ดีเอสไอจับแก๊งตุ๋นล็อกหวยกองสลาก นาน 20 ปี มูลค่าความเสียหาย 10 ล้าน

[itplaza]

ดีเอสไอขยายผลรวบผู้ต้องหา 1 ในแก๊งส่งจดหมายตุ๋นเงิน ปชช.แอบอ้างกองสลาก ปลอมแปลงเครื่องหมายครุฑพ่าห์ ล็อกรางวัลเลขท้าย 3 ตัว เผยทำมานานกว่า 20 ปี ได้เงินกว่า 10 ล้านบาท มียอดผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งฉ้อโกงนี้ราว 1 หมื่นรายทั่วประเทศ


       
       วันนี้ (7 ส.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ อธิบดีดีเอสไอ พร้อมด้วย พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ รองอธิบดีดีเอสไอ ร่วมแถลงผลการจับกุมตัว นายศุภชัย หรือปุ๊ก ภูทะวัง อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2308/2556 ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน 2556 คดีฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม, ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ และร่วมกันใช้เครื่องหมายครุฑพ่าห์โดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342(1), 343, 264, 268, 269/5 และพระราชบัญญัติเครื่องหมายครุฑพ่าห์ พ.ศ. 2534 มาตรา 13 และเป็นผู้ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดไม่ว่าด้วยการใช้ บังคับขู่เข็ญ จ้างวานหรือยุยงส่งเสริมหรือด้วยวิธีอื่นใด ตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 84
       
       สืบเนื่องจากผู้ต้องหาได้ร่วมกับนายพรหมชัย หรือสัมฤทธิ์ ภูทะวัง (บิดาผู้ต้องหาซึ่งอยู่หลบหนีหมายจับ) น.ส.ศิริมาส สุขสมาน และนายสานิต ศรีสุวงศ์ (ถูกจับกุมแล้วเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2556) ทำจดหมายหลอกลวงโดยมีตราสัญลักษณ์และลายมือชื่อของผู้บริหารสำนักงานสลากกินเเบ่งรัฐบาล เพื่อใช้หลอกลวงประชาชน แล้วนำจดหมายหลอกลวงส่งตามตู้ไปรษณีย์ โดยข้อความในจดหมายระบุว่าสำนักงานฯ จะล็อครางวัลเลขท้าย 3 ตัวของรางวัลที่ 1 ที่จะออกรางวัลในงวดต่างๆ หากสนใจให้สมัครเป็นสมาชิก จากนั้นเมื่อผู้เสียหายสนใจก็จะโอนเงินให้ผู้ต้องหา และผู้ต้องหาจะส่งหมายเลขให้เพื่อให้เหยื่อไปซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล และเมื่อผลการออกรางวัล ผู้เสียหายไม่ถูกรางวัลแต่อย่างใด จึงทราบว่าถูกหลอก


       
       พล.ต.อ.ชัชวาลย์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 07.00 น. พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนฯ พรัอมด้วย พ.ต.ท.ยุทธภูมิ สันธนะจิตร พ.ต.ท.อนันต์ ทิพย์สุวรรณ พ.ท.ชุมโชค จิ๋วเจริญ และนายชาญบุล แกมนิล ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ ทำการจับกุมผู้ต้องหาได้ที่ หมู่ 3 ต.โคกเดื่อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ พร้อมยึดของกลางบัตรเอทีเอ็มของบุคคลอื่นจำนวน 4 ใบ (ใช้ในการรับเงินที่ได้มาจากการหลอกลวง) โทรศัพท์มือถือจำนวน 10เครื่อง, รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน 1 กฉ 1107 กทม. และอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำผิดอื่นๆ อีกจำนวนหลายรายการ
       
       เบื้องต้นผู้ต้องหายอมรับว่าได้ร่วมกระทำผิดกับนายพรหมชัย บิดา มาตั้งแต่อายุ 14 ปี จนถึงปัจจุบันอายุ 36 ปี รวมเวลากระทำผิด 21 ปี และไม่เคยถูกจับกุมแต่อย่างใด ได้เงินจากการหลอกลวงประชาชนร่วม 10 ล้านบาท ทั้งนี้ได้ทำจดหมายหลอกลวงต่อเนื่องมาเกือบทุกงวดที่มีการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดละ 600-1,000 ฉบับ โดยเงินที่ได้จากการหลอกลวงประชาชนนั้นเฉลี่ยงวดละ 30,000-100,000 บาท ซึ่งในช่วงแรกจะหลอกลวงพ่อค้า แม่ค้า ประชาชน และข้าราชการทั่วไป ต่อมาในช่วงปี พ.ศ. 2556 ถึงปัจจุบันจะหลอกลวงเฉพาะพระภิกษุสงฆ์ตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ


       
       อธิบดีดีเอสไอกล่าวอีกว่า จากการสอบสวนคดีพิเศษพบว่ามีผู้เสียหายกว่า 1 หมื่นรายทั่วประเทศที่ถูกหลอกลวงแล้วโอนเงินมาให้ผู้ต้องหา มีตั้งแต่รายละ 5,000 บาท ถึง 200,000 บาท ซึ่งผู้ต้องหามีบัญชีรับโอนเงินกว่า 10 บัญชี ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป โดยหนังสือที่คนร้ายทำขึ้นมานั้นมีการปลอมแปลงลายเซ็นของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จากการเปิดดูตราประทับหรือลายเซ็นในอินเทอร์เน็ต แล้วนำไปลอกเลียนแบบ ซึ่งเหยื่อส่วนใหญ่ที่ถูกหลอกจะอยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน รวมไปถึงพระสงฆ์ตามวัดก็ยังตกเป็นเหยื่อ โดยคนร้ายจะนำจดหมายไปฝากไว้กับพระเพื่อให้พระสงฆ์นำจดหมายดังกล่าวแจกประชาชนที่มาวัด โดยที่พระสงฆ์ไม่ทราบว่าถูกหลอกเช่นกัน ทั้งนี้หากพบการกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวสามารถร้องเรียนได้ที่ดีเอสไอ หรือสถานีตำรวจทั่วประเทศ

ขอบคุณเนื้อหา manager.co.th
ที่มา http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=38563&page=1