เตรียมกู้เรือ “อรพิน 4” สัปดาห์หน้า หลังเกยตื้นแหลมสนอ่อน สงขลา

[ทีมงานบ้านเรา]

โดย  ASTVผู้จัดการภาคใต้ www.ASTVsouth.com

[attach=1]

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เรือบรรทุกน้ำมัน "อรพิน 4" เกยตื้นชายหาดสมิหลา สงขลา บริเวณแหลมสนอ่อน บริษัทเจ้าของเรือเตรียมกู้เรือออกจากชายหาด โดยใช้เรือลากจูงกำลังสูง 3,000 แรงม้า จากท่าเรือมาบตาพุด 2 ลำ มาดำเนินการลากในสัปดาห์หน้า คาดคลื่นลมจะเข้าสู่ภาวะปกติ และสามารถกู้เรือได้ ขณะที่เจ้าท่าฯ ติดตามใกล้ชิด หวั่นเรือจมทราย
       
       จากกรณีเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ ชื่อ อรพิน 4 ถูกคลื่นลมแรงในทะเลอ่าวไทยซัดมาเกยตื้นบริเวณแหลมสนอ่อน ชายหาดสมิหลา ด้านหลังสงขลาอะควาเรียม เขตเทศบาลนครสงขลา เมื่อช่วงกลางคืนวันที่ 9 มกราคม 57 ที่ผ่านมา ขณะที่จอดลอยลำทอดสมอเพื่อหลบคลื่นลมแรงอยู่บริเวณหลังเกาะหนู สมอกราวเกิดเลื่อนหลุด แม้กัปตันจะพยายามเดินเครื่องจักรใหญ่แต่ไม่ทัน ประกอบกับขณะเกิดเหตุมีคลื่นลมแรงจึงทำให้เรือถูกคลื่นซัดเข้าสู่บริเวณแหลมสนอ่อน ชายหาดสมิหลา
       
       ล่าสุด วันนี้ (13 ม.ค.) น.ท.สาธิต ชินวรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาสงขลา เปิดเผยว่า บริษัท ไทยปิโตรเลียมแทงค์เกอร์ จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของเรือบรรทุกน้ำมัน อรพิน 4 ได้มีการประชุมเตรียมแผนการกู้เรือออกจากชายหาดสมิหลา บริเวณแหลมสนอ่อน โดยมีการประสานมาทางสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาสงขลา คาดว่าในสัปดาห์หน้าหากคลื่นลมลดความรุนแรงลงก็น่าจะสามารถดำเนินการได้
       
       โดยจะใช้เรือลากจูงที่มีกำลังสูงขนาด 3,000 แรงม้า จำนวน 2 ลำ จากท่าเรือมาบตาพุด จ.ระยอง ลากจูงเรือออกจากชายหาดสู่ทะเล โดยมีการวางแผนใช้เชือกผูกทางด้านท้ายเรือ และลากเรือให้ตั้งฉากกับชายฝั่งก่อน หลังจากนั้นอาจจะจำเป็นต้องใช้รถแบ็กโฮบรรทุกแพช่วยขุดทรายให้เป็นร่องทางด้านท้ายเรือ เพื่อให้ใบจักร และหางเสือพ้นทราย ขณะที่ลากจูงทางด้านท้ายเรือ จะทำให้ใบจักร และหางเสือไม่ได้รับความเสียหาย และจะลากจูงในช่วงที่นำทะเลขึ้นสูงสุด โดยไม่มีคลื่นลมแรง ซึ่งจะสะดวกในการทำงานกู้เรือ
       
       ซึ่งวิธีนี้เป็นวิธีที่ใช้ในการกู้เรือเกยชายหาดที่สะดวกที่สุดที่นิยมใช้กัน โดยที่หัวเรืออยู่บนชายหาด ท้ายเรืออยูในทะเล และใช้เรือลากจูงที่มีกำลังแรงม้าสูงๆ มาลากออก ซึ่งทางบริษัท ไทยปิโตรเลียมแทงค์เกอร์ จำกัด เจ้าของเรือบรรทุกน้ำมัน อรพิน 4 จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ซึ่งค่าใช้จ่ายในการกู้เรือขนาดใหญ่ก็สูงเหยียบหลักล้านบาท
       
       น.ท.สาธิต ชินวรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการติดตามข่าวอากาศจากศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก สภาพคลื่นลมแรงในอ่าวไทยจะมีไปจนถึงวันที่ 16 มกราคม 2557 หลังจากนั้นคลื่นลมบริเวณชายฝั่งจังหวัดสงขลาจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หากไม่มีตัวแปรมาทำให้คลื่นลมแรงอีกครั้ง ทางบริษัทฯ เจ้าของเรือน่าจะทำการกู้เรือได้ในช่วงนี้
       
       อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาสงขลา ก็มีการติดต่อประสานงานกับทางบริษัท ไทยปิโตรเลียมแทงค์เกอร์ จำกัด อยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะเร่งกู้เรือออกจากชายฝั่งให้เร็วที่สุด ก่อนที่จะถูกทรายดูดฝั่งลงไปจนแก้ไขไม่ได้ เหมือนเรือจิน่า 2 ของประเทศปานามา ที่เกยตื้นที่ชายหาดชลาทัศน์ เมื่อ ปี 2537 จนต้องถอดชิ้นส่วนขายเป็นเศษเหล็ก

[ลูกชิ้นหมูพละวัฒน์]

รีบ ๆกู้เรือกันหน่อยให้ไปพ้นจากหาดซ่ะที
ตามภาพเลย