ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม / ฉบับ 100 อเวจี

เริ่มโดย คุณาพร., 14:00 น. 18 ก.ค 54

คุณาพร.

13. Baise- Moi (สองสาวอันตรายหัวใจนรกแตก)

             
หนึ่งหญิงสาวใจเด็ดกล้าหาญ
แลหนึ่งสาวน้อยใจทรมานเกเร
กับเส้นทางเดินอันแสนเสเพล
เราจะมีความสุขด้วยกัน

Baise-Moi หรือ Rape Me หรือ Fuck Me สุดแต่จะเรียก ในไทยขอใช้ชื่อว่า "สองสาวอันตรายหัวใจนรกแตก" เพราะพฤติกรรมของสองตัวละครเด่นในหนังเรื่องดังกล่าวชวนให้นรกแตกจริงสมอย่างชื่อ คำว่า Rape Me หรือ Fuck Me นั้นแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ตามความหมายในตัวอยู่แล้ว ส่วนคำว่า Baise -Moi เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลได้ประมาณ "ช่วยข่มขืนฉันหน่อย" หรือ "ข่มขืนฉันที" นี่ผู้เขียนพยายามอ่านให้ฟังแบบสุภาพแล้วนะ (Baise = เพศสัมพันธ์/ Moi = ฉัน) หนังสุดแรงแห่งปี ค.ศ.2000 ของผู้กำกับ Virginie Despentes ซึ่งเป็นผู้เขียนบทหนังเรื่องนี้กับมือด้วยตนเอง นำแสดงโดย Karen Lancaume(Nadine/as Karen Bach), Raffaëla Anderson(Manu), Céline Beugnot(Blonde at Billiards), Adama Niane(Boy at Billiards), Christophe Claudy Landry(Guy at Counter), Tewfik Saad(Server), Delphine McCarty(Severine), Ouassini Embarek(Radouan), Patrick Kodjo Topou(Big Thug/as Patrick-Kodjo Topou), Lisa Marshall(Karla), Hacène Beddrouh(Lakim), Patrick Eudeline(Francis), Ian Scott(Rapist #1), Philippe Houillez(Rapist #2)เเละ Steven Jhonsson(Rapist #3) โดยผู้กำกับ Virginie Despentes ได้ให้ Karen Lancaume(Nadine/as Karen Bach), Raffaëla Anderson(Manu) และ Céline Beugnot(Blonde at Billiards) แสดงนำ
             
Baise-Moi สองสาวอันตรายหัวใจนรกแตก คือเรื่องราวประสบการณ์ชีวิตด้านมืดของสองสาว(สวย)ชาวฝรั่งเศสอันมีจุดหักเหในชีวิตให้ต้องมามีเส้นทางเดินร่วมกัน สาวแรก Nadine สาวร่างใหญ่สวยสง่า ทำอาชีพโสเพณี และค้ายาเสพติด หนีจากคดีฆาตกรรมเพื่อนร่วมอพาร์ทเม้นท์ สาวที่สอง Manu สาวน้อยหน้าตาสวยใสวัยซน ฆ่าพี่ชายตายคาบ้านพัก  สาวหนึ่งกำลังหลบหนีคดีพร้อมหาลู่ทางส่งยานรกบริเวณชายแดน อีกสาวขาดความอบอุ่นและต้องการทำเรื่องอะไรบางอย่างที่ชวนให้ลืมเรื่องของพี่ชาย สู่การเปิดฉากเส้นทางเดินด้านมืดของคนทั้งคู่ เซ็กส์ ยาเสพติด ปล้น ฆ่า ครบ
           
เล่าลือกันว่าผู้กำกับ Virginie Despentes ใช้นักแสดงที่มีอาชีพโสเพณีจริงๆ(มีอาชีพโสเพณีของจริง)และไม่เคยผ่านการแสดงหนังเรื่องไหนมาก่อนเลย มารับบทในการแสดงหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ ฉะนั้นฉากโป๊-เปลือย ฉากการมีเพศสัมพันธ์อย่างถึงพริกถึงขิง รวมไปถึง "ฉากข่มขื่น" ในหนังเรื่องนี้จึงถ่ายออกมาได้อย่างสมจริงเป็นที่สุด เพราะมันคือ "การข่มขืนจริงๆ" ผ่านแผ่นฟิล์มนั่นเอง หนังได้เรทในการฉายช่วงแรกคือ Rate 16 แต่ฉายได้ไม่นานก็ถูกกลุ่มเคร่งศาสนาในหลายประเทศโจมตีอย่างหนัก จนหนังเรื่อง Baise-Moi ถูกแบนห้ามฉายในประเทศฝรั่งเศสเสียนาน(ก่อนเกิดการประท้วงจากกลุ่มของ เบรลญาต์,ฌ็อง-ลุก โกดาด์ และ แคลร์เดอนีส์ ทางภาครัฐจึงยอมให้ฉายหนังเรื่อง Baise-Moi ใน Rate X ) นอกจากนี้จากการที่ผู้กำกับเล่นแรงให้มีฉากการร่วมเพศ-ข่มขืนอย่างNo Sensor โจ่งแจ้งซะจนกลายเป็นประเด็นถกเถียงกันทั่วโลก ในหมู่นักวิจารณ์หนังสับหนังเรื่องนี้ซะจนไม่เหลือชิ้นดี กลายเป็นหนังที่ห้ามฉายในหลายประเทศทั่วโลก โดนแบนห้ามฉายสนิทในประเทศออสเตรเลีย และแคนาดา ถูกหั่นฉากและ Sensor ซะแหลกลาญในประเทศฮ่องกง และอังกฤษ สองสาวอันตรายกับพฤติกรรมฉาวก้องโลก สะเทือนนรก สะท้านสวรรค์ จัญไรได้แบบไม่มีลิมิต คุณพร้อมที่จะร่วมเดินทางไปกับพวกเธอแล้วหรือยัง?

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

14. Haute Tension (สับ สับ สับ)

             
เราเป็นของกันและกันอย่างสมบูรณ์เสมอภาค บางครั้งฉันก็เป็นฉัน และบางครั้งเขาก็เป็นฉัน เรามีแววตาที่แตกต่างกัน แต่ก็ใช่เพราะเราคือหนึ่งเดียวกัน เราอ่อนโยน พลิ้วไหว เริงร่า แต่บางคราก็กระหายเลือดเดือดดาล บางครั้งฉันก็ยิ้มให้กับตัวเองอย่างไม่เข้าใจ เขาก็เช่นกัน มันคงเป็นสงครามที่เราเล่นร่วมกันอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง สงครามในครั้งนี้ฉันจะสวมบทฉัน เขา เธอ และก็คือฉันอีกนั่นแหล่ะ ถ้าหากคุณไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันกล่าวมาเบื้องต้นนี้ อย่างประหลาดใจเลย คุณไม่ผิดหรอก........ยินดีต้องรับสู่โลกของฉัน
             
Haute Tension ในชื่อภาษาฝรั่งเศส ส่วนหนังในภาคภาษาอังกฤษใช้ชื่อว่า Switchblade Romance ในไทยเรียก "สับ สับ สับ" หนังฝรั่งเศสในปี 2003 ผลงานการกำกับของ Alexandre Aja เขียนบทหนังโดย Alexandre Aja เเละ Grégory Levasseur นำแสดงโดย Cécile De France(Marie), Maïwenn Le Besco(Alexia /as Maïwenn), Philippe Nahon(Le tueur), Franck Khalfoun(Jimmy), Andrei Finti(Père Alex), Oana Pellea(Mère Alex), Marco Claudiu Pascu(Tom), Jean-Claude de Goros(Capitaine Gendarmerie), Bogdan Uritescu(Gendarme) เเละ Gabriel Spahiu(Homme voiture) โดยได้ดารารับบทเด่นในหนังเรื่องนี้คือ Cécile De France(Marie),Maïwenn Le Besco(Alexia /as Maïwenn) เเละ Philippe Nahon(Le tueur)
           
Haute Tension หนังคัลท์ ปี 2003 หนังของ Alexandre Aja ผู้เคยฝากผลงานหนังโหดเอาไว้มากมาย อาทิ The Hills Have Eyes และ Into the Mirror ผู้กำกับหนังเรื่องนี้เปิดเผยว่าได้รับแรงบันดาลใจในการสร้าง Haute Tension จากหนังสยองคลาสสิคขึ้นหิ้งอย่าง The Texas Chain Saw Massacre/1974 หรือ The Texas Chain Saw Massacre Original ในปี ค.ศ.1974 ของ Tobe Hooper  เรื่องราวในหนังเรื่อง Haute Tension โลกส่วนตัวของของนักศึกษาสาววัย 20 ต้นๆ  Marie และเพื่อนสนิทอย่าง Alexia สาวทอมบอยคู่หู กับการเดินทางมาพักผ่อนหลังสอบเสร็จ ณ บ้านอันแสนอบอุ่นตั้งอยู่ภายในในฟาร์มของครอบครัวสาว Marie ชนบทอันแสนสงบเงียบกำลังจะทะลักจุดเดือดอีกครั้ง เมื่อฆาตกรต่อเนื่องสุดโหดได้ออกเดินทางไล่ล่าเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายอย่างอำมหิต มันฆ่าได้ทุกคนไม่เว้นแม้แต่เด็กตัวเล็กๆ กับค่ำคืนอันแสนมืดมิ ยาวนาน และแสนทรมาน เมื่อเจ้าฆาตกรต่อเนื่องสุดโหดเลือกบ้านของ Marie เป็นเป้าหมายรายต่อไป กับฉากการไล่ล่าสังหาร นองเลือดสุดวิปริต โหดเหี้ยมไร้ความปราณี คือหนังระทึกขวัญที่จะนำพาทุกท่านกลับไปสู่จุดเริ่มต้นแห่งหายนะครั้งใหญ่ ปลุกอณูแห่งความหฤโหดของจริง นิยามที่แท้จริงของหนังสยองขวัญกับการก้าวกระโดดไปยังจุดที่ฮอลลีวูดไปไม่ถึง
             
การันตีความอำมหิต โหดเลือดสาดด้วยฉากการฆ่าล้างครัวในตำนาน ฉากควงปืนลูกซองไล่ยิงเด็กอายุ 5 ขวบ และฉากสังหารอันหฤโหดในห้องนอน ในหนังเรื่อง Haute Tension/Switchblade Romance (สับ สับ สับ) หนังฝรั่งเศสปี 2003 กำกับโดย Alexandre Aja เรื่องราวเกี่ยวกับฆาตรกรโรคจิต 2 บุคลิกที่ชื่นชอบการฆ่า หั่น เชือด ในประเทศฝรั่งเศส ที่มักออกล่าเหยื่อในยามค่ำคืนอย่างอำมหิต   หนังเรื่องนี้ได้รับการกล่าวขานว่าโหดที่สุดตั้งแต่มีการสร้างหนังแนวเขย่าขวัญของประเทศฝรั่งเศสมาเลยทีเดียว หลายคนที่มีโอกาสได้ดูหนังเรื่องดังกล่าวนี้ยอมรับว่าไม่สามารถทนดูให้จบได้  ส่วนที่ถือเป็นตำนานของหนังเรื่องนี้ก็คือ ฉากที่ฆาตกรใจโฉดควงปืนลูกซองไล่ยิงเด็กชายอายุราว 5 ขวบในไร่ข้าวโพด ซึ่งเป็นฉากที่สะเทือนใจมาก ส่วนอีกฉากหนึ่งก็คือ ฉากที่แม่ของนางเอกถูกฆาตกรโหดเชือดด้วยมีดจนคอแทบหลุดออกมาจากบ่า เลือดไหลนองพื้นห้องนอน(เชื่อว่าหลายคนไม่กล้าดูฉากนี้)





ภาพประกอบ  66 :  Haute Tension หรือ Switchblade Romance
อ้างอิงภาพประกอบ  http://horrorbr.wordpress.com/author/sldrf/page/2/


****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

15. Ichi the Killer (นักฆ่าอิจิ)

             
ตลกร้าย วิปลาส
อำมหิต จนเกินกว่าจะรับ
แต่ก็ดูสนุกอย่างน่าแปลกประหลาด

             
Ichi the Killer หรือ Koroshiya 1 (นักฆ่าอิจิ) หนังคัลท์(Cult Film)แนวเลือดสาด ผลงานการกำกับของ Takashi Miike ราชาหนังคัลท์ระดับแถวหน้าของโลก หนังออกฉายในปี 2001 ซึ่งในโรงหนังมีบริการแจกถุงสำหรับอ้วกทุกที่นั่ง(นัยว่าหากคนดูทนไม่ไหวสามารถอ้วกใส่ถุงได้ทันท่วงที) หนังเสนอเรื่องราวของนักฆ่าอันดับ 1 บนเกาะญี่ปุ่นกับการฆ่าแบบอำมหิตล้างโคตรที่ไม่เกรงใจใครหน้าไหนทั้งสิ้น หนังเรื่องนี้ได้ Hideo Yamamoto และ Sakichi Satô เขียนบทหนัง นำแสดงโดยนักแสดงคุณภาพแถวหน้าของประเทศญี่ปุ่นอย่าง Tadanobu Asano(Kakihara), Nao Ohmori(Ichi), Shinya Tsukamoto(Jijii), Paulyn Sun(Karen /as Alien Sun), Susumu Terajima(Suzuki /as Sabu), Shun Sugata(Takayama), Toru Tezuka(Fujiwara), Yoshiki Arizono(Nakazawa), Kiyohiko Shibukawa(Ryu Long /as Kee), Satoshi Niizuma(Inoue), Suzuki Matsuo(Jirô / Saburô), Jun Kunimura(Funaki), Hiroyuki Tanaka(Kaneko), Moro Morooka(Coffee Shop Manager) เเละ Hôka Kinoshita(Sailor's Lover) โดยได้ดารารับบทเด่นในหนังเรื่องนี้คือ Tadanobu Asano(Kakihara), Nao Ohmori(Ichi) เเละ Shinya Tsukamoto(Jijii)
             
Ichi the Killer (นักฆ่าอิจิ) คือหนังแนวยากูซ่าสุดโต่งของ Takashi Miike เนื้อเรื่องเกี่ยวกับความวุ่นวายภายในแก๊งอันโจ เมื่อหัวหน้าใหญ่แห่งแก๊งอันโจหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยพร้อมด้วยเงินจำนวน 300 ล้านเยน ร้อนถึงมือขวาของแก๊งอย่าง Kakihara (รับบทโดย Tadanobu Asano) ต้องออกตามหาหัวหน้าเพื่อยุติความวุ่นวายภายในแก๊ง ปรากฏสืบไปสืบมาได้ทราบข่าวร้ายว่าหัวหน้าตายเสียแล้วด้วยน้ำมือของนักฆ่าสติแตกนาม "อิจิ" นักฆ่าอันดับ 1 ของประเทศญี่ปุ่นที่แลดูภายนอกเป็นเพียงคนขี้แย ขลาดเขลา ไม่มีความมั่นใจในตนเอง แต่หากตั้งสติได้ขึ้นมาเมื่อใด จะกลายเป็นยอดนักฆ่าสุดวิปริตลงมือสังหารเหยื่ออย่างเลือดเย็นเมื่อนั้น ด้วยไฟแค้นสุมทรวง Kakihara พร้อมสมุนแก๊งอันโจจึงรวมตัวกันออกตามล่าอิจิแบบพลิกแผ่นดิน สงครามระหว่างแก๊งยากูซ่าสุดโหดและอิจินักฆ่าเบอร์ 1 แห่งเกาะญี่ปุ่นจึงอุบัติขึ้น
             
คือหนังเลือดสาดสุดวิปริตที่ได้รับรางวัลการันตีเยอะมาก หนังเรื่อง Ichi the Killer ของ Takashi Miike ผ่านการเข้าฉาย และประกวดในหลายงานเทศกาลหนังในนานาประเทศ กวาดรางวัลมาแล้วอย่างมาก อาทิ
           
            1. รางวัลชนะเลิศจาก Fantafestival สาขา Best Special Effects 2002
            2. รางวัลชนะเลิศจาก Jury Award Neuchatel International Fantasy Film Festival 2002
            3. รางวัลชนะเลิศจาก Japanese Professional Movie Award สาขา Best Director และสาขา Best Film ปี 2002
            4. รางวัลอันดับที่ 3 จาก Fant-Asia Film Festival สาขา Fantasia Ground-Breaker Award 2003
            5. รางวัลชนะเลิศจาก Mainichi Film Concours สาขา Best Supporting Actor 2003
             
ส่วนฉากเด่นในหนังเรื่อง Ichi the Killer นั้นมีอยู่ด้วยกันหลายฉาก แต่ที่ถือว่าโดดเด่นจริงๆแล้วมีอยู่ด้วยกัน 2 ฉากดังนี้คือ ฉากการทรมานเค้นความลับจากยากูซ่าปากพล่อย และฉากตัดลิ้นของ Kakihara ฉากที่เป็นที่กล่าวขวัญกันนั้นก็คือ ฉากที่ Kakihara ไปจับยากูซ่าคนหนึ่งมาเค้นหาข้อมูลการหายตัวไปของหัวหน้าอันเป็นที่เคารพรักของตน(ความจริง Kakihara ติดใจในรสกามรมณ์ยามมีอะไรกับหัวหน้าแบบ Sadomasochism มากกว่า) ด้วยฉากอันเป็นที่เลื่องลือนี้เอง คนดูจะได้เห็น Kakihara ลงมือทรมานเหยื่อ เค้นความลับที่ต้องการด้วยวิธี จับเหยื่อแขวนไว้กับเส้นลวดโลหะที่มีปลายสำหรับเกี่ยวเนื้อหนังอย่างเจ็บปวด ใช้เหล็กแหลมทิ่มแทงไปตามร่างกายอย่างทุกข์ทรมาน สุดท้ายคือทีเด็ด เอาน้ำมันที่เหลือจากการทอดกุ้งเทมปุระมาเทราดลงบนหลังของเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายอย่างโรคจิตสุดขั้ว ส่วนฉากตัดลิ้นของ Kakihara นั้นก็ถือเป็นฉากเด็ดอีกฉากหนึ่งที่ Tadanobu Asano แสดงเอาไว้ได้อย่างสมจริงมากๆ ฉากนี้เองที่นักดูหนังหลายคนไม่กล้าดู เพราะสร้างความหวาดเสียวให้แก่คนดูได้เกินหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว





ภาพประกอบ  67 :  Ichi the Killer หรือ Koroshiya 1
อ้างอิงภาพประกอบ  http://www.mankind666.com/index.php?pid=020&movie=32

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

16. Faces Of Death (แอบดูเป็นแอบดูตาย)

             
ในความมืดมักซ่อนเร้นบางสิ่งอันแสนสะพรึงสยองน่าขนหัวลุกไว้ เฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ที่มักซ่อนแอบความมืดสงัดเงียบในดวงจิตไว้อย่างมิดชิด และเมื่อผู้ใดก็ตามพยายามเปิดสิ่งอันเป็นต้องห้ามเหล่านั้นออกมาให้ประจักษ์แจ้งต่อที่สาธารณะ ห้วงเวลาแห่งความวิบัติคงย่างกรายเข้ามาหายใจรดต้นคอในไม่ช้า คือหยาดเลือดหยดย้อย เสียงกรีดร้องขอชีวิต ดวงวิญญาอันดับสูญ และวินาทีสุดท้ายแห่งชีวิต
             
Faces Of Death หรือ แอบดูเป็นแอบดูตาย หนังแนว Mondo movie จากจุดเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1978 ผลงานการกำกับของ John Alan Schwartz นำแสดงโดย Michael Carr(Dr. Francis B. Gröss), Samuel Berkowitz(Himself; Cryogenics patient), Mary Ellen Brighton(Herself; suicide victim shown jumping out of a window) เเละ Thomas Noguchi(Himself)
             
Faces Of Death จุดกำเนิดในปี ค.ศ.1978 ถ่ายทำในลักษณะหนังกึ่งสารคดี โดยได้รับอิทธิพลมาจาก  Mondo cane ในปี ค.ศ.1962 ซึ่งถือเป็นบิดาแห่งหนังแนวนี้ และเรียกหนังกึ่งสารคดีที่พยายามนำภาพเหตุการณ์แปลกๆจากสถานที่ต่างๆ ภาพเหตุการณ์อุบัติเหตุที่น่าสยดสยองมารวมๆกัน ใส่ดนตรีแนวต่างๆเข้าไปว่า Mondo หรือ Mondo movie บ้างครั้งก็เรียกว่า Mondo Film นอกจากนี้ยังมีการเรียกหนังแนวนี้ด้วยศัพท์เฉพาะอีก อาทิ Mockumentary หรือเรียกว่า shockumentary ซึ่ง ณ สถานที่บางแห่งเรียกว่า Documentary อันส่งเสริมให้เกิดภาพของหนังสารคดี และยืนยันว่าเกิดขึ้นจริงๆ
             
Faces Of Death หนังถ่ายทำเเบบ Mondo movie หรือ Shockumentary ซึ่งหมายถึงภาพวีดีโอรวบรวมภาพแหวะจากอุบัติเหตุ การฆาตกรรม รวมถึงพิธีกรรมอันเเปลกประหลาดต่างๆบนโลกไว้รวมกัน บางครั้งก็เป็นการเเอบถ่ายหมอผ่าตัด ผ่าชันสูตรศพ ให้คนดูได้เกิดอาการหวาดเสียวเล่นอย่างถึงพริกถึงขิง แต่ที่สำคัญก็คือกว่าครึ่งของภาพเหตุการณ์ดังกล่าวที่ได้ชมนั้นมักเป็นฉากเเหกตาคนดูเกินกว่าครึ่ง
             
Faces Of Death สร้างภาคต่อออกมาในอีกหลายตอน โดยเฉพาะภาคแรกๆด้วยหนังเล่นกับความรุนแรง หนังกึ่งสารคดีที่มีทั้งภาพการประหารชีวิตนักโทษ คลิปภาพการผ่าชันสูตรศพ (ซึ่งเป็นของจริง) คลิปการฆ่าสัตว์ รวมถึงภาพของคนที่กำลังจะเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุในรูปแบบต่างๆ ปรากฏหนังเรื่องนี้โดนใจคณะกรรมการพิจารณาเรตหนังในแต่ละประเทศเป็นอย่างมาก เลยทำให้หนังถูกแบนห้ามฉายอย่างเด็ดขาดในกว่า 40 ประเทศทั่วโลก (น่าดีใจมากที่บ้านเราเมื่อปี 80 ได้ชมในโรงหนังแบบจะๆไม่มีตัดทอนภาพและเสียงใดๆเลย)
             
Faces of death เข้าฉายในไทยครั้งแรกโดยเครือปิรามิด(ปัจจุบันเเปลี่ยนป็นเอเพกซ์) ในชื่อ แปลก 25 น. ในปี ค.ศ.1980 หลังจากนั้น Faces of death 3 ก็ตามมาในปี 1982 ใช้ชื่อว่า "หยุดเถิดความตาย" ต่อมาในปี ค.ศ.1992 นนทนันท์เอนเตอร์เทนเมน์สั่งได้ลิขสิทธิ์ faces of death 4 ในไทยโดยใช้ชื่อว่า "แอบดูเป็น แอบดูตาย" ปี ค.ศ.1993 สหมงคลฟิล์มไปเอา Faces of death ภาคแรกกลับมาฉายซ้ำ เปลี่ยนชื่อเป็น "ดูเป็นดูตาย กินเป็นกินตาย" หลังจากนั้นบริษัท Gorgon Video ซื้อลิขสิทธิ faces of death ไปทำ DVD ขาย ได้ตัดต่อยำคลิปเสียใหม่ โดยตัดเสียงซาวด์และดนตรีเเบบเก่าทิ้ง ใส่ดนตรีประกอบแนว Death metal ลงไปเเทน
             
อนึ่ง  Faces of death ในยุคเเรกๆใช้เเนวดนตรีเพียงเเผ่วเบาบวกเน้นซาวด์เเบบหลอนประสาท คนดูหนังฟังนานๆอาจประสาทกินเอาได้ง่ายๆ เทียบกับ Faces of death ในยุคหลังที่มีการยำดนตรีออกเเนว Death metal เเล้วออกจะหนวกหู เเละชวนน่ารำคาญมากกว่าความบันเทิงเริงใจ

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

17. Nek Romantik และ Nek Romantik 2 (รัก-ร่วม-ศพ/ศพ-ร่วม-รัก)

             
แม้กายร่างวิญญาณจาก
แต่ใจหากยังใฝ่หา
รอวันโอกาสมา
ขุดกายาไร้วิญญาณ
             
Nek Romantik (รัก-ร่วม-ศพ) ในปี ค.ศ.1987 หนังประเภท Horror/Thriller/Romance ผลงานการกำกับของ Jörg Buttgereit ผู้กำกับชาวเยอรมัน ที่ได้นักแสดงนำในเรื่องประกอบไปด้วย Bernd Daktari Lorenz(Robert Schmadtke /as Daktari Lorenz), Beatrice Manowski(Betty /as Beatrice M.), Harald Lundt(Bruno), Colloseo Schulzendorf(Joe /as Collosseo), Henri Boeck(Joe's Streetcleaning Agency /J.S.A./ Employee), Clemens Schwender(Joe's Streetcleaning Agency /J.S.A./ Employee), Jörg Buttgereit(Joe's Streetcleaning Agency /J.S.A./ Employee), Holger Suhr(Joe's Streetcleaning Agency /J.S.A./ Employee), Volker Hauptvogel(Man with Gun), Harald Weis(Dead in Garden), Heike Surban(Prostitute /as Heike S.), Patricia Leipold(Prostitute), Elke Fuchs(Prostitute), Margit Im Schlaa(Prostitute) เเละ Suza Kohlstedt(Vera)
             
จุดกำเนิดแห่ง Nek Romantik กับ "รัก-ร่วม-ศพ" อันแสนวิปริต เรื่องราวของตัวเอกชื่อ Robert Schmadtke พนักงานเก็บศพ วันหนึ่งได้ไปเก็บศพในอุบัติเหตุรถชน ณ ถนนสายหนึ่ง เป็นศพชายในสภาพโชคเลือดและศพหญิงสาวในสภาพลำตัวขาดสองท่อน เขาไม่รอช้ารีบขนศพ และลักลอบแอบซ่อนศพเหล่านั้นกลับมายังบ้านพักของเขา ที่ซึ่ง Betty แฟนสาวสุดรักรอคอยอย่าตาลุกวาว คนทั้งสองคือคู่รักนิยมศพ(ชื่นชอบการมีเพศสัมพันธุ์กับซากศพคนตาย)อย่างวิตถาร ทั้ง Robert และ Betty ช่วยกันตัดต่อซากศพที่ขาดวิ่งจนกลายเป็นซากที่สมบูรณ์ใหม่ 1 ร่างดังใจที่หวัง สุดท้ายชายหนึ่งหญิงหนึ่งและซากศพอีกหนึ่งจึงร่วมกันบรรเลงเพลงรักวิปริตอย่างสมรักเคล้าเพลงคลาสสิค ต่อมา Betty ได้แอบขโมยศพ(ที่ช่วยกันสร้างขึ้นมาใหม่)ทิ้ง Robert ให้อยู่เหงาเพียงลำพัง ไม่มีใครรู้ว่าเธอหนีไปไหน แต่ ณ เวลานี้ Robert กำลังเสียใจที่เธอและซากศพจากไปอย่างสุดซึ้ง เขาจึงเอาแมวที่เขาเลี้ยงไว้มาทำบางอย่างสลับกับฉากถลกหนังเจ้ากระต่ายน้อยอย่างบ้าคลั่ง และฉากจบที่แสนสุขสมหวังของ Robert Schmadtke กับภาพวิปริตทางเพศแบบสุดๆ ที่เขากำลังกระทำเพื่อให้เสร็จ มืออีกข้างก็บรรจงจ้วงแทงท้อง พร้อมกับบางสิ่งที่ไหลทะลักออกมาอย่างชวนอาเจียนอ้วกแตก





ภาพประกอบ  76 :  Nek Romantik / รัก-ร่วม-ศพ
อ้างอิงภาพประกอบ  http://theboxdvd.com/catalog.php?idp=5961

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

สู่ Nek Romantik 2 กับ ศพ-ร่วม-รัก หนังประเภท Horror/Thriller/Romance ภาคต่อแห่งตำนานหนังวิปริตทางเพศแบบสุดขั้วในปี ค.ศ.1991 ผลงานการกำกับของ Jörg Buttgereit เขียนบทหนังโดย Jörg Buttgereit และ Franz Rodenkirchen นักแสดงนำของภาคนี้ ประกอบไปด้วย Monika M.(Monika), Mark Reeder(Mark), Lena Braun(Porno-synch girl), Jörg Buttgereit, Carola Ewers(Nekro-gang member), Astrid Ewerts(Nekro-gang member), Florian Koerner von Gustorf(Drunk at bar), Käthe Kruse(Actress in film playing at cinema), Eva-Maria Kurz(Nekro-gang member), Bernd Daktari Lorenz(Robert in flashback sequence /archive footage/as Daktari Lorenz), Beatrice Manowski(Betty /as Beatrice M.), Wolfgang Müller(Actor in film playing at cinema), Petra(Nekro-gang member), Franz Rodenkirchen เเละ Vanessa Salata(Girl at bar)

เรื่องราวในภาค 2 ของ ศพ-ร่วม-รัก เกี่ยวกับนางเอก (Monika) ที่ซึ่งเธอกำลังเกิดอาการเหงา-ขาดรัก จากคู่ชู้ชื่นที่จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ คิดได้ดังนั้นแล้วเธอจึงบุกไปยังสุสาน แล้วขุดเอาร่างที่ไร้วิญญาณของอดีตสามีรักมาเล่นจ้ำจี้อย่างสนุกสนาน แต่ที่ถือเป็นฉากแห่งตำนานของหนังเรื่องนี้อย่างแท้จริงนั่นก็คือ ฉากที่นางเอกสาวของเรื่อง Monika (Monika M.)หลอกล่อให้ชายชู้สู่สวาทคนใหม่ของเธอ Mark (Mark Reeder)นักพากย์หนังโป๊มาเล่นจ้ำจี้มะเขือเปาะกับเธอที่บ้านสองต่อสอง ก่อนที่เธอ(และเขา)จะมาร่วมมีอะไรกันภายในห้องนอน Monika แอบตัดศีรษะของสามีสุดรัก(คนก่อน)แอบไว้ใต้เตียงนอน สุดท้ายระหว่างที่ Monika และ Mark มีอะไรกันอยู่บนเตียงนั้นเอง สาวหน้าหวานอุปนิสัยสุดโหดของเราก็จัดการควงมีดสับลงไปที่ลำคอของคู่ขาอย่างจังจนคอขาดกระเด็ด เลือดละเลงไหลกระฉูดอย่างน่าเวทนา Monika เธอรีบนำหัวของสามีสุดรักคนก่อนที่แอบซ่อนไว้ขึ้นมาต่อเข้ากับร่างที่ไร้วิญญาณของ Mark และเล่นจ้ำจี้มะเขือเปาะต่ออย่างเป็นสุข......แค่นี้วิปริตพอรึยัง?
             
คือ Nek Romantik คือ รัก-ร่วม-ศพ/ศพ-ร่วม-รัก คือ Pedophilia อันอยู่ภายใต้ร่มเงาแห่ง Paraphilia เป็นที่เข้าใจกันว่า Paraphilia (พาราฟีเลีย)นั้นทางจิตวิทยาคลินิก หมายถึง การแสดงออกทางเพศ รสนิยมทางเพศอันสัมพันธ์กับสิ่งเร้าที่ไม่เป็นที่ยอมรับกันในสังคมคนหมู่มาก Pedophilia (พีโดฟิเลีย)เองก็เช่นเดียวกัน ถือเป็นไม้เลื้อยอันอยู่ภายใต้ร่มเงาแห่ง Paraphilia ซึ่งตามที่เข้าใจ Pedophilia (พีโดฟิเลีย)คือ การมีความสุขทางเพศกับสัตว์ ไฟ ซากศพ หรืออะไรก็ตามแต่ที่เข้าใจกันว่าวิปริตผิดจากคนทั่วไปเขาทำกัน นั่นแหล่ะเรียกว่า Pedophilia จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีทำให้เชื่อได้ว่าการมีเพศสัมพันธ์กับซากศพมีมานานแล้ว อาทิ บางชนเผ่าในโลกมีพิธีสมสู่กับซากศพ โดยเชื่อว่าผู้ชายมักมีอารมณ์ความต้องการทางเพศกับซากศพมากกว่าผู้หญิง อาการอยากมีเพศสัมพันธ์ หรือมีอารมณ์ร่วมอยากที่จะข่มขืนซากศพนี้เองเรียกว่า Necromania หรือ "อาการ-พฤติกรรมคลั่งศพ" อาจเป็นได้ว่าพฤติกรรมคลั่งศพ หรือ Necromania จะช่วยให้ผู้ที่ได้กระทำการดังกล่าวมีความรู้สึกเป็นสุข ปลดปล่อยทางเพศ พึงพอใจในอำนาจที่เขา(หรือเธอ)สามารถจะทำอะไรกับซากศพไร้ชีวิตเหล่านั้นก็ได้อย่างเต็มอำนาจ เป็นความวิปริตทางเพศที่พบได้ไม่บ่อยมากนักในสังคมคนหมู่มากในยุคปัจจุบัน





ภาพประกอบ  77 :  Nek Romantik 2 / ศพ-ร่วม-รัก
อ้างอิงภาพประกอบ  http://sharethefiles.com/forum/viewtopic.php?f=88&t=115649&start=0


****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

18. The Untold Story (ซาลาเปาเนื้อคน)

           
ปฐมบทแห่งเมนูมื้อสวรรค์สาปส่งนรกแสยะยิ้มขานขับ กับสูตรลับอันแสนวิปริตพิสดาร เนื้อมนุษย์สับละเอียดยัดไส้ซาลาเปาสุดแสนวิปลาสอร่อยเหาะ กลิ่นเย้ายวนชวนรัญจวนใจ ใครหลายหลากรับรู้แสวงหาให้ได้มา
             
The Untold Story หรือ Bat sin fan dim ji yan yuk cha siu bau (ซาลาเปาเนื้อคน)หนังโหดระดับตำนานของเกาะฮ่องกงในปี ค.ศ.1993 ผลงานการกำกับของ Danny Lee เเละ Herman Yau เขียนบทหนังโดย Law Kam Fai นำแสดงโดย Kuang Hsiung, Emily Kwan(Bo), Danny Lee(Officer Lee), Julie Lee(Pearl), Fui-On Shing(Cheng Poon), Anthony Wong Chau-Sang(Wong Chi Hang) เเละ Parkman Wong(Bull)
             
The Untold Story  เกี่ยวกับคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญอันดับ 1 ในประเทศฮ่องกง เมื่อตัวเอกของเรื่องทำการฆาตกรรมครอบครัวหนึ่งอย่างสุดโหด และนำเนื้อจากการฆาตกรรมในครั้งนั้นมาเป็นส่วนผสมในการทำซาลาเปาสำหรับขาย หนังสร้างจากเค้าโครงเรื่องที่เกิดขึ้นจริงบนเกาะฮ่องกง กล่าวกันว่าหนังเรื่อง The Untold Story ได้รับการขนานนามว่าเป็นหนังที่โหดที่สุดในประวัติศาสตร์ของฮ่องกงเคยมีมา เล่าลือกันว่าในปี ค.ศ.1993 เคยมีคนดูหนังเรื่องนี้เป็นลมช๊อกคาโรงหนังมาแล้ว
             
กล่าวถึงฉากแห่งตำนานในหนังเรื่อง The Untold Story (ซาลาเปาเนื้อคน)นั่นก็คือฉากฆ่าเด็ก รวมถึงฉากข่มขืนแล้วใช้ตะเกียบทั้งกำมือเสียบลงไปยังสามเหลี่ยมทองคำ คือฉากในตำนานของหนังเรื่อง The Untold Story  ผลงานการกำกับของ Herman Yau Lai-To  หนังออกฉายในปี 1993 ซาลาเปาเนื้อคน คือหนังฆาตกรรมสุดโหดของประเทศฮ่องกงที่เดี๋ยวนี้เข้าขั้นเป็นระดับหนังในตำนานไปแล้ว  สร้างจากเรื่องจริงที่มีการฆาตกรรมแล้วชำแหล่ะเนื้อมนุษย์ผสมเข้าไปในซาลาเปาไส้หมู แล้วเอามาขายให้ลูกค้ารับประทาน กระแสของหนังเรื่องนี้แรงมากๆจนผู้คนในประเทศฮ่องกงหลายคนเลิกรับประทานซาลาเปาไปนานหลายเดือน ฉากแห่งตำนานของหนังเรื่องนี้ก็คือ ฉากที่ฆาตกรโหดจับเด็กตัวเล็กๆมาฆ่าโดยการสับคออย่างไร้ความปราณี(ปัจจุบันทางการฮ่องกงห้ามเด็ดขาด ไม่ให้มีการสร้างฉากแบบนี้แล้วเพราะผิดศีลธรรมอย่างร้ายแรง)ส่วนอีกฉากก็คือ ฉากที่ฆาตกรคลั่งลงมือข่มขืนเหยื่อแล้วใช้ตะเกียบทั้งกำมือ เสียบลงไปยังสามเหลี่ยมทองคำทุ่งหญ้านาผืนน้อย(ตรงนั้น)อย่างวิปริต


****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

19. The Texas Chain Saw Massacre /1974 (สิงหาสับ)

             
ณ ดินแดนไกลปืนเที่ยงแห่งหนึ่ง บ้านไม้เก่าซอมซ่อ กับครอบครัวประหลาดผู้นิยมบริโภคเนื้อคน ชายร่างใหญ่นามเลทเธอร์เฟซสวมใส่หน้ากากหนังมนุษย์ ควงเลื่อยไฟฟ้าออกไล่ล่าเหยื่อในค่ำคืนอันแสนมืดมิด เสียงใครคนหนึ่งย่ำฝ่าเท้าลงตรงหน้าบ้าน ปากตะโกนร้องเรียกหา ชายชราออกไปต้อนรับขับสู้ แววตาที่แสนยินดีปรีดา เชิญมายังโต๊ะอาหาร เบิกบาน เริงร่า กับดินเนอร์มื้อค่ำ
             
The Texas Chain Saw Massacre/1974 หรือ The Texas Chain Saw Massacre Original ในปี ค.ศ.1974 ในไทยเรียก "สิงหาสับ" ผลงานการกำกับของ Tobe Hooper เขียนบทหนังโดย Tobe Hooper และ Kim Henkel นำแสดงโดย Marilyn Burns(Sally Hardesty), Allen Danziger(Jerry), Paul A. Partain(Franklin Hardesty), William Vail(Kirk), Teri McMinn(Pam/as Teri Mcminn), Edwin Neal(Hitchhiker), Jim Siedow(Old Man), Gunnar Hansen(Leatherface), John Dugan(Grandfather), Robert Courtin(Window Washer), William Creamer(Bearded Man), John Henry Faulk(Storyteller), Jerry Green(Cowboy), Ed Guinn(Cattle Truck Driver) เเละ Joe Bill Hogan(Drunk) โดยดาราที่ได้รับบทเด่นในเรื่องได้เเก่ Marilyn Burns(Sally Hardesty), Edwin Neal(Hitchhiker) เเละ Allen Danziger(Jerry)
             
เรื่องราวของการขโมยศพ ณ สุสานเล็กๆแห่งหนึ่งในมลรัฐเทกซัส รัฐทางใต้และตะวันตกเฉียงใต้ ของประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วประเทศ กับฤดูร้อนอันแสนสงบเงียบที่ต้องปรับเปลี่ยนละเล่นชุ่มไปด้วยเลือด เมื่อกลุ่มเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งพยายามทำตัวเป็นนักสืบออกค้นหาความจริงเกี่ยวกับโจรขโมยศพดังกล่าว วัยรุ่น 5 คนที่ขับรถมุ่งสู่เทกซัส กับเหตุการณ์ฝันร้ายกลางวันแสกๆ และที่มาแห่งคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ เลวร้าย รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศสหรัฐอเมริกาเคยมีมา กลายเป็นตำนานแห่งนักฆ่า อำมหิต เลือดเย็น โรคจิต ที่สังหารโหดเหยื่อด้วยเลื่อยไฟฟ้า และก่อให้เกิดแรงบันดาลใจต่อการสร้างหนังสยองขวัญระดับตำนานของ Hollywood ตามมาอีกหลายเรื่อง อาทิ Psycho ในปี 1960, The Texas Chain Saw Massacre ฉบับ Original ในปี 1974 และ The Silence of the Lambs (อำมหิตไม่เงียบ)ในปี 1991 อันผลส่งให้ดารานำในเรื่องอย่าง Anthony Hopkins ที่รับบทเป็น Dr. Hannibal Lecter ได้รับรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม(Academy Award for Best Actor)ในปีเดียวกัน
             
The Texas Chain Saw Massacre/1974 หนังดังในตระกูล The Texas เปิดต้นตำรับแห่งตำนานสิงหาสับโดยเจ้าพ่อหนังแนวชำแหละเหยื่อ Tobe Hooper สร้างหนังอินดี้ต้นทุนต่ำแต่กำไรงามขึ้นมา ด้วยเล่าลือกันว่า Director อย่าง Tobe Hooper ใช้ต้นทุนในการถ่ายหนังเรื่อง The Texas Chain Saw Massacre/1974 ด้วยทุนสร้างเพียงแค่ 140,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่หนังกลับทำรายได้มากกว่า 30,00,000 ดอลลาร์สหรัฐเลยทีเดียว The Texas Chain Saw Massacre/1974 (สิงหาสับ)ถือว่าได้สร้างความวิบัติแก่คนดูหนังแนวนี้อย่างแท้จริง ด้วยฉากการไล่ล่า ฆ่าอย่าวิปริตในหนัง(หลายฉากมาก) บวกการนำเสนอด้วยภาพของหนังในโทนสีที่ดูดิบ จึงเป็นเรื่องไม่ยากที่หนังเรื่องนี้เคยสร้างปรากฏการณ์ในปี 1974 ว่ามีคนดูอ้วกแตกคาโรงหนังมาแล้ว โดยเฉพาะฉากที่นางเอกถูกจับมัดคาเก้าอี้ ต้องทนดูครอบครัววิปริตนั่งรับประทานเนื้อคนกันอย่างเอร็ดอร่อย ฉากเหยื่อถูกหักคอจนหมุนได้รอบ ซึ่งโหดร้ายมาก(ในสมัยนั้นไม่มีใครกล้าทำฉากแบบนี้)หรือฉากจบที่เลทเธอร์เฟซควงเลื่อยไฟฟ้าไล่ล่าผู้หลบหนี นอกจากนี้จากการให้สัมภาษณ์ของผู้กำกับ Tobe Hooper เขาต้องการให้หนังเรื่องนี้ได้เรต PG (Parental Guidance)ซึ่งอนุญาตให้ทุกคนร่วมถึงเด็กๆเข้าชมได้......มันจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว!!!



หลังจากประสบความสำเร็จได้ผลกำไรตอบแทนอย่างงดงามจากหนังเรื่อง The Texas Chain Saw Massacre ภาคแรก ด้วยกระแสตอบรับที่ดี บวกมีแฟนคลับของหนังเรื่องนี้เกิดขึ้นตามมา จึงเป็นแรงผลักดันให้เกิดการสร้างภาคต่อของหนังในตระกูล The Texas ตามมาอีกถึง 5 ภาค(รวมภาค Original ด้วยก็เป็น 6 ภาค) มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
           
            1. The Texas Chain Saw Massacre Original (สิงหาสับ) ปี 1974 โดยผู้กำกับ Tobe Hooper เขียนบทหนังโดย Tobe Hooper และ Kim Henkel
            2. The Texas Chainsaw Massacre 2 (สิงหาสับ 2) ปี 1986 โดยผู้กำกับ Tobe Hooper เขียนบทหนังโดย Tobe Hooper และ Kim Henkel
            3.  Leatherface: Texas Chainsaw Massacre 3 (สิงหาสับ 3) ปี 1990 โดยผู้กำกับ Jeff Burr เขียนบทหนังโดย Tobe Hooper และ Kim Henkel
            4. The Return of the Texas Chainsaw Massacre หรือ The Texas Chain Saw Massacre : The Next Generation (สิงหาสับ  :  สยองไม่เลือกรุ่น) ปี 1994 โดยผู้กำกับ Kim Henkel เขียนบทหนังโดย Tobe Hooper และ Kim Henkel
            5. The Texas Chainsaw Massacre (ล่อมาชำแหละ) ปี 2003 โดยผู้กำกับ Marcus Nispel เขียนบทหนังโดย Tobe Hooper และ Kim Henkel
            6. The Texas Chainsaw Massacre: The Beginning (เปิดตำนานสิงหาสับ) ปี 2006 โดยผู้กำกับ Jonathan Liebesman เขียนบทหนังโดย Sheldon Turner และ Sheldon Turner
             
The Texas Chain Saw Massacre Original (สิงหาสับ) หนังสยองสุดดิบปี 1974 ของผู้กำกับ Tobe Hooper เขียนบทหนังเรื่องนี้โดย Tobe Hooper เเละ Kim Henkel หนังเก่าสมัยยุคเริ่มต้นของภาพยนตร์สยองขวัญชื่อดังในตระกูล The Texas โดยในภาค The Texas Chain Saw Massacre ปี 1974ในชื่อภาษาไทยว่า "สิงหาสับ"  ได้รับการกล่าวขานกันว่าสร้างได้เข้าขั้นวิปริตที่สุดในบรรดาทุกภาค  สโลแกน "ชายผู้มีใบหน้าพิการ สวมหน้ากากหนังมนุษย์-ควงเลื่อยไฟฟ้า ออกไล่ล่าเหยื่อ" หนังเรื่องนี้สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงของ Edward Theodore Gein หรือ Ed Gein ฆาตกรฆ่าต่อเนื่องโรคจิตชาวอเมริกันผู้ที่มีชื่อเสียง เเต่กลับนำมาดัดเเปลงซะจนโหดเกินลิมิตทั้งๆที่เรื่องจริงฆาตรกรไม่ได้โหดเหมือนอย่างในหนัง
             
ว่าด้วยเรื่อง Edward Theodore Gein หรือ Ed Gein ต้นตำนานแห่ง Leatherface อาศัยอยู่ในรัฐวิสคอนซิน(Wisconsin) ประเทศสหรัฐอเมริกา (รัฐวิสคอนซิน  :  คำว่า วิสคอนซิน มาจากชื่อแม่น้ำวิสคอนซินในภาษาฝรั่งเศสของชนเผ่าอินเดียนแดงที่ว่า Ouisconsin อันหมายถึง ดินแดนแห่งหินสีแดง อันเป็นรัฐทางตอนกลางของประเทศสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ในเขตมิดเวสต์) Ed Gein ชายหนุ่มขี้อายผู้อาศัยและทำงานอยู่กับครอบครัวในฟาร์มแถบรัฐวิสคอนซิน ซึ่งฟาร์มของรัฐแห่งนี้นี่เองที่มีชื่อเสียงด้านผลิตภัณฑ์ที่มาจากวัว รวมถึงด้านการผลิตชีสชั้นเลิศ ครอบครัวของ Ed Gein เองก็ประกอบอาชีพเกษตรกรรมประกอบไปด้วยเขา น้องชายชื่อ Henry พ่อ และแม่ ทั้ง 4 ดำรงชีพอยู่ภายในฟาร์มแห่งนั้นอย่างกระท่อนกระแท่นเพราะพ่อของ Ed Gein เป็นคนตกงานขี้เมาหยำเป และมักหาเรื่องทำร้ายเขากับน้องชายอยู่เป็นประจำ ด้วยแม่เป็นคนที่เคร่งศาสนาเป็นอย่างมาก จึงพยายามบังคับให้ Ed Gein และน้องชายอ่านคัมภีร์ Bible ทุกวันในช่วงบ่ายอย่างเคร่งครัด จวบจนพ่อของเขาเสียชีวิตลงในปี ค.ศ.1940 และน้องชายถูกไฟคลอกตายในปี 1944 อย่างมีเงื่อนงำ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Ed Gein ต้องอาศัยอยู่ในบ้านน้อยภายในฟาร์มแห่งนั้นเพียง 2 คนกับแม่ของเขา

ราว 2 ปีต่อมาแม่ของ Ed Gein เสียชีวิตจากไปด้วยโรคเส้นโลหิตไปเลี้ยงสมองอุดตัน หลังจากสูญเสียแม่อันเป็นที่เคารพรักและที่พึ่งแห่งสุดท้ายไปนี้แล้ว ทำให้ Ed Gein แสดงพฤติกรรมป่าเถื่อนแปลกประหลาดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆตามลำดับ เขามักจะศึกษาเรื่องเกี่ยวกับนาซี และกายวิภาคศาสตร์(Anatomy)อยู่บ่อยครั้ง นอกยากนี้ยังหมกมุ่นอยู่แต่ในเรื่องเพศ Sex เรื่องที่เขาถูกแม่บังเกิดเกล้าสั่งห้าม และบอกว่ามันเป็นเรื่องผิดศีลธรรมในวัยเด็กเสมอมา Ed Gein กำลังลุ่มหลงมันอย่างมากจนวันหนึ่งเขาได้ชวนเพื่อนสนิทคนหนึ่งไปขุดศพของหญิงสาวที่เพิ่งเสียชีวิตขึ้นมาจากหลุมฝังศพ(โดยหลอกเพื่อนของเขาว่า ขุดศพขึ้นมาเพื่อการค้นคว้าทดลองทางการแพทย์) เขาทำอย่างนี้มาเป็นเวลายาวนานถึงกว่า 10 ปี และได้สร้างเครื่องเฟอร์นิเจอร์มากมายภายในบ้านของเขาจากซากศพมนุษย์ จวบจนอยู่มาวันหนึ่งความคิดที่จะได้ซากศพคนที่เพิ่งตายใหม่ๆมาครอบครองก็แล่นฉิวเข้ามาในหัว
             
Ed Gein ลงมือสังหาร 2 สาวอย่างเลือดเย็นเพื่อเก็บเข้าคอลเลคชั่นวิปริต โดยเหยื่อรายแรกเป็นสาวทำงานในโรงเหล้า Pine Grove เขาจัดการฆ่าเธอด้วยการยิงลูกกระสุนปืนเข้าสู่หัวของเธอในระยะเผาขน อีกรายก็เช่นเดียวกันกับรายแรก Ed Gein ยิงเข้าที่หัวของเธอจนเสียชีวิตคาที่เกิดเหตุ จากนั้นจึงกระทำการวิปริตต่างๆนาๆต่อภายในบ้านของตนอย่างลึกลับ จวบจนตำรวจในพื้นที่ได้เบาะแสว่าการหายตัวไปของเหยื่อสาวสองรายอาจเป็นฝีมือของฆาตกรจิตแตก Ed Gein จึงนำกำลังเข้าจับกุมและรื้อค้นภายในบ้านของ Gein ในวันที่ 16 พฤศจิกายน ปี ค.ศ.1957 ตำรวจได้เจอภาพที่น่าสยดสยองเป็นอย่างมากปรากฏอยู่ภายในบ้านของเขา ศพของหญิงสาวที่คาดว่าเป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายรายที่ 2 คือ Bernice Worden สภาพถูกตัดศีรษะ ร่างกายเปลือยเปล่า ถูกเชือกมัดเข้าที่ขาและแขนทั้งสองข้าง ลำคอชี้ปักพื้นห้อยลงอย่างสยดสยอง ส่วนอวัยวะเพศและรูทวารหนักนั้นของ Bernice Worden นั้นถูกเฉือนออกไป นอกจากนี้ทางตำรวจยังพบ สิ่งของเครื่องใช้ที่ทำจากซากศพของมนุษย์อีกเป็นจำนวนมากหลายรายการ อาทิ ตู้เสื้อผ้าที่ทำจากซากศพ เสื้อกั๊กที่ทำจากอวัยวะเพศและแผ่นหนังของผู้หญิง หน้ากากที่ทำจากหนังมนุษย์ ฯลฯ
             
Ed Gein ถูกจับและได้รับการวินิจฉัยทางการแพทย์ว่าบ้า มีอาการทางประสาทและไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ Ed Gein ถูกบังคับให้เข้าบำบัดในโรงพยาบาลอยู่นาน ตลอดการเข้าบำบัดรักษาอาการป่วย เขาทำการสาปแช่งแม่ของเขาตลอดเวลา รวมถึงคนชื่อ Anne ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าเป็นหญิงหรือชาย หรือเป็นใครมาจากไหน 26 กรกฎาคม ปี ค.ศ.1984 Ed Gein ลาโลกไปอย่างสงบด้วยอาการหัวใจวายที่โรงพยาบาล Mendota Mental Health Institute ใน Goodland Hall อย่างสงบ หลุมศพของ Ed Gein กลายเป็นตำนานที่ใครหลายๆคนต้องการเก็บไว้ในครอบครอง(อาจจะด้วยความคลั่งไคล้ หรือต้องการนำไปขายทอดตลอดนักสะสมของแปลก) จวบจนมีการขโมยหลุมฝังศพของฆาตกรชื่อก้องโลกรายนี้ขึ้นในปี 2000 ในอีกหลายเดือนต่อมา มิถุนายน ปี 2001 หลุมศพของ Ed Gein ถูกค้นพบ และนำกลับมายังรัฐวิสคอนซินอันเป็นบ้านเกิดของเขาอีกครั้ง หลุมศพของ Ed Gein ผู้ได้รับฉายาว่า "ต้นตำนานแห่ง Leatherface" ถูกจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์ Wautoma, Wiscousin,  United States of America ตราบปัจจุบัน
             
อนึ่ง นอกจากเรื่องราวของ Ed Gein หรือ Edward Theodore Gein จะถูกนำมาเป็นแรงบันดาลใจในการหนังสยองขวัญชื่อก้องโลกอย่าง Psycho ในปี 1960, The Texas Chain Saw Massacre ฉบับ Original ในปี 1974 และ The Silence of the Lambs (อำมหิตไม่เงียบ)ในปี 1991 แล้ว ยังปรากฏมีการสร้างหนังเกี่ยวกับอัตชีวประวัติของ Ed Gein ในแง่มุมแบบที่เป็นตัวตนของเขาจริงๆด้วย หนังเรื่องนี้มีชื่อว่า Ed Gein Based on a True Story หรือ In the Light of the Moon ในปี ค.ศ. 2000 ผลงานการกำกับของ Chuck Parello เขียนบทหนังโดย Stephen Johnston และได้ Steve Railsback รับบทเด่นแสดงเป็น Ed Gein



****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

20. In My Skin (แล่เนื้อเถือหนัง)

             
คงเป็นเพียงมีดปอกผลไม้เล่มหนึ่งที่ใช้ทิ่มแทงฝ่ามือของฉันอย่างเชื่องช้า ฉันเฝ้ามองดูเลือดไหลหลั่งออกจากร่างอย่างแสนเจ็บปวดทรมาน แววตาหม่นหมองเศร้าสร้อย แต่แฝงเร้นไปด้วยประกายแห่งความเปี่ยมสุข เมื่อฉันขบ กัด  ฉีก เฉือน ขยี้ ชำเราจนร่างพรุน ฉันมีความสุขอย่างเหลือล้นประหนึ่งลอยล่องสู่สรวงสวรรค์ชั้นฟากฟ้าก็มิปาน ริมฝีปากสะแหยะยิ้มรับ เบิกบาน แช่มชื่น เลือดไหลโชกตัว มาสิ......มามีความสุขด้วยกัน
             
หนังเรื่องแรกในชีวิตจากผลงานการกำกับของ Marina de Van ผู้กำกับสาวรุ่นใหม่ไฟแรงแห่งวงการสร้างหนังชาวฝรั่งเศส In My Skin หรือในชื่อภาษาฝรั่งเศสว่า Dans ma peau ในไทยใช้ชื่อ "แล่เนื้อเถือหนัง" ออกฉายครั้งแรกในปี 2002 และได้รับการชื่นชมจากนักวิจารณ์เป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องบทของหนังและดาราแสดงนำซึ่งก็คือผู้กำกับ Marina de Van เอง หนังเรื่องนี้ทั้งกำกับและเขียนบทโดย Marina de Van นำแสดงโดย Marina de Van(Esther), Laurent Lucas(Vincent), Léa Drucker(Sandrine), Thibault de Montalembert(Daniel), Dominique Reymond(La cliente), Bernard Alane(Le client), Marc Rioufol(Henri), François Lamotte(Pierre), Adrien de Van(L'interne) และ Alain Rimoux(Le pharmacien)
             
เรื่องราวเกี่ยวกับสาวผมดกดำหน้าตาแปลก Esther สาวสังคมผู้มีฐานะทางการเงินและหน้าที่ทางการงานค่อนข้างมั่นคง มีหน้ามีตาในวงสังคม การงานที่ทำอยู่กับบริษัทโฆษณาประชาสัมพันธ์บริษัทใหญ่แห่งหนึ่งกำลังไปได้สวย ใกล้จะได้เลื่อนขั้นเป็นระดับหัวหน้างาน ชีวิตครอบครัว Esther มีแฟนหนุ่มหล่อ มาดแมนนามว่า Vincent คอยเป็นห่วงเป็นใยเฝ้าดูแลอยู่ไม่ห่าง เรียกว่า Esther เธอเป็นผู้หญิงที่มีพร้อมเสียทุกอย่างจนใครหลายคนแอบอิจฉา จวบจนมีจุดผกผันในชีวิตของเธออย่างแรง ทำให้เธอเปลี่ยนไปจนยากที่จะเป็น Esther คนเดิมได้
             
ค่ำคืนนั้นในงานปาร์ตี้แห่งหนึ่ง Esther และเพื่อนสาว Sandrine (ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนและลูกน้องของเธอในกาลต่อมา)ได้ไปเที่ยวด้วยกัน ผ่อนคลาย เต้นรำ ดื่ม จนเริ่มเมามาย จน Esther เริ่มรู้สึกเบื่อ เลยเดินออกไปเพื่อสูดอากาศในสวนหลังงานเลี้ยง ปรากฏในความมืด เธอคงสะดุดเข้ากับอะไรเพียงบางอย่าง ล้มพับลงทั้งยืนจนขาข้างขวาตกลงไปในหลุมเป็นแผลเหวอะหวะ ค่ำคืนนั้นเองที่ Esther ได้แอบไปหาหมอหนุ่มคนหนึ่งให้ช่วยรักษาแผลให้แก่เธอ ขณะที่หมอหนุ่ม(หล่อ)กำลังตัด และเย็บแผลให้เธออยู่นั้นเอง Esther เกิดความรู้สึกแบบแปลกประหลาด เธอรู้สึกเจ็บ แต่ก็เป็นสุข สุขเสียจนยากที่จะลืมเลือนและละทิ้งมันได้

อาการของเธอเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากใช้ปลายเล็บจิก ข่วน บิด กระชาก จนจบลงที่หาของแหลมมาทิ่มแทงร่างกายตัวเองอย่างสนุก เลือดเริ่มไหลนองพื้น ในงานเลี้ยงที่ผู้จัดการใหญ่บริษัทโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่เธอทำงานอยู่พาเธอไปงานเลี้ยงพบกับลูกค้าชั้นดีรายหนึ่ง เสียงกระทบของมีดและส้อมบนผิวจาน ทำให้ Esther แทบคลั่ง อึดอัด จนต้องขอตัวไปทำกิจบางอย่าง เธอเปิดห้องขึ้นในโรงแรมเพียงห้องหนึ่ง จัดการกัดข้อมือตัวเองจนมีเศษเนื้อหลุดออกมากับซี่ฟัน เธอแลมองชิ้นเศษเนื้อเหล่านั้นอย่างยินดีปรีดา นำพาเข้าปาก รับรสจากสัมผัสแห่งปลายลิ้น ตลบอบอวลด้วยกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง จากนั้นฉีกกระชากท่อนแขนของเธออีกข้างจนเป็นแผล เลือดไหลนองพื้นพรม กรีดกางเกงตรงต้นขาทั้งสองข้างออก ใช้มีดสำหรับปอกผลไม้ แทง เชือด ปากก็กัดเนื้อที่โคนขาของตัวเองอย่าคนเสียสติ ดื่มโลหิตของตัวเองอย่างบ้าคลั่ง นานวันเข้า อาการของเธอยิ่งทรุด มีดปอกผลไม้ที่บ้านจึงมีไว้สำหรับกรีด ปอกลอกผิวหนังของตัวเอง Esther เธอกำลังมีความสุขแบบถึงที่สุด
             
คือสุขที่ได้เจ็บปวด เคยได้ยินคำว่า Paraphilia (พาราฟิเลีย)กันมาบ้างหรือเปล่า?  Paraphilia หมายถึง พฤติกรรมการแสดงออกทางเพศที่สัมพันธ์กับสิ่งเร้าอันไม่เป็นที่ยอมรับกันในสังคม อาจเป็นการกระทำการตอบรับอย่างจริงจังเคร่งเครียดต่อสิ่งเร้าบางชนิด หรือบางอย่างที่มีความพิเศษมากๆ หรือเฉพาะทางอันสอดคล้องกับรสนิยมทางด้านเพศของเขา หรือเธอเป็นสำคัญ อาทิ บางพวกมีความสุขกับการได้อวดเรือนร่างอันเปล่าเปลือยในที่สาธารณะชน เรียกว่า พฤติกรรมชอบอวด หรือ Exhibitionism บางพวกชอบเฉพาะการมีความสุขกับชุดชั้นในเพศตรงข้ามหรือมีความสุขกับกลิ่นเหล่านั้นเรียก เฟติสม์ หรือ Fetishism บางพวกมีความสุขได้เฉพาะเมื่ออยู่กับคู่นอนที่เป็นเด็กอายุน้อยๆเรียก ฟีโดฟิเลีย หรือ Pedophilia แต่บางคนก็แย้งว่าพวกที่ชอบมีความสุขกับเด็กๆนี่เรียก "โลลิต้า ซินโดรม" (Lolita Syndrome) ด้วยก็คงไม่ผิด ซึ่งรากแก้วคำว่า Lolita Syndrome นี้น่าที่จะมาจากวรรณกรรมสุดอื้อฉาวจากปลายปากกาของวลาดิเมียร์ นาโบคอฟ นักประพันธ์ชาวรัสเซียที่ตีแผ่สัมพันธ์รักต้องห้ามของ ดร.ฮัมเบิร์ต กับเด็กสาวอายุ 12 ที่โตเกินวัยชื่อ Lolita
             
คือ In My Skin สุขที่ได้เจ็บปวด คือ Paraphilia แบบเต็มขั้น และคือ Masochism ที่แสนสุข เป็นที่รู้กันว่าใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ของ Paraphilia นั้นมีหลายหลากกลุ่มแยกแตกกันไป หนึ่งในนั้นที่มีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งก็คือ Sadism และ Masochism แรกคือมีความสุขที่เห็นผู้อื่นเจ็บปวด ส่วน Masochism หรือ "มาโซคิสม์" นั้นกลับรู้สึกเป็นสุขที่ได้เจ็บ อาจจะเป็นความเจ็บในห้วงแห่งความนึกคิดผสมกับจิตนาการส่วนตนก็ได้ พฤติกรรม Sadism และ Masochism โดยมากหากเกิดร่วมกัน หรืออยู่ร่วมกันมักจะทำให้การครองชีวิตคู่ยืดยาว ซึ่งในศัพท์ของคนในกลุ่มนี้มีศัพท์เฉพาะเรียกการครองชีวิตคู่ของคนเป็น Sadism และ Masochism ว่า Sadomasochism (ซาโดมาโซคิสม์) หรือที่เรียกแบบย่อว่า S&M หรือ SM แต่หากคนหนึ่งคนใดเป็นแล้วอีกคนไม่เป็นชีวิตคู่คงจบเร็วแบบในหนังเรื่อง In My Skin ที่พระเอกคือ Vincent ไม่สามารถรับและทนต่อพฤติกรรมมาโซคิสม์แบบสุดขั้วของ Esther ได้(คาดว่าทั้งคู่คงเลิกกันในบั้นปลาย)
             
คือฉัน คือตัวตนที่มิได้สร้างภาพอย่างเสแสร้ง คือความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ขบ กัด ฉีกกระชาก มีดเชือดข้อมือจนโลหิตสั่นหลั่งไหลแดงฉาน เศษซากก้อนเนื้อหลุดลุ่ยตามข้อพับ ฉันคงมองจ้องดูมันด้วยแววตาที่แสนเศร้าแต่เต็มเปี่ยมไปความหวัง ความชอกช้ำ อดีตอันลางเลือน ความเจ็บปวดอย่างทุกข์ทรมาน และความสุขที่แสนปรีดา มาสิ เรามามีความสุขร่วมกัน





ภาพประกอบ  85 :  In My Skin ของ Marina de Van
อ้างอิงภาพประกอบ  http://www.351073.com/film_inmyskin.html



****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

21. Pig (เหยื่อสังหารในวันพิพากษา)

             
เมื่อม่านหมอกแห่งรัตติกาลเปิดฉาก ดวงสุริยายังสาดส่องแสงแสนอบอุ่น สว่างจ้าแต่แสนมืดบอด ความเงียบเริ่มเข้ามาย่างกราย สายลมพัดโบกเพียงแผ่วเบาประหนึ่งโลกทั้งใบกำลังถึงวาระแห่งการแตกสลาย เงียบสงัดจนฆ่าใครบางผู้ได้ในบัดดล เป็นความเงียบที่บ้าคลั่ง ณ มุมนั้นซอกหลีบตรงนั้น หนึ่งเหยื่อกับการพันธนาการอันแสนยินดีปรีดาร่วมกับนักฆ่า สายตาที่แลจ้องเมียงมองเมตตา เปล่งประกาย แต่ก็ยะเยือกเย็นราวกับก้อนน้ำแข็ง มาสิเดินย่างมาเร็วรี่ เดินมาทางนี้ ประตูนรกเปิดอ้า
             
Pig (เหยื่อสังหาร)หนังสั้นภาพขาว-ดำความยาวประมาณ 22 นาที ออกฉายครั้งแรกในปี ค.ศ.1998 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ทุ่มทุนสร้างหนังเรื่องนี้โดยบริษัท Open Eye Productions เหยื่อสังหารเป็นผลงานการกำกับและเขียนบทโดย Nico B. นำแสดงโดย Rozz Williams และ James Hollan หนังประเภท Experimental (Genre : Experimental) หรืองานประเภท  :  การทดลอง

Pig เหยื่อสังหาร คือเรื่องราวเร้นลับในโลกแห่งนักฆ่าอันปรากฏให้เห็นเป็นภาพขาว-ดำอย่างเก่าคร่ำครึ ณ เมืองกลางทะเลทรายเล็กๆแห่งหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา หนังชวนให้เข้าใจได้ว่านักฆ่าที่ปรากฏในเรื่องอาจจะเป็นตำรวจที่ตั้งศาลเตี้ยขึ้นเพื่อปราบเหล่าอธรรมภายในเมืองแห่งนั้นก็เป็นได้ ซึ่งทางทีมผู้เขียนบทและกำกับคือ Mark Steven Bosko เเละ T. Michael Conway อาจจะต้องการให้คนดูเข้าใจ และตีความกันเอาเองมากกว่าสร้างให้หนังเรื่องนี้เป็นรูปธรรมแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ คนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้จึงอาจมีทั้งที่เกลียดหรือหลงใหลคลั่งไคล้ไปเลยก็มี จากการให้สัมภาษณ์ของสองผู้กำกับหนังเรื่องนี้ Mark Steven Bosko เเละ T. Michael Conway ต้องการจะให้ Pig มีภาพการนำเสนอที่แปลกแหวกแนวกว่าหนังสายหลักปกติทั่วไป หนังเรื่องนี้จะแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณแห่งนักฆ่าที่มีอย่างเต็มเปี่ยม และบอกเล่าอธิบายความสัมพันธ์ที่มีระหว่างนักฆ่าและเหยื่อของเขา ผู้กำกับหนังจะทำงานเยี่ยงศิลปินผู้รังสรรสร้างงานศิลป์อันเลอค่า กล่าวกันว่า Pig มีรูปลักษณ์เป็นนามธรรมซึ่งเปิดกว้างให้คนดูสามารถตีค่าความหมายของมันไปได้อย่างหลากหลายฉะนั้นหนังเรื่องนี้จึงมีจุดจบของเรื่องในมุมมองที่แตกต่างกัน
             
Pig เหยื่อสังหาร คือหนังที่ได้รับอิทธิพลของศิลปะสายดาดา และเซอเรียลิสม์อย่างเข้มข้นเต็มขั้น เชื่อว่าหนังเรื่องนี้ที่ทางผู้กำกับ Mark Steven Bosko เเละ T. Michael Conway ต้องการสร้างให้ทั้งภาพและการดำเนินเนื้อหาแตกต่างและแปลกประหลาดไปจากหนังเรื่องไหนที่ใครเคยดูมา อาจกล่าวได้ว่า Pig ได้รับอิทธิพลของศิลปะสายดาดาและลัทธิเซอเรียลิสม์อย่างเต็มขั้น ซึ่งเข้าใจกันในแวดวงศิลป์ว่าศิลปะสายดาดา หรือศิลปะลัทธิดาดา(Dada Art)นั้นจงเกลียดจงชังการเดินตามแนวทางหรือลัทธิประเพณีนิยมมากแค่ไหน "ดาดา" ที่ตั้งโดย ฮันส์ อาร์ป(Hans Arp), ตริสตาน ซารา(Tristan Tzara), ฮิวโก บอล(Hugo Ball) และริชาร์ด ฮึลเซนเบค(Richard Hulsenbeck)ในราวปี พ.ศ.2459  ณ เมือง Zurich ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ กลุ่มดาดานี้ต่างเชื่อว่า "ทุกสิ่งทุกอย่างที่ศิลปินจัดทำออกมานั้นคือศิลปะ" ศิลปะสายดาดาจะสร้างงานศิลป์ตามแบบฉบับของตน เป็นรูปงานที่มีความขัดแย้งอย่างรุนแรง เป็นงานที่เกิดจากการกระทำอันรุนแรง มีกระบวนวิธีในการสร้างงานที่ผิดปกติไปจากศิลปินโดยทั่วไป ซึ่งแน่นอนว่าหนังเรื่อง Pig เข้าข่ายข้อมูลที่กล่าวมาข้างต้นดังกล่าวทุกระเบียบนิ้ว ด้วยภาพที่แปลก เนื้อหารุนแรงเกี่ยวกับการฆ่า นองเลือด สร้างผิดประเพณีนิยม(นอกกระแสอย่างชัดเจน)
             
Pig ได้รับอิทธิพลของศิลปะสายเซอเรียลิสม์(Surrealism)อย่างเต็มขั้น ศิลปะสายนี้เกิดขึ้นเมื่อราวปี พ.ศ.2460 โดยมีแนวคิดสืบทอดมาจากสายดาดา โดยผู้ก่อตั้งศิลปะสายเซอเรียลิสม์ก็คือ เอินส์ อาร์ป(Ernst Arp), พิคาเบีย(Picabia) และโจอัง มีโร(Joan Miro) เซอเรียลิสม์ หรือ Surrealism คือศิลปะที่เน้นการสร้างงานแหวกม่านประเพณีนิยมอันเป็นที่คุ้นเคยกันมานาน เป็นบ่อเกิดความคิดสร้างสรรค์แนวใหม่ เน้นรูปลักษณ์แนวนามธรรมเป็นหลัก บรรยากาศเพ้อฝัน ไร้เหตุผล ซึ่งหนังเรื่อง Pig มีแทบทุกสิ่งที่กล่าวมา เหยื่อสังหารมีทั้งการแหวกม่านประเพณีนิยมในการสร้าง เป็นแนวคิดใหม่ มีบรรยากาศเพ้อฝัน องค์รวมของหนังดูไร้เหตุผล แต่มองดีๆก็มีเหตุแห่งการกระทำอันน่างวยงง
             
Pig เหยื่อสังหาร และพระเจ้าในวันพิพากษา(justmentDay)เปิดเรื่องด้วยฉากหนังขาว-ดำ กับดวงตาสัญลักษณ์แห่ง Open Eye Productions พร้อมฉากในเงามืดกับชายชุดดำที่กำลังจัดกระเป๋าอยู่ เขาจัดบางสิ่งบางอย่างลงกระเป๋าใบใหญ่อย่างใจเย็น เดินไปขึ้นรถและขับมันออกไปสู่สถานที่อีกแห่งหนึ่ง รกร้างว่างเปล่าอยู่กลางทะเลทราย เพื่อรับชายที่ถูกพันใบหน้าคนหนึ่ง(เหยื่อ)ออกเดินทางร่วมกันมุ่งสู่ขุมนรกอเวจี การพันธนาการกายร่างในแบบต่างๆ นักฆ่าที่เดินย่างกรายอย่างยมทูตเชื้อเชิญให้แขกผู้มาเยือนหลงใหลสู่ปลายทางการนองเลือดสุดวิปริต ในแสงสว่างอันแสนมืดบอด คือความเงียบที่บ้าคลั่ง คือการทดลองความทนทานต่อความตายอันน่าสะพรึง พร้อมจุดจบที่เราจะได้สัมผัสร่วมกันจนวินาทีสุดท้ายแห่งลมหายใจ





ภาพประกอบ  86-87(87.1-87.4) :  Pig / เหยื่อสังหาร
อ้างอิงภาพประกอบ  www.horrorclub.net










****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

22. 13 Tzameti (หมายเลข 13 เกมสั่งตาย)

             
ณ กาลครั้งหนึ่งในห้องหับสีขาวนวล ไร้ซึ่งแสงไฟ แต่มีหลากหลายผู้คนคอยเฝ้าแลมองด้วยจิตที่แสนจดจ่อ รอสัญญาณเสียงร้องรับ ขยับปลายกระบอกมัจจุราชสีดำสะพรึงสยอง ให้แม่ได้ใกล้ชิดกับลูกอีกครา บัดดลต่อมาจึงชูทั้งสองขึ้นเหนือหัวแล้วหมุนลูกโม่ไปเรื่อยๆ หยุด หยุดเถิดพ่อหนุ่ม พญายมทูตเริ่มเป่าปากร้องเรียกด้วยปรารถนา เหนี่ยวไกเถิดคนกล้าปลดปล่อยดวงวิญญาอันแสนอ่อนล้าอีกหลายวงดวงในห้องหับแลแสงจากหลอดไฟที่สว่างวาบ กลิ่นควันคละคลุ้ง เสียงเฮฮาจากผู้เริงร่ายินดี โบกมือลา รอยยิ้มของผู้กล้า และดวงตาที่ร่ำไห้
             
13 Tzameti (หมายเลข 13 เกมสั่งตาย)หนังภาพขาว-ดำ จากประเทศฝรั่งเศส ในปี ค.ศ.2005 ผลงานการกำกับและเขียนบทโดย Géla Babluani หนังดีกรีรางวัล Jury Price จาก Sundance ปี ค.ศ.2006 และรางวัลจากเทศกาลหนัง Venice Film Festival ครั้งที่ 62 นำแสดงโดย George Babluani(Sébastien), Pascal Bongard(Le maître de cérémonie), Aurélien Recoing(Jacky), Fred Ulysse(Alain), Nicolas Pignon(Le parrain),  Vania Vilers(Mr. Schlondorff), Olga Legrand(Mme Godon), Christophe Vandevelde(Ludo), Augustin Legrand(José), Jo Prestia(Pierre Bléreau), Serge Chambon(L'Organisateur), Philippe Passon(Jean-François Godon), François Rimbau(Un flic), Frédéric Epaud(Un parieur/as Fred Epaud) เเละ François Tissot(le gendarme Guillouet) หนังเรื่องนี้ได้ George Babluani ซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆของผู้กำกับ Géla Babluani มารับ Sébastien ซึ่งเป็นตัวเด่นในหนัง นอกจากนี้ยังมีดารานักแสดงดังๆที่ถูกคัดเลือกให้มาแสดงประกบบทบาทกับ George อีก อาทิ Pascal Bongard และ Aurélien Recoing
             
เรื่องราวการดำรงชีวิตในประเทศฝรั่งเศสของเด็กหนุ่มนาม Sébastien ผู้อพยพชาวจอร์เจียอันแสนยากไร้ ตามครอบครัวมาแสวงโชคหางานทำในดินแดนน้ำหอม วันหนึ่งเขาได้รับการว่าจ้างให้มาซ่อมหลังคาบ้านของชายชื่อ Jean-François Godon ซึ่งขณะนั้นเองชายเจ้าของบ้านได้เสพยาเสพติดเกินขนาดจนถึงแก่ชีวิต ระหว่างที่ตำรวจง่วนอยู่กับการสืบหาที่มาที่ไปของมอร์ฟีนที่ Godon เสพเข้าไปจนเกินขนาด ภรรยาหม้ายของเขาไม่สามารถหาเงินค่าซ่อมหลังคามาจ่ายแก่ Sébastien ได้ แต่ถึงกระนั้น Sébastien ก็ไปแอบได้ยินคนในบ้านพูดกันถึงงานใหญ่งานหนึ่งที่จะทำให้ได้มาซึ่งเงินจำนวนมหาศาล ปลายทางสถานที่ถูกเก็บซ่อนไว้ในซองจดหมายสีน้ำตาลฉบับหนึ่ง ด้วยความอยากได้ทรัพย์ก้อนโตทำให้ Sébastien แอบขโมยมันมา ข้างในซองจดหมายใบนั้นเอง ปรากฏวัน-เวลาการออกเดินทางไปสู่จุดนัดหมาย พร้อมตั๋วเดินทางโดยสารรถไฟที่มีการเตรียมไว้ให้แล้ว ถึงไม่รู้ว่าข้างหน้ามีอะไรรอเขาอยู่ แต่ด้วยเงินจำนวนมากที่รอคอย Sébastien จึงตัดสินใจออกเดินทางตามที่อยู่ในซองจดหมายฉบับนั้นระบุไว้ จนในที่สุดเขาก็ได้พบเข้ากับคนขับรถรับส่งสินค้า ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ประตูรถเปิดอ้ารอผู้ที่มีเทียบเชิญหมายเลข 13

             
เกมนรก-กลางป่าเปลี่ยว-วงพนันของคนบ้า และเงินตรา ทั้งหมดที่กล่าวมานี้คือนิยามของ 13 Tzameti ณ บ้านหลังใหญ่กลางป่าเปลี่ยวหลังหนึ่ง Sébastien เด็กหนุ่มน้อยผู้เสาะแสวงโชคได้พบเจอกับเกมอันตรายของอาชญากรเศรษฐี เกมที่เขาหรือผู้เล่นคนใดก็ตามมิอาจถอนตัวได้จนกว่าจะเล่นจบ มันคือเกมสั่งตายอันเป็นที่มาแห่งสินเดิมพันมหาศาล Russian Roulette Game ซึ่งแข่งแบบเป็นรอบๆไป โดยให้ตัวแทนของอาชญากรเศรษฐีที่มีหมายเลขทุกคน(Sébastien ได้หมายเลข 13) มายืนล้อมกันเป็นวงกลม ทุกคนมีปืน 1 กระบอก ใส่กระสุนตามแต่คำสั่ง(1-5 นัดแล้วแต่คำสั่ง) สัญญาณยกมือ คือให้ยกปืนขึ้นแล้วหมุนลูกโม่ เล็งไปที่หัวของคนที่ยืนอยู่ข้างหน้า พอสัญญาณมรณะสั่งตายถูกเปิดขึ้น(แสงไฟสีขาวจากหลอดไฟกลมซึ่งติดอยู่บนเพดานห้อง)สว่างวาบขึ้น เสียงปืนของแต่ละคนก็พร้อมที่จะดังขึ้น คนที่ดวงดีจะรอด ส่วนคนที่ดวงซวยก็ตายไป
             
คือส่วนแบ่งเงินตราแห่งความตาย ผู้ที่รอดในการดวลแต่ละรอบ เงินในบัญชีจะเพิ่มขึ้นเป็นสินทวีคูณโดยอัตโนมัติ ยิ่งผู้ชนะเลิศในเกม Russian Roulette Game (เกมสั่งตาย)แล้วแน่นอนว่าเงินที่ได้นั้นเป็นจำนวนมหาศาลเลยทีเดียว ทุกรอบแห่งการแข่งขัน Sébastien ต้องสู้กับคู่แข่งรวมถึงสู้กับจิตใจตนเอง ความกล้าบ้าบิ่น บุหรี่ เหล้า ยาเสพติด และอื่นๆฯลฯ จึงถูกนำมาใช้เพื่อหักล้างเพิ่มพละกำลัง รวมถึงสภาวะจิตใจของผู้เข้าร่วมการแข่งขันให้แข็งแกร่ง หลายคนเกือบเป็นบ้าเพราะกลัวตาย เหงื่อแตก เสียสติ จิตตก สั่นเกร็ง เงินส่วนแบ่งจำนวน 850,000 ยูโรสำหรับผู้ชนะเพียงหนึ่งจะตกเป็นของใคร เกมมรณะสำหรับคนกล้า แพ้หมายถึงตาย โชคดวงจะเอียงไปอยู่ตรงฝั่งไหน สองคนสุดท้ายใครจะตายใครจะรอด!!!
             
13 Tzameti (หมายเลข 13 เกมสั่งตาย)คือเกมเปิดขุมนรกแห่ง Russian Roulette Game เกมมรณะที่ผู้เข้าแข่งขันทุกคนต้องต่อสู้กับความกลัวในระดับเหนือขีดจำกัดที่คนปกติจะสามารถทานทนรับมือได้ จงบ้าให้เหนือมนุษย์ คลั่งแค้นและพร้อมที่จะกล้าตายอย่างห้าวหาญ






ภาพประกอบ  88 :  13 Tzameti / หมายเลข 13 เกมสั่งตาย ผลงานการกำกับของ Géla Babluani
อ้างอิงภาพประกอบ  http://realimperfection.wordpress.com/2008/02/04/13-tzameti/

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

งานเขียนฆ่าเวลา......100 ตำนานหนังต้องห้าม อันตราย-เสื่อม-จิตตก / ฉบับเปิดอเวจี

หากจะกล่าวถึง "หนังต้องห้าม" หรือ Snuff Film ภาพของหนังจำพวก August Underground, Guinea Pig : Flower of Flesh and Blood  เเละ Snuff 102 คงเเล่นเข้ามาในหัวของเเต่ละท่าน คนที่ชอบดูหนังสยองขวัญหลายๆท่านผมเชื่อล่ะว่าต้องมีได้ผ่านตาดูหนังเรื่อง Cigarette Burns มาบ้าง  หนังเรื่องนี้เป็นผลงานการกำกับของ John Carpenter ราชาหนังเขย่าขวัญแถวหน้าของโลกอีกท่านหนึ่ง  ผู้สร้างหนังสยองขวัญดังๆหลายเรื่อง  อาทิ Halloween  และThe Thing  เป็นต้น  Cigarette Burns เป็นหนึ่งในหนังชุด Masters Of Horror Season 1 ว่าแต่มันมีความน่าสนใจตรงไหนนะหรือ?   ครับหนังสยองขวัญเรื่อง Cigarette Burns หรือในชื่อภาคภาษาไทยว่า " สยองสะพรึงขวัญ "  มีเนื้อเรื่องที่ชวนให้ติดตามเป็นยิ่ง  กล่าวถึงชายผู้มีอดีตเจ็บปวดคนหนึ่งได้รับการว่าจ้างให้ช่วยสืบ-ค้นหาฟิล์มหนังสยองขวัญหายากเรื่องหนึ่งให้  ซึ่งมีตำนาน-เรื่องเล่าต่อๆกันมาว่า  หลังจากมีการสร้างหนังเรื่องดังกล่าวเสร็จ  มีการฉายให้สาธารณะชนชมเพียงแค่ครั้งเดียวแล้วก็ถูกทางการเก็บฟิล์มหนังเข้ากรุไป  เพราะเชื่อว่าหนังสยองขวัญเรื่องดังกล่าวเป็นเหตุให้ผู้ที่ได้รับชมถูกทำร้ายสภาพจิตใจอย่างรุนแรง  กลายเป็นบ้า 
             
หนังเรื่องนี้มีชื่อว่า  " la fin absolue du monde " (อ่านว่า  ลา-ฟิล-แอฟสลู-เดอร์-มอง) น่าจะเป็นภาษาฝรั่งเศสอันตรงกันคำแปลว่า " วันสิ้นโลก " อะไรประมาณนี้แหล่ะ  หนังสยองขวัญ-ภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องนี้เองที่เป็นมูลเหตุทำให้ผู้เขียนเก็บเอามาคิด(เล่นๆ)ว่า  ไอ้หนังแบบนี้มันมีอยู่จริงน่ะหรือ?  ประจวบกับในขณะนั้นผู้เขียนอยู่ระหว่างกำลังหาข้อมูลเพื่อทำวิจัยอยู่  ระหว่างที่กำลังหาข้อมูลงานวิจัยทาง Arts-Sculpture-Literature จากหนังสือ และเว็บไซต์ต่างๆก็บังเอิญไป search เจอเข้ากับเว็บไซต์แปลกๆแห่งหนึ่งเข้าโดยบังเอิญ  ซึ่งบอกเล่าความเป็นมาของ "หนังแห่งตำนาน "  เอาไว้  หนังที่ใครๆต่างก็เรียกขานกันว่า  Snuff film
             
เคยได้ยินกันมาบ้างรึเปล่าครับ Snuff film (สนัฟฟ์ฟิล์ม) หลายๆคนที่ชื่นชอบในการชมภาพยนตร์แนวสยองขวัญสั่นประสาท หรือหนังสยองขวัญ(Horror films)อาจจะพอได้ยินได้ฟังกันมาบ้าง  หลายคนไม่รู้ว่ามันคืออะไร  หลายคนเคยได้ยินแต่ไม่รู้ว่ามันเป็นหนังแนวไหน  ครับ Snuff film (สนัฟฟ์ฟิล์ม) หรือที่เป็นที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า Snap film   หรือ Short film  บ้างก็เรียกกันว่า Underground (หนังใต้ดิน)

ตามที่เข้าใจกัน Snuff film  เป็นส่วนหนึ่งของหนังแนว Cult Movies หรือที่นักดูหนังแนวนอกกระแสเรียกมันว่า "หนังคัลต์" อันหมายถึงหนังที่ไม่ได้รับการยอมรับกันในวงกว้าง(Mainstream)แต่กลับโดนใจคนดูบางกลุ่มอย่างรุนแรงถึงขั้นลุ่มหลง  Snuff film  กลายเป็นกิ่งก้านสาขาอีกส่วนหนึ่งของ Cult Movies ประหนึ่งก้านใบหรือเมล็ดร่วงหล่นภายใต้ร่มไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสาขาแยกย่อยออกมาเจริญงอกงามในแนวทางของตนเอง  Snuff film  ไม่ใช่หนังในกระแสหลักของตลาดเพราะฉะนั้นจึงเป็นการยากที่จะมีกลุ่มคนโดยมากได้ดูมัน Snuff film นั้นไม่จำเป็นต้อง Sex เสมอไป ไม่จำเป็นต้อง Porn เสมอไป  แต่ก็มีผู้รู้อีกหลายท่านให้ทรรศนะที่แย้งจากความเข้าใจแรกว่า Snuff film  นั้นน่าที่จะเป็นแขนงหนึ่งของหนังโป๊ (Porn) ในสาย Fetish มากกว่า ด้วยเหตุผลที่ว่า Snuff film  นั้นทำเพื่อจุดประสงค์คือสนองความต้องการของคนเฉพาะกลุ่มในเชิง Sex  อย่างเช่นหนังของกลุ่ม Serial Killer Underground / Dead Guy Cinema ที่เป็น Fake Snuff แต่ดูยังไงก็เหมือนหนังโป๊ ที่จับคนมาฆ่ากันชัด ๆ

"100 ตำนานหนังต้องห้าม อันตราย-เสื่อม-จิตตก / ฉบับเปิดอเวจี"........คืองานเขียนภาคต่อของ "เปิดกรุ 54 หนังต้องห้าม.......อันตราย-เสื่อม-จิตตก (ฉบับมุมมืดในใจฉัน)" ที่ซึ่งรวบรวม หนังต้องห้าม เรื่องต่างๆที่เคยผ่านตาผู้เขียนมาบ้างแล้วเพียงส่วนหนึ่ง เพื่อนำมา Presentation ให้เข้าใจร่วมกันเพิ่มเติมจากเดิม 54 เรื่อง รวบรวมจนครบ 100 เรื่อง ดังนี้
ส-ดีใจ ส-ดีใจ ส-ดีใจ ส-ดีใจ ส-ดีใจ

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

1. Insects in the Backyard
หนังในปี 2010 หนังเเนวดราม่าผลงานการกำกับของ ธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ เรื่องราวเกี่ยวกับโลกของกะเทย โลกของสาวน้อยบ้าเเฟชั่น เเละโลกของเด็กชายอายุ 15 ที่มักเเอบซ่อนตัวอยู่เเต่ในโลกไซเบอร์ กับความรัก เซ็กส์อันเเสนคุกรุ่นอยู่ภายในใจ ผลกระทบที่ตามมา เเละเส้นทางเดินสุดท้ายที่ทั้งสามต้องเลือก ว่ากันว่าหนังเรื่องนี้ถูกสั่งเเบนห้ามฉายโดยเด็ดขาดในราชอาณาจักรเพราะเชื่อว่าขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนอย่างร้ายเเรง(คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ของประเทศไทยมีคำสั่งห้ามฉายหนังเรื่อง Insects in the Backyard ในราชอาณาจักรอาศัยอำนาจตามมาตรา 29)



อ้างอิงภาพประกอบ www.oknation.net/blog/canthai/2010/11/17/entry-5




2. Tongpan (ทองปาน)
หนังไทยกึ่งสารคดี ที่สร้างขึ้นในปี 2519 เรื่องราวเกี่ยวกับชาวนาอีสานที่ได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างเขื่อนผามอง  เพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงตอนกลาง โครงการนี้เป็นโครงการของสหรัฐอเมริกาโดยได้รับการสนับสนุนจากธนาคารโลก เป็นเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก  ซึ่งเมื่อสร้างเสร็จแล้วจะทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดเลย หนองคาย หลวงพระบาง และเวียงจันทน์ จมอยู่ใต้น้ำ โดยเล่าลือกันว่าบรรดานักแสดงและทีมงานถูกใส่ความว่าเป็นผู้ต้องหากระทำการเป็นคอมมิวนิสต์ (ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย) ถูกห้ามฉายอยู่นาน โดยเฉพาะในช่วงใกล้เคียงกับเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 โดย ทองปาน (Tongpan) ฉายเป็นครั้งเเรกช่วงปลายปี 2520 ที่สถาบันเกอเธ่ บ้านพระอาทิตย์ และที่สยามสมาคม กำกับเเละเขียนบทหนังโดย ไพจง ไหลสกุล



อ้างอิงภาพประกอบ en.wikipedia.org/wiki/Tongpan




3. Syndromes and a Century (แสงศตวรรษ)
ภาพยนตร์เรื่องนี้มีกำหนดฉายในประเทศไทย ในวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2550 แบบจำกัดโรง จำนวน 2 โรง แต่ภาพยนตร์ไม่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์ เมื่อวันที่ 2 เมษายน และ 10 เมษายน พ.ศ. 2550 โดยมีเงื่อนไขให้ตัดฉากสำคัญออกไป 4 ฉาก ซึ่งทางคณะกรรมการชี้ว่ามีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กรศาสนาและองค์กรทางการแพทย์ จึงจะอนุญาตให้ฉายได้ ซึ่งอภิชาติพงศ์ ได้ตัดสินใจที่ไม่ฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ในประเทศไทย ฉากที่ไม่ผ่านการพิจารณาจากกองเซ็นเซอร์คือ 1) ฉากพระกำลังเล่นกีตาร์ 2) ฉากหมอดื่มเหล้าในโรงพยาบาลขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ 3) ฉากหมอชายจูบแสดงความรักกับแฟนสาวที่แวะมาเยี่ยมที่โรงพยาบาล ก่อนจะต้องจากกันเมื่อฝ่ายหญิงต้องย้ายไปทำงานต่างจังหวัด และเกิดอารมณ์ทางเพศจนเห็นความผิดปกติของเป้ากางเกง (ในกางเกง) และ 4) ฉากพระเล่นเครื่องร่อน (ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย) เรื่องแสงศตวรรษ ผลงานการกำกับของ อภิชาตพงศ์ วีระเศรษฐกุล(ซึ่งต่อมาได้เเก้ไขเเละฉายที่โรงพารากอนซีนีเพล็กซ์ในวันที่ 10 เมษายน 2551 เเต่หนังก็ต้องใส่ฟิล์มดำแทนฉากที่โดนตัด เพื่อแสดงถึงการโดนบังคับตัดออก)



อ้างอิงภาพประกอบ www.oknation.net/blog/print.php?id=557483




4. My Teacher Eats Biscuits (คนกราบหมา)
เป็นภาพยนตร์ตลกร้ายแนวทดลอง ที่เขียนบทและกำกับโดย อิ๋ง เค นำแสดงโดยกฤษดา สุโกศล และธาริณี เกรแฮม และถูกห้ามฉายในประเทศไทย คนกราบหมา เป็นภาพยนตร์ความยาว 2 ชั่วโมง ถ่ายทำด้วยฟิล์ม 16 ม.ม. โดยใช้ทุนส่วนตัว เป็นหนังตลกร้ายว่าด้วยลัทธิประหลาดที่ผู้คนพากันกราบไหว้หมา ภาพยนตร์มีกำหนดฉายครั้งแรกในเทศกาลภาพยนตร์กรุงเทพ ครั้งที่ 1 (Bangkok Film Festival) ปี พ.ศ. 2540 ซึ่งไบรอัน เบนเน็ทท์ พนา จันทรวิโรจน์ และหนังสือพิมพ์เดอะ เนชั่น เป็นผู้จัด ก่อนงานเปิดเทศกาลภาพยนตร์ มีผู้ส่งโทรสารร้องเรียนไปที่กองเซ็นเซอร์ภาพยนตร์ ว่าบทภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เหมาะสม และดูหมิ่นศาสนาพุทธ กองเซ็นเซอร์ภาพยนตร์เข้ามาตรวจสอบแล้ว ไม่อนุญาตให้ฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ ต่อมา คนกราบหมา ได้ไปฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่ ฮาวาย ลอสแอนเจลิส นิวยอร์ก แต่ไม่มีโอกาสได้ฉายในประเทศไทย ยกเว้นการฉายเป็นการภายใน เพียงรอบเดียวที่สถาบันเกอเธ (ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย)



อ้างอิงภาพประกอบ celinejulie.blogspot.com/2008/03/political-pa...



5. Meat Grinder (เชือดก่อนชิม)
หนังเรื่องนี้เดิมทีใช้ชื่อว่า "ก๋วยเตี๋ยวเนื้อคน" แต่ปรากฏถูกต่อต้านอย่างหนักจากกระแสสังคมจนต้องเปลี่ยนชื่อเรื่องในที่สุด หนังบอกเล่าเรื่องราวของแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวเนื้อสูตรโบราณนางหนึ่ง ซึ่งเธอมีสูตร-เคล็ดลับในการปรุงก๋วยเตี๋ยวให้อร่อยแบบลืมตายกันไปข้างหนึ่งเลยทีเดียว ภายในตัวหนังเพียบพร้อมไปด้วยฉากการทรมาน เชือด ชำแหละอย่างเลือดเย็นของแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวสุดเซ็กซ์ซี่ ว่าแต่..........จะเอาสักชามไหมล่ะ?



อ้างอิงภาพประกอบ tachibanakeita.exteen.com/20090313/entry

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

6. Art of the Devil  (ลองของ)
ภาคแรกของหนังสยองขวัญที่กลายเป็นหนังต้องห้ามในตำนานของไทยไปเสียแล้ว เรื่องราวเกี่ยวกับศาสตร์ลี้ลับ-มนต์ดำ ที่นำพาความหายนะมาสู่ผู้เกี่ยวข้อง พบกับฉากการทรมาน เลือด เสียงหวีดร้องอย่างเจ็บปวด คาถาอาคมในรูปแบบต่างๆซึ่งหลายคนต้องแอบมองผ่านง่ามนิ้วมือกันเลยทีเดียว



อ้างอิงภาพประกอบ http://hudsunlove.110mb.com/sunweb/movie/longkhong_00.jpg




7. Art of the Devil 2 (ลองของ 2)
สานต่อความบ้าคลั่งของหนังภาคต่อสุดเจ็บป่วย เรื่องเกี่ยวกับเวทย์มนต์อันร้ายกาจที่นำพาหายนะมาสู่เหยื่อและผู้ใช้ พร้อมฉากต้องห้าม-การทรมานเหยื่อด้วยเวทย์/มนต์ดำ ตัวหนังคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดและเสียงหวีดร้องที่แสนเจ็บปวดทรมาน นี่คือตำนานแห่งหนังสยองต้องห้ามอันดับ 1 ของเมืองไทย



อ้างอิงภาพประกอบ http://www.bollycircle.com/wp-content/uploads/2009/01/art-of-devil-2006.jpg




8. The witch (แม่มด)
หนังสยองชวนสติแตกผลงานของ อัลวา ริตศิลา  เรื่องราวเกี่ยวกับนางเอกที่กลับมาถึงบ้านในยามดึก  เธอมีปากเสียงกับบิดาอย่างรุนแรง  และหญิงสาวลึกลับที่แอบตามเธอมาถึงบ้าน......จะเกิดอะไรต่อนะคืนนี้!!!  เรื่องนี้พิเศษตรงที่ผู้กำกับ(อัลวา ริตศิลา)เล่นเองทุกบทบาทตลอดเรื่อง  ประมาณเล่นเอง-ถ่ายเอง  ด้วยทุนสร้าง 300 บาท(อ่านว่าสามร้อยบาทถ้วน) เป็นหนังตลกร้าย  เสื่อม.....กดดันคนดูได้เป็นเลิศ  โดยเฉพาะคำด่า  เหมือนกับขุดเอามาตั้งแต่สมัยสุโขทัย-ยุคปัจจุบัน  แรงมากๆ(ในฐานะที่เป็นหนังไทย)

ปล.  สามารถสั่งซื้อหนังเรื่องนี้และเรื่องอื่นๆของ อัลวา ริตศิลา  ได้ที่ http://madmadman.exteen.com/
หรือที่ e-mail  :   austinpowers_th@hotmail.com



อ้างอิงภาพประกอบ http://www.horrorclub.net/Images/UploadForumSub/735_31179_Image.jpg




9. Hantu Puncak Datang Bulan/ The Menstruating Ghost of Puncak (ผีทับระดูแห่งปุนจัก)
หนังต้องห้ามของประเทศอินโดนีเซีย  สร้างโดย K2K ผีทับระดูแห่งปุนจัก เป็นหนังแนว ผี/เซ็กซ์/ตลก มีดาราคุณภาพระดับแม่เหล็กอย่าง แอนดี โสรายา แสดงนำ  เนื่องจากหนังเรื่องนี้อุดมได้ด้วยฉากเซ็กซ์  ตลกหยาบโล้น ทำให้องค์กรมุสลิม Islamic Defenders Front (FPI) ประกาศว่าถ้าโรงหนังไหนกล้าฉาย พวกเขาจะบุกเข้าไปพังโรงให้ดู!!!



อ้างอิงภาพประกอบ http://duniabanyumas.files.wordpress.com/2010/02/hantu-puncak-datang-bulan1.jpg?w=313&h=448




10. Requiem for a Dream (Director's Cut) (2000)
หนังเกี่ยวกับเรื่องราวของคน 4 คน หนุ่มเพื่อนคู่หูสองคนแรกหมกมุ่นอยู่กับยาเสพติด เรื่องเสเพลต่างๆนานา  สาวแก่คนต่อมาหมกมุ่นอยู่กับการรอคอยบัตรเชิญเพื่อไปออกรายการเกมโชว์ทางทีวี รวมถึงการลดน้ำหนัก ส่วนสาวนางสุดท้ายหมกมุ่นอยู่กับยาเสพติด และเซ็กซ์วิปริต  เป็นหนังดีอีกเรื่องที่สะท้อนให้เห็นถึงพิษภัยของยาเสพติด(แต่ไม่เหมาะกับเด็กและเยาวชน เพราะหนังได้รับการจัดให้อยู่ในเรท R) ตัวหนังและเนื้อเรื่องค่อนข้างแรง นำแสดงโดย Jennifer Connelly



อ้างอิงภาพประกอบ http://www.series4fun.com/images/1300519588.jpg

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

11. Eden Lake (หาดนรก....สาปสวรรค์)
เป็นหนังที่ไม่ได้เข้าฉายในไทย เกี่ยวกับครูอนุบาลชื่อ เจนนี่ เดินทางมาพักผ่อนที่ชาดหาด Eden Lake แต่สิ่งที่ทั้งคู่ได้มิใช่สวรรค์แต่กลับเป็น "นรกบนดิน" แทน  เรื่องราวของเด็กวัยรุ่นจิตป่วย  รุนแรง  ก้าวร้าว นำมาซึ่งเหตุชวนสลด (หนังเรื่องนี้ไม่เหมาะกับคนจิตอ่อน เด็ก สตรีมีครรภ์ คนชรา และคนเป็นโรคหัวใจไม่ควรรับชม)



อ้างอิงภาพประกอบ http://famousmonstersoffilmland.com/wp-content/uploads/2008/08/eden_lake-uk-onesheet.jpg



12. Cold Prey 1-3 (ไอ้โหดเชือดลืมหนาว)
หนังสุดโหดจากประเทศนอร์เวย์  เกี่ยวกับการสังหารโหดหนุ่มสาววัยรุ่นที่ไปเที่ยวเล่นสกีแถวเทือกเขา Jotunheimen โหด-อำมหิตได้ใจ(โดยเฉพาะภาค 1 และภาค 2 ) ส่วนภาค 3 เป็นเรื่องราวความเป็นมา-ประวัติของฆาตกรโหด (ไม่ได้ฉายในไทย)



อ้างอิงภาพประกอบ http://www.flash-bang-movie-reviews.com/images/coldprey2.jpg




13. Stacy : Attack of the Schoolgirl Zombies
เรื่องเกี่ยวกับซอมบี้สาวในญี่ปุ่น กับการกวาดล้างของหน่วยปราบซอมบี้ที่ชื่อ Romero Repeat Kill Troops ภายในตัวหนังประกอบไปด้วยฉากละเลงเลือด หัวหลุด ไส้ทะลัก มากมาย



อ้างอิงภาพประกอบ http://www.the-filmreel.com/wp-content/uploads/2010/01/stacy.jpg?w=211

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

14. A Snake of June (2002)
หนังของผู้กำกับ Shinya Tsukamoto เกี่ยวกับเซ็กซ์ ความลุ่มหลง และการตอบสนองความใคร่



อ้างอิงภาพประกอบ http://www.loadmovieseries.com/wp-content/uploads/2010/02/A-Snake-of-June.jpg




15. Tokyo Gore Police
หนังสุดโหดจากญี่ปุ่น  จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อตำรวจในประเทศมีอำนาจสามารถฆ่าใครก็ได้ตามใจชอบ



อ้างอิงภาพประกอบ http://www.weloveshopping.com/shop/jellyshops/369.jpg




16. Viva La Muerte (1971)
หนังเด็ก  ที่เด็กไม่ควรดูอันดับต้นๆของโลก  หนังเกี่ยวกับสภาพหลังสงครามกลางเมืองในสเปน เด็กน้อยคนหนึ่ง(ตัวเอกของเรื่อง)พยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ความเดียวดาย เซ็กซ์ การดำรงชีวิต และความตาย คือสิ่งที่เด็กน้อยต้องเสาะแสวงหา หนังคัลท์เซอร์เรียลเเรงสุดกู่ผู้ยึดมั่นในศีลธรรมงดรับชมโดยเด็ดขาด



อ้างอิงภาพประกอบ http://www.dvdcanfly.com/images/products/Viva-La-Muerte.jpg




17. The Holy Mountain (1973)
หนังของ Jodorowsky กับเรื่องราวความสุดโต่งทางจิตวิญญาณ  บ้าคลั่ง วิปลาส สติแตกแบบกู่ไม่กลับ เป็นหนังที่ฉีกกฎประเพณีอย่างร้ายกาจ สร้างความตื่นตะลึงแบบเต็มเหยียด เรื่องราวในหนังเกี่ยวกับการเดินทางค้นหาสัจธรรมขั้นสูง ณ ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ที่ชื่อ The Holy Mountain



อ้างอิงภาพประกอบ movie-megastore.com/2010/04/05/the-holy-mount...




18. Concrete-Encased High School Girl Murder Case por Katsuya Matsumura (1995) เเละSchoolgirl in Cement por Hiromu Nakamura (2004)
คือหนังสองเรื่องที่ได้รับอิทธิพลการสร้างมาจากเหตุการณ์จริงชวนช๊อคโลกในประเทศญี่ปุ่น สร้างจากชีวิตจริงของ จุนโกะ ฟูรุตะ(junko furuta) นักเรียนสาววัย 17 ผู้ถูกทรมานย่ำยีจนตายภายในบ้านหลังหนึ่ง



อ้างอิงภาพประกอบ http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1702328




19. Eat The School Girl
เรื่องราวภายในแก๊งค์ยากูซ่า เกี่ยวกับพฤติกรรมชื่นชอบทางเพศอันตราย การชื่นชอบการชำเราหญิงสาวอย่างหมกมุ่น เซ็กซ์โฟน การถ่ายทำวีดีโอในแบบฉบับ Snuff Film กับนางฟ้าสาวสวยที่คอยบงการให้หนุ่มๆออกล่าเหยื่ออย่างวิปริต



อ้างอิงภาพประกอบ http://1.bp.blogspot.com/_rIzK0d5QSjw/SoRBi3EnrCI/AAAAAAAABm8/77bw75QkF1A/s320/Eat_schoolgirl.jpg




20. Thundercrack
หนังโป๊แนว Underground ที่แสนแปลกประหลาด หาชมยาก รวมสุดยอดความวิปริต จิตเจ็บป่วย เพี้ยน วิตถาร ไว้อย่างครบถ้วน ไม่แปลกที่หนังเรื่องนี้จะถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ของหนังต้องห้าม-หนังอันตราย



อ้างอิงภาพประกอบ http://sinerama2.com/zencart/images/THUNDERCRACK_FRONT.jpg

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

21. A Serbian Film (2010)
หนังสัญชาติเซอร์เบีย  เกี่ยวกับคนชื่อ Milos ซึ่งกำลังประสบกับปัญหาทางด้านการเงินอย่างรุนแรง กับการชักชวนของกลุ่มคนลึกลับให้มาเล่นหนังอาร์ตเพื่อเงินก้อนโต โดย Milos หารู้ไม่ว่าหนังเรื่องที่รับเล่นคือ Snuff Film สุดอันตราย  กระชากจิตทางด้านมืดแบบสุดกู่ เสื่อม จิตตก อันตราย ปลุกสัญชาตญาณดิบในตัวให้ลุกโชตช่วง (หนังอันตราย : ไม่เหมาะสำหรับคนจิตอ่อนหรือเชื่อมั่นยึดมั่นทางศีลธรรม)



อ้างอิงภาพประกอบ http://twitchfilm.com/news/SerbianFilmPoster.jpg




22. Cruel Restaurant
สูตรลับในการปรุงเกี๊ยวแสนอร่อย บางครั้งต้องแลกมาด้วยชีวิตของใครบางคน หนึ่งสาวสวย เสน่ห์แรง กับกรรมวิธีการหมักเครื่องเพื่อทำไส้เกี๊ยวแสนอร่อย.......คุณพร้อมจะชิมแล้วหรือยัง?



อ้างอิงภาพประกอบ http://www.weloveshopping.com/shop/djseries-cm/CR057.jpg




23. Guts Of A Virgin 1-3
การทำงานของคนกลุ่มหนึ่ง เงินดี สบาย งานถ่ายหนัง X  แต่แล้วเกิดเหตุพลิกผันบางอย่างอันนำมาซึ่งความสยดสยอง(ปนหวาดเสียว)กับปีศาจตนหนึ่ง ที่มาพร้อมกับเจ้าน้องชายขนาดมหึมา  หนังเรื่องนี้หลายประเทศไม่ยอมให้นำเข้าประเทศโดยเด็ดขาด



อ้างอิงภาพประกอบ http://pics.filmaffinity.com/Guts_of_a_Virgin_AKA_Entrails_of_a_Virgin-779702194-large.jpg




24. Santa Sangre(1989)
เป็นหนังแปลกที่มีความรุนแรงมากทั้งภาพ เนื้อหา และแนวคิด นำเสนอให้เห็นทั้งฉากการตัดอวัยวะ ความทรมาน และการมีเพศสัมพันธุ์อย่างรุนแรงในคณะละครสัตว์ พร้อมการตายอย่างลึกลับของใครอีกหลายคนอันเกิดขึ้น พร้อมกับคำถามตามมาว่าใครคือฆาตรกร หนังรุนแรงสำหรับคนใจแข็ง(เท่านั้น) ใจไม่ถึงหลบไปให้ไกลๆ



อ้างอิงภาพประกอบ http://1.bp.blogspot.com/_nYA4FgjdKyI/S6WbwGdtrFI/AAAAAAAAAao/vxEPO_JAZpE/s400/santa+sangre45.jpg




25. Fat Girl (2001)
หนังประเภทมีเนื้อหาล่อแหล่มสุดกู่จำพวกพรากผู้เยาว์ ผลงานการกำกับของ Catherine Breillat ด้วยเนื้อหาล่อแหลม รุนแรงทางเพศ แรงจนบางรัฐในประเทศแคนาดาเคยสั่งแบนห้ามฉายหนังเรื่องนี้โดยเด็ดขาดมาแล้ว



อ้างอิงภาพประกอบ http://sinema.yedincigemi.com/thumb/big/tt0243255.jpg




26. Henry : Portrait of a Serial Killer (1986) ; John McNaughton
เรื่องราวของฆาตกรคนหนึ่งที่มักชื่นชอบการฆ่าคนในรูปแบบที่แตกต่างกัน กำกับและเขียนบทหนังโดย John McNaughton เเละ Richard Fire



อ้างอิงภาพประกอบ http://fetchblog.com/wp-content/uploads/2007/10/henry.jpg

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

27. Caligula
หนังย้อนยุคเกี่ยวกับชีวิตของกษัตริย์ที่ชื่อ Caligula หนังได้รับเรท X ผลงานการกำกับของผู้กำกับสุดอื้อฉาวนาม Tinto Brass ได้ดารานำแสดงอย่าง Malcolm McDowell, John Gielgud, Peter O'Toole เเละ Helen Mirren ตัวหนังเรื่องนี้อื้อฉาวมากๆ จนถูกห้ามฉายในหลายๆประเทศ



อ้างอิงภาพประกอบ http://www.publispain.com/posters/caligula.jpg




28. Freeze Me
หญิงสาวนางหนึ่ง ย้ายที่อยู่เพื่อเริ่มชีวิตใหม่กับคนรัก แต่หิมะ อดีต และเหล่าชายโฉดกลับตามมาเพื่อทำลายชีวิตคู่ของเธอ การล้างแค้น เซ็กซ์ ข่มขืน ทรมาน และความตาย จึงบังเกิดขึ้น ณ ที่แห่งนั้น มาดูกันว่าสาวน้อยนางนี้คุณเธอจะสามารถซ่อนศพที่เธอสังหารเหล่านั้นไว้ตรงไหนในห้องพักอย่างแนบเนียน



อ้างอิงภาพประกอบ http://www.bkkdrama.com/attach/1266062278.jpg




29. Benny's Video
เรื่องของเด็กมัธยมคนหนึ่ง เก็บตัว ชอบการบันทึกวีดีโอ แต่เป็นวีดีโอวิปริตในการเก็บภาพวินาทีสังหารสัตว์บางจำพวก(หมู)เก็บเอาไว้ดูซ้ำไปซ้ำมาอย่างน่าพองขนหัว  วันหนึ่งความคิดที่จะเลียนแบบฆ่าคน(แบบการฆ่าหมู)ก็บังเกิดขึ้นในหัวของเด็กคนนี้



อ้างอิงภาพประกอบ http://movieposters.2038.net/p/Benny%27s-Video.jpg




30. Pink Flamingo
ของผู้กำกับ John Water ในปี 1972 เรื่องนี้น่าจะจัดเป็นหนังทำร้ายจิตใจคนดูมากกว่าที่จะเป็นหนังสยองขวัญ โดยฉากที่กล่าวขาดเป็นตำนานในหนังเรื่องนี้คือ ฉากที่ Divine กินขี้หมาสดๆอย่างชวนอ้วกเเตก ซึ่งฉากนี้เองทำเอาคนดูหนังถึงกับอ้วกแตกคาโรงมาแล้ว เป็นการถ่ายแบบ Long Shot ที่ทำร้ายจิตใจคนดูได้อย่างเป็นเลิศ นำพาความวิบัติแบบสุดขั้วมาสู่กลุ่มผู้ชมอย่างถึงพริกถึงขิง เรียกว่าดูแล้วต้องจำไปจนวันตายก็มิปาน



อ้างอิงภาพประกอบ http://i12.photobucket.com/albums/a237/vernonfl/Pink_Flamingos.jpg




31. Snuff / 1976
ปี ค.ศ. 1976 หนังสยองขวัญชื่อ Snuff ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ โดยเล่าลือกันว่าหนังเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากประวัติของ Charles Manson เล่าลือกันหนักเข้าไปอีกในหมู่คนดูหนังสยองขวัญว่าหนังเรื่อง Snuff ที่กำลังเข้าฉายในโรงหนัง ณ ห้วงเวลานั้นมีการฆ่านักแสดงกันจริงๆ  โกลาหลกันใหญ่ว่านักแสดงในเรื่องตายจริง 



อ้างอิงภาพประกอบ http://imageshack.us/photo/my-images/195/snuff.jpg/





****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

32. Necromentia
หนังโหด-หลอน ปี 2009 ผลงานการกำกับของ Pearry Reginald Teo บทหนังโดย Pearry Reginald Teo และ Stephanie Joyce เกี่ยวกับชายหนุ่มที่เศร้าโศกเสียใจเพราะภรรยาสุดรักด่วนจากไปก่อนวันอันควร อยู่มาวันหนึ่งเขาเกิดทำเรื่องบางอย่างพลาดทำให้ต้องตกลงไปยังนรกทั้งที่ยังไม่ตาย เขาได้พบกับภูตผีปีศาจ หมู?  ตัวประหลาดมากมาย รวมถึงภรรยาของเขาด้วยแต่ปัญหาก็คือ......เธอไม่ใช่คนเดิมแล้ว!!!  หนังเรื่องนี้มีฉากหวาดเสียวเยอะมาก(NC-20)



อ้างอิงภาพประกอบ www.horrorclub.net/ForumDetails.aspx?ForumID=1406




33. Rumah Dara/ Macabre (เรือนซ่อนรักแร้)
หนังสุดโหดใต้ตมเลือดของทางประเทศอินโดนีเซียปี 2009 ผลงานการกำกับและเขียนบทหนังโดย Kimo Stamboel เเละ Timo Tjahjanto เรื่องราวเกี่ยวกับการล่อลวง และฆาตกรรมหญิงสาวหลายนางในประเทศอินโดนีเซีย กับบ้านน้อยหลังหนึ่ง เงียบ สงบ แต่แสนคลุ้มคลั่ง กับเรื่องราวการดำรงร่างแห่งอมตะชีพ ที่ต้องแลกด้วยเลือดเนื้อและชีวิตของผู้อื่นเป็นสินทดแทน ไม่น่าเชื่อว่าหนังของประเทศอินโดนีเซียจะสามารถสร้างออกมาได้รุนแรงขนาดนี้



อ้างอิงภาพประกอบ http://3.bp.blogspot.com/_ybp43IUQXxs/S1wj2XhX_TI/AAAAAAAAAAU/6g31ckx2vSM/s1600/6572_135181823704_68654138704_2395384_4481365_n.jpg




34. Hellevator-The Bottled Fools (ลิฟท์นรก คืนคลั่ง)
ณ ลิฟท์แห่งนั้นเองที่ Rukino Fujisaki ได้แอบวิ่งหนีเข้ามาหลบภัยจากการจับกุมของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง เธอได้พบกับเพื่อนสาวร่วมชั้นเรียนของเธอเอง และผู้คนต่างๆมากหน้าหลายตาภายในพาหนะขนส่งผู้คนแห่งเดียวที่ชาวเมืองใช้ร่วมกันจนเป็นกิจวัตร ผู้คนและสภาพแวดล้อมแบบแปลกๆผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเดินย่างเข้ามาหาเธออย่าช้าๆ จวบจนพนักงาน สาวสวยผู้บังคับลิฟท์ต้องเลื่อนไปรับเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งที่ชั้น 99 นำตัวนักโทษคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ 2 รายเข้ามาภายในลิฟท์เพื่อขนตัวไปยังชั้นกักขังนักโทษชั้นพิเศษ นักโทษโรคจิตวิปริตแบบสุดขั้ว และสุดแสนอันตรายที่จะต้องถูกส่งตัวลงไปที่ชั้น "กักตัวพิเศษ" พร้อมเสียงเล่าลือกันของผู้คนภายในลิฟท์แห่งนั้นถึงชั้นจอดลิฟท์ปริศนาที่ตำนานแห่งเมืองเรียกว่า " 0 Zero" นางเอกสาวของเรื่องอย่าง Rukino Fujisaki เธอนิยมชมชอบที่จะแอบซ่อนตัวเข้าไปอ่านใจผู้คนภายในเมืองแห่งนี้อย่างสนุกสนาน เธอได้อ่านใจผู้คนภายในลิฟท์อย่างช้าๆ เรื่องราวความมืดบอดมากมายถูกถ่ายทอดมายังเธอ จวบจนเผลอยับยั้งชั่งใจไว้ไม่อยู่ ไปอ่านใจและอดีตอันแสนวิปริตของหนึ่งในสองนักโทษอันตรายเข้า และผู้มาเยือนอีกหนึ่งที่กำลังแอบจ้องมองเธออยู่ภายในลิฟท์ ชายหนุ่มใส่แว่นดำสภาพเฉื่อยชาคนเดียวที่ Rukino Fujisaki ไม่สามารถอ่านใจหรืออดีตของเขาได้เลย ภายในจิตของคนๆนี้มีสภาพว่างเปล่า ความสงสัยในใจของ Rukino Fujisaki ต่อชายแว่นดำปริศนามีมากขึ้นเรื่อยๆ และทันใดนั้นเอง โซ่ตรวนสำหรับใช้พันธนาการสองนักโทษก็ได้หลุดออกมากกัน จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผู้โดยสารภายในลิฟท์แห่งนั้นเกือบสิบคนต้องกลายมาเป็นแหล่งอาหาร-เหยื่ออันแสนโอชะแห่งการบริโภคเนื้อคนสุดวิปริตมื้อนี้ มาดูกันว่าสองนักโทษสุดโหดกับวินาทีสติแตกของผู้คนภายในลิฟท์ที่เผยธาตุแท้ตัวตนจริงๆออกมาใครจะน่ากลัวกว่ากัน



อ้างอิงภาพประกอบ http://4.bp.blogspot.com/_8lK2el5pnbU/TLJGTOlBiMI/AAAAAAAAHwA/sc2ix-wSCqk/s1600/hellevator.jpg




35. 13 Tzameti (หมายเลข 13 เกมสั่งตาย)
ณ กาลครั้งหนึ่งในห้องหับสีขาวนวล ไร้ซึ่งแสงไฟ แต่มีหลากหลายผู้คนคอยเฝ้าแลมองด้วยจิตที่แสนจดจ่อ รอสัญญาณเสียงร้องรับ ขยับปลายกระบอกมัจจุราชสีดำสะพรึงสยอง ให้แม่ได้ใกล้ชิดกับลูกอีกครา บัดดลต่อมาจึงชูทั้งสองขึ้นเหนือหัวแล้วหมุนลูกโม่ไปเรื่อยๆ หยุด หยุดเถิดพ่อหนุ่ม พญายมทูตเริ่มเป่าปากร้องเรียกด้วยปรารถนา เหนี่ยวไกเถิดคนกล้าปลดปล่อยดวงวิญญาอันแสนอ่อนล้าอีกหลายวงดวงในห้องหับแลแสงจากหลอดไฟที่สว่างวาบ กลิ่นควันคละคลุ้ง เสียงเฮฮาจากผู้เริงร่ายินดี โบกมือลา รอยยิ้มของผู้กล้า และดวงตาที่ร่ำไห้ เรื่องราวการดำรงชีวิตในประเทศฝรั่งเศสของเด็กหนุ่มนาม Sébastien ผู้อพยพชาวจอร์เจียอันแสนยากไร้ ตามครอบครัวมาแสวงโชคหางานทำในดินแดนน้ำหอม วันหนึ่งเขาได้รับการว่าจ้างให้มาซ่อมหลังคาบ้านของชายชื่อ Jean-François Godon ซึ่งขณะนั้นเองชายเจ้าของบ้านได้เสพยาเสพติดเกินขนาดจนถึงแก่ชีวิต ระหว่างที่ตำรวจง่วนอยู่กับการสืบหาที่มาที่ไปของมอร์ฟีนที่ Godon เสพเข้าไปจนเกินขนาด ภรรยาหม้ายของเขาไม่สามารถหาเงินค่าซ่อมหลังคามาจ่ายแก่ Sébastien ได้ แต่ถึงกระนั้น Sébastien ก็ไปแอบได้ยินคนในบ้านพูดกันถึงงานใหญ่งานหนึ่งที่จะทำให้ได้มาซึ่งเงินจำนวนมหาศาล ปลายทางสถานที่ถูกเก็บซ่อนไว้ในซองจดหมายสีน้ำตาลฉบับหนึ่ง ด้วยความอยากได้ทรัพย์ก้อนโตทำให้ Sébastien แอบขโมยมันมา ข้างในซองจดหมายใบนั้นเอง ปรากฏวัน-เวลาการออกเดินทางไปสู่จุดนัดหมาย พร้อมตั๋วเดินทางโดยสารรถไฟที่มีการเตรียมไว้ให้แล้ว ถึงไม่รู้ว่าข้างหน้ามีอะไรรอเขาอยู่ แต่ด้วยเงินจำนวนมากที่รอคอย Sébastien จึงตัดสินใจออกเดินทางตามที่อยู่ในซองจดหมายฉบับนั้นระบุไว้ จนในที่สุดเขาก็ได้พบเข้ากับคนขับรถรับส่งสินค้า ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ประตูรถเปิดอ้ารอผู้ที่มีเทียบเชิญหมายเลข 13



อ้างอิงภาพประกอบ
http://www.signis.net/malone/img/wiki_up/13tzameti.jpg





36. Freakshow (โชว์ชำแหละสยอง)
เรื่องราวของโจรกลุ่มหนึ่งที่ถูกกระทำทารุณกรรมภายในคณะแสดงโชว์ประหลาด เรื่องราวการกำเนิดของมนุษย์หนอนอันแสนอัปลักษณ์ ด้วยเนื้อหาและการเน้นภาพที่รุนแรงจึงถูกสั่งแบนห้ามฉายใน 43 ประเทศ



อ้างอิงภาพประกอบ http://www.circusfolks.com/oddities/freakshowposter.jpg




37. Flower & Snake 1-3 (บุปผากับอสรพิษ 1-3)
ผลงานการกำกับของ Takashi Ishii เรื่องราวเกี่ยวกับองค์กรมืดใต้ดินที่นิยมจับหญิงสาวมากระทำชำเราด้วยกรรมวิธีการ "มัด" อันเป็นที่นิยมกันในหมู่คนบางพวก การแสดงที่แสนอันตรายร้ายกาจ เซ็กส์ กามรมณ์อันคุกรุ่นอยู่ภายในจิต ฉากการทรมานและข่มขืนเหยื่อช่วงส่งให้หนังเรื่องนี้ถูกแบนไปแล้วในหลายประเทศ



อ้างอิงภาพประกอบ http://static.weloveshopping.com/shop/jubujubushops/M113.jpg






38. The Hills Have Eyes (โชคดีที่ตายก่อน)
หนังโหดปี 2006 โดยผู้กำกับ Alexandre Aja ผู้สร้าง Haute Tension ให้มีชื่อเสียงก้องโลก The Hills Have Eyes หรือ "โชคดีที่ตายก่อน" คือหนังสยองขวัญที่มีดีกรีความโหดไม่ธรรมดา วันฉลองครบรอบการแต่งงานของครอบครัวหนึ่งกำลังจะกลายเป็นฝันร้ายที่พวกเขามิอาจลืมเลือน รถพาหนะสำหรับเดินทางที่ถูกโจมตีกลางทะเลทราย กับกลุ่มคนประหลาดที่นิยมบริโภคเนื้อมนุษย์เป็นอาหารอันโอชะ เรื่องนี้เลือดท่วมจอ รุนแรง ดิบ ไม่เหมาะสำหรับคนขวัญอ่อน



อ้างอิงภาพประกอบ http://movies.narak.com/preview/the_hill_have_eyes/hills_have_eyes.jpg

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

39. Battle Royale  เกมนรกสถาบันพันธุ์โหด)
หนังญี่ปุ่นพล็อตสุดโหดในปี 2000 ของผู้กำกับ Kinji Fukasaku ทุกปีจะมีการจับฉลากเพื่อเลือกนักเรียนเข้ามาร่วมเล่นเกม Battle Royale นักเรียนห้องที่ซวย 1 ห้องของประเทศเท่านั้นที่จะต้องเข้าร่วมเล่นเกมนี้ กฎของเกมคือทำยังไงก็ได้ให้คนอื่นในห้องตายให้หมด ส่วนเรารอด สโลเเกน "ฆ่ากันซะไอ้หนู คนรอดจะมีเพียงหนึ่งเดียว!!!" ด้วยเนื้อเรื่องที่โหด เสื่อม โรคจิต จึงทำให้ Battle Royale กลายเป็นหนังที่กล่าวขวัญกันในหมู่นักดูหนังแนวสยองขวัญได้ไม่ยาก



อ้างอิงภาพประกอบ http://www.dvdup2u.com/images/1211253686.jpg




40. Battle Royale 2 (เกมนรกสถาบันพันธุ์โหด 2)
ภาคต่อของหนังฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เพื่อลดจำนวนประชากรภายในประเทศหนึ่ง กับแนวคิดของกลุ่มต่อต้านที่ต้องการปลดแอกอิสรภาพ ใครกันคือฝ่ายที่กำชัย?



อ้างอิงภาพประกอบ http://3.bp.blogspot.com/_KcZyZd0zaOk/TE2smhrhSWI/AAAAAAAAFl8/VjnDcOe_sAQ/s640/Battle+Royale+2+(2003)+%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%AB%E0%B8%94+2+%5BVCD+MASTER+%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%5D.jpg





41. REC (ปิดตึกสยอง)
หนังสเปน  กับมุมกล้องถ่ายสาระคดีที่สมจริงแบบสุดๆ  ระทึกขวัญ  เลือดนอง  หัวใจเต้นรัวเป็นกลองศึก  เป็นหนังแนวผีลืมหลุมที่สมจริงที่สุดพร้อมมุมมองในแบบกล้องถ่ายสาระคดี.......อย่าลอง  ถ้าใจไม่ถึง!!!



อ้างอิงภาพประกอบ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=prince-who&month=06-2008&date=08&group=2&gblog=1



42. REC 2 (ปิดตึกสยอง 2)
ยังคงมุมกล้องอันเป็นเอกลักษณ์แห่ง REC ได้อย่างสมบูรณ์  ภาคนี้จะเฉลยถึงที่มาที่ไปของมูลเหตุแห่งปัญหาทั้งปวง เลือดสาด จิตตก หวาดผวา ครบทุกอารมณ์!!!  อนึ่ง  REC ภาค 3 และ 4 คงใกล้ออกภายในปี 2554 นี้แล้ว



อ้างอิงภาพประกอบ http://2.bp.blogspot.com/_bD6ivc-fctk/S4wkKtkVRmI/AAAAAAAAJVU/p_ajd158Z7c/s400/Rec+2+(2009).jpg




43. Hostel (นรกรอชำแหล่ะ)
เล่าลือกันอย่างหนาหูว่าผู้กำกับหนังเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจการสร้างหนังเรื่องนี้จากโฆษณาในเว็บไซต์แห่งหนึ่ง(ในไทย)  ที่กล่าวอ้างว่ามีบริการสุดวิปริต " ล่ามนุษย์ " สำหรับลูกค้าแนวซาดิสม์และกระเป๋าหนัก  เปิดฉากด้วย 2 นักท่องเที่ยวหนุ่มชาวอเมริกัน และ 1 ไอซ์แลนด์  ออกเดินทางจากอัมสเตอร์ดัม-ฮอลแลนด์  มุ่งสู่เมือง Bratislava ในประเทศสาธารณรัฐสโลวัก  เพื่อหวังไปเที่ยวแบบเซ็กซ์ทัวร์  แต่ปรากฏว่าสิ่งที่พวกเขาทั้ง 3 ได้ปรากฏพบกลับเป็น............?    เตรียมพบกับฉากความรุนแรงของเด็กน้อยที่แลดูใสซื่อบริสุทธิ์ข้างถนน  ฉากการทรมานเหยื่อที่หลายคนต้องแอบมองผ่านง่ามนิ้วมือ  และฉากจบ(ในห้องน้ำ)อันแสนรุนแรง



อ้างอิงภาพประกอบ http://www.siambig.com/shop/photo_product/penguinmovieshop156641.jpg




44. Hostel 2 (นรกรอชำแหล่ะ 2)
ภาคต่อของนรกรอชำแหล่ะ กับฉากการสังหารโหดสุดแสนวิปริต  ทั้งฉากการเชือดเหยื่อเพื่ออาบโลหิตใต้แสงเทียน ฉากการสังหารเด็ก และฉากการชำแหล่ะ-กินเนื้อมนุษย์สดๆอย่างน่าสะอิดสะเอียน



อ้างอิงภาพประกอบ http://mobilemoviezone.com/posters/hostel2.jpg




45. Hostel 3 (นรกรอชำแหล่ะ 3)
สานตำนานไตรภาคแห่งการชำแหล่ะที่หลายคนเฝ้ารอคอยด้วยใจจดจ่อ  ภาคนี้จะมีอะไรมาฝาก แฟนคลับของ Hostel คงต้องรอลุ้นกันเสียหน่อย



อ้างอิงภาพประกอบ http://media.filmschoolrejects.com/images/roth-hostel.jpg

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

46. Saw 1-7 (เกม-ตัด-ต่อ-ตาย)
ภาคกำเนิดในปี 2004 ผลงานการกำกับของ James Wan เขียนบทหนังโดย Leigh Whannell, James Wan เเละทีมงาน หนังสยองขวัญที่จัดเป็น "ตำนานต้องห้ามแห่งหนังสยองขวัญยุคใหม่"  ด้วยการดำเนินเนื้อเรื่องที่ฉับไว กับดักสุดไฮเทค และชวนสยดสยองจึงทำให้ Saw  ได้รับความนิยมจากนักดูหนังสยองขวัญอย่างต่อเนื่อง เรื่องราวของจอมวายร้ายระดับตำนานนาม "จิ๊กซอร์" พร้อมคำพูดอันเป็นอมตะวาจา "ฉันอยากเล่นเกม" ภายในประกอบเพียบพร้อมไปด้วยฉากการสังหาร เลือด เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด และแสนทรมาน โดยเฉพาะฉากเลื่อยขาในภาค 1 ถือว่ากดดันคนดูเป็นที่สุด ซึ่งภาคต่อๆมาของ Saw ต่างคงขนบธรรมเนียมความหวาดเสียว-สยดสยองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนไม่เป็นที่ยอมรับให้สามารถฉายในโรงหนังในเมืองไทยได้ ส่วน Saw ภาคที่ได้รับการกล่าวขานกันว่าดีที่สุดตลอดกาลคือ Saw ภาคที่ 1 ทีเด็ดของภาคนี้นอกจากจะเป็นฉากตัดขาด้วยเลื่อยอย่างน่าหวาดเสียวแล้ว ฉากจบยังถือเป็นจุดสูงสุดของตัวหนังเรื่องนี้อีกด้วย เรียกว่าจบหักมุมชนิดคนดูหงายหลังกันเป็นแถว



อ้างอิงภาพประกอบ http://www.enjoyjam.net/img_upload/image/saw-7-1.jpg




47. Schramm (จิตวิปริต)
หนังปี 1993 ผลงานการกำกับของ Jörg Buttgereit เขียนบทหนังโดย Jörg Buttgereit เเละ Franz Rodenkirchen ผู้กำกับนำเสนอโลก และการดำเนินชีวิตของฆาตกรโรคจิตคนหนึ่ง ที่มีโลกส่วนตัวค่อนข้างแปลกประหลาดและวิปริตมาก เริ่มตั้งแต่ทาสีบ้านอยู่พักใหญ่ เดินไปเดินมาจนคนดูชวนเวียนหัว มีอะไรๆกับตุ๊กตายาง และที่ถือเป็นฉากเด็ดเล่นเอาคุณผู้ชายที่ดูหนังเรื่องนี้ร้องซี๊ดดดดกันเป็นแถวก็คือ พอคุณพี่แกเคลิ้มได้ที่ เลยไปหยิบเอาค้อนและตะปูมาอย่างละ 1 ร่างคุณพี่ท่านเปลือยเปล่าล่อนจ้อนอยู่ภายในห้อง หยิบเจ้าน้องชาย(จู๋)ขึ้นมาวางพาดไว้บนขอบโต๊ะ ตะปูวางไว้ตรงกลางท่อน แล้วค้อนก็ตอกลงไป หลายคน(คุณผู้ชาย)บอกเห็นฉากนี้แล้วอยากเป็นลม



อ้างอิงภาพประกอบ http://www.horrorclub.net/Images/UploadForumSub/735_31186_Image.jpg




48. Funny games 1977 (เกมเขย่านรก)
Michael Haneke ในปี 1997 (ซึ่งต่อมา Michael Haneke ก็เอามาสร้างใหม่อีกครั้งในปี 2007) ได้รับการกล่าวขวัญกันว่า Funny games ฉบับออริจินัลปี 1997 คือหนังแนวเขย่าขวัญที่ได้รับการการันตีกันว่าทำให้คนดูเหมือนตกอยู่ในขุมนรกยังไงยังงั้นเลย  ภายในตัวหนังท่านจะได้พบเกมที่แสนสนุกของสุดยอดผู้กำกับ ไมเคิล ฮาเนเก้  ผู้ที่จะมาทำให้ฝันร้ายของท่านนั้นเป็นจริง  เกมบ้าๆบอๆที่จะทำให้คุณต้องจำไปจนวันตาย!!!



อ้างอิงภาพประกอบ http://www.thecinematheque.com/poster_funnygames1.jpg






****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0

คุณาพร.

49. Fudoh : The New Generation (ฟูโด/พ่อฆ่าลูก  ลูกฆ่าพ่อ)
คือหนังที่มีเนื้อหารุนแรงแห่งปี 1996  ของผู้กำกับ Takashi Miike Fudoh : The New Generation เล่าเรื่องราวการฆ่า ล้างแค้นของพ่อ-ลูก ในตระกูลที่เรืองอำนาจตระกูลหนึ่งในญี่ปุ่น พร้อมด้วยฉากการฆ่า หั่น ที่น่าขนหัวลุก นอกนี้หนังยังเล่นกับประเด็นความรุนแรงในเยาวชน การฝึกเด็กตัวเล็กๆไว้สำหรับเพื่อเป็นนักฆ่าส่วนตัว สุดท้ายเมื่ออำนาจมันแสนหอมหวนยิ่งนัก ระหว่างพ่อ(พ่อแท้ๆ)กับลูกชาย ใครจะอยู่ใครจะตาย!!!



อ้างอิงภาพประกอบ http://aznpic.com/macimg/2011/05/fudoh.jpg




50. Girl hell (นรก/ผู้หญิง)
การถูกทารุณกรรมของหญิงสาว ณ เมืองๆหนึ่งอย่างแสนสาหัส ข่มขืน ทำร้าย  บ้าคลั่ง เสื่อม จิตตก น้ำตาที่หลงเหลือและหลั่งออกมา บางครั้งมันไม่ได้ช่วยอะไรเธอเลย ฉากสุดท้ายล่ะจะเป็นเช่นไร?



อ้างอิงภาพประกอบ http://www.mankind666.com/Poster/Image/GirlHell1999_ver1.jpg




51. imprint  (มนต์สยองของปล่อย)
หนังโหดโรคจิตวิปลาสปี 2006 ของผู้กำกับ Takashi Miike เขียนบทหนังโดย Shimako Iwai เเละ  Daisuke Tengan หนึ่งใน Masters Of Horror Season 1 ที่ได้รับการกล่าวขานกันว่าสร้างได้วิปริตและเจ็บป่วยทางจิตแบบสุดสุด  หลายประเทศถึงกับแบนห้ามฉายหนังเรื่องนี้มาแล้ว เรื่องราวเกี่ยวกับชายชาวตะวันตกวัยกลางคนที่กำลังตามหาหญิงคนรักที่จากกันมานานด้วยความถวิลหา  กับหญิงสาวสวย(สวยซีกเดียว)คนหนึ่งซึ่งเธอเป็นนางโลม ยิ่งตามหาก็ยิ่งหลอน ยิ่งตามเจอก็ยิ่งค้นพบสิ่งที่น่ากลัวในตัวเธอ พร้อมความทรมานแห่งตัณหาต้องห้ามที่เขาจะต้องจำไปจนวันตาย!!!



อ้างอิงภาพประกอบ http://www.dvdup2u.com/images/1272785744.jpg



52. Shogun's Sadism (โชกุนซาดิสม์)
หนังออกฉายปี 1976 ที่ญี่ปุ่น โดยมี Yuuji Makiguchi เป็นผู้กำกับ ส่วนบทหนังได้ Seikô Shimura เเละ Ichirô Ôtsu สร้างพล็อตเรื่องให้ หนังเรื่อง Shogun's Sadism หรือในชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า Tokugawa onna keibatsu-emaki: Ushi-zaki no kei คือหนังที่เล่าเรื่องราวความวิปริตผิดมนุษย์ และความโหดร้ายของโชกุนในสมัยโบราณของประเทศญี่ปุ่น(ยุค Tokugawa หรือ Edo)ให้คนดูได้อึ้ง-ทึ่ง-เสียว กับลีลาความโหดในการทรมานพวกนับถือหนังเล่าเรื่องราวความวิปริตผิดมนุษย์  และความโหดร้ายของโชกุนในสมัยโบราณของประเทศญี่ปุ่น(ยุค Tokugawa หรือ edo)ให้คนดูได้อึ้ง-ทึ่ง-เสียว  กับลีลาความโหดในการทรมานพวกนับถือคริสเตียนอย่างบ้าคลั่ง



อ้างอิงภาพประกอบ http://www.mankind666.com/Poster/Image/ShogunsSadism_ver2.jpg

****** บทความพิเศษ : เปิดกรุหนังต้องห้าม (Prohibited Films) *******
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=19768.0

เว็บบอร์ดส่วนตัว  :  ห้องคุยกับคุณาพร
http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0