ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

โอล่ะพ่อ...งานนี้ MH370 งานเข้าแล้วครับ....

เริ่มโดย ฟ้าเปลี่ยนสี, 13:04 น. 16 มี.ค 57

ฟ้าเปลี่ยนสี

มาเลเซียโยนเวียดนามทำผิดขั้นตอน/รัฐบาลมาเลเซียเปิดเผยข้อมูลอย่างละเอียดของ MH370 เป็นครั้งแรก

02/05/2557 22.30 น.
โดย ThaiArmedForce

เส้นทางการบินของ MH370 จากข้อมูลเท่าที่ปรากฏที่ถูกเผยแพร่โดยรักษาการรมต.คมนาคมมาเลเซีย
(ภาพจาก https://www.facebook.com/media/set/set=a.10152221414824355.1073741996.72613804354&type=1)
[attach=1]

อธิบดีกรมการบินพลเรือนมาเลเซียกล่าวว่า ATC เวียดนามทำผิดขั้นตอนในการควบคุมการจราจรทางอากาศในกรณี MH370

สำนักข่าว The Malay Mail Online รายงานว่า นายอาซารุดดิน อับดุล รามาน อธิบดีกรมการบินพลเรือนของมาเลเซียแถลงข่าวในวันนี้ว่า ในวเลา 01.19 ของวันที่ 8 มีนาคมนั้น เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศของมาเลเซียในกัวลาลัมเปอร์ได้สั่งให้ MH370 เปลี่ยนความถี่ของวิทยุไปรับสัญญาณของเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศของเวียดนามในโฮจิมินซิตี้ แต่หลังจากไม่มีการติดต่อจาก MH370 ต้องรอถึงเวลา 01.38 เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศของเวียดนามจึงเพิ่งติดต่อมายังเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศของมาเลเซีย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเวียดนามละเมิดขั้นตอนในการควบคุมการจราจรทางอากาศ

"ถ้า (เจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศ) ที่โฮจิมินไม่ได้รับการติดต่อจากเครื่องบิน โดยขั้นตอนแล้วต้องรอเพียง 5 นาที" นายอาซารุดดินกล่าววันนี้

ดาโต๊ะ อาซารุดดินยังกล่าวอีกว่าเมื่อ MH370 ผ่านจุด Igari ในทะเลจีนใต้ไปแล้ว ก็ถือว่าไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศของมาเลเซียแล้ว แต่ความรับผิดชอบเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศของเวียดนาม และเวียดนามต้องอธิบายว่าทำไมเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศของเวียดนามจึงใช้เวลารอมากกว่าขั้นตอนที่ถูกต้องถึง 12 นาที

แต่อย่างไรก็ตาม รายงานการสอบสวนเบื้องต้นของมาเลเซียก็ชี้ให้เห็นว่าต้องใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมงหลังจากเครื่องบินหายไปจากจอเรดาร์กว่าที่มาเลเซียจะเริ่มปฏิบัติการค้นหา โดยในประเด็นนี้ นายฮิชามมุดดิน ฮุสเซน รัฐมนตรีกลาโหม และรักษาการรัฐมนตรีคมนาคมมาเลเซีย กล่าวว่าเมื่อครั้งเที่ยวบิน AF447 ของสายการบิน Air France ตกในบราซิล เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสยังใช้เวลาถึง 7 ชั่วโมงกว่าจะออกค้นหา

"เวลา 4 ชั่วโมงจะนานไปหรือไม่นั่น ไม่ใช่เรื่องที่เราจะพูดถึงที่นี่" นายฮิชามมุดดินกล่าว

ทั้งนี้ ข้อมูลในรายงานยังทิ้งข้อสงสัยหลายประเด็น โดยเฉพาะประเด็นที่ ThaiArmedForce.com ตั้งข้อสงสัยว่าเจ้าหน้าที่ควบคุมเรดาร์ของกองทัพอากาศมาเลเซียใช้วิธีการใดที่ระบุว่า MH370 ซึ่งในเวลานั้นกลายเป็นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย ให้กลายเป็นอากาศยานฝ่ายเดียวกับตน และไม่มีมาตรการตอบโต้ใด ๆ ตามขั้นตอนการป้องกันภัยทางอากาศ ทั้งที่ไม่มีการติดต่อใด ๆ กับ MH370 หรืออากาศยานไม่ทราบฝ่ายนั้นเลย
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

จับ "ก่อการร้ายอัลกออิดะห์ 11 คน" กลางมาเลเซีย สอบเครียดเกี่ยวข้อง MH370

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
4 พฤษภาคม 2557 11:55 น.

ซูไลมาน อาบู กีธ(Sulaiman Abu Ghaith) ลูกเขยของอุซามะห์ บิน ลาดิน(ซ้าย)
และซายิด บาดาต(Saajid Badat )(ขวา)
[attach=1]

เอเจนซีส์ - กลุ่มก่อการร้ายจำนวน 11 คนที่มีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ถูกสอบปากคำในวันศุกร์ (2) ว่ามีส่วนในการหายไปของเที่ยวบิน MH370 หรือไม่ โดยผู้ก่อการร้ายทั้งหมดถูกจับในสัปดาห์ก่อนหน้านั้นจากปฏิบัติการในกรุงกัวลาลัมเปอร์ และรัฐเกดะห์ หลังจาก FBI สหรัฐฯ และ MI6 อังกฤษสงสัยว่าอาจมีกลุ่มก่อการร้ายเกี่ยวข้อง ด้านสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ยอมรับในคาร์โก้ของ MH370 ยังมีแบตเตอรีลิเทียมหนัก 200 กก.
       
       สื่ออังกฤษ เดลิเมลรายงานเมื่อวานนี้ (3) ว่า ผู้ก่อการร้าย 11 คนที่ทางการมาเลย์จับได้ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ และรัฐเกดะห์ในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น เป็นสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มใหม่ที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายอัลกออิดะห์ และได้วางแผนโจมประเทศมุสลิม โดยกลุ่มก่อการร้ายนี้มีเครือข่ายในซีเรียและทางใต้ของฟิลิปปินส์ อ้างจากหนังสือพิมพ์สตาร์ สื่อมาเลเซีย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จับกุมตัวโดยใช้กฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายมาเลเซีย Act 2012 (SOSMA) กล่าวหาว่าพวกเขามีส่วนพัวพันในแผนการโจมตีในสงครามกลางเมืองซีเรีย
       
       การสอบสวนครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากหน่วยงานต่างๆ ที่รวมถึง FBI สหรัฐฯ และ MI6 อังกฤษ ร้องให้มีการสอบปากคำผู้ก่อการร้ายที่มีช่วงอายุระหว่าง 22-55 ปี รวมไปถึง นักเรียน บุคคลที่ประกอบอาชีพที่แปลกประหลาด ม่ายที่อายุยังน้อย และนักธุรกิจ เพื่อหาข้อมูล MH370 โดยมาเลย์เมลออนไลน์ระบุว่า หนึ่งใน 11 คนที่ถูกจับได้นั้นรวมไปถึงไซเดน อิซมาล (Saiden Ismail) นักศึกษาที่เป็นนักเคลื่อนไหวของกลุ่ม Solidariti Anak Muda Malaysia (SAMM)
       
       นอกจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่มาเลย์ยังเชื่อว่ากลุ่มทั้ง 11 คนนี้มีความเชื่อมโยงยาซิด ซูฟาต (Yazid Sufaat) ที่ก่อนหน้านี้ถูกคุมขังข้อหาก่อการร้าย "นี่มีความเชื่อมโยงอยู่" รัฐมนตรีมหาดไทยมาเลเซีย ซาฮิด ฮามิดี (Zahid Hamidi ) กล่าวในวันศุกร์ (2)
       
       ด้านแหล่งข่าวจากหน่วยงานพิเศษต่อต้านการก่อการร้ายมาเลเซียได้เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (2) หลังจากจับกุมตัวผู้ก่อการร้ายและนำไปสอบปากคำ ทำให้เชื่อได้มากขึ้นว่าการหายไปของเครื่องบินเป็นการก่อการร้าย
       
       "เป็นไปได้สูงมากที่ MH370 เปลี่ยนเส้นทางการบินนั้นเป็นฝีมือผู้ก่อการร้าย และในการประเมินของหน่วยงานสอบสวนสากลต่างๆ เจ้าหน้าที่เหล่านั้นได้ร้องขอให้มาเลเซียรายงานเกี่ยวกับกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มใหม่นี้อย่างละเอียด" แหล่งข่าวมาเลเซียกล่าว
       
       และแหล่งข่าวมาเลย์ยังเสริมต่อว่า หลังจากสอบปากคำกลุ่มผู้ต้องสงสัยเป็นเวลาหลายชั่วโมง มีผู้ก่อการร้ายบางคนเปิดปากยอมรับว่า มีการวางแผนเพื่อก่อการร้ายในมาเลเซีย แต่ปฏิเสธถึงความเกี่ยวข้องในการหายไปของ MH370
       
       และโยงไปถึงการไต่สวนของซูไลมาน อาบู กีธ (Sulaiman Abu Ghaith) ลูกเขยของอุซามะห์ บิน ลาดิน  ซายิด บาดาต(Saajid Badat) ผู้ก่อการร้ายชาวอังกฤษจากเมืองกลอเซสเตอร์ อังกฤษ ได้ให้ข้อมูลว่า เขาได้รับการฝึกที่ค่ายก่อการร้ายในอัฟกานิสถาน และได้มอบรองเท้าที่มีระเบิดซ่อนแก่ชาวมาเลย์กลุ่มหนึ่ง
       
       โดยบาดาตกล่าวว่า "ผมได้มอบรองเท้าให้กับชาวมาเลย์ และผมคิดว่ารองเท้าซ่อนระเบิดนี้ได้เล็ดลอดเข้าไปภายในห้องนักบิน"
       
       บาดาตให้การผ่านวิดีโอลิงก์ในขณะที่เขาซ่อนตัวอยู่ในอังกฤษ โดยให้การกับศาลนิวยอร์กว่า แผนการระเบิดซ่อนในรองเท้าของชาวมาเลย์นั้นแท้จริงแล้วมีต้นคิดมาจาก คาลิด เชค โมฮัมหมัด (Khalid Sheikh Mohammed) ผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ 9/11
       
       นอกจากนี้ในวันศุกร์ (2) ยังมีสิ่งที่น่าประหลาดใจเกี่ยวกับสินค้าขนส่งที่อยู่ในคาร์โก้ของ MH370 ที่ล่าสุดสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ได้ยอมรับว่า มีการขนส่งมังคุด 4.566 ตัน และแบตเตอรีลิเธียม อีก 200 กก.ในคาร์โก้ จึงเป็นคำถามว่าอีก 2.253  ตันที่อยู่ในคาร์โก้ของ MH370 นั้นสายการบินขนส่งสิ่งใด
       
       ซึ่งทางโฆษกบริษัทการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ปฏิเสธที่จะตอบคำถามนี้ โดยให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์สตาร์ว่า "ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ เนื่องจากยังอยู่ในระหว่างการสอบสวน และหน่วยงานกฎหมายของบริษัทไม่ต่องการให้ข้อมูลในเรื่องนี้"
       
       นอกจากนี้ทางโฆษกยังปฏิเสธที่จะให้รายชื่อบริษัทที่เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี ทั้งนี้ระบุเพียงว่าสิ่งที่อยู่ในล็อตการขนส่งที่เหลือทั้งหมดล้วนเป็นอุปกรณ์วิทยุและชารจเจอร์
       
       แถลงการณ์ของสายการบินออกมาว่า สินค้าที่เหลือถูกสำแดงว่าเป็น "อุปกรณ์วิทยุ" ถึงแม้ว่าจะไม่มีเอกสารยืนยันการขนส่งครั้งนี้ที่เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (1)
       
       ทั้งนี้ บริษัทสายการบินระบุเพียงว่า บริษัท NNR Global ส่ง 133 ชิ้น ซึ่งมีชิ้นหนึ่งมีน้ำหนัก 1.99 ตัน และอีก 67 ชิ้นที่รวมอยู่ในอีกชิ้นมีน้ำหนักรวม 463 กก. และมีน้ำหนักรวมของสินค้าทั้งหมดราว 2.453 ตัน
       
       ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์สตาร์ชี้ว่า บริษัท NNR Global ตั้งอยู่ที่โกดังขนส่งสินค้าทางอากาศห่างจากสนามบินนานาชาติปีนังไปไม่ถึง 100 หลา ซึ่งในขณะนี้มีตำรวจเฝ้าอยู่และมีเพียงนักข่าวเท่านั้นที่สามารถผ่านเข้าไปได้
       
       โดยพบว่าทั้งแบตเตอรีลิเธียมและสินค้าอื่นๆ ที่ระบุว่าเป็นอุปกรณ์วิทยุนั้นมีปลายทางอยู่ที่กรุงปักกิ่ง ที่มีบริษัท JHJ International Transportation Co.Ltd แห่งกรุงปักกิ่งเป็นตัวแทนรับมอบปลายทาง
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

ผบ.ตร.มาเลเซียปฏิเสธข่าวสื่อนอก ยัน "11 ผู้ก่อการร้าย" ไม่เกี่ยว MH370

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
4 พฤษภาคม 2557 23:34 น.

ตัน ศรี คาลิด อาบู บาการ์ ผู้บัญชาการตำรวจมาเลเซีย
[attach=1]

เอเจนซีส์ - ผบ.ตร.มาเลเซียปฏิเสธข่าวจากสื่อต่างประเทศหลายกระแสที่ว่า ผู้ต้องสงสัยที่พัวพันกับกลุ่มอัล-กออิดะห์ 11 คนซึ่งถูกทางการแดนเสือเหลืองจับกุมในกรุงกัวลาลัมเปอร์และรัฐเกดะห์ในสัปดาห์ที่แล้ว มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสูญหายปริศนาของเครื่องบินโดยสารในเที่ยวบิน MH370
       
           ตัน ศรี คาลิด อาบู บาการ์ ผู้บัญชาการตำรวจมาเลเซีย กล่าวกับ เดอะ สตาร์ หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของมาเลเซีย เมื่อวันอาทิตย์ (4 พ.ค.) ว่า ผู้ก่อการร้ายกลุ่มดังกล่าวไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับเที่ยวบินของมาเลเซีย แอร์ไลน์ ที่หายไปขณะเดินทางจากกัวลาลัมเปอร์ไปยังปักกิ่งในวันที่ 8 มีนาคม
       
          "นั่นเป็นรายงานข่าวที่ไร้สาระ มันไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับเครื่องบิน (ที่หายไป) หรอก" เว็บไซต์ สตาร์ ออนไลน์ อ้างคำพูดของผู้บัญชาการตำรวจแดนเสือเหลือง
       
          ทางด้านโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นก็ไปสัมภาษณ์ ดาติน อัสมาวาตี โฆษกตำรวจมาเลเซียในวันเดียวกัน และได้คำตอบว่า ไม่มีเครื่องบ่งชี้ใดๆ เลยว่า กลุ่มที่ถูกจับกุมตัวเอาไว้ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วเหล่านี้ มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับการหายไปของ MH370
       
          ก่อนหน้านี้ สื่อมวลชนต่างประเทศหลายราย เป็นต้นว่า เดลิ มิร์เรอร์ของอังกฤษ และอินเตอร์เนชันแนล บิสเนส ไทมส์ (ไอบีไทมส์) ในนิวยอร์ก ได้เสนอข่าวว่า ผู้ต้องหาชาวมาเลเซียพวกนี้ ซึ่งเข้าใจว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับเครือข่ายอัล-กออิดะห์ กำลังถูกสอบสวนโดยต้องสงสัยว่า พัวพันเกี่ยวข้องกับการสูญหายของเครื่องบินโบอิ้ง 777 ลำดังกล่าว แถมพวกเจ้าหน้าที่สอบสวนต่างชาติที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนค้นหา MH370 เป็นต้นว่า สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) และเอ็มไอ6 (หน่วยข่าวกรองของอังกฤษ) ได้ขอรายงานฉบับสมบูรณ์เกี่ยวกับคนเหล่านี้
       
          ไอบีไทมส์ อ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่ที่ไม่ระบุชื่อจากกองปราบปรามการก่อการร้ายของกองบัญชาการตำรวจสันติบาลมาเลเซีย ที่เปิดเผยว่า ผู้ต้องสงสัยกลุ่มนี้ซึ่งถูกจับมาจากพื้นที่หลายแห่งในกัวลาลัมเปอร์และเกดะห์ ได้ถูกสอบปากคำเมื่อวันเสาร์ (3) เกี่ยวกับการหายไปของ MH370 ทั้งนี้ กลุ่มคนเหล่านี้อาจเป็นสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มใหม่ที่กำลังวางแผนโจมตีประเทศมุสลิม อีกทั้งเชื่อว่ามีเครือข่ายในซีเรียและตอนใต้ของฟิลิปปินส์
       
          ผู้ต้องสงสัยทั้ง 11 คนซึ่งอายุระหว่าง 22-55 ปี และมีทั้งที่เป็นนักศึกษา คนทำงานเล็กๆ น้อยๆ นักธุรกิจ เหล่านี้ มีบางคนยอมรับว่า วางแผนปลุกปั่นการก่อการร้ายในมาเลเซีย แต่ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของ MH370
       
          ในผู้ต้องสงสัยกลุ่มนี้ คนหนึ่งคือ ไซเดน อิสมาอิล จากขบวนการเคลื่อนไหวของนักศึกษาโซลิดาริตี อานัค มูดา มาเลเซีย (SAMM) ที่ถูกตำรวจจับกุมโดยใช้อำนาจตามกฎหมายความมั่นคง (มาตรการพิเศษ) ปี 2012 ด้วยข้อหาเกี่ยวข้องกับแผนการต่อสู้ในสงครามกลางเมืองในซีเรีย
       
          เจ้าหน้าที่แดนเสือเหลืองยังเชื่อว่า ผู้ต้องสงสัยกลุ่มนี้มีส่วนเชื่อมโยงกับยาซิด ซูฟาต ที่ถูกทางการจับกุมเมื่อปีที่แล้วภายใต้อำนาจของกฎหมายต่อต้านการก่อการร้าย ในข้อหาพยายามส่งเสริมการก่อการร้ายภายนอกประเทศ ด้วยการเชิญชวนอย่างเปิดเผย ขอรับอาสาสมัครเข้าร่วมกับกลุ่มกบฏสุหนี่ ทำการสู้รบกับกองทัพของรัฐบาลซีเรีย

[attach=2]

สำหรับเที่ยวบิน MH370 ได้ออกเดินทางจากสนามบินกัวลาลัมเปอร์เมื่อเวลา 12.41 น. วันที่ 8 มีนาคม โดยมีจุดหมายปลายทางที่ปักกิ่ง แต่ได้สูญหายไปหลังจากนั้น 1 ชั่วโมงภายหลังติดต่อกับศูนย์ควบคุมจราจรทางอากาศซูบัง โดยตำแหน่งสุดท้ายที่รับรู้คือ 120 ไมล์ทะเลจากฝั่งโกตาบารูในรัฐกลันตัน
       
          หนึ่งสัปดาห์หลังจากเครื่องบินสูญหาย มาเลเซียประกาศว่า MH370 ออกนอกเส้นทางอย่างจงใจ และพุ่งประเด็นการสอบสวนไปที่ผู้โดยสาร 227 คนและลูกเรือ 12 คน โดยที่มีกระแสคาดเดาถึงความเป็นไปได้ที่ว่า กรณีที่เกิดขึ้นนี้อาจจะมีสาเหตุมาจาก นักบินอาจฆ่าตัวตาย หรือมีความพยายามก่อการร้ายโดยลูกเรือหรือผู้โดยสารบนเครื่อง อย่างไรก็ตาม สุดท้ายไม่ได้พบหลักฐานใดๆ สนับสนุนสมมติฐานทั้งหมดเหล่านี้เลย
       
          เวลานี้เจ้าหน้าที่สอบสวนที่รวมถึงทีมผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก สรุปจากข้อมูลดาวเทียมและเรดาร์ว่า เครื่องบินลำนี้คงจะตกลงในมหาสมุทรอินเดีย
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

"งานศพผู้โดยสาร MH370" จัดครั้งแรกในออสเตรเลีย - "มาเลเซียแอร์ไลน์ส" เริ่มจ่ายเงินชดเชย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
5 พฤษภาคม 2557 10:23 น.

[attach=1]

เอเจนซีส์ - งานศพของร็อด และ แมรี เบอร์โรว์ส สองสามีภรรยาชาวออสเตรเลีย ผู้โดยสารเที่ยวบิน MH370 ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ (4) ที่บริสเบน ออสเตรเลีย นับเป็นระยะเวลาเกือบ 2 เดือนของการหายไปของเครื่องบินโบอิ้ง 777 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ในขณะที่ทางบริษัทการบินเริ่มต้นกระบวนการจ่ายค่าเสียหายให้กับญาติของผู้โดยสาร
       
       สื่อสหรัฐฯ เช่น MSNBC รายงานว่า งานศพของผู้โดยสาร MH370 เที่ยวบินที่ยังสูญหายเป็นปริศนาถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย และห้ามไม่ให้สื่อเข้าร่วมที่บริสเบน ออสเตรเลีย ในวันอาทิตย์ (4) ซึ่งทางครอบครัวของร็อด และ แมรี เบอร์โรว์ส จากบริสเบน ที่มีรายชื่อเป็นผู้โดยสารเที่ยวบินสูญหายได้ออกแถลงการณ์ผ่านตำรวจควีนสแลนด์ก่อนเริ่มงานว่า "ทางญาติของร็อด และ แมรี เบอร์โรว์ส รวมไปถึงเพื่อนของคนทั้งสองจะรวมตัวในวันอาทิตย์เพื่อร่วมงานรำลึกถึงร็อด และ แมรี เบอร์โรว์ส" ทั้งนี้ ร็อด และ แมรี เบอร์โรว์ส ถือเป็นชาวออสเตรเลีย 2 คนจากผู้โดยสารชาวออสเตรเลียทั้งหมด 6 คนในเที่ยวบินที่สูญหายเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2014
       
       และแถลงการณ์ของญาติเบอร์โรว์สยังกล่าวต่อว่า "ทั้งนี้ขอไม่ให้สื่อติดตามทำข่าวในพิธีทางศาสนาที่โบสถ์ซึ่งถือเป็นการจัดงานภายในครอบครัวและคนสนิท ทั้งนี้ทั้งญาติและเพื่อนของผู้โดยสารที่เสียชีวิตรู้สึกซาบซึ้งในความห่วงใยของสาธารณชนในเหตุการณ์โศกนาฏกรรมครั้งนี้ แต่ยังขอให้สื่อและสาธารณชนโปรดให้ความเป็นส่วนตัวกับผู้ใกล้ชิดผู้ที่เสียชีวิตให้ทำใจในช่วงที่ยากลำบากนี้"
       
       ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สื่อท้องถิ่น บริสเบนไทม์สรายงานว่า ญาติของเบอร์โรว์สได้ให้สัมภาษณ์ด้วยความปวดร้าวว่า "ทางครอบครัวพยายามที่จะทำใจกับโศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่นี้" เจย์เดน เบอร์โรว์ส บุตรชายของร็อด และ แมรี เบอร์โรว์ส กล่าวในแถลงการณ์ครอบครัว และกล่าวเสริมว่า "เรารักและจะคิดถึงพ่อและแม่ของพวกเรามาก"
       
       พิธีศพถูกจัดขึ้นถึงแม้ว่าจะยังไม่มีสัญญาณใดๆ จากทางการมาเลเซียที่จะพบถึงร่องรอยของ MH370 และล่าสุดผู้บัญชาการตำรวจมาเลเซียได้ปฏิเสธข่าวการจับกุมตัวกลุ่มผู้ก่อการร้าย 11 คนในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ว่า มีความเกี่ยวพันกับการหายไปของ MH370 ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดมีอายุระหว่าง 22-55 ปี ถูกจับกุมในกรุงกัวลาลัมเปอร์และรัฐเกดะห์
       
       และในขณะเดียวกันในวันเสาร์ (3) บริษัท มาเลเซียแอร์ไลน์ส ได้เริ่มกระบวนการจ่ายเงินชดเชยให้กับครอบครัวของผู้โดยสารเที่ยวบิน MH370 โดยทางบริษัทได้เริ่มติดต่อกับครอบครัวของผู้โดยสารเพื่อเจรจา
       
       นอกจากนี้ ทางบริษัทได้ปิดศูนย์ช่วยเหลือสำหรับญาติผู้โดยสารที่มาจากกรุงปักกิ่งและกรุงกัวลาลัมเปอร์ พร้อมกับร้องขอให้ญาติเหล่านั้นเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อติดตามความคืบบ้านที่บ้านของพวกเขาต่อไป
       
       ในแถลงการณ์ของมาเลเซียแอร์ไลน์สเมื่อวันเสาร์ (3) ได้กล่าวว่า "ตัวแทนของบริษัทจากศูนย์ช่วยเหลือครอบครัวผู้โดยสารได้เริ่มติดต่อกับครอบครัวผู้โดยสารเพื่อให้การช่วยเหลือด้านการเงินล่วงหน้า ทั้งนี้จะไม่มีผลกระทบต่อสิทธิทางกฎหมายของญาติเหล่านั้นในการได้รับเงินชดเชยในศาล แต่อย่างไรก็ตามทางบริษัทจะไม่เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเนื่องจากต้องการเคารพในสิทธิส่วนบุคคลของญาติผู้สูญเสีย"
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

ออสซี่-จีน-มาเลย์ "ถก" ค้นหา MH370 วิเคราะห์ทบทวนข้อมูล - ใช้อุปกรณ์ใหม่ๆ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
5 พฤษภาคม 2557 20:26 น.   

(จากซ้าย) ฮิชามมุดดิน ฮุสเซน รัฐมนตรีคมนาคมมาเลเซีย
วอร์เรน ทรัสส์ รัฐมนตรีคมนาคมออสเตรเลีย และหยาง ฉวนถัง รัฐมนตรีคมนาคมจีน
[attach=1]

เอเจนซีส์ – ทีมผู้เชี่ยวชาญนานาชาติเตรียมวิเคราะห์และทบทวนข้อมูลทั้งหมดที่รวบรวมได้ระหว่างเวลาเกือบ 2 เดือนแห่งการค้นหา MH370 เพื่อให้แน่ใจว่าค้นหาถูกที่แล้ว นอกจากนั้นคาดกันว่าอาจต้องรอคอยอีก 2 เดือนกว่าจะสามารถนำอุปกรณ์ค้นหาใต้น้ำที่มีศักยภาพสูงยิ่งขึ้นเข้ามาใช้ในการปฏิบัติการค้นหาระยะใหม่ได้ ขณะเดียวกัน ความรับผิดชอบทางการเงินก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่จะต้องสะสาง

(ขวา) พล อ.อ. แองกัส ฮุสตัน อดีตผู้บัญชาการทหารของออสเตรเลีย
หัวหน้าศูนย์ประสานงานร่วมการค้นหา (JACC)
[attach=2]

เหล่ารัฐมนตรีคมนาคมมาเลเซีย, ออสเตรเลีย, และจีน ได้ประชุมหารือกันที่กรุงแคนเบอร์รา เมืองหลวงแดนจิงโจ้เมื่อวันจันทร์ (5 พ.ค.) เพื่อกำหนดรายละเอียดการค้นหาเที่ยวบิน 370 ของมาเลเซีย แอร์ไลน์ ในขั้นต่อไป โดยจะเน้นที่ใต้มหาสมุทรอินเดียบริเวณนอกชายฝั่งด้านตะวันตกของออสเตรเลียในอาณาบริเวณ 60,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งการวิเคราะห์ข้อมูลดาวเทียมและเรดาร์บ่งชี้ความเป็นไปได้สูงสุดว่า เป็นจุดตกของเครื่องบินโบอิ้ง 777 ลำนี้
          
       อย่างไรก็ตาม พล อ.อ. แองกัส ฮุสตัน อดีตผู้บัญชาการทหารของออสเตรเลีย ซึ่งเป็นหัวหน้าศูนย์ประสานงานร่วมการค้นหา (JACC) กล่าวในวันจันทร์ด้วยว่า คณะผู้เชี่ยวชาญนานาชาติจะเริ่มวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดที่รวบรวมได้ตลอดเวลาเกือบสองเดือนที่ผ่านมาตั้งแต่วันพุธนี้ (7) เพื่อให้แน่ใจว่า ไม่มีข้อบกพร่องใดๆ และสมมติฐานที่ใช้ในการค้นหานั้นมีความถูกต้อง นอกจากนี้จะมีการย้ายที่ตั้งของศูนย์เจเอซีซี จากเมืองเพิร์ท ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ไปยังกรุงแคนเบอร์รา
          
       ฮุสตันสำทับว่า การค้นหาใต้น้ำขั้นตอนต่อไปมีแนวโน้มใช้เวลายาวนานถึง 1 ปี
          
       ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สอบสวนต้องเผชิญอุปสรรคจากการขาดไร้ข้อมูลดิบ นับแต่ที่MH 370 หายไปเมื่อวันที่ 8 มีนาคม ระหว่างเส้นทางกัวลาลัมเปอร์-ปักกิ่ง การปฏิบัติการเหนือผิวน้ำด้วยเรือและเครื่องบิน เพื่อค้นหาเศษซากซึ่งอาจลอยอยู่ที่ผิวน้ำ ได้ถูกยกเลิกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากเจ้าหน้าที่สรุปว่า ด้วยระยะเวลาขนาดนั้น ซากเครื่องบินทั้งหลายน่าจะชุ่มน้ำและจมลงก้นมหาสมุทรแล้ว
          
       ทางด้าน วอร์เรน ทรัสส์ รัฐมนตรีคมนาคมออสเตรเลีย กล่าวยอมรับในวันจันทร์ว่า ถึงแม้ทีมค้นหามีความเชื่อมั่นว่า ทำการค้นหาในบริเวณที่ถูกต้องแล้ว ทว่าความเชื่อมั่นและความพยายามทั้งหมด ยังไม่ได้นำไปสู่การค้นพบซากหรือเบาะแสใดๆ ของเครื่องบิน
          
       ฮุสตันและทรัสส์ เข้าประชุมหารือกับ ฮิชามมุดดิน ฮุสเซน และหยาง ฉวนถัง รัฐมนตรีคมนาคมมาเลเซียและจีนตามลำดับ ในคราวนี้ เพื่อกำหนดขั้นตอนต่อไปในการค้นหาใต้น้ำ โดยมีการเปิดเผยว่า มีการติดต่อกับทั้งภาครัฐและพวกผู้รับเหมาภาคเอกชน เพื่อเตรียมเริ่มการประกวดราคา สำหรับการนำเอาอุปกรณ์พิเศษที่สามารถใช้ในน้ำลึกกว่า "บลูฟิน-21" ยานดำน้ำไร้คนขับของกองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งได้ถูกส่งลงไปค้นหาใต้น้ำบริเวณที่ตรวจพบสัญญาณซึ่งเข้าใจกันว่ามาจากกล่องดำเครื่องบินตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนนี้

[attach=3]

บลูฟินนั้นมีข้อจำกัดที่ดำลึกได้เพียง 4,500 เมตร ขณะที่บางส่วนของพื้นที่ค้นหาเดิมตลอดจนบริเวณที่จะขยายเพิ่มขึ้นมา น่าจะลึกกว่านั้น มิหนำซ้ำ ยังไม่มีใครรู้จริงๆ ว่า บริเวณดังกล่าวลึกเพียงใด เนื่องจากยังไม่เคยมีการทำแผนที่มาก่อน

ทรัสส์เสริมว่า การทำแผนที่ท้องมหาสมุทรบริเวณดังกล่าวจะเป็นจุดมุ่งเน้นสำคัญในการค้นหาขั้นตอนต่อไป
       
       นอกจากความสามารถในการดำน้ำลึกแล้ว อุปกรณ์ใหม่ยังควรจะต้องส่งข้อมูลกลับไปให้ทีมงานตามเวลาจริงที่มันทำงานอยู่ใต้น้ำ จากเดิมที่สามารถดาวน์โหลดข้อมูลจากบลูฟินได้ ต่อเมื่อโดรนใต้น้ำลำนี้ขึ้นสู่ผิวน้ำทุกรอบการค้นหาที่กินเวลา 16 ชั่วโมงเท่านั้น
       
       ทรัสส์คาดว่า คงจะต้องรออีก 2 เดือนจึงจะสามารถนำอุปกรณ์ใหม่ดังกล่าวนี้มาใช้ได้ และระหว่างนี้บลูฟินจะยังคงปฏิบัติภารกิจต่อไป อย่างไรก็ดี ขณะนี้ปฏิบัติการค้นหาถูกระงับชั่วคราว เนื่องจากเรือโอเชียน ชิลด์ ของออสเตรเลีย ซึ่งใช้เป็นยานแม่ของบลูฟิน ในปฏิบัติการคราวนี้ ต้องเข้ารับการซ่อมบำรุงและดัดแปลงซอฟต์แวร์ที่ฐานในเมืองเพิร์ท ก่อนกลับสู่พื้นที่ค้นหา
       
       ทางด้านสหรัฐฯนั้น เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา วิลเลียม มาร์กส์ ผู้บัญชาการกองทัพเรือที่ 7 แถลงว่า บลูฟิน-21 ได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมปฏิบัติการค้นหาต่อไปอีก 1 เดือน
          
       นอกจากนี้ในระหว่างการหารือ รัฐมนตรีจากทั้งสามประเทศยังยืนยันว่าจะไม่ยุติการค้นหา แม้มีคำถามคาใจมากมายเกี่ยวกับแนวทางการค้นหาต่อไปและผู้ที่จะรับผิดชอบเงินงบประมาณในอนาคต
          
       ปักกิ่งนั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เนื่องจากผู้โดยสาร 2 ใน 3 เป็นคนจีน ส่วนออสเตรเลียมีส่วนร่วมและรับบทนำในการค้นหาเนื่องจากเชื่อว่า เครื่องบินตกในดินแดนของออสซี่ ส่วนมาเลเซียคือเจ้าของเครื่องบินโดยสารลำที่สูญหาย
          
       ทั้งนี้ เป็นที่คาดว่า การค้นหาขั้นตอนต่อไปจะต้องใช้งบประมาณราว 60 ล้านดอลลาร์ และความรับผิดชอบทางการเงินเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญในการประชุมคราวนี้ โดยที่ ฮิชามมุดดินระบุว่า จะมีการหารือในประเด็นนี้กันตั้งแต่วันพุธ(7)นี้
          
       มีรายงานด้วยว่า ดูเหมือนทรัสส์ต้องการชักชวนให้จีน ตลอดจนบริษัทโบอิ้ง และบริษัทโรลส์รอยซ์ ผู้ผลิตเครื่องยนต์ของเครื่องบินลำที่หาย เข้าร่วมแบ่งเบาภาระ

เรือ "โอเชียน ชิลด์" ของกองทัพเรือออสเตรเลีย
[attach=4]

"บลูฟิน-21" ยานดำน้ำไร้คนขับของกองทัพเรือสหรัฐฯ
[attach=5]
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

อึ้ง!! 1 ใน10 ของชาวมะกันเชื่อ "มนุษย์ต่างดาว" ลักพา MH370

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
8 พฤษภาคม 2557 14:30 น.

[attach=1]

เอเจนซีส์ - การสำรวจความเห็นของชาวอเมริกันที่จัดทำโดยCNN และORC International พบว่า 9% เชื่อว่า "มนุษย์ต่างดาว" จากมิติอื่นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของเครื่องบินเที่ยว MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สที่มี 239 คนอยู่บนเครื่องหายไปจากจอเรดาร์ตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม ที่ผ่านมา และเจ้าหน้าที่ยังคงค้นหาต่อไปจนถึงทุกวันนี้
       
       ผลสำรวจความคิดเห็นชาวอเมริกันที่จัดทำโดยCNN และORC International เกี่ยวกับสาเหตุการหายไปของMH370 ได้รับการเปิดเผยเมื่อวานนี้(7) โดยพบว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ในสหรัฐฯนั้นลงความเห็นว่า ภารกิจการค้นหาต้องเดินหน้าต่อไป ในขณะที่จำนวนครึ่งหนึ่งเชื่อว่า ทีมค้นหาสำรวจหาซากเครื่องบินผิดที่ และจำนวน 79% ของชาวอเมริกันที่ได้รับการสำรวจเชื่อว่า ไม่มีใครรอดชีวิตในเที่ยวบินลำนี้แม้แต่คนเดียว
       
       นอกจากนี้ยังพบว่า 52% ของชาวอเมริกันเชื่อว่า จะสามารถหาซากเครื่องบินและได้รับคำตอบในเหตุการณ์ท้ายที่สุด แต่อีก 46% กลับคาดว่าจะไม่มีใครสามารถรับรู้ถึงสาเหตุที่แท้จริงในเรื่องนี้
       
       การสำรวจความคิดเห็นนี้ออกมาในขณะที่มีข่าวการจับกุมตัวผู้ก่อการรร้ายอัลกออิดะห์ 11 คนในกรุงกัวลาลัมเปอร์และรัฐเกดะห์ และได้มีการสอบสวนผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้ถึงร่องรอยที่หายไปของMH370 แต่กระนั้นภายหลังผู้บัญชาการตำรวจมาเลเซียปฎิเสธถึงความเชื่อมโยงนี้
       
       การก่อการร้ายเป็นอีกหนึ่งสาเหตุความเป็นไปได้ในการสูญหาย MH370ในความคิดของชาวอเมริกัน ซึ่งพบว่ามีชาวอเมริกันถึง 57% เชื่อว่ามีกลุ่มก่อการร้ายอยู่เบื้องหลังการหายไปของ MH370 ที่ถึงแม้ล่าสุดยังไม่มีกลุ่มใดประกาศความรับผิดชอบก็ตาม
       
       นอกจากนี้พบว่าชาวอเมริกันอีก 42% เชื่อว่ามีการจี้เครื่องบินเกิดขึ้น ในขณะที่อีก 52% เชื่อว่าเหตุเครื่องยนต์ขัดข้องมีส่วนทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ และ 1 ใน 4 เชื่อมั่นว่าลูกเรือหรือนักบินของเครื่องบินเที่ยว MH370 ต้องมีส่วนในการหายไป
       
       ในวันอังคาร(6) โมฮัมหมัด นาสรี อับดุล อาซิซ (Mohammad Nazri Abdul Aziz) รัฐมนตรีการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมมาเลเซียเปิดเผยว่า รัฐบาลมาเลเซียจะไม่ให้เงินอัดฉีดเพิ่มขึ้นกับบริษัทสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ที่มีรัฐบาลมาเลเซียเป็นเจ้าของหลังจากเกิดวิกฤตMH370 และกระทั่งถึงทุกวันนี้ มาเลเซียแอร์ไลน์สประสบปัญหายอดจองเที่ยวบินที่ลดลง และสูญเงินร่วม 750ล้านปอนด์หลังเกิดเหตุการหายไปของMH370 ใน2 เดือนหลังจากนั้น และขณะนี้อยู่ในระหว่างการฟื้นฟู
       
       แต่จากรายงานพบว่า สายการบินแห่งชาติของมาเลเซียประสบปัญหาขาดทุนร่วม 1.3 พันล้านดอลลาร์ในตลอด 3ปีที่ผ่านมาหลังต้องเผชิญกับการแข่งขันธุรกิจการบินดุเดือด และมีเส้นทางการบินที่ไม่สามารถทำกำไรได้ กัลฟ์นิวสรายงาน
       
       แต่ดูเหมือนว่ารัฐบาลมาเลเซียจะยังไม่ขายบริษัทมาเลเซียแอร์ไลน์สให้กับนักลงทุนหลังจากราคาต่อหุ้นได้ตกลงจากปัญหาแผนฟื้นฟูและวิกฤต MH370

[attach=2]
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

แฟนสาวของพนักงานไอบีเอ็มในเที่ยวบิน MH370 โดนขู่ฆ่าจากหมายเลขลึกลับในจีน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
10 พฤษภาคม 2557 11:47 น.   

[attach=1]

เอเจนซีส์ - ซาราห์ บาจค์ (Sarah Bajc) แฟนสาวของฟิลลิป วูด พนักงานชาวอเมริกันบริษัท ไอบีเอ็ม ประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้โดยสารของเที่ยวบินมรณะสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ได้รับคำขู่เอาชีวิต หลังจากที่อพาร์ตเมนต์ของเธอที่ปักกิ่ง ถูกงัดถึง 2 ครั้ง ภายในสองสัปดาห์หลังจาก MH370 หายไปเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2014 จากคำขู่ที่มาจากเบอร์โทรศัพท์ในจีน อ้างว่า เธอจะเป็นรายต่อไปที่จะถูกเอาชีวิต
       
       ซาราห์ บาจค์ (Sarah Bajc) อาชีพครู แฟนสาวของฟิลลิป วูด พนักงานชาวอเมริกันบริษัท ไอบีเอ็ม ประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ที่มีแผนการจะย้ายไปอาศัยที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ร่วมกับแฟนหนุ่มก่อนที่เขาจะเป็นหนึ่งในผู้สูญหายจากเที่ยวบิน MH370 ต้องขอความคุ้มครองจาก FBI สหรัฐฯให้ช่วยสอบสวนหลังจากที่เธอได้รับข้อความขู่หมายจะเอาชีวิต หลังจากก่อนหน้านี้ได้รับภาพเปลื่อย และโทรศัพท์ก่อกวนอีกนับครั้งไม่ถ้วนจากหมายเลขโทรศัพท์เดียวกันมาจากจีน
       
       และที่เลวร้ายไปกว่านั้้น อพาร์ตเมนต์ของเธอในกรุงปักกิ่งถูกงัดถึง 2 ครั้ง "มันเป็นเหมือนฟางอีกเส้นบนหลังอูฐ มันน่าหงุดหงิดมาก" บาจค์ กล่าว และเสริมต่อไปว่า "ใครก็ตามที่ทำเรื่องนี้ไม่ระมัดระวังเสียเลย เพราะดิฉันเป็นพวกเจ้าระเบียบอย่างร้ายกาจ ดังนั้นดิฉันจะรู้ได้ทันทีหากมีการเคลื่อนย้ายข้าวของ" บาจค์ กล่าวถึงการงัดห้องพักของเธอครั้งแรก
       
       และกล่าวต่อไปว่า "คนทำงานบ้านของดิฉันเดินทางไปต่างจังหวัด ดังนั้นจึงไม่ใช่คนของดิฉันแน่นอน และดิฉันเดินทางกลับมาถึงบ้านก่อนลูกชาย พาสเวิร์ดบนตู้เซฟถูกรีเซตอัตโนมัติ ซึ่งมันเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีการกดพาสเวิร์ดผิดถึง 3 ครั้ง"
       
       อพาร์ตเมนต์ถูกงัดเป็นครั้งที่สองเกิดขึ้นในอีก 2 สัปดาห์หลังจากนั้น "เพื่อนบ้านเห็นคนคู่หนึ่งเดินออกจากอพาร์ตเมนต์ของดิฉันไป ดิฉันไม่มีความเป็นส่วนตัวในที่นี้เลย"
       
       บาจค์ให้ข้อมูลว่าทั้งโทรศัพท์และข้อความที่ส่งมาเกิดขึ้นไม่นานหลังจากมีการงัดอพาร์ตเมนต์เธอครั้งแรก และโทรศัพท์ก่อกวนได้หยุดลงหลังจากเธอขอให้ FBI สหรัฐฯ ช่วยสอบสวน
       
       ก่อนที่เครื่องบินโบอิ้ง 777 จะหายไปบาจค์ชาวยูทาห์ มีแผนจะย้ายจากกรุงปักกิ่ง พร้อมกับลูกชายวัย 17 ปี เพื่อไปอาศัยร่วมกับวูดวัย 50 ปี ชาวเทกซัสที่กรุงกัวลาลัมเปอร์

[attach=2]
[attach=3]
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

เอ๊ะยังไง?? นักสำรวจออสซียอมรับ ไม่ชัวร์ว่าสัญญาณที่พบก่อนหน้าจะมาจาก MH370

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
13 พฤษภาคม 2557 12:40 น.

ผู้บัญชาการกองทัพเรือออสเตรเลีย เจมส์ ไลแบรนด์ (James Lybrand)
[attach=1]

เอเจนซีส์ - นาวาโท เจมส์ ไลแบรนด์ (James Lybrand) ผู้บังคับการเรือ "โอเชียน ชิลด์" ซึ่งเป็นเรือแกนหลักของกองทัพเรือออสเตรเลียในภารกิจตามหา MH370 ยอมรับว่า สัญญาณปิงที่พบก่อนหน้านี้จากยานสำรวจใต้น้ำบลูฟิน-21จำนวน 2 ครั้งใน 4 ครั้งในวันที่ 8 เมษายน 2014อ่อนเกินไปที่จะเกิดมาจากอุปกรณ์ที่มนุษย์สร้างขึ้น คาดว่าอาจจะมาจากโลมาที่มีความสามารถในการสร้างคลื่นโซนาร์เพื่อการสื่อสารที่มีความถี่ระหว่าง 0.2- 50 kHz. และช่วงความถี่40 -150 kHz ในการเตือนพิเศษ
       
       สื่ออังกฤษ เดลิเมล รายงานว่ากลุ่มนักสำรวจ MH370 เปิดเผยว่า สัญญาณปิงที่ในตอนแรกเชื่อกันว่าจะมาจากกล่องดำของMH370 นั้นแท้จริงแล้วอาจจะไม่ได้มาจากเครื่องบินที่สูญหายก็เป็นได้
       
       ไลแบรนด์ ให้สัมภาษณ์ว่า มีความสงสัยเพิ่มมากขึ้นว่าสัญญาณปิงจำนวน 2 ใน 4 ที่จับได้ในเดือนเมษายนอาจจะไม่ได้มาจากกล่องบันทึกการบินของ MH370 เป็นเพราะสัญญาณทั้ง 2 ครั้งนั้นอ่อนเกินไปที่จะเกิดมาจากอุปกรณ์ที่มนุษย์ได้สร้างขึ้น
       
       ทั้งนี้ทีมค้นหาสามารถจับสัญญาณได้ 2 ครั้งในวันที่ 5 เมษายนที่ความถี่ 33.5 kHz. ก่อนที่จะสามารถจับสัญญาณได้อีก 2 ครั้งในอีก 3 วันถัดไปที่ความถี่ 27.kHz. ซึ่งถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญในภารกิจการค้นหา อย่างไรก็ตามไลแบรนด์กล่าวว่า ทีมนักสำรวจยังยืนยันว่า ในสัญญาณ 2 ครั้งที่จับได้ในวันที่ 5 เมษายนนั้น หนึ่งในสัญญาณปิงที่ส่งออกมานานถึง 2.20 ชม. นั้นมีความถี่เดียวกันที่ส่งออกมาจากกล่องดำของ MH370
       
       นอกจากนี้ ไลแบรนด์ไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า อะไรหรือสิ่งใดปล่อยสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ "ปิง" ในวันที่ 8 เมษายนหากว่าสัญญาณเหล่านั้นไม่ได้เกิดมาจากกล่องดำของ MH370
       
       จากข้อมูลพบว่า โลมาสามารถสร้างคลื่นสัญญาณอิเล็กทรอนิกในความถี่ 0.2-150 เพื่อรับข้อมูลโซนิกเกี่ยวกับสภาวะแวดล้อม ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญได้อธิบายว่า โลมามีความสามารถในการสร้างคลื่นโซนาร์เพื่อการสื่อสารที่มีความถี่ระหว่าง 0.2- 50 kHz. และและช่วงความถี่ 40 -150 kHz ในการเตือนพิเศษ
       
       โดยก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย โทนี แอ็บบอตต์ กล่าวว่าเขามีความมั่นใจว่าสัญญาณปิงพวกนั้นมาจากกล่องดำของ MH370 "เราได้จำกัดพื้นที่การสำรวจลงไปมาก และเรามั่นใจว่าสัญญาณเหล่านั้นถูกส่งออกมาจาก MH370" แอ็บบอตต์ กล่าวและเสริมว่า "พบชุดสัญญาณที่บางสัญญาณพบว่ามีระยะเวลานานมาก และเราอยู่ในช่วงระยะที่กล่องดำจะไม่ปล่อยสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์แล้ว ดังนั้นทีมค้นหาหวังว่าจะรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนสัญญาณที่มาจากกล่องดำจะหายไป ผมไม่ต้องการให้ข้อมูลเพิ่มเติมมากไปกว่านี้เนื่องจากต้องเคารพชาวจีนและครอบครัวของพวกเขา"

บริเวณที่พบสัญญาณปิง
[attach=2]

ยานสำรวจใต้น้ำบลูฟิน-21
[attach=3]
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

ค้นหา MH370 ชะงัก หลังยานดำน้ำ "บลูฟิน-21" ขัดข้องต้องรอเปลี่ยนอะไหล่

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
15 พฤษภาคม 2557 16:31 น.

[attach=1]

เอเอฟพี – การติดตามค้นหาเครื่องบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สในมหาสมุทรอินเดียต้องหยุดชะงักลงชั่วคราวในวันนี้(15) หลังยานดำน้ำไร้คนขับของกองทัพเรือสหรัฐฯ เกิดปัญหาทางเทคนิค และต้องรอเปลี่ยนอะไหล่ที่จะส่งมาจากอังกฤษ
       
       ศูนย์ประสานงานร่วมของออสเตรเลีย (เจเอซีซี) ซึ่งควบคุมภารกิจค้นหา MH370 เปิดเผยวานนี้(14)ว่า สัปดาห์นี้ยานดำน้ำ บลูฟิน-21 ดำลงไปสำรวจใต้ทะเลได้เพียง 2 ชั่วโมง ก็ต้องถูกนำกลับขึ้นมาบนผิวน้ำอีกครั้ง
       
       เจเอซีซี อ้างถึง "ปัญหาการสื่อสาร" ที่ทำให้ยานดำน้ำล้มเลิกภารกิจกลางคัน และเมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดก็พบว่า จำเป็นต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนอุปกรณ์บางอย่างเพื่อให้ บลูฟิน-21 กลับมาใช้งานได้ตามปกติ
       
       โบอิ้ง 777-200 ของมาเลเซียแอร์ไลน์ส สูญหายไปตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม พร้อมกับผู้โดยสารและลูกเรือ 239 คนที่กำลังเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปยังกรุงปักกิ่ง ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าเครื่องบินลำนี้น่าจะถูกบังคับออกนอกเส้นทาง และตกบริเวณมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ ทว่าจนบัดนี้ยังไม่พบเศษวัตถุแม้แต่ชิ้นเดียวที่จะยืนยันการตกของโบอิ้งลำนี้ได้
       
       ก่อนหน้านี้ ยานดำน้ำ บลูฟิน-21 ถูกนำกลับไปยังท่าเรือที่เมืองเพิร์ทพร้อมกับเรือโอเชียนชิลด์ และกลับมาปฏิบัติภารกิจค้นหาใต้ทะเลอีกครั้งหนึ่ง แต่หลังจากที่เกิดปัญหาทางเทคนิคขึ้นก็หมายความว่า เรือโอเชียนชิลด์จะต้องพามันกลับเข้าฝั่งอีกครั้งเพื่อรอเปลี่ยนอะไหล่ ซึ่งจะเดินทางมาถึงออสเตรเลียภายในวันอาทิตย์นี้(18)
       
       ปฏิบัติการค้นหาทั้งทางเรือและทางอากาศที่มีหลายชาติร่วมมือกันเริ่มลดระดับลง หลังเหตุการณ์ผ่านมานานกว่า 2 เดือนโดยไม่มีวี่แววว่าจะพบโบอิ้งมาเลเซียที่สูญหาย
       
       พื้นมหาสมุทรบริเวณจุดค้นหาไม่เพียงลึกมาก แต่ยังไม่เคยถูกสำรวจอย่างละเอียดมาก่อนด้วย ดังนั้นจึงต้องอาศัยอุปกรณ์โซนาร์และยานดำน้ำไร้คนขับที่มีศักยภาพสูงเข้ามาช่วย
       
       การส่งยานสำรวจพื้นทะเลเพื่อจัดทำแผนที่ใต้น้ำยังคงดำเนินต่อไป โดยมีเรือของจีนซึ่งอยู่ในบริเวณค้นหาเข้ามาช่วย ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญนานาชาติก็ยังเดินหน้าตรวจสอบภาพถ่ายดาวเทียมและข้อมูลที่รวบรวมมาได้ทั้งหมด เพื่อจำกัดพื้นที่ค้นหาให้แคบลงอีก
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

สองบริษัทน้ำมันมาเลเซียเสนออุปกรณ์ไฮเทคช่วยค้นหาเที่ยวบิน MH370

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
16 พฤษภาคม 2557 02:08 น.

Timeline of the vanished MH370
http://youtu.be/lH1_pDIOWXA

เอเอฟพี - ทางการมาเลเซียเตรียมการสำหรับความพยายามค้นหาเที่ยวบิน MH370 ที่สุญหายมานานหลายเดือนในระยะยาว ด้วยกำลังพิจารณาส่งยานใต้น้ำของบริษัทน้ำมันแห่งรัฐเข้าช่วยอีกแรง หลังจากก่อนหน้านี้ประกาศก้องว่าจะไม่ยอมหยุดภารกิจจนกว่าจะพบเครื่องบินลำนี้
       
       นายอับดุล ราฮิม บากรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมเปิดเผยว่าบริษัทเปโตรนาส รัฐวิสาหกิจพลังงานแห่งชาติ จะจัดเตรียมยานใต้น้ำอัตโนมัติ (AUVs) จำนวน 2 ลำ เข้าช่วยค้นหาเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลนส์ที่สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมีนาคม
       
       นอกจากนี้ เขายังบอกด้วยว่าเปโตรนาส ยังกำลังพิจารณามอบอุปกรณ์โซนาร์ใต้น้ำและยานที่สามารถปฏิบัติการได้ในระยะไกลเข้าช่วยเหลือเพิ่มเติม หากการค้นหายังไม่เห็นผล ขณะเดียวกันทางซาปุระเคนคานา บริษัทน้ำมันและก๊าซสัญชาติมาเลเซียอีกแห่ง ก็เสนอมอบเครื่องหยั่งความลึกของน้ำหลายความถี่เข้าร่วมภารกิจด้วยและเรื่องนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐบาล
       
       ความเคลื่อนไหวดังกล่าว มีขึ้นหลังจากการติดตามค้นหาเครื่องบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สในมหาสมุทรอินเดียต้องหยุดชะงักลงชั่วคราวในวันพฤหัสบดี (15) หลังยานดำน้ำไร้คนขับของกองทัพเรือสหรัฐฯ เกิดปัญหาทางเทคนิค และต้องรอเปลี่ยนอะไหล่ที่จะส่งมาจากอังกฤษ

เจ้าหน้าที่นานาชาติยังคงค้นหาเที่ยวบิน MH370 อย่างไม่ลดละ
[attach=1]

ศูนย์ประสานงานร่วมของออสเตรเลีย (เจเอซีซี) ซึ่งควบคุมภารกิจค้นหา MH370 เปิดเผยเมื่อวันพุธ (14) ว่ายานดำน้ำบลูฟิน-21 ดำลงไปสำรวจใต้ทะเลได้เพียง 2 ชั่วโมง ก็ต้องถูกนำกลับขึ้นมาบนผิวน้ำอีกครั้ง
       
       ก่อนหน้านี้ ยานดำน้ำ บลูฟิน-21 ถูกนำกลับไปยังท่าเรือที่เมืองเพิร์ทพร้อมกับเรือโอเชียนชิลด์ และเพิ่งกลับมาปฏิบัติภารกิจค้นหาใต้ทะเลอีกครั้งหนึ่ง แต่หลังจากที่เกิดปัญหาทางเทคนิคขึ้นอีกก็หมายความว่า เรือโอเชียนชิลด์จะต้องพามันกลับเข้าฝั่งอีกครั้งเพื่อรอเปลี่ยนอะไหล่ ซึ่งจะเดินทางมาถึงออสเตรเลียภายในวันอาทิตย์นี้ (18)
       
       เที่ยวบิน MH370 พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 239 คน สูญหายไปเมื่อวันที่ 8 มีนาคม หลังเบี่ยงเส้นทางอย่างปริศนาระหว่างมุ่งหน้าจากกัวลาลัมเปอร์สู่กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน ด้วยเชื่อกันว่ามันตกลงในมหาสมุทรอินเดีย ห่างไกลจากชายฝั่งทางตะวันตกของออสเตรเลีย อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ปฏิบัติการค้นหาทั้งทางอากาศและทางทะเลอันครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลก็ยังไม่พบร่องรอยใดๆของเครื่องบิน
       
       ออสเตรเลียซึ่งเป็นผู้นำในภารกิจค้นหา ย้ำถึงความเชื่อที่ว่ากำลังปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่ที่ถูกต้อง โดยอ้างอิงจากการสื่อสารผ่านดาวเทียมจากเครื่องบิน
       
       ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่บอกว่าภารกิจค้นหาใต้ทะเลที่เข้มข้นขึ้นจะเข้าสู่ขั้นตอนใหม่และใช้เครื่องมือที่มีความจัดเจนกว่าบลูฟิน-21 ที่สามารถค้นหาได้ที่ความลึกมากกว่า 4,500 เมตร แต่อาจใช้เวลาอีก 2 เดือนกว่าจะมีการส่งอุปกรณ์ใหม่ลงค้นหาใต้ทะเล ระหว่างนี้จึงจะใช้บลูฟิน-21 ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปก่อน ขณะที่มาเลเซียยืนกรานว่าจะไม่ยอมหยุดภารกิจจนกว่าจะพบเครื่องบินลำนี้
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

โอละพ่อ! จนท.สหรัฐฯชี้ "สัญญาณ Ping" ที่พบระหว่างค้นหาโบอิ้งมาเลเซีย "ไม่ได้มาจาก MH370"

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    
29 พฤษภาคม 2557 09:07 น.

ผู้สื่อข่าวกำลังตรวจสอบข้อมูลดาวเทียมจากบริษัทอินมาร์แซต
ซึ่งสำนักงานการบินพลเรือนมาเลเซียยอมนำออกเผยแพร่เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคมที่ผ่านมา
[attach=1]

เอเอฟพี – สัญญาณ Ping ที่เรือค้นหาของออสเตรเลียตรวจจับได้หลายครั้งในมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ ระหว่างปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์สที่สูญหายไป อาจไม่ได้มาจากเที่ยวบิน MH370 เจ้าหน้าที่กองทัพเรือสหรัฐฯแถลง วันนี้(29)
       
       ไมเคิล ดีน รองผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมมหาสมุทรของกองทัพเรือสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ต่อสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นว่า ผู้เชี่ยวชาญทุกฝ่ายเห็นพ้องแล้วว่า สัญญาณ Ping ที่พบน่าจะมาจากแหล่งกำเนิดอื่นๆ ที่เป็นฝีมือมนุษย์ และไม่เกี่ยวข้องกับเครื่องบินโบอิ้งที่สูญหายไปพร้อมกับผู้โดยสารและลูกเรือ 239 คน เมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา
       
       เขาอธิบายว่า หากสัญญาณ Ping ที่พบเมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนมาจากกล่องบันทึกข้อมูลการบินหรืออุปกรณ์บันทึกเสียงภายในห้องนักบินจริง ทีมค้นหาก็จะต้องค้นพบมันไปแล้ว
       
       "ทฤษฎีที่เป็นไปได้มากที่สุดเวลานี้ก็คือ (สัญญาณเหล่านั้น) น่าจะเป็นแค่เสียงที่เกิดจากเรือ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในเครื่องตรวจจับสัญญาณ Ping (towed pinger locator) เอง" ดีน กล่าว
       
       เจ้าหน้าที่สหรัฐฯผู้นี้ระบุว่า แม้ไม่สามารถฟันธงชัดเจนได้ว่าสัญญาณ Ping เหล่านั้นไม่ได้มาจากกล่องดำอย่างแน่นอน ทว่าก็ไม่มีหลักฐานอื่นใดมายืนยันได้เช่นกันว่ามันมาจากกล่องดำจริงๆ
       
       ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นตั้งคำถามว่า ประเทศอื่นๆ ที่เข้าร่วมภารกิจค้นหาภายใต้การนำของออสเตรเลียได้ข้อสรุปเช่นนี้ด้วยหรือไม่ ดีน ยอมรับว่า "ใช่"
       
       อุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณ Ping ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งถูกลากจูงโดยเรือโอเชียนชิลด์ของออสเตรเลีย เป็นเครื่องมือหลักที่ทีมค้นหาใช้ในการตรวจจับสัญญาณใต้น้ำบริเวณมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ หลังข้อมูลดาวเทียมบ่งชี้ว่า เที่ยวบิน MH370 น่าจะตกบริเวณดังกล่าว
       
       สัญญาณที่ตรวจจับได้อย่างต่อเนื่องในช่วงแรกๆ ทำให้นายกรัฐมนตรี โทนี แอบบ็อตต์ แห่งแดนจิงโจ้ถึงกับออกมาแถลงว่า ตน "มั่นใจอย่างยิ่ง" ว่าเป็นสัญญาณจากกล่องดำของเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์สที่สูญหายระหว่างเดินทางจากกัวลาลัมเปอร์ไปปักกิ่ง
       
       ออสเตรเลียได้ส่งยานดำน้ำไร้คนขับ บลูฟิน-21 ของสหรัฐฯ ลงไปสำรวจพื้นมหาสมุทรบริเวณจุดที่พบสัญญาณ แต่ความพยายามค้นหาอย่างถี่ถ้วนทั้งทางอากาศ, ผิวน้ำ และใต้น้ำนานเกือบ 3 เดือนก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ
       
       ภารกิจของยาน บลูฟิน-21 ถึงกำหนดสิ้นสุดลงไปแล้วเมื่อวานนี้(28) แต่ทางศูนย์ประสานงานร่วม (JACC) ของออสเตรเลียก็ยังไม่แถลงความคืบหน้า และไม่ให้ความเห็นใดๆ เกี่ยวกับข้อสรุปของ ดีน
       
       ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ JACC ระบุว่า หาภารกิจของยาน บลูฟิน-21 เสร็จสิ้นลงก็จะเข้าสู่ขั้นตอนถัดไป ซึ่งจะมีการนำเครื่องมืออันซับซ้อนมาสแกนพื้นมหาสมุทรซึ่งยังไม่ผ่านการสำรวจมาก่อน
       
       JACC แถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการวิเคราะห์และทบทวนข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับมาเกี่ยวกับเส้นทางบินของ MH370
       
       ญาติผู้โดยสารซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเมืองจีนและมาเลเซีย ต่างแสดงความคับแค้นใจที่ผ่านมาเกือบ 3 เดือนก็ยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเที่ยวบินนี้ และพวกเขายังกล่าวหาว่ารัฐบาลกัวลาลัมเปอร์จงใจปกปิดข้อมูลดาวเทียมที่สำคัญ
       
       "เวลาผ่านไปนานมากแล้วแต่ก็ยังหาเครื่องบินไม่เจอเสียที พวกเราจึงไม่มั่นใจแล้วว่า การคำนวณจุดตกของเครื่องบินจะถูกต้องจริงหรือเปล่า" สตีฟ หวัง โฆษกกลุ่มสนับสนุนญาติเหยื่อชาวจีน 153 คนบนเที่ยวบิน MH370 แถลง


ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

สหภาพแรงงาน "มาเลเซีย แอร์ไลน์ส" จี้ผู้บริหารลาออก แสดงความรับผิดชอบหลังขาดทุนยับ- MH370 หาย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    
30 พฤษภาคม 2557 10:25 น.

อาหมัด เยาฮารี ยาห์ยา
[attach=1]

เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-สหภาพแรงงานของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ประกาศจุดยืนเรียกร้องให้ อาหมัด เยาฮารี ยาห์ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือ "ซีอีโอ" ของสายการบินลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อผลประกอบการที่ย่ำแย่ รวมถึง ชะตากรรมของผู้โดยสารและลูกเรือบนเที่ยวบิน "MH370" ที่สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยนานเกือบ 3 เดือน
       
       รายงานข่าวระบุว่า สหภาพแรงงานมาเลเซีย แอร์ไลน์สที่นำโดยญับบารุลเลาะห์ คาเดียร์ ได้ยื่นข้อเรียกร้องให้อาหมัด เยาฮารี ยาห์ยา ลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของสายการบินในทันที หรือไม่ ก็ต้องไม่ได้รับการต่อสัญญาจากรัฐบาลมาเลเซียอีก หลังจากที่สัญญาการทำงานฉบับปัจจุบันของเขา กำลังจะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายนนี้
       
       คำแถลงของทางสหภาพฯระบุว่า อาหมัด เยาฮารี ยาห์ยา และผู้บริหารระดับสูงอีกอย่างน้อย 2 คนของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ประสบความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการกอบกู้สายการบินให้พ้นจากวิกฤตทั้งทางการเงิน และทางจริยธรรม กรณีการสูญหายอย่างเป็นปริศนาของเที่ยวบิน MH370
       
       ท่าทีล่าสุดของสหภาพแรงงานมาเลเซีย แอร์ไลน์สซึ่งมีสมาชิกราวครึ่งหนึ่ง ของจำนวนพนักงานมาเลเซียแอร์ไลน์สทั่วโลก 19,500 คนมีขึ้นหลังจากที่ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ สายการบินแห่งนี้มีอันต้องประสบภาวะขาดทุน สูงถึง 137 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 4,493 ล้านบาท และถือเป็นการขาดทุนต่อเนื่องกันเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน
       
       ขณะเดียวกัน จนถึงขณะนี้ทางผู้บริหารของสายการบินยังคงไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ว่า เกิดเหตุการณ์ใดขึ้นกับเที่ยวบิน MH370 จากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปยังกรุงปักกิ่ง ที่สูญหายไปอย่างเป็นปริศนาตั้งแต่ 8 มีนาคมพร้อมกับผู้โดยสารและลูกเรือรวม 239 ชีวิตบนเครื่อง




ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

นักท่องเที่ยวอังกฤษอ้าง เห็น "MH370" กำลังลุกไหม้ใกล้ไทย ระหว่างทางล่องเรือยอชต์มุ่งหน้ามาภูเก็ต

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    
4 มิถุนายน 2557 11:48 น.

[attach=1]

เอเจนซีส์ - แคเทอรีน ที (Katherine Tee) นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ รายงานศูนย์ประสานงานความร่วมมือ JACC ของออสเตรเลีย อ้างว่าเห็น MH370 เกิดเพลิงลุกไหม้ในบริเวณน่านน้ำไม่ห่างจากไทย ในขณะที่เธอกำลังแล่นเรือยอชต์พร้อมสามี มาร์ก ฮอร์น (Marc Horn) ที่เดินทางจากโคจิ อินเดีย ไปยังจังหวัดภูเก็ตของไทย
       
       สื่ออินเตอร์แนชันแนล บิซิเนสไทม์ส รายงานเมื่อวานนี้ (3) ว่า ศูนย์ประสานงานความร่วมมือ JACC ของออสเตรเลียที่ติดตามเครื่องบินโบอิ้ง 777 เที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซีนแอร์ไลน์สที่มีคนทั้งหมด 239 คน สูญหายไปตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม ได้รับการแจ้งจากแคเทอรีน ที (Katherine Tee) นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่อ้างว่าสังเกตเห็นเครื่องบินกำลังลุกไหม้ไม่ห่างจากไทยในขณะที่เธอและสามี มาร์ก ฮอร์น (Marc Horn)กำลังแล่นเรือยอชต์มุ่งหน้าไปยังจังหวัดภูเก็ต ทางภาคใต้ของไทย
       
       "ดิฉันคิดว่าดิฉันเห็นครื่องบินที่กำลังเกิดเพลิงไหม้บินผ่านด้านท้ายเรือของดิฉันจากกราบซ้ายไปยังกราบขวาของเรือในทิศเหนือไปยังทิศใต้" ทีเขียนลงในฟอรัมครุยเซอร์ส เว็บไซต์ที่สนทนาเกี่ยวกับการเดินเรือ และกล่าวต่อว่า "เนื่องจากสิ่งที่เห็นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถพบได้ทุกวัน ดิฉันได้ตั้งคำถามในใจว่า สิ่งที่กำลังมองอยู่นี่ใช่เครื่องบินขนาดใหญ่ที่กำลังเกิดลุกไหม้ด้วยเพลิงสีส้มจัด และควันดำคลุ้งที่ด้านหลังของหาง สิ่งที่พบอาจจะเป็นแค่ดาวตก แต่ดิฉันคิดว่าเหมือนกับว่าดิฉันกำลังเสียสติไปแล้ว"
       
       ทีได้บรรยายความผิดหวังที่เธอเพิ่งเปิดปากถึงสิ่งที่เธอเห็นหลังจากเกือบ 3 เดือนหลังจาก MH370 ได้สูญหายไป "สิ่งนี้จะช่วยเจ้าหน้าที่และครอบครัวผู้โดยสารหรือไม่ ดิฉันไม่ทราบ แต่สิ่งที่ดิฉันยืนยันได้คือดิฉันและสามีที่กำลังล่องเรืออยู่ในถูกที่และถูกเวลา ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ แต่ดิฉันกลับเลือกที่จะเก็บเรื่องนี้เงียบไว้และทำให้ดิฉันรู้สึกผิดมากในขณะนี้ บางทีดิฉันควรจะมีความมั่นใจในตนเองมากกว่านี้ ดิฉันเสียใจที่ไม่ได้รายงานเรื่องที่พบให้เร็วกว่านี้" ทีเผยกับภูเก็ต กาเซตต์ (Phuket Gazette) ในวันจันทร์ (2)
       
       นอกจากนี้ ทียังรายงานว่า เธอไม่ได้แจ้งเรื่องพบ MH370 กำลังลุกไหม้ก่อนหน้านี้เนื่องจากไม่มั่นใจในสิ่งที่ตนเองเห็น "ดังนั้นเมื่อดิฉันเดินทางมาถึงจุดหมายและขึ้นฝั่ง ทุกคนต่างกล่าวขวัญถึงเครื่องบินโบอิ้ง 777 ที่สูญหายและซักถามเราว่าพบเห็นอะไรบ้าง แต่เป็นเพราะดิฉันสงสัยในสิ่งที่เห็นประกอบกับมีอารมณ์ไม่สู้ดี ดิฉันได้เพิกเฉยต่อสิ่งที่ดิฉันคิดว่าได้เห็นไป...นอกจากนี้ดิฉันคิดว่าพวกเจ้าหน้าที่คงจะสามารถพบ MH370 ในที่สุด" ทีกล่าว
       
       ทียังเสริมต่อว่า สาเหตุที่เธอตัดสินใจนำเรื่องเข้าแจ้งกับเจ้าหน้าที่ JACC ถึงสิ่งที่เธอได้เห็นระหว่างการเดินทางหลังจากทราบว่า ทาง JACC ค้นหาผิดที่ และหลังจากได้โพสต์เส้นทางล่องเรือยอชต์ในฟอรัม ทีและสามียืนยันว่าเรือยอชต์ของคนทั้งคู่อยู่ในบริเวณที่ใกล้กับเส้นทางการบินของ MH370
       
       ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้รายงานในวันจันทร์ (2) ถึงเครื่องจับสัญญาณใต้น้ำ 2 อันในมหาสมุทรอินเดียที่ได้บันทึกเสียงประหลาดที่อาจเกิดการที่เครื่องบินกระทบผืนน้ำ "หากคุณถามถึงความน่าจะเป็นของสิ่งนี้ที่อาจเกี่ยวข้องกับ MH370 โดยปราศจากการสนับสนุนข้อมูลดาวเทียม ถือว่ามีความเป็นไปได้แค่ 25% หรือ 30% เท่านั้น แต่กระนั้นมันคุ้มที่จะเข้าตรวจสอบ" อเล็ก ดันแคน (Alec Duncan) นักวิจัยสมุทรศาสตร์อาวุโสแห่งมหาวิทยาลัยเคอร์ติน (Curtin University) ใกล้เพิร์ธในเวิสเทิร์นออสเตรเลียกล่าว โดยพิกัดของเสียงประหลาดความถี่ต่ำนี้กลับพบในมหาสมุทรอินเดียกลาง ห่างจากจุดค้นหาปัจจุบันไปถึง 5,000 กม.
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

มาเลย์สะอึก! "รบ.ออสซี" ลั่นพร้อมจ่ายงบค้นหา MH370 ต่อไปเพราะเป็น "ความรับผิดชอบ" ไม่คิดแบมือขอเงินชาติอื่นมาทำงานของตัวเอง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    
10 มิถุนายน 2557 14:31 น.

เครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส รุ่นเดียวกับ MH370 ที่สูญหาย
[attach=1]

เอเจนซี - รัฐบาลเสือเหลืองยอมรับว่า ที่ผ่านมาเสียค่าใช้จ่ายในการค้นหาเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 เพียง "เศษเสี้ยว" ของวงเงินที่ออสเตรเลียต้องสูญเสียไป ขณะที่รัฐมนตรีคลังแดนจิงโจ้ยืนยันว่า แคนเบอร์รายังพร้อมรับผิดชอบค่าใช้จ่าย และจะไม่แบมือขอเงินจากชาติอื่นเพื่อมาทำงานของตัวเอง
       
       เจ้าหน้าที่มาเลเซียจะเดินทางถึงยังกรุงแคนเบอร์ราในวันนี้ (10) เพื่อหารือแนวทางในการติดตามค้นหาเครื่องบินที่สูญหายไปเมื่อ 3 เดือนก่อน รวมถึงตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายกับทางการออสเตรเลียด้วย
       
       ออสเตรเลียใช้งบประมาณไปแล้วเกือบ 90 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 2,900 ล้านบาท) เพื่อแกะรอยโบอิ้ง 777 ของมาเลเซีย ซึ่งคาดว่าจะเป็นการค้นหาเครื่องบินสูญหายที่มีค่าใช้จ่ายสูงสุดในประวัติศาสตร์การบินโลก
       
       โจ ฮอกกี รัฐมนตรีกระทรวงการคลังออสเตรเลีย ยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่ปัดความรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายอย่างแน่นอน
       
       "ในเมื่อผู้เชี่ยวชาญทุกฝ่ายเห็นพ้องกันว่า เครื่องบินน่าจะตกในน่านน้ำของออสเตรเลีย ดังนั้นออสเตรเลียจึงต้องมีส่วนรับผิดชอบ และเราก็ไม่คิดจะปฏิเสธ" ฮอกกี ให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าวเมื่อเช้าวันนี้ (10)
       
       "เรายอมรับความรับผิดชอบครั้งนี้ และยินดีที่จะจ่าย ออสเตรเลียไม่ใช่ชาติที่จะแบมือขอเงินผู้อื่นเพื่อมาทำงานของตัวเอง"
       
       พล.อ.อ.แองกัส ฮุสตัน หัวหน้าศูนย์ประสานงานร่วม (JACC) ซึ่งรับหน้าที่ควบคุมปฏิบัติการค้นหา MH370 แถลงวันนี้ (10) ว่า เจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายจะหารือเกี่ยวกับขั้นตอนต่อไปของภารกิจค้นหา และจะเจรจาตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายกับทางมาเลเซียด้วย
       
       "รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณเพื่อการค้นหาเที่ยวบิน MH370 ไปแล้ว 89.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งผมคิดว่าราวๆ 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะถูกจัดสรรให้กองกำลังป้องกันออสเตรเลียซึ่งทำหน้าที่ค้นหาบนผิวน้ำ... ส่วนอีก 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จะใช้เพื่ออุดหนุนภารกิจค้นหาใต้ทะเล" ฮุสตันให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวเอบีซี
       
       "ถึงจะอนุมัติงบประมาณไปแล้ว แต่เราก็คงต้องเจรจาเพื่อแบ่งปันภาระกับภาคส่วนอื่นๆ เช่น มาเลเซีย เป็นต้น"

โจ ฮ็อกกี รัฐมนตรีกระทรวงการคลังออสเตรเลีย (ซ้าย) และ
ฮิชามมุดดิน ฮุุสเซน รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมมาเลเซีย
[attach=2]

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของมาเลเซียแถลงว่า รัฐบาลออสเตรเลียจะช่วยแบกรับค่าใช้จ่ายบางส่วนสำหรับภารกิจค้นหาขั้นต่อไป แต่ยังไม่ประเมินตัวเลขที่ชัดเจนออกมา
       
       "มาเลเซียและออสเตรเลียจะแชร์ค่าใช้จ่ายกันแบบ 50-50" อับดุลราฮิม บากรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมมาเลเซีย ระบุ
       
       คำแถลงของเจ้าหน้าที่ออสเตรเลียมีขึ้น หลังจากที่ ฮิชามมุดดิน ฮุสเซน รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมมาเลเซีย ออกมาประกาศว่า กัวลาลัมเปอร์จ่ายงบประมาณในการค้นหาเที่ยวบิน MH370 ไปแล้ว 27.6 ล้านริงกิต (ราว 280 ล้านบาท) โดยเป็นค่าเชื้อเพลิงสำหรับอุปกรณ์ค้นหา และอาหารการกินของเจ้าหน้าที่ในทีมค้นหาตลอด 3 ที่ผ่านมา
       
       "ค่าใช้จ่ายที่เราออกไปนั้นถือว่ายังน้อย เมื่อเทียบกับทรัพย์สินที่ประเทศอื่นๆ ส่งมาช่วยในการค้นหาเที่ยวบิน MH370" ฮิชามมุดดินระบุ
       
       "ผมรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่งที่มิตรประเทศทั้งหลายต่างยื่นมือเข้าช่วยเหลือเรา และยินดีที่จะแบกรับค่าใช้จ่ายเอง โดยไม่เคยเรียกร้องสิ่งใดจากเรา"
       
       ผ่านไปนานกว่า 3 เดือนที่เครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 ได้สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย ขณะพาผู้โดยสารและลูกเรือ 239 ชีวิตออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ไปยังปลายทางกรุงปักกิ่งเมื่อกลางดึกของวันที่ 8 มีนาคม
       
       ผู้โดยสารบนเครื่อง 154 คนเป็นชาวจีน และมีพลเมืองออสเตรเลียอยู่ด้วย 6 คน
       
       จากการวิเคราะห์ข้อมูลดาวเทียมทำให้ผู้เชี่ยวชาญสรุปว่า โบอิ้ง 777-200 ER ลำนี้น่าจะตกบริเวณมหาสมุทรอินเดียตอนใต้นอกชายฝั่งตะวันตกของออสเตรเลีย ทว่าความพยายามค้นหาทั้งบนผิวน้ำและใต้ทะเลนานกว่า 3 เดือนก็ยังไม่พบแม้แต่เศษชิ้นส่วนที่จะยืนยันจุดจบของมัน
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

ออสเตรเลียเตรียมย้ายพื้นที่ค้นหา MH370 "ลงใต้" หลายร้อยกิโลเมตร

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    
20 มิถุนายน 2557 14:39 น.

[attach=1]

เอเอฟพี - พื้นที่เป้าหมายในการค้นหาเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 จะถูกขยับไปยังน่านน้ำที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตรทางทิศใต้ของจุดค้นหาเดิม หลังมีการวิเคราะห์เส้นทางการบินใหม่ สื่อออสเตรเลียรายงานวันนี้ (20 มิ.ย.)

หนังสือพิมพ์ เดอะ เวสต์ ออสเตรเลียน รายงานว่า เจ้าหน้าที่สืบสวนซึ่งพยายามคลายปมปริศนาการสูญหายของโบอิ้งมาเลเซีย จะเริ่มทำการค้นหาบริเวณน่านน้ำที่ห่างจากเมืองเพิร์ทไปทางทิศตะวันตกราว 1,800 กิโลเมตรทันทีที่ภารกิจค้นหาใต้ทะเลเริ่มขึ้นอีกครั้งในเดือนสิงหาคม โดยจุดที่ว่านี้เคยมีการส่งเครื่องบินไปค้นหาทางอากาศมาแล้ว
       
       สื่อฉบับนี้อ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่อเมริกันซึ่งเปิดเผยว่า ศูนย์ประสานงานร่วมออสเตรเลีย (JACC) จะแถลงในอีกไม่ช้าเกี่ยวกับแผนย้ายจุดค้นหาลงใต้ไปอีกราวๆ 800 กิโลเมตร
       
       แหล่งข่าวระบุด้วยว่า เรือสำรวจ ฟูโกร อีเควเตอร์ ถูกส่งไปยังพื้นที่ค้นหาใหม่แล้ว และเรือ Zhu Kezhen ของจีนก็จะติดตามไปในอีกไม่ช้านี้
       
       เครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 ได้สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย ขณะพาผู้โดยสารและลูกเรือรวม 239 ชีวิตออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ไปยังปลายทางกรุงปักกิ่ง เมื่อกลางดึกของวันที่ 8 มีนาคม ทว่าความพยายามในการค้นหานานกว่า 3 เดือนก็ยังไม่พบแม้แต่เศษชิ้นส่วนที่จะยืนยันได้ถึงการตกของเครื่องบิน
       
       เมื่อต้นสัปดาห์นี้ นักวิทยาศาสตร์จากบริษัทดาวเทียม อินมาร์แซต ของอังกฤษได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซีว่า เจ้าหน้าที่นานาชาติยังค้นหาไปไม่ถึงพื้นที่ "ฮอตสปอต" หรือจุดตกของ MH370 ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด เนื่องจากถูกเบี่ยงเบนความสนใจโดยสัญญาณ Ping ซึ่งไม่ได้มาจากโบอิ้งที่สูญหาย
       
       ทั้งนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจุดค้นหาใหม่ที่ เดอะ เวสต์ ออสเตรเลียน นำมารายงานจะตรงกับพื้นที่ "ฮอตสปอต" ที่อินมาร์แซตอ้างถึงหรือไม่
       
       ศูนย์ประสานงานร่วม เจเอซีซี แถลงวันนี้ (20) ว่าพื้นที่ค้นหาใหม่ซึ่งสรุปจากการวิเคราะห์ข้อมูลสื่อสารผ่านดาวเทียมของเครื่องบิน และแหล่งข้อมูลอื่นๆ จะถูกประกาศอย่างเป็นทางการภายในสิ้นเดือน
       
       เจ้าหน้าที่ออสเตรเลียย้ำว่า จุดค้นหาใหม่จะยังอยู่ในบริเวณเส้นโค้งที่ 7 ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายที่จับสัญญาณ "แฮนด์เชก" จาก MH370 ได้ โดยเชื่อว่าสัญญาณคงถูกส่งมาก่อนที่เครื่องบินจะใช้เชื้อเพลิงจนหมด และตกลงสู่มหาสมุทรอันเวิ้งว้าง
       
       เรือ ฟูโกร อีเควเตอร์ และเรือ Zhu Kezhen จะเข้าไปสำรวจจุดค้นหาซึ่งกินพื้นที่ประมาณ 60,000 ตารางกิโลเมตร และลึกราว 6,000 เมตร ก่อนที่บริษัทรับเหมาเอกชนจะเข้ามารับช่วงติดตามหาเครื่องบินด้วยอุปกรณ์ค้นหาใต้ทะเลต่อไป
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

จบแล้วครับ MH370..........

ซากปีกเครื่องบิน ยืนยันแล้ว มาจากส่วนปีกเครื่องบิน MH370 สายการบินแถลงเสียใจสุดซึ้ง

จาก www.kapook.com
โพสต์เมื่อ 6 สิงหาคม 2558 เวลา 09.33 น.

[attach=1]
MOHD RASFAN / AFP

มาเลเซียแถลงแล้ว ชิ้นส่วนปีกเครื่องบินที่พบบนเกาะเรอูนียง ฝรั่งเศส เป็นของ MH370 ด้านสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวและญาติผู้โดยสาร

          เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2558 สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ของมาเลเซีย แถลงยืนยัน ชิ้นส่วนปีกเครื่องบินที่พบบนเกาะเรอูนียง ประเทศฝรั่งเศส เป็นชิ้นส่วนจากเที่ยวบิน MH370 มาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่หายไปอย่างปริศนาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2557

          โดยนายนาจิบ ราซัค ได้เปิดเผยว่า ทีมผู้เชี่ยวชาญนานาชาติที่ตรวจสอบซากชิ้นส่วนเครื่องบินที่พบบนเกาะเรอูนียง ยืนยันว่าชิ้นส่วนดังกล่าวเป็นของเครื่องบิน MH370 ตอนนี้เราก็มีหลักฐานแน่ชัดแล้วว่า MH370 มีจุดจบทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย

[attach=2]
YANNICK PITOU / AFP

อย่างไรก็ดี ทางด้านนายเซิร์ก แม็คโคเวียค อัยการของฝรั่งเศส ได้ออกมาเปิดเผยภายหลังถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบชิ้นส่วน แต่ไม่ได้ยืนยัน 100% ว่าเป็นชิ้นส่วนเครื่องบิน MH370  เขาเปิดเผยว่า ตอนนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าชิ้นส่วนปีกเครื่องบิน ที่รู้จักกันว่า flaperon นั้นมาจากเครื่องบินโบอิ้ง 777 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกันกับเครื่องบินที่หายไป และจากการทดสอบในเบื้องต้น ได้แสดงให้เห็นว่า "มีความเป็นไปได้สูงมาก" ว่าชิ้นส่วนนี้มาจาก MH370 อย่างไรก็ดี จะมีการยืนยันอย่างแน่ชัดอีกครั้งในเรื่องนี้ ในวันพฤหัสบดี (6 สิงหาคม) นี้ หลังจากที่ได้มีการทดสอบเพิ่มเติมแล้ว

          ขณะที่สายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ก็ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการบนเว็บไซต์ของสายการบิน ระบุขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อญาติผู้โดยสารและลูกเรือบนเที่ยวบิน MH370 หลังจากผลตรวจสอบจากฝรั่งเศสยืนยันชัด ชิ้นส่วนปีกเครื่องบินที่พบบนเกาะเรอูนียง ประเทศฝรั่งเศส เป็นชิ้นส่วนของ MH370 โดยแถลงการณ์ดังกล่าว ระบุใจความดังนี้

          "สายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวและเพื่อนผู้โดยสารบนเที่ยวบิน MH370 หลังจากมีข่าวว่าชิ้นส่วนปีกเครื่องบินที่พบบนเกาะเรอูนียง เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เป็นของเที่ยวบิน MH370 โดยเรื่องนี้ก็ได้รับการยืนยันจากทางการฝรั่งเศสในวันนี้ และได้รับการแถลงอย่างเป็นทางการโดยนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ของมาเลเซีย

          ทั้งนี้ ครอบครัวของผู้โดยสารและลูกเรือ MH370 ได้รับการแจ้งข่าวนี้แล้ว และเราขอแสดงความเห็นใจจากใจจริง กับทุกคนที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก

          การค้นพบชิ้นส่วนเครื่องบินครั้งนี้ถือเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่สำหรับเรา ในการไขปริศนาการหายไปของเที่ยวบิน MH370 เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้พบกับชิ้นส่วนอื่น ๆ ของเครื่องบิน เพราะนั่นจะนำไปสู่คำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเครื่องบินลำนี้

          สายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส จะรายงานความคืบหน้าการสืบสวนการตกของ MH370 ให้กับครอบครัวผู้โดยสารต่อไป และจะให้ความร่วมมือกับทุกฝ่ายในการสืบสวนและการกู้ซาก MH370"
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

ฝรั่งเศส ยืนยันแล้ว ซากปีกที่พบเกาะเรอูนียง เป็น MH370

จาก www.kapook.com
โพสต์เมื่อ 3 กันยายน 2558 เวลา 23:17:50

[attach=1]
ภาพจาก YANNICK PITOU / AFP

ฝรั่งเศส ยัน ซากปีกเครื่องบินที่พบบริเวณเกาะเรอูนียง เป็นของ MH370 จริง หลังหายสาบสูญเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี 5 เดือน

         จากกรณีที่มีการพบส่วนปีกเครื่องบินปริศนาบริเวณเกาะเรอูนียง เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และมีการคาดการณ์กันว่า อาจจะเป็นเครื่องบิน MH370 ของมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่หายไปเมื่อเดือนมีนาคม 2557

[attach=2]
ภาพจาก YANNICK PITOU / AFP

ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2558 เว็บไซต์ บีบีซี รายงานว่า จากการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญจากฝรั่งเศส ได้เปิดเผยแล้วว่า ชิ้นส่วนดังกล่าวเป็นของเครื่องบิน MH370 จริง

         สำหรับเครื่องบินดังกล่าวนั้น ได้บรรทุก 239 ชีวิต เดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ไปกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน แต่กลับหายไประหว่างทาง และใช้เวลาค้นหาอย่างยาวนานจนได้ข้อสรุปในวันนี้
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ตอบกลับอย่างรวดเร็ว

ชื่อ:
การยืนยัน:
กรุณาเว้นช่องนี้ว่างไว้:
พิมพ์คำว่า กิมหยง ลงในคำตอบ:
shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง