อสังหาฯรับสุญญากาศการเมืองกระจายเสี่ยงบุก แนวราบ

[ทีมงานบ้านเรา]

สถานการณ์การเมืองที่รัฐบาล อยู่ในภาวะ "สุญญากาศ" และ การชุมนุมที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ ปลายปีที่ผ่านมา เป็นปัจจัยทำให้บรรดา ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไม่เพียงแค่ปรับลดการลงทุนเท่านั้น หรือลดดีกรีการเปิดตัวโครงการใหม่ตามหัวเมืองใหญ่ๆ ในต่างจังหวัด แต่ทว่าหลายค่ายเริ่มขยับไปทำบ้านแนวราบมากขึ้น เพื่อหวังกระจายความเสี่ยง ยิ่งในภาวะ"การเมือง"ไม่มีความแน่นอน ทำให้ธนาคารเข้มกับการปล่อยกู้มากขึ้น โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียม  สะท้อนได้จากตัวเลขของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ พบว่าในเดือน ม.ค. การเปิดตัวโครงการ ที่อยู่อาศัยใหม่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ที่มีจำนวน 17 โครงการ รวม 7,500 หน่วย แต่เป็นโครงการบ้านจัดสรรถึง 10 โครงการ จำนวน 1,800 หน่วย และคอนโดมิเนียม  7 โครงการเท่านั้น ถึงแม้ว่าหน่วยเปิดขาย จะมากกว่าจำนวน 5,700 หน่วยก็ตาม

วิทการ จันทวิมล รองกรรมการ ผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์การตลาด บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า แผนการลงทุนปีนี้ จะเน้นตลาดแนวราบมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดหรูตามกลยุทธ์หาช่องว่างใหม่ๆ จากเป้าหมายการเปิดตัวโครงการใหม่ปีนี้อยู่ที่ 19 โครงการ แต่จะเป็นโครงการแนวราบถึง 13 โครงการ เป็นคอนโดมิเนียมแค่ 6 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 2.6 หมื่นล้านบาท  จากที่ผ่านมาเอพีพยายามรักษาสัดส่วนบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียมให้สมดุลกัน เพราะในสถานการณ์การเมืองที่ยังไม่มีความชัดเจน และรัฐบาลอยู่ในภาวะสุญญากาศ บริษัทจำเป็นต้องหาวิธีที่จะเติบโตภายใต้สถานการณ์ต่างๆ โดยภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ และปริมณฑลปีนี้คาดว่าจะขยายตัวประมาณ 5% แต่เอพีตั้งเป้าเติบโตไว้ที่ 10% หรือมีมูลค่าประมาณ 1.8 หมื่น ล้านบาท  "ยอดขายในเดือนม.ค.ที่ผ่านสูงถึง 600 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มียอดขาย 450 ล้านบาท ซึ่งยอดขายส่วนใหญ่มาจากบ้านแนวราบเป็นหลัก คาดว่าเป็นเพราะเอพีเปิดตัวบ้านแนวราบ  6 โครงการใหม่ในช่วงปลายปีที่แล้ว ทำให้ยอดขายทยอยเข้ามาในเดือนม.ค.ปีนี้"

เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการ บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า สำหรับปีนี้ เสนาฯจะมุ่งเน้นเปิดตัวโครงการแนวราบมากขึ้น เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นแนวราบขายง่ายกว่าแนวสูง อันเป็นผลพวงด้านเศรษฐกิจและการเมือง ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม  รวมทั้งมองว่าในปีที่แล้ว มีซัพพลายห้องชุด เปิดใหม่สูงกว่า 8.5 หมื่นยูนิต ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการดูดซับอีก 1-2 ปีหรืออาจมากกว่านั้น ในภาวะที่ความต้องการซื้อ มีจำกัดเช่นในปัจจุบัน อีกทั้งการเปิดตัว คอนโดใหม่ต้องใช้งบโฆษณา และการตลาดสูง โดยคาดการณ์ว่าปีนี้ซัพพลายใหม่จะลดลง 20-30% จากการปรับลดพอร์ตคอนโดของผู้ประกอบการรายใหญ่

"เสนาฯ มีการเตรียมพร้อมและ ประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เชื่อว่าจะรับมือกับทุกปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ เราให้ความสำคัญกับการวางแผนกระจายความเสี่ยงด้วยโมเดลธุรกิจใหม่ ในอนาคตจะมีสัดส่วนรายได้จากคอนโดมิเนียม 80 % บ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม 10% และธุรกิจเช่า 10 % โดยวางเป้าหมายกระจายความเสี่ยง ไปสู่ธุรกิจเช่ามากขึ้น และมีแผนเปิด คลับเฮ้าส์ในโครงการสนามกอล์ฟ พัทยา  คันทรี่คลับ ในต้นปีหน้าด้วย" เกษรา

อธิป พีชานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทศุภาลัย กล่าวว่า จากแผนปีนี้ที่จะเปิดตัว 24 โครงการใหม่ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท จะเป็นบ้านแนวราบ16 โครงการ มูลค่ารวม 1.5 หมื่นล้านบาท และคอนโดมิเนียม 8 โครงการ มูลค่ารวมกว่า1.5 หมื่นล้านบาทโดยเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว แต่ต้องดูจังหวะในการเปิดตัว อีกครั้ง

ขณะที่การไปตลาดต่างจังหวัด ปีนี้มีด้วยกัน 9 โครงการ โดยจะขยายไปยังตลาดต่างจังหวัดใหม่ๆ ที่ศุภาลัยยังไม่เคยไป เช่น อุบลราชธานี นครราชสีมา ส่วนจังหวัดที่เคยเปิดตลาดมาแล้วเช่น ขอนแก่น หาดใหญ่ สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ จะเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่องเพื่อผลักดันยอดขายปีนี้ให้เติบโต 10-15%

นิมิตร พูลสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีนี้ บริษัทยังคงเน้นลงทุนในโครงการแนวราบ โดยขยับพอร์ตลงทุนโครงการบ้านเดี่ยวขึ้นเป็น 28% หรือ 9-12 โครงการ มีมูลค่ารวม 11,480 - 12,600 ล้านบาท จากในปีที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายบ้านเดี่ยว 8,355 ล้านบาท คิดเป็น 20% จากยอดขายทั้งปี 41,282 ล้านบาท โดยพฤกษาฯ มีส่วนแบ่งการตลาดบ้านเดี่ยว ในกรุงเทพและปริมณฑล 10% โดยในเดือนก.พ.นี้ จะเปิดบ้านเดี่ยวจำนวน 2 โครงการ ภายใต้แบรนด์ "ดีไลท์" เป็นบ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์น ทำเลบางนา-ศรีนครินทร์ และอ่อนนุช - มอเตอร์เวย์

เช่นเดียวกันค่าย เอสซี แอสเสทฯ  แผนธุรกิจเบื้องต้น คาดว่าจะเปิดตัว  6 โครงการ แบ่งเป็นบ้านแนวราบ  5 โครงการ คอนโด 1 โครงการ บริษัท  กฤษดามหานครฯ ได้หันมารุกตลาด แนวราบครั้งแรก กับโครงการ "ฟิฟทีน เกทส์" ย่านประดิษฐ์มนูธรรม เป็นบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ ราคา 23 ล้านบาท และ อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ รุกตลาดแนวราบภายใต้แบรนด์ "เอโทล" บ้านเดี่ยว พร้อมอยู่

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ