ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม / ฉบับ 100 อเวจี

เริ่มโดย คุณาพร., 14:00 น. 18 ก.ค 54

คุณาพร.

8. ฉากข่มขืนนางเอกอย่างสุดแสนวิปริต ในหนังเรื่อง Irreversible (กุหลาบขาวเปื้อนคาวเลือด)หนังฝรั่งเศสผลงานการกำกับของ Gaspar Noé ในปี 2002 กับฉากที่คนดูในโรงหนังอึดอัดจนทนแทบไม่ไหวต้องลุกเดินออกจากโรงอย่างคนเสียสติ เล่าลือกันว่าในการฉายหนังเรื่อง Irreversible ในปี 2002 ในช่วงแรกๆของการฉาย ฉากที่คนดูหลายๆคนทนรับไม่ได้เลยก็คือ ฉากที่นางเอกของเรื่องถูกหนุ่มเกย์ตามมาฉุดกระชาก ลากไปข่มขืนอย่างสุดแสนวิปริต ทารุณ เรียกว่าข่มขืนไปกระทืบไปก็คงไม่ผิด และที่สำคัญเธอกำลังตั้งท้องอ่อนๆกับพระเอกของเรื่องอยู่ด้วย ยิ่งสร้างความสงสารและเวทนาให้บังเกิดแก่ผู้ชมเป็นทวีคูณ ผู้กำกับหนัง Gaspar Noé เล่นถ่ายฉากนี้แบบ Long Shot แช่กล้องยาวนานนับสิบนาที มันเป็นภาพที่ชวนทุกข์เวทนาอย่างถึงที่สุดมากกว่าที่จะปลุกเร้าให้เกิดอารมณ์ทางด้านเพศ จนนักวิจารณ์ชั้นแนวหน้าหลายคนในประเทศฝรั่งเศสถึงกับให้ความเห็นอย่างรุนแรงต่อหนังเรื่องนี้ว่า "ไอ้คนที่มันสามารถทนดูหนังเรื่องนี้จนจบนี่ มันต้องเป็นคนวิปริต-บ้าเต็มขั้นอย่างแน่นอนที่สุด"








ภาพประกอบ  27 :  ฉากข่มขืนนางเอกอย่างสุดแสนวิปริตใน Irreversible
อ้างอิงภาพประกอบ  http://www.revistafantastique.com/revista.php?articulo=124

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

9. ฉากฆ่าเด็ก รวมถึงฉากข่มขืนแล้วใช้ตะเกียบทั้งกำมือเสียบลงไปยังสามเหลี่ยมทองคำ คือฉากในตำนานของหนังเรื่อง The Untold Story  ผลงานการกำกับของ Herman Yau Lai-To  หนังออกฉายในปี 1993 ซาลาเปาเนื้อคน คือหนังฆาตกรรมสุดโหดของประเทศฮ่องกงที่เดี๋ยวนี้เข้าขั้นเป็นระดับหนังในตำนานไปแล้ว  สร้างจากเรื่องจริงที่มีการฆาตกรรมแล้วชำแหล่ะเนื้อมนุษย์ผสมเข้าไปในซาลาเปาไส้หมู แล้วเอามาขายให้ลูกค้ารับประทาน กระแสของหนังเรื่องนี้แรงมากๆจนผู้คนในประเทศฮ่องกงหลายคนเลิกรับประทานซาลาเปาไปนานหลายเดือน ฉากแห่งตำนานของหนังเรื่องนี้ก็คือ ฉากที่ฆาตกรโหดจับเด็กตัวเล็กๆมาฆ่าโดยการสับคออย่างไร้ความปราณี(ปัจจุบันทางการฮ่องกงห้ามเด็ดขาด ไม่ให้มีการสร้างฉากแบบนี้แล้วเพราะผิดศีลธรรมอย่างร้ายแรง)ส่วนอีกฉากก็คือ ฉากที่ฆาตกรคลั่งลงมือข่มขืนเหยื่อแล้วใช้ตะเกียบทั้งกำมือ เสียบลงไปยังสามเหลี่ยมทองคำทุ่งหญ้านาผืนน้อย(ตรงนั้น)อย่างวิปริต

     
10. ฉากฆ่าล้างครัวอันแสนวิปริต ในหนังเรื่อง Martyrs (ศรัทธาอำมหิต)ของผู้กำกับ Pascal Laugier (ปาสกาล โอล์กิแยค์) หนังฝรั่งเศสในปี 2008 ที่สร้างกระแสเกรี้ยวกราดรุนแรงได้อย่างน่าสะพรึง หนังเปิดเรื่องแห่งกาลปฐมบทได้อย่างน่ารัก  ด้วยภาพครอบครัวที่แสนจะอบอุ่น  พ่อ  แม่  ลูกชาย  ลูกสาว  พลันแสงสว่างแห่งความอบอุ่นหมดไป กลายกลับเป็นนรกที่มาเยือน กับฉากการฆ่าล้างครัวที่แสนอำมหิตแห่งตำนาน ผู้มาเยือนกับปืนลูกซอง กระสุนครบมือ ไล่ยิงสมาชิกในบ้านทีละคน ทีละคน ไม่รับฟังเสียงสวดอ้อนวอน เป็นฆาตกรรมด้วยกระสุนโหดล้างครัวอย่างวิปริตผิดมนุษย์ เป็นหนังทำร้ายจิตใจคนดู(เข้าขั้นรุนแรงมากๆ) หนังเสื่อม  อันตราย  จิตตก  แต่ฆ่ากันอย่างมีเหตุผล และมีนัยแฝงเร้นอย่างศรัทธาบ้าคลั่ง หนังเรื่องนี้เคยฉายในเทศกาลหนังแห่งหนึ่ง  ปรากฏว่าฉายไปได้เพียง 30 นาที........คนดูเดินออกเกือบหมดโรง!!!

             
11. ฉากควงปืนลูกซองไล่ยิงเด็กอายุ 5 ขวบ และฉากสังหารอันหฤโหดในห้องนอน ในหนังเรื่อง Haute Tension/Switchblade Romance (สับ สับ สับ) หนังฝรั่งเศสปี 2003 กำกับโดย Alexandre Aja เรื่องราวเกี่ยวกับฆาตรกรโรคจิต 2 บุคลิกที่ชื่นชอบการฆ่า หั่น เชือด ในประเทศฝรั่งเศส ที่มักออกล่าเหยื่อในยามค่ำคืนอย่างอำมหิต   หนังเรื่องนี้ได้รับการกล่าวขานว่าโหดที่สุดตั้งแต่มีการสร้างหนังแนวเขย่าขวัญของประเทศฝรั่งเศสมาเลยทีเดียว หลายคนที่มีโอกาสได้ดูหนังเรื่องดังกล่าวนี้ยอมรับว่าไม่สามารถทนดูให้จบได้  ส่วนที่ถือเป็นตำนานของหนังเรื่องนี้ก็คือ ฉากที่ฆาตกรใจโฉดควงปืนลูกซองไล่ยิงเด็กชายอายุราว 5 ขวบในไร่ข้าวโพด ซึ่งเป็นฉากที่สะเทือนใจมาก ส่วนอีกฉากหนึ่งก็คือ ฉากที่แม่ของนางเอกถูกฆาตกรโหดเชือดด้วยมีดจนคอแทบหลุดออกมาจากบ่า เลือดไหลนองพื้นห้องนอน(เชื่อว่าหลายคนไม่กล้าดูฉากนี้)

             
             
12. ฉากซดอ้วกสดๆหนึ่งกะละมังใหญ่ ในหนังเรื่อง red room 2 (ห้องแดงมรณะ2/เกมวิปริตเปิดไพ่ราชา 2) หนังญี่ปุ่นผลงานการกำกับของ Daisuke Yamanouchi หนังปี 2008 เกี่ยวกับเวทีการแข่งขันในโลกใต้ดินในญี่ปุ่น ใครชนะจะได้เงินรางวัลมากมายเป็นสินล่อใจ ส่วนผู้แพ้ตายสถานเดียว การต่อสู้ในห้องสีแดงแคบๆพร้อมลูกกรง ให้เลือกไพ่สีเขียวขึ้นมา 1 ใบ ใครเป็น king ถือเป็นผู้กำหนดเกม ฝ่ายที่เป็นเบี้ยต้องทำตามคำสั่ทุกอย่าง โหด มันส์ ฮา มีหลายฉาก บางฉากก็เลือดสาดจนแทบไม่กล้ามอง ส่วนบางฉากก็แทบปิด TV ทิ้งเพื่อไม่ต้องทนดู โดยเฉพาะฉากแห่งตำนาน ฉากซดอ้วกสดๆ 1 กะละมังใหญ่ อ้วกที่เพื่อนคนข้างๆเพิ่งสำรอกออกมาสดๆ กล้าดื่ม-กิน หรือเปล่าล่ะ ถ้าไม่กินให้หมดในเวลา.....แพ้นะ!!!








ภาพประกอบ  28 :  ฉากสังหารอันหฤโหดในห้องนอน จากหนังเรื่อง Haute Tension ในปี ค.ศ.2003
อ้างอิงภาพประกอบ  http://widescreenjournal.org/index.php/journal/article/viewArticle/25/32

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

13. ฉากฆ่าตะพานน้ำขนาดใหญ่เพื่อกินหัวใจแบบสดๆ และฉากการข่มขืน ฆ่าเสียบไม้ ในหนังเรื่อง Cannibal Holocaust (เปรตเดินดินกินเนื้อคน) ในปี 1980 หนังของ Ruggero Deodato ผู้กำกับหัวรุนแรงชาว Italy หนังเรื่องนี้สร้างกระแสอย่างเกรี้ยวกราดในการเปิดฉายรอบปฐมทัศน์ในหลายๆประเทศ  กับฉากมุมมองผ่านกล้อง Home Video ของวัยรุ่นหนุ่มสาวอเมริกันชนกับการเดินทางเข้าไปถ่ายทำสารคดีป่ากินคน-ชนเผ่ากินคนในป่าอเมซอน  ฉากที่เป็นที่กล่าวขานกันว่าช็อคคนดูทั่วโลกจนถึงกับมีคนตั้งคำถามขึ้นว่า "สิ่งที่พวกเขาได้เห็นอยู่ตรงหน้านี้ มันเป็นเพียงหนังหรือเรื่องจริง?"  ส่วนฉากในตำนานของหนังเรื่องนี้ อันเป็นที่กล่าวขานกันในหลายประเทศ(รวมถึงในประเทศไทยด้วย)ว่ามันเป็นเรื่องจริง หรือเป็นเพียงเรื่องแหกตา ฉากนั้นก็คือ ฉากการฆ่าตะพาบน้ำขนาดใหญ่ ลากขึ้นมาจากในแม่น้ำ พลิกท้องแล้วทุบจนกระดองล่างแตกละเอียด เสร็จสรรพจึงควักหัวใจตะพาบน้ำออกมากินอย่างน่าสลดหดหู่ใจเป็นที่สุด(ฉากนี้ของจริงครับ) ส่วนอีกฉากในตำนานก็คือ ฉากที่หญิงสาวชาวป่าถูกหนุ่มชาวเมืองรุมข่มขืนและบันทึกภาพไว้เป็นวีดีโอ จากนั้นจึงฆ่าและพาร่างอันไร้วิญญาณมา เอาไม้ปลายแหลมเสียบเข้าทางปากมดลูกทะลุถึงปาก(ฉากนี้แหกตาครับ) อย่างไรก็ดีหลังจากหนังเรื่อง Cannibal Holocaust ออกฉายได้ไม่นาน Ruggero Deodato ถูกต่อต้านจากกลุ่มคนรักสัตว์และกลุ่มนักอนุรักษ์เป็นการใหญ่ในข้อหาทรมานสัตว์ และฆ่าสัตว์เพื่อถ่ายทำสารคดี







ภาพประกอบ  29 :  ฉากฆ่าเสียบไม้คนป่าในหนังเรื่อง Cannibal Holocaust
อ้างอิงภาพประกอบ  http://www.deathmetal.org/2010/cannibal-holocaust





ภาพประกอบ  30 :  ฉากฆ่าตะพาบน้ำขนาดใหญ่ในหนังเรื่อง Cannibal Holocaust
อ้างอิงภาพประกอบ  http://www.hotdog.hu/user_prof.hot?user_id=908105






****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

14. ฉากการฆาตกรรมวิปริตหญิงสาวสามนางอย่างบ้าคลั่งเพื่อใช้ถ่ายทำสนัฟฟ์ฟิลม์ ในหนังเรื่อง Snuff 102 (อเวจี 102) หนังจากประเทศอาร์เจนตินาในปี 2007 ผลงานการกำกับของ Mariano Peralta กับเรื่องราวการฆาตกรรม-ทรมานหญิงสาวทั้งสามนางอย่างบ้าคลั่งวิปริต เหยื่อรายที่ 100, 101 และ 102 ใครกันแน่ที่จะหลุดรอดจากอเวจีในครั้งนี้ หนังถ่ายทำด้วยภาพขาว-ดำ สลับกับภาพสีแบบดิบสุดขีด ช่วยสร้างบรรยากาศการรับชมหนังเรื่องนี้ให้คนดูแทบอ้วกแตกคาโรง ส่วนฉากที่กล่าวขานว่าเป็นตำนานแห่งหนังเรื่องนี้ได้แก่ ฉากที่ฆาตกรโหดกระทำการฆาตกรรมเหยื่อรายที่ 100 และ 101 อย่างโหดเหี้ยมแล้วอัดม้วนวีดีโอไว้ขายในตลาดมืด ไล่ตั้งแต่การฆาตกรรมหญิงท้องอย่างทรมาน บีบคอ ใช้สิ่วเหล็กและค้อนกระทุ้งซี่ฟันของเหยื่อจนหมดปาก และหั่น เฉือนอวัยวะที่ทำได้อย่างสมจริง ฉากการมีเพศสัมพันธ์กับศพอย่างวิปริตในตอนท้ายเรื่อง และ ฯลฯ เกินสุดที่จะพรรณนาออกมาเป็นคำพูดได้จบ สุดท้ายหนังเรื่องนี้ได้รับเกียรติให้ฉายในเทศกาลหนัง Mar del Plata International Film Festival 2007 ปรากฏว่าหลังจากหนังฉายไปได้เพียงไม่นานก็เกิดความโกลาหลขึ้นในเทศกาลหนังครั้งนั้นอย่างรุนแรง เมื่อฝูงชนเป็นจำนวนมากต่างวิ่งกรูกันเข้ามาเพื่อทำร้ายผู้กำกับหนัง เพราะเชื่อว่าฉากบางฉากในหนังเรื่องนี้ "เป็นของจริง"








ภาพประกอบ  31 :  ฉากการฆาตกรรมวิปริตหญิงสาวสามนางอย่างบ้าคลั่งเพื่อใช้ถ่ายทำสนัฟฟ์ฟิลม์
อ้างอิงภาพประกอบ  http://www.lepost.fr/article/2009/10/31/1769051_snuff-102-le-film-le-plus-violent-de-tous-les-temps.html

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

15. ฉากเชือดคู่รักสาวเลสเบี้ยน ลงมือเชือดไป อ้วกใส่หน้า และจับอ้วกยัดใส่ปาก ในหนังเรื่อง August Underground ในภาค August Underground's Mordum (สิงหาคลั่ง) ในปี 2003 หนังของ Jerami Cruise,  Fred Vogel และทีมงาน เรื่องราวในหนังเกี่ยวกับการฆาตกรรมในบ้านสุดวิปริตหลังหนึ่ง กับกลุ่มคนสามคน ชายสอง หญิงหนึ่ง และบทบาทการแสดงที่ชวนนรกแตก ฉากในตำนานที่เป็นที่กล่าวขานในหนังตอนนี้ก็คือ ฉากที่หนึ่งในสามตัวเอกของเรื่องคือสาว Cristie Whiles สาวโรคจิต ได้ทำการเชือดคู่รักเลสเบี้ยนคู่หนึ่งอย่างสุดวิปริต ทุบตี เอามีดมาเฉือน นอกจากนี้ยังใช้มือล้วงลงไปในลำคอของคนทั้งคู่(รวมทั้งของตนเอง)อ้วกออกมา แล้วเก็บตักก้อนอ้วกที่ออกมารวมกันนั้น แบ่งปันกันกินทั้งสามคนอย่างสนุกสนาน(พระเจ้าช่วย) ส่วนอีกฉากหนึ่งที่วิปริตไม่แพ้ฉากในตำนานก็คือ ตอนที่ตัวเอกในเรื่องอีกตัว(คราวนี้เป็นผู้ชายร่างเล็ก ไว้หนวดเครารุงรัง)ได้มีเพศสัมพันธุ์กับศพของหญิงสาวนางหนึ่ง โดยการจับน้องชายยัดเข้าไปตรงช่องท้องที่ถูกผ่าชำแหละเป็นรูพรุนอย่างน่าสยดสยอง ชายคนนี้กำลังมีความสุขแบบวิตถารเป็นที่สุด














ภาพประกอบ  32-34 :  ฉากเชือดคู่รักสาวเลสเบี้ยน ลงมือเชือดไป อ้วกใส่หน้า และจับอ้วกยัดใส่ปาก ในหนังใต้ดินชุด August Underground ภาค August Underground's Mordum / 2003
อ้างอิงภาพประกอบ  http://www.horrorclub.net

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

16. ฉากใช้เหล็กแหลมจิ้มแทงจนทะลุลูกนัยน์ตาอย่างเหี้ยมโหด ในหนังเรื่อง Guinea Pig : Devils Experiment (ปีศาจ/ศิลปะแห่งมาร) หนังญี่ปุ่นปี 1985 ผลงานการกำกับของ Satoru Ogura เรื่องราวเกี่ยวกับการทดสอบถึงขีดจำกัดของมนุษย์ ว่าจะสามารถทานทนต่อความตายได้นานขนาดไหน องค์กรชั่วแห่งหนึ่งจึงจับหญิงสาวมากักขังไว้ พร้อมทรมานเธอต่างๆนานา ไล่ตั้งแต่ ซ้อมเธอจนกระอักเลือด ใช้คีมหนีบ บิด จนผิวหนังและกล้ามเนื้อบวมเป่ง หมุนเก้าอี้ที่เธอนั่งจนเกิดอาการงวยงง(หมุน 200 รอบ)ให้ฟังเสียงดนตรีที่ดังมากอยู่นานร่วม 5 ชั่วโมง ตัด-ดึง อวัยวะบางส่วนของร่างกายออกจากกันอย่างสยดสยอง จากนั้นใช้น้ำมันร้อนราดไปตามลำตัว แขน-ขา ทุบด้วยค้อนปอนด์ เฉือนสร้างบาดแผลตามร่างกายด้วยมีดที่คมกริบ สุดท้ายคือฉากในตำนาน ใช้เหล็กแหลมจิ้มแทงจนทะลุนัยน์ตาของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายอย่างบ้าคลั่งเหี้ยมโหด(หลายคนไม่สามารถทนดูฉากนี้ให้จบได้)








ภาพประกอบ  35 :  ฉากใช้เหล็กแหลมจิ้มแทงจนทะลุลูกนัยน์ตาอย่างเหี้ยมโหดใน Guinea Pig : Devils
อ้างอิงภาพประกอบ  http://www.horrorclub.net

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

17. ฉากการฆาตกรรม และชำแหละร่างอันไร้สติของหญิงสาว ในหนังเรื่อง Guinea Pig : Flower of Flesh and Blood  (ดอกไม้โลหิต/ดอกไม้เลือด/ดอกไม้แห่งเลือด) หนังญี่ปุ่นในปี 1985 ผลงานการกำกับของ Hideshi Hino เรื่องราวใน Guinea Pig : Flower of Flesh and Blood หรือภาค 2 ของหนังในตระกูล Guinea Pig เกี่ยวกับการใช้ยาสลบจับหญิงสาวนางหนึ่งมาชำแหละอย่างสยดสยอง ชายโรคจิตในชุดซามูไรสีดำ กับสถานที่พักพิงที่เปรียบประหนึ่งขุมนรกสำหรับผู้มาเยือน คอลเลคชั่นของสะสมส่วนตัวภายในตู้โชว์ ท่อนแขน ขา ศีรษะ เศษอวัยวะมนุษย์ถูกจัดแสดงอย่างสุดสยอง ฉากในตำนานคือ ตอนที่ซามูไรโรคจิตในชุดดำใช้ยาชาบางตัวฉีดเข้าไปในตัวของเหยื่อสาวแสนสวย เพื่อไม่ต้องมีความรู้สึกและขัดขืนขณะลงมือปฏิบัติการนรกแตก จากนั้นจึงกระทำการสับ หั่น ชำแหละเหยื่ออย่างวิปริตสุดขีดขณะที่เธอยังมีลมหายใจอยู่  และด้วยฉากการชำแหละเหยื่อในตำนานฉากนี้นี่เอง ทำให้หลายต่อหลายคนที่มีโอกาสได้ชมถึงกับหน้าถอดสี ตกตะลึง คิดว่ามันเป็นของจริง สมจริงซะจนดารา Hollywood Charlie Sheen ซึ่งได้มาดูเข้า และเชื่อว่าสิ่งที่ได้เห็นในหนังเป็นเรื่องจริง!!!  เลยทำการวิ่งโร่ไปแจ้งความกับ FBI  ตั้งทนายฟ้องร้อง  เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นแจ้งตำรวจจับกุมดำเนินคดีกับทีมงานผู้สร้าง จนในที่สุดพิสูจน์ได้ว่าเป็นเพียงหนังเรื่องหนึ่งที่สร้างได้สมจริงมาก(หน้าแหกกระจาย)กลายเป็นข่าวดังในหน้าหนังสือพิมพ์ไปหลายสัปดาห์ ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ Hideshi Hino เเละทีมงานสร้างจึงรอดคุกไปเเบบฉิวเฉียด โดยหนังเรื่องนี้ได้เป็นแรงจูงใจให้ฆาตกรต่อเนื่องสุโตมุ มิยาซากิ กระทำการฆาตกรรมเหยื่อไปหลายราย ในญี่ปุ่นจึงจัดหนังเรื่องนี้เป็นหนังอันตรายและให้งดสร้างภาคต่อหนังเรื่องนี้โดยเด็ดขาด

             18. ฉากวิปลาสเหนือจริงชวนสติแตก และเจ็บป่วยทางจิต ในหนังเรื่อง Fando & Lis (ฟันโด และลิส) ในปี 1968 ของผู้กำกับ Alejandro Jodorowsky เนื้อหาของหนังเรื่องนี้เกี่ยวกับการเดินทางของ Fando หนุ่มหน้าเด๋อ  และ Lis สาวขาพิการ  กับการเดินทางไปยังดินแดนที่มีชื่อว่า Tar  หนังเรื่องนี้สร้างออกมาได้วิปลาส-วิปริต  ดูแล้วชวนอาเจียนอ้วกแตก-เจ็บป่วยทางจิตเป็นที่สุด ฉากวิปริตในหนังเรื่องนี้ที่กล่าวขานในตำนาน อาทิ ฉากการกระแทกอารมณ์ของนักแสดงทั้งฟันโด และลิสเข้าใส่กันคล้ายอาการของคนเสียสติ ฉากกระเทยแต่งหญิงกับการแสดงอันแสนวิปริต(สมัยปี 1968 ไม่มีใครกล้าทำ) ฉากการทรมานหญิงสาวขาพิการด้วยการกระทืบ ฉุดกระชากลากเธอไปกับพื้นกรวดหยาบอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส การเปลือยกายของนักแสดงในหนัง(ที่แสดงกันอย่างท้าทายสายตาผู้ชมสุดขีด) ฉากการข่มขืนแบบวิปริต-วิปลาส หนังเรื่องนี้ได้รับเกียรติให้ฉายในเทศกาลหนัง  Acapulco ปี1968 ด้วย ปรากฏหลังจาก Fando & Lis ฉายยังไม่ทันจบ Alejandro Jodorowsky ผู้กำกับจอมวิปริตต้องรีบวิ่งหนีตายออกมาจากสถานที่จัดงานเพราะถูกกลุ่มคนดูหนังรุมทำร้าย ปาก้อนหินเข้าใส่ และเกือบถูกรุมกระทืบติดดิน(เคราะห์ดีที่ Alejandro Jodorowsky รีบวิ่ง และคลานหนีออกมาจากงาน วิ่งไปขึ้นรถได้ทัน) เล่าลือกันว่ามีกลุ่มคนดูเป็นจำนวนมากที่รับไม่ได้กับฉากบางฉากในหนังเรื่องนี้ เพราะเชื่อกันว่ามันเสื่อมศีลธรรมอย่างเข้าขั้นร้ายแรงบัดซบ หลังจากนั้นไม่นานหนังได้เข้าโรงฉายอยู่พักหนึ่ง ก่อนเกิดการแบนหนังเรื่องนี้ไปทั่วทั้งประเทศเพราะหนังไปขยี้หัวใจของคนดูเข้าอย่างแรง กลายเป็นหนังต้องห้ามที่กล่าวขานในตำนานอีกเรื่องหนึ่ง










ภาพประกอบ  36-37 :  ฉากการฆาตกรรม และชำแหละร่างอันไร้สติของหญิงสาวใน Guinea Pig : Flower of Flesh and Blood
อ้างอิงภาพประกอบ    http://www.mankind666.com/index.php?pid=013&movie=383&image=3255
                                      http://www.itsonlyamovie.co.uk/FLOWERSOFFLESHANDBLOOD.htm

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

19. ฉากกินขี้ ในหนังเรื่อง Salo the 120 Days of Sodom (สุขนาฏกรรมอเวจี/120 วันในโซดอม)หนังร่วมทุนสร้างระหว่างประเทศอิตาลี และฝรั่งเศส ผลงานการกำกับของ Pier Paolo Pasolini ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ดัดแปลง-สร้างหนังมาจากบทนิยายอันลือลั่นต่อศีลธรรมของ มาร์กีส์ เดอ ซาด (Marquis De Sade Marquis De Sade) เรื่อง Les Cent-Vingt Journees De Sodome หรือ I' Ecole du libertinage (โรงเรียนของผู้รักอิสระ) เรื่องราวเกี่ยวกับเกมของผู้ทรงอำนาจ ณ บ้านหลังหนึ่งที่สมมุติว่าเป็นโลก กับหนุ่มสาวหน้าตาดีจำนวนหนึ่งที่จับมา การทรมานแบบวิปริตผิดมนุษย์จึงเริ่มเปิดฉากขึ้น  Salo the 120 Days of Sodom  (สุขนาฏกรรมอเวจี/120 วันในโซดอม) เล่าเรื่องเกี่ยวกับผู้ปกครองระบอบฟาสซิสต์นายทหารผู้เรืองอำนาจทั้ง 4 ได้ออกคำสั่งให้จับวัยรุ่นหญิง-ชาย ลูกชนชั้นกลางหน้าตาดี 18 คนมาคุมขังไว้ยังคฤหาสน์ใหญ่หลังหนึ่งที่เรียกชื่อว่า Salo ซึ่งมันก็คือโลกส่วนตัวของผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 4 ประหนึ่งวิมารหลังน้อยที่พวกเขาและเธอจะสามารถกระทำย่ำยีอย่างไรก็ได้กับบรรดาเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายทั้งหลาย สร้างเป็นนรกในวงวนแห่งความหายนะทั้งสาม
             
ฉากในตำนาน ฉากกินขี้ใน "วงวนแห่งอุจจาระ" หรือ Circle of Shit ฉากเด่นอันแสนชวนอาเจียนในตอนนี้ก็คือฉากกินอุจจาระของผู้ปกครองระบอบฟาสซิสต์นายทหารผู้เรืองอำนาจทั้ง 4 เหยื่อวัยรุ่นหนุ่ม-สาว และบรรดานายทหารน้อยใหญ่ทั้งหลาย อุจจาระ(ขี้)ของเหยื่อถูกตักมาจากภาชนะรองรับ นำเข้ามาในครัวเพื่อทำอาหารเลี้ยงรับรองชั้นเลิศ ซึ่งฉากนี้เองถือเป็นฉากในตำนานของหนังเรื่อง Salo the 120 Days of Sodom  ที่กล่าวขานกันไปทั้งโลกในเรื่องของความวิปริตแบบสุดขั้ว  ปรากฏหลังจากหนังเรื่องนี้ออกฉายได้ไม่นาน Pier Paolo Pasolini ผู้กำกับถูกขู่ฆ่าจากคนที่เคร่งศาสนาศีลธรรม หนังสร้างความไม่พอใจเป็นวงกว้างไปทั่วโลก จนในที่สุด Pier Paolo Pasolini ถูกกลุ่มคนที่ไม่พอใจที่มีการสร้างหนังเรื่องนี้ฆ่าตาย(เชื่อว่าเป็นคนของกลุ่มนิยมฟาสซิสต์)ในวันที่ 2 พฤศจิกายน ปี ค.ศ.1975 ปิดชีวิตผู้กำกับจอมฉาวลงในที่สุด





ภาพประกอบ  38 :  Salo the 120 Days of Sodom / สุขนาฏกรรมอเวจี
อ้างอิงภาพประกอบ  http://tvtropes.org/pmwiki/pmwiki.php/Main/SaloOrThe120DaysOfSodom

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films)

             
หนังต้องห้าม หรือ Prohibited Films ซึ่งบางคนก็เรียกกันว่า Dangerous Films คือหนังหรือภาพยนตร์ที่ได้ เรต NC-17 และ เรต NC-20 ซึ่งจัดเป็นหนังใน "เรตต้องห้าม" คือไม่อนุญาตให้ เด็กอายุต่ำกว่า 17 และ/หรือ 20 ปีเข้าชมโดยเด็ดขาด เพราะหนังในหมวดหมู่ดังกล่าวล้วนมีเนื้อหาที่มีความรุนแรง อนาจาร เรื่องทางเพศ ที่เกินกว่าจินตนาการของคนทั่วไปจะนึกถึง มีภาพที่อุจาด และแสดงให้เห็นถึงการเข่นฆ่า ทรมานเหยื่อด้วยความวิปริต มีการจงใจเผยให้เห็นรายละเอียด ขั้นตอนของการสังหารเหยื่ออย่างจงใจและชัดเจน ซึ่ง NC-17 และ NC-20 ยังรวมไปถึงหนังหลายเรื่องที่ไม่ผ่านการพิจารณาและอนุญาตให้ฉายได้ในประเทศไทย ด้วยติดสาเหตุหลากหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องหนังกระทบต่อระบอบการเมืองการปกครอง ทำลายภาพลักษณ์อันดีงามของประเทศ รวมทั้งหนังที่สร้างความร้าวฉาน และ/หรือทำลายศีลธรรมความดีงาม ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ล้วนจัดเป็น "หนังต้องห้าม" ทั้งสิ้น
             
หากจะนับรายชื่อหนังต้องห้ามที่ปรากฏอยู่ในโลกของนักดูหนังแนวนอกกระแส-ต้องห้าม-เรต NC-17 และ เรต NC-20 แล้ว คงมีรายชื่อที่ปรากฏตามมายาวเป็นหางว่าว ฉะนั้นผู้เขียนจึงขอยกตัวอย่างรายชื่อหนังต้องห้าม (Prohibited Films) เพียงส่วนหนึ่ง ซึ่งอาจจะเป็นหนังที่เป็นที่คุ้นหูคุ้นตาของนักดูหนังแนวดังกล่าวอย่างกว้างขวาง หรืออาจจะไม่เป็นที่รู้จักกันเลยในกลุ่มนักดูหนังในกระแสหลัก นำมา Presentation ให้เข้าใจร่วมกัน เป็นดังนี้




คือปฐมบทแห่งฝันร้าย

ยินดีต้อนรับ
ขับขานสู่ตำนานแห่งฝันร้าย
ซอว์เกมตัดต่อตาย
กระหายนรกชำแหละรอ
โชกุนได้แต่นอนนั่งแล  ดูฟูโดสังหารบิดา
ว่าอำมหิตสุดขอบอาจถึงคลั่ง
กุหลาบยังขาวสดแม้นหม่นหมอง
มนต์สยองของปล่อยน่าลิ้มลอง
แล่เนื้อนองเถือหนังคือสกิน
รัก-ร่วม-ศพ ศพ-ร่วม-รัก ช่างน่าพิสมัย
ใครต่อใครว่าครรภ์-คลั่ง-ฆ่าน่าหม่นหมอง
วิถีวิปริตช่างแลน่ากลัวไม่น่ามอง  ลองลอบสังหารหมูน้อยค่อยเป็นไป
สิงหาสับ สับจน แหลก-แหลก-แหลก
ห้องแดงแตกมรณะหนึ่ง และสอง
บททดสอบนรกแตกน่าลิ้มลอง
มอง มอง มอง ซาลาเปา เอ้า...เนื้อคน
ลนนานเข้าจับมาเถิดมาเพาะเชื้อ
อย่าให้เหลือจับแล้วแอบ...แอบดูไหม?
เปรตเดินดินกินเนื้อคน และอะไร
นักฆ่าไป อิจิมาว่าชอบกล
สับ-สับ-สับ สับเข้าไปให้มันแหลก  วิซิสเตอร์แอบแปลกอยู่ที่ไหน
คิวมาเยือนโคตรบิดาหรือของใคร
ตุ๊กตาไม้ใสใจดีจึงล่องลอย
สุขวิตถารสังหารมีแต่เลือด
อเวจีแดงเดือดหนึ่งศูนย์สอง
ค่ำคืนนั้นยาวนานที่เฝ้ารอ  สิงหาล่อเลือดคลั่งดูวังเวง
สุขเอ๋ยสุขนาฏกรรมจากอเวจี
โซดอมดีซาโลไม่เป็นสอง
ปีศาจแห่งญี่ปุ่นแล่เนื้อนวลน้อง
คือดอกเจ้าจ้องมองดีที่หากัน
ดอกเอ๋ยเจ้าดอกในตำนาน
หาอยู่นานเจ้าดอกเจ้าอยู่ไหน
อยากฝากถามถึงเจ้าและใครใคร
อยากฝากถามใยเจ้าเป็นตำนาน
ตำนานกล่าวอ้างนานมา
มีวิชาการสร้างละครเเห่งความมืด
เป็นประหนึ่งเสี้ยวประตูที่ถูกลืม
ในความมืดเเสนมิดน่าเกรงกลัว
เจ้าเอ๋ยเจ้าดอกไม้เเดงสีเลือด
หยดย้อยหยาดโลหิตแตกเเหลกเหลว
กลิ่นคาวความไสวอาลัยดวงเลือดเลว
ดอกไม้เปลวสะพรั่งกลิ่นกลีบวิญญาณ
ดอกเอ๋ยเจ้าดอกไม้โลหิต
มีฤทธิ์หลอกหลอนน่าเกรงขาม
หลายหลากผู้คนเสาะเเสวงหาค้นตาม
หาเจ้ากลีบอยู่นมนานก็ไม่เจอ
ดอกเอ๋ยเจ้าหลบอยู่ที่ไหน
ใครหนอใครจะบอกช่วยหลอกถาม
ดอกโลหิตขึ้นที่ใดในซอกยาม
ช่วยเอ๋ยความบอกฉันทีอยากรู้จัง
ดอกเอ๋ยเจ้าดอกโลหิต
ดอกเอ๋ยเจ้าแอบอยู่ ณ ซอกใด เป็นที่ไหนขอเชิญชวนสู่ฝันร้าย!!!

#not66 #not66 #not66 #not66 #not66
       

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

1. หนังในตระกูล August Underground

             
เริ่มจากทำความรู้จักกัน หลอกให้ตายใจ จับมัดแล้วจ้วงแทงด้วยมีดสปาต้าไม่นับแผล ใช้ค้อนทุบ กรรไกรตัดเส้นเอ็นข้อเท้าจนเคลื่อนย้ายกายร่างไปไหนได้ไม่สะดวก มองด้วยแววตาที่เหยียดหยาม น้ำมันราด แล้วจุดไฟเผาซ้ำทั้งเป็น นี่แหล่ะคือนิยามสั้นๆของสิงหาใต้ดิน
             
หนังในตระกูล August Underground จัดเป็นหนังแนว Gore Indy-Underground หรือ "Gore Independence Film Underground" ซึ่งหมายถึง หนังแนวนอกกระแสประเภทเลือดสาด บ้างก็เรียกว่า "หนังใต้ดิน" เป็นหนังแบบที่ไม่ได้รับการยอมรับให้เผยแพร่ทั่วไป หาชมยาก มีรูปแบบการนำเสนอที่หลุดกรอบภาพยนตร์ทั่วๆไปในกระแสตลาดนิยม ยิ่งเป็น Gore Indy-Underground เข้าไปแล้วเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถนำหนังในลักษณะดังกล่าวมานี้ไปฉายตามโรงภาพยนตร์เพราะเป็นที่รับรู้กันในหมู่นักดูหนังแนวใต้ดินว่า หนังประเภทนี้มีดีกรีความดิบ-เถื่อนที่ไม่ธรรมดา
             
นอกจากหนังในตระกูล August Underground จะถูกจัดเป็นหนังแนว Gore Indy-Underground แล้ว หนังในตระกูลนี้ยังมีลักษณะการถ่ายทำในแบบฉบับของ Snuff Film อีกด้วย แต่เป็นในแบบ Fake Snuff film (สนัฟฟ์ฟิลม์แบบเทียม)ซึ่งมีความสมจริงมากในบทการแสดง ผู้กำกับถ่ายทำหนังได้ค่อนข้างแนบเนียนมากจนหากใครไม่รู้มาดูเข้าอาจเข้าใจผิดว่าสิ่งที่กำลังได้รับชมอยู่เป็น Real Snuff Film (สนัฟฟ์ฟิลม์แบบแท้)ก็เป็นได้
             
อนึ่ง เกี่ยวกับเรื่อง Snuff Film ขออธิบายสำหรับผู้ไม่รู้ให้พอเข้าใจอย่างง่ายว่า Snuff film นั้นหมายถึง ภาพยนตร์ หรือหนังประเภทมีฉากฆาตกรรมของจริง  เนื้อหาหลักภายในหนังเน้นฉากการฆ่า ทรมาน ข่มขืนนักแสดงเสียเป็นส่วนมาก  หนังแนว Snuff film ส่วนใหญ่มักนิยมถ่ายแบบ "ลองชอร์ต ไม่มีเทค"  ใน Snuff film จะไม่ปรากฏรายชื่อนักแสดง ผู้กำกับ  วัน เวลา และสถานที่ในการถ่ายทำแต่ประการใด  นักแสดงตัวเอกอาจถูกหลอกมาแสดงหรือถูกวางยาที่ทำให้สติไม่ปกติ  Snuff film จึงเป็นภาพบันทึกห้วงแห่งความตายที่แสนวิปริตแต่กลับเป็นที่ถูกอกถูกใจคนบางกลุ่มถึงขั้นลุ่มหลง  ยกย่องเชิดชูให้เป็นประหนึ่งอาหารเลิศรส  หาชิมยาก  เป็นที่ปรารถนาให้ได้มาเพื่อตอบสนองรสนิยมส่วนตัวอันแสนอันตราย  Snuff film แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ Snuff film แบบแท้และแบบเทียม โดย Snuff film ในแบบแท้นิยมเรียกกันว่า Real Snuff film  ส่วน Snuff film แบบเทียมนิยมเรียกกันว่า Fake Snuff film
             
หนังในตระกูล August Underground หรือหนังโหดใต้ดินอันเดอร์กราวด์ของประเทศสหรัฐอเมริกา ถูกสร้างและจัดจำหน่ายโดยสตูดิโออิสระประจำท้องถิ่นของมลรัฐเพนซิลเวเนียชื่อ "Toe Tag Pictures" ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสตูดิโออิสระที่ดีที่สุดอีกแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา(Toe Tag Pictures is a local Pennsylvania based company) โดยสตูดิโอ Toe Tag Pictures ซึ่งตั้งอยู่ในมลรัฐเพนซิลเวเนียอันเป็นรัฐที่อยู่ทางทิศตะวันออกของประเทศสหรัฐอเมริกานั้นมีเว็บไซต์ประชาสัมพันธ์หนังในค่าย Toe Tag Pictures ด้วยคือเว็บไซต์ Toe Tag Pictures website (http://www.toetagpictures.com)และด้วยเป็นหนังใต้ดินเล็กๆนอกกระแสสร้างโดยสตูดิโออิสระ จัดจำหน่ายกันเฉพาะภายในท้องถิ่น ทีมผู้สร้างจึงไม่ต้องมาคอยกังวลเรื่องการ Censor ฉากล่อแหลมประเภทต่างๆ ไม่ต้องกลัวเรื่องกฎหมายอะไร บรรดาทีมผู้สร้างหนังใน Toe Tag Pictures เลยปล่อยของกันจนชวนสำรอกลงตับ ความดิบ-เถื่อน-อำมหิต และดีกรีความรุนแรงจึงมากเกินบันยะบันยังที่คนปกติจะสามารถรับได้ โดยหนังในตระกูล August Underground ถูกสร้างเป็นไตรภาคดังต่อไปนี้คือ
             
1. August Underground/2001 (สิงหาโฉดโหดไม่ปราณี) กำกับโดย Fred Vogel บทหนังโดย Allen Peters และFred Vogel เรื่องราวเกี่ยวกับ 2 หนุ่มคู่หูนรกแตกที่นิยมชมชอบความรุนแรง เซ็กซ์ และการฆาตกรรมเหยื่อแบบวิตถารเป็นชีวิตจิตใจ ทั้งสองจะช่วยกันถ่ายวีดีโอเรื่องราวการดำเนินชีวิตประจำวันไปเรื่อยๆ กับมุมมองในแบบกล้องแทนตา และพฤติกรรมป่าเถื่อน ลักพาตัวเหยื่อมาทรมาน ตัดชิ้นส่วนเก็บไว้ดูเล่น บังคับให้เหยื่อกินอุจจาระ ปล้นฆ่าผู้สูงอายุด้วยการรัดคอ ดูหมิ่นศาสนา และข่มขืนเหยื่อแล้วฆ่าทิ้ง
             
2. August Underground's Mordum/2003 (สิงหาคลั่ง) กำกับและเขียนบทหนังโดย Jerami Cruise,  Fred Vogel และทีมงาน เรื่องราวเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตประจำวันของ 2 หนุ่มและ 1 สาวสติแตก(แบบสุดๆ)ซึ่งถูกบันทึกด้วยกล้องวีดีโอที่ทั้งสามช่วยกันถ่ายทำขึ้นเป็นไดอารี่ประจำวัน ในบ้านหลังหนึ่งที่ห่างไกลผู้คน กับการทำร้ายตนเองของหญิงสาวด้วยการเอาใบมีดเก่าๆคมๆมาเฉือนหน้าท้องจนเลือดทะลักอย่างมีความสุข ซากศพภาพในบ้านที่ต่างส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้ง เหยื่อหลายรายที่ถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวนและหน้ากาก การสังหารที่นองเลือดอย่างน่าเสียวไส้และแสนวิปริต คู่รักเลสเบี้ยนที่ถูกลักพาตัวมาสนองตัญหาของคนในบ้านหลังน้อย ด้วยกาบังคับให้กินบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งตรงนี้เองคือฉากในตำนานกล่าวขานของหนังเรื่องนี้ "สาวสติแตกใช้มือล้วงเข้าไปในลำคอตนเองและลำคอของเหยื่อ ทั้งสามจึงอาเจียนออกมาและถูกบังคับให้กินอ้วกกันทั้งสามนางอย่างสนุกสนาน ก่อนนำตัวเหยื่อที่หมดสติไปแขวนและเชือดที่ลำคอเพื่อนำเลือดที่ไหลรินนั้นมาอาบให้แดงฉาน และฯลฯ"
             
3. August Underground's Penance/2007 (สิงหาวิปลาส คู่รักวิปริต) กำกับโดย Fred Vogel บทหนังโดย Fred Vogel และCristie Whiles เรื่องราวเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตประจำวันของคู่รักวิปริตคู่หนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าทั้งสองได้ถ่ายการดำเนินชีวิตส่วนตัวไว้ดูเล่นด้วยกล้องวีดีโออีกเช่นเดียวกันกับสองภาค(แต่ภาคนี้กล้องที่ใช้ถ่ายภาพชัดมาก และภาพไม่ค่อยสั่นจนชวนอาเจียนเหมือนสองภาคแรก)คู่รักวิปลาสทั้งสองช่วยกันลักพาตัวเหยื่อทั้งหญิง-ชายมามัดขังไว้ที่ใต้ถุนบ้าน เวลาว่างทั้งสองจะช่วยกันชำแหละเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายอย่างมีความสุข ดื่มเลือดจากลำคอของเหยื่อพร้อมถ่ายวีดีโอเก็บไว้ในยามประกอบกิจนองเลือด หากว่างจากการชำแหละเหยื่อ งานถนัดของทั้งสองที่มักทำยามว่างก็คือการปล้น-ฆ่าเพื่อหาเงินไว้ใช้ ไร้ความปราณีทั้งหลายทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นฉากข่มขืน หักคอเด็กหญิงผู้เคราะห์ร้ายในวันคริสต์มาสอีฟอย่างโหดเหี้ยมทารุณไร้เมตตา
             
หนังในตระกูล August Underground ในภาคที่ 3 ที่มีชื่อว่า August Underground's Penance ฉายในปี ค.ศ.2007 นี้เอง หากหาข้อมูลให้ถี่ถ้วนจะพบว่าคลับคล้ายคลับคลากับคดีฆาตกรรมสะเทือนโลกคดีหนึ่ง นั่นก็คือคดีฆาตกรรมของ Paul Bernardo และภรรยาสาว Karla Homolka ที่ร่วมกันฆาตกรรมเหยื่ออย่างโหดเหี้ยมในประเทศแคนาดา อาจเป็นไปได้ว่าทางทีมผู้สร้างอย่าง Fred Vogel หรือผู้เขียนบทหนังคือ Fred Vogel และCristie Whiles อาจได้รับแรงบันดาลใจมาจากคดีฆาตกรรมสุดโหดคดีดังกล่าวก็เป็นได้
             
จึงขอกล่าวเสียเพียงเล็กน้อยในเรื่องคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญของ Paul Bernardo และภรรยาสาว Karla Homolka รักสุดหล่อ-สวยประหนึ่งเทวดาและนางฟ้าที่หวานปานจะกลืนกินจากประเทศแคนาดา เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1990 กับ Paul Bernardo ผู้ได้รับฉายา "นักข่มขืนแห่งสการ์บอโรห์" กระทำการกักขังหน่วงเหนี่ยว-ข่มขืน  และฆาตกรรมเด็กสาว 2 คนอย่างทารุณ นอกจากนี้ Paul Bernardo และ Karla Homolka ยังได้บันทึกเทปวีดีโอขณะลงมือข่มขืนเหยื่อ และยังทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ด้วยการหั่นศพแยกร่างออกเป็นชิ้นๆ  ปรากฏหลังจากทั้งคู่ถูกจับ Paul Bernardo ถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต  ส่วน Karla Homolka ภรรยาสาวถูกจำคุกจนถึงปี ค.ศ. 2005  ปัจจุบันเทปวีดีโอที่ Paul Bernardo ร่วมกับภรรยาในการฆาตกรรมเหยื่อกำลังเป็นที่ต้องการของนักสะสมของแปลก  ซึ่งราคาค่างวดที่มีคนจ้องจะซื้อมันนั้นสูงลิบ!!!  ซึ่งก็ยังเชื่อกันว่าเทปม้วนดังกล่าวยังคงอยู่ในความครอบครองของทางการแคนาดาจวบจนทุกวันนี้ (ข้อมูลเพิ่มเติมจาก บทความชุดฆาตกรโหดสะท้านโลก ตอนที่ 248 :  Paul Bernardo & Karla Homolka ตอนที่ 1-4 โดย writer.dek-d.com)
             
นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ในเว็บไซต์รีวิวเกมชื่อดังอย่าง IGN ซึ่งได้ทำการสำรวจ-จัดอันดับหนังสยองขวัญที่มีดีกรีความรุนแรงสูงสุดตลอดกาล โดยยกตำแหน่ง "หนังสุดเสื่อมตลอดกาล" ให้แก่หนังในตระกูล August Underground ในภาคที่ 2 ซึ่งก็คือ August Underground's Mordum/2003 (สิงหาคลั่ง) กำกับและเขียนบทหนังโดย Jerami Cruise ซึ่งแน่นอนว่าตำแหน่งหนังสุดเสื่อมตลอดกาลของเว็บไซต์รีวิวเกม IGN ไม่มีทางได้มาอย่างง่ายๆแน่นอน จึงเป็นเครื่องการันตีได้ในระดับหนึ่งว่า August Underground's Mordum นั้นเป็นหนังแนว Gore Indy-Underground ในแบบฉบับ Fake Snuff film (สนัฟฟ์ฟิลม์แบบเทียม)ที่มีดีกรีความโหด-เสื่อม-อันตราย ไม่ธรรมดาแน่นอน โดยใน Poll สำรวจ 10 สุดยอดหนังสุดเสื่อมตลอดกาลของเว็บไซต์รีวิวเกม IGN ที่ทำมาครั้งล่าสุด(ปี ค.ศ. 2006) ได้อันดับทั้ง 10 อันดับ ดังนี้
             
             1. August Underground's Mordum
             2. Aftermath
             3. Cutting Moments
             4. Cannibal Holocaust
             5. Guinea Pig  : Flower of Flesh and Blood
             6. Murder-Set-Pieces
             7. Ichi The Killer
             8. Salo  : 120 Days of Sodom
             9. Men Behind The Sun
            10. Irreversible

Poll 10 สุดยอดหนังสุดเสื่อมตลอดกาลของเว็บไซต์รีวิวเกม IGN ปี ค.ศ. 2006 (ที่มาของ Poll จาก Top 10 Sickest Movies by IGN เว็บไซต์  :  http://blogs.ign.com/Horror_Brain/2006/06/29/23243/)


****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

2. หนังในตระกูล Guinea Pig
             
             
กรุณา...ฆ่าฉันที!!!
             
เจ้าดอกโลหิตเบ่งบานยามราตรีส่งกลิ่นโชยหอมคละคลุ้ง ซ่อนแอบซากวิญญาณทุกข์ทรมานในเงามืด คมมีดเชือดเฉือน สับ ฉีกเศษกายร่างแยกขาดหยาดเลือดไหลนองพื้นดิน เป็นบันทึกแห่งสิ้นลมหายใจสุดท้ายของใครเพียงบางผู้ จึ่งเชิญชวนให้ผู้เสาะแสวงแลค้นหาร่วมกันสบสายตาอ่านความอันปรากฏ ณ ซอกกลีบเจ้าดอกไม้แห่งราตรีขับขาน เบ่งบาน โลหิตนอง และเริงรื่น
             
หนังในตระกูล Guinea Pig หรือ Guinea Pig Series คือหนึ่งในหนังสยองขวัญสั่นประสาทที่เล่าขานกันในหมู่นักดูหนังแนวนอกกระแสนิยมว่ามีความรุนแรง-วิปริตโหดเหี้ยมผิดมนุษย์แบบเหนือชั้นสุดขั้ว และหาชมยากระดับต้นๆของโลก Guinea Pig หรือที่หลายคนเรียก "ซีรีย์หนูตะเภา" เป็นหนังชุดสุดสยองที่ดำเนินการสร้างโดยผู้กำกับมือดีจากประเทศญี่ปุ่น Hideshi Hino และโปรดิวเซอร์ Satoru Ogura ด้วยเนื้อหาที่แสนวิปริตบวกภาพที่สมจริง Guinea Pig Series ประกอบไปด้วย 7 ตอนย่อยและ 1 ตอนพิเศษดังต่อไปนี้
             
             1. Devils Experiment/1985 (ศิลปะแห่งมาร) การทรมานหญิงสาวในหลากหลายกระบวนวิธีจนเหยื่อถึงแก่ความตายอย่างทุกข์เวทนาเพื่อดูขีดความอดทนต่อความตายของมนุษย์ โดยฉากที่กล่าวขานกันในตำนานก็คือ "ฉากทิ่มลูกตาด้วยเหล็กแหลม" ในตอนจบ
             2. Flower of Flesh and Blood/1985 (ดอกไม้โลหิต/ดอกไม้แห่งเลือด) การหั่น-ชำแหละหญิงสาวนางหนึ่งอย่างบ้าคลั่ง
             3. He Never Dies/1986 (ฆ่าข้าไม่ตาย) เรื่องราวของมนุษย์อมตะที่ฆ่ายังไงก็ไม่รู้จักตาย การตัด หั่น เฉือน ชิ้นส่วนต่างๆของร่างกายด้วยของมีคมอย่างน่าหวาดเสียว
             4. Mermaid in a Manhole/1988 (นางเงือกเน่า) จิตรกรเพี้ยนกับนางเงือกเน่าที่พบในท่อน้ำทิ้ง กับภาพวาดแห่งความเน่าเฟะ Portrait
             5. Android of Notre Dame/1988 (ศพทดลอง) นักวิทยาศาสตร์ที่แอบนำศพมาทดลองเพื่อช่วยรักษาเยียวยาอาการเจ็บป่วยของน้องสาวตนเอง
             6. Devil Woman Doctor/1990 (นางมารวิปริต) หมอสาวสติแตกกับการรักษาคนป่วยแบบเลือดสาด ตลกร้ายที่จะทำให้หลายคนจดจำไปจนวันตาย
             7. Lucky sky Diamond/1990 (โชคดี) การลักพาตัว  การทดลองบางอย่างกับสมอง ใครกันคือผู้โชคดีรายนั้น
             8. Slaughter Special/The Best of Guinea Pig/1991 (ตอนพิเศษ/ภาครวมฮิต) เป็นการตัด-ยำ รวมจุดเด่นที่น่าสนใจของทั้ง 7 ภาคเข้าไว้ด้วยกัน เป็นเหมือนภาค The Best of Guinea Pig หรือการรวมฮิตของหนังในตระกูลนี้
             
โดย Guinea Pig Series ที่ได้รับการกล่าวขานกันว่าสร้างออกมาได้อย่างสมจริงสะอิดสะเอียนเจ็บป่วยทางจิตชวนให้อ้วกแตกเป็นที่สุดคงหนีไม่พ้น 3 ตอนดังนี้คือ Devils Experiment, Flower of Flesh and Blood และ He Never Dies ซึ่งในรายของ Guinea Pig  :  Flower of Flesh and Blood นั้นเป็นที่โจทย์จันกล่าวขานในเรื่องของความสมจริงอย่างที่สุด จัดเป็น Snuff Film (สนัฟฟ์ฟิลม์)ที่เป็นที่อื้อฉาวและก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างแพร่หลายทั่วเกาะญี่ปุ่น ถึงกับมีหลายคนเริ่มสงสัยว่า Guinea Pig  :  Flower of Flesh and Blood ที่ตนได้รับชมมานั้นเป็นเพียง Fake Snuff Film (สนัฟฟ์ฟิลม์แบบเทียม/ของปลอม)หรือ Real Snuff Film (สนัฟฟ์ฟิลม์แบบแท้/ของจริง)กันแน่ ความจริงยังไม่ทันกระจ่างแจ้งปรากฏมีดารา Hollywood คือ ชาร์ลี ชีน และผู้กำกับ อดัม ริฟคิน ได้ชม Guinea Pig  :  Flower of Flesh and Blood เข้าโดยบังเอิญ และเข้าใจว่าภาพที่ได้เห็นเป็นเรื่องจริง
             
ทั้งสองจึงติดต่อไปที่ MPAA (Motion Picture Association of America)ให้ติดต่อไปยัง FBI (Federal Bureau of Investigation) ให้มีการยื่นฟ้องและแจ้งจับทีมงานผู้สร้างหนังเรื่องดังกล่าวกันวุ่นวายไปหมด ด้านกรมศุลกากรก็เห็นดีเห็นงามร่วมฟ้องร้องด้วยว่าปล่อยให้หนังต้องห้ามผิดกฎหมายเหล่านี้หลุดเข้ามาในประเทศสหรัฐอเมริกาได้อย่างไร มีการลงข่าวพาดหัวกันอย่างอึกทึกครึกโครมตามหน้าหนังสือพิมพ์หลายฉบับนาน 3-4 วัน เดือดร้อนไปถึงผู้กำกับ Hideshi Hino และโปรดิวเซอร์ Satoru Ogura (ที่กำลังจะถูกจับขังคุก)ต้องวิ่งโร่หาหลักฐานมาพิสูจน์ว่า Guinea Pig  :  Flower of Flesh and Blood นั้นเป็นเพียงหนังเรื่องหนึ่งที่สร้างได้อย่างสมจริงมาก มิใช่เรื่องจริงหรือการถ่ายทำ Real Snuff Film แต่ประการใด พร้อมแสดงเบื้องหลังการถ่ายทำที่ได้ถ่ายเก็บไว้ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งคู่จึงรอดคุกไปแบบฉิวเฉียด 
             
Guinea Pig  :  Flower of Flesh and Blood ในชื่อภาคภาษาไทยว่า "ดอกไม้โลหิต" หรือ "ดอกไม้แห่งเลือด" คือหนังแนวใต้ดิน-นอกกระแสที่กล่าวขานกันว่ามีความรุนแรงเกินกว่าคนปกติจะสามารถทนดูให้จบได้(นัยว่าคนดูซีรีย์ภาคนี้ต้องใจแข็งเป็นพิเศษ)หนังเปิดประเด็นด้วยชายโรคจิตในชุดซามูไรสีดำ ฉีดยาให้แก่เหยื่อซึ่งเป็นหญิงสาวสวยนางหนึ่ง ทำให้เหยื่อมึนงง ไร้สติ หมดความรู้สึก จากนั้นจึงทำการชำแหละเหยื่ออย่างบ้าคลั่งวิปริต ไล่ตั้งแต่การสับ หั่น ผ่า ควักไส้ควักพุงเหยื่อจนเละไม่เป็นชิ้นดี ชิ้นส่วนเหล่านี้เองกลับกลายมาเป็น Collection ในห้องสะสมชิ้นส่วนมนุษย์ของซามูไรสติแตกดังกล่าว ในหนังชุดซีรีย์หนูตะเภาภาค 2 ด้วยความยาวของตัวหนังเพียงแค่ 42 นาทีแต่ดำเนินเรื่องในแบบ "สารคดีสั้นกึ่งกรรมวิธีฆ่าหั่นศพ" จึงทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างถึงความสมจริงแบบสุดกู่ว่าสิ่งที่พวกเขาและเธอได้รับชมจากม้วนวีดีโอชุด Guinea Pig  :  Flower of Flesh and Blood เป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียงหนังจัดฉากที่สมจริงเพียงเรื่องหนึ่ง ความจริงคงปรากฏให้ท่านผู้อ่านทราบแล้วว่า Guinea Pig  :  Flower of Flesh and Blood เป็นเพียง Fake Snuff Film หรือหนังสนัฟฟ์ฟิลม์ในแบบปลอมๆที่สร้างโดยอิงเนื้อหามาจากการ์ตูนสยองของ Hideshi Hino ในช่วงทศวรรษ 1970 ในหนังสือการ์ตูนเรื่อง M Collection ตอน Akai Hana
             
อย่างไรก็ดีหนังในตระกูล Guinea Pig ถูกทางการของประเทศญี่ปุ่นสั่งห้ามสร้างภาคต่อ(ภาคที่ 8)สืบเนื่องมาจากเกิดเหตุคดีฆาตกรรมเลียบแบบในหนัง โดยฆาตกรรายนี้มีชื่อว่า Tsutomu Miyazaki (มิยาซากิ ทสึโตมุ) มิยาซากิ ทสึโตมุ กล่าวอ้างว่าได้สังหารเหยื่อ 4 รายโดยเลียบแบบการฆาตกรรมจากม้วนวีดีโอชุด Guinea Pig Series ใน 5 ภาคแรก(ซึ่งคงหมายถึง Devils Experiment, Flower of Flesh and Blood, He Never Dies, Mermaid in a Manhole และ Android of Notre Dame) มิยาซากิ ทสึโตมุ เริ่มก่อคดีฆาตกรรมเลียบแบบม้วนวีดีโอชุดดังกล่าวในปี ค.ศ.1988 โดยเขาฆาตกรรมเด็กผู้หญิงล้วนๆ สืบข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องการฆาตกรรมเหยื่อของ มิยาซากิ ทสึโตมุ ได้ความว่าปี 1988 ทสึโตมุ เริ่มก่อคดีฆาตกรรม โดยเหยื่อที่เขาฆ่าเป็นเด็กผู้หญิงล้วน ดังนี้
             
             1. เด็กหญิงมาริ คงโนะ อายุ 4 ปี ถูกทสึโตมุบีบคอจนตายพร้อมทำอนาจารศพ
             2. เด็กหญิงมาซามิ โยชิซาว่า อายุ 7 ปี ถูกทสึโตมุ บีบคอจนตาย และกระทำอานาจารศพ
             3. เด็กหญิงเอริกะ นันบะ อายุ 4 ปี ถูกทสึโตมุ ฆ่าแต่ไม่ได้ทำอนาจาร และนำศพไปทิ้งไว้ในภูเขา
             4. เด็กหญิงอายาโกะ โนะโมโตะ อายุ 5 ปี ถูกทสึโมโตะฆ่าด้วยการตัดศีรษะ และตัดข้อมือข้อเท้า ทสึโมโตะอ้างว่าเขาได้ดื่มเลือดสดๆจากข้อมือของเด็กหญิงอายาโกะ โนะโมโตะ อีกทั้งยังนำมือของเด็กหญิงที่ตัดไว้มาย่างกินกับซอสโชยุที่บ้าน
             
มิยาซากิ ทสึโตมุ ถูกทางการญี่ปุ่นจับตัวได้ขณะกำลังกระทำอนาจารเด็กนักเรียนหญิงชั้นประถม ณ โรงเรียนแห่งหนึ่ง เขาให้การรับสารภาพว่าเป็นคนร้านในคดีที่กล่าวอ้างมาข้างต้น ภายในห้องของทสึโตมุพบม้วนวีดีโอกว่า 5,000 ม้วนและพบม้วนวีดีโอภาพเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายปะปนอยู่ในนั้นด้วยจึงเป็นหลักฐานสำคัญในการฟ้องคดีของทสึโตมุในเวลาต่อมา ซึ่งจากการกล่าวอ้างเชื่อว่าในม้วนวีดีโอกว่า 5,000 ม้วนดังกล่าวนี้เองมีซีรีย์ Guinea Pig ปะปนอยู่ด้วยถึง 5 ภาค มิยาซากิ ทสึโตมุ ถูกตัดสินให้ประหารชีวิตด้วยการแขวนคอในเรือนจำกรุงโตเกียวในวันที่ 17 มิถุนายน ปี ค.ศ.2008 และนับแต่นั้นเป็นต้นมา Guinea Pig Series จึงถูกทางการของประเทศญี่ปุ่นสั่งแบนห้ามสร้างภาคต่อตลอดกาล กลายเป็นหนังต้องห้ามในตำนานจวบปัจจุบัน

ตำนานกล่าวอ้างนานมา
มีวิชาการสร้างละครเเห่งความมืด เป็นประหนึ่งเสี้ยวประตูที่ถูกลืม
ในความมืดเเสนมิดน่าเกรงกลัว
เจ้าเอ๋ยเจ้าดอกไม้เเดงสีเลือด หยดย้อยหยาดโลหิตแตกเเหลกเหลว
กลิ่นคาวความไสวอาลัยดวงเลือดเลว
ดอกไม้เปลวสะพรั่งกลิ่นกลีบวิญญาณ ดอกเอ๋ยเจ้าดอกไม้โลหิต
มีฤทธิ์หลอกหลอนน่าเกรงขาม
หลายหลากผู้คนเสาะเเสวงหาค้นตาม หาเจ้ากลีบอยู่นมนานก็ไม่เจอ
ดอกเอ๋ยเจ้าหลบอยู่ที่ไหน
ใครหน๋อใครจะบอกช่วยหลอกถาม ดอกโลหิตขึ้นที่ใดในซอกยาม
ช่วยเอ่ยความบอกฉันทีอยากรู้จัง


****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

3. Salo the 120 Days of Sodom (สุขนาฏกรรมอเวจี/120 วันในโซดอม)

             
ศักดิ์ศรีความเป็นคน มีไว้...ให้เหยียบย่ำ!!!
             
หนึ่งร้อยยี่สิบวันอันแสนทรมาทรกรรมในเมืองซาโล นรกทั้ง 3 ขุม ซึ่งมันก็คือเกมที่ผู้ทรงอิทธิพลในสังคมคนชั้นสูง-นายทหารเขาเล่นกันเพื่อตอบสนองกิเลส-ตัณหาส่วนบุคคล เสียงเปียโนของโชแปงดังแว่วบรรเลงขานขับสอดประสาน เราจะมารับประทานอุจจาระกันอย่างเริงรื่น กลิ่นคาวเลือดช่างหอมกรุ่นแดงฉานสว่างไสว เสียงหวีดร้องที่ชวนสะเทือนใจ คือความบันเทิงเริงใจของพวกข้า
             
Salo the 120 Days of Sodom  หรือในชื่อภาคภาษาไทยว่า "สุขนาฏกรรมอเวจี" บ้างก็เรียก "120 วันในโซดอม" เป็นหนังร่วมทุนสร้างระหว่างประเทศอิตาลี และฝรั่งเศส สร้างเสร็จสมบูรณ์ราวปี ค.ศ.1976 ด้วยความยาว 116 นาทีโดยประมาณ Salo the 120 Days of Sodom เขียนบทและกำกับโดย Pier Paolo Pasolini สถานที่ถ่ายทำหนังใช้ที่ Salo, Brescia, Lombardia, Italy  เล่าลือว่า Pier Paolo Pasolini ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ดัดแปลง-สร้างหนังมาจากบทนิยายอันลือลั่นต่อศีลธรรมของ มาร์กีส์ เดอ ซาด (Marquis De Sade Marquis De Sade) เรื่อง Les Cent-Vingt Journees De Sodome หรือ I' Ecole du libertinage (โรงเรียนของผู้รักอิสระ)ซึ่งเขียนเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ.1785
             
เล่าถึง มาร์กีส์ เดอ ซาด นักเขียนชาวฝรั่งเศสต้นตำรับแห่ง Salo ส่วนใหญ่รู้จักกันในนาม Marquis De Sade สำเนียงฝรั่งเศสเรียกว่า "โดนาเตียง อัลฟงส์ ฟรองซัวส์ เดอ ซาด" หรือ "Donation Alphonse Francois De Sade" มีชื่อเล่นว่า "มาร์กีส์จอมเทพ" หรือ "Divine Marquis" มีชีวิตอยู่ในระหว่างปี ค.ศ.1740-1814 ชื่อของ มาร์กีส์ เดอ ซาด (Marquis De Sade)นี้เองเป็นรากศัพท์ของคำว่า "ซาดิสม์" (Sadism) งานเขียนส่วนใหญ่ของมาร์กีส์ เดอ ซาด จะออกแนวปรัชญา-กามารมณ์ที่รุนแรงเร่าร้อน การทำลายกรอบคิดของศาสนา ศีลธรรมจรรยาอันดีงาม มุ่งเสรีภาพแบบสุขารมณ์ส่วนตัวเป็นใหญ่สุดโต่ง อาทิ บทประพันธ์เรื่อง Dialogue entre un pretre et un moribund หรือ เรื่องบทสนทนาระหว่างนักบวชกับคนใกล้ตาย  เรื่อง Les Infortunes de la vertu หรือ เรื่องผู้โชคร้ายทางจรรยา และเรื่อง La La Philosophie dans le boudoir dans le boudoir หรือ เรื่องปรัชญาในห้องพักอารมณ์(ภาษาอังกฤษใช้Philosophic ส่วนภาษาฝรั่งเศสใช้Philosophie) แต่เรื่องที่สร้างชื่อเสียงให้ มาร์กีส์ เดอ ซาด มากที่สุดคือเรื่อง Les Cent-Vingt Journees De Sodome หรือที่รู้จักกันในนาม I' Ecole du libertinage (โรงเรียนของผู้รักอิสระ) ซึ่งต่อมา Pier Paolo Pasolini ได้ดัดแปลงเป็นหนังคือเรื่อง Salo the 120 Days of Sodom ซึ่งได้รับการยอมรับกันว่าเป็นหนังอันตราย วิตถาร เสียดสีสังคม จัดเป็นหนังแนวซาดิสม์ที่สร้างจากนวนิยายที่โด่งดังที่สุดเท่าที่มวลมนุษยชาติเคยมีมา โดยจากการศึกษาอัตชีวประวัติของมาร์กีส์ เดอ ซาด พบว่าเขาสร้างงานเขียนส่วนใหญ่ราว 29 ปีในโรงพยาบาลบ้า(มาร์กีส์ เดอ ซาด ถูกทางการจับขังไว้ในโรงพยาบาลบ้าด้วยเหตุผลบางประการ)

             
Salo the 120 Days of Sodom  (สุขนาฏกรรมอเวจี/120 วันในโซดอม) เล่าเรื่องเกี่ยวกับผู้ปกครองระบอบฟาสซิสต์นายทหารผู้เรืองอำนาจทั้ง 4 ได้ออกคำสั่งให้จับวัยรุ่นหญิง-ชาย ลูกชนชั้นกลางหน้าตาดี 18 คนมาคุมขังไว้ยังคฤหาสน์ใหญ่หลังหนึ่งที่เรียกชื่อว่า Salo ซึ่งมันก็คือโลกส่วนตัวของผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 4 ประหนึ่งวิมารหลังน้อยที่พวกเขาและเธอจะสามารถกระทำย่ำยีอย่างไรก็ได้กับบรรดาเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายทั้งหลาย สร้างเป็นนรกในวงวนแห่งความหายนะทั้งสาม ดังนี้
             
1. Circle of Manias (วงวนแห่งความเพ้อคลั่ง) นำเสนอวัยรุ่นหนุ่ม-สาว ที่ต้องกระทำการตามคำสั่งของผู้ปกครองระบอบฟาสซิสต์นายทหารผู้เรืองอำนาจทั้ง 4 อย่างสุดวิตถาร  การเปลื้องผ้า  การเล่าประสบการณ์ทางเพศที่แสนวิปริตร่วมกัน การดื่มน้ำปัสสาวะสด การมีเพศสัมพันธ์แบบหมู่ชาย-หญิง การมีเพศสัมพันธ์แบบขบวนรถไฟ(หญิง-ชาย-ชาย) เซ็กซ์วิปริต พิธีแต่งงานเปลือย และการดำรงชีพแบบสุนัข เป็นต้น
             
2. Circle of Shit (วงวนแห่งอุจจาระ) ฉากเด่นอันแสนชวนอาเจียนในตอนนี้ก็คือฉากกินอุจจาระของผู้ปกครองระบอบฟาสซิสต์นายทหารผู้เรืองอำนาจทั้ง 4 เหยื่อวัยรุ่นหนุ่ม-สาว และบรรดานายทหารน้อยใหญ่ทั้งหลาย อุจจาระ (ขี้) ของเหยื่อถูกตักมาจากภาชนะรองรับ นำเข้ามาในครัวเพื่อทำอาหารเลี้ยงรับรองชั้นเลิศ ซึ่งฉากนี้เองถือเป็นฉากในตำนานของหนังเรื่อง Salo the 120 Days of Sodom ที่กล่าวขานกันไปทั้งโลกในเรื่องของความวิปริตแบบสุดขั้ว
             
3. Circle of Blood (วงวนแห่งคาวโลหิต) ฉากจบอันแสนสะพรึงของหนังเรื่องนี้ นำเสนอกรรมวิธีการทรมานเหยื่อวัยรุ่นหนุ่ม-สาว อย่างโหดเหี้ยมอำมหิตผิดมนุษย์ ไล่ตั้งแต่จับมัด ตัดลิ้น ตัดอวัยวะบางส่วนของร่างกาย แขวนคอ ฯลฯ
             
เล่าถึงผู้กำกับ Pier Paolo Pasolini (ปีแอร์ เปาโล พาโซลีนี) ผู้กำกับสุดแรงของหนังเรื่องนี้  Pier Paolo Pasolini เป็นชาวอิตาลี มีชีวิตอยู่ระหว่างปี ค.ศ.1922-1975  แหล่งข่าววงในใกล้ชิดกับพาโซลีนีรายงานว่า พาโซลีนีเป็นคนที่ไม่ได้ศรัทธาในศาสนา หรือแม้แต่ขนบธรรมเนียมโบราณที่มีมาแต่เก่าก่อน คือทำหนังตามแต่ใจของตนเองเป็นหลัก พาโซลีนีกำกับและสร้างหนังแรงๆมาหลายต่อหลายเรื่อง อาทิ หนังชุด Trilogy of Life (ไตรภาคแห่งชีวิต) และหนังสุดอื้อฉาวอีกเรื่องคือ Gospel According to ST. Matthew หนังภาพขาว-ดำในปี ค.ศ.1964 หนังเรื่องนี้เองกล่าวถึงพระคัมภีร์ พระคริสต์ ศาสนา หลักธรรมคำสั่งสอน รวมถึงความทุกข์ทรมานของพระเยซูที่ถูกจับมัดตรึงกางเขน แต่ที่ว่ากันว่าเป็นฉากที่แรงแบบสุดกู่ของหนังเรื่อง Gospel According to ST. Matthew ก็คือฉากที่พระเยซูต้องมีเพศสัมพันธ์กับสุกร(ฉากนี้เองที่ผู้ศรัทธาชาวคริสต์ทั้งโลกถึงกับขู่ที่จะฆ่า พาโซลีนีมาแล้ว)โดยหนังเรื่อง Salo the 120 Days of Sodom ถือเป็นหนังที่สร้างชื่อเสียงให้แก่พาโซลีนีที่สุดและยังถือเป็นหนังเรื่องสุดท้ายที่เขากำกับจนเสร็จสมบูรณ์ก่อนถูกฆ่าตายอีกด้วย Pier Paolo Pasolini กล่าวถึงการสร้างหนังสุดอื้อฉาวเรื่องดังกล่าวว่า "ปีแอร์ เปาโล พาโซลีนี  :  ผมเชื่อว่า การสร้างเรื่องอื้อฉาว เป็นหน้าที่ของศิลปิน เรื่องราวเหล่านี้นำมาซึ่งความปิติยินดี การปฏิเสธมันก็เท่ากับเป็นการปฏิเสธศีลธรรมที่สั่งสมกันมาชั่วนาตาปี" (คำกล่าวของ ปีแอร์ เปาโล พาโซลีนี จากเว็บไซต์ http://www.dvdcanfly.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=292)
             
การตายอย่างมีเงื่อนงำของ Pier Paolo Pasolini เป็นที่กล่าวขานกันว่าเพราะมาจากการที่เขาสร้าง Salo the 120 Days of Sodom  วันอันแสนเศร้า 2 พฤศจิกายน ปี ค.ศ.1975 (รวมสิริอายุได้ 53 ปี)ที่เมือง Ostia, Rome, Italy หลังจากหนังสุดอื้อฉาวแห่งมวลมนุษยชาติ Salo the 120 Days of Sodom  ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ไม่นานปรากฏผู้กำกับคนดังก็มาเสียชีวิตอย่างกะทันหัน เล่าลือกันว่าพาเซลีนีถูกฆาตกรรมจากสาเหตุที่พวกฟาสซิสต์ไม่พอใจที่มีการสร้างหนังเรื่องดังกล่าวขึ้นมา โดยเชื่อกันว่าฆาตกรอาจเป็นเด็กวัยรุ่นชายอายุ 17 ปี ชื่อ Giuseppe Pelosi ได้แอบขโมยรถยนต์ของพาโซลีนี แล้วขับพุ่งชนผู้กำกับเคราะห์ร้ายจนล้มลง จากนั้นจึงขับรถทับพาโซลีนีไปมาหลายครั้งจนถึงแก่ความตาย Giuseppe Pelosi ถูกจับและให้การพาคเสธตลอดข้อกล่าวหาประจวบเหมาะกับพยานและหลักฐานที่ไม่เพียงพอจึงส่งผลให้ไม่มีการดำเนินคดีใดๆต่อ Giuseppe Pelosi จนหมดอายุความ สุดท้ายเพื่อนของพาโซลีนีชื่อ Sergio Citti ระบุว่าพาโซลีนีอาจถูกฆาตกรรมจากพวกกรรโชกทรัพย์ขโมยแผ่นฟิล์มเรื่อง Salo ก็เป็นได้ หรืออาจจะเป็นการจัดฉากของพาโซลีนีเองเพื่อเขาจะได้ตายอย่างทรมานแสนสาหัส กลายเป็นผู้สร้างตำนานสุดวิปริตแห่งโลกภาพยนตร์ในที่สุด


****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

4. Snuff 102 (อเวจี 102)

             
เรื่องราวแห่งม้วนวีดีโอต้องห้ามที่นักแสดงตัวเด่นในเรื่องต้องแลกด้วยเลือดเนื้อและชีวิต คือการแสดงอันทรงพลานุภาพจากขุมนรก เผยสันดานดิบธาตุแท้ของมนุษย์ในด้านมืดอันบอดสนิท หยดโลหิต เสียงหวีดร้อง น้ำตา และคำสวดอ้อนวอนขอ พฤติกรรมลุ่มหลงอย่างประหลาดแปลกแยกแสนอันตราย นำมาซึ่งการเสาะแสวงหา สร้างบางสิ่งอันแสนบ้าคลั่ง มืดดำและดิ่งลึก สงัดเงียบประหนึ่งก้าวย่างสู่แดนรัตติกาลอเวจีชั่วกัปกาล
             
Snuff 102 หรือ อเวจี 102 เป็นหนังสยองขวัญแนวใต้ดินสุดเถื่อนจากทวีปอเมริกาใต้ หนังสัญชาติอาร์เจนตินาเรื่องนี้เป็นผลงานการกำกับและเขียนบทหนังโดย Mariano Peralta นำแสดงโดย Andrea Alfonso(Víctima 100), Julián Alfonzo(Niño), Rodrigo Bianco(Asesino), Nicolás Blanco(Adicto), Lucas Delgado(Contacto), Yamila Greco(Víctima 102), Salvador Haidar(Actor pornografía), Silvia Paz(Víctima 101), Eduardo Peralta(Taxista),  Mariano Peralta(Voz asesino) เเละ Eduardo Poli(Crítico de cine) โดยที่ผู้กำกับ Mariano Peralta เลือกเฟ้นนักแสดงระดับดังๆในประเทศอาร์เจนติน่ามาเป็นตัวชูโรงให้แก่หนัง อาทิ Andrea Alfonso, Julián Alfonzo และ Rodrigo Bianco แต่ปรากฏว่าบทเด่นของหนังเรื่องนี้จริงๆกลับตกไปที่ดาราสาวนัยน์ตาคมเข้มอย่าง Yamila Greco ซึ่งรับบทเป็น Víctima 102 หรือเหยื่อรายที่ 102 ในหนังสุดอื้อฉาวเรื่องดังกล่าวแทน
             
Snuff 102 ผลิตโดย T PROD Films โดยมี El Hemisferio Derecho รับทำเพลงประกอบหนังให้ ผู้กำกับ Mariano Peralta สร้างหนังเรื่องนี้ขึ้นโดยใช้ภาษาอาร์เจนตินา และภาษาสเปนในการสื่อสารกับคนดู Snuff 102 ฉายครั้งแรกในโรงหนังของประเทศอาร์เจนตินาราวเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ.2007 ในงาน Mar del Plata International Film Festival(ภาษาอาร์เจนตินา) หรือที่รู้จักกันในภาคภาษาสเปนว่า Festival Internacional de Cine de Mar del Plata ซึ่งเป็นงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติอันทรงเกียรติซึ่งจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนของทุกปีในเมือง Mar del Plata ประเทศอาร์เจนตินา ซึ่งงาน Mar del Plata International Film Festival นี้เองนับเป็นงานเกี่ยวกับการจัดฉายภาพยนตร์นานาชาติที่เป็นที่ยอมรับกันอย่างสูงในประเทศแถบลาตินอเมริกามีอายุในการจัดงานมาอย่างยาวนาน
             
อนึ่ง คำว่า "ลาตินอเมริกา" หมายถึง กลุ่มประเทศในแถบอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ที่นิยมพูดภาษากลุ่มโรมานซ์เป็นหลัก ภาษากลุ่มโรมานซ์นั้นทำความเข้าใจแบบง่ายก็คือกลุ่มภาษาที่กลายพันธุ์มาจากภาษาละตินนั่นเอง  อาทิ ภาษาสเปน ภาษาโปรตุเกส และภาษาคาตาลัน เป็นต้น โดยเชื่อว่ามีผู้ใชภาษานี้ในการสื่อสารทั่วโลกกว่า 700 ล้านคน ส่วนประเทศลาตินอเมริกาที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั้นประกอบไปด้วยประเทศอาร์เจนตินา ประเทศกัวเตมาลา ประเทศเฮติ ประเทศฮอนดูรัส ประเทศบราซิล ประเทศโบลิเวีย ประเทศชิลี ประเทศเม็กซิโก ประเทศโคลอมเบีย ประเทศนิการากัว ประเทศปานามา ประเทศคอสตาริกา ประเทศคิวบา ประเทศสาธารณรัฐโดมินิกัน ประเทศเอกวาดอร์ ประเทศเอลซัลวาดอร์ ประเทศเวเนซูเอลา ประเทศเปรู ประเทศอุรุกวัย และประเทศปารากวัย เป็นต้น

หนังเรื่อง Snuff 102 มีความยาวของหนังโดยประมาณ 100 นาทีเต็ม ด้วยเป็นหนังที่มีเนื้อหา ทั้งภาพและเสียง ดิบ เถื่อน รุนแรง เกินกว่าคนธรรมดาสามัญจะสามารถรับได้ จึงปรากฏเหตุทำร้ายผู้กำกับ Mariano Peralta ในการฉายรอบปฐมทัศน์ของหนังเรื่องนี้มาแล้วในงาน Mar del Plata International Film Festival 2007 เล่าลือกันว่า Mariano Peralta ได้รับการจัดสรรส่วนแบ่งเวลาในงาน Mar del Plata International Film Festival 2007 ให้ฉายหนังเรื่อง Snuff 102 รอบเปิดตัว ซึ่งปรากฏว่าหลังจากหนังเรื่องดังกล่าวฉายได้เพียงไม่นานก็เกิดเสียงเล่าลือในหมู่ผู้ชมว่าฉากบางฉากในหนังเรื่องนี้เป็นฟุตเทจของจริง ซึ่งสะกดและช็อคคนดูจนเกิดอาการจิตตก หวาดผวา อ้วกแตก เจ็บป่วยทางจิตได้อย่างไม่ยาก ผู้ชมในงานบางส่วนเกิดความสับสน โกรธแค้นผู้กำกับเป็นอย่างมาก และก่อนที่หนังเรื่องนี้จะฉายจบ มีฝูงชนเป็นจำนวนมากที่โกรธแค้นผู้กำกับ Mariano Peralta กรูกันเข้ามาเพื่อทำร้ายผู้กำกับและทีมงานสร้างหนัง เกิดการโกลาหลย่อยๆขึ้นในโรงหนังในงานคราวนั้นต้องมีการห้ามทัพกันวุ่นวายไปหมดทั้งงาน นอกจากนี้จากกระแสอันเกรี้ยวกราดของหนังเรื่องดังกล่าวนี้เองยังส่งผลให้ Mariano Peralta และทีมงานถูกขู่ฆ่าจากช่องทางการสื่อสารหลายทาง  โดยเฉพาะหน้าโฆษณาเว็บไซต์ของหนังเรื่อง Snuff 102 ถูกถล่มด้วย E-Mail ขู่ฆ่าผู้กำกับและทีมงาน E-Mail เข้ามามากเสียจนต้องปิดเว็บไซต์ทิ้งกันไปเลยทีเดียว
             
เรื่องราวในอเวจี 102 หนังที่ถ่ายแบบภาพขาว-ดำ สลับภาพสีเป็นระยะๆ เกี่ยวกับนักข่าวสาวตัวเอกของเรื่อง(Yamila Greco)ที่กำลังค้นคว้าและออกตามหาสนัฟฟ์ฟิล์ม(Snuff film1)ในแบบ Real Snuff film ถ่ายจริงฆ่าจริงตายจริงในประเทศอาร์เจนติน่า เรื่องราวเกี่ยวกับนักฆ่านิรนามที่สังหารเหยื่อไปมากถึง 99 ศพเพื่อสร้างหนังแห่งตำนาน จนเมื่อตัวเอกของเรื่องพยายามติดต่อหาข้อมูลจากผู้รู้ในเรื่องดังกล่าวหลายๆคน ปรากฏว่าเธอเกิดความลุ่มหลงอย่างประหลาดในแผ่นฟิล์มนรกดังกล่าว โดยไม่สามารถถอนตัวจากโลกแห่งสนัฟฟ์ฟิล์มได้  จนในที่สุดภัยร้าย นักฆ่านิรนาม ความตาย กำลังย่างกรายเข้ามาใกล้เธอจนแทบจะหายใจรดต้นคอ Andrea Alfonso รับบทสาวท้องแก่ใกล้คลอดเหยื่อหมายเลข 100 ที่ถูกกระทำย่ำยีอย่างป่าเถื่อน Silvia Paz รับบทเหยื่อหมายเลข 101 สาวสวยในค่ำคืนแห่งการลักพาตัว ถูกจับมัดเลาะซี่ฟันด้วยสิ่วอย่างสยดสยองพองขน และ Yamila Greco นักข่าวสาวสวยอันเป็นที่หมายตาของนักฆ่านิรนามที่ได้มอบหมายเลขมรณะ 102 ให้เป็นรางวัลในค่ำคืนอันแสนทรมานและสิ้นหวัง
             

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

5. หนังในตระกูล All Night Long

             
มันคือการแสดงออกทางด้านมืดของมนุษย์อย่างน่าสะพรึง คือพลานุภาพแห่งความรุนแรงอย่างบ้าคลั่ง ฉากการทรมาน เซ็กส์และพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ เก็บกด หวาดกลัว เพ้อฝัน ความทรงจำอันแสนแปลกประหลาด ประสาทหลอน ทรอมาในจิต ตาแดงก่ำ รอยยิ้มเปื้อนเลือด เสียงหวีดร้องเจ็บปวดอันแสนสุข โรคจิตแบบเต็มขั้น ทั้งหมดที่กล่าวมาแหล่ะนี้คือหนังในตระกูล All Night long
             
หนังในตระกูล All Night long หรือ Ooru naito rongu (ค่ำคืนที่แสนยาวนานและทรมาน) เป็นผลงานการกำกับและเขียนบทของ Katsuya Matsumura ผู้กำกับคุณภาพคับแก้วอีกคนในวงการหนังของประเทศญี่ปุ่น อันมีมุมมองเกี่ยวกับการสร้างภาพลักษณ์ของหนังสยองขวัญใต้ดินในแบบฉบับของตนอย่างโดดเด่น ค่ำคืนอันแสนยาวนานและทรมาน หรือ All Night long ในภาคแรก เปิดตัวขึ้นในวันที่ 14 พฤศจิกายน ปี ค.ศ.1992 ประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอย่างรุนแรงถึงภาพแห่งความเจ็บป่วยทางจิตแบบเต็มขั้นของหนังเรื่องดังกล่าว แต่ก็สร้างชื่อเสียงให้แก่ Katsuya Matsumura เป็นอย่างมากเช่นกัน จนเป็นที่ยอมรับกันในวงการสร้างหนังสยองขวัญแนวโรคจิต(แบบเต็มขั้น)ว่า Katsuya Matsumura คือหนึ่งในผู้กำกับเพียงไม่กี่คนในโลกนี้ที่สามารถสร้างความอึดอัด ชวนอาเจียน หดหู่ทางจิต และสร้างฝันร้ายอันแสนวิปลาสนำเสนอแก่คนดูหนังได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยเหตุนี้เองหนังเรื่อง All Night long จึงมีการสร้างภาคต่อตามมาถึง 6 ภาค
             
(5.1) All Night long 1 หรือ Ooru naito rongu (ค่ำคืนที่แสนยาวนานและทรมาน) ภาคแรกปฐมบทแห่งหนังแนวโรคจิตเต็มขั้น ออกฉายครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ปี ค.ศ.1992 นำแสดงโดย Eisuke Tsunoda (Suzuki Kensuke), Ryosuke Suzuki (Saito Shinji), Yoji Ietomi (Tanaka Tetsuya), Hiromasa Taguchi (Tamari), Third Nagashima (Phantom Killer), Sachiko Wakayama (Yoshiko), Yumi Goto (Eri), Ryoka Yuzuki (Girl at the train crossing as Ayumi Nagashii), Yumi Kayama (Yoko) และ Ken'ichi Mori (Delinquent Leader) กำกับและเขียนบทหนังโดย Katsuya Matsumura หนังเรื่อง All Night long 1 เล่าเรื่องของชายหนุ่ม 3 คนที่มีวิถีชีวิตต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ด้วยเหตุบางประการจึงทำให้ทั้ง 3 ได้มาพบกัน รู้จักกัน สนิทสนมกันอย่างแปลกประหลาด จวบจนเวลาเริ่มผ่านไปทีละน้อยทีละน้อย ความเจ็บปวดและทรมานอย่างวิปลาสจึงเกิดขึ้นอย่างเจ็บป่วย ภาคปฐมบทของหนังเรื่องนี้ถึงจะมีความรุนแรง-โรคจิตเทียบไม่ได้กับภาคต่อๆมาแต่ก็ถือได้ว่า Katsuya Matsumura ได้สร้างจุดกำเนิดแห่งแสงสว่างอันมืดบอดในจิตอันแสนเจ็บป่วยของมนุษย์ ตีแผ่ให้นักดูหนังแนวนอกกระแสได้รับชม พร้อมนำเสนออย่างถึงพริกถึงขิง กับตัวละครเด็กหนุ่มวัยรุ่น ขี้อาย หวาดระแวง ถูกรังแกจากคนรอบข้างเป็นนิจ เก็บกด แอบจิต จนระเบิดความรุนแรงในบั้นปลายของหนังได้อย่างสุดสยอง


(5.2) All Night long 2 :  Atrocity หรือ Ooru naito rongu 2 : Sanji (ค่ำคืนที่แสนยาวนานและทรมาน ภาค 2) ออกฉายครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี ค.ศ.1995 นำแสดงโดย Masashi Endo (Shunichi Noda), Ryoka Yuzuki (Sayaka Mizukami as Kanori Kadomatsu), Masahito Takahashi, Takamitsu Okubo, Miroku Igarashi, Keiichi Mano, Kei Nakata, Joichi Shimoide, Shinobu Kojima, Hideki Kawamata และ Ayaka Hizubaki กำกับและเขียนบทหนังโดย Katsuya Matsumura ภาคต่อของหนังแนวโรคจิตเต็มขั้นชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น สานตำนานเจ็บป่วยทางจิตต่อจากภาคแรก All Night long 2 :  Atrocity นำเสนอเรื่องราวการดำเนินชีวิตของเด็กหนุ่มชื่อ Shunichi Noda เด็กวัยรุ่นเก็บกด หมกมุ่นอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์และการทำโมเดลตุ๊กตาเด็กเล่นของผู้หญิง จวบจน Shunichi Noda ได้ไปเกี่ยวพันกับแก๊งอันธพาลวัยรุ่นแก๊งหนึ่งเข้าโดยบังเอิญ(แก๊งนี้มีหัวหน้าแก๊ง และลูกน้องเป็นแบบ Homosexual/รสนิยมรักร่วมเพศ)ตัวเอกของเราต้องเจอกับความบ้าระห่ำ ความรุนแรง การทรมานและฆ่าคนของแก๊งดังกล่าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จนในที่สุดหัวหน้าแก๊งวัยรุ่นอันธพาล Homosexual อยากมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับ Shunichi Noda (ตามประสาชายรักชาย)ทำให้ Shunichi Noda ได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัสกิจกรรมของแก๊งอันธพาลชั่วอย่างเลี่ยงไม่ได้ และเกิดพฤติกรรมสะสมซึมซับความรุนแรงรูปแบบต่างๆจน Shunichi Noda เปลี่ยนไปกลายเป็นคนนิยมความรุนแรง และระบายออกมาในช่วงท้ายเรื่องได้อย่างน่าสะพรึง


(5.3) All Night long 3  :  The Final Chapter หรือ Ooru naito rongu 3 : Saishuu-shô (ค่ำคืนที่แสนยาวนานและทรมาน ภาค 3) ออกฉายครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี ค.ศ.1996 นำแสดงโดย Yuujin Kitagawa(Kikuo Sawada), Ryoka Yuzuki(Hitomi Nomura), Tomorowo Taguchi, Meika Seri, Mitsuzo Ishii, Hideki Kawamata, Mitsuru Hosokawa, Herachonpe, Mitsuru Matsui, Yuka Nishitani, Aki Fukazawa, Chika Misaki, Yui Kawana, Yoko Tanaka และ Yuu Sasaki กำกับและเขียนบทหนังโดย Katsuya Matsumura ไตรภาคแห่งหนังในตระกูล All Night long กับ All Night long 3  :  The Final Chapter หรือ Ooru naito rongu 3 : Saishuu-shô ภาคที่ได้ชื่อว่าวิปริตและเจ็บป่วยทางจิตแบบสุดขั้วในระดับต้นๆของหนังในตระกูล All Night long ทั้ง 6 ภาค เรื่องราวเกี่ยวกับเด็กชายวัยแรกรุ่นชื่อ Kikuo Sawada เด็กเก็บกดที่หมกมุ่นอยู่กับการเรื่องราวทางชีววิทยา ธรรมชาติ ต้นไม้ และแมลง ทุกๆวัน Kikuo Sawada จะออกไปวางกับดักที่เสาไฟฟ้าแถวละแวกบ้านเพื่อดักจับแมลงมาให้ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงที่เลี้ยงไว้กินเป็นประจำ จนวันหนึ่งเขาได้ไปเจอกับสาวที่แอบชอบชื่อ Hitomi Nomura ซึ่งกำลังนำขยะมาทิ้งลงถังขยะ  Kikuo Sawada ลุ่มหลงในการเก็บขยะของสาวที่แอบชอบนำมาทิ้งอย่างแปลกประหลาด  เขาเก็บสะสมขยะของหล่อนทุกๆวัน เริ่มตั้งแต่ ใบแจ้งหนี้ เศษเส้นผม เศษขนม ถุงน่องเก่า แปลงสีฟันเก่า ไปจนกระทั่งผ้าอนามัยที่ใช้แล้ว มาเก็บสะสมไว้เพื่อสูดดม สัมผัสพื้นผิว รวมถึงกินของเหลือจากถังขยะที่ Hitomi Nomura กินไม่หมดและนำมาทิ้งอย่างเป็นสุข สุดท้าย Kikuo Sawada ได้ขยายขอบเขตแห่งความวิปลาส-วิปริต ไปจนใกล้ตัว Hitomi Nomura จนเกิดตำนานแห่งความเจ็บป่วยทางจิตหน้าใหม่ในวงการหนังใต้ดินของโลก Hitomi Nomura จะรัก Kikuo Sawada ด้วยการหั่นเธอออกเป็นชิ้นๆ


(5.4) All Night long 4  :  Rated R หรือ Ooru Naito Rongu R (ค่ำคืนที่แสนยาวนานและทรมาน ภาค 4) ออกฉายครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี ค.ศ.2002 นำแสดงโดย Yuuki Fukuzono, Kiyori Miyamae, Katsuya Ichikawa, Kazumi Hiraishi เเละ Masahiro Nagai กำกับโดย Katsuya Matsumura บทหนังโดย Katsuya Matsumura และ Miyo Fujioka หลังจากงานชุดไตรภาคในตระกูล All Night long หายหน้าหายตาไปจากวงการหนังใต้ดินนานเกือบ 5 ปี ยอดผู้กำกับ Katsuya Matsumura ก็เข็นภาค 4 ของหนังอื้อฉาวเรื่องดังออกมาเปิดตัวต่อสาธารณชนในปี ค.ศ.2002 โดยใช้ชื่อภาคต่อว่า All Night long 4  :  Rated R หรือ Ooru Naito Rongu R เรื่องราวของชายหนุ่มตัวเอกในเรื่อง ชายหนุ่มที่มีอาการเจ็บป่วยทางจิตแบบเหลือกินเหลือใช้ เขาไปแอบชอบหญิงสาวนางหนึ่งเข้าอย่างลุ่มหลง เขาเริ่มรักเธอด้วยการจับเธอมาขังไว้ที่บ้าน เขารักเธอยิ่งขึ้นด้วยการหั่นเธอออกเป็นชิ้นๆแล้วนำชิ้นส่วนอวัยวะเหล่านั้นมาแช่ไว้ในตู้เย็นเพื่อดูเล่น เขากำลังมีความสุขประหนึ่งทอดกายนอนอยู่บนสรวงสวรรค์ชั้นฟ้า มาสิ มามีความสุขด้วยกัน?


(5.5) All Night long 5  :  Initial O หรือ Ooru naito rongu: Inisharu O (ค่ำคืนที่แสนยาวนานและทรมาน ภาค 5) ออกฉายครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี ค.ศ.2003 นำแสดงโดย Sakura Kobayashi(Sakura), Kadu Koide, Ayumu Saito, เเละ Salmon Sakeyama (Sakeyama Saamon) กำกับโดย Katsuya Matsumura บทหนังโดย Katsuya Matsumura และ Rusher Ikeda เปิดเรื่องด้วยสาวทำงานหน้าตาดีนางหนึ่งชื่อ Sakura (ตัวเอกของเรื่อง)กำลังเดินอยู่ในม่านหมอกแห่งห้วงราตรีกาล ณ เมืองใหญ่เมืองหนึ่ง เธอกำลังเดินทางกลับสู่เคหสถานหลังน้อยเพื่อพักผ่อน แต่กลับมีเรื่องราวร้ายแรงเกิดขึ้นตรงหน้า เมื่อปรากฏหนุ่มทำงานออฟฟิตนายหนึ่งกระโดดตึกฆ่าตัวตายต่อหน้าเธอ ร่างที่ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า(ยอดตึก)ดิ่งพสุธาลงสู่พื้น กายร่างแหลกเหลว หัวแตกเละน้ำและเนื้อสมองไหลนองพื้นกระจุยกระจายอย่างน่าสยดสยองพองขน Sakura ตกใจเป็นที่สุดจึงวิ่งไปหลบที่มุมตึกแล้วจัดการสำเร็จโทษน้องสาวด้วยความเริงรื่น Sakura เธอเป็นผู้ชื่นชอบความตายอย่างเจ็บปวดของผู้อื่น นำมาทำเรื่องอภิรมย์ส่วนตัวอย่างเจ็บป่วยทางจิต เห็นคนถูกทรมาน เห็นคนตายแล้วอยากมีเซ็กส์ประมาณนั้น กับการถูกเชื้อเชิญจากชายหนุ่มลึกลับ หล่อ-รวย และสาวสวยอีกนาง ณ คฤหาสน์หรูหลังงาม เรื่องราวแห่งค่ำคืนอันแสนยาวนานและทรมานจึงเริ่มเปิดม่านอีกครา 1หญิงสาวที่ชื่นชอบความเจ็บปวดของผู้อื่น กับ 1 หญิงสาวที่ชื่นชอบให้เธอนั้นเจ็บปวด และเขาผู้ต้องการได้รับความเจ็บปวดที่แสนสุข  เราทั้ง 3 จะมามีความสุขด้วยกัน


(5.6) All Night long 6  :  Daredemo Yokatta หรือ Ooru naito rongu : Daredemo Yokatta (ค่ำคืนที่แสนยาวนานและทรมาน ภาค 6) ออกฉายครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่นในงาน Yubari International Fantastic Film Festival เมื่อปี ค.ศ.2009 นำแสดงโดย Takashi Yamanaka, Marika Hase, และ Megumi Yoshikawa กำกับโดย Katsuya Matsumura บทหนังโดย Katsuya Matsumura และ Daisuke Yamanouchi เรื่องราวในภาคล่าสุดนี้เกี่ยวกับ 1 ชายหนุ่มผู้มีอาการเจ็บป่วยทางจิต กับ 2 หญิงสาว ณ อพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง เมื่อทั้ง 3 มาเจอกัน ความรุนแรง หวาดกลัว วิปริตอย่างประหลาดจึงเกิดขึ้นในค่ำคืนนี้


****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

พูดถึงหนังในตระกูล All Night long ของผู้กำกับ Katsuya Matsumura ทั้ง 6 ภาคแล้วทำให้นึกถึงคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญคดีหนึ่งขึ้นมา เป็นคดีฆาตกรรมที่เชื่อว่าอาจเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจในการสร้างหนังเรื่อง All Night long ภาคที่ 3 และภาคที่ 4 ของ Katsuya Matsumura (All Night long 3  :  The Final Chapter และ All Night long 4  :  Rated R) นั่นก็คือคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญของ Issei Sagawa (อิสเซ ซากาวะ)ซึ่งในรายของ Issei Sagawa ได้กระทำการฆ่าและแยกชิ้นส่วนมนุษย์มาเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อปรุงอาหาร เหมือนกับที่ตัวเอกในหนัง All Night long ภาค The Final Chapter และ Rated R พึงปฏิบัติ
             
รู้จัก Issei Sagawa บิดาแห่งการกินเนื้อมนุษย์ของประเทศญี่ปุ่น เกิดเมื่อ 11 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 1949 Issei Sagawa เป็นบุตรของอากิระ ซากาวะประธานกรรมการบริษัทอุตสาหกรรมเครื่องดื่มคูติระแห่งกรุงโตเกียว พอเข้าวัยเรียนเริ่มสนใจในบทวรรณกรรมภาษาต่างประเทศหลายภาษา ต่อมาได้เข้าเรียนวิชาเอกวรรณคดีอังกฤษที่มหาวิทยาลัยวาโก(ยุโรป) ต่อมาเขาได้หลงรักครูสาวชาวเยอรมันนางหนึ่งเข้า แต่ไม่ได้รักแบบหมายจะเอามาเป็นภรรยาหรือเชิงชู้สาว แต่ Issei Sagawa รักแบบ "อยากจะกินเธอทั้งตัว แล่เนื้อเธอออกเป็นชิ้นๆเพื่อนำมาทำเป็นอาหารมื้อเย็น" ในหนังสือฆ่ากินศพ โดย ส.องครักษ์ สำนักพิมพ์เครือเถา ได้อธิบายเพิ่มเติมเอาไว้ในตอนนี้ว่า "ถึงตอนที่อิสเซ ซากาวะ ตกหลุมรักครูสาวชาวเยอรมันอย่างหัวปักหัวปำนี้อิสเซเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเวลาที่พบครูสาวในครั้งต่อไปเขาควรจะกินเธอดีไหม"

ปรากฏว่าอยู่มาไม่นาน Issei Sagawa ได้แอบลอบปีนหน้าต่างเข้าไปหาครูสาวในยามดึกสงัดของค่ำคืนหนึ่ง ครูสาวตกใจเสียงของผู้มาเยือนในยามดึกที่เผลอทำเสียงดังระหว่างปีนหน้าต่างและร้องให้คนช่วยเสียงดัง  Issei Sagawa รีบเผ่นหนีสุดชีวิต  พ่อของเขาต้องเสียค่าปรับให้ล้มคดีนี้เป็นเงินมหาศาล และแก้ปัญหาโดยการส่งลูกชายสุดรักไปเรียนต่อที่สถาบันเซนซิแยร์ ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1981 และที่นี่เอง Issei Sagawa ได้สร้างตำนาน "บิดาแห่งการกินเนื้อมนุษย์ของประเทศญี่ปุ่น" ขึ้นที่นี่ Issei Sagawa ได้ตกหลุมรักครั้งใหม่กับ "เรนี ฮาร์เทเวลท์" สาวนักศึกษาชาวดัชต์ ผมบลอนด์ เขาได้จ้างให้เธอมาสอนภาษาเยอรมันให้ที่บ้านพักโดยเสนอ
             
ก่อนกินสาวคนรัก Issei Sagawa มักจะสูดดมกลิ่นเงินค่าจ้างที่สูงมากๆให้เป็นสินน้ำใจ เรนี ฮาร์เทเวลท์เองก็ไม่ปฏิเสธ ทั้งคู่จึงเจอกันบ่อยขึ้นเก้าอี้ที่ เรนี ฮาร์เทเวลท์ ใช้นั่งเป็นประจำ นอกจากนั้นวันที่เขามีอารมณ์อย่างถึงที่สุด เขาจะใช้จมูกสูดดมกลิ่นจากเก้าอี้และใช้ลิ้นเลียที่รองนั่งของสาวคนรักอย่างเป็นสุข และแล้วก็ถึงวันครบวันเกิดอายุ 32 ปีของเขาในวันที่ 11 กรกฎาคม ปี ค.ศ.1981 Issei Sagawa ได้จ้างให้ เรนี ฮาร์เทเวลท์มาอ่านบทกวีภาษาเยอรมันให้ฟังที่บ้านพัก ระหว่างที่เธออ่านบทกวี เขายิงเธอที่ศีรษะจากข้างหลัง เรนี ฮาร์เทเวลท์เสียชีวิตทันที และการที่สาวคนรักเสียชีวิตอย่างทุกข์ทรมานนี้เองนั่นทำให้ Issei Sagawa รู้สึกมีความสุขอย่างแปลกประหลาด และเริ่มแล่เนื้อของเธอส่วนหนึ่งด้วยมีดปอกสายไฟอันคมกริบนำมาปรุงเป็นอาหารในห้องครัว โดยเนื้อส่วนหนึ่งเขาแล่สดๆแล้วเอาเข้าปาก เคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย อาหารจานแรกที่เขาทำจากเนื้อของเรนี ฮาร์เทเวลท์ มีชื่อว่า "เนื้อคนผัดมัสตาร์ค"

เขาสุขสมและภาคภูมิใจกับอาหารจานแรกนี้มาก จากนั้นจึงเปลื้องผ้าร่วมรักกับศพของเจ้าหล่อนอย่างเมามัน หลังจากทานอิ่ม Issei Sagawa ก็ถ่ายรูปสาวคนรักเป็นที่ระลึก แล่และหั่นเนื้อส่วนที่เหลือของ เรนี ฮาร์เทเวลท์ออกเป็นชิ้นๆนำมาเก็บรักษาไว้ในตู้เย็นเพื่อสำหรับใช้กินในมื้อต่อไป ซึ่งเรื่องในตอนนี้เองหนังสือฆ่ากินศพ โดย ส.องครักษ์ สำนักพิมพ์เครือเถา ได้อธิบายเพิ่มเติมเอาไว้ อันเป็นคำพูดของ Issei Sagawa ในตอนที่เขากำลังกินศพและร่วมสัมพันธ์สวาทกับสาวคนรักว่า "ข้าพเจ้าได้ใช้มีดจ้วงแทงลงไปในร่างของเรนี แล่ลึกไปจนถึงเนื้อแดงของเธอ ตัดเป็นชิ้นพอๆคำใส่ปาก เคี้ยวดิบๆ มันละลายในปากรสชาติคล้ายทูน่าซาซิมิในภัตตาคารไม่มีผิด โดยเฉพาะเนื้อตรงท่อนแขนไปถึงข้อศอกของเธอ ไม่รู้นะว่าทำไม แต่บอกได้คำเดียวว่า อร่อยชะมัด และระหว่างที่ข้าพเจ้าร่วมรักกับศพของเจ้าหล่อน มันเหมือนกับว่าเธอหอบหายใจออกมา ข้าพเจ้าเร่งจังหวะแล้วบอกกับเธอว่า ผมรักเธอที่สุดในโลก"
             
ต่อมา Issei Sagawa ถูกจับที่บ้านพักโดยมีหลักฐานชิ้นสำคัญยัดอยู่เต็มตู้เย็นคือ ซากชิ้นส่วนมนุษย์ที่ถูกแล่อย่างสยดสยองพร้อมปรุงอาหาร จิตแพทย์โรงพยาบาลโรคจิต 3 คนวินิจฉัยตรงกันว่า "รักษาอย่างไรก็ไม่หาย" Issei Sagawa ถูกส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลโรคจิตพอล กีโรด์ ต่อมาบิดาของเขาได้วิ่งเต้นและรักษาจนบุตรชายสามารถออกมาใช้ชีวิตในสังคมคนปกติได้อีกครั้งในราวปี ค.ศ. 1990 หลังจากออกมาจากโรงพยาบาลโรคจิตได้ไม่นาน Issei Sagawa กลายเป็นคนดังในสังคมคนญี่ปุ่น  ได้รับฉายา "บิดาแห่งการกินคน" หรือ "บิดาแห่งการกินเนื้อมนุษย์ของประเทศญี่ปุ่น" เขาได้ออกรายการทอร์คโชว์ แสดงหนังลามกหลายเรื่อง เขียนนวนิยายออกตีพิมพ์หลายเล่ม โดยเฉพาะเล่นที่เขาบรรยายการฆ่ากินสาวคนรักเรนี ฮาร์เทเวลท์ มียอดขายถล่มทลายกว่า 200,000 เล่ม และมีเว็บไซต์เกี่ยวกับการกินคนเป็นของตนเอง ฯลฯ





ภาพประกอบ  54 :  Issei Sagawa บิดาแห่งการกินเนื้อมนุษย์ของประเทศญี่ปุ่น
อ้างอิงภาพประกอบ  http://www.evilscale.com/vote.aspx?nomineeid=485

ภาพประกอบ  55 :  เนื้อมนุษย์ในตู้เย็นของ Issei Sagawa
อ้างอิงภาพประกอบ  http://www.pasarmiedo.com/issei_sagawa.php


****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

6. Visitor Q (ครอบครัวโรคจิต)

             
โรคจิตเต็มขั้น!!!
             
Visitor Q หรือชื่อในแบบฉบับญี่ปุ่นว่า Bijitâ Q ภาคภาษาไทยใช้ "ครอบครัวโรคจิต" หรือ "ครอบครัวอลวน" ผลงานการกำกับของ Takashi Miike และเขียนบทหนังโดย Itaru Era นำแสดงโดย Ken'ichi Endô(Kiyoshi Yamazaki / Father), Shungiku Uchida(Keiko Yamazaki / Mother), Kazushi Watanabe(The visitor), Jun Mutô(Takuya Yamazaki / Son), Fujiko(Miki Yamazaki /Daughter), Shôko Nakahar(Asako Murata) เเละ Ikko Suzuki(Sasaoka) โดยนักแสดงนำในเรื่องคือ Ken'ichi Endô, Shungiku Uchida และ Kazushi Watanabe
             
Visitor Q (ครอบครัวโรคจิต)ออกฉายครั้งแรกในปี 2001 ในประเทศญี่ปุ่น โดยได้ Rate ในการฉายในครั้งนั้นคือ Rate R ซึ่งบางแห่งให้เป็นหนัง Cult และอีกหลายสถาบันให้เป็นแนว Black-Comedy/Cult หนังเรื่องนี้มีความยาวทั้งสิ้นประมาณ 85 นาที มี Kōji Endō ทำดนตรีประกอบ และได้ Yasushi Shimamura ตัดต่อภาพ ตัวหนังใช้ภาษาญี่ปุ่นในการสื่อสารกับผู้ชม โดยต่อมามีการทำ Subtitle (คำบรรยาย)ออกมาอีกหลายภาษา ในไทยเท่าที่เห็นมี 2 Version คือ Subtitle  :  Japanese/Thai และ Subtitle  :  English/Thai 
             
อนึ่ง ว่าด้วยเรื่องหนัง Rate R, หนัง Cult และหนังแนว Black-Comedy/Cult ให้พอเข้าใจเป็นกระษัยร่วมกัน ก่อนไปทำความรู้จักกับ Visitor Q (ครอบครัวโรคจิต)ให้ลึกซึ้งมากกว่าที่เป็น
             
หนัง Rate R (เรต อาร์) หรือ Restricted หมายถึง หนังที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ มีมีความรุนแรงด้านภาพและเสียงที่ชวนสยดสยอง ใช้ภาษาในหนังที่ไม่เหมาะสม ห้ามเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 17 ปีเข้ารับชมเพียงลำพัง โดยหากเด็ก-เยาวชนอายุต่ำกว่า 17 ปีต้องการเข้าชมต้องมีผู้ปกครองพาเข้าหรือไปด้วย
             
หนัง Cult (หนังคัลต์) หรือ Cult Films โดยภาพรวมแล้วหมายถึง หนังที่มิได้อยู่ในกระแสสายหลักในสังคมคนดูหนังหมู่มาก แต่เป็นหนังที่เต็มไปด้วยภาวะสุดขั้วบางประการ บ้างก็ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์หลากหลาย บางคนมองว่าเป็นหนังเพี้ยน  บ้าบอคอแตก-หลุดโลก หรือเป็นหนังที่มีโปรดักชั่นพิกลพิการไม่สมประกอบ(Production หรือ การผลิต) เป็นหนังที่ได้รับการตอบรับในด้านลบจากคนดูหมู่มากสะท้อนกลับมาอย่างรุนแรง แต่ถึงกระนั้นกลับทำให้คนดูเพียงบางกลุ่มเกิดอาการลุ่มหลงโดนใจอย่างรุนแรงบูชาประหนึ่งเทพเจ้าของตน

หนังแนว  Black-Comedy/Cult ละครตลกร้าย หรือตลกร้าย  ซึ่งก็คือ Black-Comedy นั่นเอง เป็นการแสดงที่ชวนให้ผู้ชมเกิดอาการขบขัน แต่ในขณะเดียวกันก็บังเกิดอาการเจ็บลึกเหมือนโดนใครเอาค้อนปอนด์มาทุบเข้าที่ศีรษะด้วยเช่นเดียวกัน อาทิ ตัวร้ายในหนังเรื่องหนึ่งถูกปืนลูกซองของพระเอกยิงเข้าหัวจนกระโหลกแยกหายไปซีกหนึ่ง แต่กว่าตัวร้ายจะตายกลับเดินไปจุดบุหรี่สูบอย่างสบายใจซะหลายนาที หรืออย่างฉากที่ตัวเอกในเรื่อง Visitor Q เจอกันครั้งแรก ซึ่งก็คือการพบกันแถวสถานีรถไฟของ Kiyoshi Yamazaki และ The visitor นั่นเอง Kiyoshi Yamazaki ถูก The visitor ทุบด้วยก้อนหินจนเลือดอาบหน้าหลายต่อหลายครั้ง แล้วทั้งสองก็เป็นเพื่อนกัน นี่ล่ะที่เรียกว่าตลกร้าย
             
หนังเรื่อง Visitor Q ของยอดผู้กำกับ Takashi Miike ฉายา "เจ้าพ่อหนังคัลต์แห่งเกาะญี่ปุ่น" หรือ King of Cult ที่ใช้เวลาในการถ่ายทำหนังเรื่องนี้สั้นแค่ 7 วันโดยประมาณด้วยทุนทรัพย์ที่ต่ำมากบวกกล้องวีดีโอราคาถูกในการถ่ายทำแต่มีคุณภาพประหนึ่งงานศิลป์ชั้นเลิศที่อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี เขียนภาพวาดแบบ "กระซวก" บนเฟรมผ้าใบ(Canvas)เป็นรูปสิงสาราสัตว์ชนิดต่างๆ เขียนบนผ้าใบ Canvas ขนาดใหญ่ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็ขายได้ในราคาหลายล้านบาท Visitor Q ก็เช่นเดียวกันจัดเป็นหนังที่สร้างชื่อเสียงให้ Takashi Miike เป็นอย่างยิ่งแม้นระยะเวลาในการถ่ายทำจะแค่ราว 7 วัน ถึงกระนั้นก็ดีหนังเรื่องนี้กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักไปทั่วโลกในเวลาต่อมา
             
เรื่องราวใน Visitor Q หรือครอบครัวโรคจิต เกี่ยวกับการดำเนินชีวิตประจำวันแบบอปกติของครอบครัวๆหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ประกอบไปด้วย พ่อ-แม่-ลูกสาว-ลูกชาย ทั้ง 4 ดำเนินชีวิตที่แสนวิปริต-เจ็บป่วยทางจิต (เจ็บป่วยทางจิตเข้าขั้นรุนแรง) จนอยู่มาวันหนึ่งเหตุการณ์เปลี่ยนไปเมื่อมีผู้มาเยือนปริศนา ชายหนุ่มชื่อ Q ผู้มีเสน่ห์และแรงดึงดูดอย่างแปลกประหลาด
             
             -พ่อ (Ken'ichi Endô) มีอุปนิสัยขี้ขลาด หัวหน้าครอบครัวที่มีอาชีพเป็นนักถ่ายทำรายการสารคดีเกี่ยวกับชีวิตวัยรุ่น วันๆบ้าแต่งาน ทำงานจนลืมครอบครัว วันหนึ่งไปถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับชีวิต และสภาพครอบครัววัยรุ่นใจแตกเข้า ถ่ายไปถ่ายมาเจอเข้ากับลูกสาวตัวเองที่กำลังขายบริการทางเพศอยู่ ด้วยจิตวิญญาณแห่งความเป็นบิดาอันประเสริฐ......คุณพ่อจึงใช้บริการซะ
             -แม่ (Shungiku Uchida) เป็นแม่บ้านในครอบครัวนี้ อุปนิสัยเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจา บางวันถูกลูกชายซ้อมจนเลือดอาบ จึงต้องหาทางระบายด้วยการออกไปขายบริการทางเพศในเวลากลางวันเพื่อนำเงินมาซื้อยาเสพติด(เฮโรอีน)เสพให้หลุดพ้นจากโลกที่เป็นอยู่
             -ลูกสาว (Fujiko) คาดเดาเอาว่าน่าจะเรียนอยู่ในชั้น ม.ปลาย มีนิสัยชอบเที่ยวกลางคืน เมื่อต้องการเงินใช้ เธอจึงออกมาขายบริการทางเพศให้แก่ทุกๆคนที่เธอเจอ ไม่เว้นแม้กระทั่งพ่อบังเกิดเกล้าของตัวเอง
              -ลูกชาย (Jun Mutô) เด็กนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งมีนิสัยค่อนข้างเก็บตัว อ่อนแอ จึงมักถูกเพื่อนๆที่โรงเรียนกลั่นแกล้งอยู่เป็นประจำ เมื่อกลับถึงบ้านในตอนเย็นจึงมาลงที่การซ้อมแม่ของตัวเองเป็นการระบายแค้น
             
หนังเรื่องนี้สร้างออกมาเพื่อตีแผ่ และปอกเปลือกการดำเนินชีวิตของสังคมคนญี่ปุ่นในยุคสมัยปัจจุบันได้อย่างถึงพริกถึงขิงเป็นที่สุด ผู้กำกับ Takashi Miike จงใจที่จะสะท้อนปัญหาต่างๆโดยใช้ภาพความรุนแรงแก้ไขปัญหาความรุนแรงในบั้นปลายของหนัง เซ็กส์ ยาเสพติด ความรุนแรง โรคจิต ความไม่เข้าใจกันในครอบครัว การไม่เปิดใจเพื่อรับฟังปัญหาซึ่งกันและกัน ทุกเรื่องรุมเร้าเข้ามาในครอบครัวดังกล่าวนี้จนแทบจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ กระทั่งอยู่มาวันหนึ่งมีชายฉกรรจ์ปริศนานามว่า Q เดินเข้ามาในบ้าน-ครอบครัวแห่งนี้เพื่อเปิดจุกก๊อกให้ทุกคนในครอบครัวเข้าใจกัน กลับมาเป็นครอบครัวที่มีความสุข (สุขแบบโรคจิต)อีกครั้ง
             
เป็นหนังที่มีดีกรีความจัญไรสูงมากๆ เสื่อมได้ใจ นำเข้าซึ่งวังวนแห่งอาการเจ็บป่วยทางจิต-โรคจิตแบบเต็มขั้น เปิดตัวหนังด้วยคำโปรย "คุณเคยร่วมหลับนอนกับพ่อของตัวเองไหม?" จากนั้นจึงเป็นฉากการร่วมรักกันระหว่าง พ่อ-ลูกสาวที่ขายบริการทางเพศแบบโจ๋งครึม  "คุณเคยกระทืบแม่ตัวเองบ้างไหม?" จากนั้นจึงเป็นฉากที่ลูกชายซ้อมแม่ของตัวเองเพื่อระบายแค้นอย่างบ้าคลั่ง  "คุณเคยถูกก้อนหินตีเข้าที่หัวจนเลือดอาบบ้างรึเปล่า?" หลังจากที่ชายนิรนาม Q ตีหัวผู้เป็นพ่อที่สถานีรถไฟ ทั้งสองก็กลายมาเป็นเพื่อนรักกันอย่างชวนแปลกประหลาดเป็นที่สุด หลังจากหนังเรื่องนี้ออกฉายตามเทศกาลหนังในประเทศต่างๆ รวมถึงจัดจำหน่ายในรูปแบบแผ่น DVD มีทั้งเสียงชื่นชมยกย่องตามมาว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดีมาก มีพล็อตเรื่องและการแสดงที่ดีเยี่ยมอบอุ่น มากพอๆกับเสียงด่าทอสาปแช่งตามมาว่า Visitor Q เป็นหนังจัญไร หนังระยำ หรือหนังจิตแตกแล้วแต่จะเรียกกัน ถึงจะมีกระแสชื่นชมและสาปแช่งหนังเรื่องนี้ออกเป็นสองฝ่าย โดยที่แต่ละฝ่ายต่างก็มีจุดยืนที่จะเชื่อในหลักการและเหตุผลของตนต่างกัน ถึงจะไม่รู้ว่าทั้งสองฝ่ายที่สนับสนุนแนวคิดเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้กับฝ่ายที่ต่อต้านใครกันแน่คือฝ่ายที่ถูก แต่ที่รู้กันแน่ๆตอนนี้แล้วนั่นก็คือ Visitor Q คือหนังที่ควรเก็บให้พ้นมือเด็ก



****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

7. Niku Daruma (ตุ๊กตาไม้ลอย/ตุ๊กตาคนเป็น)

             
ความหฤโหดอยู่ตรงหน้า กรุณาเปิดตาให้กว้าง!!!
             
Niku Daruma หรือในชื่อภาคภาษาไทยว่า "ตุ๊กตาไม้ลอย" หรือ "ตุ๊กตาคนเป็น" ผลงานการกำกับและเขียนบทหนังโดย Tamakichi Anaru  ในปี 1998 พากย์ภาษาญี่ปุ่นซับอังกฤษ นำแสดงโดย Kanako Ooba(Kana/Tumbling Doll of Flesh), Kikurin(Kiku/Visceral Sex Performer), Tamakichi Anaru(Snuff Video Director) เเละ Yuuji Kitano(Snuff Video Cameraman) โดยนักแสดงเด่นในเรื่องก็คือ Kanako Ooba ผู้รับบท Kana/Tumbling Doll of Flesh หญิงสาวผู้ถูกกระทำทารุณกรรมอย่าป่าเถื่อนในการถ่ายทำม้วนวีดีโอมรณะดังกล่าว

Niku Daruma (ตุ๊กตาไม้ลอย)หนังแนว Horror-Porno-Adult (จะว่าไปแล้วมันก็คือหนังโป๊สำหรับผู้ใหญ่ดีๆนี่เอง)ที่ละลานตาไปด้วยฉากเกี่ยวกับเซ็กส์บนเตียงบวกการฆาตกรรม-ทารุณกรรมฉบับเลือดสาดตลอดรายการ บางคนก็จัดหนังเรื่องนี้ออกในแนว Rape เพราะมีฉากการข่มขืนนางเอกในเรื่องด้วย(ถึงแม้ว่าในช่วงต้นเรื่องจะเป็นแบบ Statutory Rape ก็ตามที(Rape คือ การข่มขืน/Statutory Rape คือ การมีเพศสัมพันธ์โดยที่มิได้บังคับข่มขืน แต่คู่ร่วมสมยอมเอง) แต่ในขณะเดียวกัน Niku Daruma ก็มีกระบวนการถ่ายทำที่เชื่อว่าเป็นแบบ Snuff Film แต่เป็น Snuff Film ในสาย Fake Snuff Film (คือแบบปลอมๆ)หากจะพูดว่า Niku Daruma คือ Guinea Pig  :  Flower of Flesh and Blood ในคราบหนังโป๊ก็คงพูดได้เกือบเต็มปาก
             
เรื่องราวสุดสยองชวนสะเทือนใจใน Niku Daruma (ตุ๊กตาไม้ลอย)เริ่มจากกล้องแอบถ่ายตัวหนึ่งกำลังบันทึกภาพเคลื่อนไหวของทีมงานรับสมัครนักแสดงหนังแนว AV (AV หรือ Adult Video หมายถึง หนังโป๊/หนังผู้ใหญ่)ซึ่งทีมงานเองกำลังยุ่งอยู่กับการสัมภาษณ์นักแสดงชาย-หญิงเพื่อคัดเอามาเล่นหนัง ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ปรากฏว่ามีชาย-หญิงคู่หนึ่งสอบผ่านและตอบตกลงรับเงินจากทางทีมงานเป็นที่เรียบร้อย ถึงกำหนดนัดหมายทั้งคู่และทีมงานจึงนั่งรถตู้ออกไปยังสถานที่ถ่ายทำ ณ บ้านหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ค่อนข้างห่างไกลผู้คน จวบจนทำความคุ้นเคยกันบนเตียงของคู่หนุ่มสาว หลายสิ่งหลายอย่างคงดำเนินไปอย่างราบรื่นเหมือนที่การถ่ายทำหนังแนวดังกล่าวพึงกระทำกัน กระทั้งการถ่ายทำช่วงหนึ่งนักแสดงชายต้องเล่นบทซาดิสต์ตามที่ผู้กำกับสั่ง คราวนี้ผิดคาดเมื่อนักแสดงหญิงไม่เล่นด้วย เพราะรับไม่ได้ที่ทางทีมงานจะเอาเข็มฉีดยาขนาดยักษ์ฉีดเข้าไปในอวัยวะบางส่วนของเจ้าหล่อน การถ่ายทำจึงมีอันยกเลิกไปพร้อมกับอาการหัวเสียแบบสุดขีดของทางทีมงานและผู้กำกับหนัง
             
ระหว่างที่นางเอกของหนังเรื่องนี้ (Kanako Ooba)กำลังนั่งใส่รองเท้าอยู่ตรงบริเวณหน้าประตูทางเข้าบ้านนั้นเอง ผู้กำกับก็ทุบเธอจากข้างหลังด้วยไม้เบสบอลจนสลบ เลือดนองพื้น และลากนางเอกสาวดารา AV ผู้โชคร้ายของเราขึ้นไปยังชั้น 2 ของบ้าน ด้วยความกลัว(และอยากได้เงิน)นักแสดงชายคู่ขาจึงจำต้องยอมเล่นหนังตามที่ผู้กำกับจอมซาดิสต์สั่ง จวบจนวินาทีนรกแตกเดินย่างเข้ามาเยือน เมื่อทางผู้กำกับและทีมงานช่วยกันรุมทุบตี ฆ่านักแสดงทั้งสองทิ้งด้วยการหั่นทั้งคู่ออกเป็นชิ้นๆ โดยขณะกำลังฆ่าสองหนุ่ม-สาวผู้โชคร้ายพวกเขาได้ถ่ายเทปวีดีโอเก็บไว้เพื่อสำหรับขายในตลาดใต้ดิน ดำเนินการตามแบบฉบับของการสร้างหนังแนว Snuff Film แบบในตำนานอีกด้วย

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

8. Cannibal Holocaust (เปรตเดินดินกินเนื้อคน)

             
ม้วนวีดีโอที่ใครคนหนึ่งพานพบเข้าโดยบังเอิญกลางป่าลึก เนื้อในมีคำเฉลยอันแสนวิปริตซ่อนอยู่ กับการเดินทางบนเส้นทางเดินอันหฤโหด ขวากหนามนานา สัตว์ร้าย และเหล่าคนกินคน มันจะแล่ มันจะหั่น ผู้มาเยือนออกเป็นชิ้นๆอย่างน่าสยดสยองพองขน มันจะกัด มันจะเคี้ยวกลืนกินกันอย่างเริงร่ารื่นเริง มาสิ มาสนุกกับพวกมัน!!!
             
Cannibal Holocaust (เปรตเดินดินกินเนื้อคน)หนังคัลท์สุดอื้อฉาวในปี ค.ศ.1980 ผลงานการกำกับของ Ruggero Deodato ผู้กำกับหัวรุนแรงชาว Italy โดยได้ Gianfranco Clerici เขียนบทหนัง นำแสดงโดย Robert Kerman(Harold Monroe), Francesca Ciardi(Faye Daniels), Perry Pirkanen(Jack Anders), Luca Barbareschi(Mark Tomaso /as Luca Giorgio Barbareschi), Salvatore Basile(Chaco Losojos), Ricardo Fuentes(Felipe Ocanya), Carl Gabriel Yorke(Alan Yates /as Gabriel Yorke), Paolo Paoloni(Chief NY Executive), Lionello Pio Di Savoia(Executive /as Pio Di Savoia) เเละ Luigina Rocchi(Native)  โดยดาราที่รับบทเด่นในเรื่องระกอบไปด้วย Robert Kerman(Harold Monroe), Francesca Ciardi(Faye Daniels) เเละ Perry Pirkanen(Jack Anders)
             
เรื่องราวของนักศึกษาชาย 3 หญิง 1 นักถ่ายทำสารคดีชาวสหรัฐอเมริกาที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในการมาถ่ายทำสารคดีเรื่องสุดท้ายในป่าดงดิบแถบอเมริกาใต้ ทางสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งจึงส่งตัว Dr.Harold Monroe(รับบทโดย Robert Kerman)ออกเดินทางไปค้นหาความจริง จนในที่สุดเขาก็ได้ค้นพบม้วนเทปวีดีโอที่เป็นการบันทึกเอาไว้ก่อนหายตัวไปของนักถ่ายทำสารคดีทั้ง 4 กับเรื่องราวการเดินทางอันแสนวิปริต พฤติกรรมชนเผ่ากินคนอันโหดเหี้ยม ประเพณีแปลกประหลาด เซ็กส์ การทรมานเหยื่อในรูปแบบต่างๆ คือสิ่งที่ทั้ง 4 จะได้พาลพบประสบเจอ
             
ฉากแห่งตำนานใน Cannibal Holocaust /เปรตเดินดินกินเนื้อคน ฉากฆ่าตะพานน้ำขนาดใหญ่เพื่อกินหัวใจแบบสดๆ และฉากการข่มขืน ฆ่าเสียบไม้ ในหนังเรื่อง Cannibal Holocaust (เปรตเดินดินกินเนื้อคน) ในปี 1980 หนังของ Ruggero Deodato ผู้กำกับหัวรุนแรงชาว Italy หนังเรื่องนี้สร้างกระแสอย่างเกรี้ยวกราดในการเปิดฉายรอบปฐมทัศน์ในหลายๆประเทศ  กับฉากมุมมองผ่านกล้อง Home Video ของวัยรุ่นหนุ่มสาวอเมริกันชนกับการเดินทางเข้าไปถ่ายทำสารคดีป่ากินคน-ชนเผ่ากินคนในป่าอเมซอน  ฉากที่เป็นที่กล่าวขานกันว่าช็อคคนดูทั่วโลกจนถึงกับมีคนตั้งคำถามขึ้นว่า "สิ่งที่พวกเขาได้เห็นอยู่ตรงหน้านี้ มันเป็นเพียงหนังหรือเรื่องจริง? "  ส่วนฉากในตำนานของหนังเรื่องนี้ อันเป็นที่กล่าวขานกันในหลายประเทศ(รวมถึงในประเทศไทยด้วย)ว่ามันเป็นเรื่องจริง หรือเป็นเพียงเรื่องแหกตา ฉากนั้นก็คือ ฉากการฆ่าตะพาบน้ำขนาดใหญ่ ลากขึ้นมาจากในแม่น้ำ พลิกท้องแล้วทุบจนกระดองล่างแตกละเอียด เสร็จสรรพจึงควักหัวใจตะพาบน้ำออกมากินอย่างน่าสลดหดหู่ใจเป็นที่สุด(ฉากนี้ของจริงครับ) ส่วนอีกฉากในตำนานก็คือ ฉากที่หญิงสาวชาวป่าถูกหนุ่มชาวเมืองรุมข่มขืนและบันทึกภาพไว้เป็นวีดีโอ จากนั้นจึงฆ่าและพาร่างอันไร้วิญญาณมา เอาไม้ปลายแหลมเสียบเข้าทางปากมดลูกทะลุถึงปาก(ฉากนี้แหกตาครับ) อย่างไรก็ดีหลังจากหนังเรื่อง Cannibal Holocaust ออกฉายได้ไม่นาน Ruggero Deodato ถูกต่อต้านจากกลุ่มคนรักสัตว์และกลุ่มนักอนุรักษ์เป็นการใหญ่ในข้อหาทรมานสัตว์ และฆ่าสัตว์เพื่อถ่ายทำสารคดี

ทำไมต้องกินคน? ในบันทึกของ ส.องครักษ์ ในหนังสือฆ่ากินศพ ได้อธิบายเอาไว้เกี่ยวกับที่มาของการกินคน สรุปได้โดยย่อว่า คนจะกินคนได้นั้นขึ้นอยู่กับเหตุ-ปัจจัย 3 ประการ อันได้แก่
           
1. กินเพราะวัฒนธรรม  :  ในอดีตหลายประเทศในโลกล้วนเชื่อกันว่าการกินเนื้อคน หรือการกินคนจะทำให้พระเจ้าที่ตนนั้นนับถือพึงพอใจ ในประเทศอินโดนีเซียเชื่อว่าการกินเนื้อศัตรูจะช่วยให้ซึมซับเอาวิญญาณ ความรอบรู้มาเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ตน ส่วนชนเผ่าในหมู่เกาะฟิจิกินคนเพราะเชื่อในพระเจ้ากระหายเลือด เป็นต้น
             
2. กินเพื่อความอยู่รอด  :  ในปี ค.ศ.1972 นักรักบี้กับเพื่อนสนิทและครอบครัวพากันบินจากอุรุกวัยไปยังชิลี ปรากฏเครื่องบินตกระหว่างเดินทาง ณ เทือกเขาแอนดิสอันปกคลุมไปด้วยหิมะ มีคนตาย 13 ศพจาก 45 คน อีกหลายสัปดาห์ต่อมามีคนตายเพิ่มอีกหลายศพ มีแต่หิมะกับความหนาวดุจนรก ผู้โดยสารหลายคนจำต้องกินเนื้อศพผู้เสียชีวิตที่ฝังอยู่ในน้ำแข็งเป็นอาหาร ส่วนผู้ที่ไม่กินก็ทยอยกันตายไปทีละคนสองคน ก่อนที่ผู้รอดชีวิตจำนวน 16 คนจะได้รับความช่วยเหลือและกลับบ้านอย่างปลอดภัย
           
3. กินเพราะอาชญากรรม  :  นักอาชญากรรมหลายรายที่กินเนื้อมนุษย์เพราะมีความเชื่อตามแนวทางของตน อาทิ กินเพื่อจุดประสงค์ทางเพศ, กินเพราะความก้าวร้าวรุนแรง, กินเพราะความเชื่อและประเพณี และกินเพราะรสนิยม เป็นต้น(จากบันทึกของ ส.องครักษ์ ในหนังสือฆ่ากินศพ)
             
อนึ่ง ในเรื่องเกี่ยวกับการกินคนเพราะ "กินเพื่อความอยู่รอด" ในปี ค.ศ.1972 ที่มีการกล่าวอ้างในบันทึกของ ส.องครักษ์ ในหนังสือฆ่ากินศพ หลังจากที่เรื่องราวของผู้รอดชีวิตทั้ง 16 คนแพร่สะพัดไปทั่วแล้วนั้น ปรากฏว่าทางผู้กำกับ  Frank Marshall ได้นำเรื่องราวการเอาชีวิตรอดของคนทั้ง 16 คนท่ามกลางพายุหิมะอันหนาวเหน็บมาจัดทำสร้างเป็นหนังขึ้น โดยใช้ชื่อเรื่องว่า Alive หรือ Alive: The Miracle of the Andes ในปี ค.ศ.1993 โดยได้ Piers Paul Read เเละ John Patrick Shanley เขียนบทหนัง
             
กรรมวิธีการกินเนื้อคนจากปากผู้รอดชีวิตในหนังเรื่อง Alive: The Miracle of the Andes กล่าวกันว่า ใช้วิธีการนำเอาศพของผู้เสียชีวิตในคราวเครื่องบินตกที่แอนดิส นำมาเฉือนด้วยเศษกระจกแตก(หน้าต่างเครื่องบิน)เสียก่อน โดยการเลาะเอาหนังออกให้หมด จากนั้นจึงขูดเนื้อแดงออกมาเป็นแผ่นบางๆพอดีคำ นำไปตายแช่แข็งไว้ภายนอกซากเครื่องบิน พอเนื้อแข็ง กรอบได้ที่ก็สามารถนำมารับประทานกันตายได้  "เราต้องกิน ไม่ว่าจะเป็นอะไร เราต้องกินเพื่อให้มีชีวิตกลับไปหาคนที่เรารัก" หนึ่งในเหยื่อผู้รอดชีวิตกล่าวเอาไว้ ณ ตอนหนึ่งในหนังเรื่องดังกล่าว





ภาพประกอบ  58 :  Cannibal Holocaust /เปรตเดินดินกินเนื้อคน
อ้างอิงภาพประกอบ  http://www.jam-station.com/2010/02/cannibal-holocaust-cannibal-holocaust.html

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

9. Grotesque (บททดสอบรักจากขุมนรก)

             
หนึ่งหญิงสาวใสซื่อประดุจกุหลาบขาวบานแรกแย้ม กับหนึ่งหนุ่มน้อยหน้าเกลาเกลี้ยงหล่อเหลาไม่เป็นสอง รวมถึงใครอีกบางผู้เร่งเดินย่างเข้ามาทายทักอยากประจักษ์แจ้งในรักแท้ของคนทั้งคู่ โซ่ตรวนแห่งพันธนาการ ของมีคม มีด เลื่อยไฟฟ้า และนรกอันเริงร่า
             
Grotesque (Grotesque /โกร เท็สคฺ/ หมายถึง สิ่งที่วิตถาร)หรือ บททดสอบรักจากขุมนรก หนังญี่ปุ่นในปี ค.ศ.2009 ความยาว 75 นาที หนังที่ผสมผสานความเป็นหนัง Porn (หนังโป๊)และหนัง Torture Film (หนังแนวทรมาน)ได้อย่างลงตัวเป็นที่สุดผลงานการกำกับและเขียนบทของ Kôji Shiraishi กับเรื่องราวของชายวัยกลางคนสติแตก ที่พร้อมมอบความรักอันแสนหวาน และทุกข์ทรมานประดุจขุมนรกให้ทุกท่านได้อิ่มเอม นำแสดงโดย Tsugumi Nagasawa(Aki), Hiroaki Kawatsure(Kazuo) เเละ Shigeo Ôsako หนังออกตัวแรงด้วยสโลแกน " Saw และ Hostel จนหลบไป!!! " 

Grotesque เล่าเรื่องเกี่ยวกับชายวัยกลางคนๆหนึ่งกับพฤติกรรมสติแตกแบบสุดขั้ว ชายคนดังกล่าวคล้ายว่าจะเป็นนายแพทย์ผู้ไร้ศีลธรรม หรือชายโรคจิตได้จับคู่ชายหญิงคู่หนึ่งมาให้รักกันในเกมที่เขากำหนด ก่อนเจอบทลงโทษที่ดับความหวังแห่งการอยู่รอดของพวกเขาทีละน้อย หญิงสาวนางนั้นที่ถูกจับมาเธอมีชื่อว่า Aki(Tsugumi Nagasawa) กับชายคนรัก Kazuo(Hiroaki Kawatsure)ทั้งสองถูกชายโรคจิตโปะยาสลบ ณ ทางสายเปลี่ยนแห่งหนึ่ง จวบจนได้สติกลับคืนมา ทั้งคู่กำลังเผชิญอันตรายครั้งใหญ่ร่วมกัน ทั้งคู่ถูกพันธนาการด้วยเชือก-สายรัดข้อมือ ข้อเท้า และใส่ Mouth Gag(แก๊กปาก-อุปกรณ์สำหรับถ่างปากให้อ้าออก)ให้คนทั้งคู่ สิ่งที่ชายโรคจิตต้องการจากคนทั้งคู่ในเวลานี้ก็คือ เพื่อให้ทั้งสองมาเล่นเกมพิสูจน์รักแท้สนองตัณหาของตนเอง เกมอันแสนวิปริต ไม่ว่าจะเป็นการที่ชายโรคจิตช่วยสำเร็จความใคร่ให้ทั้งชายและหญิง(ต่อหน้าคนทั้งสอง) ต่อด้วยกระบวนการเหยียดหยามความเป็นมนุษย์ต่างๆนาๆ เริ่มจากตัดนิ้ว ตัดแขนด้วยเลื่อยไฟฟ้า เอาเข็มทิ่มลูกตาอย่างสยดสยอง ตอนอวัยวะสืบพันธุ์ หั่นร่างกายอีกหลายส่วน และควักอวัยวะภายในออกมาเชยชม ฯลฯ พร้อมกับถ้อยคำถามที่ตามมาจากปากชายโรคจิตว่า "คุณพร้อมหรือยอมตายแทน เพื่อคนที่คุณรักได้ไหม? "
             
วิปริตวิปลาส จิตแตก ชวนอาเจียนอย่างรุนแรงจนถูกสั่งแบนมาแล้วทั่วโลก หนังเรื่อง Grotesque ของ Kôji Shiraishi ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหนังโหดร้ายทำลายศีลธรรมดีเด่นแห่งปี ค.ศ.2009 หนังเรื่องนี้โดนแบน และถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความเสื่อมศีลธรรมเข้าขั้นจัญไรสุดขั้ว นักวิจารณ์บางท่านถึงกับกล่าวว่า "Grotesque คือหนังที่ดูแล้วทรมาน เจ็บปวดหัวใจเป็นที่สุด ไม่มีคำว่าศีลธรรมในหนังเรื่องนี้ เป็นหนังที่สร้างออกมาได้อย่างสุดจัญไรแห่งปี ค.ศ.2009 อย่างแท้จริง"
             
เป็นหนังที่ได้รับเสียงด่าจากคนทั้งโลก หลายประเทศทั่วโลกสั่งแบนหนังเรื่องนี้ ห้ามฉาย ห้ามจัดจำหน่ายในรูป VCD หรือ DVD เด็ดขาด โดยเฉพาะในสหราชอาณาจักรจัดหนังเรื่อง Grotesque ในประเภท "หนังอันตราย" และถูกคณะกรรมการตรวจพิจารณาภาพยนตร์ของสหราชอาณาจักรสั่งแบนตลอดกาลพร้อมมี Comment กลับมาอย่างรุนเเรงหลังได้รับชมหนังเรื่อง Grotesque ว่า "Comment เป็นหนังที่โหดร้ายแบบสุดขั้ว ทารุณ ล่วงละเมิดทางเพศอย่างรุนแรง สร้างความวิบัติให้แก่คนดูหนังอย่างมหาศาล ซึ่งแน่นอนว่าหนังเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของคนดูได้แน่ เป็นหนังรุนแรงที่ไม่สามารถยอมรับได้ ไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ฉายหรือจัดจำหน่ายได้ แม้กระทั้งในเรตของผู้มีอายุเกิน 18 ปี ตลอด 75 นาทีเต็มของหนังเรื่องนี้อุดมไปด้วยภาพความรุนแรงแบบผิดมนุษย์ หนังมีส่วนของการเล่าเค้าโครงเรื่องน้อยมาก ตัวละครแทบไม่มีการพัฒนาใดๆทั้งสิ้น ทำลายศีลธรรม ความเป็นมนุษย์อย่างรุนแรง วิปริตทางเพศ หนังแบบนี้ไม่สมควรจะมีวางขาย ณ ที่ใดทั้งสิ้นในประเทศแห่งนี้"





ภาพประกอบ  59 :  Grotesque หนังที่ผสมผสานความเป็นหนัง Porn and Torture Film ได้อย่างลงตัว
อ้างอิงภาพประกอบ  http://www.avistaz.com/movies/2009/grotesque-japanese-2009.html

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

10. Men Behind The Sun (จับคนมาทำเชื้อโรค)

             
วินาทีอำมหิตที่ทั้งโลกต้องตะลึง!!!
             
Men Behind The Sun หรือ Hei tai yang 731 (จับคนมาทำเชื้อโรค) หนังสัญชาติจีนในปี ค.ศ. 1988 ผลงานการกำกับของ Tun Fei Mou เขียนบทหนังโดย Mei Liu, Wen Yuan Mou เเละทีมงาน นำแสดงโดย Hsu Gou, Tie Long Jin, Zhaohua Mei, Zhe Quan,Gang Wang(Lt. Gen. Shiro Ishii), Runsheng Wang, Dai Yao Wu เเละ Andrew Yu
             
เรื่องราวใน Men Behind The Sun หรือ จับคนมาทำเชื้อโรค หนังที่สร้างจากเรื่องจริง กล่าวถึงสงครามที่นานกิง กองทัพญี่ปุ่นบุกจีนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดย "หน่วยปฏิบัติการหฤโหด Unit 731" ฝ่ายทหารญี่ปุ่นนำทีมโดย อิชิอิ ชิโร่ หมอผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Microbiology (ไมโครไบโอโลยี หรือ การทดลองทางจุลชีววิทยา อันมีความหมายคือ การศึกษาสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า อาทิ แบคทีเรีย เชื้อรา โปรโตซัว ไวรัส เป็นต้น) ซึ่งชิโร่ อิชิอิ ได้รับไฟเขียวจากทางการทหารญี่ปุ่นให้สามารถทดลองผลิตอาวุธเชื้อโรคโดยใช้เชลยศึกชาวจีนมาเป็นหนูทดลองได้ ปฏิบัติการของหน่วย Unit 731 ที่มีพฤติกรรมโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ เป็นที่เลื่องลือกล่าวขานจวบจนยุคปัจจุบัน  อาทิ
           
            1. การใช้เครื่องมือทางการแพทย์ตัดแขน ขา ของเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย เสร็จแล้วนำมาต่อเข้าใหม่โดยการสลับข้าง ทดสอบปฏิกิริยาตอบสนองของอวัยวะเหล่านั้น
            2. จับเหยื่อมัดแขน ขน ห้อยหัวลง ทรมานจนกว่าจะตาย เพื่อทดสอบความทนทานต่อความตายของมนุษย์
            3. ผ่าตัดอวัยวะส่วนต่างๆของมนุษย์โดยไม่ใช้ยาสลบ
            4. บังคับให้หญิงสาวร่วมมีเพศสัมพันธ์กับชายหนุ่มนับสิบคนที่มีอาการเจ็บป่วยเป็นโรค Syphilis (ซิฟิลิส) หรือโรคหนองใน เพื่อพัฒนาเชื้อ Syphilis มฤตยูที่มีความรุนแรงและอันตรายที่สุด
             5. การใช้เลือดปนเปื้อนเชื้อ หรือสารเคมี นำมาฉีดให้แก่เหยื่อเป็นๆที่ยังมีชีวิตอยู่ สังเกตการแพร่เชื้อเหล่านั้นในมนุษย์
             6. การทดลองยาพิษ หรือสารพิษสำหรับสังหารหมู่ประชาชน
             7. การจับมนุษย์เปลือยกายล่อนจ้อนอยู่ในอุณหภูมิที่มีค่าติดลบอย่างทรมาน เพื่อสังเกตการณ์ปรับสภาพของกล้ามเนื้อ และผิวหนัง
             8. ตัดชิ้นส่วนบางอย่างของเหยื่อทดลองออก (โดยไม่ใช้ยาสลบ) อาทิ การตัดกระเพาะอาหารแยกส่วนจากลำตัว สังเกตดูว่ามนุษย์เมื่อไม่มีกระเพาะอาหารแล้วสามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้หรือไม่
             9. จับเหยื่อไปทดลองในห้องอัดอากาศ
            10. ทดลองเชื้อโรคบางชนิดกับเชลยที่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อสร้างเชื้อโรคระบาดสำหรับผลิตอาวุธ
             ผลจากปฏิบัติการหฤโหดของหน่วย Unit 731 ในคราวนั้นส่งผลให้ชื่อของหน่วยนรกหน่วยนี้ได้รับการจารึกเอาไว้ในทำเนียบของหน่วยปฏิบัติการทางการแพทย์ที่โหดเหี้ยม วิปริต และอำมหิตที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์วงการแพทย์ และประวัติศาสตร์แห่งมวลมนุษยชาติตราบปัจจุบัน


****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

11. Inside (ครรภ์ คลั่ง ฆ่า)

             
สาวชุดดำ กรรไกร และค่ำคืนอันแสนหฤโหด!!!
             
Inside หรือในภาษาฝรั่งเศสว่า À l'intérieur (อันมีความหมายถึง À l'intérieur  = ข้างใน) ส่วนในประเทศไทยเรียกชื่อหนังเรื่องนี้ว่า "ครรภ์ คลั่ง ฆ่า" ผลงานการกำกับของ Alexandre Bustillo เเละ Julien Maury เขียนบทหนังโดย Alexandre Bustillo นำแสดงโดย Béatrice Dalle(La femme), Alysson Paradis(Sarah), Nathalie Roussel(Louise), François-Régis Marchasson(Jean-Pierre), Jean-Baptiste Tabourin(Matthieu), Dominique Frot(L'infirmière), Claude Lulé(Le médecin), Hyam Zeytoun(Policière municipale), Tahar Rahim(Policier municipal 1), Emmanuel Guez(Policier municipal 2), Ludovic Berthillot(Policier BAC), Emmanuel Lanzi(Policier BAC 2), Nicolas Duvauchelle(Policier BAC 3) เเละ Aymen Saïdi(Abdel) ซึ่งทางผู้กำกับ Alexandre Bustillo เเละ Julien Maury ได้คัดเลือกให้ Béatrice Dalle(La femme), Alysson Paradis(Sarah) และ Nathalie Roussel(Louise)รับบทเด่นในหนังเรื่องนี้
             
คือหนังโหดของประเทศฝรั่งเศสที่ได้รับการกล่าวขานกันว่า "โหดที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา"รุนแรง โรคจิต ดิบ เถื่อน แหวะ บ้าคลั่ง ชวนจิตตกอ้วกแตก คือนิยามแห่งหนังเรื่องนี้ Inside ครรภ์ คลั่ง ฆ่า หนังที่เน้นเนื้อหาทั้งภาพและเสียงสุดรุนแรง ผู้ชมจะพบปรากฏการณ์เลือดสูบฉีดเร็ว หัวใจเต้นรัวเป็นกลองศึก ตื่นเต้นทุกอณูแห่งเนื้อหนัง  Inside ผลงานการกำกับหนังเรื่องแรกในชีวิตของสองคู่หูผู้กำกับ Alexandre Bustillo เเละ Julien Maury หนังสยองสัญชาติฝรั่งเศส ความยาวประมาณ 112 นาที ออกฉายครั้งแรกในประเทศบ้านเกิดในวันที่ 13 มิถุนายน ปี ค.ศ.2007 คือหนังสยองขวัญสุดโหดที่มิใช่ขายพียงแค่ฉากสยองขวัญ แต่ยังมีเนื้อเรื่องที่ลึกซึ้ง เกี่ยวพัน จนนำมาซึ่งเหตุการณ์สุดวิปริตเขย่าโสตประสาทให้แตกกระเจิงขวัญหนีดีฝ่ออย่างชวนขนลุกขนพอง
           
เรื่องราวการดำเนินชีวิตประจำวันของหญิงสาวท้องแก่นางหนึ่ง Sarah (Alysson Paradis) และสามี Matthieu (Jean-Baptiste Tabourin) ทั้งคู่ยังดำเนินชีวิตเป็นปกติดั่งคู่สามี-ภรรยาที่รักกันปานจะกลืนกินทั่วไป จวนจนเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้น สี่เดือนก่อนถึงวันคริสต์มาสอีฟรถยนต์ของทั้งคู่ประสบอุบัติเหตุพุ่งชนกันรถยนต์อีกคันกลางถนน สายฝนที่ตกลงมาประหนึ่งหยาดน้ำตาของสามีสุดรักที่จากเธอไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ Sarah พร้อมลูกน้อยในครรภ์รอดชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นมาได้ราวปาฏิหาริย์ สี่เดือนต่อมาในค่ำคืนวันคริสต์มาสอีฟอันแสนอบอุ่น  Sarah ต้องอยู่บ้านคนเดียวเพียงลำพัง เธอกำลังอุ้มท้องแก่เพื่อรอคลอดในวันรุ่งขึ้น กับเสียงเคาะประตูหน้าบ้านและเสียงโทรศัพท์ก่อกวนจากหญิงสาวปริศนาในยามดึกดื่นของค่ำคืนอันแสนเงียบและระทึกขวัญ อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อหญิงสาวชุดดำปริศนา(Béatrice Dalle)ปรากฏกายขึ้นภายในบ้านของเจ้าหล่อนอย่างเงียบกริบ พร้อมกับปฏิบัติการไล่ล่าเธอและลูกน้อยในครรภ์อย่างบ้าคลั่ง เลือดสาด สุดโหด เขย่าทุกโสตประสาทในประสาทการรับรู้ให้ต้องตื่นอยู่ตลอดเวลา

อนึ่ง หญิงสาวชุดดำปริศนากับทรอมาในจิต(ทรอมา/Trauma) คำว่า "ทรอมา" หรือ Trauma มีความหมายคือ ประสบการณ์ บาดแผลทางร่างกายหรือทางจิตใจ มีนัยความหมายใน 4 รูปแบบดังนี้คือ

1. ทรอมาแบบแรก หมายถึง ประสบการณ์ความเสียหาย เสื่อมสลาย บุบ ฉีกขาด ถูกกระทบ หรือบวมช้ำตามร่างกายของผู้ประสบล้วนก่อให้เกิดทรอมา
2. ทรอมาอย่างที่สอง หมายถึง ประสบการณ์รุนแรงเขย่าขวัญที่มิได้คาดหมายว่าจะเกิดขึ้น การเกิดขึ้นโดยฉับพลันของเหตุการณ์เหล่านี้เองมีผลให้เกิดอาการช็อก หรือหมดสติได้
3. ทรอมาอย่างที่สาม หมายถึง ประสบการณ์รุนแรง หรือระทึกขวัญ เขย่าขวัญอย่างน่าสะพรึง ก่อให้เกิดความวิตกกังวลเป็นอย่างมาก คลี่คลายได้ยาก
4. ทรอมาอย่างสุดท้าย หมายถึง ประสบการณ์ของการสูญเสียในสิ่งที่รัก ความพ่ายแพ้ ความเครียดอย่างรุนแรง หรือความผิดหวังอย่างซ้ำซาก หรือผิดหวังซ้ำๆครั้งแล้วครั้งเล่า
             
นางเอกของเรื่องมีทรอมาอย่างรุนแรงต่อกรรไกร(ที่ฝ่ายตรงข้ามใช้เป็นอาวุธ) เธอมีค่ำคืนที่แสนโหดร้าย เป็นประสบการณ์อันยากจะลืมเลือน เกิดการเสื่อมสลาย บุบ ฉีกขาด ถูกกระทบ หรือบวมช้ำตามร่างกาย เป็นรุนแรงเขย่าขวัญที่มิได้คาดหมายว่าจะเกิดขึ้นโดยฉับพลัน เขย่าขวัญอย่างน่าสะพรึง สร้างความวิตกกังวลอย่างมหาศาล ยากที่จะคลี่คลาย ซึ่งหากท่านผู้ชมรับชมหนังเรื่อง Inside จนจบ จะเห็นได้ว่าหญิงสาวชุดดำปริศนาก็มีทรอมาเช่นเดียวกันกับนางเอกของเรื่อง แต่เป็นในอีกแง่มุมหนึ่ง เป็นความทรงจำที่ฝังลึก พ่ายแพ้ในประสบการณ์สูญเสียอันยากจะลืมเลือน มูลเหตุข้างต้นนำมาซึ่งค่ำคืนอันแสนหฤโหด กรรไกร เลือด เสียงหวีดร้องอย่างโหยหวน หญิงสาวสองนางกับการต่อสู้ที่มีมากกว่าชีวิตของคนทั้งสองเป็นเดิมพัน





ภาพประกอบ  61-62 :  (ซ้าย)ใบปิด Inside ที่ใช้โฆษณาหนังไปทั่วโลก (ขวา)ใบปิดแบบฝรั่งเศส
อ้างอิงภาพประกอบ  http://www.horrorclub.net

ภาพประกอบ  63 :  Inside / ครรภ์ คลั่ง ฆ่า
อ้างอิงภาพประกอบ  http://www.horrorclub.net





****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

12. Martyrs (ศรัทธาอำมหิต)

             
ณ บ้านพักริมทางเปลี่ยวหลังหนึ่ง ฉันจ้องมองอย่างครุ่นคิดหลายตลบ บ้านหลังนี้เองที่เพียบพร้อมไปด้วยหัวหน้าครอบครัวที่แสนใจดี แม่ที่รักและเข้าใจลูกๆทั้งสอง พี่ชายคนโตจิตใจร่าเริง น้องสาวที่แสนวุ่นวาย ช่างเป็นครอบครัวที่แสนมีความสุขเสียจริงๆ เอาล่ะ ฉันคิดได้แล้ว......ฉันจะฆ่าพวกมันทั้งหมด!!!
             
Martyrs (ศรัทธาอำมหิต)หนังฝรั่งเศสในปี 2008 หนังแนวจิตวิเคราะห์ โหดเลือดสาดแบบมีที่มาที่ไป สุดโต่งในแง่ของการนำเสนอภาพและเรื่องราวอันโหดร้ายต่อหน้าผู้ชม ผลงานการกำกับและเขียนบทหนังของ Pascal Laugier(ปาสกาล โอล์กิแยค์) Morjana Alaoui(Anna), Mylène Jampanoï(Lucie), Catherine Bégin(Mademoiselle), Robert Toupin(Le père), Patricia Tulasne(La mère), Juliette Gosselin(Marie), Xavier Dolan(Antoine /as Xavier Dolan-Tadros), Isabelle Chasse(La Créature), Emilie Miskdjian(La Suppliciée), Mike Chute(Homme / Bourreauป, Gaëlle Cohen(Femme de main), Anie Pascale(La femme), Jessie Pham(Lucie Jeune) เเละ Erika Scott(Anna Jeune) โดยได้ดารารับบทเด่นในหนังเรื่องนี้คือ Morjana Alaoui(Anna), Mylène Jampanoï(Lucie) เเละ Catherine Bégin(Mademoiselle)
             
เรื่องราวของ Lucie เด็กสาวที่ซึ่งหนีออกมาจากสถานที่คุมขังนรกใต้ดินแห่งหนึ่งได้อย่างเฉียดฉิว เธอได้รับการปฐมพยาบาลจนหายแต่ก็ต้องแลกกับการสูญเสียความทรงจำบางส่วนไป แพทย์ที่ทำการรักษาเธอลงความเห็นตรงกันว่าเธอไม่ได้ถูกข่มขืน หรือล่วงละเมิดทางเพศแต่อย่างใด แต่ถูกล้ามเอาไว้ด้วยโซ่ ถูกรุมทุบตี ทรมานจนแสนสาหัสอย่างไร้ที่มาที่ไป อยู่มาวันหนึ่งสาวน้อยอีกนางชื่อ Anna คนไข้ของโรงพยาบาลอีกคนได้เข้ามาเป็นเพื่อนสนิทของเธอ และได้เริ่มเห็นพฤติกรรมบางอย่างของ Lucie ที่เปลี่ยนไป เธอกำลังถูกฝันร้ายในอดีตตามหลอกหลอนอย่างบ้าคลั่ง ณ เวลาที่ Lucie เจอกับภาพเหตุการณ์หลอนนั่นเอง Anna คือคนๆเดียวที่เธอไว้ใจ รู้สึกปลอดภัยเมื่อได้อยู่ใกล้ จวบจนเวลาผันผ่านไปครบ 15 ปี ทั้งสองยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง Lucie ได้ไปพบเข้ากับคนที่เคยลักพาตัวเธอเมื่อ 15 ปีก่อนโดยบังเอิญ เธอสืบหาจนรู้ถึงที่อยู่ของเขาและครอบครัว วินาทีนั้นเองความคิดที่จะสืบถึงที่มาที่ไปของตัวเอง และการล้างแค้นครอบครัววิปริตที่จับตัวเธอไปทรมานอย่างแสนสาหัสเมื่อ 15 ปีก่อนก็บังเกิดขึ้นในสมอง ปืนลูกซองและกระสุนถูกเตรียมไว้พร้อมแล้ว Lucie กำลังก้าวย่างไปข้างหน้ายังเคหะสถานหลังน้อยของครอบครัวนั้นอย่างแสนเจ็บปวด มันคือจุดจบ หรือจุดเริ่มต้นแห่งโซ่ตรวนเมื่อ 15 ปีก่อนกันแน่


Martyrs กับฉากฆ่าล้างครัวอันแสนวิปริต ในหนังเรื่อง Martyrs (ศรัทธาอำมหิต)ของผู้กำกับ Pascal Laugier (ปาสกาล โอล์กิแยค์) หนังฝรั่งเศสในปี 2008 ที่สร้างกระแสเกรี้ยวกราดรุนแรงได้อย่างน่าสะพรึง หนังเปิดเรื่องแห่งกาลปฐมบทได้อย่างน่ารัก  ด้วยภาพครอบครัวที่แสนจะอบอุ่น  พ่อ  แม่  ลูกชาย  ลูกสาว  พลันแสงสว่างแห่งความอบอุ่นหมดไป กลายกลับเป็นนรกที่มาเยือน กับฉากการฆ่าล้างครัวที่แสนอำมหิตแห่งตำนาน ผู้มาเยือนกับปืนลูกซอง กระสุนครบมือ ไล่ยิงสมาชิกในบ้านทีละคน ทีละคน ไม่รับฟังเสียงสวดอ้อนวอน เป็นฆาตกรรมด้วยกระสุนโหดล้างครัวอย่างวิปริตผิดมนุษย์ เป็นหนังทำร้ายจิตใจคนดู(เข้าขั้นรุนแรงมากๆ) หนังเสื่อม  อันตราย  จิตตก  แต่ฆ่ากันอย่างมีเหตุผล และมีนัยแฝงเร้นอย่างศรัทธาบ้าคลั่ง หนังเรื่องนี้เคยฉายในเทศกาลหนังแห่งหนึ่ง  ปรากฏว่าฉายไปได้เพียง 30 นาที........คนดูเดินออกเกือบหมดโรง!!! 
             
Martyrs (ศรัทธาอำมหิต) คือหนังโหดที่โหดแบบมีเหตุผลมีที่มาที่ไป ยิ่งฉากท้ายๆหลายคนคงภาวนาขอให้หนังจบลงเร็วๆ Martyrs เป็นหนังที่โหด-อันตราย อึดอัด ชวนให้หายใจไม่ทั่วท้องอยู่ตลอดเวลา หลายคนยอมรับว่าหนังเรื่อง Martyrs คือหนังที่พวกเขาและเธอไม่สามารถทนดูให้จบได้

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0