โด้แฮตทริค!หน้าลิง+เบนซ์เบิ้ลราชันบ้าคลั่งยำเซบีญ่า 7-3 รั้งที่3

[itplaza]

เรอัล มาดริด เครื่องร้อนแรงดาหน้ายิงประตูกันถ้วนหน้าทั้งโรนัลโด้, แกเร็ธ เบลและคาริม เบนเซม่า แม้จะโดนยิงตีตื้นมาติดๆแต่ก็หนีห่างจนปิดฉากไล่ถล่มเซบีญาพรุน 7-3 เก็บสามแต้มขึ้นไปไล่จี้บาร์ซ่ากับแอตเลติโก้ มาดริดต่อไป



ลา ลีกา สเปน

สนาม : ซานติอาโก้ เบร์นาเบว

วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2556

เรอัล มาดริด 7:3 เซบีญ่า

ประตู : 1-0 แกเร็ธ เบล น.14, 2-0 แกเร็ธ เบล น.27, 3-0 คริสติอาโน่ โรนัลโด้(จุดโทษ) น.32, 3-1 อิวาน ราคิติช(จุดโทษ) น.38, 3-2 การ์ลอส บัคก้า น.40, 4-2 คาริม เบนเซม่า น.53, 5-2 คริสติอาโน่ โรนัลโด้ น.60, 5-3 อิวาน ราคิติช น.63, 6-3 คริสติอาโน่ โรนัลโด้ น.71, 7-3 คาริม เบนเซม่า น.80

คลิปไฮไลท์ ลาลีกา เรอัล มาดริด 7-3 เซบีย่า

ครึ่งแรก

ราชันต่อบอลงาม-อิสโก้ยิงหลุดเสานิดเดียว
นาที 3 เรอัล มาดริด ได้ลุ้นครั้งแรกหลังจากต่อบอลหาช่องอยู่สักพัก บอลขึ้นจากอาร์เบลัวทางขวาให้แกเร็ธ เบล ต่อให้คาริม เบนเซม่าจ่ายให้อิสโก้แตะหนีคู่เซ็นเตอร์ของทีมเยือนหลุดกระจายและชิพสวนตัวผ่านเบไปเสาไกลแต่เฉี่ยวเสาไปนิดเดียวเท่านั้น

คืนฟอร์ม!หน้าลิงแต่งเข้าซ้ายซัดหายซวบคมกริบ 1-0
นาที 14 เขามาแล้วสำหรับสตาร์ค่าตัวแพงสุดของโลก บอลขึ้นมาจากคาริม เบนเซม่าทางซ้ายทะบุมาถึงพิ้นที่อันตรายก่อนจ่ายตัดหลังนักเตะเซบีญ่าที่เทไปประกบโรนัลโด้ เข้าทางแกเร็ธ เบล จับเข้าซ้ายข้างถนัดก่อนตะบันเข้าเสียบสามเหบี่ยมเสาไกลไปอย่างสุดยอดสมราคาที่เคยสร้างชื่อมา มาดริดขึ้นนำแล้ว 1-0

เบลเกือบเบิ้ลยังติดเซฟเยี่ยม
นาที 16 นำแล้วติดเครื่องต่อทันทีสำหรับเจ้าบ้าน และเป็นการประสานงานระหว่างเบนเซม่ากับเบลอีกครั้ง เบลรับบอลก่อนจะเล็งปั่นไปมุมเดิมกับลูกแรกเด๊ะแต่คราวนี้มุดต่ำ เบโต้ไม่หลงทะยานไปปัดไว้ได้สวย สกัดดาวรุ่งไว้ก่อน

คึกจิงวุ้ย!เบลใส่เต็มข้อเฉี่ยวสามเหลี่ยมปลายเล็บ
นาที 20 ยิงแล้วได้ใจ พลาดไปก่อนหน้านี้ขอแก้ตัวอีกทีและยังเป็นเบนเซม่าที่ยังเป้นคนใส่พานให้เบล วิ่งมายิงที่ระยะบนเส้นเขตโทษอัดด้วยซ้ายเต็มข้อ บอลทะยานไปมุมเดิมอีกแล้ว เบโต้บินไม่ถึงแล้วแต่ยังเฉี่ยวสามเหลี่ยมออกไปหวุดหวิดจริงๆ น่าเสียดายอีกหน

คนมันเฮ็ง!หน้าลิงซัดฟรีคิกแฉลบกำแพงเสียบเสาเดิมเลย 2-0
นาที 27 ฟอร์มขึ้นไม่พอ ดวงก็มาอีก โอกาสลุ้นฟรีคิกของมาดริด ระยะ 25 หลาอย่างต่ำ โรนัลโด้เปิดทางให้เบลรับหน้าที่ยิงบ้างวิ่งเข้ามาซัดบอลพุ่งไปแฉลบอัลเบร์โต้ โมเรโน่ เปลี่ยนทางสุดขั้วจากเสาแรกลอยกลับไปเข้าเสียบมุมเสาสองแบบที่เบโต้จนปัญญา เครดิตเป็นประตูที่สองในเกมของเบล มาดริดหนีเป็น 2-0 แล้ว

กูขอบ้าง!อิสโก้พาได้จุดโทษ-โด้ซัลโวไม่เหลือ 3-0
นาที 31 ไปกันใหญ่แล้วสำหรับทีมเยือน หยุดกองกำลังชุดขาวที่ดาหน้าไม่อยู่แล้ว อิสโก้ลากเข้าไปโดนเฟร์นานโด นาบาร์โร่ สกัดจากด้านหลังล้มก้ำกึ่งว่าจะฟาวล์นอกนอกเขตหรือในเขต แต่ผู้ตัดสินเป่าให้เป็นจุดโทษและเป็นเพ

กังขาแน่!บิโตโล่ล้มง่ายแต่ได้โทษ-ราคิติชยิงไล่ตีตื้น 3-1
นาที 38 ช็อตนี้น่าจะเป็นจังหวะกังขาไม่น้อยทีเดียว ฟิเกราสน่าจะโดนจับฟาล์วตั้งแต่ปั๊มบอลกับมาร์เซโล่ไปโดนมือเจ้าตัวแต่ผู้ตัดสินไม่ว่าได้บอลมาในเขตโทษโดนเซร์คิโอ้ รามอส วิ่งมาชนเบาๆล้มลง ผู้ตัดสินเป่าตามสัญญาณไลน์แมนให้เป็นจุดโทษ อิวาน ราคิติช รับหน้างที่สังหารยิงผ่านมือดิเอโก้ โลเปส ไปไม่พลาด เซบีญ่าตีตื้นแล้ว 3-1

กลับมาไวแท้!เซบีญ่าสวนกลับต่อสามทีบัก้ายิงโล่งๆ 3-2
นาที 40 เกมพลิกมาทางฝั่งทีมเยือนอย่างรวดเร็วจริงๆ เกมโต้กลับขึ้นมาทางซ้าย บิโตโล่ ลากขึ้นมาคนเดียวก่อนตบเข้ากลางให้ไฆโร่ ซัมเปริโอ้ ตัดหน้ากองหลังเจ้าบ้านก่อนไหลต่อมห้การ์ลอส บัคก้า แปเข้าประคูโล่งๆไม่พลาด เซบีญ่ากลับสู่เกม ไล่มาเป็น 3-2 แล้ว

จบครึ่งแรก เรอัล มาดริด ออกนำเร็วได้แกเร็ธ เบล เหมาสองประตูบวกกับจุดโทษของโรนัลโด้ นึกว่าเกมจะขาดลอยแล้วแต่กลายเป็นเซบีญ่าได้จุดเปลี่ยนจากลูกโทษก่อนจะติดเครื่องยิงอีกลูก เหลือนำอยู่แค่ 3-2

ครึ่งหลัง

เกือบเจ๊า!ซัมเปริโอ้ติดเซฟ
นาที 52 เกือบไปแล้วสำหรับเจ้าถิ่น เจอเกมรุกที่เข้าขากันเล่นงานอีกครั้ง บิโตโล่ หาช่องจ่ายให้ซัมเปริโอหลุดไปลุ้นยิงได้แต่ยังไม่หนีมือดิเอโก้ โลเปซปัดออกมาโดนเจ้าตัวเด้งกลับไปหาโลเปซรับได้

สวนกลับไวโพด!โด้ลาก-เบลปาด-เบนซ์จบ 4-2
นาที 53 เกมสวนกลับทรงประสิทธิภาพจริงๆสำหรับมาดริด จากจะโดนยิงจากซัมเปริโอ้เมื่อตะกี้ โรนัลโด้กระชากมาตรงกลางก่อนจะไหลให้เบล ที่ยืนโล่งโจ้งทางขวาก่อนจะจ่ายย้อนมาถึงเสาไกลให้เบนเซม่าจับบอลก่อนแปเข้ามุมเข้าไปอย่างเยือดเย็น สยบความสากยิงให้มาดริดหนีห่างอีกครั้งเป็น 4-2

ห่างเท่าเดิมแล้ว!หน้าลิงแอสซิสต์โด้อัดไม่เหลือ 5-2
นาที 60 วันนี้เป็นพระเอกตัวจริงของเกมเลยสำหรับเบล ได้บอลมาทางขวาก่อนกระชากจนถึงเขตโทษก่อนจะเปิดเรียดย้อนหลังกองหลังเซบีญ่าให้โรนัลโด้ ย้อนมาตวัดตามตามน้ำติดมือเบโต้แต่ปัดไม่ออกเข้าประตูไปอยู่ดี เป็นลูกที่สองของโรนัลโด้ มาดริดกลับไปนำเท่าเดิม 5-2


ยอมเห๊อะ!ราคิติชปั่นสุดคลาสสิคเสียบใต้คานงามหยด 5-3
นาที 63 มันส์หยด 10 กะโหลกไปเลย เกมโต้กลับของทั้งสองทีมอันตรายพอกันจริงๆและเป็นตัวสำรองดิเอโก้ แปร์ร็อตติ ลงมาได้เรื่องลากมาทางซ้ายหลอกล่อแผงหลังมาดริดก่อนจ่ายออกมาให้อิวาน ราคิติช ปั่นโค้งไม่ต้องจับบอลโค้งก่อนจะฮุกเสียบคานทางเสาซ้ายมือโกล์ หมดสิทธิ์ที่โลเปซจะช่วยได้ เป็นประตูที่สวยงามทีเดียว เซบีญ่าตามมาอีกครั้งเป็น 5-3

ยิงกันให้พอ!โด้ยิงแฉลบตุงแฮตทริคแล้ว 6-3
นาที 71 เอาจนได้สำหรับโรนัลโด้ ไม่ปล่อยโอกาสทองในการยิงหนีห่าง เลี้ยงจี้ถึงหน้าเขตโทษก่อนจะยิงทันทีบอลไปโดนแผงหลังเซบีญ่ายื่นขาสกัดแฉลบทำเอาเบโต้เสียจังหวะยืนขาตาย บอลค่อยๆลอยเข้าแรกไป เป็นแฮตทริคของยอดดาวยิงตัวเทพ มาดริดนำไปอีก 6-.

หมดโปร!ราคิติชซัดโทษข้ามคานอดแฮตทริค-เอ็มเบียโดนแดง
นาที 74 ดวงแตกซะแล้วแม้จะได้จุดโทษแบบเฮ็งๆอีกหนจากการที่ฟิเกราส เจ้าเดิมโดนโรนัลโด้สะกิดล้มได้จุดโทษน่าตาเฉย แต่ราคิติชยิงข้ามคานออกไปชวดโอกาสไล่มาอีกเป็นหนที่ 3 ถัดมาอีก 2 นาที สเตฟาน เอ็มเบีย ไปโดนใบเหลืองที่สองหลังไปยื่นแขนเข้าเต็มกรามลูก้า โมดริช โดนไล่ออกเหลือ 10 คนซะแล้วสำหรับทีมเยือน

เอาให้ขาด!เบนซ์โขกคมกริบ 7-3
นาที 80 ยังหนำใจหลังทีมเยือนตัวน้อยกว่า ยังบุกต่อไล่ล่าประตูเพิ่มและมาประสบผลจากการเติมของมาร์เซโล่เปิดครอสมาตรงกลางให้คาริม เบนเซม่า ขึ้นโหม่งเน้นๆเข้ามุมขวามือโกล์ทิ้งไปอีก มาดริดนำ 7-3!

ช่วงทดเจ็บรามอส มีโอกาสยิงฟรีคิกแต่ยังโดนเบบินปัดได้สวย จบเกม เรอัล มาดริด เครื่องร้อนแรงดาหน้ายิงประตูกันถ้วนหน้าทั้งโรนัลโด้, แกเร็ธ เบลและคาริม เบนเซม่า แม้จะโดนยิงตีตื้นมาติดๆแต่ก็หนีห่างจนปิดฉากไล่ถล่มเซบีญาพรุน 7-3 เก็บสามแต้มขึ้นไปไล่จี้บาร์ซ่ากับแอตเลติโก้ มาดริดต่อไป
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม

เรอัล มาดริด (4-2-3-1): ดิเอโก้ โลเปซ 7; อัลบาโร่ อาร์เบลัว 5.5, ราฟาแอล วาราน 6, เซร์คิโอ้ รามอส 5.5, มาร์เซโล่ 6; อาเซียร์ อิญาร์ราเมนดี้ 6(ชาบี้ อลอนโซ่ น.64 6), ซามี่ เคห์ดิร่า 6(อังเคล ดิ มาเรีย น.82); *แกเร็ธ เบล 10    , อิสโก้ 7(ลูก้า โมดริช น.71 ), คริสติอาโน่ โรนัลโด้ 10  ; คาริม เบนเซม่า 10 

โค้ช : คาร์โล อันเชล็อตติ

เซบีญ่า (4-2-3-1): เบโต้ 5.5; ดิโอโก้ ฟิเกราส 5.5, ดาเนี่ยล การ์ริโซ่ 5, นิโกลัส ปาเรฮา 5, เฟร์นานโด นาบาร์โร่ 5; สเตฟาน เอ็มเบีย 6, อิวาน ราคิติช 6 ; ไฆโร่ ซัมเปริโอ้ 6 (ดิเอโก้ แปร์ร็อตติ น.62 5) ), บิโตโล่ 6(โฆเซ่ เรเยส น.83), อัลเบร์โต้ โมเรโน่ 5; การ์ลอส บัคก้า 6(เคแวง กาเมโร่ น.62 5)

โค้ช : อูไน อเมรี่

ขอบคุณเนื้อหา  : Soccersuck
ที่มา http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=3&news_id=30775&page=1