ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

แปะข้างฝาไว้!"พท"มาค่าจ้าง 300บาทป.ตรี 15,000 ลดภาษีฯ

เริ่มโดย ทีมงานบ้านเรา, 09:57 น. 04 ก.ค 54

ปชปหัวก้าวหน้า

การปรับเงินเืดือนสำหรับ ป.ตรี นั้น จะปรับให้กับพนักงานรัฐวิสาหกิจก่อน แล้วตามด้วยข้าราชการ เพื่อเป็นการแทรกแซงอัตราเิงินเดือนในระบบ คิดง่ายๆ ถ้าหน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจได้เงินเดือนสูงๆ เด็กที่จบใหม่เก่งๆๆ ก็ไปทำงานที่เงินเดือนดีๆ ถ้าบริษัทเอกชนใดยังไม่ปรัีบเงินเดือนตาม รับรองได้เลย ได้แต่พนักงาน ป.ตรี โง่ๆ แน่นอน 

สำหรับค่่าแรง 300 บาทต่อวันนั้น จะปรับใน กทม.และจังหวัดรอบๆ กทม. และภูเก็ต ส่วนจังหวัดอื่นๆ จะปรับขึ้น

40%ขั้นแรก และจะปรับขึ้นไปทีละขั้น จนถึง 300 บาทในที่สุด

ความจริงค่าแรงขั้นต่ำนั้นควรปรับมาตั้งนานแล้ว แต่ที่ทำไม่ได้เพราะหัวโจกคือพวกหอการค้าและพวกอุตสาหฯ คุมบังเหียนอยู่ พวกนี้มี อำนาจต่อรองกับพรรคการเมืองมาก เพราะบริจาคเงินให้กับพรรคการเมืองเกือบทุกพรรค เพื่อให้คงนโยบายทีตัวเองได้ประโยชน์ ให้สังเกตุบริษัทต่างๆ ในตลาดหลักทรัพย์ แต่ละปี กำไรมากมายมหาศาล เพราะอะำไร เพราะเราคุมค่าแรงขั้นต่ำไว้ ทำใ้ห้บริษัทพวกนี้ได้ประโยชน์ไปเต็มๆ โกยกำไรแต่ละปีมหาศาล สังเกตุง่าย พวกห้างดังๆ จ้างถูกมาก เงินเดือน ประมาณ 6 ถึง7 พันบาทต่อเดือน พอสิ้นปี ส่งกำไรกลับบริษัทแม่ต่างประเทศ เป็นหมื่นล้านบาทต่อปี  เช่น โลตัส คาร์ฟู บิ๋กซี ฯลฯ

ให้เราสังเกตุเสื้อยี่ห้อดังๆ เช่นลากอส โปโล ราคา 2 ถึง 3 พันบาท ต่อตัว ใครเป็นคนตัดเย็บครับ พนังงานในโรงงานฮะ ค่าแรงละ สองร้อยกว่าบาทครับ ทำไมขายแพงละ แพงตรงยี่ห้อครับ กำไรสะดือปลิ้นเลย

นี่คือความจริง ส่วนตัวผมทำค้าขายครับ มีลูกจ้าง สี่คน ผมเริ่มทำธุรกิจเมื่อปี 45 ณ.เด่วนี้ ค่าแรงคนละ 300 บาทสองคน อีกหนึ่งให้เป็นเงินเดือน เดือนละ 9000 บาท อีกคน ให้เป็นรายวัน 500 บาท(ตำแหน่งคล้ายผจก.)
ผมทำธุรกิจมาก็ แปด เก้าปี แล้วละ ก็ประสบความสำเร็จพอสมควร มีรถ สามคัน ใช้ทำงาน สองคัน ส่วนตัว หนึ่ง บ้านเช่า สามหลัง ที่ดินเปล่า สองสาม แปลง ที่ซุกหัวนอนก็สร้างเอง ส่วนเงินเก็บไว้หมุนเวียนจำนวนหนึ่ง ที่เหลือผมลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ครับ เพราะได้ผลตอบแทนดีกว่าฝากธ.แต่ต้องศึกษาให้เข้าใจมันหน่อย แค่นั้นครับ

สงสารชีวิตกรรมกรและมนุษย์เงินเดือน ทีตกเป็นตัวประกันของการเมืองสกปรก และเป็นทาสของคนมีเงินที่เอาเปรียบสังคม 

จับฉ่าย

แหม.....ร่ายมาซะยาว

เอาง่ายๆนะจ๊ะพ่อหัวก้าวหน้า

ต้นทุนสินค้าเดิม เปรียบเทียบ 1 หน่วยการผลิต ตัวเลขประมาณการณ์

+++ค่าแรงปัจจุบัน 215 บาทต่อวัน
สินค้า ก. ราคาขาย 20 บาทต่อหน่วย (ค่าวัตถุดิบ 7 บาท + ค่าแรง 5 บาท + ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน 5 บาท + กำไร 3 บาท ) และผลคือ 3 บาทนำไปเสียภาษี 30% = .9 บาท
เอกชนได้กำไรต่อหน่วย 2.1 บาท
(คำนวณ หา 300-215=85 บาท คิดเป็น 39.53% ต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้น) ประมาณค่าแรงใหม่ 5 คูณ 39.53% = 1.98 บาท จะได้ค่าแรงรวมต่อหน่วย 6.98 บาท

+++ปรับใหม่ ค่าแรงขึ้นเป็น 300 บาทต่อวัน
สินค้า ก. ราคาขาย 20 บาทต่อหน่วย ( ค่าวัตถุดิบ 7 บาท + ค่าแรงประมาณใหม่ 6.98 บาท + ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน 5 บาท + กำไร 1.02บาท ) และผลคือ 1.02 บาทนำไปเสียภาษี 23% = .23 บาท
เอกชนได้กำไรต่อหน่วย 0.78 บาท
ทางด้านภาษีเงินได้นิติบุคคล คำนวณประหยัดภาษีลดลง (30-23) คูณ 100 หาร 30 = 23.33%
(ผลต่าง 2.1-0.78 = 1.32 บาทต่อหน่วย)

กิจการจะขาดทุนทันที่ 23.33%-39.53% = -16.20%
ถ้าจะทำรัฐต้องออกเงินช่วยครับ

ถาม.....
1. เอกชนจะยอมขาดทุน 1.32 บาทต่อหน่วย แค่ได้กำไรน้อยลง ยังลดขนาดสินค้า

2. ลดภาษีที่รัฐจัดเก็บ 30% เป็น 23% รัฐขาดรายได้ส่วนนี้ แล้วจะหาเงินทางไหนมาอุดหนุนรัฐตาม สัญญาประชาคม

3. จุดสมดุลอยู่ตรงไหน ที่ทำให้ประเทศไทยก้าวไปได้

4. ประชาชนจะเป็นผู้รับกรรมจากการตัดสินใจของคนที่ไม่มีความรู้เรื่องกลไกราคาหรือครับ

5. รัฐจะออกมาตรการณ์กำหนดราคาสินค้าหรือเปล่า และเอกชนจะอยู่ได้ไหม

6. ต่างชาติจะมาลงทุนหรือเปล่า ในเมื่อค่าแรงสูง

7. การจ้างแรงงานต่างชาติ ไม่ถึง 300 บาท จะเพิ่มขึ้น เช่น เขมร พม่า ลาว ในเมื่อเอกชนต้องเอาตัวรอดด้วยการหากำไร
7.1 การลดต้นทุนตัวอื่น เช่น วัตถุดิบทดแทน แรงงานใหม่ ค่าใช้จ่ายควบคุม
7.2 การปรับขนาคสินค้าลง (ปริมาณ)
7.3 ปิดกิจการ หรือไปทำธุรกิจอื่นๆ (คนผู้ใช้แรงงานจะเดือดร้อน ตกงาน)

คิดดูดีๆนะครับ

จับฉ่าย

12 ชม.ผ่านไป

ตื่นมาดู

ก็ยังไม่มีคำตอบจากคนที่อ้างตัวเองว่าหัวก้าวหน้า

puiey

ไม่ได้กล่าวหานะ แต่ผมว่า คุณหัวก้าวหน้า เป็นเสื้อแดงหรือเปล่าครับ ถ้าเป็นก็ยอมรับมาเลยครับ
โกธรกับแฟน ขึ้นสเตตัส "โสด" ถ้าวันนึง แม่มึงโกธร มึงไม่ขึ้นสเตตัส "กำพร้า" เลยเหรอ

ปชปหัวก้าวหน้า

ใจเย็นครับคุณ เลือกตั้งผ่านมา ไม่อีกวัน โอ้ แม่เจ้า โจมตีกันครึกโครม ผมเข้าใจครับ ว่าอารมณ์มันค้างไม่ได้ดังใจ
เลือกตัง้ วันที่ สาม ถึงตอนนี้ ก็ สิบกว่าวัน ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ กลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลก่อน ออกสื่อโจมตีรายวัน ไล่ตั้งแต่ ปธ.หอการค้า หรือสภาอุตฯ ผมถามว่ากลุ่มพวกคือใคร และเกมส์ที่เล่นกันอยู่เนี่ยะ มันมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไร
คุณลองไปไล่ตรวจสอบดู มันมีทีมาทีไป เดี๋ยวรอไม่เกินวันที่ สิบเก้านี้ นะจ็ะ น้อง จากนั้น ประชุมสภา เลือกนายกฯและปธ.สภา แล้วทำงานก็ประมาณกย.ถึงตค.โน้น

5555 เจ็บนี้อีกนานครับ ถ้ายังโจมตีด้วย อคติและโจมตีด้วยโมหะ รอไปเถอะครับ ผมก็เขียนไปหลาย กท.ว่า เค้าไม่เอาแมลงสาปแล้ว นะ กลุ่มสาวกก็ยังไม่รู้ข้อเท็จจริง การเมืองนะ มันมีหลายมิติ มีพลังพิเศษค่อยกำกับเกมส์การเดิน เมื่อคุณไม่สามารถทำงานได้ ก็โดนถีบตกเวที ก็แค่นั้นครับ เรื่องนโยบายคุณมีสิทธิทีจะวิจารณ์ แต่เค้าก็มีสิทธิไม่ปฏิบัติตามคุณ นโยบายทุกนโยบายที่ออกมา ได้ศึกษามาแล้วทั้งนี้น แหละคับ ใจเย็นๆครับ รอให้เค้าทำงานก่อน เด๋วรู้เรื่อง ว่าได้หรือไม่ได้ แต่ทีออกสื่อเนี้ยะ ก็มันสาวกที่สนัีบสนุนรัฐบาลชุดก่อนทั้งนั้น ออกมาดิสเครดิตทั้งๆ ที่เค้ายังไม่ได้ทำงาน มันมีนัยะแอปแฝงครับ

อีกอย่างโมเดลที่คุณสรุปมานี้น ปัจจัยอื่นจะ fix ตายตัวไม่ได้ เพราะการทำธุรกิจมันมีปัจจัยแวดล้อมหลายอย่างทีเกื้อหนุนให้ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่ค่าแรงอย่างเดียว
     ประเด็นหลักของกิจการขนาดเล็ก ที่กลัวกัน มันไม่ใช่เรื่องต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนิดหน่อยหรอกครับ แต่หลักๆ คือความเห็นแก่ตัวของนายจ้าง เป็นประเด็นหลัก ทั้งเลี่ยงภาษีเงินได้ เลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่ม กดค่าแรงให้ต่ำ เพื่อใให้ตัวเองได้กำไรเยอะ
   ส่วนใหญ่ธุรกิจที่ล้มละลายนั้น ไม่ได้มาจากค่าแรงที่สูงหรอกครับ เพราะละโมบ หรือโลภ ลงทุนในกิจการผิดประเภท เพราะอยากได้กำไรเยอะ ที่ดิน เล่นหุ้นเก็งกำไร บ้าผู้หญิง เล่นการพนัน(บอล)

   ถ้าทำธุรกิจแบบคิดใ้ห้รอบคอบ มีความรู้ทางการเงินและบัญชี บ้าง และไม่เห็นแก่เงิน ไม่โลภมาก ไม่ลงทุนในธุรกิจที่ตัวเองไม่ถนัด และมีระเบียบกฏเกณฑ์การลงทุนและการใช้เงิน แค่นี้ก็ โอเคแล้ว นี่ผมตอบจากประสบการณ์โดยตรงนะ เพราะทำธุรกิจมา เ้ก้าปี ก็ไม่เดือนร้อน ดีสม่ำเสมอ ยอดขายอาจตกลงมาหน่อย ตั้งแต่ ปฏิวัติ 19 กย. แต่ประคองตัว มาได้

อินทรีปีกทอง

พวกที่รอ  ทวงเนี่ยนะครับไม่ว่าจะเรื่องค่าจ้าง300 บ  นโยบายออกรถคันแรก บ้านหลังแรก ส่วนมากก็ไม่ได้กาเลือกเขาหรอกแล้วไปทวงเขา คนอิสานที่เลือกเพื่อไทยมาสว่นใหญ่โดนใจเรื่องจำนำข้าวแบบใหม่มากกว่าแล้วอีกอย่างนึงนะครับเขายังไม่ได้รับการแต่งตั้งเลยยังโดนแขวยนชื่ออยู่เลย

คนสงสัย

อิแลถิ เมื่อน้ำท่วมนาข้าวสักหนสองหน ชาวนาจะนึกถึงคำไหนระหว่าง จำนำข้าว กับประกันราคาข้าว

ล ลิง

เห็นด้วยกับคุณปชปหัวก้าวหน้าเพียงประเด็นเดียวที่ว่า
"ความจริงค่าแรงขั้นต่ำนั้นควรปรับมาตั้งนานแล้ว"
(แต่ไม่ค่อยเห็นด้วยกับเหตุผลที่คุณเอามาอ้างนะ 555+)

ในประเด็นหลักที่เป็นหัวใจเลยคือ เมืองไทยเราใช้นโยบายกดค่าแรงงาน
มาอย่างยาวนาน อย่างน้อย 30 ปี เหตุผลหลักที่ว่าคือเพื่อเป็นแรงจูงใจชาวต่างชาติ
ให้มาลงทุน เพียงหวังให้ไทยเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่
(ซึ่งในหลวงเคยทรงเตือนว่าเราเป็นประเทศกสิกรรม) ใครยังจำกันได้ไหม๊ ?
ยังมีด้านอื่น ๆที่ใช้จูงใจเช่น ลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบเครื่องจักร งดเก็บภาษีนิติบุคคล
เป็นต้น ปัจจุบันนี้ก็ยังใช้กลไลเหล่านี้อยู่ !!!

ในทางกลับกันภาครัฐฯ ภาคการเมืองกลับทอดทิ้งภาคเกษตรกรรม หรืออาจกล่าวได้ว่า
หลอกเค้ามาตลอด ไม่ได้ช่วยอย่างจริงจัง เช่น เรื่องแหล่งน้ำ เรื่องการส่งเสริมการพึ่งพา
ตนเอง การทำปุ๋ยเอง (ในหลวงทรงทำมาตลอดเช่นการวิจัยเรื่องข้าว) ถนนหนทางที่เข้าถึง
ไร่นาชาวบ้าน และสุดท้ายที่เป็นจุดยอดแย่สุด ๆ คือเรื่องการผูกขาดกลไลตลาด
จนทำให้ชาวไร่ ชาวนา ตกต่ำสุด ๆ

ลูกหลานเกิดมาเห็นปู่ยาทำไร่ทำนาแล้วขาดทุน ติดหนี้ติดสิน ตกมารุ่นพ่อรุ่นแม่
ทำแล้วติดหนี้สินไม่พอ ขายที่ขายนาให้นายทุนแล้วกลับมาเช่าทำนาบนพื้นดินตนเอง
ลูกหลานเห็นแบบนี้ไม่มีใครอยากทำต่อ หนีเข้าสู่ภาคอุตฯ(ซึ่งรัฐฯส่งเสริม)กันหมด
สังคมชนบทไทยล่มสลาย เหลือแต่ปู่ยาตายายเลี้ยงหลานที่ลูกนำมาฝากให้เลี้ยง !!

พูดอย่างเป็นกลาง (บวกความนิยมส่วนตัวหน่อย ๆ555+)
ตกมายุค นายกอภิสิทธิ์นี่แหละ ที่เล็งเห็นปัญหาดังกล่าวมานานแล้ว
จึงเข้าไปทำลายโครงสร้างการผูกขาด(ของพ่อค้า)ในภาคเกษตรกรรม โดยใช้นโยบาย
"ประกันราคา" แทนการ "จำนำ" ถ้ายังจำกันได้ตอนเปลี่ยนใหม่ ๆ มีการคัดค้าน
จากพรรคร่วมฯ มีถึงขนาดเกณฑ์ชาวนาทางภาคกลางมาปิดถนนด้วยซ้ำ !!!
แม้พรรคร่วมจะทัดทานไม่ไหว ระหว่างนั้นก็ยังกอบโกยจากการขายข้าวในโกดังรัฐฯ
ที่ตกค้างมาจากนโยบายจำนำเดิม ซึ่งเป็นข่าวอยู่บ่อย ๆ เรื่องข่าวรั่วการประกาศขายข้าว
ของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งนายกก็สั่งเจ้ากระทรวงสอบสวน สอบแล้วสอบอีกแล้วก็หายไป 555+

ในส่วนของค่าแรงภาคอุตฯ คุณอภิสิทธิ์ ก็มองเห็นปัญหาไม่ต่างกันเพราะในยุคนี้
เนี่ยแหละเป็นครั้งแรกที่มีการกดดันให้ไตรภาคีประกาศขึ้นค่าแรงสูงเป็นประวัติการณ์
คือสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ และ ปชป.ก็ยังมองว่าภาพรวมยังมีส่วนที่ต้องขึ้นเพิ่มอีก
จึงเป็นที่มาของนโยบายขึ้นค่าแรง 25% ภายใน 2 ปี  !!!
พอเห็นดังนี้ พท.ก็เอาเลย จะขึ้น 300 บาท เท่ากันทั่วประเทศ "ทันที" 555+

สรุปก็คือทิศทางของนโยบายและการมองเห็นปัญหาของ ปชป.และพท.ไม่ได้ต่างกัน
เพียงแต่ จะทำอย่างไรนี่ซิคือหัวใจสำคัญ ????
เรื่องขึ้นค่าแรงปชป.ก็แย้งมาตลอดว่า 300บาท เท่ากันทันที ทำไม่ได้
พท.ก็นั่งยันนอนยันว่าทำแน่ ทำทันที 555+
15,000บาท ทันทีก็เช่นกัน ปชป.ก็แย้งตลอดว่าทำไม่ได้จะเอาเงินมาจากไหน ?
4.5แสนล้านบาทต่อปี พท.ประกาศแล้วว่าทำทันที เริ่ม ตค.2554 เอากะตรูซิ  555+

ผมเองมองว่าการปรับขึ้นค่าแรงภาคแรงงานเป็นเรื่องที่ต้องทำ แต่ชอบวิธีของ ปชป.มากกว่า
เป็นไปได้มากกว่า ที่สำคัญพ่อค้ารับได้ ปรับตัวได้ เศรษฐกิจไม่ฟูเร็วเกินไป(ไม่ช็อค)
อัตราเงินเฟ้อค่อยเป็นค่อยไป นี่แค่เถียงกันแบงค์ชาติปรับขึ้นดอกเบี้ยไปรอให้แล้วนะ 555+
ต่อไปเราอาจต้องสั่งก๋วยเตี๋ยว ธรรมดา 60 , พิเศษ 100  บาทก็ได้นะ 555+
ไข่ไก่อย่าว่าแต่ ฟองละ 4 บาทเลย อาจต้องซื้อ 10 ฟอง 100  ก็ได้นะ หรือไม่
เออ....อาจจะหันมานิยมซื้อแบบชั่งกิโลฯ ก็ได้นะ 555+ (อะไรก็เป็นไปได้ครับ)

ส่วนเรื่องประกันราคาพืชผล -->กลับมาใช้ "จำนำ" อันนี้ผมไม่เห็นด้วยอย่างแรง !!!
นอกจากจะเป็นกรรมของชาวไร่ชาวนาจริง ๆ และเมื่อดูการทำนโยบายเรื่องนี้ของ พท.แล้ว
บอกได้คำเดียว "เป็นนโยบายเอาประเทศไทยเป็นตัวประกัน" ครับ !!!
คุณสุชาติเค้าประกาศชัด (ไม่รู้จะเปลี่ยนทีหลังอะปล่าว555+)ว่าจะรับจำนำข้าวทุกเม็ด
โดยให้เกวียนละ 20,000บาท แล้วนำข้าวในมือไปต่อรองในตลาดโลก โดยหวังว่าตน
จะโก่งราคาให้ได้สูงกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน 555+
บอกได้(อีก)คำเดียวว่าถ้าเก็งผิด "เน่าแน่" เน่าทั้งข้าว เน่าทั้งคน เน่าทั้งประเทศไทยเลยหละ 555+

สุดท้าย
นึกขึ้นมาได้ว่า ทักษิณเคยพูดกับเสนาะเรื่องลงทะเบียนคนจน (ป๋าเหนาะค้านว่าทำไม่ได้)
แต่ทักษิณว่า ทำ ๆ ไปเถอะ ทำไปก่อนทำแล้วได้คะแนนแล้วค่อยว่ากัน !!!
"คนตาบอดมันไม่กลัวเสือหรอก" ป๋าเหนาะเล่าย้ำเสียงแน่น
(เสนาะเอามาขายตอนโกรธทักษิณ) 555+

ก็เลยให้นึกถึง "ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ"
อ๋อ...มันเป็นอย่างนี้นี่เอง "ตาบอดกันค่อนประเทศเลย"   555+
ส-เหอเหอ ส-เหอเหอ ส-เหอเหอ
"คนอย่างแม้ว ผิดไม่ได้แพ้ไม่เป็น ผิดไม่เป็นแพ้ไม่ได้" (บัญญัติ บรรทัดฐาน : รายการลงเอยอย่างไร?)

ชอบ

ชอบคุณ ล ลิงตอบ มีเหตุมีผลมากหวา  ไม่งมงาย