ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

..เหินฟ้า..ท้าลมห่มหนาว ที่..เป่ยจิง..

เริ่มโดย ฟานดี้, 21:51 น. 02 พ.ย 57

ฟานดี้

..หลังจากเที่ยวกำแพงหมื่นลี้เสร็จแล้ว..วันรุ่งขึ้นก็ไปเที่ยวต่อพระราชวังฤดูร้อนอวี้เหอหยวน
ในอดีตพระนางซูสีไทเฮาทรงโปรดปราณมาก..


พระราชวังฤดูร้อน
               
อาณาบริเวณที่เป็นพระราชวังฤดูร้อน (อี้เหอหยวน) ในปัจจุบันเป็นที่ตั้งวังหลวงมาตั้งแต่สมัยกุบไลข่าน แต่มาปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์จนเป็นเช่นที่เห็นในทุกวันนี้จาการบูรณะในช่วงปี 1749-1764 ผู้ขยายอาณาเขตวัง ทั้งอุทยาน ทิวเขาและทะเลสาบออกไปคือ จักรพรรดิเฉียนหลง นอกจากนี้พระองค์ยังสร้างศาลาและพระตำหนักเพิ่มเติมเข้าไปอีกหลายหลัง ราชสำหนักชิงใช้พระราชวังแห่งนี้เป็นที่เสด็จแปรพระราชฐานหลบความร้อนจากเมืองต้องห้ามมาในช่วงฤดูร้อน ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวและชาวจีนทั่วไปเข้าไปเที่ยวเล่นได้ หลายคนบอกว่าที่นี่เป็นอุทยานหลวงที่งามที่สุดในประเทศจีน
หลังการขยายต่อเติม พระราชวังแห่งนี้เคยถูกทำลายลงสองครั้งครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อปี 1860 ในช่วงสงครามฝิ่นครั้งที่ 2 เมื่อกองทหารอังกฤษกับฝรั่งเศสบุกเข้าปล้นสะดมกรุงปักกิ่ง และทำลายสิ่งปลูกสร้างต่างๆลงเป็นจำนวนมาก ต่อมา ฉื่อซีไท่โฮ่ว (ซูสีไทเฮา) ทรงบูรณะพระราชวังฤดูร้อนขึ้นมาใหม่ในปี 1886 แต่ก็ถูกกองทัพของชาติ






ตะวันตกทำลายลงอีกครั้งในการตอบโต้พวกกบฏนักมวยเมื่อปี 1900 กระนั้นฉื่อซีไท่โฮ่วก็หาได้ท้อพระทัยไม่และทรงบูรณะพระราชวังแห่งนี้ขึ้นอีกครั้งในปี 1903 และทรงโปรดที่นี่มากถึงขั้นเสด็จมาประทับอยู่เนืองๆโดยไม่เลือกฤดูกาลด้วยซ้ำ พระราชวังฤดูร้อนเริ่มเปิดให้เข้าชมในปี 1925
พระราชวังฤดูร้อนมีพื้นที่ 700 เอเคอร์ สวนใหญ่เป็นทะเลสาบคุนหมิงที่มีสะพานทอดข้ามหลายสายแบ่งท้องน้ำออกเป็น 2 ส่วนคือ ซีหู (บึงตะวันตก) กับหนานหู (บึงใต้) โดยมีดอยหมื่นปี (ว่านโซ่วซาน) ตั้งตระหง่านอยู่ตรงฝั่งเหนือ ข้ามยอดดอยไปจะเป็นทะเลสาบที่สร้างขึ้นในยุคราชวงศ์ชิง ฝั่งเหนือของทะเลสาบคุนหมิงนั้นดารดาษไปด้วยศาลาสวยๆกับเพลงอ้าวลานกว้างหลายแห่งที่เชื่อมต่อถึงกันด้วย ระเบียงยาวฉางหลาง ซึ่งเป็นทางเดินมาหลังคาคลุม ทอดยาวจากหมู่ตำหนักตะวันออกไปยังเรือหินอ่อนทางด้านตะวันตกรวมระยะทาง 777 เมตร ระเบียงนี้สร้างขึ้นในปี 1750 แบ่งเป็นคานขวาง 273 ช่วงกับศาลาอีก 4 หลัง

ฟานดี้

สภาพภายในคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวขาวจีนจนล้นทะลัก

ฟานดี้

เดือนหน้า ธันวาคม เข้าสู่หน้าหนาวเต็มตัว..ทะเลสาปแห่งนี้
จะกลายเป็นน้ำแข็งสามารถลงไปเดินเล่นได้เลย..

ฟานดี้

..จากนั้นก็ไปต่อที่วัดลามะยงเหอกง..เที่ยววัดที่นี้ต้องซื้อตั๋วเข้าชมนะคร๊าบ
แถมต้องสแกนกะเป๋ายังกะตอนขึ้นเครื่องบิน..ฮา

วัดลามะ หรือ หย่งเหอกง (Yonghegong or Lama Temple)
• วัดที่สำคัญที่สุดในพุทธศาสนาของปักกิ่ง สร้างในปี ค.ศ. 1694 เดิมเป็นตำหนักที่ประทับขององค์ชายหย่งเจิ้ง (องค์ชายสี่) เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ เมื่อขึ้นครองราชย์แล้ว พระองค์ทรงยกให้เป็นที่ก่อตั้งวัดลามะ ล่วงมาถึงรัชสมัยจักรพรรดิเฉียนหลงวัดนี้กลายเป็นศูนย์กลางที่สำคัญของพุทธศาสนานิกายเกลุกปา (Gelukpa) หรือหมวกเหลืองแบบทิเบต ที่ก่อตั้งโดยพระซองกาปา (Tsong Khapa) ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสองค์แรก
• วัดนี้เป็นวัดใหญ่มีการตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงาม (ด้วยศิลปะมองโกล ทิเบต และฮั่น) ปัจจุบันมีพระลามะอาศัยอยู่ถึง 200 รูป ภายในวัดมีเนื้อที่จัดแบ่งเป็น 5 ส่วน มีหอบูชาใหญ่ 5 หลัง มีกระถางธูปใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดในปักกิ่ง ตั้งอยู่ระหว่างหอหลังแรก (ประดิษฐานพระศรีอาริยเมตไตย) กับหลังที่ 2 (ประดิษฐานพระพุทธเจ้า 3 พระองค์ อดีต ปัจจุบัน อนาคต)
• หอบูชาหลังที่ 4 (ฝ่าหลุนเตี้ยน) เป็นที่เก็บรักษาพระแท่นบัลลังก์ขององค์ดาไลลามะ เป็นที่สวดมนต์ ศึกษาพระธรรมของลูกศิษย์ 2 องค์ของพระซองกาปาคือ ดาไลลามะองค์ที่ 2 และปัญเชนลามะองค์ที่ 2
• หอบูชาหลังสุดท้ายนั้นใหญ่โตและสวยที่สุด เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปยืน สูง 26 เมตร (รวมฝังอยู่ในพื้นดิน 8 เมตร) แกะสลักจากไม้จันทน์หอมต้นเดียวที่นำมาจากทิเบตเมื่อปีค.ศ. 1990 (เป็นพระพุทธรูปแกะสลักที่สูงที่สุดในโลก ได้บันทึกไว้ในเรกคอร์ด) มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 เมตร ใช้เวลาแกะสลักถึง 10 ปี แล้วสร้างวิหารหอบูชาครอบองค์พระพุทธรูป สูง 36 เมตร ในภายหลัง
• เศียรพระพุทธรูป (เชื่อว่าเป็นพระศรีอาริยเมตไตย) สูงพ้นมาถึงชั้นที่ 3 ของอาคารบูชา สูงใหญ่มากจนต้องแหงนคอมองแต่ก็ยังไม่เห็นพระพักตร์ได้อย่างชัดเจน ประกอบด้วยมีแสงสว่างค่อนข้างน้อย จึงสร้างความขลังและความน่าเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่ง
• นอกจากนี้ขอแนะนำให้ชมภูเขาพระอรหันต์ 500 องค์ซึ่งแกะสลักจากไม้จันทน์หอม สูง 5 เมตร กว้าง 3 เมตร หนา 30 เซนติเมตร องค์พระอรหันต์หล่อด้วยโลหะผสมกันถึง 5 ชนิดคือ ทอง เงิน ทองแดง เหล็ก และดีบุก ประดิษฐานอยู่ในหอบูชาหลังที่ 4

ฟานดี้

..หลังจากเที่ยวแหล่งอารยธรรมประวัติศาสตร์จนมึนไปหมดแล้ว..เรามาเที่ยว
โลกปัจจุบันของเมืองปักกิ่งกันบ้าง...
งั้น้รามารู้จักเมืองปักกิ่งกันเลย..


..เมืองประวัติศาสตร์เก่าแก่ เดิมชื่อเป่ยผิง ( Beiping ) แปลว่า สันติภาพแห่งทิศอุทร ต่อมาเปลี่ยนเป็น เป่ยจิง ( Beijing ) แต่คนไทยสะดวกที่จะเรียกว่า ปักกิ่งมากกว่า คำว่า "เป่ยจิง" ซึ่งแปลว่าเมืองหลวงแห่งทิศอุดร ซึ่งตรงกับตำแหน่งที่ตั้งของเมือง เมื่อ 1000 ปีก่อนคริสตกาล ปักกิ่งเคยเป็นเมืองสำคัญทางการค้าของชาวมองโกล เกาหลี จีนภาคกลาง และเมืองซานตง เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเยี่ยน เมื่อ 500 ปีก่อนคริสตกาล

ราชธานีของราชวงศ์เหลียว ( ค.ศ. 907 - 1125 )
ราชวงศ์จิน (ค.ศ.1115 - 1234 )
ราชวงศ์หยวน ( ค.ศ. 1279 - 1368 )
ราชวงศ์หมิง ( ค.ศ. 1368 - 1644 )
ราชวงศ์ชิง ( ค.ศ. 1644 - 1911 )
          หลังการปฏิวัติล้มล้างระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช และการสู้รบกลางเมือง ค.ศ. 1942 ซึ่งตรงกับ พ.ศ. 2492 พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ชัยชนะ ประกาศตั้งรัฐบาล และกรุงปักกิ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศนับแต่บัดนั้น
          กรุงปักกิ่งมีฐานะเป็นเขตปกครองพิเศษที่เรียกว่า มหานคร ขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลาง ปัจจุบันเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ พรรคคอมมิวนิสต์ในจีน องค์กรสูงสุดของประเทศ รัฐบาลกลาง หน่วยงานบริหารระดับสูง สถานฑูต และองค์กรนานาชาติ ด้วยเนื้อที่ 16,800 ตารางกิโลเมตร ปักกิ่งแบ่งย่อยเป็น 6 เขต คือ
ด้านตะวันตก
ด้านตะวันออก
เชวียนอู่
เฉาหยาง
ฉงเหวิน
ไห่เตี้ยน
          พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ปรับปรุง ฟื้นฟูปักกิ่งด้วยเทคโนโลยีที่ได้รับความช่วยเหลือจากรัสเซีย มีการเวรคืนบ้านเรือน ทุบกำแพงเมืองเก่าเพื่อขยาย และตัดถนนสายใหญ่ ทำให้ตัวเมืองถูกแบ่งออกคล้ายตารางสี่เหลี่ยม แสดงถึงรากฐานความเชื่อดั้งเดิมที่ว่า โลกมีลักษณะเป็นทรงจัตุรัส เมืองของจีนโดยเฉพาะเมืองหลวงต้องมีรูปแบบเป็นทรงจัตุรัส เพื่อให้สอดคล้องกับระเบียบจักรวาล มีการก่อสร้างอนุสรณ์สถาน และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพิ่มขึ้นมากมาย ระยะเวลาเพียง 1 ส่วน 4 ศตวรรษ พื้นที่ส่วนหนึ่งของปักกิ่ง เต็มไปด้วยตึกระฟ้า ช้อปปิ้งมอลล์ อาคารสำนักงาน สถานฑูต และอพาร์ตเมนต์ทันสมัย ในขณะที่อีกส่วนหนึ่ง ยังคงดำรงสภาพบ้านชั้นเดียวหลังเล็กๆ หลังคามุงกระเบื้องสีเทา ที่เรียกว่า ผิงฝาง คงกลิ่นอายวัฒนธรรมเมืองอันเก่าแก่ไว้ได้เป็นอย่างดี

ฟานดี้

ปัจจุบันประชากรในกรุงปักกิ่งมีประมาณ 30 ล้านคน..แต่ที่เป็นคน
ปักกิ่งแท้ ๆ ประมาณ 12 ล้านคน..นอกนั้นอพยบมาจากมนฑณอื่น

ฟานดี้

ช่วงนี้บนท้องถนนโล่งเป็นพิเศษเนื่องจากกรุงปักกิ่งเป็นเจ้าภาพการ
ประชุม Apec..ทางการเขากำหนดให้รถหมายเลขทะเบียนเลขคู่คี
วิ่งสลับวัน..ใครขืนฝ่าฝืนโทษหนักปรับ 3,000 หยวน..โทษเขาแรงมาก

ฟานดี้

วันนี้ออกมาเดินเล่นใกล้สนามกีฬารังนก..เจอเจ้าตูบพันธุ์ไม่กลัวหนาวเดินอย่างอารมณ์ดี..ส่วนเรา
3 ชั้นแล้วยังเอาไม่ค่อยอยู่..ฮา

ฟานดี้

จากนั้นช่วงเย็น ๆ ก็ไปช๊อปปิ้งต่อที่ตลาดรัสเซีย..ที่นี่.ขายของปลอม 100% .ถ้าใครเจอของแท้ถือว่า
แปลกประหลาด..ฮา.บรรยากาศก็เหมือนกับตลาดกิมหยงนั่นแหละมีเป็นล็อก ๆ..ลองซื้อหมวกหนึ่งใบ
แม่ค้าบอก 250 หยวน ต่อ 30 หยวน แม่ค้าขายเลยอ่ะ..พระเจ้า !?..ที่นี่ต่อแล้วต้องซื้อนะครับขืนไม่ซื้อ
แม่ค้าด่าเป็นภาษาจีนได้อ่านคนกันบ้างล่ะ ?..ฮา

ฟานดี้

..ค่ำคืนนี้..ที่ถนนหวังฟูจิ่ง เป็นแหล่งชอ๊ปปิ้งที่คึกคักมากที่สุดของเมืองปักกิ่ง
รวมทั้งมีห้างสรรพสินค้าชื่อดังมากมาย ร้านอาหาร ศูนย์กลางความบรรเทิง
ถนนคนเดินก็อยู่ที่นี่..

ฟานดี้

..รองเท้ายี่ห้อ หลี่หนิง..ที่นี่ฮิตมาก..จีนฉลาดเอาชื่อนักบาสชื่อดังที่เล่นอยู่ใน NBA มาเป็นชื่อรองเท้า
เพื่อปลุกชาตินิยม..

ฟานดี้

..จากนั้นไปต่อแหล่งช๊อปแห่งใหม่ของกรุงปักกิ่งชื่อ the palace
ที่นี่.มีจอ LCD ที่ยาวที่สุดในโลกถ้าใครอยากโปรโมทตัวเองหรือ
ขอแฟนแต่งงานโดยจอเช่าจอนี้คิดนาทีล่ะ 60,000 หยวน..คิดเป็น
เงินไทยก็เอา 5.5คูณ..แพงมากกก...

the place (ซื่อเม่าเทียนเจีย)
the place  世贸天阶 (ซื่อ เม่า เทียน เจีย)

The place เป็นแหล่งช้อปปิ้งแห่งใหม่ที่ยิ่งใหญ่สไตล์จีนสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ "The place" หรือ ซื่อ เม่า เทียน เจีย ตั้งอยู่บนถนนตงต้าเฉียวลู่ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าสำหรับการช้อปปิ้งที่คึกคักแห่งใหม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียเลยก็ว่าได้ ท่านสามารถเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนมดัง อาทิเช่น ZARA, MNG, PROMOD, MEXX เป็นต้น นอกจากเป็นแหล่งช้อปปิ้งแล้วสถานที่แห่งนี้ท่านยังจะได้ชมเพดานจอ LCD ขนาด หรือ ท้องฟ้ายักษ์ ที่ไม่มีให้เห็นที่ใดในโลก เป็นจอ LCD ขนาดความกว้าง 6,000 ตารางเมตร (เป็นจอที่ใหญ่ที่สุดในโลก)   

ฟานดี้

อีกหนึ่งไฮไล..มาปักกิ่งต้องดูกายกรรม..ฮา

ฟานดี้

มาปักกิ่งถ้าไม่ได้กินเป็ดปักกิ่งถือว่ามาไม่ถึง..ฮา
วิธีกินที่ถูกต้องคือ.ต้องหยิบชิ้นเป็ด 2-3 ชิ้นพร้อมกับ
ผักที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆวางบนแผ่นโรตี..เหมือนกินโรตี
สายไหมนั่นแหละ..

ฟานดี้

เมืองจีนกินข้าวเสร็จเขาไม่กินน้ำเย็นกันกินน้ำร้อน..เราเลยล่อ
แต่เบียร์ทุกมื้อเยยย..

ฟานดี้

มื้อนี้ลองกินสุกี้บ้าง..แต่เป็นสุกี้ธิเบต..หม้อต้มสุกี้หม้อใครหม้อมัน..ฮา
เนื้อก็มี ไก่ แพะ หมู ลูกชิ้น..ที่นี่.อาบังไม่กินหมูน่ะนาย..ถูกปากปากพอง
ถูกลิ้นกลืนเลย..ฮา...

ฟานดี้

มื้อนี้เป็นบุ๊ปเฟแบบซีฟู๊ด ณ ภัตตาคาร GOLDEN JAGUAR ระดับ 6 ดาว มีครบทั้งอาหารญี่ปุน
เบียร์สด และอื่น ๆ อีก 200 ชนิด..ส่วนตัวฟาดแต่ซีฟู๊ดอย่างเดียว.อิอิ

ฟานดี้

เสร็จจากมื้อซีฟู๊ดก็กลับที่พักโรงแรม Juyi runhua HoTel..
คืนนี้หลับสบายฝันดี.

ฟานดี้

..วันรุ่งขึ้น..ก็แพ็กกระเป๋ากลับบ้านเราโดยสายการบิน AiR China ใช้เวลาบิน 4 ชัวโมงครึ่ง
ก็ถึงสุวรรณภูมิ..เป็นอันจบการเที่ยวเมืองปักกิ่ง 5 วัน 4 คืน..ได้เรียนรู้และพักผ่อนที่ดีมากทีเดียวครับ....

.................... สวัสดี...........................

คนหาดใหญ่ใน


Mr.No

อ้างจาก: ฟานดี้ เมื่อ 09:49 น.  09 พ.ย 57
มาปักกิ่งถ้าไม่ได้กินเป็ดปักกิ่งถือว่ามาไม่ถึง..ฮา
วิธีกินที่ถูกต้องคือ.ต้องหยิบชิ้นเป็ด 2-3 พร้อมกับ
ผักที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆวางบนแผ่นโรตี..เหมือนกินโรตี
สายไหมนั่นแหละ..

ของโปรดเชียะ...  ส-เหอเหอ ส-เหอเหอ
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

ฟานดี้

อ้างจาก: Mr.No เมื่อ 15:33 น.  10 พ.ย 57
ของโปรดเชียะ...  ส-เหอเหอ ส-เหอเหอ

ส.ยกน้ิวให้  ส.ยกน้ิวให้ ..แถวปักกิ่งอาหารการกินค่อยเป็นมาตรฐานหน่อย
ครับท่าน..แต่ถ้าทางตอนใต้แถวกวางตุ้ง กวางโจว ซัวเถา..แถบนั้นเปิบพิสดาร
เช่น..เอาลูกหนูตัวแดงๆเป็นๆเอามาทำจิ้มจุ่ม..กินกันสด ๆ..ยี้