ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ถึงเวลา ถามหา “การรถไฟส่วนภูมิภาค”

เริ่มโดย Mr.No, 10:15 น. 17 ส.ค 54

Mr.No

ถึงเวลา ถามหา "การรถไฟส่วนภูมิภาค"

เฮ้ย... ผมไม่ได้ตั้งหัวกระทู้ผิดนะ.. ชื่อมันคือ "การรถไฟส่วนภูมิภาค" จริงๆ   เหตุผลที่ตั้งเช่นนี้ ก็เพราะว่าควรถึงเวลาเสียทีที่เราคงต้องมานั่งถก นั่งคุย และสะท้อนปัญหาให้ ภาครัฐบาล และ การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ตระหนักว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะ ต้องทำงานเพื่อ "งาน" และผลของงานนั้น เพื่อ "บริการสาธารณะ" อันหมายถึงประชาชนกันเสียที

จำได้ว่า ตอนเล็ก ๆ เมื่อ ปี พ.ศ.2507 มีข่าวใหญ่ที่ทำให้คนเอเชียทึ่งก็คือ ข่าวที่ประเทศญี่ปุ่น นำรถไฟความเร็วสูงที่มีชื่อเรียกว่า ชินกันเซ็น มาใช้งาน ..โอ้โฮแหะ...รถอะไรวิ่งได้เร็วขนาดนั้น  แถมราคาค่าโดยสารก็ชวนให้นั่งเสียเลยเกิน
ด้วยความสะดวกสบาย รวดเร็ว ทำให้ รถไฟ เป็นพาหนะที่คนญี่ปุ่นยอมรับ และนั่นคือจุดเริ่มของความก้าวหน้าของการเปลี่ยนทัศนคติของคนญี่ปุ่นให้เลิกใช้รถยนต์ส่วนตัว  เลิกขับขี่มอเตอร์ไซด์

เพราะเมื่อเริ่มแรกนั้น ญี่ปุ่นมีรถไฟใช้ ก่อนเราเพียงไม่กี่สิบปี และในยุคนั้น เราก็มีรถไฟเอกชนสายปากน้ำใช้ ในปี พ.ศ.2436 โดนฝรั่งชาวเดนมารก์ และเมื่อสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน เส้นทางรถไฟสายนี้ก็กลับมาเป็นของรัฐฯ ในปี พ.ศ.2503
จริง ๆ จะว่าไป จุดเริ่มของรถไฟไทย กับ ญี่ปุ่นนั้น คล้ายกันมาก เพราะในยุคที่อาณานิคมฝรั่ง เริ่มแพร่กระจาย อิทธิพลด้านต่าง ๆ ก็ เริ่มไปพร้อม ๆ กัน
ในรัชสมัย ร.4 เราได้รับรถจักรไอน้ำเล็ก ๆ เป็นราชบรรณาการจากอังกฤษ ซึ่งก็ไม่ต่างกับญี่ปุ่นที่ได้รับรถจักรไอน้ำเป็นราชบรรณาการเช่นกัน

ดังนั้น การเริ่มต้นจึงไม่ต่างกัน  ญี่ปุ่นเริ่มเดินรถ  เราก็เริ่มเดินรถ  ...
แต่เดินไป เดินมา ก็พบว่า ญี่ปุ่น เดินหน้า... เราเดินวนเวียนไปมา จนกระทั่งไปสะดุดเอาในช่วงการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ...

เราไปติดกับดักประชาธิปไตยของ ทหาร โดยทหาร และ เพื่อ ทหาร มานับแต่นั้น... ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องของอำนาจผลัดเปลี่ยน อยู่ในมือผู้มีอำนาจ และมีการแบ่งอำนาจและผลประโยชน์ต่างตอบแทนระหว่างกัน ระหว่าง ทหาร และนักการเมือง มานับแต่บัดนั้น....

กับดักแห่งผลประโยชน์ทำให้ ประเทศไทย ...หยุดความเจริญ ..หยุดการพัฒนา... และที่สำคัญ ผลประโยชน์ที่มาในรูปของวัตถุเงินทอง ทำให้ คนไทย ...เริ่มหยุดคิดถึงบ้านเมือง

การโกง..คอรับชั่น...และผลประโยชน์แก่พวกพ้องเฉพาะ โดยเฉพาะใน การรถไฟฯ ทำให้ ญีปุ่นเดินหน้า เราล้าหลัง

การรถไฟญี่ปุ่นเองก็มิใช่ว่าจะประสบผลสำเร็จในระยะต้นเท่าที่คน เพราะหลังจากการที่ถูกสหรัฐฯ กดดันให้เอาการรถไฟญี่ปุ่นเข้ามาเป็นบริษัทมหาชน นั่นก็เป็นต้นเหตุให้ การบริหารจัดการที่ใหญ่โตเกินการ ทำให้เกิดช่องว่างในการแสวงหาประโยชน์จากบางกลุ่ม บางพวกเช่นกัน...

แม้คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะซื่อสัตย์ แต่เพียงส่วนน้อยไม่กี่คน ก็สามารถเป็นต้นเหตุให้ การรถไฟญี่ปุ่นยุคนั้น เป็นหนี้สินมหาศาล จนกระทั่ง ต้องแตกลูกออกเป็น การรถไฟส่วนภูมิภาค ....และการบริหารจัดการในลักษณะ บริษัทลูก แต่ทั้งหมดยังเป็นของรัฐฯ ทำให้รถไฟญี่ปุ่น มีรายได้สูงพอ ๆ กับ งบประมาณประเทศทีเดียว

ล่าสุดมติ ครม ยุคคุณอภิสิทธิ์ โดย นายโสภณ ซารัมย์ มีแนวทางที่จะให้บริษัทคล้าย ๆ กับพวกบริหารสินทรัพย์ เข้ามาจัดการเรื่องที่ดินของรถไฟฯ  กล่าวย่อ ๆ แบบชาวบ้านก็คือ แบ่งเป็นสามส่วน ส่วนแรก พวกราง,ระบบ,สถานี ให้รถไฟเดิมรับ(ภาระ)ต่อไป  ส่วนที่สอง ส่วนเรื่องการวิ่งรถ ทั้งหมดให้เอกชนรับไป และส่วนที่สาม ที่ดินทั้งหมด ให้ตั้งบริษัทลูกเอาไปบริหาร (มันก็คือเอกชน)
และไม่นานจากนั้น ก็มีข่าวผู้ว่าการรถไฟ นายยุทธนา รับลูกต่อที่จะไปตั้งบริษัทลูกเพื่อจัดการบริหารที่ดินรถไฟต่อไป...นี่คือสิ่งที่คนรักรถไฟ และคนที่กำลังรอว่า  ทางรถไฟสายหาดใหญ่ สงขลา จะเกิดขึ้นได้หรือไม่.....

เที่ยวนี้มาร่วมกันถกเรื่องนี้ต่อครับ...ขออนุญาตทำธุระสักครู่ (ใหญ่)
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

ลูกแมวตาดำๆ

ขออนุญาต นำบทความไปลงต่อในเว็บ รถไฟไทยดอทคอมได้หรือป่าวครับ

Mr.No

อ้างจาก: ลูกแมวตาดำๆ เมื่อ 10:31 น.  17 ส.ค 54
ขออนุญาต นำบทความไปลงต่อในเว็บ รถไฟไทยดอทคอมได้หรือป่าวครับ

โอ.. อย่าพึ่งถือเป็นบทความเลยครับ ท่านลูกแมวฯ  อ่านให้จบ..เผลอ ๆ อาจเปลี่ยนใจนะครับ ส-เหอเหอ
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

Mr.No

ต่อครับ..

พัฒนาการของกิจการรถไฟแห่งประเทศญี่ปุ่น ไม่เฉพาะเพียงพัฒนาด้านการวางแผน จุดเชื่อม จุดต่อ และการวางโครงข่ายที่ต่อเชื่อมกันทั่วไปทั่วประเทศ และทั่วถึงเท่านั้น ทว่า ได้มีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีด้านการผลิตเครื่องมือเครื่องใช้ และอุปกรณ์เอง และถึงขนาดมีการพัฒนาเทคโนโลยีบางชนิดที่เหนือชั้นกว่าต้นแบบในยุโรปเสียด้วยซ้ำ..

อา...แม่เจ้า อะไรจะขนาดนั้น  ก็ในเมื่อหลายปีก่อน เรามีทีวีขาวดำชั้นเยี่ยมจากเยอรมัน มีรถฟอร์ดสายพันธุ์ดีจากมะกัน.. แต่ไม่นานทีวีจากค่ายยุโรปทีว่าแน่ ก็แพ้พี่ยุ่น ..แถมรถยนต์พี่ยุ่นวันนี้ แชร์ส่วนแบ่งตลาดไปทั้งโลก จนเจ้าของบริษัทฯ รถยนต์ญี่ปุ่นจะเป็นลมตายเพราะธนบัตรดอลลาร์มันจะทับเอา....
และเพราะความฉลาดของคนญี่ปุ่น  และจดจำดัดแปลงจนเหนือกว่าเจ้าของ เล่นเอาต้นฉบับอย่างฝรั่งตาน้ำข้าวออกอาการงอน แถมตั้งฉายาพี่ยุ่น(ในยุคนั้น)ว่าเป็น "จอมลอกเลียน"

ญี่ปุ่นไม่สนใจคำครหา..แต่กลับมุมานะ ค้นคว้าและขยายองค์ความรู้จากที่ต้นฉบับ(ลอกมาก ไม่ลอกมั่ง)มี จนกระทั่งจากที่ญี่ปุ่นสั่งรถจักรไอน้ำคันแรกของฝรั่งนำเข้ามาใช้ จนไม่กี่ปีต่อมา คุณพี่ยุ่น กลายมาเป็นผู้ผลิตรถจักรไอน้ำรายใหญ่ต่อมาอีกไม่กี่ปีเช่นกัน

อย่างบริษัท คาวาซากิ ในฐานะผู้ผลิตรถจักรไอน้ำที่มีสมรรถนะสูง..ค่าซ่อมบำรุงต่ำ ซึ่งมีโลโก้บริษัท พะหรูอยู่บนปีกรถจักรไอน้ำไทย ไม่ว่าเป็น มิกาโด้ หรือ แปซิกฟิค ทุกวันนี้ คือความภาคภูมิใจของชาวญี่ปุ่นที่ได้ฝากไว้ให้หลายประเทศ

แม้จะผลิตรถจักรไอน้ำจนขายได้เงินจากประเทศอื่นแล้ว  บริษัท คาวาซากิ (เจ้าเดิม) ก็ยังคงเป็นผู้ผลิตนวตกรรมยานพาหนะทางรางอย่างไม่หยุดยั้ง อย่างรถไฟความเร็วสูงชินกันเซ็น นั่นก็พี่เค้าละเป็นผู้ออกแบบ และใครจะเชื่อว่า จากชินกันเซ็น วันนี้รถไฟเหาะ วิ่งแบบลอยอยู่บนรางที่รู้จักกันในนาม แมกเลฟ  ในวันนี้ได้เกิดขึ้นจริงแล้ว
เขียนมาเพื่อประชดประชันคนไทย ที่วันนี้ก็ยังมืดมนอนถกาล ไม่รู้หวันอยู่วันยังค่ำ ชีวิตชอกช้ำ เพราะแต่ละวันฝากความหวังชีวิตไว้ที่ ระบบราชการที่มีเจ้านายอย่างนักการเมืองไทย 

ในวันที่ประเทศญี่ปุ่น เดินทางอย่างรวดเร็ว สะดวกสบาย และสนนราคาค่าเดินทางสมเหตุผล เมืองไทย ก็สาละวนอยู่กับรถไฟไทย ที่วิ่งแบบ "ชวนกันเซ็ง" ..
วันที่ฟากฝั่งฝรั่งเศสโชว์แสนยานุภาพรถไฟความสูงสุด จนเฮ แบบเครื่องบินยังหยิกจนเหนื่อย.....
ประเทศญี่ปุ่นก็เดินหน้าทำรถไฟแมกเลฟให้เร็วและปลอดภัยขึ้นไปอีก....เมืองไทย ก็ยังสาละวันอยู่กับรถไฟไทยที่วิ่งแบบ "ช้าจนเซ็ง" อยู่เช่นเดิม

รถไฟไทยวันไหนไม่ตกราง... วันไหน ไม่ชนรถตู้ ..รถกระบะเละเทะ ตามทางตัดผ่าน ดูเหมือนจะกร่อยเสียรสชาตหนังสือพิมพ์ไทยไปแยะ

เมื่อรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ ประกาศเปรี้ยงจะทำสงครามกับ ความเฉื่อย(แฉะ) ของการรถไฟ ประกาศจับมือจีนจะทำรถไฟความเร็วสูงให้ได้...ข่าวใหญ่หลายคนตื่นเต้น  แต่ พขร. อัสตอรม์ ที่ไร้ Deadman เหยียบ กลับส่ายหัวบอก...."ที่ถ้าตูเกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้วไม่ตกรางร่อนพิบูลย์ซะก่อน ก็เป็นบุญแล้วมั้ง"

กลับมาที่หาดใหญ่ เมืองศูนย์กลางการคมนาคมแบบ junction (แต่มีรถไฟเก่าหยั่งกะ junk)  แปลภาษาไทยว่าอย่างหรูว่า  "ชุมทาง" เพราะมีทางรถไฟแยกไปได้หลายที่ ทั้งสงขลา ปาดังเบซาร์ และโกลก

เส้นทางรถไฟหาดใหญ่ สงขลาถือเป็นเส้นทางคนดี เพราะเส้นทางนี้ ผู้ใช้บริการ ส่วนใหญ่ เป็นครู นักเรียน พ่อค้า แม่ค้า  วิ่งไปชมวิวไป เข้าเรียนสายหน่อยครูให้อภัย เพราะรู้ว่าศิษย์มารถไฟ...สังคมเอื้ออาทร ผ่อนหนัก ผ่อนร้อนอย่างอารีย์
แต่วันดีคืนดี.... ก็เกิดมี ขนส่งมวลชนรถบัสเขียวปั๊ดมาแทนที่...  วิ่งไปแข่งไปกับรถจักรไอน้ำชราที่ขับไป จอดไป..ช้าบรรลัย  ไฉนเลย... คนสงขลาหาดใหญ่ จึงเปลี่ยนใจใช้ของใหม่ มานั่งรถบัสคันโตเอี่ยมอ่อง รวดเร็ว ปรู้ดปร้าด กันเถอะ ทันสมัยกว่า..

รถจักรไอน้ำชราก็ยังวิ่งไป..หอบแฮ่ก ๆ เหนื่อยแทบขาดใจ ก็ไร้คนเห็นใจ สุดท้าย ปิดไอ ลาโรง และไปตายเงียบๆ อย่างไร้ค่า ค่าตัวเหลือเพียงแค่เศษเหล็กตัดทิ้ง)...
แต่ทางรถไฟเส้นนี้ก็ยังดีที่ได้ ยักษ์สั้นดาเวนปอร์ต มาช่วยลุ้นต่อลมหายใจ ให้ประเทศไทยยังได้ชื่อว่ามี ทางรถไฟสายนี้อยู่ต่อไป...

วันดี คืนดี ..เหมือนกับมีอะไรที่ทำให้ทางรถไฟเส้นนี้มันไปกวนใจ....ก็บังเกิดมีคนชงเรื่อง เข้าครม จีบปากจีบคอกรอกหู บอกว่า ...ทางรถไฟสายหาดใหญ่ สงขลา มันสั้นเต่อ.. วิ่งก็ขาดทุนซ้ำซาก อีกทั้งจุดตัดจุดผ่านแยะ ไม่ปลอดภัย (หนอย.. ทำเป็นห่วงสวัสดิภาพประชาชนอีก)

สุดท้าย ครม ภายใต้การนำของ นายกที่ชอบรับประทานแกงเขียวหวานเนื้อใส่บรั่นดี (แต่ไม่เคยนั่งรถไฟสายนี้ซักที) ก็มีมติครม ออกคำสั่ง.เปรี้ยงให้ยกเลิกเส้นทางรถไฟสายนี้...เสียงปิดฉากเสียงหวูดแว่ว กลายเป็นงิ้วเศร้าจึงเริ่มตั้งแต่บัดนั้น...

..แต่อีกฟากฝั่งบนถนน รถบัสคันโต กดแตรฉลองชัย... ไร้คู่แข่งเทียมทาน....

หลายปีผ่านไป ไวเหมือน(นักการเมือง)โกหก.... เส้นทางรถไฟสายขาดทุนวันนี้... กลายเป็น ยิ่งกว่าขาดทุนเหลือคณานับในวันนี้  เพราะนับจีบปากจีบคอสอพลอนักการเมืองสั่งปิดวันนั้น  วันนี้  ทางรถไฟสายนี้ มันกำไรขึ้นมา หรือช่วยให้การรถไฟ มันมีกำรี้กำไร ขึ้นมาสักกี่เฟื้องกันละจ๊ะ..

ที่ดินมากมายสองฟากฝั่ง กลายเป็นแหล่งรุมทิ้ง รุมแทะ... ไม่เว้นแม้แต่ ราง..เหล็ก สารพันเศษสะพาน  เอามันหมด  เบ็ดเสร็จสรตะ..ฉลองชัยการปิดเส้นทางรถไฟเส้นนี้ เป็นตัวเลขของนับยาก...แต่ได้ความแบบอาแปะข้างบ้านว่า      "...เจ๊งบ๊งชิหายหมกเลี้ยววววว"

ที่เล่ามายาวเฟื้อย ... เพื่อนำมาสู่ประเด็นสำคัญที่ว่า ถึงเวลาหรือยังที่การรถไฟ จะจีบปากจีบคอ นำเรื่องและนโยบายดี ๆ มาแถลงต่อประชาชนบ้าง ..
เพราะที่ผ่านมา เล่นยกหู...เข้าหา รมต. มันลึกลับซับซ้อนจนเกินกว่าจะมองว่า ...ทำเรื่องโปร่งใส

ตัวอย่างการนำที่ดินรถไฟ ไปให้เอกชนบริหารจัดการ...นี่ยิ่งเป็นเรื่องน่าตำหนิ.. เพราะบทเรียนเดิมจาก ปตท. ที่พยายามแปรให้เอกชน แบบหมกเม็ด ทำให้วันนี้ รัฐ ก็ไม่ได้กำรี้กำไรอะไรจากส่วนแบ่งนั้นเท่าไหร่นัก...และที่สำคัญ ปตท. ก็รวยเอา ๆ ๆๆๆ  เบื้องลึกคงไม่ต้องคุ้ยให้เป็นการเมืองก็คงรู้ว่า มีใครอยู่ในรูผนังทองคำนั้น..

เมื่อการรถไฟมันใหญ่โตเทอะทะ....การรวมศูนย์ไว้โดย การรถไฟฯ ที่มีแค่ตุ๊กตา ใส่เครื่องแบบ ที่มีผู้ชักอยู่ข้างและมาแบบ สมบัติผลัดกันชมนั้น ไม่ได้ทำให้รถไฟประสบผลสำเร็จอะไรเลย....

การวางแผนจัดการรถไฟให้ประสบผลสำเร็จ ต้องใช้คนที่มีความกล้าหาญ ใช้การต่อสู้จากคนรถไฟแลประชาชนที่เชื่อว่า รถไฟไทย เป็นของคนไทย  ไม่ใช่ใช้พวกสหภาพฯ ที่โหลยโท่ย ที่ชอบอาศัยประชาชนเป็นเครื่องมือทุกครั้งที่จะมีการไปกระทบผลประโยชน์ของกลุ่มฯ  หยุดรถประท้วงบ้าง อะไรบ้าง...ไร้สาระ

และต้องไม่ใช่รัฐมนตรีที่มีวิสัยทัศน์ แค่หางอึ่ง..มาดูแล เพราะคนพวกนี้ มาเพราะเค้าให้มา...ดังนั้นประเทศไทยจึงเป็นเรื่องแปลกที่ ข้าราชการซี 10 กว่าจะสอบ กพ.กว่าจะผ่านแต่ละขั้นตำแหน่งด้วยความรู้ ความสามารถและอุตสาหะ กลับต้องมายืนคำนับงก ๆ กับ สส.(ขี้เหล้า) สส.กุ๊ย ที่กำลังจะเป็น รมต...

ถึงเวลาตามหา ผู้กล้า เสียที  การรถไฟส่วนภูมิภาคที่ แตกลูกแยกบริหารจัดการ แต่ขึ้นตรงกับการรถไฟ และยังเป็นของรัฐฯ ที่มีเพียงการจ้างบริหารจัดการโดยเอกชนที่มีวิสัยทัศน์ ดูจะเป็นคำตอบที่ดี

เพราะกี่ปีแล้วที่รวมศูนย์อำนาจ... กี่ปีที่อะไรก็ซุกในกรม....อะไรก็แล้วแต่นโยบายท่านรัฐมนตรี....  แบบนี้ ต่อให้อีกห้าร้อยปี... รถไฟไทยก็ยัง "ชวนกูเซ็ง" อยู่นั่นละ

ผมเขียนมาถึงตรง.... ถ้ามีคนรถไฟแวะมาอ่าน  แล้วพาลตะโกนว่า  "เฮ้ย...นี่มึงด่าการรถไฟนี่"   

ท่านที่อ่านท่านอื่นคงคิดในใจว่าผมจะตอบกลับไปว่าอะไร....อ๊ะ..อ๊ะ..ถูกต้องนะคร้าบบบบ  ......


   
  "เออ... กูด่ามึงนะแหละ!"  
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

ซัมเบ้ Note 7 Jr.

รฟท. ยังต้องเหนื่อยอีกนานครับ อิอิอิ
ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป

หม่องวิน มอไซ


Mr.No

อ้างจาก: หม่องวิน มอไซ เมื่อ 15:41 น.  17 ส.ค 54
กำลังอ่านบทความอยู่ครับ  ส-โห

ส-เหอเหอ ส-เหอเหอ ขออภัยนะครับ อ.หม่องฯ  ผมมันนิสัย(ไม่ดี) อย่างนี้ละครับ คิดอะไรก็เขียน...แต่ ทุกอย่างขอให้เชื่อครับว่า ผมเขียน ผมหวังดี...ติเพื่อก่อ.แทบทั้งสิ้น  ส.หยิบตาข้างเดียว
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.