สัตว์ทำงานด้วยความหิวทางกาย, สัตว์ทำงานด้วยความหิวทางเนื้อหนังทางร่างกาย กินแล้วก็อิ่ม คนทำงานด้วยความหิวทั้งทางร่างกายและทางจิตใจคือกิเลส หิวทั้งทางกายและหิวทั้งทางใจคือกิเลส คนทำงานด้วยความหิวถึง ๒ ทาง...
ก็ดูที่ความฟุ่มเฟือย เป็นอยู่อย่างฟุ่มเฟือยของคนสมัยนี้ อาหารการกินก็ฟุ่มเฟือย การแต่งเนื้อแต่งตัวก็ฟุ่มเฟือย ที่อยู่ที่อาศัย เครื่องใช้ไม้สอยก็ฟุ่มเฟือย, แม้แต่จะบำบัดโรค ก็ยังเป็นยารักษาโรคชนิดที่สำอาง ชอบยาชนิดที่สำอาง เอร็ดอร่อยหอมหวนชวนกิน หรือว่าสบายไปเลย; นี่มันมีความฟุ่มเฟือยที่ต้องการมากอย่างนี้ ซึ่งเป็นมูลเหตุให้ตกนรกทั้งเป็น
คอร์รัปชันทั้งหลายทุกชนิดในหมู่คนนั้นน่ะ มันก็มีมูลมาจากต้องการความฟุ่มเฟือย; ถ้าต้องการเท่าที่อยู่ กินอยู่แต่พอดี แล้วไม่ต้องคอร์รัปชั่น, เงินเดือนพอใช้แน่ ๆ เกินพอใช้แน่ ๆ. แต่มันต้องการความฟุ่มเฟือยทางจิตทางวิญญาณ มันเลยต้องคอร์รัปชัน
ไอ้คอร์รัปชันเป็นมูลเหตุให้เกิดความยุ่งยากลำบากอย่างอื่น จนมีความวินาศติดตามมา ก็เรียกว่าได้รับผลสมกันแล้ว กับที่ว่ามันไม่รู้จักในสิ่งที่เรียกว่า ชีวิตหรือหน้าที่การงาน หรือธรรมะเอาเสียเลย
ขอได้พิจารณาดูให้ดี ๆ อย่าได้เป็นสัตว์ชนิดไหนก็ไม่รู้ ซึ่งมีความทุกข์มากกว่าสัตว์เดรัจฉาน สัตว์เดรัจฉานไม่ตกนรกไปพลาง ทำงานไปพลาง, หิวตามปกติ หากินตามปกติ อิ่มแล้วก็นอน หิวใหม่ก็ไปหากินอีก อิ่มแล้วก็นอน มันก็ไม่มีปัญหาอะไรมาก
ส่วนคนนั้นน่ะ คนปุถุชน คนธรรมดานั้นน่ะ หิวก็ หากิน กิน ครั้นกินแล้วก็ยังต้องการอะไรก็ไม่รู้ ซึ่งเรียกว่า "ความหิวในทางวิญญาณ" มันต้องการให้เอร็ดอร่อยสนุกสนานเพลิดเพลิน ทางอายตนะ คือทางตา ต้องการความบำรุงบำเรอทางตา ทางหู ต้องการบำรุงบำเรอทางหู ทางจมูก ต้องการการบำรุงบำเรอจมูก ทางลิ้น ต้องการการบำรุงบำเรอทางลิ้น ทางผิวหนัง ต้องการการบำรุงบำเรอทางผิวหนัง ทางจิตใจก็ต้องการขับกล่อมบำรุงบำเรออันไม่รู้จักสิ้นสุด จนหาการบำรุงบำเรอมาบำรุงบำเรอตลอดวันตลอดคืน
#จดหมายเหตุพุทธทาส