ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

โอล่ะพ่อ...งานนี้ MH370 งานเข้าแล้วครับ....

เริ่มโดย ฟ้าเปลี่ยนสี, 13:04 น. 16 มี.ค 57

ฟ้าเปลี่ยนสี

ทูตออสเตรเลียประจำ US เผย อาจปรับแผนค้นหาเที่ยวบิน "MH370" หากการค้นหายังคว้าน้ำเหลวต่อเนื่อง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
21 เมษายน 2557 02:02 น.

คิม บีซลีย์ เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำสหรัฐฯ
[attach=1]

รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - คิม บีซลีย์ เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำสหรัฐฯ เผยในวันอาทิตย์ (20) โดยระบุ รัฐบาลแดนจิงโจ้จะตัดสินใจในไม่กี่วันข้างหน้านี้ถึงความเป็นไปได้ ในการปรับเปลี่ยนแนวทางการค้นหาเครื่องบินโดยสารสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน 370 ที่หายสาบสูญเสียใหม่ รวมถึงอาจพิจารณาลดทอนความสำคัญของภารกิจดังกล่าวลง หากยังคงไม่พบร่องรอยใดๆ ของเที่ยวบินปริศนาดังกล่าวในมหาสมุทรอินเดีย
       
       อย่างไรก็ดี ทูตออสเตรเลียประจำสหรัฐฯยืนยันระหว่างให้สัมภาษณ์รายการ "สเตท ออฟ ดิ ยูเนียน" ทางสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นว่า การตัดสินใจใดๆ ของรัฐบาลแดนจิงโจ้ต่อภารกิจดังกล่าวนั้น จะมีการปรึกษาหารืออย่างใกล้ชิดกับทุกประเทศที่เข้าร่วมในภารกิจนี้ ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย จีน และสหรัฐฯ แม้มีความเป็นไปได้อย่างมากที่อาจมีการปรับแผนค้นหาทั้งทางอากาศและในทะเลเสียใหม่ รวมถึงอาจต้องมีการว่าจ้างบริษัทเอกชนเข้ามาทำภารกิจค้นหาเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส แทนการใช้ "ทรัพยากรของกองทัพออสเตรเลีย"
       
       "ออสเตรเลียคงต้องทบทวนภารกิจครั้งนี้ หากเรายังคงไม่พบเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ในอีก 2-3 วันข้างหน้า" บีซลีย์ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย กล่าว
       
       ท่าทีล่าสุดของเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ในวันอาทิตย์ (20) มีขึ้นหลังจากภารกิจที่ดำเนินมานาน 44 วันในการค้นหาร่องรอยของเครื่องบินโดยสารแบบโบอิ้ง 777-200 อีอาร์ของมาเลเซีย แอร์ไลน์สพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือจำนวน 239 ชีวิตยังคง "คว้าน้ำเหลว" แม้จะมีการนำอุปกรณ์ไฮเทคหลายชนิดเข้าร่วมค้นหาในพื้นที่ต้องสงสัยบริเวณมหาสมุทรอินเดียตอนใต้ห่างจากเมืองเพิร์ธของออสเตรเลียไปทางตะวันตกราว 2,000 กิโลเมตร
       
       ทั้งนี้ ในวันอาทิตย์ (20) เรือจำนวน 12 ลำ และอากาศยานทางทหารอีก 11 ลำ ยังคงเข้าร่วมภารกิจค้นหาเครื่องบินของมาเลเซีย แอร์ไลน์สในน่านน้ำที่มีพื้นที่รวมกันกว่า 48,507 ตารางกิโลเมตรทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย ขณะที่ความหวังในการตรวจพบสัญญาณเพิ่มเติมจาก "กล่องดำ" ของเที่ยวบินดังกล่าวแทบเป็นศูนย์ เนื่องจากแบตเตอรีที่คาดว่าจะมีอายุการใช้งานนาน 30 วันของอุปกรณ์ดังกล่าว ได้สิ้นอายุมานานเกินกว่า 2 สัปดาห์แล้ว

[attach=2]

[attach=3]

[attach=4]
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

"พายุไซโคลนแจ็ก" จ่อเข้า ม.สมุทรอินเดียใต้ "ค้นหา MH370 ส่อชะงัก" ไม่พบสัญญาณใหม่ 2 สัปดาห์ล่าสุด

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
21 เมษายน 2557 18:40 น.

[attach=1]

รอยเตอร์ - พายุไซโคลนแจ็กที่กำลังเคลื่อนตัวสู่มหาสมุทรอินเดียใต้ คาดว่าจะเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการค้นหาเครื่องบินเที่ยว MH370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่มีพื้นที่การค้นหาห่างจากฝั่งเพิร์ธ ออสเตรเลียราว 2,000 กม. ในวันนี้ (21) ในขณะที่ยานสำรวจใต้น้ำไร้คนขับบลูฟิน-21 สำรวจพื้นดินใต้มหาสมุทรเกือบครอบคลุมพื้นที่เป้าหมาย แต่ยังไม่พบวี่แววพบชิ้นส่วนของเครื่องบินสูญหาย
       
       ในขณะนี้พื้นที่การค้นหา MH370 ในมหาสมุทรอินเดียใต้ได้จำกัดพื้นที่ให้แคบลงเหลือ 10 ตร.กม. ของพื้นที่ใต้มหาสมุทรที่ห่างจากเพิร์ธไปทางตะวันตกราว 2,000 กม.
       
       เจ้าหน้าที่ทีมสำรวจรวมไปถึงทั้งรัฐบาลออสเตรเลียและรัฐบาลมาเลเซีย ยืนยันว่า ชุดของสัญญาณโซนาร์ หรือ "ปิง" ที่พบในบริเวณสำรวจอาจจะถูกส่งออกมาจากกล่องดำของ MH370 และถือเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่จะนำไปสู่เครื่องบินสูญหายได้
       
       แต่ทว่าทางเจ้าหน้าที่ไม่พบสัญญาณชุดใหม่เลยในช่วงเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เกรงว่าแบตเตอรีของกล่องดำนั้นคงหมดไปแล้ว จึงทำให้กล่องดำไม่สามารถส่งสัญญาณใหม่ออกมาได้
       
       ในขณะที่ยานดำน้ำ บลูฟิน-21 ได้ออกปฏิบัติภารกิจครั้งที่ 9 ในการค้นหาพื้นที่มหาสมุทรที่เชื่อว่าสัญญาณปิงได้ถูกส่งออกมา แต่ยังไม่มีวี่แววถึงความสำเร็จในการค้นพบแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ทีมสำรวจออสเตรเลียกล่าวในวันจันทร์ (21)
       
       "บลูฟิน-21 ได้สำรวจไปแล้วราว 2 ใน 3 ของพื้นที่ใต้มหาสมุทรที่กำหนดไว้ แต่จนกระทั่งถึงวันนี้ยังไม่พบชิ้นส่วนใดที่เกี่ยวพันถึงเครื่องบินเที่ยวสูญหาย" ศูนย์ประสานงานร่วมออสเตรเลีย (JACC) กล่าวผ่านแถลงการณ์
       
       และยังแถลงเสริมว่า มีความเป็นไปได้ว่า ภารกิจการค้นหาที่ก่อนหน้านี้เคยราบรื่นเพราะสภาพอากาศอำนวยอาจจะต้องได้รับกระทบเพราะพายุไซโคลนแจ็กกำลังเคลื่อนตัวมุ่งหน้าไปทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย
       
       ทั้งนี้ ในวันเสาร์ (19) JACC ได้แถลงว่า คาดว่าโดรนใต้น้ำบลูฟิน-21 จะเสร็จสิ้นการค้นหาพื้นที่เป้าหมายภายในสัปดาห์นี้ แต่เพราะมีการคาดว่าอาจจะไม่พบอะไรในการค้นหาภายในสัปดาห์นี้ถือเป็นแรงกดดันต่อทีมเจ้าหน้าที่ซึ่งต้องปรับกลยุทธใหม่ว่าต้องทำอย่างไรต่อไปในการค้นหาพื้นที่ใหม่ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นในสื่อสหรัฐฯ MSNBC กล่าวว่า เป็นการยากสำหรับผู้ค้นหาที่จะยกเลิกภารกิจในเวลานี้
       
       ด้าน แองกัส ฮูสตัน ผู้อำนวยการ JACC ได้ให้สัมภาษณ์ในวันที่ 14 เมษายน เผยว่า ภารกิจการค้นหาทางอากาศและเหนือผิวน้ำจะเสร็จสิ้นภายใน 3 วัน แต่ทว่าในวันนี้ (21) พบว่าเครื่องบินกองทัพจำนวน 10 ลำ และเรืออีก 11 ลำ ได้ถูกส่งออกไปค้นหาในพื้นที่ราว 49,491 ตร.กม. ซึ่งถือเป็นภารกิจการค้นหาที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์
       
       ด้านรัฐบาลมาเลเซีย กล่าวว่า การค้นหานี้อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ และร้องขอให้ร่วมกันสวดมนต์ภาวนาให้การค้นหาประสบความสำเร็จ และรัฐมนตรีคมนาคมรักษาการของมาเลเซีย ฮิชามมุดดิน ฮุสเซน ได้เปิดเผยว่า ทางรัฐบาลมาเลเซียอาจพิจารณาที่จะใช้ยานใต้น้ำไร้คนขับจำนวนเพิ่มมากขึ้นในปฏิบัติการค้นหา

[attach=2]

[attach=3]

[attach=4]
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

อดีตบิ๊ก บ.น้ำมันแคนาดาเชื่อสหรัฐฯสอยMH370ร่วง และกำลังพยายามปกปิดความจริง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
22 เมษายน 2557 01:03 น.

[attach=1]

มิร์เรอร์ - สื่อมวลชนอังกฤษรายงานอ้างอดีตผู้บริหารบริษัทน้ำมันแห่งหนึ่งของแคนาดา เชื่อถึงความเป็นไปได้ในทฤษฎีที่ว่าสหรัฐฯ อาจเป็นคนยิงเที่ยวบิน MH370 ที่สูญหายไปตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม ไม่ว่าจากความจงใจหรือเป็นอุบัติเหตุ และเวลานี้ต้องการปกปิดมันเป็นความลับตลอดกาล
       
       นายจอห์น ชัคแมน อดีตหัวหน้านักเศรษฐกิจของบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งของแคนาดา ที่เวลานี้ผันตัวมาเป็นนักเขียน ได้เขียนบทความลงบน OpEdNews.com ตั้งข้อสงสัยว่าบางทีอาจเป็นสหรัฐฯที่ยิงเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 ไม่ว่าจะเกิดจากความพลาดพลั้งหรือเจตนาและตอนนี้พวกเขาอาจกำลังพยายามปิดมันเป็นความลับ
       
       "ความเป็นไปได้ของการกู้ซากเครื่องบิน จากระดับ 6.5 กิโลเมตรใต้ทะเลท่ามกลางเทือกเขาใต้มหาสมุทร นั้นห่างไกลความเป็นจริงอย่างมาก ดังนั้นสหรัฐฯจึงสามารถมั่นใจได้ว่าหลักฐานทางรูปธรรมจะไม่โผล่ขึ้นมาอีกเลย" เขากล่าว
       
       นายชัคแมน ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในชิคาโก บอกต่อว่า "พฤติกรรมแบบนี้ไม่ใช่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วอย่างน้อยๆ 3 ครั้ง น่าเศร้าที่กองทัพสหรัฐฯยิงเครื่องบินพลเรือนตก" เขากล่าว "ผมไม่ขอออกความคิดเห็นต่อกรณีนักบินหรือพวกจี้เครื่องบินเป็นคนปิดระบบสื่อการทั้งหมดของเที่ยวบิน MH370 พร้อมเปลี่ยนเส้นทางและบินในระดับต่ำ แต่ผมตั้งสังเกตว่าหากเกิดเหตุการณ์แบบนั้นจริง มันคงไม่เล็ดลอดหูและตาของข่าวกรองกองทัพสหรัฐฯหรอก"
       
       เที่ยวบิน MH370 พร้อมลูกเรือและผู้โดยสาร 239 คน สูญหายไปขณะกำลังบินจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ มุ่งสู่กรุงปักกิ่งในวันที่ 8 มีนาคม ทั้งนี้ 6 สัปดาห์แห่งปฏิบัติการค้นหาท่ามกลางความเชื่อว่ามันตกลงสู่มหาสมุทรอินเดีย ยังไม่พบร่องรอยใดๆแม้แต่น้อย
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

ญาติผู้โดยสาร "MH370" ออกคำแถลงตอบโต้ หลังมาเลย์เสนอออก "ใบมรณบัตร" เพื่อจ่ายค่าชดเชยให้ผู้สูญเสีย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
22 เมษายน 2557 19:18 น.

[attach=1]

เอเอฟพี/รอยเตอร์ - บรรดาญาติผู้โดยสารบนเที่ยวบิน MH370 ได้ออกมากล่าวประณามรัฐบาลมาเลเซียซึ่งเสนอว่า ในเร็วๆ นี้จะลองพิจารณาการออกใบมรณบัตรให้แก่ผู้โดยสารบนเครื่องบินลำนี้ แม้ว่าจะยังไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ได้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นบนอากาศยานลำนี้ก็ตาม
       
       เหล่าญาติพี่น้องของผู้โดยสารได้ออกคำแถลงตอบโต้ ภายหลังที่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาทางการมาเลเซียเสนอแนวคิดนี้กับครอบครัวผู้โดยสารบนเที่ยวบิน MH370 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ทั้งยังเรียกร้องให้มีการทบทวนข้อมูลจากดาวเทียมที่มาเลเซียกล่าวว่า ชี้ว่าเครื่องบินโดยสารลำนี้ตกลงไปในจุดใดจุดหนึ่งของมหาสมุทรอินเดีย
       
       คำแถลงของกลุ่ม "ยูไนเต็ด แฟมิลี ออฟ MH370" ระบุว่า "เรา ครอบครัวของ (ผู้โดยสารบนเที่ยวบิน) MH370 เชื่อว่าหาก (รัฐบาลมาเลเซีย) ยังไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันว่าเครื่องบินลำนี้ดิ่งลงทะเลโดยไม่มีใครรอดชีวิตจริง พวกเขาก็ยังไม่มีสิทธิที่จะจบคดีนี้ด้วยการออกใบมรณบัตร และจ่ายเงินชดเชยให้แก่ครอบครัวผู้สูญเสีย
       
       เจ้าหน้าที่มาเลเซียคนหนึ่งระบุในการแถลงสรุปเมื่อวันอาทิตย์ (20) ว่า รัฐบาลจะพิจารณาเรื่องการออกใบมรณบัตรให้แก่ผู้โดยสารบนเที่ยวบินของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญสำหรับครอบครัวที่ใช้ในการยื่นขอรับเงินประกัน, ชำระหนี้ และสะสางปัญหาต่างๆ มากมาย
       
       นอกจากนี้ ฮัมซาห์ ไซนุดดิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียขอให้ญาติพี่น้องของผู้โดยสารที่เดินทางมารับฟังการแถลงข่าว ส่งคำขอรับเงินช่วยเหลือครอบครัวให้แก่รัฐบาล ในเวลาที่การค้นหาเที่ยวบิน MH370 เดินหน้าไปอย่างเชื่องช้า
       
       อย่างไรก็ตาม บรรดาญาติพี่น้อง ซึ่งออกมากล่าวหาอย่างไม่หยุดหย่อนว่า รัฐบาลและสายการบินประจำชาติมาเลเซียออกมาตอบสนองต่อวิกฤตเครื่องบินหายสาบสูญอย่างเงอะงะงุ่มง่ามและปิดบังข้อมูลบางอย่าง ครั้งนี้ได้ชี้ว่าพวกเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจของมาเลเซียทำราวกับชะตากรรมของบุคคลที่พวกเขารักเป็นเรื่องเล่นๆ

[attach=2]

ทั้งนี้ เครื่องโบอิ้ง 777-200 ER ของสายการบินมาเลเซียแอรไลนส์อันตรธานหายไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ระหว่างเดินทางออกจากกรุงกัวลาลัมเปอร์เพื่อมุ่งหน้าไปยังกรุงปักกิ่ง พร้อมลูกเรือและผู้โดยสารรวม 239 ชีวิต
       
       มาเลเซียระบุว่า ข้อมูลจากดาวเทียมชี้ว่า เครื่องบินลำนี้ตกลงไปในจุดที่อยู่ห่างไกลของมหาสมุทรอินเดีย แต่ยังไม่พบหลักฐานที่สามารถเป็นข้อพิสูจน์ แม้ว่าหลายประเทศได้ทุ่มเทความพยายามออกค้นหากันอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม
       
       ญาติพี่น้องบางคนซึ่งออกมาเรียกร้องด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ยังคงเน้นย้ำว่าพวกเขาไม่เชื่อข้อสรุปของมาเลเซีย ที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลดาวเทียมสื่อสารของบริษัทสัญชาติอังกฤษ "อินมาร์แซท"
       
       ครอบครัวผู้โดยสารกล่าวว่า "พวกเขาไม่ได้อธิบายว่าเหตุใดจึงเชื่อการวิเคราะห์ (จากอินมาร์แซท) ที่ชี้ว่าเครื่องบินลำนี้ตกทะแลและไม่มีใครรอด" เพียงแหล่งเดียว ทั้งที่ไม่เคยมีความพยายามลองใช้วิธีการอื่น
       
       คำแถลงยังระบุด้วยว่า พวกเขาเรียกร้องให้มีรัฐบาลนำข้อมูลจากดาวเทียมดวงนี้ออกเผยแพร่ให้หลายฝ่ายมีส่วนร่วมทบทวน แต่ข้อเสนอนี้ถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลที่ว่า ข้อมูลจากดาวเทียมของอินมาร์แซทได้รับความคุ้มครองโดยนโยบายข้อมูลส่วนบุคคล
       
       คำแถลงยังระบุเพิ่มเติมด้วยว่า การประชุมซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (20) ไม่ได้ตอบคำถามของเราสักข้อเดียว
       
       ผลสำรวจความคิดเห็นซึ่งตีพิมพ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วชี้ว่า ชาวมาเลเซียกว่าครึ่งเชื่อว่า รัฐบาลที่กำลังตกเป็นข่าวอื้อฉาว ซึ่งปกครองมาเลเซียมานานถึง 57 ปี กำลังปกปิดความจริงทั้งหมดในกรณีการหายสาบสูญไปของเที่ยวบิน MH370

[attach=3]

[attach=4]
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

หยุดค้นหา MH370 หลังเจอพายุไซโคลน สื่ออ้างทีมสืบสวนเริ่มหันมองทฤษฎีถูกลักพา

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
22 เมษายน 2557 22:23 น.

Cyclone halts air search for MH370

เอเอฟพี - ปฏิบัติทางอากาศในภารกิจค้นหาเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 ที่ยังสูญหาย ต้องถูกระงับไปในวันอังคาร(22) สืบเนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีพายุ ขณะที่สมาชิกทีมสืบสวนนานาชาติเริ่มพิจารณาสมมุติฐานอื่น โดยเฉพาะความเป็นไปได้ที่เครื่องบินอาจไปลงจอดในพื้นที่ลึกลับ
       
       เครื่องบินทหารราว 10 ลำ มีกำหนดบินสอดส่องเหนือมหาสมุทรอินเดียในความหวังพบเห็นเงื่อนขำต่างๆที่จะสามารถบ่งชี้ถึงชะตากรรมของเครื่องบินโบอิ้ง 777 พร้อมลูกเรือและผู้โดยสาร 239 คน ที่หายสาบสูญไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 มีนาคม
       
       "แผนการค้นหาทางอากาศของวันนี้ได้ถูกระงับ สืบเนื่องสภาพอากาศที่เลวร้ายในพื้นที่ค้นหา อันมีต้นตอจากพายุไซโคลนแจ็ค" ศูนย์ประสานงานการค้นหาร่วมของออสเตรเลีย(JACC) ระบุ แต่ชี้แจงว่าแต่ในส่วนของเรือ 10 ลำที่อยู่ในเขตดังกล่าวก็จะยังเดินหน้าทำงานต่อไป

ปฏิบัติทางอากาศในภารกิจค้นหาเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส
เที่ยวบิน MH370 ที่ยังสูญหาย ต้องถูกระงับไปในวันอังคาร(22)
[attach=1]

อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาทางศูนย์ JACC เผยว่าก่อนหน้าที่จะตัดสินใจยกเลิก ได้มีเครื่องบินทหาร 4 ลำออกบินจากฐานทัพทางเหนือของเมืองเพิร์ธไปแล้ว ในภารกิจบินสำรวจเหนือท้องน้ำมหาสมุทรอินเดียครอบคลุมพื้นที่ 49,500ตารางกิโลเมตร ห่างจากชายฝั่งเมืองเพิร์ธประมาณ 1,600กิโลเมตร
       
       นอกจากนี้แล้วยังมีเครื่องบินลำที่ 5 ที่ขึ้นบินจากฐานทัพเลียร์มันธ์ ทางชายฝั่งตะวันตกของออสเตรเลีย "เครื่องบินเหล่านี้จะเดินหน้าปฏิบัติภารกิจต่อ อย่างไรก็ตามกัปตันของแต่ละลำจะเป็นผู้ประเมินว่าพวกเขายังเดินหน้าค้นหาต่อหรือกลับสู่ฐาน"
       
       ออสเตรเลียเป็นแกนนำของภารกิจค้นหาเที่ยวบิน MH370 ซึ่งสูญหายระหว่างเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ มุ่งหน้าสู่กรุงปักกิ่ง และเชื่อกันว่ามันอาจตกลงสู่มหาสมุทรอินเดีย หลังจากเปลี่ยนเส้นทางการบินไปคนละด้านโดยไม่ทราบเหตุผล
       
       จนถึงตอนนี้ยังไม่พบเศษซากของเครื่องบินแม้แต่น้อย แม้ช่วงต้นที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่อ้างว่าพบข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุดนั่นคือการจับสัญญาณของกล่องดำได้ ทว่านับตั้งแต่นั้นสัญญาณก็ขาดหายไป
       
       เรือโอเชียน ชิลด์ของออสเตรเลียได้ส่งยานดำน้ำไร้คนขับลงไปสอดส่องก้นมหาสมุทร ณ ความลึก 4,500 เมตร ในบริเวณใกล้เคียงกับที่ตรวจจับสัญญาณดังกล่าวได้ ในความหวังว่าจะพบซากของเครื่องบิน

[attach=2]

อย่างไรก็ตามนายโทนี แอบบอตต์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียบอกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าจะใช้หุ่นยนต์สำรวจใต้น้ำ "บลูฟิน 21" แค่ราว 1 สัปดาห์ และจากการตรวจตราครอบคลุมบริเวณไปแล้ว 2 ใน 3 ของพื้นที่ค้นหา ก็ยังไม่เจออะไร
       
       สำนักข่าวอุตุนิยมวิทยาของออสเตรเลียแถลงว่า พายุไซโคลน "แจ็ค" เคลื่อนตัวอยู่ห่างจากเกาะโคคอสไปทางตะวันตกค่อนไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ700กิโลเมตรและเคลื่อนตัวมุ่งหน้าทางตอนใต้ค่อนไปทางตะวันออกเฉียงใต้เมื่อเช้าวันอังคาร
       
       ปฏิบัติการค้นหาที่หยุดชะงักเกิดขึ้นท่ามกลางรายงานข่าวของสื่อมวลชนสิงคโปร์ที่อ้างว่าเครื่องบินของสายการบินมาลเซีย แอร์ไลน์ส ลำนี้ อาจไม่ได้จมอยู่ในมหาสมุทรอินเดียอย่างที่นานาชาติกำลังค้นหากันอยู่ แต่อาจไปลงจอดอยู่ในบริเวณสุดลึกลับที่ใดที่หนึ่งบนโลกแทน
       
       "สเตรทส์ ไทม์" เว็บไซต์ข่าวชื่อดังของสิงคโปร์ รายงานโดยอ้างหนึ่งในสมาชิกของทีมสืบสวนระหว่างประเทศ (ไอไอที) ซึ่งมีฐานอยู่ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซียว่า จากการค้นหาซากเที่ยวบิน MH370 ที่ผ่านมา 45 วันและไม่มีความคิบหน้าใดๆ ทำให้ทีมสืบสวนเริ่มหันกลับมามองสมมุติฐานข้อที่ 2 ที่เคยมีผู้นำเสนอไว้คือ เครื่องบินลำดังกล่าวอาจไปลงจอดอยู่ในพื้นที่ลึกลับในเขตแดนประเทศใดประเทศหนึ่งแล้วถูกซ่อนเอาไว้
       
       ทั้งนี้สมมุติฐานดังกล่าวอาจเป็นจริง เนื่องจากทีมค้นหานานาชาติยังไม่พบแม้กระทั่งซากเครื่องบินหรือคราบน้ำมันในมหาสมุทรอินเดียเลย อย่างไรก็ตาม มีผู้ออกมาโต้แย้งว่า เป็นไปไม่ได้ที่ประเทศใดจะสามารถซ่อนเครื่องบินทั้งลำไว้ได้ ทั้งๆที่อีกมากกว่า 20 ประเทศ กำลังระดมกำลังกันตามหา


ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

อดีตผู้บริหาร บ.น้ำมันจุดประเด็น มะกันปิดความลับยิง MH370 ร่วง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
23 เมษายน 2557 04:07 น.

[attach=1]

เอเจนซีส์ – อดีตผู้บริหารบริษัทน้ำมันใหญ่ในแคนาดาตั้งข้อสังเกตเที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สอาจถูกสหรัฐฯ "ยิงตก" และรัฐบาลลุงแซมกำลังพยายามซุกซ่อนความลับนี้ ขณะที่ปฏิบัติการงมหาหลักฐานใต้ทะเลโดยยานดำน้ำไร้คนขับ บลูฟิน-21 กำลังจะสิ้นสุดลงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า โดยที่ปราศจากความคืบหน้าใดๆ
       
       "เป็นไปได้หรือไม่ว่าอเมริกายิงเที่ยวบิน MH370 ตก ไม่ว่าจะโดยไม่ตั้งใจหรือไม่ก็ตาม และตอนนี้กำลังพยายามปกปิดความลับนี้ไว้" จอห์น ชัคแมน อดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของแคนาดา ตั้งคำถามบนเว็บไซต์ OpEdNews.com
       
       ชัคแมน ร่ายยาวอีกว่า ความเป็นไปได้ในการค้นพบซากเครื่องบินของมาเลเซีย แอร์ไลนส์ แม้พบตำแหน่งที่ตกใต้ท้องทะเลลึก 6.5 กิโลเมตรที่เต็มไปด้วยภูเขาใต้น้ำนั้นมีน้อยมาก ดังนั้น สหรัฐฯ จึงสามารถมั่นใจได้ว่าจะไม่มีหลักฐานอะไรที่เป็นรูปธรรมโผล่ขึ้นมาฟ้อง
       
       อดีตผู้บริหารบริษัทน้ำมันแคนาดาที่มีพื้นเพอยู่ที่ชิคาโกสำทับว่า เหตุการณ์ทำนองนี้ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะมีอย่างน้อย 3 ครั้งที่กองทัพสหรัฐฯ ยิงสายการบินพลเรือน
       
       "ผมไม่รู้หรอกว่า นักบินแตกแถวหรือโจรจี้เครื่องบินเป็นคนยึดเที่ยวบินดังกล่าว ปิดระบบสื่อสาร เปลี่ยนเส้นทาง และลดระดับการบิน แต่ที่ผมรู้แน่ๆ คือ เหตุการณ์ดังกล่าวไม่สามารถเกิดขึ้นโดยหลุดรอดสายตาหน่วยข่าวกรองอเมริกันไปได้" ชัคแมน ระบุ
       
       MH370 หายสาบสูญระหว่างเส้นทางกัวลาลัมเปอร์-ปักกิ่งตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม พร้อมลูกเรือและผู้โดยสาร 239 คน โดยที่การค้นหาตลอด 6 สัปดาห์ที่ผ่านมาในมหาสมุทรอินเดียที่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า เป็นจุดตกของเที่ยวบินนี้ ยังไม่พบเบาะแสเป็นชิ้นเป็นอันใดๆ นอกจากสัญญาณใต้น้ำที่สันนิษฐานว่า มาจากกล่องดำของเครื่องบิน

[attach=2]

ศูนย์ประสานงานตัวแทนร่วม (เจเอซีซี) ของออสเตรเลียที่เป็นผู้นำและประสานงานการค้นหา MH370 กำลังถูกกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ ให้ตัดสินใจกลยุทธ์ต่อไป ขณะที่ปฏิบัติการค้นหาใต้น้ำของยานดำน้ำไร้คนขับ บลูฟิน-21 ในอาณาบริเวณ 10 กิโลเมตรที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดว่าเป็นจุดตกของ MH370 จะสิ้นสุดลงในวันพุธ (23) ทั้งที่ยังไม่พบซากชิ้นส่วนใดๆ
       
       เจเอซีซีเปิดเผยเมื่อวันอังคาร (22) ว่า บลูฟิน-21 ทำการค้นหาเกินกว่า 80% ของพื้นที่ที่กำหนดแล้ว และจะปฏิบัติภารกิจต่อไป โดยขณะนี้ออสเตรเลียกำลังหารืออย่างใกล้ชิดกับทุกประเทศที่ร่วมค้นหาเพื่อให้ได้แนวทางที่มีประสิทธิภาพที่สุด
       
       ขณะที่ บลูฟิน-21 ปฏิบัติภารกิจการค้นหาเที่ยวที่ 10 ที่ความลึกกว่า 4,500 เมตร ห่างจากเมืองเพิร์ทไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 2,000 กิโลเมตร ในวันอังคาร(22) พายุหมุนเขตร้อนแจ็คก็กำลังมุ่งหน้าสู่ด้านใต้ของมหาสมุทรอินเดีย ส่งผลให้ต้องระงับปฏิบัติการค้นหาทางอากาศชั่วคราว
       
       แต่สำหรับกองเรือค้นหายังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติในบริเวณห่างจากด้านตะวันตกเฉียงเหนือของเพิร์ท 1,600 กิโลเมตร
       
       ทั้งนี้ พล อ.อ. แองกัส ฮุสตัน อดีตผู้บัญชาการทหารออสเตรเลียและผู้นำเจเอซีซี เปิดเผยเมื่อวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมาว่า การค้นหาทางอากาศและบนผิวน้ำจะสิ้นสุดลงตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ทว่าปฏิบัติการค้นหา MH370 ซึ่งถือได้ว่าเป็นปฏิบัติการค้นหาที่มีค่าใช้จ่ายสูงที่สุดในประวัติศาสตร์การบิน และเกี่ยวข้องกับหลายสิบประเทศ ยังคงดำเนินอยู่กระทั่งขณะนี้
       
       ขณะเดียวกัน ครอบครัวผู้โดยสารของเที่ยวบินนี้ได้ออกแถลงการณ์กล่าวหารัฐบาลมาเลเซียที่เปิดเผยข้อมูลการสอบสวนต่อสื่อก่อนแจ้งต่อญาติผู้โดยสาร รวมทั้งเรียกร้องให้จ่ายค่าชดเชย "ล่วงหน้าอย่างสม่ำเสมอ" ก่อนที่การสอบสวนจะเสร็จสิ้น

[attach=3]
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

ออสเตรเลียพบ "วัตถุต้องสงสัย" เกยหาดฝั่งตะวันตก-เร่งพิสูจน์เชื่อมโยง MH370 หรือไม่

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
23 เมษายน 2557 18:20 น.   

[attach=1]

เอเอฟพี – ทางการออสเตรเลียอยู่ระหว่างตรวจสอบ "วัตถุไม่ระบุชนิด" ที่ถูกคลื่นซัดมาเกยฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับเที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สที่สูญหายไปหรือไม่ เจ้าหน้าที่แถลงวันนี้ (23)
       
       "ตำรวจประจำภาคตะวันตกของออสเตรเลียได้รับแจ้งว่า มีวัตถุต้องสงสัยลอยขึ้นมาเกยหาด ห่างจากเมืองออกัสตาไปทางตะวันออกประมาณ 10 กิโลเมตร และได้เก็บวัตถุนั้นมาตรวจสอบแล้ว" ศูนย์ประสานงานร่วม (JACC) ของออสเตรเลียซึ่งทำหน้าที่ควบคุมปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินโบอิ้ง 777-200 ที่หายสาบสูญไปเมื่อวันที่ 8 มีนาคม ระบุในถ้อยแถลง
       
       สำนักงานความปลอดภัยขนส่งออสเตรเลีย (ATSB) อยู่ระหว่างตรวจสอบภาพถ่ายของวัตถุชิ้นนี้ เพื่อพิสูจน์ว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับเครื่องบินโดยสารที่นานาชาติกำลังค้นหาอยู่หรือไม่ โดยทางสำนักงานได้มอบภาพถ่ายให้ทีมสืบสวนของมาเลเซียนำไปตรวจสอบด้วยแล้ว
       
       "เราให้ความสนใจพอสมควรกับภาพถ่ายเหล่านั้น" มาร์ติน โดแลน หัวหน้าสำนักงานเอทีเอสบี ให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น โดยบรรยายลักษณะของวัตถุที่พบว่าเป็นแผ่นโลหะที่มีหมุดติดอยู่
       
       อย่างไรก็ดี เขาเตือนให้ทุกฝ่ายอย่าเพิ่งคาดหวังสูง โดยกล่าวว่า "ยิ่งพิจารณาลักษณะของมันมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นน้อยลงเท่านั้น"
       
       เที่ยวบิน MH370 ของมาเลเซียแอร์ไลน์ส นำผู้โดยสารและลูกเรือ 239 คนออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ เมื่อกลางดึกของวันที่ 8 มีนาคม เพื่อไปยังกรุงปักกิ่ง แต่ปรากฏว่าเครื่องบินได้หายไปจากจอเรดาร์พลเรือน และเมื่อตรวจสอบจากสัญญาณเรดาร์ทหารก็พบว่า โบอิ้งลำนี้ดูเหมือนจะถูก "บังคับให้เปลี่ยนเส้นทาง"
       
       ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า MH370 น่าจะใช้เชื้อเพลิงจนหมด และตกลงสู่มหาสมุทรอินเดียตอนใต้นอกชายฝั่งตะวันตกของออสเตรเลีย แต่จากการค้นหาด้วยเรือและเครื่องบินนานกว่า 1 เดือนยังคงไม่พบแม้แต่เศษชิ้นส่วนที่จะยืนยันได้ว่า โบอิ้งลำนี้ได้พบจุดจบลงกลางทะเลอันเวิ้งว้างแล้ว
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

In Pics : "ออสเตรเลียยังค้นหา MH370 ไม่หวั่นค่าใช้จ่ายบานปลาย – เล็งนำ "ไซด์สแกน โซนาร์ หาเรือไททานิค" เข้าเสริมทัพ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
23 เมษายน 2557 18:42 น.

[attach=1]

เอเอฟพี/เอพี - ในวันนี้ (23) ออสเตรเลียยังคงมุ่งหน้าค้นหา MH370 เครื่องบินของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สต่อไปถึงแม้ว่าจะมีตัวเลขค่าใช้จ่ายที่สูงเป็นประวัติการณ์ และอาจมีการนำเครื่องไซด์สแกน โซนาร์ (Side Scan Sonar) หรือเครื่องโซนาร์แบบกวาดด้านข้าง ที่มีกำลังสูงคล้ายกับอุปกรณ์ที่ช่วยค้นพบเรือไททานิค ในเฟสการค้นหารอบต่อไป หลังจากโดรนใต้น้ำบลูฟิน-21 ยังไม่สามารถค้นพบอะไรในการค้นหาเฟสที่ 9
       
       ออสเตรเลียเป็นประเทศผู้นำการค้นหา MH370 ซึ่งสูญหายไปเมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา พร้อมกับคนบนเครื่องทั้งหมด 239 ชีวิต กำลังเผชิญกับค่าใช้จ่ายก้อนโตสูงสุดตั้งแต่เคยมีในปฏิบัติการค้นหาที่ดูเหมือนว่าจะไม่เสร็จสิ้นในเร็ววัน
       
       "คงจะมีปัญหาบางประการในค่าใช้จ่ายในอนาคต แต่นี่ไม่ใช่เรื่องเงิน" รัฐมนตรีกลาโหมออสเตรเลีย เดวิด จอห์นสตัน ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว และกล่าวต่อว่า "ทางเราต้องการพบเครื่องบินเที่ยว MH370 เราต้องการกล่าวกับเพื่อนของเราในมาเลเซียและจีนว่า นี่ไม่ใช่เรื่องของค่าใช้จ่าย เราตระหนักถึงการช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้นในยามวิกฤตที่สุดของชีวิต"
       
       แต่ทว่าที่ผ่านมาจนกระทั่งทุกวันนี้ที่ทีมค้นหาได้มุ่งใช้ยานใต้น้ำของกองทัพสหรัฐฯค้นหาเป็นเวลาร่วม 2 สัปดาห์ แต่ยังไม่พบชิ้นส่วนใด หรือสัญญาณใดๆ ที่จะเชื่อมโยงไปถึง MH370 ได้จากการใช้บลูฟิน-21 ซึ่งทางศูนย์ร่วมปฏิบัติการค้นหานานาชาติ (JACC) ได้แถลงในวันนี้ว่า โดรนใต้น้ำบลูฟิน-21 ที่ได้ค้นหาพื้นที่ใต้มหาสมุทรครอบคลุมแล้วราว 80% ของทั้งหมดพื้นที่ทั้งหมด 120 ตารางไมล์นอกชายฝั่งตะวันตกของออสเตรเลีย
       
       ทั้งนี้ การค้นหาที่อยู่ลึกจากผิวน้ำลงไป 2.8 ไมล์นั้น มีจุดศูนย์กลางค้นหาเป็นวงกลมรอบราว 12 ไมล์ในบริเวณที่เครื่องสามารถจับสัญญาณได้เป็นครั้งสุดท้ายในวันที่ 8 เมษายน ที่เชื่อกันว่ากล่องดำของ MH370 นั้นคงไม่สามารถส่งสัญญาณใหม่ออกมาได้อีกแล้วเนื่องจากไม่มีพลังงานเหลืออยู่
       
       ซึ่งจอห์นสตันเปิดเผยว่า ทางออสเตรเลียจะปรึกษากับมาเลเซีย จีน และสหรัฐฯต่อไปถึงยุทธศาสตร์การค้นหาในเฟสหน้าที่คาดว่า จะประกาศในสัปดาห์ถัดไป และเขายังกล่าวต่อว่า ผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำให้มีการนำเอาเครื่องไซด์สแกน โซนาร์ (Side Scan Sonar) หรือเครื่องโซนาร์แบบกวาดด้านข้างที่มีศักยภาพสูง คล้ายกับอุปกรณ์โซนาร์ค้นหาติดยานใต้น้ำไร้คนขับที่สามารถค้นพบเรือเฟอร์รี อาร์เอ็มเอส ไททานิค ที่จมอยู่ในระดับความลึก 12,500 ฟุตในมหาสมุทรแอตแลนติก ในปี 1985 และเรือ HMAS Sydney ของออสเตรเลียที่จมลงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นอกชายฝั่งออสเตรเลียในมหาสมุทรอินเดียถูกค้นพบในปี 2008
       
       "การค้นหารอบต่อไปนี้ผมว่าต้องใช้เครื่องมือที่มีศักยภาพการค้นหาสูงขึ้นกว่าเดิม ที่สามารถใช้โซนาร์สแกนด้านข้างได้ในเขตน้ำลึก" จอห์นสตันเผยกับเอพี
       
       ในขณะที่บลูฟิน-21 เหลือพื้นที่ต้องค้นหาไม่ถึง 1 ใน5 ของพื้นที่ทั้งหมด รัฐมนตรีกลาโหมออสเตรเลียคาดว่า ยังต้องใช้เวลาอีก 2 สัปดาห์จึงสามารถเสร็จสิ้นการค้นหาในเฟสที่ 9 นี้ เพราะทีมงานต้องการค้นหาอย่างละเอียด
       
       การค้นหารอบต่อไปนี้ต้องอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงข้อมูลการบินของ MH370 และสัญญาณที่จับได้เพื่อประเมินถึงพื้นที่การค้นหาใหม่ "เรื่องทั้งหมดที่ซับซ้อนมากนี้เกิดขึ้นในบริเวณที่ห่างไกลของมหาสมุทรในโลกนี้ในระดับน้ำลึก" จอห์นสตันกล่าวทิ้งท้าย

[attach=2]

[attach=3]

การทำงานของบลูฟิน-21
[attach=4]

ตัวอย่างภาพที่ได้จากเครื่องไซด์สแกน โซนาร์ ของแคนาดา
[attach=5]

เครื่องไซด์สแกน โซนาร์ของมหาวิทยาลัย MIT สหรัฐฯ
[attach=6]

เรือไททานิคที่ถูกค้นพบในระดับนำ้ลึก12,500 ฟุตในมหาสมุทรแอตแลนติก ปี 1985
[attach=7]

[attach=8]

[attach=9]

[attach=10]
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

ปฏิบัติการร่วมค้นหา MH370 ชี้ชัดทัพเรือจีนห่างชั้นสหรัฐฯ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
23 เมษายน 2557 21:07 น.

[attach=1]

รอยเตอร์ – การส่งเรือรบ เรือยามฝั่ง เรือขนสินค้า กระทั่งเรือตัดน้ำแข็งรวมกว่า 20 ลำเข้าร่วมปฏิบัติการค้นหา MH370 เผยให้เห็นจุดอ่อนของกองทัพแดนมังกรอย่างชัดเจนจากการขาดฐานปฏิบัติการนอกชายฝั่งและท่าเรือพันธมิตร นักวิเคราะห์จำนวนมากยังชี้ว่า กองทัพเรือแดนมังกรต้องใช้เวลาอีกนับสิบปีกว่าจะสามารถเทียบชั้นสหรัฐฯ ในด้านต่างๆ รวมทั้งในภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก ไม่เฉพาะเพียงเอเชียที่แดนอินทรีสร้างเครือข่ายพันธมิตรโยงใยกว้างขวาง
          
       เอียน สตอรีย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงในเอเชียของสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาในสิงคโปร์ระบุว่า จีนรู้ดีว่าต้องเติมเต็มช่องว่างด้านยุทธศาสตร์นี้เพื่อตอบสนองความต้องการสำหรับปฏิบัติการทะเลลึกเต็มรูปแบบในปี 2050 แต่ที่น่าแปลกใจคือ ยังไม่มีแม้กระทั่งการหารือเกี่ยวกับการเข้าถึงท่าเรือของประเทศต่างๆ ทั้งที่ปักกิ่งตัดสินใจเด็ดขาดในการท้าทายความเป็นผู้นำด้านกองทัพเรือของสหรัฐฯ ในเอเชีย-แปซิฟิก รวมทั้งต้องการปกป้องผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ของตนเองในมหาสมุทรอินเดียและตะวันออกกลาง
          
       ในทางกลับกัน สหรัฐฯ สร้างเครือข่ายฐานปฏิบัติการเต็มรูปแบบอย่างครอบคลุม โดยมีฐานทัพเรือในญี่ปุ่น กวม และดิเอโกการ์เซีย ซึ่งได้รับการค้ำประกันจากการเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงและข้อตกลงเข้าถึงและซ่อมแซมกับชาติพันธมิตร ซึ่งรวมถึงท่าเรือเชิงยุทธศาสตร์ในสิงคโปร์และมาเลเซีย
          
       ริชาร์ด บิตซิงเกอร์ นักยุทธศาสตร์การทหารในเอเชียของสถาบันการระหว่างประเทศศึกษา เอส ราชารัตนัมในสิงคโปร์ เสริมว่า แม้จีนมีป้อมปราการในหมู่เกาะและแนวปะการังหลายแห่งในทะเลจีนใต้ แต่ไม่ใหญ่พอใช้เป็นฐานทัพนอกชายฝั่ง และแม้การจัดการเพื่อเข้าถึงท่าเรือของประเทศอื่นทำได้ง่ายมากระหว่างปฏิบัติการด้านมนุษยธรรมในยามปลอดสงคราม เช่น การค้นหา MH370 แต่การที่จีนมีกรณีพิพาทกับฟิลิปปินส์ เวียดนาม มาเลเซีย และบรูไน ก็ทำให้โอกาสในการเข้าถึงท่าเรือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ระยะยาวมีน้อยมาก

[attach=2]

บิตซิงเกอร์สำทับว่า กองทัพเรืออเมริกันเข้ามาทำกิจกรรมในภูมิภาคนี้นานถึงร้อยปี และยังคงบำรุงรักษาเครือข่ายเชิงยุทธศาสตร์นี้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่จีนเพิ่งเข้ามาเพียง 15 ปี จึงไม่สามารถตามทันสหรัฐฯ ได้ในชั่วข้ามคืน
       
       จา เต้าเจียง ศาสตราจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เห็นด้วยว่า แม้การค้นหาในมหาสมุทรอินเดียขณะนี้เป็นสถานการณ์ "ยกเว้น" แต่นักกลยุทธ์จีนก็รู้ว่า ไม่สามารถพึ่งพิงการเข้าถึงท่าเรือของชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ ได้โดยอัตโนมัติ หากเกิดสถานการณ์ตึงเครียดเชิงกลยุทธ์
          
       ด้วยเหตุนี้ เรือของกองทัพจีนจึงขยายการแวะเยือนท่าเรือประเทศต่างๆ จากเอเชีย-แปซิฟิก ตะวันออกกลาง และเมดิเตอร์เรเนียน ทว่า ยังไม่มีการหารือการเข้าถึงเชิงยุทธศาสตร์ระยะยาวอย่างจริงจังแต่อย่างใด
          
       นอกจากนี้ปักกิ่งยังไม่พอใจคำวิจารณ์ของตะวันตกและอินเดียที่ว่า จีนกำลังพยายามสร้าง "สายประคำไข่มุก" ด้วยการให้ทุนสนับสนุนการพัฒนาท่าเรือในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งรวมถึงปากีสถาน ศรีลังกา บังกลาเทศ และพม่า
          
       ขณะที่นักวิเคราะห์จีนมองว่า ท่าเรือเหล่านั้นไม่มีทางพัฒนาเป็นฐานทัพเรือจีนหรือนำไปสู่ข้อตกลงเข้าถึงระยะยาว เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมือง อีกทั้งยังต้องการความไว้วางใจเชิงกลยุทธ์อย่างมากด้วย
          
       นักวิเคราะห์หลายคนยังเชื่อว่า แม้สร้างสมแสนยานุภาพกองทัพเรืออย่างรวดเร็ว รวมทั้งส่งเรือแวะเยี่ยมท่าเรือมากมายในอ่าวเปอร์เซีย และจุดยุทธศาสตร์อื่นๆ ในตะวันออกกลางหลังเสร็จสิ้นการลาดตระเวนเพื่อป้องกันโจรสลัด ทว่า จีนยังต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยหนึ่งทศวรรษจึงจะสามารถปกป้องเส้นทางขนส่งนอกชายฝั่ง และระหว่างนี้จึงยังต้องพึ่งพิงสหรัฐฯ ในการปกป้องเส้นทางลำเลียงน้ำมันสำคัญ เช่น ในช่องแคบฮอร์มุซที่นำไปสู่อ่าวเปอร์เซีย
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

"แผ่นโลหะติดหมุด" ที่พบบนชายหาดออสเตรเลียไม่ได้มาจาก MH370

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
24 เมษายน 2557 15:39 น.   

[attach=1]

เอเอฟพี - หน่วยงานความปลอดภัยในการคมนาคมของออสเตรเลีย (ATSB) ตัดสินในวันนี้ (24) ว่า แผ่นโลหะที่มีหมุดพบบนชายหาดด้านตะวันตกเฉียงใต้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเครื่องบินเที่ยว MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส
       
       แผ่นโลหะที่มีหมุดที่ถูกเรียกว่า "วัตถุต้องสงสัย" ถูกพบเมื่อวานนี้ (23) บนชายหาดใกล้กับออกัสตา ห่างจากทางใต้ของเพิร์ทไปร่วม 300 กม. ซึ่งผู้ค้นพบได้ส่งชิ้นส่วนนี้ให้แก่ตำรวจเพื่อทำการพิสูจน์ต่อไป
       
       หน่วยงานความปลอดภัยในการคมนาคมของออสเตรเลีย (ATSB) วินิจฉัยความเกี่ยวพันโดยการวิเคราะห์จากภาพถ่ายของวัตถุต้องสงสัยเพื่อพิจารณาว่าจะมีความเชื่อมโยงกับเครื่องบินโบอิ้ง 777เที่ยวที่หายไปหรือไม่
       
       นอกจากนี้ภาพถ่ายยังส่งต่อไปยังทีมเจ้าหน้าที่สอบสวนของมาเลเซีย
       
       อย่างไรก็ตาม หัวหน้าคณะกรรมการ ATSB มาร์ติน โดแลนกล่าวว่า "ทางเราตรวจสอบภาพถ่ายอย่างละเอียดและทางเราพบว่า วัตถุต้องสงสัยนี้ไม่ใช่มาจากเครื่องบินที่สูญหาย" โดแลนกล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีข่าววิทยุ ABC และกล่าวต่อว่า ทางเราต้องการตรวจทุกเบาะแสที่จะนำไปสู่เครื่องบินที่สูญหาย แต่ทว่าเศษชิ้นส่วนที่พบล่าสุดนี้ไม่ใช่มาจาก MH370 ทางเรายังขอให้ทุกคนที่คิดว่า อาจพบเบาะแสใหม่ที่จะนำไปสู่การค้นพบ MH370 ให้ติดต่อกลับมาหาหน่วยงาน ATSB"
       
       โดแลนใช้คืนวันพุธ (23) เพื่อพิสูจน์ถึงแผ่นโลหะที่มีหมุดติดว่าเป็นซากมาจากเครื่องบินโบอิ้ง 777 หรือไม่ และเมื่อพิจารณาจากภาพถ่ายได้ใช้เวลาการวิเคราะห์เป็นเวลานาน ความตื่นเต้นของโดแลนและคณะต้องลดลงเมื่อพบว่าไม่ใช่เบาะแสที่ทุกคนตามหา

[attach=2]
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

"มาเลเซีย" เตรียมแถลงรายงานเกี่ยวกับ MH370 สัปดาห์หน้า

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
25 เมษายน 2557 12:02 น.   

[attach=1]

เอเอฟพี – นายกรัฐมนตรีมาเลเซียเผย รัฐบาลจะแถลงรายงานเบื้องต้นเกี่ยวกับการสูญหายของเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 ภายในสัปดาห์หน้า หลังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความโปร่งใสของกระบวนการสอบสวน ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่า ยังไม่พร้อมจะประกาศว่าผู้โดยสารทั้งหมด "เสียชีวิต" แล้ว

Malaysian P.M. won't say plane is lost

ในการให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นซึ่งออกอากาศเมื่อค่ำวานนี้(24) นายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก แห่งมาเลเซีย ระบุว่า "ผมได้สั่งให้คณะผู้เชี่ยวชาญซึ่งรับผิดชอบงานสืบสวนภายในเตรียมรายงานให้พร้อม และคาดว่าภายในสัปดาห์คงจะเผยแพร่ให้สาธารณชนทราบได้"
       
       เมื่อวันพุธที่ผ่านมา(23) เจ้าหน้าที่มาเลเซียแถลงว่า รายงานเบื้องต้นได้ถูกส่งไปยังองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ซึ่งกำหนดให้ทุกประเทศจะต้องส่งรายงานข้อเท็จจริงเท่าที่ทราบเกี่ยวกับอุบัติเหตุทางการบินภายใน 30 วัน
       
       อย่างไรก็ดี อาซารุดดิน อับดุลเราะห์มาน ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนมาเลเซีย ชี้ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการตัดสินใจว่าจะเผยแพร่รายงานดังกล่าวให้สาธารณชนทราบหรือไม่
       
       ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นตั้งคำถามต่อนายกฯ มาเลเซียว่า เหตุใดจึงต้องส่งรายงานให้พนักงานสอบสวนตรวจดูก่อนที่จะเผยแพร่ หรือเพราะมีข้อเท็จจริงบางอย่าง "ที่น่าอับอาย"
       
       "คงไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ผมเพียงต้องการให้มัน... ให้ทีมสืบสวนได้ตรวจดูก่อนเท่านั้น แต่เพื่อยืนยันความโปร่งใส เราจะเปิดเผยรายงานฉบับนี้ในสัปดาห์หน้า"
       
       ที่ผ่านมารัฐบาลมาเลเซียแทบไม่ยอมปริปากเรื่องรายละเอียดของการสอบสวนกรณีเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส สูญหายไปพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 239 ชีวิต ระหว่างเดินทางออกจากสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ไปยังกรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 8 มีนาคม สร้างความโกรธแค้นต่อบรรดาญาติมิตรผู้โดยสารที่ต้องการทราบความจริง
       
       ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า โบอิ้ง 777-200 ลำนี้ถูกบังคับออกนอกเส้นทางจนเชื้อเพลิงหมดเกลี้ยง และตกลงสู่มหาสมุทรอินเดียตอนใต้ ซึ่งขณะนี้ออสเตรเลียยังเป็นผู้นำในค้นหากล่องดำบันทึกข้อมูลการบิน ซึ่งอาจเป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยเปิดเผยต้นตอของโศกนาฏกรรมการบินครั้งนี้ได้
       
       รัฐบาลมาเลเซียถูกวิจารณ์ว่าให้ข้อมูลสับสนและขัดแย้งกันเอง จนทำให้สังคมคลางแคลงว่ากระบวนการสืบสวนอุบัติเหตุครั้งนี้ "โปร่งใส" จริงหรือไม่
       
       ทางการมาเลเซียยืนยันว่า หากสามารถกู้ข้อมูลจากกล่องดำของเครื่องบินได้ รายละเอียดทั้งหมดจะถูกเปิดเผยให้สาธารณชนรับทราบอย่างแน่นอน
       
       คณะรัฐมนตรีมาเลเซียยังได้อนุมัติแผนแต่งตั้งคณะผู้ตรวจสอบนานาชาติเพื่อสืบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการหายไปของ MH370 ซึ่งรักษาการรัฐมนตรีคมนาคม ฮิชามมุดดิน ฮุสเซน ระบุว่า เป็นทีมที่ "เชื่อถือได้อย่างมาก"
       
       นายกรัฐมนตรีมาเลเซียย้ำกับซีเอ็นเอ็นว่า รัฐบาลยังไม่พร้อมที่จะประกาศว่าผู้โดยสารบนเที่ยวบิน MH370 "เสียชีวิต" แล้ว แม้จะยอมรับว่า "ยากจะจินตนาการเป็นอื่นได้" ก็ตาม
       
       "ในอนาคตผมอาจจะต้องประกาศ แต่เวลานี้ผมต้องคำนึงถึงความรู้สึกของญาติๆ ผู้โดยสาร ซึ่งบางคนบอกผ่านสื่อว่าพวกเขายังรับไม่ได้ จนกว่าจะพบหลักฐานที่ชัดเจนเท่านั้น" นาจิบ กล่าว
       
       สัปดาห์นี้ กลุ่มญาติผู้โดยสารบนเที่ยวบิน MH370 ได้ร่วมกันแถลงประณามเจ้าหน้ามาเลเซียคนหนึ่งซึ่งพูดในทำนองว่า อีกไม่ช้าจะมีการออก "ใบมรณบัตร" ทั้งที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกับเครื่องบินที่หายไป

[attach=2]
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

"โอบามา" ป้อง "รัฐบาลมาเลย์" ในการค้นหา MH370 - ส่งที่ปรึกษาพบ "อันวาร์ อิบราฮิม"

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
27 เมษายน 2557 17:37 น.

[attach=1]

เอพี – ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ที่อยู่ในระหว่างการเยือนมาเลเซียกล่าวปกป้องรัฐบาลมาเลย์วันนี้(27)ในปฎิบัติการตามหา MH370ที่ยังคว้าน้ำเหลวอยู่ในขณะนี้ว่า เจ้าหน้าที่ต่างทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อตามหาเครื่องบินที่สูญหายที่เชื่อว่าได้จมอยู่ใต้มหาสมุทรอินเดีย และยังได้หยิบยกประเด็นสิทธิมนุษยชนในมาเลเซียขึ้นมาเป็นประเด็น พร้อมกับส่งซูซาน ไรซ์ ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงประจำทำเนียบขาวเดินทางไปพบกับอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำฝ่ายค้านในวันพรุ่งนี้(28)
       
       ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บารัค โอบามา ได้กล่าวให้ความเห็นถึงเครื่องบินเที่ยวที่สูญหายหลังจากเข้าพบนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นาจิบ ราซัค ทั้งนี้โอบามากล่าวว่า เขารู้ความยากลำบากของเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงาน เพราะโอบามาเองได้ให้คำปรึกษากับทีมเจ้าหน้าที่สหรัฐฯที่มีส่วนสนับสนุนในปฏิบัติการตามหา MH370ที่มีค่าใช้จ่ายสูงสุดเท่าที่เคยมีมา
       
       "รัฐบาลมาเลเซียทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อตามหเครื่องบินโบอิ้ง 777 ของสายการบินมาเลเชีย แอร์ไลนส์ และสอบสวนถึงสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น" โอบามาแถลงในงานแถลงข่าว ซึ่งมีราซัคยืนอยู่ข้างกาย และกล่าวต่อว่า "ผมไม่สามารถเป็นตัวแทนกล่าวถึงทุกประเทศในภูมิภาคนี้ แต่ผมสามารถพูดได้ว่า สหรัฐฯและชาติพันธมิตรตระหนักว่ารัฐบาลมาเลเซียนั้นทุ่มเทในปฎิบัติการตามหาร่วมกับพวกเราในการแบ่งปันข้อมูลที่ทางมาเลเชียรู้"
       
       MH370 มีผู้อยู่บนเครื่องทั้งหมด 239 คน ซึ่งผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นชาวจีนได้หายไปจากจอเรดาร์เกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ญาติของผู้โดยสารต่างรู้สึกไม่พอใจในปฎิบัติการค้นหา และหลายคนได้ประท้วงที่หน้าสถานทูตมาเลเซียประจำกรุงปักกิ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา
       
       และโอบามายังกล่าวว่า "เขาเข้าใจหัวใจที่ระทมทุกข์ของญาติผู้โดยสารได้เป็นอย่างดี แต่ทว่าปฎิบัติการค้นหาต้องทอดเวลาออกไปยาวนานขึ้นเนื่องจากความกว้างของมหาสมุทรอินเดีย
       
       "เป็นที่แน่ชัดว่าเราไม่ทราบข้อมูลทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เราแน่ใจว่า หาก MH370 ตกในมหาสมุทรของภูมิภาคนี้ ซึ่งเป็นสถานที่กว้างขวางมาก และปฎิบัติการนั้นเต็มไปด้วยความท้าทายและเพียรพยายามที่ต้องอาศัยระยะเวลา" โอบามากล่าว
       
       ทั้งนี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้เดินทางมาถึงมาเลเซียเมื่อวานนี้(26) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเยือนเอเชีย ที่เริ่มต้นขึ้นที่ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ตามลำดับ โดยในวันพรุ่งนี้(28)โอบามาจะเดินทางไปเยือนฟิลิปปินส์
       
       และนอกจากประเด็นเรื่องเครื่องบินสูญหายแล้ว โอบามายังได้หยิบยกปัญหาสิทธิมนุษยชนในมาเลเซียขึ้นมาถกเป็นประเด็น และในการเยือนครั้งนี้โอบามาไม่มีโอกาสที่จะพบกับอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำฝ่ายค้านมาเลเซีย เขาได้มอบหมายให้ที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ซูซาน ไรซ์เดินทางไปพบกับอันวาร์ในวันพรุ่งนี้(28)แทน
       
       ทั้งนี้โอบามาได้หยิบยกระเด็นเสรีภาพสื่อ สิทธิมนุษยชน และเสรีภาพพลเมืองมาเป็นตัวอย่าง โดยกล่าวว่าเรื่องพวกนี้เป็นวาระในการเยือนประเทศต่างๆทั่วโลก พร้อมทั้งออกตัวว่า ไม่ได้มีหมายกำหนดการพบปะกับอันวาร์ในการเยือนครั้งนี้แต่อย่างใด
       
       "เป็นความจริงที่ผมไม่ได้มีกำหนดพบกับผู้นำฝ่ายค้าน มีอีกหลายคนมากมายที่ผมไม่ได้พบปะในช่วงการเยือน มีผู้นำฝ่ายค้านหลายประเทศที่ยังไม่ได้พบ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับคนเหล่านั้น" โอบามากล่าวในการแถลงร่วมกับนาจิบ
       
       อันวาร์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่เมื่อไม่นานมานี้ถูกตัดสินจำคุกในโทษการล่วงละเมิดทางเพศเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งทั้งสหรัฐฯและกลุ่มสิทธิมนุษยชนประนามว่า เป็นการตัดสินลงโทษทางการเมือง อันวาร์ถือเป็นศัตรูทางการเมืองตัวฉกาจของนาจิบ ที่ความนิยมในตัวเขาลดลงในการเลือกตั้ง 2 สมัยที่ผ่านมา
       
       ซึ่งในการแถลงของราจิบคู่กับโอบามา ราจีบกล่าวว่า เขานั้นเหมือนกับประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ให้ความสำคัญกับเสรีภาพพลเรือนเป็นสำคัญ และได้อธิบายถึงมาตรการส่งเสริมเสรีภาพพลเรือน และกล่าวย้ำว่า อย่ามาปรามาศถึงสิ่งที่ทางรัฐบาลมาเลเซียกำลังพยายามทำอยู่
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

แฟนเก่าชื่อส้ม

ก่อนตายคุณอยากอยู่กับใครเป็นคนสุดท้าย

ฟ้าเปลี่ยนสี

อ้างจาก: แฟนเก่าชื่อส้ม เมื่อ 19:47 น.  27 เม.ย 57
สุดท้ายลงที่สามเหลี่ยมเมอบิวด้า

ถ้าคิดไม่ออกว่า จะให้เหตุผลอย่างไร

เป็นไปได้มากเลยครับ.... ส.หลกจริง ส.หลกจริง ส.หลกจริง
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

นายกฯ ออสซีชี้ภารกิจค้นหา MH370 เข้าสู่ "ขั้นตอนใหม่" ยอมรับโอกาสพบชิ้นส่วนเหนือผิวน้ำ "มีน้อยมาก"

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
28 เมษายน 2557 13:05 น.   

[attach=1]

เอเอฟพี/รอยเตอร์ - นายกรัฐมนตรี โทนี แอบบ็อตต์ แห่งออสเตรเลีย สั่งยกระดับภารกิจสำรวจใต้พื้นมหาสมุทรอินเดียเพื่อค้นหาเที่ยวบิน MH370 ของมาเลเซียแอร์ไลน์ที่สูญหายไปนานเกือบ 2 เดือน พร้อมยอมรับว่าโอกาสที่จะพบชิ้นส่วนเครื่องบินลอยอยู่เหนือผิวน้ำ "มีน้อยมาก"
       
       รัฐบาลออสเตรเลียรับหน้าที่ประสานงานในการค้นหาโบอิ้ง 777-200 ของมาเลเซียแอร์ไลน์สที่สูญหายไปจากจอเรดาร์เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พร้อมกับผู้โดยสารและลูกเรือ 239 ชีวิต โดยผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าเครื่องบินลำนี้น่าจะตกลงสู่มหาสมุทรอินเดียตอนใต้
       
       นานาชาติได้ส่งเครื่องบินและเรือหลายสิบลำออกตระเวนค้นหาเหนือน่านน้ำกว้างใหญ่นอกชายฝั่งตะวันตกของออสเตรเลีย ทว่าผ่านมากว่า 40 วันก็ยังไม่พบแม้แต่เศษชิ้นส่วนขนาดเล็กที่จะยืนยันได้ถึงการตกของเครื่องบินโบอิ้งลำนี้
       
       "ผมจำเป็นต้องเรียนให้ท่านทราบว่า เมื่อมาถึงขั้นนี้คงมีโอกาสน้อยมากที่เราจะพบชิ้นส่วนเครื่องบินลอยอยู่เหนือผิวน้ำ" แอบบ็อตต์ ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนที่กรุงแคนเบอร์รา วันนี้(28)
       
       "ผ่านมานานถึง 52 วัน วัสดุส่วนใหญ่คงจะชุ่มน้ำ และจมลงสู่ก้นทะเลแล้ว"

       
       "ด้วยระยะทางที่ห่างไกลมาก เครื่องบินค้นหาทุกลำต่างปฏิบัติภารกิจได้อย่างจำกัด และจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัย"
       
       นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียระบุว่า ภารกิจค้นหา MH370 กำลังเข้าสู่ "ขั้นตอนใหม่" ซึ่งจะเป็นการค้นหาใต้ทะเลอย่างเข้มข้นและกินพื้นที่กว้างขวางยิ่งกว่าเดิม
       
       "เราจะพยายามค้นหาใต้ทะเลอย่างละเอียดที่สุดเท่าที่ศักยภาพของมนุษย์จะไปถึง"
       
       แอบบ็อตต์ชี้ว่า การขยายพื้นที่ค้นหาให้ครอบคลุมเขตผลกระทบ (impact zone) ทั้งหมด ซึ่งมีขนาดประมาณ 700 × 80 กิโลเมตร อาจจะต้องใช้เวลาสำรวจนาน 6-8 เดือน
       
       พื้นที่ค้นหา MH370 ถูกกำหนดจากการวิเคราะห์ข้อมูลดาวเทียม ประกอบกับสัญญาณ Ping ที่เรือโอเชียนชิลด์ของออสเตรเลียเคยตรวจจับได้หลายครั้ง ก่อนที่แบตเตอรีกล่องดำของเครื่องบินจะหมดพลังงานลง
       
       ยานดำน้ำไร้คนขับ บลูฟิน-21 ของกองทัพเรือสหรัฐฯถูกส่งลงไปสำรวจพื้นมหาสมุทรราว 400 ตารางกิโลเมตรรอบๆ จุดที่เรือโอเชียนชิลด์เคยพบสัญญาณ Ping ครั้งหนึ่ง แต่จนบัดนี้ก็ยังไร้ความคืบหน้า
       
       แอบบ็อตต์ยืนยันว่า บลูฟิน-21 จะยังปฏิบัติภารกิจต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ขณะที่รัฐบาลออสเตรเลียซึ่งได้ปรึกษาหารือกับทางมาเลเซียแล้วก็พร้อมที่จะว่าจ้างบริษัทเอกชนเข้ามาช่วยอีกแรงหนึ่ง

[attach=2]

[attach=3]

[attach=4]
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

นักบินสหรัฐฯวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียม ชี้ MH370 ตกในอ่าวไทย ใกล้ จ.สงขลา

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
29 เมษายน 2557 04:24 น.

http://up.anv.bz/latest/anvload.html?key=eyJtIjoiTElOIiwicCI6ImRlZmF1bHQiLCJ2IjoiMjYyODU2In0=

เดลิเมล์/มิร์เรอร์ - สื่อมวลชนของอังกฤษรายงานว่าอ้างคำสันนิษฐานของนักบินรายหนึ่งจากนิวยอร์ก ที่เชื่อว่าตนเองพบซากเที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซีย นอกชายฝั่งของไทย จากตรวจสอบภาพถ่ายทางดาวเทียมนับพันรูปที่ได้มาจากสังคมออนไลน์
       
       ไมเคิล โฮเบล วัย 60 ปี ใช้เวลานานหลายชั่วโมงผูกโยงภาพถ่ายต่างๆ ที่ได้จากเว็บไซต์ TomNod.com ก่อนปักใจเชื่อว่าสิ่งที่เขาพบเห็นนั้นเป็นเครื่องบินโบอิ้ง777 ที่สูญหายมาตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม
       
       นักบินอากาศยานเบาจากโทนาวันดา มลรัฐนิวยอร์ก สหรัฐฯ บอกว่าเขารู้สึกช็อกมากที่พบว่าเครื่องบินลำดังกล่าวซึ่งหายสาบสูญไปตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม ยังคงมีสภาพที่เป็นชิ้นเดียวและจมอยู่ใต้ทะเลนอกชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของมาเลเซีย ห่างจากจังหวัดสงขลา ไปทางตะวันออกไม่กี่กิโลเมตร โดยภาพเหล่านั้นถูกถ่ายไว้ได้ไม่กี่วันหลังจากเครื่องบินตก

[attach=1]

ขาบอกกับ WIVB เขาลองใช้มาตรส่วนที่อยู่ด้านล่างของแผนที่บน TomNod มาเปรียบเทียบกับข้อมูลจำเพาะบนเว็บไซต์ของโบอิ้ง จนได้ข้อสรุปว่ารูปร่างสีขาวที่เขาเห็นนั้นพอเหมาะพอดีกับโบอิ้ง 777 "ผมถึงกับงงงวย ไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะหามันพบ" เขาให้สัมภาษณ์กับสถานีข่าวแห่งนี้
       
       พร้อมกันนั้น เขายังได้ชี้ไปยังภาพถ่ายบนจอคอมพิวเตอร์ในระหว่างที่อธิบายว่าทำไมเขาถึงเชื่อว่ามันเป็นเครื่องบินลำที่สูญหาย "ที่เห็นสีขาวสว่างๆ คือส่วนปีกที่ติดกับลำตัวเครื่องบิน เห็นสีขาวสว่างๆ นั่นหรือเปล่า" และเมื่อถูกถามว่าบางทีเงามัวๆ ที่เห็นนั้นอาจเป็นแค่ฉลาม นายเฮเบล ตอบว่า "ถ้ามันเป็นฉลาม ก็คงเป็นฉลามที่มีขนาดกว่า 210 ฟุต"

[attach=2]

ช่วงกลางเดือนมีนาคม TomNod.com เว็บไซต์ที่รับภาพถ่ายดาวเทียมมาจาก DigitalGlobe บริษัทแม่ เปิดให้ชาวเน็ตค้นรายละเอียดต่างๆ จากภาพถ่ายดาวเทียมทั่วทุกมุมโลกหลายล้านภาพ ในความพยายามตามหาซากเครื่องบิน หรือร่องรอยที่น่าจะเป็นเบาะแสของการหายไปอย่างลึกลับของเที่ยวบิน MH370 ผ่านภาพถ่ายดาวเทียม
       
       นอกจากนี้แล้วทางเว็บไซต์ยังเปิดให้ผู้ใช้ลงคะแนนว่าเห็นด้วยกับทฤษฎีต่างๆ ของผู้ใช้คนอื่นๆ หรือไม่ ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครโต้แย้งทฤษฎีของโฮเบล
       
       นายโฮเบล บอกว่าที่เริ่มต้นค้นหาเครื่องบินก็เพราะว่าอยากช่วยเหลือการสืบสวน และช่วยเหลือครอบครัวผู้โดยสารที่ต้องสุญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก พร้อมเผยเคยติดต่อไปยังคณะกรรมการความปลอดด้านขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ (NTSB) และสำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) ถึงสิ่งที่เขาพบ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีหน่วยงานใดติดต่อกลับมา

[attach=3]

ในวันจันทร์(28) นายกรัฐมนตรี โทนี แอบบ็อตต์ แห่งออสเตรเลีย สั่งยกระดับภารกิจสำรวจใต้พื้นมหาสมุทรอินเดียเพื่อค้นหาเที่ยวบิน MH370 ของมาเลเซียแอร์ไลน์สที่สูญหายไปนานเกือบ 2 เดือน ด้วยยอมรับว่าโอกาสที่จะพบชิ้นส่วนเครื่องบินลอยอยู่เหนือผิวน้ำมีน้อยมาก ด้วยเชื่อว่าเศษซากเครื่องบินซึ่งบรรทุกผู้โดยสารและลูกเรือ 239 คน น่าจะจมลงสู่ก้นทะเลแล้ว
       
       นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียระบุว่า ภารกิจค้นหา MH370 กำลังเข้าสู่ขั้นตอนใหม่ ซึ่งจะเป็นการค้นหาใต้ทะเลอย่างเข้มข้นและกินพื้นที่กว้างขวางยิ่งกว่าเดิม แม้ว่าจะไม่พบสัญญาณ Ping อีกเลย นับตั้งแต่แบตเตอรีกล่องดำของเครื่องบินครบกำหนดหมดพลังงานลง
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

ทีมค้นหาเข้าตรวจสอบข้อมูล หลังบ.สำรวจน้ำมันเชื่อพบซากMH370ในอ่าวเบงกอล

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
30 เมษายน 2557 03:48 น.

http://www.cnn.com/video/data/2.0/video/world/2014/04/29/newday-intv-david-pope-mh370.cnn.html

เอพี - ประเทศต่างๆที่กำลังค้นหาเครื่องบินของมาลเซีย แอร์ไลน์ ที่ยังคงสูญหาย กำลังประเมินคำกล่าวอ้างของบริษัทสำรวจทรัพยากรธรรมชาติแห่งหนึ่ง ซึ่งระบุมีความเป็นไปได้ที่ซากของเครื่องบินจะอยู่ทางเหนือของอ่าวเบงกอล รัฐมนตรีกลาโหมแดนเสือเหลืองบอกในวันอังคาร(29)
       
       ตำแหน่งดังกล่าวอยู่ห่างจากจุดที่นานาชาติกำลังพุ่งเป้าปฏิบัติการค้นหาเที่ยวบิน MH370 ทั้งใต้น้ำและพื้นผิวเป็นเวลานานสัปดาห์ไกลพอสมควร อย่างไรก็ตามทางบริษัทจีโอเรโซแนนซ์ ซึ่งมีฐานบัญชาการในออสเตรเลีย ย้ำยังไม่แน่ใจว่าสิ่งที่พบคือโบอิ้ง777 ที่สูญหายไปตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม แต่ก็เรียกร้องให้ดำเนินการตรวจสอบสิ่งที่พวกเขาพบ
       
       บริษัทแห่งนี้ใช้การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็ก เคมีการแผ่รังสีและเทคโนโลยีอื่นๆในการค้นหาน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติและแหล่งทรัพยากรแร ขณะที่ในการตามหาเที่ยวบิน MH370 พวกเขาก็ใช้เทคโนโลยีแบบเดียวกันในการสำรวจไปตามพื้นมหาสมุทรเพื่อหาองค์ประกอบทางเคมีที่มีอยู่ในโบอิ้ง777 ไม่ว่าจะเป็นอะลูมินัม ไททาเนียม เศษตกค้างของน้ำมันเครื่องบินและอื่นๆ
       
       โดยทางจีโอเรโซแนนซ์ได้นำภาพถ่ายผลการสำรวจของวันที่ 5 มีนาคมและ10มีนาคม ก่อนและหลังเครื่องบินสูญหายมาเปรียบเทียบกัน และพบพื้นที่ๆหนึ่งที่มีความแตกต่างของข้อมูลระหว่างสองวันนั้น ทั้งนี้ตำแหน่งดังกล่าวอยู่ห่างจากบังกลาเทศ ไปทางใต้แค่ราวๆ 190 กิโลเมตร
       
       นายฮิซฮัมมุดดิน ฮุสเซน รัฐมนตรีกลาโหมและรัฐมนตรีคมนาคมของมาเลเซีย เปิดเผยว่าจีนและออสเตรเลีย ได้รับแจ้งเรื่องดังกล่าวแล้ว "มาเลเซียกำลังทำงานร่วมกับพันธมิตรนานาชาติเพื่อประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูลนี้"

[attach=1]

จีโอเรโซแนนซ์ บอกว่าพวกเขาเริ่มพยายามค้นหาเครื่องบินมานานแล้ว ก่อนปฏิบัติการค้นหาจะเคลื่อนย้ายมายังมหาสมุทรอินเดียทางใต้เสียอีก "แรงจูงใจเดียวของเราคือช่วยเหลือครอบครัวของผู้โดยสารและลูกเรือที่สูญหาย ทางบริษัทรู้ว่าเราเองมีประสิทธิภาพทางเทคโนโลยีเพียงพอต่อภารกิจสำคัญนี้"
       
       บริษัทแห่งนี้บอกต่อว่าพวกเขาได้ส่งข้อมูลการตรวขพบเบื้องต้นให้ทีมสืบสวนไปตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม และรู้สึกแปลกใจมากที่ไม่มีใครตอบรับเลย แม้คำกล่าวอ้างนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ก็ตาม
       
       เที่ยวบิน MH370 บรรทุกผู้โดยสารและลูกเรือ 239 คน จากกัวลาลัมเปอร์สู่กรุงปักกิ่ง แต่เกิดหายไปอย่างไร้ร่องรอยในตอนเช้าวันที่ 8 มีนาคม ในการแกะรอยทางเรดาร์และการติดต่อจากห้องนักบิน พบว่ามันได้เบี่ยงเส้นทางอย่างไม่ทราบวาเหตุ และหักเลี้ยงกลับบินมาทางตะวันตกผ่านคาบสมุทรมลายู
       
       อินเดีย บังกลาเทศและประเทศอื่นๆไล่ขึ้นไปทางเหนือ ยืนยันว่าพวกเขาไม่เคยตรวจพบเครื่องบินลำนี้บนน่านฟ้า ขณะที่ดาวเทียมของบริษัทอิมเมอร์แซท จากอังกฤษ สามารถตรวจจับความเคลื่อนไหวของ MH370 ได้และทีมสืบสวนใช้ข้อมูลดังกล่าวสรุปว่าเครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ สิ้นสุดในมหาสมุทรอินเดียทางตอนใต้
       
       มีการตรวจพบสัญญาณคล้ายส่งออกมาจากกล่องดำของเครื่องบินในพื้นที่ค้นหาทางตะวันตกของออสเตรเลียเมื่อวันที่ 8 เมษายน แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบหลักฐานที่แน่ชัด
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

ออสเตรเลีย "ไม่เชื่อ" MH370 ตกใน "อ่าวเบงกอล" ตามที่บริษัทสำรวจน้ำมันอ้าง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
30 เมษายน 2557 09:07 น.

[attach=1]

เอเอฟพี – ออสเตรเลียออกมาปฏิเสธข้อสันนิษฐานของบริษัทสำรวจทรัพยากรทางธรรมชาติแห่งหนึ่งที่อ้างว่า เศษชิ้นส่วนที่พวกเขาพบใน "อ่าวเบงกอล" อาจมาจากเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 ที่สูญหายไป

สื่อมาเลเซียและสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 ออสเตรเลียรายงานข้อมูลจากบริษัท จีโอรีโซแนนซ์ (GeoResonance) ในเมืองแอดิเลด ซึ่งอ้างว่าพวกเขาตรวจพบวัตถุบางอย่างซึ่งอาจเป็นซากเครื่องบินอยู่ห่างจากจุดที่นานาชาติค้นหาไปไกลถึง 5,000 กิโลเมตร
       
       ฮิชามมุดดิน ฮุสเซน รักษาการรัฐมนตรีคมนาคมมาเลเซีย แถลงวานนี้ (29) ว่า ตนอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ ในขณะที่ศูนย์ประสานงานร่วม (Joint Agency Coordination Center - JACC) ของออสเตรเลียซึ่งทำหน้าที่ควบคุมปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินระบุว่า สิ่งที่จีโอรีโซแนนซ์พบไม่น่าจะเกี่ยวโยงใดๆ กับ MH370
       
       "ตำแหน่งของ MH370 ที่จีโอรีโซแนนซ์รายงาน (ในอ่าวเบงกอล) ไม่ได้อยู่ในขอบเขตการค้นหาและช่วยชีวิตที่ออสเตรเลียกำหนดไว้" โฆษกเจเอซีซีให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอเอฟพี
       
       "ปฏิบัติการค้นหาซึ่งนำโดยออสเตรเลียใช้ข้อมูลจากดาวเทียมและแหล่งอื่นๆ มาระบุพิกัดคร่าวๆ ของเครื่องบินที่สูญหายไป แต่จุดที่จีโอรีโซแนนซ์อ้างไม่ได้อยู่ในแนวเส้นโค้งค้นหาซึ่งเราวิเคราะห์ได้"
       
       "ทีมค้นหานานาชาติยังมั่นใจว่า จุดตกของเครื่องบินจะต้องอยู่ทางด้านใต้ของแนวเส้นโค้งอย่างแน่นอน"
       
       เที่ยวบิน MH370 ของมาเลเซียแอร์ไลน์ส นำผู้โดยสารและลูกเรือ 239 คน ออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ก่อนจะสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย
       
       จากการคำนวณความเร็วของเครื่องบิน, ปริมาณเชื้อเพลิง และข้อมูลดาวเทียม พนักงานสอบสวนเชื่อว่าเครื่องบินลำนี้ถูกบังคับออกนอกเส้นทาง และตกลงสู่มหาสมุทรอินเดียตอนใต้นอกชายฝั่งตะวันตกของออสเตรเลีย แม้ว่าการค้นหาตลอดระยะเวลาเกือบ 2 เดือนจะยังไม่พบเศษซากบนผิวน้ำเลยแม้แต่ชิ้นเดียวก็ตาม
       
       เจเอซีซี ได้สั่งยกเลิกการบินสำรวจทางอากาศ และขยายภารกิจค้นหาใต้ทะเลด้วยยานดำน้ำขนาดเล็กและเทคโนโลยีอื่นๆ ให้ครอบคลุมพื้นที่ถึง 56,000 ตารางกิโลเมตร
       
       จีโอรีโซแนนซ์ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการสำรวจน้ำมัน, ก๊าซธรรมชาติ, แหล่งน้ำใต้ดิน และยูเรเนียม ระบุว่า จากการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมและภาพถ่ายจากเครื่องบิน พวกเขาพบวัตถุบางอย่างใต้พื้นมหาสมุทรที่น่าจะเป็นเศษซากจากเครื่องบินโดยสาร
       
       การสำรวจของ จีโอรีโซแนนซ์ ครอบคลุมพื้นที่มากถึง 2,000,000 ตารางกิโลเมตร
       
       "เราพบองค์ประกอบทางเคมีและวัสดุที่ใช้ประกอบเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 777 ได้แก่ อะลูมิเนียม, ไทเทเนียม, ทองแดง, เหล็กกล้าผสม และสสารอื่นๆ" พาเวล เคอร์ซา ผู้แทนบริษัท จีโอรีโซแนนซ์ ให้สัมภาษณ์ต่อสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 ออสเตรเลีย
       
       ด้าน เดวิด โป๊ป ผู้แทนอีกคนของบริษัทนี้ ยืนยันว่า "เราไม่ได้พยายามจะบอกว่ามันเป็น MH370 อย่างแน่นอน แต่เราคิดว่านี่คือข้อมูลสำคัญบางอย่างที่ควรนำไปตรวจสอบต่อ"

[attach=2]
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

ยุติค้นหา MH370 เหนือผิวน้ำ"เครื่องบิน-เรือ"ทยอยกลับบ้าน ออสเตรเลียไม่เชื่อ MH370 ตกใน 'อ่าวเบงกอล'

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
30 เมษายน 2557 21:03 น.

Australian company says it might have spotted MH370

เอเจนซีส์ - ศูนย์ประสานงานการค้นหาเที่ยวบินMH370ไม่เชื่อคำกล่าวอ้างของบริษัทสำรวจแหล่งพลังงานสัญชาติออสซี่ซึ่งระบุว่า พบสิ่งที่อาจจะเป็นซากเครื่องบินโดยสารลำนี้ในบริเวณอ่าวเบงกอล โดยยังคงแสดงความมั่นใจว่า โบอิ้ง 777 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ตกทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดียที่ทำการค้นหากันอยู่ ขณะเดียวกัน ทางการแดนจิงโจ้แถลงด้วยว่า การปฏิบัติการของนานานาชาติในการค้นหาเหนือผิวน้ำทั้งทางอากาศและทางทะเล เป็นอันยุติลงอย่างเป็นทางการแล้ว โดยเครื่องบินและเรือส่วนใหญ่เดินทางออกจากออสเตรเลียแล้วในวันพุธ (30 เม.ย.)
       
       ศูนย์ประสานงานหน่วยงานร่วมการปฏิบัติการค้นหา (JACC) ซึ่งนำโดยออสเตรเลีย ออกคำแถลงในวันอังคาร (29) ว่า การค้นหาของพวกตนนั้นอาศัยข้อมูลจากดาวเทียมและข้อมูลอื่นๆ มาระบุตำแหน่งที่เที่ยวบิน MH370 น่าจะสูญหายไป ทว่าตำแหน่งซึ่งบริษัทสำรวจแหล่งพลังงาน "จีโอรีโซแนนซ์" บอกมานั้น ไม่ได้อยู่ภายในพื้นที่การค้นหาที่กำหนดขึ้นจากข้อมูลเหล่านี้ โดยที่ JACC ยังคงเชื่อว่า ตำแหน่งที่พักพิงสุดท้ายของเครื่องบินที่หายไปลำนี้ อยู่ภายในพื้นที่ตอนใต้ของอาณาบริเวณเส้นโค้งซึ่งกำหนดเป็นพื้นที่ค้นหา
       
       ก่อนหน้านี้ จีโอรีโซแนนซ์แถลงว่า ยังไม่มีความมั่นใจว่าพบเที่ยวบิน MH370 ที่หายไปตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม ขณะกำลังบินจากกัวลาลัมเปอร์มุ่งหน้าสู่ปักกิ่งแล้ว แต่ก็เรียกร้องให้ฝ่ายที่รับผิดชอบเข้าตรวจสอบข้อมูลที่บริษัทค้นพบ
       
       บริษัทออสเตรเลียแห่งนี้ มีความชำนาญในการใช้เทคโนโลยีการสร้างภาพ เคมีการแผ่รังสี และเทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อค้นหาแหล่งน้ำมัน ก๊าซ ตลอดจนแร่ธาตุต่างๆ และได้ใช้เทคโนโลยีเดียวกันนี้ค้นหาองค์ประกอบทางเคมีของเครื่องบินโบอิ้ง 777 ได้แก่ อลูมิเนียม ไททาเนียม สิ่งตกค้างจากเชื้อเพลิง ฯลฯ บริเวณท้องมหาสมุทร
       
       จีโอรีโซแนนซ์ได้เปรียบเทียบภาพหลายช่วงคลื่นที่ถ่ายในวันที่ 5 และ 10 มีนาคม หรือก่อนและหลังจากที่ MH370 สูญหาย และพบพื้นที่หนึ่งที่ข้อมูลระหว่างสองวันดังกล่าวต่างกัน โดยตำแหน่งที่ว่าอยู่บริเวณอ่าวเบงกอล ห่างจากทางใต้ของบังกลาเทศราว 190 กิโลเมตร แต่ห่างจากพื้นที่ค้นหา MH370 ในปัจจุบันหลายพันกิโลเมตร
       
       บริษัทแห่งนี้สำทับว่า ได้ส่งข้อมูลไปให้มาเลเซีย แอร์ไลน์ รวมทั้งสถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียและจีนในออสเตรเลีย ตลอดจน JACC ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน และแปลกใจที่ไม่ได้รับการติดต่อกลับ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า หน่วยงานเหล่านั้นไม่เข้าใจความสามารถด้านเทคโนโลยีของบริษัท ไม่มีเวลา หรือไม่ก็เชื่อว่า พื้นที่ค้นหาปัจจุบันเป็นบริเวณเดียวที่มีความเป็นไปได้

[attach=1]

ทางด้านไฮชามมุดดิน ฮุสเซน รัฐมนตรีกลาโหมมาเลเซียแถลงเมื่อวันอังคารว่า จีนและออสเตรเลียได้รับรายงานของจีโอรีโซแนนซ์แล้ว และมาเลเซียกำลังร่วมกับหุ้นส่วนนานาชาติประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูลดังกล่าว
       
       อินเดีย บังกลาเทศ และประเทศอื่นๆ ซึ่งตั้งอยู่ในอาณาบริเวณดังกล่าว ต่างระบุว่า ไม่เคยตรวจจับสัญญาณของเที่ยวบิน MH370 ได้ว่าบินเฉียดใกล้มาแถวนี้ ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง อุปกรณ์ของเที่ยวบินนี้มีการติดต่อกับดาวเทียมของ "อินมาร์แซต" อยู่เป็นระยะๆ ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ทำให้เจ้าหน้าที่สอบสวนสรุปจากข้อมูลต่างๆ ว่า เที่ยวบินนี้ตกทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย
       
       อย่างไรก็ดี จวบจนถึงเวลานี้ ทีมค้นหานานาชาติยังไม่เคยค้นพบเศษซากเครื่องบินเลยแม้แต่ชิ้นเดียว และปฏิบัติการค้นหาทางอากาศยุติลงเมื่อวันจันทร์ (28) หลังจากคว้าน้ำเหลวมานานถึง 6 สัปดาห์ โดยที่เจ้าหน้าที่ระบุว่า ด้วยระยะเวลาขนาดนี้ เศษซากต่างๆ จะต้องชุ่มน้ำและจมลงใต้ทะเลแล้ว จึงไม่มีโอกาสที่จะพบอะไรอยู่เหนือผิวน้ำอีกแล้ว
       
       โฆษกของ JACC แถลงเมื่อวันพุธ (30) ว่า เครื่องบินที่เข้าร่วมปฏิบัติการค้นหา ส่วนใหญ่จะเดินทางออกจากออสเตรเลียในวันพุธ มีเพียงเครื่องบินพี-3 โอเรียน ของออสเตรเลียเองเท่านั้นที่จะยังประจำอยู่ที่เมืองเพิร์ท ในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย ต่อไป
       
       ทางด้าน อเมริกา ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และมาเลเซีย ก็ออกมายืนยันคำแถลงดังกล่าว ทว่า ฉิน กัง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ปฏิเสธที่จะระบุว่า เครื่องบินจีนจะถอนกลับฐานทัพหรือไม่
       
       "ผมย้ำมาตลอดว่า ในขั้นตอนต่อไป จีนจะยังคงให้การสนับสนุนและมีส่วนร่วมในการปฏิบัติการค้นหาต่อไป เรายังคงติดต่อและประสานงานอย่างใกล้ชิดกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง" โฆษกผู้นี้แถลงในกรุงปักกิ่ง
       
       ขณะเดียวกัน เรือของออสเตรเลีย จีน และอังกฤษ รวม 14 ลำ ที่ร่วมกันค้นหาซากเครื่องบินหรือตรวจจับสัญญาณจากกล่องดำบนพื้นผิวน้ำ ส่วนใหญ่ก็เตรียมถอนตัวกลับเช่นกัน แม้โฆษกของ JACC แจงว่า จะยังเหลือเรือจำนวนหนึ่งออกค้นหาต่อและเตรียมพร้อม แต่โดยสรุปก็คือ ปฏิบัติการค้นหาทางทะเลและทางอากาศขนาดใหญ่ยุติลงแล้ว
       
       ในวันจันทร์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีโทนี แอ็บบอตต์ ของออสเตรเลียแถลงว่า จากนี้ไป การปฏิบัติการค้นหาจะปรับโฟกัสไปเป็นการค้นหาใต้ทะเลในอาณาบริเวณ 56,000 ตารางกิโลเมตร
       
       ผู้นำแดนจิงโจ้เสริมว่า การค้นหาขั้นตอนใหม่จะยังคงใช้ยานดำน้ำไร้คนขับ "บลูฟืน-21" ของกองทัพเรือสหรัฐฯแต่จะมีการนำเทคโนโลยีอื่นๆ มาเสริม ซึ่งอาจรวมถึงอุปกรณ์โซนาร์แบบกวาดสแกนจากด้านข้าง และอาจต้องใช้เวลาในการปฏิบัติการราว 6-8 เดือน
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

มาเลเซียเปิดรายงานเที่ยว MH370 ไม่ได้เผยเงื่อนงำใหม่ แต่ให้ "แผนที่เส้นทางบิน" ก่อนสูญหาย

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
2 พฤษภาคม 2557 00:35 น.   

แผนที่แสดงให้เห็นเส้นทางที่เที่ยวบิน MH370 ของมาเลเซียแอร์ไลน์ อาจจะใช้
ก่อนที่มันจะสูญหายไปโดยสันนิษฐานกันว่าคงตกลงในบริเวณตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย
รัฐบาลมาเลเซียนำแผนที่นี้ออกเผยแพร่ต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในวันพฤหัสบดี (1 พ.ค.)
[attach=1]

เอเอฟพี/รอยเตอร์ - รัฐบาลมาเลเซียนำรายงานฉบับย่อว่าด้วยเที่ยวบิน MH370 ออกมาเผยแพร่แล้วในวันพฤหัสบดี (1 พ.ค.) โดยที่มีการเรียงลำดับเวลาการสนองตอบต่างๆ ต่อการหายไปของเครื่องบินโดยสารลำนี้ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นไปอย่างล่าช้า ตลอดจนแผนที่เส้นทางบินที่ MH370 น่าจะใช้ แต่ไม่ได้บรรจุร่องรอยเงื่อนงำใหม่ใดๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับโบอิ้ง 777 ของมาเลเซียแอร์ไลน์สลำนี้ ขณะเดียวกับก็เสนอแนะให้หน่วยงานยูเอ็นที่กำกับดูแลด้านการบินทั่วโลก พิจารณานำเอาระบบในการติดตามเครื่องบินพาณิชย์แบบเรียลไทม์มาใช้
       
       ในรายงานขนาดสั้นความยาว 5 หน้าฉบับนี้ซึ่งลงวันที่ 9 เมษายน และได้ยื่นต่อองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ มีเนื้อหาเป็นการปะติดปะต่อข้อมูลซึ่งส่วนใหญ่ได้มีการเผยแพร่ให้ทราบกันไปแล้ว
       
       รายงานนี้พร้อมด้วยเอกสารประกอบจำนวนหนึ่งซึ่งทางการมาเลเซียส่งเป็นอีเมลไปถึงองค์การข่าวสารต่างๆ นั้น ไม่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสำคัญใดๆ ที่จะเป็นเงื่อนงำชี้ถึงสาเหตุของเหตุการณ์คราวนี้ซึ่งยังคงเป็นเรื่องปริศนาลึกลับขนาดใหญ่โตที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์การบินของโลก
       
       กระนั้นก็มีข้อมูลที่ยืนยันว่า หลังจากที่สังเกตเห็นกันว่าเครื่องบินโบอิ้ง 777 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์สลำนี้ได้หายไปในเวลาประมาณ ตี 1.38 น.ของวันที่ 8 มีนาคม พวกเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบใช้เวลาอยู่อีก 4 ชั่วโมงจึงได้เริ่มต้นดำเนินมาตรการตอบสนองฉุกเฉินอย่างเป็นทางการ
       
       ในเวลาเดียวกัน กองทัพอากาศมาเลเซียก็ใช้เวลาราว 8 ชั่วโมง กว่าที่จะแจ้งอย่างเป็นทางการให้พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของทางฝ่ายพลเรือนทราบว่า ทางกองทัพอากาศได้ตรวจพบเครื่องบินลำหนึ่งซึ่งเชื่อว่าเป็นเที่ยวบิน MH370 กำลังบินกลับเข้ามายังน่านฟ้าของมาเลเซีย จากนั้นก็บินเลยออกไปยังมหาสมุทรอินเดีย
       
       รายงานฉบับนี้ยืนยันว่า เรดาร์ทหารตรวจพบเครื่องบินขณะที่มันเลี้ยวกลับและบินมุ่งสู่ทิศตะวันตก ตัดข้ามน่านฟ้าเหนือคาบสมุทรมาเลเซีย ทว่าไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ เนื่องจากเห็นว่าเครื่องบินลำนี้ดูมีท่าที "เป็นมิตร"
       
       ในคำแถลงที่ส่งมาพร้อมกับรายงานนี้ รัฐมนตรีกลาโหมและรักษาการรัฐมนตรีคมนาคม ฮิชัมมุดดิน ฮุสเซน บอกว่า ได้มีการนำเอาบันทึกข้อมูลเรดาร์ของฝ่ายทหารมาศึกษาทบทวนใหม่ในเช้าวันนั้น หลังจากนั้นตัวเขาและนายกรัฐมนตรี ราจิบ ราซัค จึงได้รับรายงานถึงความเป็นไปได้เรื่องที่เครื่องบินเลี้ยวกลับมา และมีการส่งเรือของฝ่ายทหารหลายลำตลอดจนเครื่องบินลำหนึ่งไปค้นหา MH370 ที่บริเวณช่องแคบมะละกา

[attach=2]

[attach=3]

รายงานฉบับนี้ยังได้บรรยายให้เห็นสภาพที่ดูเหมือนเป็นความพยายามอย่างหวาดหวั่นลนลานเพื่อติดตามหาเครื่องบินที่หายไปนี้ โดยที่หอบังคับการบินในกัวลาลัมเปอร์ ได้ทำการติดต่อกับหอบังคับการบินทั้งในสิงคโปร์, ฮ่องกง และพนมเปญ เมื่อทำท่าจะเกิดเรื่องไม่ชอบมาพากลขึ้นมา
       
       สำหรับข้อมูลในรายงานนี้ที่เพิ่งถูกนำออกมาเผยแพร่ต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก ได้แก่บันทึกเสียงสนทนาระหว่างห้องนักบินของ MH370 กับหอบังคับการบินกัวลาลัมเปอร์ และแผนที่หลายฉบับซึ่งแสดงให้เห็นเส้นทางบินที่ MH370 อาจจะใช้ในตอนเกิดเหตุ
       
       จากแผนที่เหล่านี้บ่งชี้ว่า หลังจาก MH370 หันหัวเลี้ยวกลับขณะอยู่เหนือทะเลจีนใต้แล้ว ก็ได้บินตัดข้ามส่วนใต้สุดของประเทศไทย ใกล้ๆ พรมแดนติดต่อรัฐกลันตันของมาเลเซีย จากนั้นจึงบินข้ามคาบสมุทรมาเลเซีย
       
       เครื่องบินได้เลี้ยวไปทางตะวันตกเมื่อบินเหนือช่องแคบมะละกาที่บริเวณใกล้ๆ กับเมืองปีนัง แล้วจึงบินต่อไปจนกระทั่งเลยขีดจำกัดการติดตามของเรดาร์ทหารของมาเลเซีย
       
       ภายหลังออกพ้นพื้นที่ครอบคลุมของเรดาร์ทหารมาเลเซียแล้ว MH370 ได้เลี้ยวลงใต้และบินไปยังตอนเหนือของเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย ก่อนที่จะบ่ายหน้าไปทางใต้ของมหาสมุทรอินเดีย บริเวณนอกชายฝั่งตะวันตกของออสเตรเลีย อันเป็นพื้นที่ซึ่งกำลังมีการรวมศูนย์ค้นพาใต้ทะเลกันอยู่ในเวลานี้
       
       รายงานของมาเลเซียนี้ยังได้เผยแพร่ใบแจ้งสินค้าที่ MH 370 บรรทุกไป ซึ่งเป็นการยืนยันว่าเครื่องบินลำนี้กำลังลำเลียงมังคุดกว่า 4.5 ตัน และแบตเตอรี่ลิเธียมอิออนอีกเกือบๆ 2.5 ตัน
       
       ตราประทับบนใบแจ้งสินค้าสำหรับการขนส่งแบตเตอรี่ ระบุยืนยันว่าแบตเตอรี่เหล่านี้ได้รับการบรรจุหีบห่ออย่างถูกต้องตามกฎระเบียบของสมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA)
       
       รายงานฉบับนี้ถึงบทสรุปโดยที่กระทรวงคมนาคมมาเลเซียชี้ว่า การสูญหายไปของเที่ยวบิน MH370 และของเที่ยวบิน AF447 ของสายการบินแอร์ฟรานซ์เมื่อปี 2009 เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า ICAO ควรพิจารณากำหนดให้เครื่องบินขนส่งเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ ต้องติดตั้งอุปกรณ์ติดตามแบบเรียลไทม์โดยถือเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
       
       ตามระเบียบของ ICAO นั้น ภายในเวลา 30 วันหลังเกิดเหตุเครื่องบินตก ประเทศผู้รับผิดชอบจะต้องส่งรายงานฉบับหลัก และพวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของมาเลเซียยืนยันว่าได้ส่งไปตามกำหนดเวลา
       
       อย่างไรก็ดี พวกเขาต้องรออยู่เป็นเวลา 3 สัปดาห์ก่อนที่จะเผยแพร่รายงานฉบับย่อนี้ต่อสาธารณชน โดยที่นายกรัฐมนตรีราซัคแถลงในสัปดาห์ที่แล้วว่า เขาต้องการให้ทีมผู้เชี่ยวชาญ "ภายใน" ศึกษาทบทวนเนื้อหาดูอีกชั้นหนึ่งก่อน

รัฐมนตรีกลาโหมและรักษาการรัฐมนตรีคมนาคม ฮิชัมมุดดิน ฮุสเซน
[attach=4]

นอกจากรายงานฉบับย่อนี้แล้ว มาเลเซียยังออกคำแถลงแนบฉบับหนึ่งซึ่งกล่าวว่า "ตราบเท่าที่การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารเฉพาะเจาะจงชิ้นใดชิ้นหนึ่ง ไม่ได้เป็นการรบกวนก่อให้เกิดอุปสรรคแก่การสอบสวน หรือแก่การปฏิบัติการค้นหาแล้ว ข้อมูลข่าวสารดังกล่าวก็ควรที่จะนำออกมาเผยแพร่ เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่การเปิดกว้างและความโปร่งใส"
       
       มาเลเซียยังยืนยันในสัปดาห์นี้ว่ายังคงดำเนินการสอบสวนว่าเกิดอะไรขึ้นกับ MH370 โดยได้แต่งตั้งอดีตอธิบดีกรมการบินพลเรือนของมาเลเซียเป็นประธานของการสืบสวนสอบสวนทั้งหมด ทั้งนี้ในการสืบสวนสอบสวนก็มีการเชื้อเชิญเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานต่างประเทศเข้าร่วม ทั้งสมาชิกของคณะกรรมการความปลอดภัยในการขนส่งแห่งชาติของสหรัฐฯ (US NTSB) และหน่วยงานด้านการบินของประเทศอื่นๆ
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

"มาเลเซียแอร์ไลน์ส" จะหยุดจัดโรงแรมที่พักให้ญาติ MH370

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์   
2 พฤษภาคม 2557 02:10 น.

ญาติๆ ของผู้โดยสารชาวจีน ขณะรอฟังข่าวคราวความคืบหน้าในการค้นหาเที่ยวบิน MH370
ที่โรงแรมในกรุงปักกิ่ง สายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์แถลงวันพฤหัสบดี(1)ว่า ภายในวันพุธหน้า (7)
จะยุติการจัดโรงแรมที่พักให้แก่พวกญาติๆ แล้ว
[attach=1]

เอเอฟพี - มาเลเซียแอร์ไลน์สประกาศเมื่อวันพฤหัสบดี (1 พ.ค.) ว่า ภายในวันพุธหน้า (7) จะยุติการจัดให้ญาติของผู้โดยสารเที่ยวบิน MH370 ที่สูญหายไป เข้าพักในโรงแรมต่างๆ เพื่อติดตามข่าวคราวความคืบหน้าในการค้นหาและการสอบสวน
       
       ปัจจุบันสายการบินแห่งชาติของมาเลเซียรายนี้ได้จัดโรงแรมที่พักในหลายประเทศให้แก่ญาติผู้โดยสารเหล่านี้ ส่วนใหญ่ที่สุดคือในมาเลเซียและในจีน โดยที่มาเลเซียแอร์ไลน์ยังจัดการแถลงสถานการณ์ล่าสุดตามสถานที่เหล่านี้อยู่เป็นระยะๆ อีกด้วย นับตั้งแต่ที่เที่ยวบินนี้สูญหายไปอย่างลึกลับเมื่อวันที่ 8 มีนาคมไม่นานนัก
       
       ทว่าพวกญาติๆ มักระเบิดอารมณ์รุนแรงกันอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่โรงแรมลิโด ในกรุงปักกิ่ง ซึ่งครอบครัวของผู้โดยสารที่เป็นคนจีนประณามด่าว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลมาเลเซียและของมาเลเซียแอร์ไลน์ส (MAS) อยู่เป็นประจำ ในเรื่องที่พวกเขาไม่สามารถอธิบายได้ว่าเครื่องบินลำดังกล่าวหายไปได้อย่างไร
       
       "แทนที่จะต้องพำนักอยู่ในโรงแรม ทางครอบครัวของเที่ยวบิน MH370 ได้รับคำแนะนำให้คอยรับข้อมูลข่าวสารความคืบหน้าของการค้นหาและของการสอบสวน ตลอดจนการสนับสนุนอย่างอื่นๆ จากมาเลเซียแอร์ไลน์ส จากภายในบ้านเรือนของพวกเขาเองซึ่งน่าจะสะดวกสบายมากกว่า รวมทั้งยังจะได้รับการสนับสนุนและการดูแลเอาใจใส่จากครอบครัวและเพื่อนมิตรของพวกเขาอีกด้วย" สายการบินแห่งนี้ระบุในคำแถลง
       
       "เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับเปลี่ยนดังกล่าวนี้ มาเลเซียแอร์ไลน์สจึงจะทำการปิดศูนย์ช่วยเหลือครอบครัวทุกๆ แห่งในทั่วโลกภายในวันที่ 7 พฤษภาคม 2014"
       
       อย่างไรก็ตาม เวิน หวั่นเฉิง ซึ่งบุตรชายของเขาอยู่ในเที่ยวบินดังกล่าว ได้บอกกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า พวกญาติๆ ถูกบีบคั้นกดดันเรื่อยๆ มาให้ออกจากโรงแรมและกลับไปบ้าน แต่พวกเขาไม่ยินยอม
       
       "วันนี้ MAS หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาแถลงอย่างเป็นทางการทีเดียว แต่เราก็จะไม่ยอมรับหรอก" เขากล่าว พร้อมกับทวงสัญญาว่า มาเลเซียแอร์ไลน์สเคยให้คำมั่นในเดือนมีนาคมว่าจะไม่ผลักไสญาติๆ ออกไปจากโรงแรมลิโด หากยังค้นไม่ซากเครื่องบิน
       
       สายการบินแห่งชาติของมาเลเซียยังแถลงด้วยว่า ในเร็วๆ นี้จะเดินหน้าจ่ายเงินชดเชยแก่ญาติใกล้ชิดที่สุดของผู้ที่อยู่บนเครื่องบินลำนี้ทั้ง 239 คน แต่ยังไม่ได้ระบุจำนวนเงินที่ชัดเจน โดยคาดหมายกันว่าจะต้องทำความตกลงกันต่อไป
       
       ญาติของผู้โดยสารอย่างเวินก็แสดงความกังขาว่า การจ่ายเงินชดเชยนี้จะเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ และเงินชดเชยดังกล่าวนี้เป็นค่าความเสียหายทางด้านจิตใจของญาติๆ หรือเป็นค่าชดเชยการเสียชีวิตของสมาชิกครอบครัวที่อยู่ในเที่ยวบิน MH370
       
       เท่าที่ผ่านมา มาเลเซียแอร์ไลน์สได้ให้การสนับสนุนด้านจิตเวช แก่ญาติๆ ของผู้อยู่บนเครื่องบิน เพื่อให้สามารถปรับตัวรับมือกับโศกนาฏกรรมคราวนี้ได้ โดยจัดจิตแพทย์ให้บริการ ณ โรงแรมที่จัดให้พัก
       
       สายการบินแห่งนี้บอกว่าจะจัดตั้งศูนย์ขึ้นทั้งที่ปักกิ่งและกัวลาลัมเปอร์ เพื่อให้ "การสนับสนุนและการบริการติดตามอย่างต่อเนื่อง" แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดมากกว่านี้
       
       เที่ยวบิน MH370 เป็นเส้นทางบินจากกัวลาลัมเปอร์สู่ปักกิ่ง และในจำนวนผู้โดยสารบนเครื่องบินที่สูญหายไปนี้ ราว 2 ใน 3 เป็นชาวจีน

ญาติๆ ของผู้โดยสาร MH370 ชาวจีน ระบายความโศกเศร้าและความโกรธเกรี้ยว
ขณะเข้ารับฟังการแถลงความคืบหน้าที่โรงแรมในกรุงปักกิ่ง
[attach=2]

ญาติๆ ของผู้โดยสาร MH370 เดินเข้าห้องประชุมในโรงแรมแห่งหนึ่งที่กรุงกัวลาลัมเปอร์
เพื่อรับฟังการแถลงข่าวความคืบหน้า
[attach=3]
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ฟ้าเปลี่ยนสี

มาเลเซียโยนเวียดนามทำผิดขั้นตอน/รัฐบาลมาเลเซียเปิดเผยข้อมูลอย่างละเอียดของ MH370 เป็นครั้งแรก

01/05/2557 22.15 น.
โดย ThaiArmedForce

เมื่อคืนวันที่ 1พฤษภาคม นายฮิชามมุดดิน ฮุสเซน รัฐมนตรีกลาโหม และรักษาการรัฐมนตรีคมนาคมมาเลเซีย ได้แถลงถึงการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ MH370 โดยเขากล่าวว่าข้อมูลที่เปิดเผยจะเป็นข้อมูลที่ไม่กระทบกับการสอบสวน ซึ่งข้อมูลที่เปิดเผยทั้งหมดคือ ข้อมูลการบันทึกเสียงสนทนาระหว่างห้องนักบินของ MH370 กับหอควบคุมการบินที่กัวลาลัมเปอร์ รายงานเบื้องต้นเกี่ยวกับกรณี MH370 เมื่อวันที่ 9 เมษายน เอกสารเพิ่มเติมที่แสดงข้อมูลการเคลื่อนไหวของเที่ยวบิน MH370 ระหว่างเวลา 01.38 ถึง 06.14 ในวันที่ 8 มีนาคม 2557 รวมถึงแผนที่เส้นทางการบินของ MH370 ข้อมูลสัมภาระของ MH370 และข้อมูลรายชื่อที่นั่ง (Seat Plan) ของ MH370

ทั้งนี้ นายฮิชามมุดดิน ฮุสเซน ยังเปิดเผยอีกด้วยว่าเรดาร์ของกองทัพอากาศมาเลเซียสามารถจับ MH370 ที่กำลังเปลี่ยนเส้นทางการบินและบินข้ามประเทศมาเลเซียได้ โดยเจ้าหน้าที่เรดาร์ได้จัดให้เป้าหมายคือ MH370 เป็นเป้าหมายฝ่ายเดียวกัน (Friendly) จึงทำให้ไม่มีการดำเนินการใด ๆ ในเวลานั้น

ข้อมูลเรดาร์ของมาเลเซียได้รับการตรวจสอบในเวลาประมาณ 08.30 ในวันที่ 8 มีนาคม และได้ส่งให้กับศูนย์ปฏิบัติการกองทัพอากาศมาเลเซียในเวลา 09.00 หลังจากการหารือระหว่างสายการบังคับบัญชา กองทัพมาเลเซียจึงได้ตัดสินใจที่จะแจ้งให้เขาทราบว่า MH370 อาจจะบินย้อนกลับไปอีกทางในเวลาประมาณ 09.30 เขาจึงรายงานต่อนายกรัฐมนตรีมาเลเซียซึ่งได้สั่งการให้มีการค้นหาในช่องแคบ มะละกาควบคู่ไปกับการค้นหาในทะเลจีนใต้ โดย ณ ขณะนั้นกองทัพเรือมาเลเซียมีเรือสองลำอยู่ในพื้นที่คือ KD Mahamiru ซึ่งเป็นเรือต่อต้านทุ่นระเบิด  และ KD Laksamana Muhamad Amin ซึ่งเป็นเรือคอร์แวตต์ กองทัพเรือมาเลเซียจึงสั่งการให้เรือทั้งสองลำเปลี่ยนภารกิจไปทำการค้นหา MH370 รวมถึงเครื่องบินของกองทัพก็เข้าพื้นที่ค้นหาในช่องแคบมะละกาเมื่อเวลา 10.54 ของวันที่ 8 มีนาคม

ข้อมูลการเคลื่อนไหวของเที่ยวบิน MH370
(ภาพจาก https://www.facebook.com/HishammuddinH2O?fref=photo)

[attach=1]
[attach=2]

นอกจากนั้น แผนที่ที่มีการเผยแพร่ยังระบุเส้นทางการบินที่เป็นไปได้ของ MH370 ซึ่งถูกวาดขึ้นจากข้อมูลที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน

[attach=3]

[attach=4]

ข้อมูลบนแผนที่แสดงให้เห็นข้อมูลการบินของ MH370 โดยเส้นสีเหลืองเป็นข้อมูลที่ได้จากเรดาร์ทางทหารของมาเลเซีย และเส้นสีขาวเป็นข้อมูลที่ได้จากการคำนวณโดยใช้ข้อมูลการ Handshake ของ MH370 กับดาวเทียม

ThaiArmedForce สังเกตุว่าข้อมูลเรดาร์ทางทหารของมาเลเซียระบุชัดว่าหลังจากทำการเลี้ยวกลับ MH370 ได้บินเข้ามาในน่านฟ้าไทย โดยเข้ามาทางชายหาดของอำเภอเมืองนราธิวาส ผ่านอำเภอเจาะไอร้อง อำเภอจะแนะ ก่อนที่จะเข้าสู่ประเทศมาเลเซีย พร้อมทั้งเฉียดเข้าใกล้อำเภอเบตง จังหวัดยะลาอีกครั้ง ก่อนที่จะผ่านไปยังทางใต้ของเกาะปีนังและออกสู่ช่องแคบมะละกา

ข้อมูลนี้ขัดแย้งกับข้อมูลที่กองทัพอากาศไทยเผยแพร่ซึ่งระบุว่า MH370 ไม่ได้ล้ำเข้าน่านฟ้าของไทย

ในรายงานเบื้องต้นเกี่ยวกับกรณี MH370 ยังระบุอีกว่าข้อมูลจากระบบ ACARS ครั้งสุดท้ายถูกตรวจจับได้ในเวลา 01.07.29 ระบบเรดาร์ทุติยภูมิ (Secondary Radar) สามารถตรวจจับ MH370 ได้เป็นครั้งสุดท้ายเมื่อเวลา 01.21.13 และการสื่อสารกับดาวเทียม (Handshake) เกิดขึ้นครั้งสุดท้ายเมื่อเวลา 08.19 ของวันที่ 8 มีนาคม ทั้งหมดเป็นเวลาท้องถิ่นของมาเลเซีย และรายงานยังเสนอให้มาเลเซียทำข้อเสนอไปยังองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศหรือ ICAO เพื่อพิจารณาให้มีการใช้การตรวจจับเครื่องบินพาณิชย์แบบ Realtime ให้เป็นมาตรฐานที่ต้องยึดถือปฏิบัติอีกด้วย

รายงานเบื้องต้นเกี่ยวกับกรณี MH370 เมื่อวันที่ 9 เมษายน
[attach=5]
[attach=6]
[attach=7]
[attach=8]
[attach=9]

MH370 PRESS STATEMENT BY HISHAMMUDDIN HUSSEIN

MINISTER OF DEFENCE AND ACTING MINISTER OF TRANSPORT

THURSDAY, 1 MAY 2014



1. Release of information regarding MH370

Last week, the Prime Minister appointed an internal team of experts to review all the information the Government of Malaysia possesses regarding MH370, with a view to releasing as much as possible to the general public.

The Prime Minister set, as a guiding principle, the rule that as long as the release of a particular piece of information does not hamper the investigation or the search operation, in the interests of openness and transparency, the information should be made public.

The internal team has concluded its review. As a result, the following information regarding MH370 is being released:

The audio recordings of conversations between the cockpit of MH370 and Kuala Lumpur air traffic control (see notes to editors).
The preliminary report into MH370, dated 9 April.
An additional document, which gives further information regarding the actions taken between the hours of 01:38 and 06:14 on Saturday 8 March.
A map showing MH370's flight path (also see notes to editors).
The cargo manifest for MH370.
The seating plan for MH370.

2. The military's tracking of MH370

As stated previously, Malaysian military radar did track an aircraft making a turn-back, in a westerly direction, across peninsular Malaysia on the morning of 8 March. The aircraft was categorised as friendly by the radar operator and therefore no further action was taken at the time.

The radar data was reviewed in a playback at approximately 08:30 on 8 March. This information was sent to the Air Force operations room at approximately 09:00. Following further discussion up the chain of command, the military informed the Acting Transport and Defence Minister Hishammuddin Hussein at approximately 10:30 of the possible turn-back of the aircraft. The Minister then informed the Prime Minister, who immediately ordered that search and rescue operations be initiated in the Straits of Malacca, along with the South China Sea operations which started earlier in the day.

During this time, KD Mahamiru, the Mine Counter Measure Vessel and KD Laksamana Muhamad Amin, the Corvette Vessel of the Royal Malaysian Navy were already in the Straits of Malacca on patrol duties. They were immediately retasked to conduct the search and rescue operation. A military aircraft was then sent to join the two ships in the Straits of Malacca at 10:54 to search for MH370.

NOTES TO EDITORS

a. The audio recordings consist of five files which should be listened to in sequence.

b. The attached map shows MH370's flight path, based on the best available knowledge of the investigation team. There are a number of possible flight paths to the southern Indian Ocean, and three boxes indicating where MH370 likely ended. These flight paths differ based on different projections of the aircraft's speed, shown on the map in knots.

c. The attached preliminary report was drafted with the involvement of the NTSB, AAIB, ATSB, AAID and CAAC, as well as Malaysian officials.

-ENDS-

จาก https://www.facebook.com/HishammuddinH2O/posts/10152221398419355
ไม่ว่าเราจะมีความทุกข์เพียงไร เราก็มีความสุขกับชีวิตได้
เพราะเราเลือกที่จะ.."เข้าใจ" แทนการเลือกที่จะ.."เจ็บปวด"
"ยอมรับ" ในสิ่งที่เป็นอยู่ "ปล่อยวาง" ในสิ่งที่ผ่านไปแล้ว  "มีศรัทธา" กับสิ่งที่กำลังจะมาถึง และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด

ตอบกลับอย่างรวดเร็ว

ชื่อ:
การยืนยัน:
กรุณาเว้นช่องนี้ว่างไว้:
พยัญชนะไทยตัวที่สอง:
shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง