ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ปืนของกลางคดีชุมนุมหาย 54กระบอก

เริ่มโดย itplaza, 17:01 น. 18 ส.ค 57

itplaza

ศาลทหารส่งพ.ท. แจ้งจับร.อ.-จสอ. แม่ทัพ1ฮึ่ม ปราม แก๊งโปรยใบปลิว 'ทักษิณ'หน้าบาน ได้หลานสาวแฝด

"แม่ทัพภาคที่ 1" ฮึ่มแก๊งป่วนโปรยใบปลิวถล่ม คสช.จับตาเข้มคลื่นใต้น้ำจ้องดิส- เครดิต ย้ำไม่ยกเลิกกฎอัยการศึก สกัดพวกคิดร้ายต่อประเทศชาติ "สมยศ" กำชับ " จักรทิพย์-อำนวย" แกะรอยกล้องวงจรปิด-จยย.-โรงพิมพ์ลากคอมือมืด ป.ป.ช.ถอยกรูดไม่กล้าสั่ง คสช.โชว์บัญชี ออกตัวแทน คสช.มีหน้าที่ดูแลความมั่นคง ไร้อำนาจบริหารราชการแผ่นดิน กฎหมายไม่กำหนดให้ ต้องยื่น รับสมัคร สปช.สามวันยอดยังอืดแค่ 222 คน "วิษณุ" เปิดช่องขยายเวลาเสนอชื่อ "ทักษิณ" ปลื้มได้หลานตาฝาแฝดหญิง "เอม-พินทองทา" เผยทำกิฟต์ตั้งท้อง 5 เดือน ฤกษ์คลอด ธ.ค. นายทหารพระธรรมนูญดำเนินคดี 2 ทหารลักปืนของกลางม็อบการเมือง 54 กระบอกล่องหนจากศาลทหาร

กรณีมือมืดขี่รถจักรยานยนต์โปรยใบปลิวโจมตี คสช.ไปทั่วบริเวณถนนราชดำเนิน หน้ากองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) เมื่อช่วงเช้าวันที่ 15 ส.ค.ล่าสุด พล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการ กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.)ระบุเป็นฝีมือกลุ่มผู้ไม่หวังดีกลุ่มเดิมๆ สั่งจับตาการเคลื่อนไหวกลุ่มต่อต้านอย่างเข้มงวด

แม่ทัพ 1 ฮึ่มแก๊งป่วนโจมตี คสช.

เมื่อวันที่ 16 ส.ค. พล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) กล่าวถึงเหตุการณ์มือดีกลุ่ม เห็นต่างทางการเมืองที่ขี่รถจักรยานยนต์ (จยย.) โปรยใบปลิวพิมพ์ข้อความโจมตี คสช.ว่อนถนนราชดำเนิน หน้ากองบัญชาการกองทัพบกว่า เรารู้อยู่แล้วว่ายังมีกลุ่มบุคคลที่ไม่ประสงค์ดีต่อการทำงานของ คสช.ซึ่งเป็นกลุ่มเดิมๆ ที่เคยนำใบปลิวไปโปรยบริเวณแยกหลักสี่ รู้กันอยู่ว่าเป็นกลุ่มไหน แต่คงไม่พ้นสายตาเจ้าหน้าที่ อย่าคิดว่าจะทำอะไรได้อย่างอิสระเหมือน ก่อน เราจับตาดูการเคลื่อนไหวอยู่ตลอด คสช.มีความตั้งใจในการทำงานเพื่อประเทศชาติก็เป็นธรรมดากลุ่มที่มีความเห็นต่างต้องออกมาแสดงความไม่พอใจ อยากขอร้องอย่ากระทำเช่นนี้อีก เพราะไม่ได้ประโยชน์ มีอะไรไม่เข้าใจตรงกันมาคุยกันดีกว่า เรื่องไหนดีไม่ดีเข้ามาแนะนำกัน เราพร้อมให้ความร่วมมือ และจะแก้ไขปัญหาให้ทุกเรื่อง

วอนอย่าไปให้ราคาคลื่นใต้น้ำ

พล.ท.ธีรชัยกล่าวต่อว่า เรื่องนี้หัวหน้า คสช.ไม่ได้เป็นห่วงอะไรให้ตนจัดการ และคงไม่ต้องสั่งอะไรเป็นพิเศษ เพราะเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของ กกล.รส.อยู่แล้ว ต่อจากนี้เราต้องเฝ้าระวังกลุ่มบุคคลเหล่านี้ที่ยังหลงเหลืออยู่ อย่างไรก็ตาม อยากขอร้องสื่อมวลชนหรือประชาชนทั่วไป อย่าไปให้ความสำคัญ เพราะหากไปให้ความสำคัญเขาจะกระทำกันอีก ดูผลงานของ คสช.ดีกว่า วันนี้เราทำงานกันเต็มที่ โดยเฉพาะหัวหน้า คสช.ไม่ได้พักกันเลยเสาร์-อาทิตย์ยังทำงานไม่มีวันหยุด แต่หัวหน้า คสช.แข็งแรงมีพลังที่จะทำงานเพื่อประเทศชาติ อยากให้ดูการทำงานของเรา เพราะขณะนี้เราทำในสิ่งที่ดีไม่ได้ทำในสิ่งที่ไม่ดี ขณะนี้ทุกฝ่ายให้ความร่วมมืออย่างดี มีอยู่บ้างเป็นพวกใต้น้ำที่คอยดูการทำงานของ คสช.แต่ คสช.ทำงานด้วยใจจึงไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว

คงอัยการศึกกดพวกคิดร้าย

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าจะยกเลิกประกาศกฎอัยการศึกในเร็วๆนี้ พล.ท.ธีรชัยตอบว่า ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องยกเลิกในขณะนี้ ขอเวลาดูอีกสักพักหนึ่ง ถ้าจะยกเลิกในขณะนี้ต้องยอมรับว่าเจ้าหน้าที่จะทำงานลำบาก เพราะจะไม่มีกฎหมายรองรับ ขณะนี้ประชาชนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เดือดร้อนกับกฎอัยการศึกเลย คนที่เดือดร้อนคือคนที่มุ่งคิดร้ายต่อประเทศชาติ จ้องจะทำในสิ่งที่ไม่ดี จะก่อกวนจะปั่นป่วน ฉะนั้นจำเป็นต้องกดเอาไว้ก่อน ชาวบ้านไม่เห็นเดือดร้อน ทุกวันนี้ลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ายังมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกอยู่ เพราะสถานการณ์ขณะนี้ปกติไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรง ถ้ายกเลิกตนจะไม่มีเครื่องมือในการทำงาน จะลำบากในการทำงานแต่ละพื้นที่และอาจจะมีการเคลื่อนไหวกันขึ้นมาอีก

ตร.แกะรอยกล้องวงจรปิด–จยย.

ด้าน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.ผบช.น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.ศ. ช่วยราชการ รอง ผบช.น.ติดตามสืบสวน เชื่อว่าเป็นกลุ่มที่มีคนบงการอยู่เบื้องหลังเกี่ยวข้องขบวนการสร้างข่าวเพื่อดิสเครดิต คสช.ทุกรูปแบบ เอกสารข้อมูลใบปลิวเป็นชนิดเดียวกันที่คนนำมาโปรยไว้ที่สำนักงาน ป.ป.ช. โดยภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพชาย 1 คน ขี่ จยย.นำใบปลิวมาโปรย และจะนำภาพวงจรปิดตลอดเส้นทางบริเวณดังกล่าวมาตรวจสอบเชื่อว่ามีความคืบหน้า มีรายงานว่า ชุดสืบสวนตรวจสอบแล้วคาดว่ารถ จยย.ดังกล่าวน่าจะเป็นยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีโน่ หรือไม่ก็ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกู๊ปปี้

เช็กโรงพิมพ์สาวกลุ่มมือโปรย

ด้าน พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.ผบช.น. กล่าวว่า ได้ระดมฝ่ายสืบสวนผู้ที่นำใบปลิวมาโปรย จากลักษณะใบปลิวเชื่อว่าเป็นกลุ่มที่เคยนำใบปลิวไปโปรยที่ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เนื่อง จากเหมือนกันทั้งตัวหนังสือ ขนาดใบปลิว ข้อความที่เขียนโจมตี เพื่อดิสเครดิต คสช. ขณะนี้ชุดสืบสวนตรวจสอบภาพวงจรปิด ระดมทุกพื้นที่หาข่าว และให้จับตาพฤติกรรมของกลุ่มคนที่มีการพิมพ์ใบปลิวมาแจกจ่ายเพื่อทำให้สังคมสับสน รวมทั้งให้ตรวจสอบโรงพิมพ์และกลุ่มผู้ต้องสงสัย

ป.ป.ช.โดดหนีสั่ง คสช.เปิดกรุสมบัติ

อีกเรื่องหนึ่ง นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. กล่าวถึงกระแสสังคมบางส่วนเรียกร้องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินว่า คงไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้ผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน และต้องเปิดเผยต่อสาธารณชน มีแค่ นายกฯ ครม. ส.ส. และ ส.ว. เท่านั้น ส่วนตำแหน่งคสช. ไม่ได้ถูกระบุไว้ในกฎหมาย เพราะเป็นตำแหน่งที่ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้น แม้สังคมอยากให้ยื่นเพื่อแสดงความโปร่งใส แต่เมื่อไม่มีกฎหมาย ป.ป.ช.ก็ไม่มีอำนาจดำเนินการได้ เพราะไม่รู้จะหยิบยกกฎหมายฉบับใดมาใช้ เอาแค่ ป.ป.ช.จะขอตีความว่า คสช.จะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินหรือไม่ อาจถูกนักกฎหมายโจมตีได้ว่าจะใช้อำนาจอะไรมาวินิจฉัย เพราะไม่มีกฎหมายใดให้ คสช.ยื่นบัญชีทรัพย์สิน ซึ่ง คสช.มีหน้าที่ดูแลงานด้านความมั่นคงเป็นหลัก ไม่มีอำนาจการบริหารราชการแผ่นดินเหมือน ครม. จึงไม่ต้องยื่นและเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน อย่างไรก็ตาม หาก คสช.ส่วนใหญ่เข้ามาเป็น ครม.จริง หนีไม่พ้นต้องยื่นและเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินต่อสาธารณชนอยู่แล้ว

ปลอบ สนช.อย่ากลัวยื่นทรัพย์สิน

นายสรรเสริญกล่าวว่า ส่วนกรณีสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) บางส่วนแสดงความเป็นห่วงว่า อาจจะยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินต่อป.ป.ช.ผิดพลาด โดยไม่ตั้งใจ เนื่องจากไม่เคยยื่นมาก่อนและมีเอกสารประกอบจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ป.ป.ช.จะไปอธิบายทำความเข้าใจให้ สนช.ทราบถึงรายละเอียดการยื่นบัญชีทรัพย์สินอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ได้ไปอธิบายให้ สนช.ทราบเมื่อวันที่ 8 ส.ค. การที่ สนช.กลัวจะยื่นเอกสารผิดพลาดโดยไม่ตั้งใจ ไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าเป็นการยื่นเอกสารผิดพลาดโดยไม่ตั้งใจ หรือยื่นเอกสารล่าช้าไม่ทันกำหนด เนื่องจากมีเอกสารจำนวนมาก ป.ป.ช.ก็ขยายเวลายื่นให้เล็กน้อย 2-3 วันได้ ป.ป.ช.จะดูที่เจตนาเป็นหลักว่าต้องไม่มีเจตนาแจ้งเท็จหรือปกปิดข้อ เท็จจริง ที่ผ่านมา ป.ป.ช.ไม่เคยชี้มูลความผิดเรื่องบัญชีทรัพย์สินกรณียื่นผิดพลาด โดยไม่มีเจตนากระทำผิดเลย แต่ถ้ามีเจตนายื่นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงจะมีความผิดตามกฎหมาย ป.ป.ช.

"พีระศักดิ์" มั่นใจไม่มีใครอิดออด

ด้านนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช.คนที่สอง กล่าวถึงกรณีที่ ป.ป.ช.มีมติให้ สนช.ต้องยื่นและเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินต่อสาธารณชนว่า สนับสนุนเต็มที่ให้ สนช.ต้องยื่นและเปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน เมื่อ ส.ส.และ ส.ว.เปิดเผยได้ สนช.ในฐานะที่ทำหน้าที่เหมือน ส.ส.และ ส.ว.ก็ต้องเปิดเผยได้เช่นกัน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใส เท่าที่ได้คุยกับ สนช.หลายคน ทุกคนเข้าใจและยินดียื่นบัญชีทรัพย์สินตามมติ ป.ป.ช. ส่วนตัวพร้อมเปิดบัญชีทรัพย์สินให้สาธารณชนตรวจสอบ ไม่รู้สึกกังวลอะไร เพราะที่ผ่านมาเคยยื่นบัญชีทรัพย์สินสมัยเป็น ส.ว.มาแล้ว

โพลหนุน คสช.–สนช.–สปช.โชว์บัญชี

วันเดียวกัน กรุงเทพโพล ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง "ความเชื่อมั่นต่อการเปลี่ยนแปลงหลังมีสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)" พบว่าร้อยละ 62.6 เชื่อว่าหลังการปฏิรูป ปัญหาต่างๆจะยังคงมีเหมือนเดิมหรือดีขึ้นเล็กน้อย ร้อยละ 37.4 เชื่อว่าจะเปลี่ยนแปลงดีขึ้นชัดเจน ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์และเพื่อไทย ไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วม สปช. ร้อยละ 45.2 เห็นด้วย ร้อยละ 39.4 ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 15.4 ไม่แน่ใจ ร้อยละ 63.6 เชื่อมั่นมากถึงมากที่สุดว่าคณะกรรมการสรรหา สปช.จะคัดเลือกผู้สมัครสมาชิก สปช. อย่างยุติธรรมและโปร่งใส ร้อยละ 36.4 เชื่อมั่นน้อยถึงน้อยที่สุด นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 90.4 เห็นว่า คสช. สนช. และ สปช.ควรยื่นและเปิดเผยทรัพย์สินต่อสาธารณชน มีเพียงร้อยละ 4.1 ที่เห็นว่าไม่ควร และร้อยละ 5.5 ไม่แน่ใจ

ขีดเส้น 1 เดือนผ่านฉลุยงบฯ 58

นายพีระศักดิ์ พอจิต ว่าที่รองประธาน สนช. ให้สัมภาษณ์ถึงการยกร่างข้อบังคับการประชุม สนช.ตามที่รับผิดชอบว่า ขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลงข้อบังคับบางอย่างให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราวมากขึ้น พร้อมส่งให้ สนช. 19 คน ที่สนใจจะเป็นกรรมาธิการยกร่างข้อบังคับอ่านรายละเอียดก่อนนำเข้าสู่ที่ประชุม เพื่อให้เดินหน้าได้รวดเร็ว ข้อบังคับที่เปิดเผยก่อนหน้านี้ เป็นเพียงร่างข้อบังคับที่ยังไม่มีการสรุปเท่านั้น สำหรับข้อบังคับเรื่องการโหวตเลือก นายกรัฐมนตรี ขณะนี้หารือกันว่าจะต้องใช้เสียงเกิน กึ่งหนึ่งหรือสองในสาม ต้องแล้วแต่คณะกรรมาธิการฯจะพิจารณา การทำงานของ สนช.หลังจากนี้จะเร่งพิจารณา ดังนี้ 1.การตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างข้อบังคับการประชุม 2.การตั้งคณะกรรมการประสานงานสมาชิก สนช. (วิปชั่วคราว) 3.การเตรียมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 ซึ่งการพิจารณาเรื่องงบประมาณถ้า คสช.ส่งมาให้จะพิจารณาให้แล้วเสร็จได้ภายใน 1 เดือน เพื่อให้ทัน บังคับใช้ในปีงบฯ 58 ที่จะเริ่มวันที่ 1 ต.ค.

ส่อเค้าเลื่อนอีกประชุม สนช.

นายพีระศักดิ์กล่าวถึงกำหนดการนัดประชุม สนช.ว่า ตามกำหนดที่วางกันไว้ในวันที่ 18 ส.ค.จะมีการเรียกประชุมเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 วาระแรก แต่จนถึงตอนนี้คงไม่น่าทันกำหนดเดิมแล้ว คงต้องอยู่ที่การตัดสินใจของนายพรเพชร วิชิตชลชัย ว่าที่ประธาน สนช.จะดำเนินการอย่างไรต่อ ควรจะรอให้มีการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งประธานและรองประธาน สนช.อย่างเป็นทางการก่อน

สนช.ขยับแบ่งสายล็อกเก้าอี้วิปฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาถึงความเคลื่อนไหวของสมาชิก สนช.ว่า ขณะนี้สมาชิก สนช.บางส่วนจับกลุ่มหารือกันเป็นกลุ่มๆ และแบ่งเป็นสาย โดยมีกลุ่มทหารแต่ละเหล่าทัพ กลุ่มอดีต ส.ว. กลุ่มข้าราชการ เพื่อหาตัวแทนของกลุ่มเข้าเป็นคณะกรรมการประสานงานสมาชิก สนช.ชั่วคราว (วิปชั่วคราว) ตาม สัดส่วน 15 คน ส่วนวิปถาวร 30 คน ที่จะตั้งขึ้นคาดว่าสัดส่วนวิปจาก สนช.สายทหารจะมีมากกว่ากลุ่มอื่น เนื่องจากเป็น สนช.กลุ่มใหญ่ สำหรับการเตรียมส่งตัวแทน สนช. 5 คน ไปเป็นคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เบื้องต้นมี พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สนช. แสดงความจำนงจะขอเป็นกรรมาธิการยกร่างฯ แล้ว ส่วนที่เหลือ 4 คน คาดว่านายพรเพชร วิชิตชลชัย ว่าที่ประธาน สนช. จะส่งอดีตผู้พิพากษาไปเป็นกรรมาธิการยกร่างฯ แต่เรื่องดังกล่าวต้องรอให้สมาชิก สนช.พูดคุยกันอีกครั้ง เนื่องจากขณะนี้สมาชิก สนช.พบปะกันน้อยมาก

ชี้สรรหานายกฯเดินตามกำหนด

นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษา คสช. ฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงกระบวนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบ ประมาณรายจ่ายประจำปี 2558 รวมถึงกระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรีของ สนช.ว่า เชื่อว่ากระบวนการต่างๆ ไม่ล่าช้า ยังเป็นไปตามที่กำหนด เพราะ คสช.กำหนดเผื่อเวลาไว้แล้ว หัวหน้า คสช.ระบุจะมีรัฐบาลได้ในเดือน ก.ย. อาจจะเร็วกว่านั้นก็ได้ แต่พูดให้ยาวไว้ก่อน เพราะมีตัวแปรหลายอย่างอยู่นอก การควบคุม อะไรที่เกี่ยวกับการนำความกราบบังคมทูลเกล้าฯถวาย หรืออะไรที่เป็นมติในคนหมู่มาก จะเอาแต่ใจเราคิดไม่ได้ แต่อยู่ช่วงเวลาที่กำหนดไว้

มทภ.1 บอกใบ้ชัด "บิ๊กตู่" นายกฯ

ด้าน พล.ท.ธีรชัย นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะสมาชิก สนช.กล่าวถึงการทำหน้าที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่า ถึงวันนี้ต้องรอการโปรดเกล้าฯประธาน สนช.ลงมาก่อนที่จะมีการเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นไปตามข่าวที่ออกมาอย่างต่อเนื่องว่า เราต้องการอยากให้ใครเป็นก็คนคนนั้นคงเลือกกันไม่ยาก เพราะถือว่าเมื่อเราได้นายกรัฐมนตรีเข้ามาแล้ว ขั้นตอนต่อไปนายกรัฐมนตรีต้องเดินหน้าเร่งขับเคลื่อนทำงานกันอย่างเต็มที่ พร้อมกับแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

สมัคร สปช.วันที่สามเงียบเหงา

อีกด้าน เมื่อเวลา 08.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) บรรยากาศการเปิดรับเสนอชื่อบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เป็นวันที่สาม บรรยากาศยังคงเป็นไปด้วยความเงียบเหงา เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ ช่วงเช้ามีบุคคลทยอยเดินทางมาสมัครบางตา อาทิ โรงเรียนบ้านละหานนา อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น เสนอชื่อ ร.ต.ต.ชยคม อุดมทรัพย์ ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมและ พ.ต.ท.สำราญ สุธรรม สมัครเข้ารับการสรรหาด้านสังคม ส่วนสมาคมพบสุข เสนอชื่อนายสุจิต เหมวัล ด้านการศึกษา พล.ร.อ.เทียนชัย มังกร สมาคมศิษย์เก่าชุมพลทหารเรือ เสนอตัวเข้ารับการสรรหาด้านอื่นๆ เป็นต้น

"ลีน่า" ปล่อยโฮขอเอกสารถอนตัว

ต่อมาเวลา 10.15 น. นางลีน่า จังจรรจา หัวหน้าพรรคมหาประชาชน เดินทางมายังจุดรับการเสนอชื่อ พร้อมระบุทั้งน้ำตาว่า หลังทราบข่าว กกต.มีมติให้ใบแดงจากกรณีทำป้ายหาเสียง ส.ว.เข้าข่ายหลอกลวง รู้สึกเครียดจนจะฆ่าตัวตาย โดยการเอาทิชชู่อุดรูจมูก จึงอยากจะมาขอใบสมัครเข้ารับการเสนอชื่อเป็น สปช.คืน เพราะกลัวว่าจะเป็นการให้เอกสารเท็จกับเจ้าหน้าที่ เพราะถือว่าขาดคุณสมบัติ กรณีการทำป้ายหาเสียง ส.ว.ตนเคยมาให้ปากคำกับ กกต.แล้วว่าได้ฟ้องร้องร้านทำป้ายเนื่องจากตัดข้อความว่า "เสนอกฎหมาย ยุติขึ้นราคาแก๊สหุงต้ม และแอลพีจี" เพราะประชาชนมีสิทธิเสนอกฎหมายได้อยู่แล้ว

"ภุชงค์" แจงคดีใบแดงยังไม่สิ้นสุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากนางลีน่าแสดงหลักฐานและชี้แจงกับสื่อมวลชนแล้ว นางลีน่าไปนั่งขวางประตูห้องรับสมัคร สปช.ห้องที่ 1 ที่ให้เสนอชื่อด้านการเมือง โดยระบุว่าต้องการพบนายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. เพื่อขอความเป็นธรรมและส่งเอกสารบัญชีค่าใช้จ่ายการสมัคร ส.ว.ยืนยันว่าไม่ได้มาขัดขวางการรับสมัคร สปช. กระทั่งเวลา 10.45 น. นายภุชงค์เดินทางมาพูดคุยกับนางลีน่าจัง พร้อมกล่าวว่า ขณะนี้คดียังไม่ถึงที่สุด ถือว่ายังมีคุณสมบัติอยู่ กกต.ต้องส่งเรื่องให้ศาลฎีกา และคงไม่ถึงขั้นต้องติดคุกหากแจ้งเอกสารเท็จ เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบคุณสมบัติอยู่ ไม่จำเป็นที่นางลีน่าต้องขอเอกสารคืน เพราะก่อนจะส่งรายชื่อให้คณะกรรมการสรรหา สปช.และ คสช. ทาง กกต.จะทำหมายเหตุไว้อยู่แล้วว่าใครขาดคุณสมบัติหรือไม่

19 หรือ 20 ส.ค. กก.สรรหาถกนัดแรก

ขณะที่เวลา 11.00 น. นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต.แถลงว่า การรับสมัครในวันที่สาม มีผู้มาสมัครเข้ารับการสรรหา 9 ราย กกต.ตรวจสอบรายชื่อขอผู้สมัครเมื่อสองวันที่ผ่านให้ คสช.ไปแล้ว จำนวนผู้มาสมัคร สปช.ถือว่าไม่น้อย ทุกคนรู้หมดแล้วว่ามีการรับสมัครถึงวันไหน และมอบหมายให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กกต.ประสานไปยังสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 และช่อง 9 ขึ้นข้อความประชาสัมพันธ์ว่ามีการเปิดรับสมัครสรรหา สปช.ตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค. ถึง 2 ก.ย. ในสัปดาห์หน้าวันที่ 19 ส.ค. หรือวันที่ 20 ส.ค. จะมีการประชุมคณะกรรมการสรรหา สปช.ทั้ง 11 ด้านเป็นนัดแรก เพื่อกำหนดแนวทางคัดเลือกบุคคลที่มาสมัคร

สรุป 3 วันชงชื่อ สปช.แล้ว 222 คน

เมื่อเวลา 17.00 น. ที่สำนักงาน กกต. นายบุญเกียรติ รักชาติเจริญ รองเลขาธิการ กกต.แถลงสรุปผลการเปิดรับสมัครบุคคลเข้ารับการสรรหาเป็นสปช.วันที่สามว่า ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. มีผู้เข้ารับการสรรหาทั้ง 11 ด้าน 19 คน มาสมัครและส่งเอกสารด้วยตนเอง 15 คน ส่งทางไปรษณีย์ 4 คน และในส่วนจังหวัด 12 คน รวมวันที่สามมีผู้สมัคร 31 คน และรวมการสมัครทั้งสามวันมีผู้สมัครทั้งหมด 222 คน แบ่งเป็นนิติบุคคลเสนอ 78 คน ในส่วนของจังหวัด 144 คน โดยตัวเลขที่นำมาแถลงแต่ละวันจะมียอดตกค้างทำให้ตัวเลขคลาดเคลื่อนบ้าง

เปิดช่องขยายเวลาเสนอชื่อ

นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษา คสช.ฝ่ายกฎหมาย ในฐานะคณะกรรมการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีที่นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ว่าที่รองประธาน สนช. ระบุคณะกรรมการสรรหา สปช.ทั้ง 11 คณะ 77 คน จะประชุมปลายสัปดาห์หน้าว่า ไม่มีการบังคับต้องประชุมร่วมกัน แต่ละคณะไปประชุมกันเองได้เพื่อวางหลักเกณฑ์สรรหา การเอา 77 คนมาประชุมร่วมกันจะดูเอิกเกริก แต่ถ้าจะประชุมร่วมกันก็ได้ เพื่อกำหนดกติกาคล้ายๆกัน ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็น 11 มาตรฐาน ส่วนการเลือกประธานคณะกรรมการสรรหาแต่ละชุดเลือกเลยหรือเลือกหลังจากส่งรายชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นสปช.มาแล้วก็ได้

เมื่อถามว่า ตั้งแต่วันแรกของการเปิดรับเสนอชื่อบุคคลเข้าสรรหาเป็น สปช.ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและด้านพลังงาน มีการเสนอชื่อผู้สมัครน้อยกว่าชุดอื่น นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ใช่ปัญหา เพราะมาตรา 17 ของ พ.ร.ฎ.ว่าด้วยการสรรหาสมาชิกสปช. พ.ศ.2557 ให้ทำอะไรได้หลายอย่าง อาจลดจำนวนลงแต่ต้องไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของผู้สมัคร แต่ถ้ามาไม่ถึง 30 คน มาตรา 17 บอกไว้แล้วว่าให้หัวหน้าคสช.กำหนดเป็นอย่างอื่นได้ เช่น มาแค่ 10 คน หัวหน้า คสช.อาจกำหนดสาขานั้นๆ เลือกมาแค่ 5 คนได้ แม้แต่ขยายวันรับสมัครที่จะปิดวันที่ 2 ก.ย.ออกไปยังได้เลย มีเวลาอีกหลายวัน แรกๆที่มาไม่มาก เพราะแต่ละองค์กรต้องประชุมก่อน คงจะเร็วขึ้นหลังวันที่ 20 ส.ค.

พท.เย้ยวังเวงคนเมินร่วมวง

ด้านนางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีต ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากกรณีที่หลายจังหวัดยังไม่มีผู้สมัครเป็น สปช.และบรรยากาศเงียบเหงาไม่คึกคักเท่าที่ควรถือเป็นความวังเวงในความเป็นประชาธิปไตย หลายคนไม่กล้าสมัคร เพราะสมัครไปคงไม่มีโอกาสได้เป็น ความรู้สึกเหมือนโดนครอบงำไม่โปร่งใส บรรยากาศอึมครึมเหมือนเดินเข้าป่าช้า เป็นตัวชี้วัดที่ คสช.ควรต้องพิจารณา เพราะสะท้อนความรู้สึกของประชาชนทั่วไป คสช.ไม่ควรฟังเสียงประจบประแจงจนเกินไป สิ่งที่เกิดเป็นกระจกเงาสะท้อนได้เป็นอย่างดีว่าลึกๆ เป็นอย่างไร

ติงงบฯ 58 อย่ากระจุกตัวซื้ออาวุธ

นางกุสุมาลวตีกล่าวอีกว่า ส่วนการขึ้นเงินเดือนข้าราชการเพื่อเอาใจ หวั่นใจว่าจะซ้ำรอยกับเช็คช่วยชาติสมัยพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ ขณะที่โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคกลับมีข้อท้วงติงจากข้าราชการจะยกเลิกและให้ประชาชนสมทบ รู้สึกเศร้าใจเพราะมีคำกล่าวจากผู้สนับสนุนการปฏิวัติว่าคนจนเป็นภาระ โดยเฉพาะงบประมาณปี 2558 จะมีกรรมาธิการงบประมาณหรือไม่หรือเสนอแล้วผ่านเลย และอยากย้อนถามถึงงบฯปี 57 ที่กรรมาธิการตัดงบฯออกหลายพันล้าน เอามาแปรญัตติเพิ่มให้สำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไปเป็นงบฯของโรงเรียนประถมศึกษาทั่วประเทศ แต่วันนี้ทราบข่าวว่างบฯนั้นถูก คสช.ตัดทิ้งหมด เสียดายโอกาสของเด็ก ไม่ทราบว่าเอางบฯนี้ไปทำอะไร กลายไปเป็นการแสดงต่างๆ ในโครงการปรองดองหรือไม่ อยากฝาก คสช.ควรพิจารณางบฯปี 58 อย่างรอบคอบ และทั่วถึง อย่าไปกระจุกที่ซื้ออาวุธอย่างเดียว

จับ 2 ทหารลักปืนของกลาง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ส.ค. พ.ท.สุรวุฒิ ศรีอังกูร นายทหารพระธรรมนูญ ได้รับมอบอำนาจจากตุลาการพระธรรมนูญ หัวหน้าศาลทหารกรุงเทพ เข้าแจ้งความที่ สน.ชนะสงคราม เพื่อดำเนินคดีกับ ร.อ.ชินพล ออรุ่งโรจน์ และ จ.ส.อ.สมเกียรติ ม้ายอง ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่รักษาทรัพย์เบียดบังทรัพย์เป็นของตนเอง หรือผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั่นไปเสีย และเอาไปเสียซึ่งทรัพย์ที่ได้ส่งไว้ต่อศาลหรือที่ศาลให้การรักษาไว้ในการพิจารณาคดี หรือทรัพย์สินที่ได้มีคำพิพากษาให้ริบและลักทรัพย์ในสถานที่ราชการ และเอาไปเสียซึ่งทรัพย์ที่ได้ส่งไว้ต่อศาลหรือที่ศาลให้ไว้ในการพิจารณาคดี เหตุเกิดที่ศาลทหารกรุงเทพ แขวงพระบรมมหาราชวัง กทม.

54 กระบอกล่องหนพ้นศาลทหาร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23-24 ก.ค.57 ระหว่างศาลทหารพิจารณาคดีพยายามฆ่าและคดีฆ่าผู้อื่น มีการเบิกอาวุธของกลางเพื่อให้โจทก์ยืนยันของกลางในคดี เป็นอาวุธปืนออโตเมติกขนาด 9 มม. ซีแซด และปืนสั้นรีวอลเวอร์ ขนาด.38 เทารัส รวม 54 กระบอก แต่ปรากฏว่าอาวุธดังกล่าวหายไป ซึ่งเป็นอาวุธที่ได้ยึดจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองและบางส่วนเคยนำไปแถลงข่าวถึงการจับกุมอาวุธสงครามที่ คสช.สั่งการให้กวาดล้าง หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ทหารได้คุมตัว ร.อ.ชินพล เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม และได้ขออนุมัติศาลทหารกรุงเทพออกหมายจับที่ 42/2557 ลงวันที่ 5 ส.ค.57 และจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วน จ.ส.อ.สมเกียรติหลบหนี อยู่ระหว่างการขออนุมัติศาลออกหมายจับ
ที่มา http://www.itplaza.co.th/update_details.php?type_id=1&news_id=38785&page=1