว่า มีคนเสื้อแดงจำนวนมากที่ไม่ได้รับการดูแลตามสิทธิทางกฎหมาย ผมก็ให้กระทรวงยุติธรรมเข้าไปช่วยเหลือดูแลในเรื่องการประกันตัวตามสิทธิที่เขาพึงมี เพราะเป็นหน้าที่รัฐบาลในการดูแลประชาชนทุกคนไม่ว่าเขาจะเรียกตัวเองว่าสีอะไรก็ตาม ส่วนการจะให้ประกันตัวหรือไม่นับเป็นดุลพินิจของศาล
           
นอกจากนั้น ครม.ยังมีมติเพื่อตอกย้ำว่า รัฐบาลพร้อมให้ความเป็นธรรมในการดูแลสิทธิของพี่น้องเสื้อแดงที่ไม่มีทนายความคอยดูแลเหมือนบรรดาแกนนำ
           
ผมรู้ครับว่า ทำอย่างนี้คนเสื้อแดงก็ไม่ได้เกลียดผมน้อยลง บางคนออกจากคุกได้เพราะกระทรวงยุติธรรมเข้าไปช่วยดำเนินการให้ก็ยังด่าผมอยู่ดี
           
ขณะที่คนบางกลุ่มก็ประณามการกระทำของผมว่า เป็นการเกี๊ยะเซี๊ยะกับคนเสื้อแดง ปล่อยคนเผาเมืองออกจากคุก ทั้ง ๆ ที่อำนาจในการประกันตัวนั้นเป็นดุลพินิจของศาลโดยแท้ และดีเอสไอซึ่งเป็นผู้ดูแลคดีก็ยังมีการคัดค้านการประกันตัวแกนนำบางคนที่เห็นว่า หากออกจากกรงขังไปอาจเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของบ้านเมือง ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายไม่ได้มีวาระซ่อนเร้นใด ๆ ทั้งสิ้น
           
ผมถามง่าย ๆ ครับว่า ถ้าผมต้องการเอาใจฐานเสียงของตัวเองที่ต้องการเห็นความเด็ดขาดในการแก้ปัญหากับคนเสื้อแดง ผมก็เพียงอยู่เฉย ๆ ไม่ต้องเข้าไปดำเนินการใด ๆ ทั้งสิ้น ปล่อยผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่ถูกแกนนำทอดทิ้งให้ติดคุกโดยไม่มีใครเหลียวแล ต้องรับชะตากรรมกินข้าวแดงต่อไปก็ได้ และผมก็ไม่ต้องโดนประณามว่ากลัวคนเสื้อแดง แต่จะได้ใจคนกลุ่มอื่นแทน
           
แต่ผมทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะผมได้ยืนยันมาตั้งแต่ต้นหลังรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า ผมจะเป็นนายกฯ ของคนทั้งประเทศ ไม่ว่าจะสนับสนุนผมหรือไม่สนับสนุนผมก็ตาม
           
การอยู่ท่ามกลางระหว่างสี ทำให้ผมเปรอะเปื้อนไปด้วยการสาดสีใส่โคลน แต่ผมก็รับสภาพด้วยความอดทนอดกลั้น เพราะรู้ดีว่าการสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นระหว่างการเมืองสุดโต่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ผมยังไม่ละความพยายามที่จะสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในประเทศให้จงได้ ไม่ใช่ความปรองดองในหมู่นักการเมืองด้วยกัน แต่ต้องปรองดองบนความถูกต้อง ไม่ให้หลักการของประเทศเสียหาย
           
วันนี้หลังเหตุการณ์ผ่านไปหนึ่งปี ยังคงมีกระบวนการที่ตั้งธงว่า ผมเป็นฆาตกร
           
ลองเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ที่ตากใบ กรือเซะ และการฆ่าตัดตอน 2,000 กว่าศพ ดูสิครับ
แล้วท่านจะเข้าใจความแตกต่างระหว่างการสั่งฆ่าประชาชนกับการรักษากฎหมาย


ใครหละ...

ใครเผาเซ็นทรัลเวิลด์....  ไอ้โม่งครับ.........
ใครยิงประชาชน............ไอ้คนแต่งชุดดำครับ..........
ใครยิงเสธ. แดง............ไอ้โม่งครับ............
ใครยิงพันเองร่มเกล้า.......ไอ้คนแต่งชุดดำครับ.........
ใครเผาช่อง 3...............ไอ้โม่งครับ............
ใครเผาธนาคาร..............ไอ้คนแต่งชุดดำครับ..........

อยากรู้ ตอบให้


คนคิดลึก

พวกทำชั่วแล้วให้เขาจับได้ พวกนั้นแดงเทียมทั้งเพ แดงแท้ต้องไม่ให้เขาจับได้

แดงเทียม

..ขอบคุณทหารกล้าทุกนายครับที่สละชีพหลายนาย..เพื่อหยุดกองกำลังของทักษิณ
ที่มี เสธ.แดง.เป็นผู้บัญชาการรบ..เผา กทม.เป็นทะเลเพลิง..
ถ้ามิได้พวกท่าน..ป่านฉะนี้..มิรู้กว่ากรุงเทพฯ..จะเป็นฉันใด..

..เหตุการครั้งนั้น..มิมีวันลืม.. ขอบคุณนายกน่ะครับ..ส.ยกน้ิวให้

รักเมืองไทย

ไอ้พวกที่ใส่เสื้อแดงแล้วไปเผาบ้านเผาเมือง  มันเป็นแดงเทียมครับ........

puiey

อยากให้นายกอภิสิทธิ์อยู่ต่อครับ แก้ปัญหาของแพงให้ได้ ปัญหายาเสพติดให้ได้ ชาวบ้านจะได้ชื่นชมยกย่องบ้างนะครับ
โกธรกับแฟน ขึ้นสเตตัส "โสด" ถ้าวันนึง แม่มึงโกธร มึงไม่ขึ้นสเตตัส "กำพร้า" เลยเหรอ

ปชปหัวก้าวหน้า

เอกสารลับ ยุทธการกระชับวงล้อม 14-19 พ.ค.53 ( ตอน 1) "มาร์ค"สั่งกระชับวงล้อมเพื่อ"ยุติ"ไม่ใช่"เจรจา"

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1308932303&grpid=&catid=02&subcatid=0202

กองทัพบกได้มีเอกสารเป็นทางการเรื่องการสลายการชุมนุมเ ผยแพร่ในวารสารเสนาธิปัตย์ของกองทัพบกเอง

http://thaienews.blogspot.com/2011/06/blog-post_466.html

ล ลิง

เค้าเจรจาโชว์ ออกทีวีตั้งนานแล้ว
14-19 พค. เป็นช่วงปฏิบัติการแล้ว เลยช่วงเจรจาไปตั้งนานแล้ว
ผมว่ามันหมดเวลาเจรจาตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย 2553 แล้วครับ !!!


ปชปหัวก้าวหน้า

รายงานข่าวเชิงสืบสวน:หลักฐานทั้งหมดและรายงานคอป.ชี้ชัดไม่มีชายชุดดำ มีแต่ชายใจดำสังหาร92ศพ

โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
29 มิถุนายน 2554

1.เป็นที่ทราบกันดีว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่เคยยอมรับแม้สักครั้งเดียวว่า ทหารภายใต้คำสั่งศอฉ.ที่เขารับผิดชอบสูงสุดเป็นผู้สังหารผู้ชุมนุมในเหตุการณ์ 10 เมษายน -19 พฤษภาคม (ดูจากบันทึกเฟซบุ๊คทั้ง 8 ฉบับของเขา และคำปราศรัยที่ราชประสงค์ 23 มิถุนายน 2554)และได้โยนให้ชายชุดดำเป็นผู้รับผิดชอบต่อการสังหาร แต่ก็ไม่เคยปรากฎความคืบหน้าว่ามีการดำเนินคดีต่อชายชุดดำ

2.เอ่ยปากครั้งแรก"เสียใจ"แต่ไร้คำขอโทษ โยนให้เหยื่อสังหารโดนลูกหลง

ต่อมาเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน นางคำจันทร์ แสงจันทร์ ชาวบ้าน อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ แม่ของเหยื่อ 1 ใน 92 ศพ ร่ำไห้เข้าสอบถามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ระหว่างไปหาเสียงใกล้บ้าน ว่าใครกันแน่ฆ่าลูกชาย ? โดยที่นายอภิสิทธิ์เอ่ยคำว่า"เสียใจ"เป็นครั้งแรกต่อเหยื่อสังหาร แต่ยังไม่ยอมแสดงความรับผิดชอบ โดยอ้างว่าคงตายเพราะโดนลูกหลง

หนังสือพิมพ์ ข่าวสดรายงานคำพูดของนายอภิสิทธิ์ที่พูดกับแม่ของเหยื่อสังหารว่า

"ความจริงผมได้อ่านรายงานอยู่ แต่ไม่มีโอกาสได้มาพบ ใจของผมจริงๆ อยากมาพบ แต่ส่วนใหญ่จะมีปัญหา เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงเขาก็ไม่อยากให้พบ เพราะเขามีปัญหากับผม มาวันนี้ก็ขอแสดงความเสียใจ ยืนยันได้ว่าสำหรับผมและรัฐบาล มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำ ให้คนไทยด้วยกันต้องมาเสียชีวิต เท่าที่ฟังผู้ตายน่าจะโดนลูกหลงมากกว่า เพราะอาศัยอยู่ที่บ่อนไก่ ผมจะติดตามและเร่งรัด แต่จะให้ผมไปยุ่งกับการสอบมากไม่ได้ เพราะเดี๋ยวก็จะมากล่าว หาผมว่าไปสั่งอีกก็จะทำให้มันยาก แต่รับปากว่าจะตามเรื่องให้ เพราะเรื่องนี้ต้องค้นหาความจริงต่อเนื่องต่อไป" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

3.รายงานจากคอป.ซึ่งอภิสิทธิ์เป็นคนตั้งระบุอย่างน้อย13ศพฝีมือเจ้าหน้าที่ ไม่มีตอนไหนเอ่ยว่าเป็นฝีมือชายชุดดำ

รายงานอะไร? ที่นายอภิสิทธิ์กล่าวว่าเขาได้อ่านอยู่

คงจะเป็นรายงานของ คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาข้อความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.)ที่ศ.คณิต ณ นคร เป็นประธาน และคอป.นี้นายอภิสิทธิ์แต่งตั้งมากับมือ ได้ส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 20 เมษายน 2554 รายงานความคืบหน้าของการสอบสวน

ปชปหัวก้าวหน้า

รายงานฉบับนี้(อ่านรายละเอียดหนังสือที่คอป.ส่งถึงนายกฯอภิสิทธิ์และรายละเอียดผลการสอบสวนที่ลิ้งค์ http://www.thaitruthcommission.org/thaitruth/Pages/result.aspx)

สาระสำคัญคือ คอป.รายงานเอกสารชุดนี้มีความยาว 134 หน้า ที่สำคัญคือหัวข้อที่3.4.4 ในหน้า 14 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่ตรวจพบเบื้องต้นในขณะนี้คือ

    (๑) มียอดผู้เสียชีวิตรวม ๙๒ ราย๑๓ โดยเสียชีวิตในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ๘๙ ราย เสียชีวิตที่จังหวัดอุดรธานี ๒ ราย และเสียชีวิตที่จังหวัดขอนแก่นอีก ๑ ราย

    (๒) จากการตรวจสอบจนถึงขณะทำรายงานนี้พบว่าอย่างน้อย ๑๓ ราย เกิดจาก การกระทำของเจ้าหน้าที่ฝ่ายรัฐ ซึ่งข้อนี้ตรงกับการสืบสวนสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ


ในเอกสารของคอป.ที่นายอภิสิทธิ์เป็นคนตั้ง และสรุปเสนอต่อนายอภิสิทธิ์เมื่อ 20 เมษายน 2554 ไม่มีตอนใดเลยกล่าวถึงชายชุดดำว่าเป็นผู้สังหารเหยื่อ10เมษายน-19พฤษภาคม 2553

4.เอกสารทหาร2ฉบับมัดมาร์คแน่น โฆษณาชวนเชื่อขอใบอนุญาตฆ่า91ศพ รบเต็มอัตรากระสุนจริง-Sniper

นอกจากรายงานของคณะกรรมการที่อิสระเป็นกลาง(แต่นายอภิสิทธิ์เป็นคนตั้ง)อย่างคอป.แล้ว ลองอ่านเอกสาร 2 ฉบับของฝ่ายทหาร ก็จะแจ่มชัดขึ้น


เอกสารฉบับที่ 1 การปฏิบัติการข่าวสารโฆษณาชวนเชื่อเพื่อออกใบอนุญาตฆ่า

พ.อ.บุญรอด ศรีสมบัติ จากสถาบันวิชาการทหารบกชั้นสูง เขียนเปิดเผยปฏิบัติการข่าวสารของทหาร(IO)ช่วงนปช.ชุมนุม มี.ค.-พ.ค.2553 ว่า มีปฏิบัติการสำคัญคือ มุ่งทำให้ทีวีเสื้อแดงจอมืด ปิดเวบไซต์-วิทยุชุมชน เพิ่มความน่าสะพรึงกลัวชายชุดดำแฝงในที่ชุมนุม สร้างผังล้มเจ้าเชื่อมโยงผู้ชุมนุม ตัดต่อคลิปแกนนำมาเรียงภาพใหม่ว่าชี้นำให้เผาบ้านเผาเมือง ชี้ให้สังคมเห็นว่า สถานการณ์สุกงอมที่ต้องจัดการด้วยมาตรการขั้นเด็ดขาด สุดท้ายคือหาอาวุธมาแสดงว่ายึดได้จากผู้ชุมนุม และชี้ว่าทหารไม่มีการสังหารประชาชน

ผลสำเร็จคือประชาชนและสังคมสนับสนุนรัฐบาลให้ดำเนินมาตรการเฉียบขาดในการจัดการต่อผู้ชุมนุมในที่สุด หลังการดำเนินการยังมีมีสาวๆกรี๊ดกร๊าดพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ตามเฟซบุ๊คว่าเป็น"ผู้ก่อการรัก"
โดยมีการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารเสนาธิปัตย์ ปีที่ ๖๐ ฉบับที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๕๔ ( คลิ้กลิ้งค์เพื่ออ่านรายละเอียดต้นฉบับที่สมบูรณ์ http://www.cdsd-rta.net/images/stories/valasan/valasan%20y60%20b1%202554/AW-SP-69-81.pdf )

เอกสารฉบับที่ 2 ยุทธการกระชับวงล้อม 14-19 พ.ค.53 "มาร์ค"สั่งกระชับวงล้อมเพื่อ"ยุติ"ไม่ใช่"เจรจา" ยอมรับใช้กระสุนจริง และพลซุ่มยิงสไนเปอร์ รบเต็มอัตราศึก

บทความชิ้นนี้ตีพิมพ์ในวารสารเสนาธิปัตย์ กรมยุทธศึกษาทหารบก ปีที่ 59 ฉบับที่ 3 กันยายน-ธันวาคม 2553 เป็นบทความที่เขียนขึ้นเพื่อประกอบการจัดทำ"เอกสารแนวทางในการปฏิบัติทางทหาร: กรณีศึกษาการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในเมือง" จากความริเริ่มของพล.ท.สิงห์ศึก สิงห์ไพร เพื่อกำหนดบทบาทของกองทัพบกในการแก้ปัญหาการก่อความไม่สงบในเมืองรูปแบบใหม่
วารสารเสนาธิปัตย์ ฉบับที่ตีพิมพ์เรื่องนี้ ท่านสามารถอ่านบทความต้นฉบับนี้ได้ที่ลิ้งค์ http://www.cdsd-rta.net/images/stories/valasan/valasan%20y59%20b3%20year2553/lesson7.pdf

โดยมีใจความสำคัญระบุตอนหนึ่งว่า

    นโยบายรัฐบาลชัดเจนมาตลอดที่จะใช้มาตรการทางทหารกดดันม็อบกลุ่ม นปช. ความชัดเจนก็คือนโยบายกระชับวงล้อม เพื่อการยุติ การชุมนุมไม่ใช้การกระชับวงล้อมเพื่อเปิดการเจรจา ..และนายกรัฐมนตรีได้สั่งการในที่ประชุม ศอฉ.ในวันที่ 12 พฤษภาคม ให้ฝ่ายทหารเริ่มต้นปฏิบัติการตามแผนยุทธการที่ได้วางไว้

    ยุทธการกระชับวงล้อมเมื่อ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2553 เป็นการปฏิบัติทางทหารเต็มรูปแบบ จึงเห็นได้ว่าภารกิจชัดเจน คือการกระชับวงล้อมด้วยกระสุนจริง จากกำลังหน่วยรบหลักของเหล่าทหารราบ เหล่าทหารม้า และหน่วยส่งกำลังทางอากาศ อย่างเช่น ร.31 รอ.ในภารกิจปฏิบัติการพิเศษ อาจเรียกได้ว่าเป็นการรบในเมืองที่ใช้อาวุธยุทธโธปกรณ์ทางทหารเต็มอัตราศึก ทั้งกำลัง อาวุธประจำกายที่ทันสมัย ชุดสไนปอร์ หน่วยยานเกราะ ซึ่งการปรับกำลังและการเปลี่ยนแปลงทางยุทธวิธีที่สำคัญครั้งนี้ก็เป็นผลสะท้อนจากบทเรียนเมื่อ 10 เมษายน พ.ศ.2553 นั่นเอง

    ควรมีการศึกษาค้นหาตัวแบบที่เหมาะสมในการกำหนดพื้นที่ที่ใช้กระสุนจริง เพราะปัจจุบันยังไม่ทราบว่ามีประเทศใดในระดับนานาชาติที่ได้นำมาปฏิบัติในการสลายการชุมนุมที่ได้รับการยอมรับ

**********
พึงระลึกว่า หลังจากนายกรัฐมนตรีได้สั่งการในที่ประชุม ศอฉ.ในวันที่ 12 พฤษภาคม ให้ฝ่ายทหารเริ่มต้นปฏิบัติการตามแผนยุทธการที่ได้วางไว้ วันรุ่งขึ้นเกิดเหตุการณ์สไนเปอร์สังหารเสธ.แดง และการสังหารที่ชุมชนบ่อนไก่ และขยายวงลุกลามมาจบที่ 19 พฤษภาคม 2553

คนผ่านมา


ใครเผา ใครยิง

ก็มันเผาบ้านเผาเมืองจนวอดวายไม่เห็นมีใครออกมารับผิดชอบ  พอมันเสือกโดนยิงตายกลับมีคนออกมาโวยวาย  ก็เจ้าหน้าที่ห้ามกับปากแล้วว่าอย่าเผาบ้านเผาเมือง  มันไม่เชื่อ  เลยต้องพูดกับปากกระบอกปืน  สมน้ำหน้ามัน

ปชปหัวก้าวหน้า

ไก่อูโชว์โง่สารภาพเอกสารสั่งฆ่าเสื้อแดงของแท้ แถใครเผยความจริงน่าละอาย มาร์คชิ่ง

http://image.ohozaa.com//i/7ba/ZQu8B.jpg
http://image.ohozaa.com/i/926/hQxXp.JPG

"สรรเสริญ"ยอมรับเอกสารลับศอฉ.รั่ว อายมีคนเผยแพร่แต่ไม่อายที่ฆ่าผู้ชุมนุม

พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึง
กรณีที่มีการนำเอกสารลับของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)
ที่มีคำสั่งนรม.10 เม.ย. 53 ให้ขอคืนพื้นที่กลุ่มชุมนุมคนเสื้อแดง
บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ มาเผยแพร่ทางเวปไซต์และในสื่อหนังสือพิมพ์บางฉบับ ว่า
ต้องถามคนที่นำออกมาเปิดเผยว่ามีเจตนาอะไรกันแน่
แต่อย่างไรก็ตามยอมรับว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารของศอฉ.จริง

หากอ่านเนื้อหาในเอกสารดังกล่าวจะพบว่า
มีเนื้อหาเดียวกับที่ได้แถลงการณ์ต่อสาธารณะแสดงให้เห็นว่า
เจ้าหน้าที่ศอฉ.ทุกนายทำตามขั้นตอนและกรอบของกฎหมาย รวมทั้งรายละเอียดข้อปฏิบัติ
ก็เป็นไปตามระเบียบข้อกฎหมายหลักสากลในการสลายกลุ่มผู้ชุมนุม

"อย่างไรก็ตามยันยันว่าสิ่งที่ศอฉ.ดำเนินการนั้นได้คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน
ที่อาจจะถูกทำร้ายจากลุ่มคนชุดดำที่แฝงตัวปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม
ความจริงแล้วเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายมีเกียรติมีศักดิ์ศรี
ถ้ามีคนหนึ่งคนใดนำเอาเอกสารความลับทางราชการออกมาเปิดเผยและตัวท่าน
ก็เป็นคนหนึ่งที่อยู่ในองค์กร ไม่รู้สึกละลายใจบางเลยหรือ
มีความจงรักภักดีต่อหน่วยงานของตนเองอยู่หรือไม่" พ.อ.สรรเสริญ กล่าว

อภิสิทธิ์หนูไม่รู้ชิ่งให้เทือกรับเต็มๆ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ทราบ
เพราะเป็นเรื่องของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กำกับดูแล ศอฉ.อยู่
และไม่มีการส่งเรื่องมาให้ดู จึงไม่รู้ว่าเป็นเอกสารอะไร ควรนำเอกสารนี้ไปให้นายสุเทพ เผื่อจะรู้

ทั้งนี้แม้ในเอกสารจะเปิดเผยว่านายอภิสิทธิ์ในฐานะเป็นนรม.เป็นผู้สั่งการก็ตาม

ก่อนหน้านี้ในการปราศรัยทิ้งทวนที่ราชประสงค์ก่อนเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม
นายสุเทพกล่างวตอนหนึ่งว่า หากพรรคเพื่อไทยชนะได้ตั้งรัฐบาล
หากจะเช็กบิลให้มาเล่นงานตน นายอภิสิทธิ์ไม่เกี่ยวข้อง


เทือกรับเป็นคนสั่ง เฉไฉรัฐบาลใหม่ใช้เป็นเหตุตามเช็กบิล

http://www.youtube.com/watch?v=_RHfms_yGFQ&feature=player_embedded

http://image.ohozaa.com/i/b13/aD83x.jpg

วันนี้ (7 ส.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ผอ.ศอฉ.ได้แถลงข่าว
ชี้แจงกรณีที่มีหนังสือพิมพ์บางฉบับได้มีการเปิดเผยเอกสารลับว่า
ศอฉ.สั่งการให้เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธปฏิบัติการต่อผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง
ระหว่างวันที่ 10-13 เม.ย.53 ว่า ตนไม่สามารถคาดเดาเจตนารมณ์ที่แท้จริงของผู้รายงานข่าวนี้
แต่เห็นว่าอาจทำให้ประชาชนเข้าใจความจริงในเรื่องนี้คลาดเคลื่อนและเข้าใจผิดต่อผู้สั่งการ
และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการได้ ตนจึงต้องการชี้แจงว่า

1.เอกสารคำสั่งการได้ตัดวันที่ที่สั่งการออกไปไม่นำมาแสดงไว้
แต่เขียนคำบรรยายว่าสั่งการในเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน 53 โดยเน้นว่า
เป็นคำสั่งอนุญาตใช้ปืนในเหตุการณ์คืนพื้นที่ 10 เมษาฯ พร้อมกับ ขีดเส้นใต้สีแดง
โดยเน้นข้อความในคำสั่งให้ใช้อาวุธทำการยิงเมื่อปรากฏภัยคุกคาม
หรือกลุ่มติดอาวุธให้ใช้อาวุธต่อเป้าหมายตามข้อ 2.1 ในระยะ 30-50 เมตร
และให้เล็งส่วนล่างของร่างกายตั้งแต่เข่าลงมา
หากผู้อ่านมีเวลาอ่านเฉพาะส่วนที่พาดหัวข่าว ที่เน้นขีดเส้นใต้สีแดงไว้
จะเข้าใจเอาได้ว่าในวันที่ 10 เมษายน 53 ทาง ศอฉ.ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ใช้ปืนยิงประชาชน

นายสุเทพกล่าวว่า คำสั่งปฏิบัติการที่นำมาลงแสดงในหนังสือพิมพ์ฉบับนี้
เป็นคำสั่งที่ลงวันที่ 13 เมษายน 2553 สั่งการหลังเกิดเหตุ
กรณีคนชุดดำนำอาวุธสงครามมาฆ่าเจ้าหน้าที่ และประชาชน เมื่อ 10 เมษายน 53
เป็นคำสั่งที่ออกมาภายหลังเหตุการณ์ร้ายแรงครั้งนั้น ถึง 3 วัน
ซึ่งเหตุที่ ศอฉ.ต้องสั่งการเช่นนี้เพราะเหตุการณ์ในวันที่ 10 เม.ย.มีคนชุดดำ
แฝงตัวปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดง
นำอาวุธสงครามร้ายแรงชนิดต่างๆ มายิงใส่เจ้าหน้าที่ และประชาชน
ทำให้มีผู้เสียชีวิต 26 คน บาดเจ็บประมาณ 800 คน ถือเป็นความสูญเสียที่รุนแรง
ศอฉ.จำเป็นต้องระงับยับยั้งป้องกันไม่ให้เหตุเกิดขึ้นอีก
แต่ปรากฏว่าหลังจากวันที่ 10 เม.ย.เหตุการณ์รุนแรงยังไม่ยุติ
คนชุดดำถืออาวุธร้ายแรงยังปะปนแฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม
ทำการก่อเหตุร้ายต่อเนื่องแทบทุกวัน ศอฉ.จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ใช้ "ปืนลูกซอง"
ซึ่งเป็นอาวุธที่ไม่ร้ายแรง สามารถควบคุมการยิงได้เพื่อป้องกันตัวเจ้าหน้าที่เอง
และประชาชนผู้บริสุทธิ์ ให้รอดพ้นจากภัยการคุกคามของคนชุดดำที่ติดอาวุธ

อีกทั้งในคำสั่งยังระบุเรื่องการควบคุมวิถีกระสุนควบคุมความเสียหายที่จะเกิดขึ้น
โดยให้ดำเนินการโดยไม่มุ่งประสงค์ต่อชีวิตของเป้าหมาย
เพื่อระงับ ยับยั้งคนร้ายที่ถืออาวุธคุกคาม ชีวิตเจ้าหน้าที่และประชาชน
ต้องการเพียงเพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์เท่านั้น
จึงมีคำสั่งชัดเจนว่า ในการใช้อาวุธให้เล็งยิงส่วนล่างของร่างกายตั้งแต่เข่าลงมา

"ขอย้ำว่า สำเนาคำสั่งที่พาดหัวหน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น
เป็นคำสั่งการในวันที่ 13 เม.ย. ไม่ใช่ 10 เม.ย.อย่างที่เขาพยายามจะให้ผู้อ่านเข้าใจผิด
และการสั่งการอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธ "ปืนลูกซอง" มุ่งหมาย
เพื่อควบคุมความสูญเสีย ไม่ต้องการให้เสียหายร้ายแรง"

นอกจากนี้ยังมีการนำสำเนาคำสั่งวันที่ 10 และ 13 เม.ย.มาลงแสดงไว้
แต่ได้มีการขีดเส้นใต้เฉพาะข้อความบางส่วน
เพื่อให้คนอ่านเข้าใจผิดในทำนองว่า ศอฉ.ตั้งใจสั่งการให้เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธ
นอกจากนั้นยังอาจทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดได้ว่าเป็นคำสั่งการในเหตุการณ์เดียวกัน
ทั้งที่ความจริง ศอฉ.ได้สั่งการห้ามเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธโดยเด็ดขาด
ให้ใช้เฉพาะอุปกรณ์ควบคุมฝูงชน คือ
โล่ กระบอง รถฉีดน้ำ แก๊สน้ำตา และปืนลูกซองที่ใช้กระสุนยาง
ทั้งนี้ ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนการควบคุมฝูงชนที่เป็นสากลอย่างเคร่งครัด

แต่ปรากฏว่า ในวันที่ 9 เมษายน 53 กลุ่มผู้ชุมนุมนับหมื่นคน
ได้บุกโจมตีเจ้าหน้าที่ที่รักษาการณ์อยู่ที่สถานีดาวเทียมไทยคม ลาดหลุมแก้ว
ใช้ก้อนหิน ไม้ มีด เป็นอาวุธทำร้าย เจ้าหน้าที่บาดเจ็บนับร้อยคน
และได้ยึดอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ไปเป็นจำนวนมาก
การที่มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์ที่สถานีไทยคม เมื่อ 9 เม.ย.53
และอาวุธประจำกายถูกฝ่ายผู้ชุมนุมยึดไปหลายร้อยรายการ
ก่อให้เกิดความกังวลว่าอาจมีการนำอาวุธนั้นมาทำร้ายเจ้าหน้าที่
ศอฉ.จึงมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธได้
แต่ต้องใช้เพื่อการป้องกันตนเองและประชาชนที่เจ้าหน้าที่ให้ความคุ้มครองเท่านั้น

"ในคำสั่งที่อนุญาตให้ใช้อาวุธเพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่และประชาชนนั้น
ได้สั่งการชัดเจนว่าใช้อาวุธได้เฉพาะในกรณีที่มีผู้กระทำผิดซึ่งหน้า
และใช้อาวุธเพื่อป้องกันตนเอง และประชาชน เท่านั้น
และระบุชัดเจน ใช้อาวุธเฉพาะเพื่อป้องกันอันตรายที่ใกล้จะถึงตัวเป็นอันตราย ต่อชีวิตเจ้าหน้าที่
และ ประชาชนที่สำคัญ ได้สั่งการชัดเจนว่า "หากจำเป็นต้องใช้อาวุธ ต้องใช้ตามลำดับขั้นที่กำหนดไว้"

นายสุเทพยืนยันว่า ศอฉ.ปฏิบัติหน้าที่
เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ปกป้องชีวิตของเจ้าหน้าที่
และประชาชนให้รอดพ้นจากภัยคุกคามจากผู้ก่อเหตุร้าย
การสั่งการต่างๆ ของ ศอฉ.เป็นไปเพื่อเป้าหมายในการแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง
มุ่งหมายรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ไม่มีเจตนาร้ายต่อประชาชน
ศอฉ.ได้กำหนดมาตรการในการระงับ ยับยั้งเหตุร้ายต่างๆ
โดยพยายามให้มีความเสียหายน้อยที่สุด
และเมื่อเหตุการณ์ร้ายนั้นผ่านพ้นไปเป็นเวลาปีเศษแล้ว รัฐบาลชุดที่แล้ว
ได้ตั้งคณะกรรมการที่เป็นคนกลางทำการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมด
เพื่อรายงานต่อประชาชนต่อไป

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีรัฐบาลใหม่ที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดเชื่อมโยงกับบรรดาผู้ก่อเหตุ
และผู้ต้องหาก่อการร้ายหลายคนก็ได้เป็น ส.ส.ในสังกัดพรรครัฐบาล
ผู้ต้องหาก่อการร้ายบางคนอาจได้เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้
รัฐบาลเป็นผู้กุมอำนาจรัฐจะสั่งการให้สอบสวนดำเนินคดีต่อตน
ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบสั่งการในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองในเหตุการณ์ที่ผ่านมา
ซึ่งตนพร้อมที่จะพิสูจน์ข้อเท็จจริงตามกระบวนการยุติธรรมทุกข้อหา

เปิดรายละเอียดเอกสารลับ แง้มไต๋ยังมีทีเด็ดอีกหลายชุดตามมา

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา
มีผู้อ้างตนว่าเป็น"คณะกรรมการทหารตำรวจประชาธิปไตย ๒๕๕๔"
ได้เปิดเผยเอกสารทางราชการฉบับหนึ่ง โดยแจ้งว่า
เพื่อความจำเป็นต้องหยุดยั้งมิให้ผู้ทรงอำนาจทางทหารในปัจุบัน
กระทำการสร้างมูลเหตุคดีจากการเลือกตั้งอันนำไปสู่การยุบพรรคเพื่อไทยโดยเร็วไวที่สุด
ซึ่งเป็นการทำลายชาติและกองทัพได้อีกต่อไป
จึงขอส่งมอบหลักฐานเอกสารการสั่งการในการสังหารประชาชน
เมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๕๓ ให้กับประชาชนทั้งประเทศ
เพื่อดำเนินการตามกฏหมาย กับผู้ทรงอำนาจทางทหารดังนี้

๑.วิทยุด่วนภายใน ๑๐ เมษายน ๒๕๕๓ (ลับมาก) คำสั่งศอฉ. กห.๐๔๐๗.๔๕/๔๒
ลงนามโดย รอง นรม.(รองนายกรัฐมนตรี) ตามเอกสารที่แสดงให้ดู
ในเอกสารชุดที่ ๑ จำนวน ๒ หน้า และเอกสารชุดที่ ๒ จำนวน ๑ หน้า
เป็นวิทยุด่วนมากใน ๑๓ เมษายน ๒๕๕๓ ลงนามโดย ผบ.ทบ.ดังนี้

เอกสารชุดที่ ๑ และ ๒ ขยายความตามที่ทหารได้รับคำสั่งดังนี้

๑.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นผู้สั่งการให้ศอฉ.
ใช้กำลังทหารที่มีอาวุธเข้าผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุม
ใน ๑๐ เมษายน ๒๕๕๓ ตั้งแต่ ๑๓.๓๐น.
โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณรองนายกรัฐมนตรี เป็นคนลงนามในคำสั่ง
และมีพล.ท.อักษรา เกิดผล ผช.เสธ.ฝยก.
พล.ท.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รอง.เสธ.ฝยก. และ
พล.อ.พิรุณ แพ้วพลสง เสธ.ทบ. และ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.และ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมต.กห. เป็นผู้ลงนาม
ตรวจร่างในคำสั่งดังกล่าว โดยมีความสำคัญของเนื้อหาดังนี้

๑.๑อนุญาตให้ทหารใช้อาวุธได้และใช้ยานเกราะรถ รสพ. (รถสายพานลำเลียงพล) ในการปฏิบัติการ
๑.๒ใช้แก๊สน้ำตาแบบวิตถาร คือ โปรยจากเฮลิคอปเตอร์
๑.๓ไม่มีมาตรการจากเบาไปหาหนัก เพียงแต่แจ้งว่า แจ้งเตือนด้วยวาจาแล้วยิงปืนได้เลย
๑.๔มีชายชุดดำเกิดขึ้นในระหว่างปฏิบัติการ
๑.๕มีพลซุ่มยิง ซึ่งยิงจากตึกสูงในพื้นที่ปฏิบัติการ (ซึ่งมีการสั่งการ แยกการจากคำสั่งฉบับนี้)

๒.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ได้สั่งการในวันที่ ๑๓ เมษายน ๒๕๕๓
ซึ่งมีผลสืบเนื่องมาจนถึง ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓ โดยการสั่งการครั้งนั้น ผลที่เกิดขึ้นคือ

๒.๑ทำให้ทหารเข้าใจว่ามีผู้ก่อการร้ายในกลุ่มผู้ชุมนุม
๒.๒อนุมัติให้ทหารใช้กระสุนจริงยิงต่อเป้าหมายได้
แม้จะสั่งว่าให้ยิงในระยะ ๓๐-๕๐ เมตร โดยทำการยิงต่ำกว่าระดับหัวเข่าลงมา

๓.ผลที่เกิดขึ้น

๓.๑มีผู้เสียชีวิตทั้งทหารและผู้ชุมนุมและสื่อมวลชนต่างประเทศ
๓.๒มีเหตุการณ์ทั้งภาพและเสียง มีทหารใช้กระสุนจริง
๓.๓มีพลซุ่มยิงซึ่งเป็นพลซุ่มยิงของทหาร
๓.๔หลังการปฏิบัติการมีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้น แต่ปรากฏว่าไม่มีผู้เสียชีวิตคน
ใดแต่งกายชุดดำและมีอาวุธติดตัวอยู่ในขณะที่เสียชีวิต

๔.การวิเคราะห์

๔.๑สมมติฐาน เหตุใดพลซุ่มยิงถึงยิงผู้ชุมนุมที่ศีรษะได้อย่างแม่นยำจนเสียชีวิต
และเหตุใดทหารและพลซุ่มยิงถึงไม่ยิงชายชุดดำ

๔.๒คำตอบจากข้อ ๓.๑ คือ
มีการสั่งการลับให้มีชุดปฏิบัติการพิเศษของนปพ.ทบ.
แต่งกายเป็นชายชุดดำเข้าสร้างสถานการณ์
(และถูกสวมรอยโดยชายชุดดำของพล.ต.ไพบูลย์ คุ้มฉายา
ซึ่งจัดกำลังจาก ฉก.นราธิวาส ตามแถลงการณ์ฉบับที่๒)

๔.๓นายกรัฐมนตรี , รองนายกรัฐมนตรีและผบ.ทบ.
แม้จะปฏิบัติภายใต้อำนาจ พรบ.ความมั่นคงและภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินก็ตาม
บุคคลดังกล่าวทั้ง ๓ ย่อมอยู่ภายใต้กฏหมายรัฐธรรมนูญอันเป็นกฏหมายอันสูงสุด
สั่งให้ทหารใช้กระสุนจริงยิงเข้าไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมจน
ทำให้ผู้ชุมนุมเสียชีวิตและสภาพศพถูกกระสุนที่ศีรษะและหน้าอกเป็นส่วนใหญ่
และไม่ปรากฏว่ามีชายชุดดำเสียชีวิตและพบอาวุธติดตัวผู้ตายแต่อย่างใด
แม้ว่าหากมีผู้ก่อการร้ายจริง ถามว่า บุคคลทั้ง ๓ ตัดสินด้วยการให้ยิงได้เลยหรือ?
และกลุ่มคนต่างๆเหล่านั้นเป็นคนไทยมิใช่หรือ?
สั่งให้เค้าตายอย่างนั้นได้อย่างไร มีอำนาจมากขนาดนั้นหรือ?

๔.๔ไม่ปรากฏการสั่งการหรือการปฏิบัติของ ศอฉ.
โดยนายกรัฐมนตรี , รองนายกรัฐมนตรีหรือ ผบ.ทบ.
ที่สั่งการทหารใช้น้ำฉีด ใช้แก๊สน้ำตา ตามหลักสากลที่นานาชาติใช้ดำเนินการต่อผู้ชุมนุม
แต่มีการใช้แก๊สน้ำตา โปรยจากเฮลิคอปเตอร์ซึ่งมีที่เดียวในโลก

๔.๕เอกสารชุดที่ ๑ (เหตุการณ์ในห้วง ๑๐ เมษายน ๒๕๕๓) จำนวน ๓ แผ่นนี้ คือ
หลักฐานที่ยืนยันว่า
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาและคณะกรรมการศอฉ.
ต้องรับผิดชอบต่อผู้เสียชีวิตทั้ง ๙๑ ศพและผู้บาดเจ็บอีกกว่า ๒,๐๐๐ นาย
และต้องยอมรับผิดต้องขอโทษต่อประชาชน
และตกเป็นผู้ต้องหาในการสั่งการให้สังหารประชาชน

ซึ่งแน่นอนว่าหากไม่ดำเนินการดังกล่าว
คณะกรรมการทหารตำรวจประชาธิปไตย ๒๕๕๔ จะนำเอกสารชุดที่ ๒ ชุดที่ ๓
ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงของการสั่งการเหตุการณ์
ในห้วง ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓ มาเสนอต่อประชาชนต่อไป


******
เรื่องเกี่ยวเนื่อง

-เอกสารทหาร2ฉบับมัดมาร์คแน่น โฆษณาชวนเชื่อขอใบอนุญาตฆ่า91ศพ รบเต็มอัตรากระสุนจริง-Sniper
http://thaienews.blogspot.com/2011/06/2-91-sniper.html

-รายงานข่าวเชิงสืบสวน:เปิดเอกสารลับทหาร+รายงานคอป.ชี้ชัดไม่มีชายชุดดำ มีแต่ชายใจดำสังหาร92ศพ
http://thaienews.blogspot.com/2011/08/รายงานข่าวเชิงสืบสวน:เปิดเอกสาร+รายงานคอป.ชี้ชัดไม่มีชายชุดดำ%20มีแต่ชายใจดำสังหาร92ศพ

http://thaienews.blogspot.com/2011/08/blog-post_6755.html

ซัมเบ้ Note 7 Jr.

ทุกวันนี้ ไม่ว่านักการเมืองจะสังกัดไหนๆ ก็มักพูดดีใส่ตัว ปกป้องตัวเองทั้งนั้น ประชาชนก็รู้ทัน
แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้  ปัญหาก็เลยวนเวียนไปเรื่อยๆ ทางออกของปัญหาน่ะมี แต่พวกนั้นเขามักทำอะไรตามใจเป็นหลัก เล่นพรรคเล่นพวก เล่นโน่นเล่นนี่  สังกัดนี้บอกอย่างน้ แล้วบอกสังกัดโน้นโกหก บิดเบือน นี่แหล่ะเป็นแบบนี้ทุกยุคทุกสมัย ..... น่าเบื่อครับ
ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป

ปชปหัวก้าวหน้า

ใบอนุญาตฆ่า

บรรดานายทหารรุ่นใหญ่ ที่ผ่านเหตุการณ์นองเลือดในบ้านเมืองมาก่อน เขาได้เรียนรู้บทเรียนจากผู้นำกองทัพรุ่นพี่ๆ จนรู้ดีว่า จะต้องปฏิบัติอย่างไรในเหตุการณ์ 10 เมษายน-19 พฤษภาคม 2553

*เป็นที่รู้กันทั่วว่า ผู้นำทหารพยายามปฏิเสธการใช้กองกำลังติดอาวุธเข้าไปเผชิญหน้ากับม็อบ*

แต่เด็กน้อยผู้เหิมเกริมกับอำนาจ ไม่เคยผ่านเหตุการณ์ประวัติศาสตร์บ้านเมืองจริงๆ

จึงไม่ตระหนักว่าสุดท้ายจุดจบของผู้นำมือเปื้อนเลือดนั้นเป็นเช่นไร

น่าสนใจเอกสารลับคำสั่งในศอฉ. ที่มือดีนำมาเผยแพร่ว่อนไปทั่วอินเตอร์เน็ตขณะนี้

แม้จะยังไม่มีใครยืนยันว่าเป็นเอกสารจริงหรือปลอม

แต่พิจารณาได้ไม่ยาก ว่ามีน้ำหนักมากน้อยแค่ไหน!

ที่สำคัญสอดรับกับกระบวนการของฝ่ายทหาร ซึ่งนอกจากจะไม่ปรารถนาการใช้อาวุธจริงในการปราบม็อบแล้ว

ยังรู้ดีว่า ปลายทางสุดท้ายจะเป็นเช่นไร

*ดังนั้น จึงมีการเรียกร้องในศอฉ.ก่อนจะมีปฏิบัติการใช้อาวุธจริงว่า ขอให้มีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรมาก่อน!!*

ถึงนาทีนั้น คนกำลังเหิมเกริมในอำนาจ หน้ามืดตามัว จนไม่กลัวอะไรอีกแล้ว

จึงปรากฏมีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรให้!

ฝ่ายปฏิบัติการถือว่า เมื่อได้รับ"ใบอนุญาต"แล้ว จึงลงมือให้ตามใบสั่ง

โดยมั่นใจว่า เอกสารเหล่านี้แหละ พอจะคุ้มครองผู้ปฏิบัติได้ หากวันหนึ่งต้องขึ้นศาล

จนเมื่ออำนาจการเมืองเปลี่ยนแปลง เข้าสู่ยุคพรรคเพื่อไทย

**พรรคที่ได้ชัยชนะเลือกตั้ง เพราะคนเสื้อแดงแห่กันไปลงคะแนน หวังให้เปลี่ยนรัฐบาล เพื่อความเป็นธรรมในคดี 91 ศพ**

วันนี้มีคณะนายทหารตำรวจประชาธิปไตย 2554 จัดการเผยแพร่เอกสารที่อ้างว่าเป็นคำสั่งดังกล่าวนั้นออกมาแล้วชุดแรก

เชื่อแน่ว่าจะต้องมีคำสั่งลับชุดอื่นๆ ที่น่าตื่นตะลึงยิ่งกว่านี้ตามมาอีก

*เอกสารนี้ทั้งคุ้มครองผู้ปฏิบัติ ทั้งเชื่อมโยงไปถึงผู้สั่งการ ทั้งป้องกันคนปฏิบัติตามคำสั่ง และทั้งชี้เป้าหมายไปยังตัวการที่แท้จริง*

กลุ่มที่เรียกตัวเองว่าทหารตำรวจประชาธิปไตย 2554 จัดให้แล้ว

เป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทย เร่งตรวจสอบเอกสารเหล่านี้ และนำเป็นหลักฐานประกอบคดี

นำคนออกใบอนุญาตขึ้นสู่ศาลโดยเร็ว!

ซัมเบ้ Note 7 Jr.

Licence to Kill  !!!!

ก็เป็นบทพิสูจน์วิจารณญาณของมาร์ค และตาเทือก
ผมไม่แบ่งสีนะ แต่ไม่อยากให้มีเหตุการณ์คนไทยฆ่ากันเองอีก ...
ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป

papan

อ้างจาก: ล ลิง เมื่อ 12:32 น.  28 มิ.ย 54
เค้าเจรจาโชว์ ออกทีวีตั้งนานแล้ว
14-19 พค. เป็นช่วงปฏิบัติการแล้ว เลยช่วงเจรจาไปตั้งนานแล้ว
ผมว่ามันหมดเวลาเจรจาตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย 2553 แล้วครับ !!!

นั่งดูเค้าเจรจาก็รู้แล้วว่าแกนนำแดง ต้องการความรุนแรง เสนออะไรก็ไม่ยอม

ล ลิง

สวัสดี คุณปชปหัวก้าวหน้า ครับ
เล่นเอาใบปลิวเสื้อแดงมาลงซะ..ยาวเหยียดเลยเนาะ !!!

อภิสิทธิ์พูดไว้ชัด "ความจริงบิดเบือนไม่ได้" รู้ไม๊แปลว่าอะไร ?
แปลว่า เค้า(อภิสิทธิ์)เคารพกฏหมาย จ้างให้ก็ไม่กลัว !!!
รีบมาฟ้องตรูเร็ว ๆ หน่อย  5555++

คุณรู้ไม๊อารมณ์ของคนกรุงเทพตอนนั้น(เม.ย-พค.53)รู้สึกยังไงกันบ้าง ???
เค้าโกรธอภิสิทธิ์กันค่อนเมือง !! ว่าไม่ทำอะไรเลย ชักช้าเกินไป !!!
หลายคนในวันนี้ยังสมน้ำหน้าปชป.อยู่เลย สมน้ำหน้าที่ "ปราณีแกนนำ" มากไป
เข้าทำนอง "เอ็นดูเค้า เอ็นเราขาด"  555++
"คนอย่างแม้ว ผิดไม่ได้แพ้ไม่เป็น ผิดไม่เป็นแพ้ไม่ได้" (บัญญัติ บรรทัดฐาน : รายการลงเอยอย่างไร?)

ปชปหัวก้าวหน้า

ผมคิดว่าจะมีเอกสาร ศอฉ. แฉออกมาเรื่อยๆ เพื่อโยนความผิดทั้งหมดไปให้อภิสิทธิ์

ผมคิดว่าตอนนี้กองทัพ หาทางออกเรื่องการสังหารหมู่ประชาชนได้แล้วคือ กองทัพทำตามคำสั่งรัฐบาล ไม่ได้มีเจตนารมย์ที่จะดำเนินการเอง

ดังนั้น ผมเชื่อว่าพวกอำมาตย์ คงหาทางออกได้แล้วเรื่องนี้ คือ โยนความผิดทั้งหมดไปที่นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เพราะมีเอกสารต่างๆ ยืนยันมากมาย ส่วนใครจะแอบสั่งการอย่างไร หรือไม่นั้นไม่มีหลักฐานแต่อย่างใด หากเรียกทหารสอบ ก็เชื่อได้ว่าทหารจะให้การไปในทางเดียวกันว่าทำตามคำสั่งรัฐบาล

ดังนั้น ตอนนี้ อภิสิทธิ+สุเทพ ก็เป็นแพะรับบาปไป

ผมเชื่อว่าจะมีเอกสารขั้นตอนต่างๆ หลุดออกมาอีกมาก เพื่อชี้เป้าหมายไปที่นายอภิสิทธิ์ บวกนายสุเทพฯ

และเชื่อว่าอาจมีการอัดเทปเอาไว้ด้วย และอาจหลุดออกมาอีกแน่

ยังไงเรื่องนี้ก็ไม่มีทางไปถึงพวก ผู้แอบสั่งการแน่นอน

คิดว่ายังไงก็หนีไม่พ้นโทษเพราะกฎหมายเขาก็เขียนไว้แล้วว่า ทำตามคำสั่งได้โดยที่คำสั่งนั้นไม่ผิดกฎหมาย

จะแถว่า กฎหมายให้อำนาจก็ว่ากันไป แต่ฆ่าประชาชนมันต้องมีคนรับผิดชอบ
หนักเบาก็ว่ากันไป

ล ลิง

อ้างจาก: ปชปหัวก้าวหน้า เมื่อ 11:58 น.  09 ส.ค 54
ผมคิดว่าจะมีเอกสาร ศอฉ. แฉออกมาเรื่อยๆ เพื่อโยนความผิดทั้งหมดไปให้อภิสิทธิ์

ผมคิดว่าตอนนี้กองทัพ หาทางออกเรื่องการสังหารหมู่ประชาชนได้แล้วคือ กองทัพทำตามคำสั่งรัฐบาล ไม่ได้มีเจตนารมย์ที่จะดำเนินการเอง

ดังนั้น ผมเชื่อว่าพวกอำมาตย์ คงหาทางออกได้แล้วเรื่องนี้ คือ โยนความผิดทั้งหมดไปที่นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เพราะมีเอกสารต่างๆ ยืนยันมากมาย ส่วนใครจะแอบสั่งการอย่างไร หรือไม่นั้นไม่มีหลักฐานแต่อย่างใด หากเรียกทหารสอบ ก็เชื่อได้ว่าทหารจะให้การไปในทางเดียวกันว่าทำตามคำสั่งรัฐบาล

ดังนั้น ตอนนี้ อภิสิทธิ+สุเทพ ก็เป็นแพะรับบาปไป

ผมเชื่อว่าจะมีเอกสารขั้นตอนต่างๆ หลุดออกมาอีกมาก เพื่อชี้เป้าหมายไปที่นายอภิสิทธิ์ บวกนายสุเทพฯ

และเชื่อว่าอาจมีการอัดเทปเอาไว้ด้วย และอาจหลุดออกมาอีกแน่

ยังไงเรื่องนี้ก็ไม่มีทางไปถึงพวก ผู้แอบสั่งการแน่นอน

คิดว่ายังไงก็หนีไม่พ้นโทษเพราะกฎหมายเขาก็เขียนไว้แล้วว่า ทำตามคำสั่งได้โดยที่คำสั่งนั้นไม่ผิดกฎหมาย

จะแถว่า กฎหมายให้อำนาจก็ว่ากันไป แต่ฆ่าประชาชนมันต้องมีคนรับผิดชอบ
หนักเบาก็ว่ากันไป

  ^
  ^
  เป็นความเชื่อส่วนตัวล้วน ๆ ห้ามลอกเลียนแบบ 5555++
  ที่ว่า

คิดว่ายังไงก็หนีไม่พ้นโทษเพราะกฎหมายเขาก็เขียนไว้แล้วว่า ทำตามคำสั่งได้โดยที่คำสั่งนั้นไม่ผิดกฎหมาย

จะแถว่า กฎหมายให้อำนาจก็ว่ากันไป แต่ฆ่าประชาชนมันต้องมีคนรับผิดชอบ
หนักเบาก็ว่ากันไป


  ฝากให้ลองยกตัวอย่างให้เป็นบุญหูบุญตาซักครั้งซิว่า เคยมีใครรับกรรม เพราะยิงกระบาล
เหยื่อ(ที่โดนหลอก)ของเหตุการณ์แย่งชิงอำนาจกันบ้าง !!!

และจะฝากให้สำนึกไว้ล่วงหน้าไว้เลยว่า ต่อเมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วนั้น
ขี้ครานแต่จะมีแต่ฝ่ายแกนนำเสื้อแดง เอ๊ย "นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย" เสียเอง
ที่จะเรียกร้อยแต่เรื่อง "นิรโทษกรรม" เพราะรู้อยู่เต็มอกว่า หลอกลวงเค้ามาขนาดไหน
ใครผิด ใครถูกต่อเหตุการณ์ที่ผ่านมา  และผมกล้าฟันธง(อิอิ เดา) ไว้เลยว่า ปชป.
ทั้งสุเพพ และอภิสิทธิ์ พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและคัดค้านการนิรโทษกรรม
ในกรณีนี้แน่นอน  อภิสิทธิ์คำไหนคำนั้น "ความจริงบิดเบือนไม่ได้"
แต่ความยุติธรรมเกิดขึ้นช้าจัง คดี คลิปเสียงปลอมของนายกถึงตอนนี้ยังไม่จบเลย


เวรกรรมประเทศไทย   555+ 
"คนอย่างแม้ว ผิดไม่ได้แพ้ไม่เป็น ผิดไม่เป็นแพ้ไม่ได้" (บัญญัติ บรรทัดฐาน : รายการลงเอยอย่างไร?)

ปชปหัวก้าวหน้า

คอลัมน์ เหล็กใน
สมิงสามผลัด

"ขบวนการเช็กบิลเริ่มขึ้นแล้ว"

เป็นการแสดงความเห็นของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตผอ.ศอฉ.
หลังชี้แจงคำสั่งศอฉ. 2 ฉบับที่มีการเผยแพร่ในอินเตอร์เน็ต


นายสุเทพพยายามบอกว่าเป็นการวางแผนเล่นงานตนเองและศอฉ.หลังจากมีการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่

จึงแปลกใจเป็นอย่างยิ่งว่าเป็นการเช็กบิลได้อย่างไร!?

เพราะ 1 นายสุเทพก็ยอมรับว่าเอกสารคำสั่งศอฉ.ทั้ง 2 ฉบับที่มีการเผยแพร่เป็นของจริง

เพราะ 2 ในเมื่อเป็นของจริง ไม่แปลกปลอม จึงไม่ใช่การใส่ร้ายป้ายสีใครเพื่อเล่นงานใคร

แต่ถ้ามองในมุมกลับกัน การเผยแพร่เอกสารคำสั่งศอฉ.ทั้ง 2 ฉบับ

ทั้งคำสั่งเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 ที่ให้กระชับพื้นที่ม็อบแดง
และการใช้อาวุธปืน กับคำสั่งวันที่ 13 เม.ย. 2553
ซึ่งมีรายละเอียดเรื่องการใช้อาวุธปืน ลักษณะการยิงใส่เป้าหมาย

เป็นการเปิดเผยความจริงให้สังคมได้รับรู้ว่ารัฐบาลในยุคนั้น
มีวิธีการจัดการกับการชุมนุมของประชาชนอย่างไร!?

ต้องยอมรับว่าคำสั่งทั้ง 2 ฉบับสอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง

เพราะมีความสูญเสียในเหตุการณ์ที่คอกวัวและถนนดินสอขึ้นจริงๆ

และเกี่ยวโยงไปถึงเหตุการณ์ช่วงเดือนพ.ค.2553 ทั้งที่ราชประสงค์-วัดปทุมวนาราม-ซอยรางน้ำ ฯลฯ

กระนั้นก็ตามคนที่เขียนคำสั่งดังกล่าว ก็พยายามจะอธิบายเหตุผลและขั้นตอนการใช้อาวุธ

ฝ่ายนายสุเทพก็เน้นย้ำเรื่องปัญหาชายชุดดำ ทำให้เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องใช้อาวุธ

เอาเป็นว่ารอไปพิสูจน์กันตามกระบวนการยุติธรรมดีกว่า

เพราะผู้สูญเสียและผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สลายม็อบ
เตรียมจะนำเอกสารนี้เป็นหลักฐานในการฟ้อง

โดยจะมีการปรับกระบวนการฟ้องร้องใหม่

เริ่มจากตั้งโต๊ะให้ญาติผู้เสียชีวิตทั้ง 91 ศพและผู้บาดเจ็บกว่า 2 พันคนมาลงชื่อ
แสดงความประสงค์จะดำเนินคดีกับ"ผู้สั่งการ"สลายม็อบแดง

ก่อนจะยื่นฟ้องทั้งศาลอาญาของไทยและศาลคดีอาญาระหว่างประเทศ

โดยมีจุดมุ่งหมายแค่เพียงทวงความยุติธรรมให้ผู้สูญเสีย

ทำให้ความจริง 91 ศพปรากฏต่อสายตาชาวโลก

และต้องนำ"ผู้สั่งการ"มาลงโทษให้ได้

ไม่ใช่การตาม"เช็กบิล"รัฐบาลเก่าตามที่นายสุเทพกล่าวอ้าง!?

http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd2Iyd3dNVEV3TURnMU5BPT0=&sectionid=TURNd05BPT0=&day=TWpBeE1TMHdPQzB4TUE9PQ==