ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

แชร์ประสบการณ์เรื่องการสอบเข้าชั้น อนุบาล 1

เริ่มโดย SPT1980, 13:02 น. 22 ธ.ค 57

SPT1980

วันนี้ ดิฉัน มีเรื่อง มาแชร์ประสบการณ์ เรื่องการสอบเข้า รร.อนุบาล แห่งหนึ่ง ใน หาดใหญ่ คะ (ข้อเน้นนะคะ ว่า การเขียนกระทู้นี้ ขึ้นมา เพื่อแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆ หรือ ท่านผู้ปกครองที่คิดจะนำลูกๆ ไปสอบเข้า รร นี้นะคะ เพื่อเป็นการตัดสินใจ ซึ่งมันเป็นประสบการณ์ตรงที่เกิดขึ้นกับตัวดิฉัน และมันเป็นเรื่องจริง)

ก่อนอื่่น ขอบอกแบ็คกราวน์ ตัวเองคร่าวๆก่อนนะคะ คือ ดิฉันและ สามี จบปริญญาตรี เราทั้งคู่ มาจากครอบครัวชาวไร่ชาวสวนทั้งคู่ ดิฉันและสามี ปัจจุบันทำงาน เป็นผู้จัดการ บ.เอกชน ใน อ.หาดใหญ่  มีเรามีลูกชาย คนแรก เมื่อต้นปี 2555
เนื่องจากครอบครัวเราทั้งดิฉัน และ สามี ต้องทำงานทั้งคู่ และเราไม่มีญาติพี่น้องใน หาดใหญ่ เราจึงคิดหา เนอสเซอรี่ ที่ฝากลูกที่ไว้ใจได้ และก็ต้องขอบคุณเพื่อนของสามีที่เป็นเจ้าหน้าที่ในคณะ  ที่ช่วยเราฝากลูกให้เข้าเนอสเซอรี่ ใน มอ ได้

และลูกของดิฉัน ก็จะถึง กำหนดต้องเข้าอนุบาล 1 ในปี การศึกษา 2558  ตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่า ที่ลูกชายของดิฉันอยู่ที่เนอสฯ เราค่อนข้างพอใจ กับ การพัฒนาในด้านต่างๆ ของลูกชาย ซึ่งเป็นการประเมิน จาก คุณครูพี่เลี้ยง และ คนรอบข้าง ที่ได้สัมผัส กับลูกชาย

และเมื่อเดือน กรกฎาคม 57 ดิฉันกับสามี ก็ต้องเริ่มคิดถึง รร ที่ลูกชายจะต้องเข้าเรียน ชั้น อ.1 ปี การศึกษาหน้า ซึ่งต้องบอกก่อนว่า ตั้งแต่พาลูกชายเข้ามาอยู่ที่เนอสเซอรี่ดังกล่าว เราไม่เคยมีความคิดจะพาลูกชาย ไปสอบ รร อนุบาล ดังกล่าว
เพราะ ก่อนหน้านั้น เค้าเคยได้ยินมาบ้าง ว่า รร ดังกล่าว ค่อนข้างเข้ายาก คือ 1.ต้องสอบเพื่อวัดพัฒนาการด้านต่างๆ  2.เด็กๆที่เรียนที่นั้นค่อนข้างเป็นลูกของบุคคลที่มีฐานะ (อันนี้ เป็นเรื่องที่ได้ยินมา ตอนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะให้ลูกชายเข้าเรียน ที่ไหน) แต่ เมื่อใครๆ ทราบว่า ลูกชายอยู่ที่เนอสเซอรี่ดังกล่าว ส่วนมากก็จะพูดว่า ถ้าอยู่เนอสเซอรี่นี้ ลูกก็จะสอบเข้า รร อนุบาล นี้ได้แน่นอน

ซึ่งพอ ลูกชาย ขึ้นชั้นเตรียมอนุบาล 3 ที่เนอสเซอรี่ ทางเนอสฯ ก็มีการกวดขันเด็กมากขึ้น ประเมินเด็กในด้านต่างๆมากขึ้น ซึ่งเมื่อมาดูเราก็พบว่า ลูกชายก็ผ่านการประเมินใน ระดับดี ดิฉันกับสามี จึงคิดว่า เราจะพาลูกไปสอบ ที่ รร.ดังกล่าว โดย มีเหตุผล ดังนี้ 1.เมื่อดูจากพัฒนาการด้านต่างๆ ของลูกชายเค้าอยุ่ในระดับดี 2.รร ดังกล่าว มีเพื่อนๆจากเนอสฯที่ลูกชายคุ้นเคยไปสมัครเรียนเยอะ คงทำให้เค้าปรับตัวได้ไม่ยาก 3.สอบถามจากเพื่อนๆที่มีลูกเรียนอยู่ที่ รร นี้ ค่อนข้างจะมีระเบียบและพัฒนาการด้านต่างๆดี ซึ่ง เราก็อยากให้ลูกชายเป็นคนมีระเบียบ วินัย (สรุปคือ เราพิจารณา 3 ด้าน คือ 1 ตัวเด็กเอง 2 สังคม 3 คุณภาพของ รร ) และอาจเพิ่ม ข้อ 4 คือ เราซึ่งเป็นพ่อแม่เอง ที่พร้อมจะสนับสนุนในทั้ง 3 ด้าน

จนมาถึงเดือน ตุลาคม ก่อน 1 เดือนที่เปิดรับสมัคร ทางเนอสฯ ก็จะสอบถามทาง ผปค ที่จะประสงค์จะให้ลูกไปสอบ รร ดังกล่าว เพื่อ จะได้ติวเข้มเด็กกลุ่มนี้  โดยการนำ ข้อสอบปีก่อนๆ ที่ให้เด็กทดสอบ มาฝึกและสอน เด็กๆกลุ่มที่จะไปสอบ
โดยเริ่มฝึกจริงจังตั้องแต่เดือน ตุลาคม

วันที่ ที่ไปสมัคร ดิฉันได้เจอ เพื่อนเก่าสมัยที่ทำงาน ก็มาสมัครให้ลูกเค้าเหมือนกัน (เค้าอยู่บ้านเลี้ยงลูกเอง) ดิฉันก็ถามเค้าว่า เคยคุยกันเรื่อง ให้ลูกเข้าอนุบาล เค้าเคยบอกว่า จะให้ลูกเข้าอีก รร หนึ่ง แต่เค้าบอกว่า ตอนนี้ เปลี่ยนแล้วพอดีสามีมีญาติ อยู่ รร นี้ เค้าก็เลยฝากให้ (ซึ่งเธอก็บอกดิฉันตรงๆ) ซึ่งดิฉันก็ไม่คิดอะไร ในตอนนั้น เพราะ พอรู้มาบ้าง ว่า รร นี้ ฝากได้ (จะให้เงินสนับสนุน  หรือ มีญาติ)

กำหนดการสอบ คือ ต้นเดือนพฤศจิกายน  ก่อนการสอบ 1 เดือน ทางเนอส มีการประเมินให้ลูกหัดทำข้อสอบเก่าๆ ทุกวัน ซึ่งเมื่อกลับมาบ้าน ดิฉันกับสามี ก็ไม่ได้มาฝึกต่อแต่อยากใด จะถามแค่ว่า วันนี้ ลูกฝึกเรื่องอะไร เพราะไม่อยากให้เค้าเคร่งเครียดจนงเกินไป แต่สอบถามจากคุณครูผู้ดูแล ลูกก็สามารถทำได้ทุกอย่าง ตามข้อสอบปีก่อนๆ ที่เคยสอบมา เช่น
1.การแนะนำตัวเอง ชื่อพ่อแม่ อาชีพพ่อแม่ สถานที่ทำงาน
2.เรือ่งของกล้ามเนื่้อ การต่อบล๊อค ฟันเฟือง
3.บอกรูปทรง สี สิ่งของ ดอกไม้ สัตว์ อาชีพ  เป็นต้น นะคะ
ขอแค่ วันสอบ ให้ระวัง เรื่องอารมณ์ของลูก แค่นั้น โดยแนะนำว่า ควรไปเอาคิวแต่เช้า เพื่อจะได้คิวแรกๆ จะได้ไม่รอนานติดไปถึงเที่ยงเด็กจะง่วง หรือ ควรเตรียมของชอบไปให้เค้าด้วย

แต่ ประเด็นสำคัญคือ จะต้องโน้มน้าวลูกให้รู้สึกว่า อยากมาเรียนที่ รร ดังกล่าว ซึ่งทางเราก็ทำกับลุกชาย เช่น เปิดคลิปยูทูป ของ รร ให้ลูกดู  พาลูกไปเล่นที่ รร  ขับรถผ่าน ก็จะบอกว่า พ่อกับแม่ จะพาลูกมาเรียนที่นี่ ที่นี่มีคุณครูใจดี มีสนามเด็กเล่น เพื่อนๆที่เนอส ก็มาเรียนที่นี่  (เพื่อ จะให้เค้าไม่กลัวกับสถานที่และคุณครูในวันที่มาสอบ)

ก่อนวันสอบ 1 อาทิตย์ ดิฉันมีโอกาส ได้เจอเพื่อนอีกคน ซึ่งเพื่อนคนนี้ เมื่อปีที่แล้ว ลูกชายก็อยู่เนอสเหมือนกัน และลูกชายเค้าไปสอบ รร ดังกล่าวด้วย ซึ่งผลออกมาก็ไม่ผ่าน ซึ่งดิฉันก็ทราบ แต่ไม่มีโอกาสได้เจอกันเลย จึงไม่ได้มีโอกาสถามว่า ทำไมลูกชายของเพื่อนคนนี้จึงไม่ผ่าน ทั้งที่ ลูกชายของเพื่อนคนนี้ เป็นเด็กที่พัฒนาการดีมาก ดีกว่าลูกชายของดิฉันเสียอีก วัดจากการประเมินผลสัมฤทธิ์สุดท้ายก่อนจบจากเนอสฯ ซึ่งลูกชายของเพื่อนคนนี้ ติดระดับ Top 3 ของเนอสฯ และเค้าก็เล่าให้ฟังว่าวันที่ ไปสอบเข้าที่ รร ดังกล่าว ลูกชายก็สามารถทำข้อสอบได้หมดทุกข้อ (เพื่อนของดิฉันคนนี้ เป็นเจ้าหน้าที่ของ รร แห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียง สามีเป็น พนง บริษัท) โดยเค้าบอกว่าสาเหตุ ที่ลูกชายไม่ได้ เค้าคิดว่ามาจาก
1.เค้าทำงานอยุ่ที่ รร ที่เป็นคู่แข่ง กับ รร ดังกล่าว
2.ตัวเค้าและสามี ไม่มี ออร่า M (???) (เพิ่งมาประจักษ์ทีหลัง)

เมื่อถึงวันสอบ รร เปิดสอบ ทั้งหมด 5 วัน ลูกชายของดิฉันได้สอบวันที่ 3 โดยก่อนหน้านี้ ทั้ง 2 วัน มีเพื่อนๆ ของลูกชาย ไปสอบกันแล้วหลายคน ซึ่งเรามีการพูดคุยสอบถาม กันมาตลอดไม่ว่าเรื่อง ข้อสอบ การแต่งตัว การไปรับคิว ตลอดจนลูกใครทำได้ ทำไม่ได้ อารมณ์ของลูกๆ 

เมื่อถึงวันที่ ลูกชายสอบ คุณพ่อไปเอาคิวแต่เช้า เราได้คิวที่ 10 ได้เข้าสอบ ตอน 8.30 น. ลูกชายอารมณ์ดี เข้าไปสอบกับคุณครูในห้อง ซึ่ง มี 2 ท่าน เราได้โต๊ะที่มีคุณครูค่อนข้างมีอายุ กว่าอีกโต๊ะ เมื่อเข้าไป คุณครูไม่ได้กล่าวทักทายอะไร เรานั้ง
      คุณครูก็ถาม ว่าลูกชายชื่ออะไร ลูกชายก็บอก ชื่อ เล่น ชื่อจริง นามสกุล ต่อมา คุณครูก็ถามตัวเลข โดยหยิบตัวเลขมาทีละตัว แล้วให้ลูกตอบ โดยไม่ได้เรียง ลูกชายตอบได้ถูกทุกตัว  ต่อมา ถามรูปทรง มี สามเหลี่ยม วงกลม ห้าเหลี่ยม
สี่เหลี่ยมผืนผ้า สี่เหลี่ยมจัตุรัส ลูกชายตอบได้หมด ถามสี มีส้ม แดง เขียว ม่วง ชมพู ฟ้า ลูกชายก็ตอบได้หมด ต่อมา รูปภาพ โดยในกระดาษ A4 มีรูปอยู่ทั้งหมด 8 รูป คุณครูจะชี้ ทีละรูปให้เด็กตอบ มีช้อน+ซ้อม แก้วน้ำ ไม้แขวนเสื้อ กรรไกร กะทะ จาน มีด และหลอดไฟ (หลอดตะเกียบ) ลูกชายตอบได้ทุกภาพ ยกเว้น หลอดตะเกียบ เค้าเงียบไม่ต้อบ
เมื่อสอบเสร็จ ลูกยกมือสวัสดี คุณครู ออกมารอ เพื่อนสอบสัมภาษณ์ กับ ระดับ ผูัจัดการ รร

เมื่อเข้าไป ผู้จัดการก็สอบถาม ถึงเหตุผลที่ให้อยากให้ลูกมาสอบ รร นี้ ซึ่งเราก็ตอบไป 2 เหตุผล คือ เรื่องคุณภาพของ รร  และ ความมีระเบียบวินัย เพราะลูกเราเป็นผู้ชาย

การสอบ ผ่านไปได้ด้วยดี เรารู้สึกพอใจมากที่ลูกชาย สามารถทำได้

โดยหลังจากสอบมาประมาณ 1 อาทิตย์  คืนหนึ่ง สามี ก็คุย กับดิฉัน ในเรื่องการสอบครั้ง นี้ โดยสามีพูดว่า ไม่อยากให้ดิฉันคาดหวัง กับการสอบครั้งนี้ มากนัก โดยสามี วิเคราะห์มาจากเหตุการณ์ต่างๆที่ได้รับรู้มาทั้งหมด
ดังนี้
1.สามีบอกว่า มีเด็กฝากค่อนข้างเยอะ คือ มีทั้งการฝากจากญาติของคุณครูหรือเจ้าหน้าที่ หรือ ฝากโดยการให้เงินสนับสนุน แก่ทาง รร ซึ่ง ก็จริง เพราะเราได้รู้มากับเพื่อนของเราจริงๆ ว่าเค้ามีการฝากกับญาติ และวันที่ไปสอบลูกของเพือนดิฉันคนนั้น ก็ไม่ตอบคำถาม และร้องโวยวายจะกลับบ้าน
2.เด็กที่มีพี่ เรียนอยู่ก่อน หรือ เคยเรียน จะได้แน่นอน (แม้ก่อนหน้านี้ มี ผปคของเพื่อนลูกชายที่เนอสจะบอกว่า ทาง รร จะไม่พิจารณาประเด็นนี้ก่อนอีกต่อไป)
3.เด็ก ผู้หญิง จะได้รับการพิจารณา ก่อนเด็กผู้ชาย เพราะ เด็ก ผญ สามารถเรียนต่อได้ไปจนถึงระดับ ชั้น ม.6
4.พิจารณา จาก โปรไฟล์ ของ ผปค โดยในใบสมัคร มีการให้กรอก รายได้ต่อปี ของ ผปค ไว้ด้วย เพื่อประกอบการพิจารณา

ทั้ง 4 ประเด็น คือ เหตุผลที่สามี วิเคราะห์ไว้ ก่อน ผลการสอบจะออกมา โดย ดิฉันและสามี ตกลงร่วมกันว่า ถ้าเป็นไปตามเหตุผลที่เราวิเคราะห์ไว้ เราจะไม่เสียใจหรือผิดหวังเลย เพราะเราภูมิใจตั้งแต่วันที่ ลูกชาย ไปสอบแล้วเค้าสามารถทำได้ และ เราก็รับรู้ และ เห็นด้วยตา

และผลออกมา ลูกชายเรา ก็สอบไม่ผ่าน  สามีดิฉันไม่เสียใจ ส่วนดิฉันมีร้องไห้ แต่ที่ร้องไห้ เพราะ ผปค ของเพื่อนๆลูกชาย ต่างเข้ามาแสดงความเสียใจ และ ปลอบใจต่างๆนาๆ 

โดยเมื่อมาวิเคราะห์  จากสาเหตุ ที่ลูกชายเราไม่ผ่าน ก็ไม่มีอะไร ที่ติดค้างในใจ เลย คือ
1. เราไม่มีเส้นสายเลยในการสอบครั้งนี้ เรายังมองในแง่ดี ว่า ลูกชาย มีพัฒนาการที่ดีมาตลอดที่อยู่เนอส และก่อนสอบเค้าสามารถทำข้อสอบ เก่าได้ทุกอย่าง และเหตุผลที่สนับสนุนคือ มีลูกชายเพื่อนที่เค้าบอกเราตรงๆว่าฝาก แล้วเค้าก็สอบผ่าน โดยที่เพื่อนเค้าก็บอกเองว่า ลูกชายไม่ตอบ ร้องจะกลับบ้าน และยังมี ผปค เพื่อนของลูกชายที่เนอสที่หลังจากออกมาจาห้องสอบก็บอกว่า ลูกสาวไม่ตอบ จะกลับบ้าน และเด็กก็ไม่เข้าเกณฑ์ในเรื่องของอายุ ที่ขาดไปประมาณครึ่งเดือน แต่ ผล ออกมาก็สามารถสอบผ่าน
2.เพื่อนๆของลูกชายที่เนอส ที่มีพี่เรียนอยู่และเคยเรียน  รร ดังกล่าว  สอบผ่าน 100% คือทุกคน
3.ในการสอบถามจากเพือ่นๆ ในระดับเด็กที่สามารถตอบข้อสอบได้ เด็กผู้หญิงจะผ่านหมด แต่ เด็กผู้ชายจะไม่ผ่านเลย
4.ดูจากเพื่อนๆ ลูกชายที่เนอส ที่ไปสอบ ลูกของ ผปค ที่ทำงานในระดับ พนักงงาน/หรือ บ.เอกชน ส่วนมาก จะไม่ผ่าน

จากเหตุผล ที่สรุปมาทั้ง 4 ข้อ เป็นเหตุผลสำหรับดิฉัน ที่ได้พบเจอมาเองกับตัวเอง จริงๆ (โดยบุคคลท่านอื่นอาจจะไม่เจอแบบนี้ก็ได้)

โดยมองในทางกลับกัน จากเรื่องนี้ จึงทำให้ดิฉันได้เห็นว่า ทาง การที่ รร ดำเนินการพิจารณาแบบนี้ ก็มิได้ ผิดวัตถุประสงค์แต่อย่างใด โดยเมื่อพิจารณาจากเหตุผลทั้ง 4 ข้อ ทาง รร ก็สามารถทำได้ โดย เมื่อมอง แล้ว ในเด็กรัะดับ อายุ 3 ขวบ การพิจารณาเรื่อง พัฒนาการ ควา่มสามารถของเด็ก ถือเป็นเรื่องรอง เพราะ
1.รร ไม่ได้นำความสามารถของเด็กอายุ 3 ขวบ ไปแข่งขัน เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับ รร
2.หากเด็กไม่ผิดปกติจนเกินไป เด็กอายุ 3 ขวบ พัฒนาการด้านต่างๆของเด็กไม่ได้ต่างกันมากนัก ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเริมแรกวัยเรียนเท่านั้น
3.เมื่อพิจารณา จากทั้ง 4 เหตุผลที่ดิฉันกล่าวมา ทุกข้อล้วนสนับสนุน ในเรื่องของการพัฒนา รร ทั้งสิ้น
3.1 เด็กฝากเด็กเส้น ส้วนสนับสนุนในเรือ่งของ เครือข่ายและทุนในการพัฒนา รร
3.2 มีพี่ หรือ เคยเรียน เพิ่มทุน และ ง่ายในการติดต่อ ประสารงาน กับ ผปค
3.3 อย่างที่บอก เด็กหญิง จะสามารถต่อยอดได้ไปจนถึงชั้น ม ปลาย
3.4 อันนี้ สำคัญมาก โปรไฟล์ของท่านผู้ครอง โดยคงไม่ได้มองที่ ฐานะอย่างเดียว แต่มองถึงความพร้อมในทุกด้านๆ ที่พร้อม จะสนับสนุนกิจกรรม ต่างๆของลูก เพื่อพัฒนาทั้งเด็กและ รร

   แต่ อยากฝากให้ รร ควรมีการ กำหนดเกณฑ์ที่ชัดเจน ในการคัดเลือกเด็ก โดยแยกประเภทไปเลย ดีกว่าคะ เพราะ บางที ก็อดสงสาร ผปค บางท่านไม่ได้ ที่ไปซื้อไปสมัคร โดยบางท่าน ก่อนมาสมัคร ดิฉันคิดว่า คงประเมินลูกของตัวเองมาบ้างแล้ว เพราะทาง รร บอกว่า เป็นการทดสอบ เพื่อเข้าศึกษา 

สุดท้ายนี้ หวังว่า จะเป็นประโยชน์ แก่ท่านผู้ปกครองทั้งหลายที่คิดพิจารณา หา รร ที่จะเริ่มเส้นทางการศึกษาให้กับลูกๆ
โดย ดิฉัน ได้เอาประสบการณ์จริงจากตัวเอง มาเล่าสู้ให้ทุกท่านฟัง โดยมิได้มีวัตถุประสงค์อื่นแต่อย่า่งใด ไม่ได้บอกว่าท่านใดจะเชื่อหรือไม่ หรือจริงหรือไม่จริง แต่หากท่านอ่าน แล้ว ลองหาข้อมูลเพิ่ม สอบถามเพิ่ม คิดพิจารณาวิเคราะห์ ดูเพื่อใช้ในการตัดสินใจ

สิ่งที่ดิฉันและสามี เสียใจอยุ่กับเหตุการณ์นี้ คือ ไม่ใช่เสียความรู้สึกกับทาง รร หรือ จะโทษสิ่งอื่นใด แต่เสียใจกับตัวเอง ที่ก่อนสอบ เราคุยกับเค้า โน้มน้าว เกลี่ยกล่อม ว่าเค้าจะเรียนที่นี่ เพราะที่นี่ ดีอย่างโน่นดีอย่างนี้ เพียงเพื่อที่ให้ลูกชายไปสอบให้ได้ โดยลืมคิดไปว่า เมื่อเค้าสอบไม่ได้ไปเรียน ตามที่เราบอกไว้ และเวลามีคนอื่นมาถาม เค้าจะรู้สึกอย่างไร

แต่สุดท้าย เราทั้งคุ่เลือกที่จะบอกความจริง ว่าเค้าไม่สามารถไปเรียนที่นั้นได้แล้ว ยังมีที่อื่นที่ดี และพร้อม สนุกไม่แพ้ ที่นี่ ที่เค้าสามารถ อยุ่อย่า่งมีความสุขได้ 

นี่เป็นประสบการณ์ของคนเป็นพ่อแม่นะคะ ที่อยากเล่าสู่กันฟัง ขอบคุณทุกท่านที่กรุณาอ่านและใช้วิจารณญาณ

[attach=1]
ขอบคุณภาพจาก http://www.elearneasy.com/

superman25

คงจะเป็นธิดานุเคราะห์ ปกติน่า เด็กเส้นและเด็กที่มีพี่เรียนที่นี่อยู่แล้วรวมๆกันก็ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ครั๊บ ทำใจและยอมรับมัน 20 เปอร์เซ็นต์ เค้าต้องการผู้หญิงจะ

สมศรี123

ทำใจได้เลยมีที่ไหนให้เด็กสอบเข้าอนุบาล 1 มีโรงเรียนที่หาดใหญ่เนี่ยแหละ แล้วยังจะไปเรียนกันอีกนะ โรงเรียนไม่ติดอันดับใดเลยของประเทสหรือแม้แต่จังหวัด แล้วยังมีค่านิยมที่ฝากให้เรียนเงินใต้โต๊ะที่รู้กันอยู่  ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่ไม่เอาลูกไปสอบที่นี่

เคยโดน

ตอนอ่านข้อความข้างบนคิดอยู่ว่าน่าจะเป็นโรงเรียน ที่คุณซุปเปอร์แมน 25 พูดถึง ยังมีอีกโรงเรียนหนึ่งเป็นโรงเรียนพี่ โรงเรียนน้องกันเลย ถ้าไม่รวยจริงอย่าคิดให้ลูกไปเรียนเลย เวลาเกิดอะไรขึ้นเด็กเล็ก ๆ ลูกเรายังไม่ได้ทำอะไรผิด แต่คุณครูกลับคอยจ้องจะให้ผิดเสียงั้น แต่คุณครูดี ๆ ก็ยังคงมีนะ แต่น้อยนิดมั้ง

ผปค ที่ลูกเรียน

อย่าไปกล่าวโทษโรงเรียนเขาเลย เนื่องจากมีผู้ปกครองพาลูกไปสมัครจำนวนมากแต่โรงเรียนเขารับได้ประมาณ 200 คน สัดส่วนแข่งขันน่าจะเป็น 1 :3 จึงต้องมีผู้พลาดโอกาสบ้างเป็นธรรมดา ยังมีโรงเรียนอีกเยอะแยะที่จะรองรับลูกอย่าไปกังวลและที่โรงเรียนนี้รับเฉพาะคนรวยนั้น ขอบอกว่าไม่น่าจริงผมเห็นคนทำงานบริษัท ค้าขาย ข้าราชการ งานอิสระ ลูกเขาเข้ามาเรียนกัน

Use car

เสียความรู้สึกและเสียดาย200.   ส.โขกกำแพง.   ยุติธรรมเินจริงๆๆๆๆ

ฟิวๆ

ลูกเราก็กำลังเข้าอนุบาล1ปี58 เราไม่เคยคิดให้ลูกเข้าโรงเรียนนี้เลยทั้งๆที่ญาติเราเรียนที่นี่ทุกคน คือถ้าพอเรียนไปพอชั้นป.1ก็ต้องสอบเข้าโรงเรียนอื่นอีก ไม่อยากให้ลูกเรียนโรงเรียนชายล้วนอ่ะ เราเลยเลือกโรงเรียนที่ใครๆบอกว่ารถติดแต่วิชาการเข้มข้นแทน อิอิ

พิเชษ มีบุญ

อ้างจาก: ฟิวๆ เมื่อ 13:12 น.  04 ม.ค 58
ลูกเราก็กำลังเข้าอนุบาล1ปี58 เราไม่เคยคิดให้ลูกเข้าโรงเรียนนี้เลยทั้งๆที่ญาติเราเรียนที่นี่ทุกคน คือถ้าพอเรียนไปพอชั้นป.1ก็ต้องสอบเข้าโรงเรียนอื่นอีก ไม่อยากให้ลูกเรียนโรงเรียนชายล้วนอ่ะ เราเลยเลือกโรงเรียนที่ใครๆบอกว่ารถติดแต่วิชาการเข้มข้นแทน อิอิ
สุวรรณวงค์ชัวใช่ป่าวครับ

chaihy

อ้างจาก: พิเชษ มีบุญ เมื่อ 19:07 น.  04 ม.ค 58
    สุวรรณวงค์ชัวใช่ป่าวครับ
ผมก็ประทับใจการสอนโรงเรียนนี้ครับผมว่าโรงเรียนเขามีคุณภาพ ลูกจบ อ.3 ที่นี้  อยากให้ลูกเรียนจนจบ ป.6 แต่เขาอยากเรียนป.1โรงเรียนชายล้วนก็ตามใจเขาเพราะเขาสอบเข้าเองไม่มีเส้น ก็ประทับใจการสอนโรงเรียนชายล้วนเขามีแผนการสอน ว่าเรียนเรื่องอะไรบ้างใช้เวลากี่คาบให้มาทั้งเทอมสอบเก็บคะแนนเมื่อเรียนเรื่องอะไรเสร็จ มีมาตรฐานดี แต่ผู้ปกครองต้องเอาใจใส่ ต้องเรียนพร้อมเด็กผู้ปกครองอาจจะเครียดแต่เด็กไม่เครียดมีความสุขดีครับ เด็กจะปรับตัวตามสังคมที่เขาอยู่ครับ เมื่อได้สัมผัสผู้ปกครองในห้องก็ช่วยเหลือกันดีมี line กลุ่มของห้อง คอยช่วยเหลือกันครับ ตอนนี้อยู่ ป.1 เทอม2 ก็ยังเหมือนเทอม1 ครับ

ผปค.เนิส มอ.

ไม่ต้องเสียใจ ลูกชาย ไปจากเนิส มอ. ก็ไม่ได้เหมือนกัน อยู่เนิสก็ top ได้รางวัลมาเยอะเลย

ไม่โดนเองไม่เข้าใจ

อ้างจาก: ผปค ที่ลูกเรียน เมื่อ 21:42 น.  28 ธ.ค 57
อย่าไปกล่าวโทษโรงเรียนเขาเลย เนื่องจากมีผู้ปกครองพาลูกไปสมัครจำนวนมากแต่โรงเรียนเขารับได้ประมาณ 200 คน สัดส่วนแข่งขันน่าจะเป็น 1 :3 จึงต้องมีผู้พลาดโอกาสบ้างเป็นธรรมดา ยังมีโรงเรียนอีกเยอะแยะที่จะรองรับลูกอย่าไปกังวลและที่โรงเรียนนี้รับเฉพาะคนรวยนั้น ขอบอกว่าไม่น่าจริงผมเห็นคนทำงานบริษัท ค้าขาย ข้าราชการ งานอิสระ ลูกเขาเข้ามาเรียนกัน

ถ้าไม่ได้เพราะลูกสอบไม่ได้ ก็จะไม่ว่าอะไร เป็นเรื่องปกติ  แต่ที่มันแย่ก็ตรงที่สุดท้าย คนที่สอบได้กลับเป็นคนที่ไม่ตอบ หรือตอบไม่ค่อยได้ ร้องงอแง ไม่มีความพร้อม  เหตุที่สอบก็เพราะมีพี่เรียนอยู่  ก็เท่านั้น (เรื่องที่โรงเรียนเคยแจ้งกับผปค.ว่าจะไม่มีเรื่องมีพี่เรียนอยู่มาเป็นเกณฑ์นั้น เราก็เคยได้ยิน แต่ผลลัพธ์ที่ออกมามันยืนยันชัดเจนว่าไม่ได้เป็นตามที่พูดไว้ )  เรื่องนี้ไม่ได้ฟังจากใครมา แต่เห็นจากตาตัวเอง จากคนใกล้ตัว ทำให้เสียความรู้สึกสุดๆ  แถมยังมีอีกว่าถ้าอยากจะให้เข้าไปเรียนจริงๆ ก็ต้องไปยืนเฝ้าคนเสื้อขาวที่มีอำนาจในนั้น ลงท้ายด้วยการเสนอเงินสนับสนุนกับทางโรงเรียนจะกี่หมื่นก็ว่ากันไป   ช่วงนี้เค้าต้องหาเงินสร้างตึกครบรอบอยู่  มันแย่ไหมล่ะ

เด็กที่สอบได้เพราะความสามารถจริงๆก็มี แต่ที่ได้เข้ามาด้วยเกณแย่ๆก็เยอะ  มันก็เลยผปค.หลากหลายอาชีพ เป็นธรรมดา

เรื่องว่ารร.นี้รับแต่คนรวย อันนี้ก็ยืนยันว่าไม่จริง  จะอาชีพไหน ฐานะแบบไหน แค่พร้อมสนับสนุน...โรงเรียน เค้าก็คงรับไม่ยาก

เราเอง เงินเดือน6หลัก เงินไม่ใช่ปัญหาเลย แต่บอกตามตรงว่าไม่จ่ายเพื่อไปสนับสนุนอิฐ ปูน ในนั้นอะ เอาเงินไม่พัฒนาลูกเต็มๆดีกว่า

แต่ถึงตอนนี้ บอกตามตรงว่าเราเองรู้สึกดีที่ลูกไม่ได้ ดีแล้วที่ลูกเราไม่ต้องไปเรียนกับเด็กที่ไม่พร้อม (แต่พร้อมเรื่องมีพี่อยู่ในนั้นหรือมีเงิน) 



กำลังมองหาโรงเรียน

ขอบคุณเจ้าของกระทู้  ที่ได้เผยแพร่เรื่่องนี้  เพราะข้อมูลข้างต้นจะเป็นประโยชน์กับผู้ปกครองรุ่นต่อๆ  ไป  ที่คิดจะไปสอบโรงเรียนนี้  โดยเฉพาะผู้ปกครองที่มีลูกเป็นผู้ชายและผู้ปกครองที่ยังมีความเข้าใจว่า  เด็กโรงเรียนนี้เป็นเด็กที่มีความสามารถถึงจะเข้าไปเรียนได้เนื่องจากมีการแข่งขันสูง   ขอเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียง  ที่ช่วยยืนยันว่าสิ่งที่เจ้าของกระทู้โพสต์  เป็นเรื่องจริง  เนื่องจากเกิดกับคนใกล้ชิดมาถึง 2 รุ่น สถานะการณ์คล้ายๆ  กันเลย   คือเด็กที่ร้องงอแงกับพื้น  มักสอบได้  ส่วนเด็กที่ตอบคำถามได้  สามารถควบคุมอารมณ์ได้  มักสอบไม่ผ่าน  โดยเฉพาะเด็กผู้ชาย   จนอดคิดไม่ได้ว่า  โรงเรียนนี้จะจัดการสอบขึ้นมาเป็นฉากบังหน้าทำไมกัน  ถ้าจะให้แฟร์ๆ  โปร่งใส  ก็แจ้งเงื่อนไขเกณฑ์การรับสมัครเด็กมาตรงๆ  เลยดีกว่า  ใครรับได้ก็สมัคร  รับไม่ได้ก็ไม่ต้องสมัคร  จะได้ไม่ต้องเสียเวลาทั้ง 2 ฝ่าย  มาเจอกระทู้นี้  แล้วยิ่งมั่นใจค่ะ   เพราะกำลังมองหา รร.ให้ลูกเหมือนกัน มีลูกเป็นผู้ชายเหมื่อนกัน   ปีการศึกษาหน้าถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจ  จะได้ไม่ต้องเสียเวลายืนรอต่อคิว  เพื่อเป็น 1 ในตัวละครที่โรงเรียนจัดฉากการสอบขึ้นมา  และที่สำคัญคือ ไม่อยากให้ลูกชายต้องไปเรียนเกาะกลุ้มกับเด็กที่ไม่โอเค  เพราะดูจากวิธีการคัดเลือกก็ไม่มีคุณภาพแล้วค่ะ  น่าเสียดายชื่อเสียง  รร.  ที่สะสมมานะค่ะ

คนเลวแต่รักลูก


Mr.No

อ้างจาก: SPT1980 เมื่อ 13:02 น.  22 ธ.ค 57
วันนี้ ดิฉัน มีเรื่อง มาแชร์ประสบการณ์ เรื่องการสอบเข้า รร.อนุบาล แห่งหนึ่ง ใน หาดใหญ่ คะ (ข้อเน้นนะคะ ว่า การเขียนกระทู้นี้ ขึ้นมา เพื่อแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆ หรือ ท่านผู้ปกครองที่คิดจะนำลูกๆ ไปสอบเข้า รร นี้นะคะ เพื่อเป็นการตัดสินใจ ซึ่งมันเป็นประสบการณ์ตรงที่เกิดขึ้นกับตัวดิฉัน และมันเป็นเรื่องจริง)

ก่อนอื่่น ขอบอกแบ็คกราวน์ ตัวเองคร่าวๆก่อนนะคะ คือ ดิฉันและ สามี จบปริญญาตรี เราทั้งคู่ มาจากครอบครัวชาวไร่ชาวสวนทั้งคู่ ดิฉันและสามี ปัจจุบันทำงาน เป็นผู้จัดการ บ.เอกชน ใน อ.หาดใหญ่  มีเรามีลูกชาย คนแรก เมื่อต้นปี 2555
เนื่องจากครอบครัวเราทั้งดิฉัน และ สามี ต้องทำงานทั้งคู่ และเราไม่มีญาติพี่น้องใน หาดใหญ่ เราจึงคิดหา เนอสเซอรี่ ที่ฝากลูกที่ไว้ใจได้ และก็ต้องขอบคุณเพื่อนของสามีที่เป็นเจ้าหน้าที่ในคณะ  ที่ช่วยเราฝากลูกให้เข้าเนอสเซอรี่ ใน มอ ได้

และลูกของดิฉัน ก็จะถึง กำหนดต้องเข้าอนุบาล 1 ในปี การศึกษา 2558  ตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่า ที่ลูกชายของดิฉันอยู่ที่เนอสฯ เราค่อนข้างพอใจ กับ การพัฒนาในด้านต่างๆ ของลูกชาย ซึ่งเป็นการประเมิน จาก คุณครูพี่เลี้ยง และ คนรอบข้าง ที่ได้สัมผัส กับลูกชาย

และเมื่อเดือน กรกฎาคม 57 ดิฉันกับสามี ก็ต้องเริ่มคิดถึง รร ที่ลูกชายจะต้องเข้าเรียน ชั้น อ.1 ปี การศึกษาหน้า ซึ่งต้องบอกก่อนว่า ตั้งแต่พาลูกชายเข้ามาอยู่ที่เนอสเซอรี่ดังกล่าว เราไม่เคยมีความคิดจะพาลูกชาย ไปสอบ รร อนุบาล ดังกล่าว
เพราะ ก่อนหน้านั้น เค้าเคยได้ยินมาบ้าง ว่า รร ดังกล่าว ค่อนข้างเข้ายาก คือ 1.ต้องสอบเพื่อวัดพัฒนาการด้านต่างๆ  2.เด็กๆที่เรียนที่นั้นค่อนข้างเป็นลูกของบุคคลที่มีฐานะ (อันนี้ เป็นเรื่องที่ได้ยินมา ตอนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะให้ลูกชายเข้าเรียน ที่ไหน) แต่ เมื่อใครๆ ทราบว่า ลูกชายอยู่ที่เนอสเซอรี่ดังกล่าว ส่วนมากก็จะพูดว่า ถ้าอยู่เนอสเซอรี่นี้ ลูกก็จะสอบเข้า รร อนุบาล นี้ได้แน่นอน

ซึ่งพอ ลูกชาย ขึ้นชั้นเตรียมอนุบาล 3 ที่เนอสเซอรี่ ทางเนอสฯ ก็มีการกวดขันเด็กมากขึ้น ประเมินเด็กในด้านต่างๆมากขึ้น ซึ่งเมื่อมาดูเราก็พบว่า ลูกชายก็ผ่านการประเมินใน ระดับดี ดิฉันกับสามี จึงคิดว่า เราจะพาลูกไปสอบ ที่ รร.ดังกล่าว โดย มีเหตุผล ดังนี้ 1.เมื่อดูจากพัฒนาการด้านต่างๆ ของลูกชายเค้าอยุ่ในระดับดี 2.รร ดังกล่าว มีเพื่อนๆจากเนอสฯที่ลูกชายคุ้นเคยไปสมัครเรียนเยอะ คงทำให้เค้าปรับตัวได้ไม่ยาก 3.สอบถามจากเพื่อนๆที่มีลูกเรียนอยู่ที่ รร นี้ ค่อนข้างจะมีระเบียบและพัฒนาการด้านต่างๆดี ซึ่ง เราก็อยากให้ลูกชายเป็นคนมีระเบียบ วินัย (สรุปคือ เราพิจารณา 3 ด้าน คือ 1 ตัวเด็กเอง 2 สังคม 3 คุณภาพของ รร ) และอาจเพิ่ม ข้อ 4 คือ เราซึ่งเป็นพ่อแม่เอง ที่พร้อมจะสนับสนุนในทั้ง 3 ด้าน

จนมาถึงเดือน ตุลาคม ก่อน 1 เดือนที่เปิดรับสมัคร ทางเนอสฯ ก็จะสอบถามทาง ผปค ที่จะประสงค์จะให้ลูกไปสอบ รร ดังกล่าว เพื่อ จะได้ติวเข้มเด็กกลุ่มนี้  โดยการนำ ข้อสอบปีก่อนๆ ที่ให้เด็กทดสอบ มาฝึกและสอน เด็กๆกลุ่มที่จะไปสอบ
โดยเริ่มฝึกจริงจังตั้องแต่เดือน ตุลาคม

วันที่ ที่ไปสมัคร ดิฉันได้เจอ เพื่อนเก่าสมัยที่ทำงาน ก็มาสมัครให้ลูกเค้าเหมือนกัน (เค้าอยู่บ้านเลี้ยงลูกเอง) ดิฉันก็ถามเค้าว่า เคยคุยกันเรื่อง ให้ลูกเข้าอนุบาล เค้าเคยบอกว่า จะให้ลูกเข้าอีก รร หนึ่ง แต่เค้าบอกว่า ตอนนี้ เปลี่ยนแล้วพอดีสามีมีญาติ อยู่ รร นี้ เค้าก็เลยฝากให้ (ซึ่งเธอก็บอกดิฉันตรงๆ) ซึ่งดิฉันก็ไม่คิดอะไร ในตอนนั้น เพราะ พอรู้มาบ้าง ว่า รร นี้ ฝากได้ (จะให้เงินสนับสนุน  หรือ มีญาติ)

กำหนดการสอบ คือ ต้นเดือนพฤศจิกายน  ก่อนการสอบ 1 เดือน ทางเนอส มีการประเมินให้ลูกหัดทำข้อสอบเก่าๆ ทุกวัน ซึ่งเมื่อกลับมาบ้าน ดิฉันกับสามี ก็ไม่ได้มาฝึกต่อแต่อยากใด จะถามแค่ว่า วันนี้ ลูกฝึกเรื่องอะไร เพราะไม่อยากให้เค้าเคร่งเครียดจนงเกินไป แต่สอบถามจากคุณครูผู้ดูแล ลูกก็สามารถทำได้ทุกอย่าง ตามข้อสอบปีก่อนๆ ที่เคยสอบมา เช่น
1.การแนะนำตัวเอง ชื่อพ่อแม่ อาชีพพ่อแม่ สถานที่ทำงาน
2.เรือ่งของกล้ามเนื่้อ การต่อบล๊อค ฟันเฟือง
3.บอกรูปทรง สี สิ่งของ ดอกไม้ สัตว์ อาชีพ  เป็นต้น นะคะ
ขอแค่ วันสอบ ให้ระวัง เรื่องอารมณ์ของลูก แค่นั้น โดยแนะนำว่า ควรไปเอาคิวแต่เช้า เพื่อจะได้คิวแรกๆ จะได้ไม่รอนานติดไปถึงเที่ยงเด็กจะง่วง หรือ ควรเตรียมของชอบไปให้เค้าด้วย

แต่ ประเด็นสำคัญคือ จะต้องโน้มน้าวลูกให้รู้สึกว่า อยากมาเรียนที่ รร ดังกล่าว ซึ่งทางเราก็ทำกับลุกชาย เช่น เปิดคลิปยูทูป ของ รร ให้ลูกดู  พาลูกไปเล่นที่ รร  ขับรถผ่าน ก็จะบอกว่า พ่อกับแม่ จะพาลูกมาเรียนที่นี่ ที่นี่มีคุณครูใจดี มีสนามเด็กเล่น เพื่อนๆที่เนอส ก็มาเรียนที่นี่  (เพื่อ จะให้เค้าไม่กลัวกับสถานที่และคุณครูในวันที่มาสอบ)

ก่อนวันสอบ 1 อาทิตย์ ดิฉันมีโอกาส ได้เจอเพื่อนอีกคน ซึ่งเพื่อนคนนี้ เมื่อปีที่แล้ว ลูกชายก็อยู่เนอสเหมือนกัน และลูกชายเค้าไปสอบ รร ดังกล่าวด้วย ซึ่งผลออกมาก็ไม่ผ่าน ซึ่งดิฉันก็ทราบ แต่ไม่มีโอกาสได้เจอกันเลย จึงไม่ได้มีโอกาสถามว่า ทำไมลูกชายของเพื่อนคนนี้จึงไม่ผ่าน ทั้งที่ ลูกชายของเพื่อนคนนี้ เป็นเด็กที่พัฒนาการดีมาก ดีกว่าลูกชายของดิฉันเสียอีก วัดจากการประเมินผลสัมฤทธิ์สุดท้ายก่อนจบจากเนอสฯ ซึ่งลูกชายของเพื่อนคนนี้ ติดระดับ Top 3 ของเนอสฯ และเค้าก็เล่าให้ฟังว่าวันที่ ไปสอบเข้าที่ รร ดังกล่าว ลูกชายก็สามารถทำข้อสอบได้หมดทุกข้อ (เพื่อนของดิฉันคนนี้ เป็นเจ้าหน้าที่ของ รร แห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียง สามีเป็น พนง บริษัท) โดยเค้าบอกว่าสาเหตุ ที่ลูกชายไม่ได้ เค้าคิดว่ามาจาก
1.เค้าทำงานอยุ่ที่ รร ที่เป็นคู่แข่ง กับ รร ดังกล่าว
2.ตัวเค้าและสามี ไม่มี ออร่า M (???) (เพิ่งมาประจักษ์ทีหลัง)

เมื่อถึงวันสอบ รร เปิดสอบ ทั้งหมด 5 วัน ลูกชายของดิฉันได้สอบวันที่ 3 โดยก่อนหน้านี้ ทั้ง 2 วัน มีเพื่อนๆ ของลูกชาย ไปสอบกันแล้วหลายคน ซึ่งเรามีการพูดคุยสอบถาม กันมาตลอดไม่ว่าเรื่อง ข้อสอบ การแต่งตัว การไปรับคิว ตลอดจนลูกใครทำได้ ทำไม่ได้ อารมณ์ของลูกๆ 

เมื่อถึงวันที่ ลูกชายสอบ คุณพ่อไปเอาคิวแต่เช้า เราได้คิวที่ 10 ได้เข้าสอบ ตอน 8.30 น. ลูกชายอารมณ์ดี เข้าไปสอบกับคุณครูในห้อง ซึ่ง มี 2 ท่าน เราได้โต๊ะที่มีคุณครูค่อนข้างมีอายุ กว่าอีกโต๊ะ เมื่อเข้าไป คุณครูไม่ได้กล่าวทักทายอะไร เรานั้ง
      คุณครูก็ถาม ว่าลูกชายชื่ออะไร ลูกชายก็บอก ชื่อ เล่น ชื่อจริง นามสกุล ต่อมา คุณครูก็ถามตัวเลข โดยหยิบตัวเลขมาทีละตัว แล้วให้ลูกตอบ โดยไม่ได้เรียง ลูกชายตอบได้ถูกทุกตัว  ต่อมา ถามรูปทรง มี สามเหลี่ยม วงกลม ห้าเหลี่ยม
สี่เหลี่ยมผืนผ้า สี่เหลี่ยมจัตุรัส ลูกชายตอบได้หมด ถามสี มีส้ม แดง เขียว ม่วง ชมพู ฟ้า ลูกชายก็ตอบได้หมด ต่อมา รูปภาพ โดยในกระดาษ A4 มีรูปอยู่ทั้งหมด 8 รูป คุณครูจะชี้ ทีละรูปให้เด็กตอบ มีช้อน+ซ้อม แก้วน้ำ ไม้แขวนเสื้อ กรรไกร กะทะ จาน มีด และหลอดไฟ (หลอดตะเกียบ) ลูกชายตอบได้ทุกภาพ ยกเว้น หลอดตะเกียบ เค้าเงียบไม่ต้อบ
เมื่อสอบเสร็จ ลูกยกมือสวัสดี คุณครู ออกมารอ เพื่อนสอบสัมภาษณ์ กับ ระดับ ผูัจัดการ รร

เมื่อเข้าไป ผู้จัดการก็สอบถาม ถึงเหตุผลที่ให้อยากให้ลูกมาสอบ รร นี้ ซึ่งเราก็ตอบไป 2 เหตุผล คือ เรื่องคุณภาพของ รร  และ ความมีระเบียบวินัย เพราะลูกเราเป็นผู้ชาย

การสอบ ผ่านไปได้ด้วยดี เรารู้สึกพอใจมากที่ลูกชาย สามารถทำได้

โดยหลังจากสอบมาประมาณ 1 อาทิตย์  คืนหนึ่ง สามี ก็คุย กับดิฉัน ในเรื่องการสอบครั้ง นี้ โดยสามีพูดว่า ไม่อยากให้ดิฉันคาดหวัง กับการสอบครั้งนี้ มากนัก โดยสามี วิเคราะห์มาจากเหตุการณ์ต่างๆที่ได้รับรู้มาทั้งหมด
ดังนี้
1.สามีบอกว่า มีเด็กฝากค่อนข้างเยอะ คือ มีทั้งการฝากจากญาติของคุณครูหรือเจ้าหน้าที่ หรือ ฝากโดยการให้เงินสนับสนุน แก่ทาง รร ซึ่ง ก็จริง เพราะเราได้รู้มากับเพื่อนของเราจริงๆ ว่าเค้ามีการฝากกับญาติ และวันที่ไปสอบลูกของเพือนดิฉันคนนั้น ก็ไม่ตอบคำถาม และร้องโวยวายจะกลับบ้าน
2.เด็กที่มีพี่ เรียนอยู่ก่อน หรือ เคยเรียน จะได้แน่นอน (แม้ก่อนหน้านี้ มี ผปคของเพื่อนลูกชายที่เนอสจะบอกว่า ทาง รร จะไม่พิจารณาประเด็นนี้ก่อนอีกต่อไป)
3.เด็ก ผู้หญิง จะได้รับการพิจารณา ก่อนเด็กผู้ชาย เพราะ เด็ก ผญ สามารถเรียนต่อได้ไปจนถึงระดับ ชั้น ม.6
4.พิจารณา จาก โปรไฟล์ ของ ผปค โดยในใบสมัคร มีการให้กรอก รายได้ต่อปี ของ ผปค ไว้ด้วย เพื่อประกอบการพิจารณา

ทั้ง 4 ประเด็น คือ เหตุผลที่สามี วิเคราะห์ไว้ ก่อน ผลการสอบจะออกมา โดย ดิฉันและสามี ตกลงร่วมกันว่า ถ้าเป็นไปตามเหตุผลที่เราวิเคราะห์ไว้ เราจะไม่เสียใจหรือผิดหวังเลย เพราะเราภูมิใจตั้งแต่วันที่ ลูกชาย ไปสอบแล้วเค้าสามารถทำได้ และ เราก็รับรู้ และ เห็นด้วยตา

และผลออกมา ลูกชายเรา ก็สอบไม่ผ่าน  สามีดิฉันไม่เสียใจ ส่วนดิฉันมีร้องไห้ แต่ที่ร้องไห้ เพราะ ผปค ของเพื่อนๆลูกชาย ต่างเข้ามาแสดงความเสียใจ และ ปลอบใจต่างๆนาๆ 

โดยเมื่อมาวิเคราะห์  จากสาเหตุ ที่ลูกชายเราไม่ผ่าน ก็ไม่มีอะไร ที่ติดค้างในใจ เลย คือ
1. เราไม่มีเส้นสายเลยในการสอบครั้งนี้ เรายังมองในแง่ดี ว่า ลูกชาย มีพัฒนาการที่ดีมาตลอดที่อยู่เนอส และก่อนสอบเค้าสามารถทำข้อสอบ เก่าได้ทุกอย่าง และเหตุผลที่สนับสนุนคือ มีลูกชายเพื่อนที่เค้าบอกเราตรงๆว่าฝาก แล้วเค้าก็สอบผ่าน โดยที่เพื่อนเค้าก็บอกเองว่า ลูกชายไม่ตอบ ร้องจะกลับบ้าน และยังมี ผปค เพื่อนของลูกชายที่เนอสที่หลังจากออกมาจาห้องสอบก็บอกว่า ลูกสาวไม่ตอบ จะกลับบ้าน และเด็กก็ไม่เข้าเกณฑ์ในเรื่องของอายุ ที่ขาดไปประมาณครึ่งเดือน แต่ ผล ออกมาก็สามารถสอบผ่าน
2.เพื่อนๆของลูกชายที่เนอส ที่มีพี่เรียนอยู่และเคยเรียน  รร ดังกล่าว  สอบผ่าน 100% คือทุกคน
3.ในการสอบถามจากเพือ่นๆ ในระดับเด็กที่สามารถตอบข้อสอบได้ เด็กผู้หญิงจะผ่านหมด แต่ เด็กผู้ชายจะไม่ผ่านเลย
4.ดูจากเพื่อนๆ ลูกชายที่เนอส ที่ไปสอบ ลูกของ ผปค ที่ทำงานในระดับ พนักงงาน/หรือ บ.เอกชน ส่วนมาก จะไม่ผ่าน

จากเหตุผล ที่สรุปมาทั้ง 4 ข้อ เป็นเหตุผลสำหรับดิฉัน ที่ได้พบเจอมาเองกับตัวเอง จริงๆ (โดยบุคคลท่านอื่นอาจจะไม่เจอแบบนี้ก็ได้)

โดยมองในทางกลับกัน จากเรื่องนี้ จึงทำให้ดิฉันได้เห็นว่า ทาง การที่ รร ดำเนินการพิจารณาแบบนี้ ก็มิได้ ผิดวัตถุประสงค์แต่อย่างใด โดยเมื่อพิจารณาจากเหตุผลทั้ง 4 ข้อ ทาง รร ก็สามารถทำได้ โดย เมื่อมอง แล้ว ในเด็กรัะดับ อายุ 3 ขวบ การพิจารณาเรื่อง พัฒนาการ ควา่มสามารถของเด็ก ถือเป็นเรื่องรอง เพราะ
1.รร ไม่ได้นำความสามารถของเด็กอายุ 3 ขวบ ไปแข่งขัน เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับ รร
2.หากเด็กไม่ผิดปกติจนเกินไป เด็กอายุ 3 ขวบ พัฒนาการด้านต่างๆของเด็กไม่ได้ต่างกันมากนัก ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเริมแรกวัยเรียนเท่านั้น
3.เมื่อพิจารณา จากทั้ง 4 เหตุผลที่ดิฉันกล่าวมา ทุกข้อล้วนสนับสนุน ในเรื่องของการพัฒนา รร ทั้งสิ้น
3.1 เด็กฝากเด็กเส้น ส้วนสนับสนุนในเรือ่งของ เครือข่ายและทุนในการพัฒนา รร
3.2 มีพี่ หรือ เคยเรียน เพิ่มทุน และ ง่ายในการติดต่อ ประสารงาน กับ ผปค
3.3 อย่างที่บอก เด็กหญิง จะสามารถต่อยอดได้ไปจนถึงชั้น ม ปลาย
3.4 อันนี้ สำคัญมาก โปรไฟล์ของท่านผู้ครอง โดยคงไม่ได้มองที่ ฐานะอย่างเดียว แต่มองถึงความพร้อมในทุกด้านๆ ที่พร้อม จะสนับสนุนกิจกรรม ต่างๆของลูก เพื่อพัฒนาทั้งเด็กและ รร

   แต่ อยากฝากให้ รร ควรมีการ กำหนดเกณฑ์ที่ชัดเจน ในการคัดเลือกเด็ก โดยแยกประเภทไปเลย ดีกว่าคะ เพราะ บางที ก็อดสงสาร ผปค บางท่านไม่ได้ ที่ไปซื้อไปสมัคร โดยบางท่าน ก่อนมาสมัคร ดิฉันคิดว่า คงประเมินลูกของตัวเองมาบ้างแล้ว เพราะทาง รร บอกว่า เป็นการทดสอบ เพื่อเข้าศึกษา 

สุดท้ายนี้ หวังว่า จะเป็นประโยชน์ แก่ท่านผู้ปกครองทั้งหลายที่คิดพิจารณา หา รร ที่จะเริ่มเส้นทางการศึกษาให้กับลูกๆ
โดย ดิฉัน ได้เอาประสบการณ์จริงจากตัวเอง มาเล่าสู้ให้ทุกท่านฟัง โดยมิได้มีวัตถุประสงค์อื่นแต่อย่า่งใด ไม่ได้บอกว่าท่านใดจะเชื่อหรือไม่ หรือจริงหรือไม่จริง แต่หากท่านอ่าน แล้ว ลองหาข้อมูลเพิ่ม สอบถามเพิ่ม คิดพิจารณาวิเคราะห์ ดูเพื่อใช้ในการตัดสินใจ

สิ่งที่ดิฉันและสามี เสียใจอยุ่กับเหตุการณ์นี้ คือ ไม่ใช่เสียความรู้สึกกับทาง รร หรือ จะโทษสิ่งอื่นใด แต่เสียใจกับตัวเอง ที่ก่อนสอบ เราคุยกับเค้า โน้มน้าว เกลี่ยกล่อม ว่าเค้าจะเรียนที่นี่ เพราะที่นี่ ดีอย่างโน่นดีอย่างนี้ เพียงเพื่อที่ให้ลูกชายไปสอบให้ได้ โดยลืมคิดไปว่า เมื่อเค้าสอบไม่ได้ไปเรียน ตามที่เราบอกไว้ และเวลามีคนอื่นมาถาม เค้าจะรู้สึกอย่างไร

แต่สุดท้าย เราทั้งคุ่เลือกที่จะบอกความจริง ว่าเค้าไม่สามารถไปเรียนที่นั้นได้แล้ว ยังมีที่อื่นที่ดี และพร้อม สนุกไม่แพ้ ที่นี่ ที่เค้าสามารถ อยุ่อย่า่งมีความสุขได้ 

นี่เป็นประสบการณ์ของคนเป็นพ่อแม่นะคะ ที่อยากเล่าสู่กันฟัง ขอบคุณทุกท่านที่กรุณาอ่านและใช้วิจารณญาณ

[attach=1]
ขอบคุณภาพจาก http://www.elearneasy.com/


ขอบคุณที่แชร์ประสบการณ์.... เขียนลำดับความได้ดีครับ สะท้อนให้เห็นปัญหาระบบการศึกษาไทยได้เยอะเลย.

..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

AntiCorruption

โรงเรียนนี้เค้าก็เป็นแบบนี้ล่ะครับ มันทำให้นึกถึงหนังสั้นเรื่องนี้ขึ้นเลยทันที

https://www.youtube.com/watch?v=NJe9i5PHoO0

ใส่ชุดขาวแต่ข้างในไม่ได้ขาวเลย คำว่าคุณธรรม ในคติพจน์มันเป็นแค่ตัวหนังสือที่ดูดี แต่ไม่มีค่าอะไรในใจพวกเธอเลย

เสียดายเจตนารมณ์อันดีของคุณพ่อจริงๆ

แม่น้องแมกซ์

ส่วนตัว เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนค่ะ  เพราะพี่สาวเรียนมาก่อน เลยได้เข้าเรียน เป็นเรื่องปรกติของโรงเรียน ตั้งแต่ 30 ปีที่แล้วมั้งค่ะ เป็นเด็กหัวอ่อน เรียนไม่ทันเพื่อนค่ะ เรียกได้ว่าเป็นเด็กโหล่ยโท่ยเลยว่าได้ ติดที่ว่าไม่เป็นเด็กเกเร  เรียนไม่เก่งอย่างเดียว ครูเลยเก็บไว้มั้ง 555 ข้อดีของโรงเรียนคือ เหมาะสำหรับเด็กผู้หญิง เรื่องความปลอดภัย สถานที่เรียนกว้างขวาง สนามหญ้า สนามบาส สนามวอลเล่ย์ ตึกเรียน พร้อมสรรพ หลักสูตรการเรียน โดยเฉพาะเรื่องภาษา แม้จะไม่ใช่ระบบสองภาษา แต่จากประสบการณ์ตัวเอง แม้จะเรียนไม่เก่ง แต่ก็ซึมซับมาได้เยอะมาก  เมื่อออกไปเรียน รร.รัฐ เกรดวิชาอังกฤษ จาก 2 เป็น 4 ซะงั้น ข้อเสียคือเรื่องสังคมค่ะ เอาเรื่องครูก่อน ซึ่งครูจะโอ๋กับเด็ก 2 ประเภทค่ะ  คือ เด็กเรียนเก่ง กะเด็กรวยค่ะ จากที่เกริ่นมา ว่าเป็นเด็กหัวอ่อนเรียนไม่เก่ง จะไม่ได้รับความสนใจจากครูเลยค่ะ เช่น เวลามีกิจกรรมจะไม่ค่อยได้เข้าร่วม ไม่เคยโดนเลือกค่ะ ต้องเสนอหน้าเอาเอง ได้ทำมั้ง ไม่ได้มั้ง และด้วยที่บ้านฐานะปานกลางอีก จบค่ะ .. ชีวิตในโรงเรียนตั้งแต่ อ.1-ม.3 กลายเป็นเด็กที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองเลยค่ะ ถูกฝั่งหัวมาตลอดว่าเราโง่ เรียนไม่เก่ง ไม่มีความสามารถ ดีนะที่ตอนม.ต้น เปลี่ยนแนวมาเล่นดนตรีค่ะ เลยพอมีความสุข+ความกล้าบ้าง พอม.ปลาย รร.คัดเด็กเก่ง+รวย จากเด็กนักเรียน 150 เหลือ 90 คนค่ะ ส่วนต่างที่เหลือ มี 2 แบบ คือเก่งมากกกก ไปเตรียมอุดมที่กรุงเทพค่ะ กับแบบดิฉันคือเรียนไม่เก่ง  ไปหาที่เรียนเอาเอง
--ออกมาอยู่โรงเรียนรัฐ เดินทางไกล ข้อดีคือ พึงรู้ว่าตัวเองก็ไม่โง่นี่หว่า  เรียนเหมือนเดิม  แต่ได้เกรดดีขึ้นเยอะ  ข้อเสียคือ สถานที่เรียน ไม่เพียบพร้อมเหมือนที่เดิม อาหารการกิน ห้องน้ำ  ฯลฯ  ไม่สะอาด และต้องเดินเรียน  จากที่นั่งรออยู่ในห้องค่ะ  ที่สำคัญ คือ ของหายค่ะ!!!! อยู่โรงเรียนเดิมครูต้องประกาศหาเจ้าของ  รร.รัฐนี่เผลอลืมไว้แปบเดียว หายจ้อย 555 นี่คือโลกของความเป็นจริงค่ะ และเป็นที่ฝึกฝนให้แข็งแกร่ง สอบติดมหาลัย จบปริญญาโท มีหน้าที่การงานที่ดี เคยกลับไปโรงเรียนเดิม ตอนงานเลี้ยงศิษย์เก่า ครูจำเราไม่ได้ คงเพราะไม่เคยคิดว่าเด็กที่โหล่ยโท่ยในห้อง  จะได้ดีมีหน้ามีตา จบปริญญาโทอินเตอร์
--ตอนนี้มีลูกเอง  คนโตผู้ชาย  เรียนที่รร.ระบบสองภาษาค่ะ  ไม่เคยคิดพาไปสอบที่โรงเรียนเดิมเลยค่ะ  เพราะลูกชายซนมาก  แม้จะฝากเข้าได้ แต่ไม่อยากให้ลูกเจอเหมือนเรา คือโดนทิ้ง เพราะครูก็ต้องเลือกเด็กที่เรียบร้อยอยู่แร้น  และยังไม่รวยพอค่ะ คนเล็กผู้หญิงค่ะ  จะให้เข้าเรียนที่เดียวกับพี่ชายเค้าค่ะ  ยอมอดทน กัดฝันเรื่องค่าเทอมหน่อยค่ะ แต่คุ้มค่ามาก กับการที่ลูกได้รับการดูแลที่ดี เพราะเด็ก ไม่เกิน 20 คน ต่อครู 3 คน  และเรื่องภาษานี่กินขาดค่ะ ลูกชายมีความสุขมากค่ะ
--อยากให้ผู้ปกครอง คิดดีดี กับเรื่องการเลือกโรงเรียนให้ลูกนะคะ  อย่าเลือกเพราะรร.นี้มีชื่อเสียง  อย่าเลือกเพราะ รร.อยู่ใกล้  อย่าเลือกเพราะมีญาติพี่น้องเรียนอยู่  อยากให้เลือกที่เหมาะกับลูกเรา  ถ้าลูกเราซนมาก ต้องการการดูแล ก็เลือกที่มีจำนวนเด็ก//ห้อง//ครู ที่เหมาะสม  ถ้าลูกเป็นเด็กที่ช่วยเหลือตัวเองได้ พูดแล้วฟัง  ห้ามแล้วหยุด (เหมือนหลานสาวดิฉัน)  ก็ไม่นาห่วงมากนัก  และต้องคำนึงด้วยว่า เราเน้นอะไร  ความปลอดภัยสถานที่เรียน ไปหาอ่านรีวิวเก่าๆ เกี่ยวกับโรงเรียน  ครู  เป็นต้น  ห้องน้ำ สะอาด มิดชิด เหมาะสม  เขียนเป็นรายการๆแล้วเลือกที่ชอบมากที่สุด  ที่สำคัญ ต้องเหมาะกับการจัดสรรงบประมาณในบ้านด้วยนะคะ 
--การดูแลลูกสมัยนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย  เป็นกำลังใจให้ค่ะ

KKT

แต่ถ้าเป็นเรื่องคำถามสัมภาษณ์งานของคุณผู้ใหญ่ ก็ต้องอ่านจากบทความนี้ รับรองได้สาระแน่นอนครับ
https://millionaire-academy.com/archives/3002