อารีย์ ไกรนรา ปัดเอี่ยวแก๊งบึ้มเอ็ม79

[itplaza]

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 16 ก.ค. นายอารีย์ ไกรนรา อดีตเลขานุการ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าการ์ดแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวปฏิเสธว่า ไม่รู้จัก ไม่เคยเห็นหน้าคาดตาผู้ต้องหาทั้ง 7 ราย ในคดีร่วมกันใช้เครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 ใส่พื้นที่ชุมนุมของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) หน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ เมื่อวันที่ 23 ก.พ.57 ที่ผ่านมามาก่อน และการที่นายชัชวาล หรือชัช ปราบบำรุง หนึ่งในผู้ต้องหา ได้กล่าวอ้างว่า มีคนชื่อ นายต้อม ไม่ทราบชื่อและนามสกุล เป็นลูกน้องของตนมาจ้างวานด้วย ปืน 2 กระบอกให้ก่อเหตุ ก็ไม่เป็นความจริง ขณะนี้ได้เช็คไปที่ลูกน้องคนสนิททุกคนแล้วไม่พบว่าใครชื่อต้อม 



" กลุ่มคนผู้ต้องหาเหล่านี้ผมไม่รู้จัก 100เปอร์เซ็น ถ้าวันนี้พี่โกหก พรุ่งนี้มะรืนนี้ก็จะถูกเปิดเผยอีก ความลับไม่มีในโลก เราเองก็เป็นคนของสังคม คนรู้จักเราเยอะ สามารถที่เอาเราไปอ้างกันได้ ตั้งแต่ผมร่วมชุมนุมกันมาตั้งแต่ ปี 49 จะรู้ว่าเป็นคนอย่างไร ไม่เคยใช้ความรุนแรง เรายึดหลักการต่อสู้แบบสันติอหิงสามาโดยตลอดยืนยันได้ เพราะฉะนั้นงานนี้รู้ว่ามาได้ยังไง เพราะได้เช็คไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วก็ไม่พบว่าสำนวนคดีมีผมเข้าไปเกี่ยวข้อง มีแต่คนนำไปกล่าวอ้างเท่านั้น "  นายอารีย์ กล่าว



นายอารีย์ กล่าวอีกว่า ได้ปรึกษาทีมทนายความ ทีมกฎหมายนปช.แล้ว และมีมติให้แจ้งความดำเนินคดีกลับกับคนที่กล่าวหาใส่ร้าย และสำนักข่าวที่ทำการเผยแพร่ข่าว เพราะข่าวนี้ทำให้เราเสียหาย จำเป็นต้องปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง ดังนั้นวันพรุ่งนี้ (17 ก.ค.) จะไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กองปราบเวลา 09.00-10.00น. เราต้องขอความเป็นธรรม และเชื่อว่าตำรวจจะมีเหตุผลเพียงพอ ว่าอะไรคืออะไรต้องว่ากันตรงไปตรงมาด้วยพยานหลักฐาน อย่างไรก็ตาม การการจับอาวุธสงครามได้จำนวนมากขณะนี้ และ ส่งผลให้ นปช.เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องนั้น ไม่อยากแสดงความเห็นว่าจริงหรือไม่จริง แต่ได้ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมถึงมีจำนวนเยอะมาก เชื่อว่าการจับอาวุธสงครามนั้นตำรวจและทหารต้องมีการข่าวอยู่แล้วน่าจะทราบข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ตั้งแต่ที่นปช.ชุมนุมมาตนเองก็ไม่เคยเห็น ลูกเอ็ม 79 ว่าเป็นอย่างไร เห็นก็แต่ในข่าวผ่านสื่อเท่านั้น.

ขอบคุณเนื้อหา dailynews.co.th
ที่มา http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=37745&page=1