ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

บทสรุป 'พรีเมียร์ลีก อังกฤษ' ฤดูกาล 2014-2015

เริ่มโดย หาดใหญ่ใหม่, 11:48 น. 25 พ.ค 58

หาดใหญ่ใหม่

โดย ไทยรัฐออนไลน์ http://www.thairath.co.th/content/500750

ปิดฉากเป็นที่เรียบร้อยสำหรับ ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2014-2015 โดยแชมป์ปีนี้ตกเป็นของ "สิงโตน้ำเงิน' เชลซี  ที่ผงาดคว้าแชมป์ลีกสูงสุดไปครองเป็นสมัยที่ 5 ...

ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2014-2015 เดินทางมาถึงจุดจบเป็นที่เรียบร้อย หลังจากฟาดแข้งกันมาตั้งแต่ 6 สิงหาคม 2557 ถึงวันที่ 24 พฤษภาคม 2558 ซึ่งทั้ง 20 ทีมต่างทำหน้าที่กันอย่างเต็มที่และสร้างความสนุกสนามให้กับแฟนบอลได้เป็นอย่างดี  ทีมข่าวกีฬาไทยรัฐออนไลน์ จะนำเสนอบทสรุปโดยรวมของศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ให้ทุกท่านได้อ่านกัน

ทีมแชมป์:เชลซี (87 คะแนน)
เชลซี
ทีมเชลซี ภายใต้การคุมทัพของ โชเซ มูรินโญ กุนซือยอดฝีมือชาวโปรตุเกส  ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมเหลือเกินในซีซั่นนี้  โดยได้แชมป์ตั้งแต่การแข่งขัดนัดที่ 35 ซึ่งยังไม่จบฤดูกาลเลยด้วยซ้ำ  ซึ่งต้องยกความชอบให้กับการเสริมทัพของทีมสิงห์บลู ที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะในรายของ ดิเอโก คอสตา ดาวยิงทีมชาติสเปนที่คว้าตัวมาจากทีมแอตเลติโก มาดริด และ เชส ฟาเบรกาส ที่ไปสอยมาจากบาร์เซโลนา ซึ่งทั้ง 2 คนทำผลงานได้อย่างโดดเด่นมากๆ ขณะที่นักเตะที่มีอยู่กับทีมอยู่แล้วอย่าง จอห์น เทอร์รี ที่แม้จะเป็นกองหลัง แต่ก็ทำไปถึง 8 ประตูในซีซั่นนี้,แกรี เคฮิลล์ แม้ฟอร์มจะออกทะเลอยู่ช่วงหนึ่งแต่สุดท้ายก็กลับสู่มาตรฐานของตัวเองได้,บรานิสลาฟ อิวาโนวิช แบ็กขวาที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งของพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ก็ทำผลงานได้ดีมาตลอดแถมลงเล่นครบทั้ง 38 นัดในลีกอีกด้วย ส่วนอีกคนที่ขาดไปไม่ได้เลยคือ เอเดน อาซาร์ด ปีกตัวจี๊ดทีมชาติเบลเยียม ที่ปีนี้ฟอร์มเข้าฝักสุดๆ ส่วนนักเตะที่ไม่ได้พูดถึงก็ทำผลงานได้ดีกันทุกคนเมื่อได้รับโอกาสลงสนาม และผลงานโดยรวมของทีมก็มีความสม่ำเสมออย่างมาก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญนอกเหนือจากแท็คติกของมูรินโญที่ทำให้ เชลซีคว้าแชมป์ลีกสูงสุดเป็นสมัยที่ 5 ได้สำเร็จ และเป็นแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 5 ปีอีกด้วย

สรุปผลงานในเกมลีกฤดูกาลนี้ของเชลซี:ลงเล่นไป 38 นัด ชนะ 26 นัด เสมอ 9 นัด แพ้ 3 นัด ทำไปทั้งหมด 73 ประตู เสียไป 32 ประตู ทำได้ 87 คะแนน

รองแชมป์:แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (79 คะแนน)
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
"แชมป์เก่า" แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การคุมทัพของ มานูเอล เปเยกรินี   ทำผลงานไม่ได้แย่เท่าไหร่นักในปีนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าปีนี้ เชลซี มาดีจริงๆและคู่ควรกับการแย่งแชมป์ไปจากพวกเขาแล้ว โดยคาดกันว่าช่วงซัมเมอร์นี้ เรือใบสีฟ้า เตรียมเสริมทัพแบบจัดหนักอย่างแน่นอน เพื่อกลับมาทวงแชมป์ลีกคืนในฤดูกาลหน้า แต่พวกเขาอาจจะต้องเสียผู้เล่นคนสำคัญอย่าง ยายา ตูเร ,เจมส์ มิลเนอร์,สเตวาน โยเวติช และ เอดิน เชโก ไปเช่นกัน  สรุปโดยรวมซีซั่นนี้ แมนฯซิตี้ ทำผลงานได้ดี แต่ไม่ดีพอที่จะเป็นแชมป์เท่านั้นเอง

อันดับ 3:อาร์เซนอล (75 คะแนน)
อาร์เซนอล
"ปืนใหญ่" ภายใต้การคุมทัพของ อาร์แซน เวนเกอร์ ฤดูกาลนี้เรียกได้ว่าเครื่องร้อนช้าไปนิด ดีบ้างแย่บ้าง แต่ต้องยอมรับว่าครึ่งฤดูกาลหลังพวกเขาทำผลงานได้ดีเหลือเกิน  เกือบจะเบียด แมนฯซิตี้  คว้าอันดับ 2 ได้ด้วยซ้ำ แต่ด้วยความสม่ำเสมอ ลูกทีมของเวนเกอร์ยังเป็นรอง เรือใบสีฟ้า อยู่พอสมควร โดยคาดกันว่า ปืนใหญ่ อาจจะต้องทุ่มเงินคว้านักเตะระดับโลกมาเสริมทัพเพื่อลุ้นแย่งแชมป์ในปีหน้า เพราะแค่ อเล็กซิส ซานเชซ เพียงคนเดียวนั้นยังไม่พอ

อันดับ 4 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (70 คะแนน)
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
"ปิศาจแดง" ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล ที่ใช้งบเสริมทัพไปถึง 170 ล้านปอนด์ (9,350 ล้านบาท) เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่แล้วในการคว้านักเตะระดับท็อปมาร่วมทีมมากมาย ซึ่งนักเตะที่สอบผ่านมีเพียง 3 คน ได้แก่ อังเดร เอร์เรรา,มาร์กอส โรโฮ รวมไปถึีง ลุค ชอว์ ที่แม้จะมีปัญหาบาดเจ็บรบกวนอยู่ตลอด แต่เมื่อได้ลงสนามก็ทำผลงานได้ดี แต่ที่สอบตกอย่างชัดเจนก็คือ อังเคล ดิ มาเรีย ซึ่งโชว์ฟอร์มไม่สมกับเจ้าของค่าตัวสูงสุดในเกาะอังกฤษแม้แต่น้อย  และยังไม่รู้อนาคตเลยว่าจะได้อยู่ค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทรฟเฟิร์ด ต่อไปในซีซั่นหน้าหรือเปล่า ขณะที่ ราดาเมล ฟัลเกา ที่ยืมตัวมาจากโมนาโก โบกมืออำลาทีมแน่นอนแล้ว หลังยิงไป 4 ประตูเท่านั้น อย่างไรก็ตามถือว่ากุนซือชาวดัตช์บรรลุเป้าหมายที่วางเอาไว้ได้สำเร็จคือการติดท็อปโฟร์ไปลุย ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ในซีซั่นหน้านั่นเอง แต่ต้องผ่านรอบคัดเลือกให้ได้เสียก่อน

อันดับ 5 ทอตแนม ฮอตสเปอร์ (64 คะแนน)
แฮร์รี เคน นักเตะคนสำคัญของ ทอตแนม ฮอตสเปอร์ ในฤดูกาลนี้
"ไก่เดือยทอง" ภายใต้การคุมทัพของ เมาริซิโอ โปเชตติโน แซง ลิเวอร์พูล ขึ้นไปอยู่อันดับ 5 ของตาราง ในนัดสุดท้ายของฤดูกาล ทำให้ตีตั๋วเข้ารอบแบ่งกลุ่มของถ้วยยูโรปา ลีก ทันที โดยกุญแจสำคัญของ สเปอร์ส ในซีซั่นนี้คือ แฮร์รี เคน ที่โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมเหลือเกิน พร้อมคว้าตำแหน่งรองดาวซัลโวไปครองอีกด้วย และก้าวขึ้นไปติดทีมชาติอังกฤษเป็นที่เรียบร้อย  โดยคาดกันว่าถ้ามีการเสริมทัพที่ดี ซีซั่นหน้าไก่เดือยทองมีลุ้นติดท็อปโฟร์แน่นอน

อันดับ 6 ลิเวอร์พูล (62 คะแนน)
ลิเวอร์พูล
พลพรรค "หงส์แดง" ฤดูกาลนี้ทำได้เพียงจบอันดับ 6 ของตาราง อดไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า แต่ก็จะได้กลับไปเล่น ยูโรปา ลีก อีกครั้ง แต่ต้องไปเล่นรอบคัดเลือกเสียก่อน ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าฤดูกาลนี้ลูกทีมของ  เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผลงานไม่ค่อยดีเลย เริ่มมาตั้งแต่การเสริมทัพที่ไปคว้ากองหน้าอย่าง  มาริโอ บาโลเตลลี และ ริคกี้ แลมเบิร์ต มาเสริมทัพ ซึ่งทั้งคู่ต่างทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง แต่การที่ทีมต้องขาด เดเนียล สเตอร์ริดจ์ จอมถล่มประตูที่มีอาการบาดเจ็บไม่หายขาดสักที ก็ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้หงส์แดงไม่ประสบความสำเร็จฤดูกาลนี้   และหลังจบฤดูกาลนี้ทีมยังต้องหาคนมาทดแทน สตีเวน เจอร์ราร์ด กัปตันทีมที่จะย้ายไปค้าแข้งในเมเจอร์ลีกอีกด้วย เรียกได้ว่าช่วงปิดฤดูกาล ลิเวอร์พูล มีอะไรให้ทำอีกเยอะอย่างแน่นอน  และต้องลุ้นด้วยว่าเก้าอี้กุนซือจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า

โควต้าแชมเปียนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่ม
แชมป์ : เชลซี
รองแชมป์ : แมนเชสเตอร์ ซิตี้
อันดับ 3 : อาร์เซนอล
โควต้าแชมเปียนส์ลีก รอบคัดเลือก
อันดับ 4 : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
โควต้ายูโรป้าลีก รอบแบ่งกลุ่ม
อันดับ 5 : ทอตแนม ฮอตสเปอร์ส 
โควต้ายูโรปาลีก รอบคัดเลือก
อันดับ 6 : ลิเวอร์พูล

ทีมตกชั้นไปเล่น เดอะ แชมเปี้ยนชิพ
อันดับ 18 : ฮัลล์ ซิตี้
อันดับ 19 : เบิร์นลีย์
อันดับ 20 : ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส

อันดับดาวซัลโว
อันดับ 1 เซร์คิโอ อเกวโร (แมนฯซิตี้) : 26 ประตู
อันดับ 2 แฮร์รี เคน (ทอตแนม ฮอตสเปอร์) : 21 ประตู
อันดับ 3 ดีเอโก คอสตา (เชลซี) :20 ประตู
อันดับ 4 ชาร์ลี ออสติน (ควีนส์ปาร์ค เรนเจอร์ส) : 18 ประตู
อันดับ 5 อเล็กซิส ซานเชซ (อาร์เซนอล) : 16 ประตู

อันดับนักเตะทำแอสซิสต์สูงสุด (จ่ายให้เพื่อนยิงประตู)
อันดับ 1 เชส ฟาเบรกาส (เชลซี) 18 ครั้ง
อันดับ 2 ซานติ กาซอร์ลา (อาร์เซนอล) 11 ครั้ง
อันดับ 3 กิลฟี ซิเกิร์ดสัน  (สวอนซี) ,คริส บรันท์ (เวสต์บรอมวิชฯ),อังเคล ดิ มาเรีย (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) 10 ครั้ง

นักเตะที่โดนใบเหลืองมากที่สุด:ลี คัตเตอร์โมล (ซันเดอร์แลนด์) 14 ใบ

นักเตะที่โดนใบแดงมากที่สุด:ไคล์ นอห์ตัน (สวอนซี),ทอม ฮัดเดิลสตัน (ฮัลล์),ไมเคิล วิลเลียมส์สัน (นิวคาสเซิล),(พอล คอนเชสกี (เลสเตอร์) คนละ 2 ใบ

นักเตะที่โดนทำฟาล์วมากที่สุด
อันดับ 1 เอเดน อาซาร์ด (เชลซี) 113 ครั้ง
อันดับ 2 ราฮีม สเตอร์ลิง (ลิเวอร์พูล) 94 ครั้ง
อันดับ 3 ซาดิโอ มาเน (เซาแธมป์ตัน) 76 ครั้ง
อันดับ 4 อเล็กซิส ซานเชซ (อาร์เซนอล) 72  ครั้ง
อันดับ 5 คอนเนอร์ วิคแฮม (ซันเดอร์แลนด์) 61 ครั้ง

รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี
เอเดน อาซาร์ด (เชลซี)


เอเดน อาซาร์ด
รางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปี

โชเซ มูรินโญ (เชลซี)


โชเซ มูรินโญ
ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้ ถือว่าเข้มข้นสุดๆเลยทีเดียว แต่เชื่อว่าฤดูกาลหน้าแต่ละทีมจะแก้ไขข้อบกพร่องของตัวเอง เพื่อกลับมาแย่งแชมป์กันในฤดูกาล 2015-2016 ที่จะระเบิดศึกขึ้นอีกครั้งในอีกไม่นานนี้ รอติดตามกันได้เลย...
หาดใหญ่ใหม่ www.facebook.com/hatyaimai
เมืองหลวงภาคใต้ หลากหลายเรื่องราว บอกเล่าแบ่งปัน