เกษตรจังหวัดชุมพรเตือนเกษตรกรชะลอปลูกพืชหลังฝนทิ้งช่วงหลายเดือน

[ทีมงานบ้านเรา]

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชุมพร

นายสุรสิทธิ์ สิงหพรพงศ์ เกษตรจังหวัดชุมพร เปิดเผยว่า ขณะนี้จังหวัดชุมพร เริ่มเข้าสู่ฤดูแล้ง เนื่องจากฝนได้หยุดตกทิ้งช่วงมานานร่วมเดือน 2 เดือนเศษ เกษตรกรหลายพื้นที่เริ่มประสบปัญหาภัยแล้งบ้างแล้ว ซึ่งในหน้าแล้งพื้นดินจะสูญเสียน้ำมากจากการที่มีปริมาณแสงแดดและความเร็วกระแสลมที่เพิ่มขึ้น ทำให้พืชสูญเสียน้ำเพิ่มขึ้นด้วยเพราะมีการคายน้ำมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้พืชตายได้ โดยพืชที่จะได้รับผลกระทบมากในหน้าแล้ง คือ พืชผัก รวมถึงพืชยืนต้นที่ปลูกใหม่

เกษตรจังหวัดชุมพร กล่าวอีกว่า สถานการณ์น้ำในขณะนี้ หากมองในภาพรวมแล้ว จะมีเพียงพอเพื่อใช้อุปโภค บริโภคได้อย่างสบาย แต่หากเพื่อการเกษตรกรรมนั้น เกษตรกรต้องคำนึงว่า หากจะปลูกพืชเกษตรที่ต้องใช้น้ำมาก เช่น นาข้าว ปาล์มน้ำมัน ยางพาราหรือไม้ผล ต่างๆ แปลงปลูกจะต้องอยู่ใกล้แหล่งน้ำหรือมีแหล่งน้ำของตนเอง แต่หากหวังจะรอฝนตกลงมานั้น เป็นการสุ่มเสี่ยงต่อสภาวะไม่ได้ผลมาก

นายสุรสิทธิ์ สิงหพรพงศ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทางเกษตรจังหวัดได้ทำเรื่องไปยังสถาบันฝนหลวงแล้ว เพื่อขอให้ทางหน่วยบินของฝนหลวงมาทำฝนเทียมในพื้นที่จังหวัดชุมพร ส่วนช่วงนี้ขอแนะนำให้เกษตรกรดูแลรักษาสวนในหน้าแล้ง โดยพืชยืนต้นที่เพิ่งปลูกในปีที่ผ่านมา อย่างยางพาราและปาล์มน้ำมัน ซึ่งระบบรากยังไม่สมบูรณ์ และลึกพอที่จะดูดน้ำในระดับลึกได้ ให้คลุมโคนด้วยวัสดุคลุมดิน เช่น ซากวัชพืช ทะลายปาล์มเปล่าที่เหลือใช้จากโรงงาน เพื่อรักษาความชื้นในดิน โดยคลุมห่างจากโคนต้น 5-10 เซนติเมตร รัศมีคลุมโคน 1 เมตร หนาประมาณ 10 เซนติเมตร ซึ่งจะสามารถรักษาความชื้นในดินได้ระดับหนึ่ง และเมื่อซากวัชพืชสลายตัวก็จะเป็นปุ๋ยต่อไปด้วย

นายสุรสิทธิ์ สิงหพรพงศ์ เกษตรจังหวัดชุมพร กล่าวอีกต่อว่า สำหรับพืชผัก หากเกษตรกรจะปลูกต้องมีแหล่งน้ำที่ให้น้ำได้อย่างเพียงพอตลอดอายุพืช เพราะผักเป็นพืชที่ต้องการน้ำมาก สำหรับพื้นที่ที่ไม่มีแหล่งน้ำหรืออยู่นอกเขตชลประทาน ควรหันมาปลูกพืชที่ทนแล้งใช้น้ำน้อย เช่น ข้าวโพด หรือพืชไร่อื่นๆ แทน ซึ่งพืชเหล่านี้จะใช้น้ำน้อย และทนแล้งกว่าพืชผักกินใบ

พอพล กล้าผจญ ข่าว/ภาพ ส.ปชส. ชุมพร 17 กุมภาพันธ์ 2557