ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

เหตุใด คนญี่ปุ่นจึงไม่ดื่มชาเขียวแช่

เริ่มโดย ฟานดี้, 10:00 น. 12 พ.ย 53

ฟานดี้

เรื่องจริงที่คนไทยไม่รุ้...............

ชาเขียว เป็นชาที่คนญี่ปุ่นรู้จักกันมานานกว่า 100 ปี
ในขณะที่คนไทยเพิ่งรู้จัก
กันไม่เกิน 10 ปีมานี้เอง คนญี่ปุ่นนิยมดื่มชาเขียวร้อนร้อนกัน
เพราะได้พิสูจน์
แล้วว่าชาเขียวร้อนมีคุณสมบัติลดอนุมูลอิสระที่เป็นพิษในร่างกายคนเราให้ขับออก
มาทางอุจจาระ และขับไขมันส่วนเกินออกมาทางปัสสาวะและอุจจาระ

ชาเขียวชึ่งทำให้ร่างกายสามารถขับพิษและลดไขมันส่วนเกินออกจากร่างกาย อันเป็น
คุณสมบัติเฉพาะของชาเขียวร้อน ที่คนญี่ปุ่นนิยมดื่มกันตั้งแต่เด็กจนแก่
แต่....
คนไทย นิยมดื่มชาเขียวแช่เย็น
ซึ่งคนไทยส่วนมากไม่เคยรู้จักคุณสมบัติที่แท้จริง
ของชาเขียวเลย ทำให้คนญี่ปุ่นรุ้สึกขบขันในใจแถมหัวเราะเยาะในใจว่าในอนาคตอัน
ใกล้นี้ คนไทยจะมีร่างกายที่อ่อนแอกว่าคนญี่ปุ่น เพราะอะไรงั้นหรือ...เพราะว่า
ชาเขียวที่มีคุณอนันต์นั้น ย่อมมีโทษมหันต์เช่นกัน เพราะชาเขียว จะมีประโยชน์
ต่อร่างกายในขณะที่ร้อนอยู่เท่านั้น ในทางกลับกันหากดื่มชาเขียวตอนที่เย็น
แล้วกลับทำให้เกิดโทษต่อร่างกาย กล่าวคือ การดื่มชาเขียวแช่เย็น นอกจากไม่ช่วย
ในการลดอนุมูลอิสระสารพิษออกจากร่างกายได้แล้วยังก่อให้เกิดการเกาะตัวแน่นของ
สารพิษดังกล่าวอันเป็นสาเหตุของมะเร็ง นอกจากนี้
ชาเขียวเย็นยังส่งผลให้ไขมันใน
ร่างกายก่อตัวมากขึ้นตามผนังหลอดเลือด และอุดตันตามผนังลำไส้ ทำให้เกิดโรคร้าย
ตามมา อาทิเช่น หลอดเลือดหัวใจอุดตัน มะเร็งลำไส้ เส้นเลือดตีบ ฯลฯ เหล่านี้
เป็นต้น เรายังมีการทดสอบให้เห็นอย่างง่าย ๆและชัดเจนเกี่ยวกับอันตรายที่กล่าว
มาเบื้องต้นนี้ให้ท่านเห็นได้ด้วยตนเอง โดยการนำชาเขียวแช่เย็น ยิ่งเย็นยิ่ง
เห็นชัด นำมาเทลงในชามก๊วยเตี๊ยว จะพบว่าหลังจากเทชาเขียวแช่เย็นลงไปได้ครู่
เดียว จะมีคราบไขมันลอยเห็นเป็นคราบบนน้ำซุป หรือเกาะเป็นคราบที่ชามก๊วยเตี๊ยว
ทันที แล้วร่างกายท่านล่ะ จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อดื่มชาเขียวแช่เย็นเข้า
ไป...........สยองไหมละ

ดังนั้นคนญี่ปุ่นจึงไม่ดื่มชาเขียวแช่เย็นอย่างเด็ดขาด แต่จะดื่มชาเขียวร้อน
อย่างชาญฉลาด ในขณะที่คนไทยที่คิดว่าตนเองฉลาดกลับดื่มชาเขียวแช่เย็นกันอย่าง
เอร็ดอร่อย แบบฉล๊าด ฉลาด......

นกฮูก

เราไม่ค่อยดื่มชาเขียวแช่เย็นบ่อยนัก แต่น้ำชาจีนใส่น้ำแข็งแบบเย็นๆเกือบทุกวันเลย ไม่รู้จะเป็นไรหรือเปล่า? ???

ลุงแกลบ

อย่าไปเชื่อ fw.mail ให้มากนักครับ



หลักฐานผมเห็นอยู่ ตอนไปญี่ปุ่นเมื่อเดือนสิงหา ถ้าเป็นอย่างที่ว่า ชาเย็นในตู้มันคือ อะไรละนั้น?

ตู้ของ คิริน ก็เยอะอยู่นะ เชอรี่โซดา ช็อคโกแล็คกล้วยก็อร่อย

wasu

เหมือนจะเคยเห็น Fwd mail อยู่เหมือนกัน แต่ก็มีคนมาเถียงว่า
เอาของเย็น ๆ อะไรก็ตาม ลงไปในน้ำซุปก๋วยเตี๋ยว ก็ไขขึ้นทั้งนั้นล่ะ เย็นเจอร้อน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คนไทยเราก็ชอบกินของเย็นเกินประเทศอื่น ๆ เค้าจริง ๆ นะแหละ
เคยไปปักกิ่ง เค้ากินโค้กธรรมดากัน ไปขอน้ำแข็ง เค้างงกันตาแตก  ;D

ลุงแกลบ

ต้องหาข้อมูลจากหลายๆแหล่ง มาเช็คกันเวลา FW Mail มา ผลที่ได้ก็มีแบบจริงบ้าง ถูกครึ่งเดียวบ้าง ไม่จริงก็มี ก็ดีเหมือนกันจะมาถกกัน
---------------------------------------------------------

๑. เขียนถึงด้านดีของการดื่มชาแล้ว คงต้องเขียนถึงข้อห้ามและผลเสียของน้ำชาบ้าง

เพื่อไม่ให้ข้อเขียนชุดนี้กลายเป็นการโฆษณาชวเชื่อ "ลัทธิดื่มชา" ไป

ในใบชานั้นมีกรดแทนนิค (Tannic Acid) หรือ Tannin ประกอบอยู่

กรดแทนนิคหรือแทนนินนี้มีอยู่ในชาแดงมากกว่าชาเขียว

ใบชาเกรดยิ่งต่ำก็ยิ่งมีกรดแทนนิคสูง

กรดชนิดนี้มีผลต่อ Trace element ในกระเพาะอาหารและลำไส้

เมื่อรวมตัวกับสารโปรตีนแล้วจะย่อยได้ยาก

ทำให้ผู้ดื่มชาที่เป็นเด็กเล็ก ย่อยและดูดซึมอาหารได้ไม่เต็มที่ซึ่งเท่ากับเป็นอุปสรรคในการเจริญเติบโต

Trace element ประกอบด้วย ธาตุเหล็ก แคลเซียม แมกนีเซียม สังกะสี เป็นอาทิ

กรดแทนนิครวมตัวกับธาตุเหล็กแล้วจะจับตัวกลายเป็นก้อนแข็งเม็ดเล็กๆ ได้ง่าย และย่อยละลายได้น้อย

หากเด็กดื่มน้ำชาติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ ย่อมต้องพบปฏิกิริยาเหล่านี้ไปด้วย

ซึ่งอาจนำไปสู่การเจ็บป่วยด้วยอาการขาดธาตุเหล็กในเลือด ทั้งอาจทำให้ร่างกาย เจริญเติบโตไม่สมวัยได้ด้วย

การดื่มชาที่เข้มข้นมากๆ ใกล้ช่วงเวลาอาหาร ก็มีผลทำให้กระเพาะสามารถดูดซับสารอาหารได้น้อยลง

นอกจากนี้น้ำชาที่เข้มข้นมากยังทำให้ท้องผูก ซึ่งส่งผลในแง่ลบต่อผู้ที่มีอาการริดสีดวงทวาร

การดื่มชาเข้มข้นมากๆ ในขณะท้องว่าง มีผลทำให้ระบบย่อยอาหารผิดปกติ

ถ้ายิ่งดื่มชาเข้มข้นยามท้องว่างติดต่อกันเป็นระยะเวลายาวนาน อาจทำให้เป็นโรคกระเพาะได้ด้วย

ผู้รู้สอนว่า ควรดื่มชาหลังรับประทานอาหารแล้ว๒–๓ ชั่วโมง

ในใบชาเกรดต่ำ (อย่างที่เรามักเจอในร้านก๋วยเตี๋ยวที่เขาให้เติมน้ำแข็งเปล่า)

มักจะมีแต่สี กลิ่นไม่หอม และคุณสมบัติในแง่โอสถมีอยู่น้อยมาก

ชาเกรดต่ำมากๆ บางชนิดมีสิ่งปลอมปนที่ละลายมาในน้ำชาอีกด้วย

โดยหลักการแล้ว มีข้อห้ามที่สำคัญๆ ที่ควรรำลึกไว้เสมอในการดื่มชา คือ

๑.ไม่ควรดื่มชาขณะกินยา ในที่นี้หมายรวมถึงยาฝรั่ง ยาจีน และยาไทย

ทั้งนี้เพราะสารต่างๆ ในน้ำชาอาจไปทำปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์ต่อยาที่กินเข้าไป

ขั้นเบาคือ ไปทำให้คุณสมบัติของยาที่กินเจือจางหรือเสื่อมสภาพลง

ขั้นร้ายแรงคือ ยาบางตัวเมื่อทำปฏิกิริยากับสารต่างๆ ในน้ำชาอาจกลายเป็นสารพิษได้

หากอยากดื่มชาในยามป่วยไข้ ควรเลือกเวลาก่อนหรือ

'หลังรับประทานยา ๒ ชั่วโมงและในระหว่างต้องกินยาอยู่นั้น ให้ดื่มแต่น้ำชาบางๆ ห้ามดื่มน้ำชาที่ชงอย่างเข้มข้น


๒.ไม่ควรดื่มชาก่อนนอนสำหรับผู้ที่นอนหลับยากหรือเป็นโรคนอนไม่หลับ

เพราะน้ำชาจะไปกระตุ้นร่างกายให้นอนหลับยากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่ควรดื่มชาเข้มข้น

หรือน้ำชาใส่น้ำแข็งหรือน้ำชาแช่เย็น

ทั้งนี้เพราะน้ำชาเย็นๆ จะไปกระตุ้นลำไส้และกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ต้องตื่นกลางดึกเพื่อเข้าห้องน้ำบ่อยๆ

ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน สตรีมีครรภ์ คนชรา และเด็กเล็ก ซึ่งมักหลับยากอยู่แล้วเป็นปกติวิสัย

ควรหลีกเลี่ยงการดื่มชาในช่วงก่อนนอน

แต่หากว่าดื่มชาจนเป็นนิสัยและไม่ส่งผลต่อการนอนหลับแล้วก็เป็นข้อยกเว้น

แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ควรดื่มชาเข้มๆ ในช่วงก่อนนอนมากนัก โดยเฉพาะในสตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน และคนชรา


๓.ไม่ควรดื่มชาที่ร้อนจัด

เพราะอาจถูกลวกจนทำให้เกิดอันตรายในช่องปาก ลำคอ ลำไส้ หากเกิดผลข้างเคียงบางอย่าง เช่น

ทำให้เนื้อบางส่วนในช่องปากตาย หรือเป็นต้นเหตุให้เกิดเซลล์มะเร็งขึ้นมา จะยิ่งไม่คุ้ม


๔.ไม่ควรดื่มน้ำชาที่ชงค้างคืนหรือชงไว้นานหลายชั่วโมงแล้ว

ทั้งนี้เพราะน้ำชาอาจบูดได้ และน้ำชาที่ชงทิ้งค้างไว้นานๆ สาiต่างๆ ในน้ำชาก็จะทำปฏิกิริยากันบ้าง

เสื่อมคุณภาพบ้างแปรเป็นสารพิษไป

ในเมืองไทย บางครอบครัวชอบเอาน้ำชาใส่ขวดหรือใส่กระป๋องไปแช่ตู้เย็นไว้ดื่มหลายๆ วัน

วิธีนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ หากอยากดื่มชาเย็นๆ ให้ชงชาใหม่แล้วใส่น้ำแข็งจะดีกว่า

ในต่างประเทศอย่างฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ เห็นมีน้ำชาพาสเจอไรซ์ใส่ขวด กระป๋อง

หรือบรรจุกล่องนม กล่องสาเกขาย ซึ่งก็ขายดีมากในสังคมชาวจีน

น้ำชาพาสเจอไรซ์นั้น ไม่รู้ว่ามีโทษไหม

แต่ที่รู้แน่ๆ ก็คือ อร่อยสู้น้ำชาชงเองไม่ได้ และราคาก็แพงอย่างน้ำอัดลม

ไหนๆ อยากดื่มชาทั้งที ลงทุนซื้อกระติกน้ำร้อน ก่อนออกจากบ้านก็ชงน้ำชากรอกใส่ขวดพกพา

หรือกระติกน้ำร้อนไว้ จะคุ้มค่าและได้น้ำชาที่ดื่มอร่อยกว่าเป็นไหนๆ

หรือถ้าจะซื้อชุดน้ำชาเอาไว้ชงดื่มในที่ทำงานก็สะดวกสบาย ไม่มีอะไรยุ่งยาก

ที่กาแฟยังมีอุปกรณ์ประจำสำนักงานทั่วไปเลย

ทำไมจะมีชุดน้ำชาส่วนตัวหรือส่วนกลางประจำที่ทำงานบ้างไม่ได้

ทั้งยังใช้เงินเพียงไม่กี่ร้อยบาท ก็ได้ชุดน้ำชาสวยๆ ไว้อวดผู้มาเยี่ยมเยือนสำนักงานได้ด้วย


....๒.แม้ว่าน้ำชาจะมีคุณสมบัติด้านดีหลายประการ เช่น ช่วยให้จิตใจชุ่มชื่นกระปรี้กระเปร่า

ช่วยดับกระหาย ช่วยระงับยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์

ช่วยระงับยับยั้งการแข็งตัวของหลอดเลือด ช่วยละลายไขมันและคอเลสเตอรอล

แต่สำหรับบางคน น้ำชาไม่ใช่เครื่องดื่มที่เหมาะสม

เพราะการดื่มน้ำชาอาจก่อให้เกิดโทษสำหรับบุคคลนั้นได้ เช่น


๑.ผู้ที่ไตทำงานบกพร่องหรือมีอาการไตวาย ไม่ควรดื่มน้ำชามาก

ยิ่งในกรณีไตวายนั้น ยิ่งต้องปฏิบัติตนเคร่งครัดตามคำแนะนำของแพทย์ (ไม่ว่าจะดื่มน้ำประเภทใดก็ตาม)

เพราะร่างกายของผู้มีอาการไตวายไม่สามารถขับน้ำออกทางปัสสาวะได้อย่างปกติ

ในกรณีที่ประสิทธิภาพการทำงานของไตบกพร่องเพียงเล็กน้อยและเป็นการชั่วคราว

การดื่มน้ำชามากก็จะทำให้ปัสสาวะบ่อย หากดื่มน้ำชาปริมาณมากในเวลากลางคืน

ก็จะทำให้นอนหลับไม่สนิท เพราะต้องลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ


๒.ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารและลำไส้

ดยเฉพาะผู้ที่มีอาการอย่างที่ศัพท์แสงทางการแพทย์จีน เรียกว่า "กระเพาะเย็น"

ซึ่งมักจะมีอาการอึดอัด และอาเจียนออกมาเป็นน้ำใสๆ

กรณีนี้ห้ามดื่มน้ำชาเวลาท้องว่างตอนเช้า เพราะจะมีผลต่อสมรรถภาพของกระเพาะอาหารและลำไส้

ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซับวิตามิน B๒ และธาตุเหล็กได้เต็มที่

ซึ่งจะส่งผลสืบเนื่องทำให้เกิดอาการปวดกระเพาะอาหาร และทำให้ไตต้องทำงานหนักมากขึ้น

จึงแนะนำว่าหากอยากดื่มชาในตอนเช้า อย่างน้อยควรหาอะไรรับประทานก่อนพอไม่ให้ท้องว่างจึงจะดี


๓.เด็กอายุต่ำกว่า ๓ ขวบ ไม่ควรดื่มน้ำชา

เพราะว่ากรดแทนนิคในน้ำชาเมื่อรวมตัวกับธาตุเหล็กในกระเพาะอาหารและลำไส้แล้ว

จะกลายเป็นสารที่ไม่สามารถละลายได้ ทำให้เด็กเล็กไม่เติบโตมีอาการขาดธาตุเหล็กและเป็นโรคโลหิตจางได้


๔.สตรีที่รับประทานยาคุมกำเนิด ไม่ควรดื่มน้ำชาเข้มข้น

โดยเฉพาะก่อนและหลังรับประทานยาคุมกำเนิด ๔ ชั่วโมง

เพราะกรดแทนนิคในน้ำชาจะทำให้ประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดลดลง

ทั้งน้ำชายังมีผลทำให้สารต่างๆ ในยาคุมกำเนิดละลายตัวยากและถูกดูดซึมได้น้อยลง


๕.สตรีระหว่างมีประจำเดือน สตรีระยะตั้งครรภ์ และแม่ลูกอ่อนที่ให้ลูกดื่มนมแม่

ไม่ควรดื่มน้ำชา โดยเฉพาะน้ำชาเข้มข้น เพราะทารกที่ดูดนมแม่

ซึ่งดื่มน้ำชาเข้มข้นอย่างต่อเนื่อง จะได้รับผลเช่นเดียวกับเด็กอายุต่ำกว่า ๓ ขวบ

สารต่างๆ ในน้ำชาจะผ่านไปทางน้ำนมของแม่ ทำให้ทารกขาดธาตุเหล็กและเป็นโรคโลหิตจางได้

นอกจากนี้น้ำชายังทำให้ความสามารถในการขับน้ำนมของแม่ลดลงกระทั่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่


๖.ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงหรือเป็นโรคหัวใจ

ไม่ควรดื่มน้ำชาเข้มข้น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ร่างกายถูกกระตุ้นมากเกินไป

หากความดันโลหิตขึ้นสูงมาก หรือหัวใจถูกกระตุ้นมากเกินขีด จะเป็นอันตรายถึงชีวิตอย่างรวดเร็วฉับพลันเลยทีเดียว

ข้อห้ามทั้งหกข้อนี้ควรถือปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

เพราะสามารถส่งผลลบให้เห็นได้ในเวลาอันรวดเร็ว และผลเสียต่อร่างกายนั้นอาจสืบเนื่องยาวนานและร้ายแรง

....นอกจากนี้ยังมีข้อห้ามอื่นๆ เกี่ยวกับการดื่มชาที่มิได้ส่งผลร้ายแรงดังหกข้อข้างต้น

เช่น ผู้ที่มีอาการประสาทอ่อนแอโดยเฉพาะผู้ที่นอนหลับยากนั้น ไม่ควรดื่มชาในเวลากลางคืน

แต่ในกรณีของผู้ที่ดื่มน้ำชาจนเคยชินแล้ว ข้อห้ามนี้อาจไม่ต้องถือเคร่งครัด

เพราะบางคนก็สามารถนอนหลับได้ดีทั้งๆ ที่ดื่มน้ำชาตอนกลางคืน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ช่วงก่อนนอนก็ไม่ควรดื่มน้ำชาที่เข้มข้นจนเกินไป

เพราะแม้ระบบประสาทจะไม่เป็นไร แต่กระเพาะปัสสาวะก็ยังถูกกระตุ้นอยู่ดี

ข้อท้วงติงอีกอย่างคือ ไม่ควรดื่มน้ำชาเพื่อแก้ง่วง หรือใช้น้ำชากระตุ้นให้ตาสว่างมากเกินไป

ความจริงข้อท้วงติงนี้ครอบคลุมถึงเครื่องดื่มกระตุ้นร่างกายทุกประเภท

การดื่มน้ำชาเพื่อกระตุ้นร่างกายมากเกินไป ไม่เพียงแต่จะเป็นอันตรายต่อกระเพาะอาหารและลำไส้

แต่ยังทำให้ร่างกายอ่อนเพลียมากขึ้นทันทีที่สารกระตุ้นหมดฤทธิ์

หากปฏิบัติเช่นนี้บ่อยๆ ร่างกายจะทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็ว

ผู้ที่มีไข้สูงก็ไม่ควรดื่มน้ำชา เพราะว่าด่างในน้ำชาจะทำให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น

กระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น จึงยิ่งทำให้อุณหภูมิของร่างกายเพิ่มสูงขึ้นไปอีก

กรดแทนนิคในน้ำชายังส่งผลให้ร่างกายขับเหงื่อออกมาได้น้อยกว่าปกติ

ดังนั้นเวลามีไข้สูงแทนที่น้ำชาร้อนๆ ที่ดื่มเข้าไปจะช่วยขับเหงื่อออกมา เพื่อทำให้อุณหภูมิร่างกายลดลง

กลายเป็นว่ายิ่งทำให้ระบบการขับเหงื่อของร่างกายทำงานบกพร่อง

ในระหว่างรับประทานยาบำรุงโลหิต ก็ไม่ควรดื่มน้ำชา เพราะกรดแทนนิคในน้ำชาจะทำปฏิกิริยาต่อธาตุเหล็ก

(สารสำคัญในยาบำรุงโลหิต) ทำให้ร่างกายดูดซึมตัวยาไปใช้ประโยชน์ได้น้อย

หรือผู้ที่กินยาบำรุงแบบจีน จำพวกโสมและเขากวาง ก็ห้ามดื่มน้ำชาเช่นกัน

เพราะฤทธิ์ของน้ำชากับฤทธิ์ของยาจะไปแก้กัน

ส่วนผู้ป่วยที่หลอดเลือดแดงใหญ่ในหัวใจอุดตันนั้น ห้ามดื่มน้ำชาที่เข้มข้น

เพราะด่างในน้ำชามีฤทธิ์กระตุ้นหัวใจ อาจทำให้โรคกำเริบอย่างเฉียบพลันได้ หากอยากดื่มชา ให้ดื่มเพียงน้ำชาบางๆ

เป็นอันว่า แม้น้ำชาจะเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายไม่น้อย

แต่ก็อาจส่งผลเสียต่อบุคคลบางคนได้จึงควรดื่มน้ำชาอย่างผู้ไม่งมงาย

นกฮูก

ขอบคุณมาก สำหรับข้อมูลดีๆ เราดื่มชาจีนเกือบทุกวัน พึ่งรู้ว่ามีคุณมีโทษวันนี้เอง :)