ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ยิงมายิงกลับ ไม่โกง!เหยินเหมาสองหงส์เกือบเน่าฮึดเฮ 5-3

เริ่มโดย itplaza, 11:43 น. 13 ม.ค 57

itplaza



"หงส์แดง"ลิเวอร์พูลเกือบเข้าโลงหลังนำสบายๆแต่ปล่อยให้สโต๊คกลับมาลุ้นสองครั้งสองคราสุดท้ายพลิกสถานการณ์ได้ประตูจากจุดโทษของสตีเฟ่น เจอร์ราร์ดและหลุยส์ ซัวเรซที่วันนี้บวกเบิ้ลและดาเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ซูเปอร์ซับบุกมาเอาชนะสโต๊คสุดเสียว 5-3 กลับขึ้นมาอยู่ที่ 4 ตามเดิม

พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2557

สโต๊ค ซิตี้ 3-5 ลิเวอร์พูล

สนาม : บริทานเนีย สเตเดี้ยม

ประตู :  0-1 ไรอัน ชอว์ครอสส์ น. 5 (เข้าประตูตัวเอง), 2-0 หลุยส์ ซัวเรซ น. 32, 2-1 ปีเตอร์ เคร้าช์ น. 39, 2-2 ชาร์ลี อดัมส์ น. 45, 2-3 สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด น. 51 (จุดโทษ), 2-4 หลุยส์ ซัวเรซ น. 71, 3-4 โจนาธาน วอลเตอร์ส น. 85, 3-5 แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ น. 87


คลิปไฮไลท์ พรีเมียร์ลีก สโต๊ค ซิตี้ 3-5 ลิเวอร์พูล

สโต๊คมีสถิติยอดเยี่ยมยามเล่นในบ้านและเกมนี้มาร์ค ฮิวจ์สก็ส่งขุนพลชุดใหญ่ลงสนามเปลี่ยนหน้าไปเพียงแจ็ค บัตแลนด์ที่ได้ลงมาเฝ้าเสาแทนอัสเมียร์ เบโกวิชโดยมีชาร์ลี อดัมส์และปีเตอร์ เคร้าช์อดีตนักเตะของลิเวอร์พูลลงเจอต้นสังกัดเก่าขณะที่อุสซามะ อัสไซดี้อดลงสนามเพราะยืมตัวมาจากแอนฟิลด์ ด้านลิเวอร์พูลฟอร์มนอกบ้านไม่ค่อยดีนัก

โดยแพ้แมนเชสเตอร์ ซิตี้และเชลซีก่อนหน้านี้ซึ่งหนึ่งในข่าวดีของทัพ"หงส์แดง"คือการได้แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์หายเดี้ยงกลับมารอโอกาสบนม้านั่งสำรองส่วนสตีเฟ่น เจอร์ราร์ดกัปตันทีมได้คัมแบ็คเป็นตัวจริง

ครึ่งแรก

ตั้งใจ!?ซิสโซโก้อัดชิ่งชอว์ครอสส์หงส์นำไวโพด
เรียกว่าโชคช่วยแต่หัววันเมื่อสเตอร์ลิ่งลากบอลมาถึงกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนเปิดไปให้ซิสโซโก้ที่ง้างมาแต่บ้านยิงด้วยซ้ายข้างถนัดทิศทางไปไหนไม่รู้แต่ไปโดนหน้าท้องของชอว์ครอสส์ก่อนเปลี่ยนทางตุงตาข่ายเฉยเลยท่ามกลางความงุนงงของคนทั้งสนาม

เคร้าช์ปะทะเสียวต้องปฐมพยาบาล
เกมมาถึงนาทีที่ 13 เคร้าช์ต้องออกไปปฐมพยาบาลก่อนเลยเมื่อเข้าปะทะกับตูเร่ตรงหน้ากรอบเขตโทษทำให้อดีตดาวยิงทีมชาติอังกฤษจำเป็นต้องไปสำรวจว่ามีเลือกตกยางออกบ้างหรือเปล่าที่ข้างสนามแต่ก็ลงมาเล่นได้เหมือนเดิมไม่มีปัญหา

หงส์สวนมีลุ้น...คูตี้ยิงออก
ลิเวอร์พูลโต้กลับได้เสียวเหลือเกินโดยเป็นสเตอร์ลิ่งที่จับบอลได้กลางสนามก่อนลากเดี่ยวไปจนถึงหน้ากรอบเขตโทษด้านขวาแล้วจ่ายบอลขวางสนามมาให้คูตินโญ่ไม่จับวิ่งเข้ามาแปหวังให้เข้าสามเหลี่ยมเสาไกลแต่ก็ข้ามคานออกไป

หม้อเริ่มคึกบอมบ์เข้าใส่
ยิ่งทีโอกาสของเจ้าบ้านมีมากขึ้นเรื่อยๆคราวนี้เป็นการเดินเกมด้านขวาแล้วเปิดมาตรงกลางหวังให้เคร้าช์ขึ้นโขกแต่มิโญเล่ต์ออกมารับไม่ได้บอลกระฉอกมาถึงวิลเตอร์สวอลเล่ย์ไปติดบล็อคออกหลังและจังหวะเตะมุมสองหนของสโต๊คก็ทำให้"หงส์แดง"ปั่นป่วนไปเหมือนกัน

หงส์บุกบ้างมีเสียวเหมือนกัน
"หงส์แดง"กลับมาบุกได้ลุ้นเหมือนกันเมื่อคูตินโญ่เปิดเข้ากลางให้ซัวเรซได้โขกเบาๆก่อนที่บัตแลนด์จะพุ่งมาชกบอลเฉี่ยวหน้าไปนิดเดียวซึ่งหลังจากนั้นลิเวอร์พูลได้ฟรีคิกนอกกรอบระยะ 20 หลาทางด้านขวาเป็นซัวเรซยืนจังหวะวิ่งเข้ามายิงเลียดออกไปไหนก็ไม่รู้ซึ่งเจ้าตัวโวยวายว่าสมควรได้ลูกเตะมุมเพราะแฉลบกองหลังเจ้าถิ่นออกไป

พลาดเอง!เหยินจมูกไวฉกบอลคืนหลังอัด 2-0
แต่แล้วในนาทีที่ 32 สโต๊คพลาดมหันต์เลยโดยเป็นลูกเคลียร์ยาวจากสเคอร์เทลมาถึงวิลสันที่โขกคืนหลังก่อนที่จะโดนซัวเรซวิ่งเข้ามาฉกบอลก่อนถึงบัตแลนด์ซึ่งชอว์ครอสวิ่งมาก็ช่วยไม่ทันก่อนที่ดาวยิงอุรุกวัยจะแปบอลเข้าตาข่ายโล่งๆเป็นประตูที่ 21 ของเขาในพรีเมียร์ลีก

ยังมีลุ้น!เคร้าช์โขกตีตื้นเจ้าถิ่น 2-1
บทจะได้ก็ง่ายเหลือเกินสำหรับสโต๊ตในนาทีที่ 36 เป็นอาร์เนาโตวิชที่ลากบอลหนีนักเตะของลิเวอร์พูลตรงกราบขวาก่อนโยนเข้ากลางให้เคร้าช์ที่หันหลังหาประตูอยู่หวิดเล่นทางเข้าเสียบที่โคนเสาซ้ายมือมิโญเล่ต์พุ่งไปก็ไม่ถึงเสียแล้ว

สนุก!คูตี้วอลเล่ย์ติดบัตแลนด์
แต่ถัดมาอีกนาทีเดียวทีมเยือนเกือบได้ประตูขึ้นนำห่างอีกครั้งโดยเป็นจังหวะที่ซัวเรซตักบอลเข้ากลางให้คูตินโญ่เอี้ยวตัววอลเล่ย์เต็มดอกแต่ก็ยังไปตรงตัวของบัตแลนด์ที่ผวามาปัดก่อนที่ชอว์ครอสจะมาเคลียร์ทิ้งจังหวะสุดท้ายก่อนที่ดาวเตะบราซิลจะปรี่เข้าซ้ำได้ทัน

เด็กเก่าแสบ!อดัมส์หวดตู้มไม่มีเหลือ
นาทีสุดท้ายของครึ่งหลังสโต๊คมาได้ประตูตีเสมอเลยโดยเป็นเฮนเดอร์สันที่พลาดเตะบอลไปเข้าทางของอดัมส์ลากบอลมาก่อนหวดด้วยซ้ายเต็มข้อบอลลอดขาของสเคอร์เทลพุ่งเป็นจรวดเข้าไปกองก้นตาข่ายอย่างงดงามนับเป็นสองเด็กเก่าที่กลับมายิง"หงส์แดง"เรียบร้อย


ครึ่งหลัง

ขิงซัดโทษหงส์นำอีกครั้ง
นาทีที่ 50 อยู่ดีๆสโต๊คก็มาเสียจุดโทษจากจังหวะที่พลาดเองกลางสนามวิลสันเตะไปติดสเตอร์ลิ่งก่อนที่ปีกอพอลโล่จะลากบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนจะโดนวิลสันสกัดล้มลงทำให้กรรมการเป่าเป็นจุดโทษเรียกว่าง่ายดายเหลือเกินโดยเป็นเจอร์ราร์ดที่รับหน้าที่วิ่งมาแปเข้าไปทางขวาส่วนบัตแลนด์พุ่งผิดทางไปแล้ว

แฟนหม้อเร้าจะเอาโทษบ้าง
ตอนนี้กรรมการโดนกดดันหนักเลยเป็นจังหวะฟรีคิกริมกรอบเขตโทษด้านขวาของสโต๊คที่อดัมส์เขี่ยกลับหลังมาให้อาร์เนาโตวิชยิงนอกกรอบบอลไปชนแขนของซัวเรซในกรอบเขตโทษแต่ภาพช้าแสดงให้เห็นว่าดาวยิงอุรุกวัยเอามือมาบังไว้ตรงอดของตัวเองซึ่งก็ไม่น่าเป็นแฮนด์บอลท่ามกลางการตะโกนด่าของแฟนบอลเจ้าบ้านว่า"ขี้โกง"

หม้อกดดันหนักจะเอาให้ได้
เกมผ่านมาครบชั่วโมงแล้วกลายเป็นทางฝั่ง"ช่างปั้นหม้อ"ที่ครอบบอลบุกแหลกจน"หงส์แดง"ต้องลงไปรับลึกเลยแต่ก็ยังทำได้ดีไม่ให้สโต๊คมีจังหวะอันตรายมากเท่าไหร่เรียกว่าตอนนี้บอลแทบจะพับสนามแล้ว

คูตี้ยิงเบ๊าๆ...หริดลงแทน
นาทีที่ 64 ลิเวอร์พูลพยายามเดินเกมบุกบ้างโดยเป็นราฮีมกับคูตินโญ่ทำชิ่งกันไปมาก่อนที่มิดฟิลด์แซมบ้าจะลากบอลเข้ากรอบเขตโทษด้านซ้ายแล้วหาช่องยิงแต่ก็เบาเกินไปเข้าซองของบัตแลนด์ที่รับเอาไว้สบายๆก่อนที่เขาจะโดนเปลี่ยนออกให้แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ลงมาเล่นแทน

SAS คืนชีพ!หริดปั้นกัดยิงไม่เหลือ
ลูกนี้ต้องชมสเตอร์ริดจ์เลยในจังหวะโต้กลับที่เป็นดาวยิงทีมชาติอังกฤษกระชากมาจากกลางสนามก่อนล็อคบอลหนีกองหลังสโต๊คแล้วตอกส้นกลับไปให้"หม่อมกัด"ที่ยืนรอล่อเป้าอยู่แล้ววิ่งเข้ามายิงไปทางเสาไกลแบบสุดเฉียบคมเป็นประตูที่ 22 ในพรีเมียร์ลีก

มิโญเล่ต์ปัดเกือบมุดคาน
ลิเวอร์พูลทำตัวเองให้เสียวบ้างเหมือนกันโดยเป็นลูกที่สโต๊คโยนเข้ามาในกรอบเขตโทษก่อนที่ตูเร่จะโขกไม่ดีบอลเกือบมุดคานไปซึ่งทำให้มิโญเล่ต์ต้องถอยไปปัดทิ้งออกหลังเป็นลูกเตะมุม

วอลเตอร์สเอาจนได้หม้อยังมีหวัง
นาทีที่ 83 สโต๊คเกือบได้ประตูตีตื้นอีกเริ่มจากลูกทุ่มมาให้เคร้าช์พักบอลในกรอบเขตโทษด้านซ้ายแล้วกระดกไปทางเสาไกลให้วอลเตอร์สโขกย้อนศรมิโญเล่ต์โชว์ซูเปอร์เซฟปัดทิ้งไปได้แบบต้องยกนิ้วชมจริงๆ

อย่างไรก็ดี"ช่างปั้นหม้อ"มาได้ประตูจนได้เมื่อวอลเตอร์สคนเดิมได้บอลก่อนจะกลับมายิงลอดตูเร่และมิโญเล่ต์เข้าไปตุงตาข่ายเรียกเสียงเชียร์ของเจ้าถิ่นสนั่นลั่นทุ่ง

โล่งอก!หริดซ้ำดาบสองหงส์หอบแฮ่กๆ
แต่แล้วก่อนหมดเวลา 3 นาทีดูเหมือนทีมเยือนจะมาได้ประตูตอกฝาโลงเลยในจังหวะโต้กลับเหมือนเคยที่ซัวเรซเปิดบอลมาให้สเตอร์ริดจ์ยิงก่อนจังหวะแรกไปติดมือของบัตแลนด์แต่หัวหอกตีนซ้ายยังไวลุกขึ้นมาก่อนซัดมุมแคบเข้าไปไม่เหลือเป็นประตูที่ 10 ของเขาในซีซั่นนี้

หงส์มาวินชนะที่บริทานเนียหนแรก
ช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้ายสโต๊ตได้เตะมุมมาเข้าหัวของเจอร์ราร์ดที่โขกสุดสวยเกือบเข้าประตูตัวเองแต่ยังดีที่มิโญเล่ต์เซฟไว้ได้สุดท้าย"หงส์แดง"ทำสถิติบุกมาชนะที่บริทานเนีย สเตเดี้ยมหนแรกโดยครั้งสุดท้ายพวกเขาบุกชนะสโค๊คที่วิคตอเรีย กราวน์เมื่อปี 1984 พร้อมกลับไปเป็นท็อปโฟร์เหมือนเดิม

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม :

สโต๊ค ซิตี้ : แจ็ค บัตแลนด์ , เอริค ปีเตอร์ส 4, มาร์ค วิลสัน 2, ไรอัน ชอว์ครอสส์ 3, เจฟฟ์ คาเมร่อน 4, เกล็นน์ วีแลน 5, มาร์โก อาร์เนาโตวิช 5, สตีเฟ่น เอ็นซองซี่ 5(สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ น. 82), ชาร์ลี อดัมส์ 6, โจนาธาน วอลเตอร์ส 5 , ปีเตอร์ เคร้าช์ 6
ตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : โธมัส โซเรนเซ่น, มาร์ค มูเนียซ่า, ไรอัน ช็อตตัน, เจอร์เมน เพนแนนท์, วิลสัน ปาลาซิออส, แม็ทธิว เอเธอริงตัน

ลิเวอร์พูล : ซิมง มิโญเล่ต์ 5, เกล็น จอห์นสัน 6, โคโล่ ตูเร่ 5, อาลี ซิสโซโก้ 5, มาร์ติน สเคอร์เทล 5, สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด 7, ลูคัส เลว่า 6, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 5, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ 6(แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ 8  น. 66), ราฮีม สเตอร์ลิ่ง 8, หลุยส์ ซัวเรซ 9* 
ตัวสำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : แดนนี่ วอร์ด, มาร์ติน เคลลี่, หลุยส์ อัลเบร์โต้, ยาโก้ อาสปาส, วิคเตอร์ โมเซส, จอร์ดอน ไอบ์

http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=3&news_id=32433&page=1