กู้บ้านใหม่ทำใจค่าผ่อนส่งจ่อเพิ่ม กสิกรขึ้นดอกเบี้ย 0.25%

[ฅนสองเล]

กู้บ้านใหม่ทำใจค่าผ่อนส่งจ่อเพิ่ม กสิกรขึ้นดอกเบี้ย 0.25%ธปท.เชื่อยังไม่มีฟองสบู่   ( 24 ธันวาคม 2553 )
     
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ในช่วงต้นปี 2554 ระบบ ธนาคารพาณิชย์มีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยอย่างน้อยที่สุด 0.25% ตามการขยับขึ้นของอัตรา ดอกเบี้ย ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ 2.0% ต่อปี ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี (MLR) ซึ่งปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 6% ต่อปี ปรับขึ้นเป็น 6.25-6.50% ต่อปี

อย่างไรก็ตาม ทุกๆ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 1.00% ในระดับราคาบ้านที่ 1 ล้านบาท ผู้กู้รายใหญ่จะมีภาระการผ่อนต่องวดเพิ่มขึ้นเป็น 8,560 บาทต่อเดือน เทียบกับลูกหนี้เก่าซึ่งอยู่ที่ 8,000 บาทต่อเดือน ดังนั้นผู้กู้ยืมต้องมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 7% ของเงินเดือน 20,000 บาท หรือต้องเพิ่มขึ้นเป็น 21,400 บาทต่อเดือน จึงจะกู้ซื้อบ้านในราคา 1 ล้านบาทได้ แต่หากไม่เป็นเช่นนั้นก็ต้องซื้อบ้านในราคาไม่สูงกว่า 930,000 บาท

นายชาติชาย เชื่อว่า ระบบธนาคารพาณิชย์ยังคงใช้รูปแบบการแข่งขันด้วยการเสนอโปรโมชั่นสินเชื่อบ้านอัตราดอกเบี้ยคงที่ 1-3 ปี ตลอดในปี 2554-2555 และคงใช้อัตราดอกเบี้ยที่ 0% ในช่วงต้นของการผ่อนค่างวด 3-6 เดือน เนื่องจากเป็นสิ่งที่จูงใจลูก ค้าได้ง่าย

นายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ระบุว่า การแข่งขันการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยของระบบในปี 2554 ยังคงดุเดือดเช่นเดิม แม้ว่าอัตรา ดอกเบี้ยจะอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่ธนาคารพาณิชย์คงไม่ใช้กลยุทธ์ด้านราคาด้วยการคิดอัตราดอก เบี้ย 0% เหมือนในปีนี้ เพราะต้นทุนที่เร่งตัวขึ้น

ในขณะที่คาดว่าคณะกรรมการนโยบาย (กนง.) อาจปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอีก 0.5-1.0% ในปี 2554 ซึ่งจะมีผลให้ดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์ปรับขึ้น 0.5% จากปัจจุบันที่ดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์อยู่ที่ประมาณ 6% ทำให้ลูกค้าเดิมที่ชำระค่างวดประมาณ 10,000 บาทต่อเดือน ต้องมีภาระเพิ่มขึ้นประ มาณหลัก 100-1,000 ต่องวด และอาจมีผลทางจิตวิทยาของ ลูกค้าใหม่ที่กำลังตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย แต่ท้ายที่สุดลูกค้าที่ต้องการบ้านจริงๆ ยังไงก็ต้องซื้อ

นาย เกริก วณิกกุล รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบัน การเงิน ธนาคารแห่งประเทศ ไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ไม่กังวลแนวโน้มการแข่งขันที่รุนแรงของการปล่อยสินเชื่อในระบบสถาบันการ เงินปี 2554 ตามที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าจะก่อให้เกิดปัญหาฟองสบู่ เนื่องจากไม่เห็นสัญญาณการ ขาดความเข้มงวดในการพิจารณาปล่อยสินเชื่อ ทำให้อัตราการ ขยายตัวของสินเชื่อปัจจุบันเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป สอด คล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ดีขึ้น

ขณะ ที่การปล่อยสินเชื่อในสกุลดอลลาร์สหรัฐก็ไม่มีปัญหา เพราะธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ปล่อยให้ลูกค้าที่เป็นธุรกิจไทยและรู้จักบริษัท นั้นๆ ดีอยู่แล้ว เพียงแต่บริษัทของคนไทยที่เริ่มโตขึ้น จะออกไปลงทุนในกิจการต่างประเทศ เห็นได้จากช่วงเงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบนักลงทุนก็เริ่มออกไปซื้อกิจการต่าง ประเทศเพื่อลงทุน ทำให้นักลงทุนต้อง การเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่ทั้งระบบหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ก็ปรับลดลงต่อเนื่องอยู่ที่ 4% กว่าเท่านั้น

"แนว โน้มการปล่อยสินเชื่อไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แบงก์ยังมีความระมัดระวังเรื่องนี้อย่างดี ไม่มีอะไรที่ไม่ดีเลย ทุกอย่างดีหมด สินเชื่อเริ่มไต่ขึ้นทุกกลุ่ม ซึ่งถือว่าเป็นการขยายตัวสูงกว่าช่วงปี 2552 ที่ขยายตัว 9 ล้านล้านบาท"

ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์