ไม่มีทางเป็นไปได้เลย ผมพนันได้
เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศ
ระดับจังหวัดคงไม่มีเงินมาฟื้นฟูหรอกครับ
แล้วใครจะมาฟื้นฟูทั้งๆที่มันไม่มีประโยชน์อะไรเลย
รู้ว่าอยากรักษา แต่บางสิ่งมันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ
พยายามต่อไปเถอะ อาจจะเหนื่อยฟรี แต่รู้ว่าเตมใจ ตามสบายยย ทำออกมาเลยครับ เสื้อ ร่ม
เขาไม่สนใจอะไรหรอกครับ เว้นแต่พวกคุณจะไป ตั้งม๊อบประท้วง ก้อไม่แน่นะ
ก่อนอื่น ผมต้องบอกว่า..... แนวคิดเรื่องการผลักดันให้ทางรถไฟสายนี้กลับมาอีกครั้ง แม้นจะอยู่ในขั้นเพียงการสร้างกระแส แต่ก็นับว่า ก้าวหน้าไปมาก...
แนวคิดการตั้ง กลุ่ม หรือ ชมรม ต่าง ๆ ที่จะสร้างความรู้สึกให้คนหาดใหญ่ สงขลา มีความรู้ ความเข้าใจในเส้นทางรถไฟสายนี้ ทั้งในแง่ประวัติศาสตร์ หรือในแง่ของการพัฒนาไปสู่ ระบบขนส่งมวลชน ในอนาคต นั้น ผมมองว่า ไม่ใช่เรื่องแปลก และไม่ใช่เรื่องที่ใคร ๆ จะต้องออกมากระแนะกระแหน ว่า ฝันค้างบ้าง... เลิกคิดเถอะ? ฯลฯ อะไรทำนองนี้
แน่นอนละว่า การทำให้เส้นทางรถไฟสายนี้กลับมานั้น ลำพังงบประมาณจังหวัด คงเลิกคิดได้...แต่ถ้าคนที่ได้ศึกษาจริง ๆ ก็จะรู้ว่า เรื่องเหล่านี้ จะผ่านหรือไม่ นั้น คือ มติ ครม. และ งบประมาณจากส่วนกลางเท่านั้น
แต่เรื่องเหล่านี้ .... ไม่มีอะไรที่จะเกิดไม่ได้ เพราะแม้แต่ โครงการอย่าง หนองงูเห่า มาจนถึง สุวรรณภุมิ มูลค่าหลายแสนล้าน มันก็เกิดขึ้นจนได้....... ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้า ก็มีปัญหามากมายจากผุ้คัดค้าน ว่า ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำบ้าง... โครงการน้ำลายไหลบ้าง ฯลฯ แต่สุดท้าย มันผ่านได้ ก็เพราะ คำปรุงแต่งที่สอดแทรกภาษาทางวิชาการ ผ่านการผลักดันโดยนักการเมือง ทำให้ สิ่งที่มองว่า ไม่คุ้มทุน.... ค่าเป็น ทั้งคุ้มค่า....ทั้งคุ้มทุน จนคลอดออกมาเป็นสนามบิน สุวรรณภูมิ
คำถามของบ่าวเส็ง คนขี่มอไซด์รับจ้างข้างบ้านผม ก็คือ... จนมาถึงวันนี้ ผลประโยชน์ที่คนไทยได้รับ โดยเฉพาะคนระดับล่าง อย่างบ่าวเส็ง.... จะมีปัญญาได้นั่งเครื่องบิน ไปเดินเอิด....อยู่ในสนามบินสุวรรณภูมิกะเค้าได้บ้างมั้ย สักครั้งหนึ่ง...
แต่มันก็น่าแปลก เพราะเหตุผลของคำว่า “สุวรรณภูมิ ประตูสู่เอเชีย” กลับได้รับการเห็นชอบจาก ครม ชุดทักษิณ กันแบบหงิก ๆ ราวกับนัดกัน ว่า “คุ้มๆๆๆๆ” เพราะไอ้ที่คุ้มน่ะ มันถูกนักวิชาการ ที่มีนักการเมืองเป็นแบ๊ก สั่งให้เขียน...ให้ลงความเห็นสารพันที่จะทำให้ คนอ่าน ได้เข้าใจว่า .........โอโห สุดยอดแห่งความคุ้ม
มันน่าแปลก...ที่ทุกชาติที่เจริญด้านการคมนาคม ไมว่าจะเป็น ญี่ปุ่น,ฝรั่งเศส,เยอรมัน,ออสเตรเลีย หรือแม้แต่กระทั่งพี่ใหญ่อย่าง อเมริกัน ยังเห็นตรงกันว่า ระบบขนส่งมวลชน ที่คุ้มค่าที่สุด (ในระยะยาว) ทั้งคน ทั้งของ ไม่มีอะไรจะสู้ “รถไฟ”
นักวิศวกรรมด้านขนส่งมวลชนอเมริกัน ออกมาสนับสนุนแนวคิด ของการพัฒนาระบบรถไฟ ให้สามารถเชื่อมโยง จากเมืองสู่เมือง ประเทศสู่ประเทศ และ ทวีบสู่ทวีป
เรื่องที่อยากฝากให้ สนข. ไปคิดก็คือ ประเทศเยอรมัน ซึ่งถือว่า ก้าวหน้าสุด ๆ ด้านวิศวกรรมขนส่ง กำลังมีแผนการที่จะร่วมกับอีกหลาย ๆ ประเทศ เพื่อสร้างทางรถไฟที่เชื่อมระหว่าง เมืองฮัมบรูก เยอรมัน มาถึง ปักกิ่ง ประเทศจีน!
เหตุผลก็เพราะว่า เยอรมันและยุโรป เข้าใจดีว่า จีนนั้น จะสามารถตอบสนองผลตอบแทนด้านเศรษฐกิจค้าขายในอนาคตได้อย่างมหาศาล และการส่งสินค้าจากจีน ไป เยอรมัน ทั้งไปและกลับโดยรถไฟ ใช้เวลาเพียงครึ่งหนึ่งจากที่เคยส่งมาทางเรือ และที่สำคัญ มันคุ้มค่ากว่าเพราะเที่ยวเดียวมันลากได้มากกว่า การบรรทุกในเรือลำเดียว กว่าแยะ.... หรืออย่างเส้นทางรถไฟซานตาเฟ่ในอเมริกาเอง เค้ารู้ดีว่า ใช้รถไฟหนึ่งขบวนลากตู้คอนเทรนเนอร์มากกว่า 60 ตู้นั้น มันคุ้มกว่า ไอ้การที่ยอมให้พวก คอนวอย์ อย่าง 18 ล้อ วิ่งกันให้ควันไอเสียเต็มถนน แถมถนนพังกันทุกปี (ว่าง ๆ ลองไปดู สายสะเดามั่งนะ)
นักวิชาการ ด้านขนส่งมวลชนไทยบางคน คงคิดว่า ประเทศจีน คงปัญญาอ่อนเอามากที่ดัน เอาเงินไปตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เพราะทุ่มเงินกับการสร้างทางรถไฟความเร็วสูงจาก ปักกิ่ง ไป เมืองลาซา ธิเบต แต่จีน เค้ากลับคิดก้าวหน้ากว่าเรามากนัก (รวมทั้งเวียตนาม)
เพราะจีน และยุโรป ต่างรู้ดีว่า นับแต่นี้ ไม่นาน วิกฤตการณ์น้ำมัน จะยิ่งนับว่ารุนแรงขึ้น การเร่งวางแผนทำตอนที่ต้นทุนำน้ำมันยังอยู่ในวิสัยทำได้ เค้าฉลาดกว่า เค้าก็ทำ ประกอบกับกระแส การท่องเที่ยวในเชิง Green Travel เช่นการเดินทางโดยรถไฟ ในเส้นทางยาว ๆ นับวันได้รับความนิยมมากขึ้นทุกที
เรื่องพรรค์นี้....น่าจะทำให้ คนไทย และนักวิชาการที่รัก ตาสว่างกันบ้างนะครับ... พอเสียทีเถอะ พวกอีโก้สูงทั้งหลายที่มีดีกรี ระดับ ด๊อก ๆ ทั้งหลาย... ลองหลับตานึกภาพสมัยเรียน สมัยเข้ากรุงกันบ้างซิ.... ไม่เพราะรถไฟห่วย ๆ เหล่านี้หรือ ที่นำพาพวกท่าน เล่าเรียนจนจบมหาวิทยาลัยเมืองกรุง กันนับหมื่น คน (หรือจะเถียงว่า สมัยโน้น ผมนั่งแต่เครื่องบินไปเรียน)
เขียนมาซะยาวเหยียด... เพราะสนับสนุนว่า สมควรที่จะมีการจัดตั้งกลุ่ม ชมรม หรือองค์กร ให้มันเกิดกระแสในวงกว้างเสียที แต่ที่สำคัญ อย่างแข่งกันทำ ต้องหาแนวร่วม .........แสวงหา กลุ่ม องค์กร ที่มีความเห็นคล้ายกันให้มากที่สุด ไมว่าจะเป็นกลุ่มที่ผ่านทางเวบไซด์ต่างๆ ต้องประสานไปเพื่อขอให้เป็นหนึ่งเดียวกัน และที่สำคัญองค์กร ต้องเป็นรูปธรรม มีการคุยกันแบบ คนจริง ๆ ไม่ใช่แค่ ผ่านทางเวบบอร์ด....
เสียดายที่ผมไม่ได้เป็นผู้ว่า..... ผมจะพูดในที่สัมมนา อย่างช้า ๆและชัด ๆ ให้คุณนิพนธ์ บุญญามณี ท่านฟังว่า
ผมจะทำให้ทางรถไฟ สงขลา หาดใหญ่ เป็นเส้นทางรถไฟต้นแบบที่ดีที่สุด และเชื่อม รับส่ง ทั้งคน ทั้งสินค้า ลากไปถึง ปาดังฯ และอยากจะรู้เหมือนกันว่า ถ้ารัฐฯ จะต้องเข้ามา Subsidee ให้ประชาชนผู้เสียภาษี และต้องทำในฐานะ บริการจากรัฐฯ น่ะ มัน ผิดตรงไหน....