ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

รู้จัก “ดีเจจั๊ดจ์” ผู้ด่า “ศปภ. โง่เง่า” จนโดนไล่ออก

เริ่มโดย ทีมงานบ้านเรา, 11:33 น. 19 พ.ย 54

ทีมงานบ้านเรา

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    18 พฤศจิกายน 2554 02:25 น

[attach=1]

รู้จัก "ดีเจจั๊ดจ์" ผู้กล้าวิจารณ์ "ศปภ.โง่เง่า" ,สับ "ประชา พรหมนอก" แก่ , จวกรัฐบาลเลือกคนผิดฝาผิดตัวแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ,สมน้ำหน้าที่โดนประชาชนด่า , เปิดใจไม่หวั่นวิจารณ์ศปภ.จนโดนไล่ออกจากงาน บอกเป็นความในใจที่เต็มไปด้วยอารมณ์เพราะทำงานไม่ได้ดั่งใจ สุดสงสาร "ปู" ที่เคยช็อบปิ้งกินข้าวกับลูกและสามีใช้เงินไม่มีหมดในชาตินี้ กลับต้องมาทุกข์ใจนอนไม่หลับเพราะเป็นนายกฯ แต่เป็นสิ่งที่ต้องแลกเพราะอยากถูกจารึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นนายกหญิงคน แรก
       
       โซเชี่ยลเน็ตเวิร์คกลายเป็นเวทีระบายความในใจของใครต่อใครหลายคนถึง การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมรัฐบาล ไล่มาตั้งแต่ตั้งตอนที่ตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ.ใหม่ๆ ที่สื่อสารไม่ตรงไปตรงมาและไม่ชัดเจนจนโดนวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว มีดาราหลายคนใช้โซเชี่ยลเน็ตเวิร์คพูดคุยถึงปัญหาดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น "หนิง ปณิตา พัฒนาหิรัญ" ที่ ทวิตเตอร์ว่า "สส.ที่เลือกมาหายไปไหนหมดอ๊ะ ไม่เห็นทำไรได้ซักคน เห็นแต่เอาหน้าโดยการเอาของที่ ปปช.บริจาคไปเป็นของตัวเองว่ามาจากตน กินกันยังไม่พออีกเหรอ" และอีกหลายต่อหลายคนแต่ที่เด็ดสุดเห็นจะเป็น "หนูดี วนิษา เรซ" ผู้อำนวยการโรงเรียนวนิษา ซึ่งเป็นที่รู้จักในนามผู้แต่งหนังสือ "อัจฉริยะสร้างได้" ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตว่า "ขอพูดอะไรแรงๆ สักก็ ที่วนิษา ครั้งในชีวิตค่ะ พูดแล้วจะร้องไห้...น้ำท่วมไม่กลัว กลัวอย่างเดียว...ผู้นำโง่ เพราะพวกเราจะตายกันหมด"
       
       "บิลลี่ โอแกน" เองก็มีข่าวว่า ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กดุเดือดว่ารัฐบาลไร้ปัญญาแก้ไขน้ำท่วม ไล่ไปร้องไห้ให้ควายดู จนกลายเป็นเรื่องทอล์กออฟเดอะทาวน์ แม้ว่าเจ้าตัวจะยังไม่ออกมายอมรับว่าเป็นเฟซบุ๊กของตนเองจริงหรือไม่
       
       ล่าสุด "ดีเจจั๊ดจ์ ธีมะ กาญจนะไพริน" แห่งคลื่น สบาย 90 เอฟเอ็ม ของบริษัทพีดี ครีเอชั่น จำกัด ก็ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ศปภ.ผ่านสถานี และจัดรายการ "จั๊ดจ์จัด" ลงยูทูปด้วยถ้อยคำที่ตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่รัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" แต่งตั้งให้ "พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก" อดีตอธิบดีกรมตำรวจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมมาเป็นผู้อำนวยการศูนย์ทั้งที่ไม่มีความรู้ เรื่องน้ำ เพราะเติบโตมาจากการเป็นตำรวจมาทั้งชีวิต พอออกมาแถลงข่าวทีก็อ่านสคริปท์ และสื่อสารไม่รู้เรื่อง แผนที่ที่เอามาประกอบการแถลงข่าวก็ห่วย ไม่มีเงินจ้างทำกราฟฟิกให้ประชาชนเข้าใจหรือไง งานนี้ดีเจจั๊ดเลยจัดหนักว่า "ทั้งแก่ทั้งโง่" น่าจะไปดูการแถลงข่าวและการทำงานของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ.ซะบ้าง สรุปสั้นๆ ว่า "โง่เง่า"
       
       ซึ่งภายหลังที่คลิปวิพากษ์วิจารณ์ศปภ.ดังกล่าวถูกเผยแพร่ลงในยูทูปดี เจจั๊ดก็โดนบริษัทพีดีพักงานและถูกไล่ออกในที่สุด เป็นดีเจทำงานบริษัทใหญ่ๆ อยู่ดีๆ ทำไมถึงไปวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการเมือง อะไรที่ทำให้ดีเจจั๊ดทะลักจุดแตก วันนี้เราจะไปทำความรู้จักกับดีเจจั๊ดให้มากขึ้น ไหนๆ ก็ออกจากงานแล้ววันนี้ขอบอกว่าดีเจจั๊ดจ์จัดหนักแน่...
       
       "เรื่องราวมันเกิดขึ้นเมื่อวันที่11 ตุลาคม วันนั้นผมจัดรายการคนเดียวพี่ธงธง มกจ๊ก(คัชฑาเทพ เอี่ยมศิริ)ดีเจที่จัดคู่กันไม่อยู่ แล้วศปภ.ก็ขอความร่วมมือมายังคลื่นคือต้องตัดรายการเข้าศปภ.วันละ 3 รอบ 10.00 น., 16.00 น. และ 22.00 น. ซึ่งช่วงที่ผมจัดอยู่เป็นช่วง 15.00 -18.00 น. ก็อยู่ในช่วงแถลงข่าวพอดี แต่วันนั้นศปภ.ไม่แถลงข่าวแต่ก็ไม่แจ้งมาว่าจะไม่แถลงข่าว พอผมเปิดไมค์มาก็เลยพูดเหน็บแนมไปนิดๆ หน่อยๆ ประมาณว่าจะแถลงแล้วทำไมไม่แถลง รายละเอียดจำไม่ได้แล้วแต่โดยเนื้อหาก็ประมาณนี้"
       
       "จากนั้นก็มีการพักงานผม โดยที่ไม่มีการเรียกไปเตือนแต่เป็นการโทรศัพท์มาหาผม โดยให้เหตุผลว่าศปภ.กับกองทัพก็ดำเนินนโยบายเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย อยู่แล้ว ดังนั้นการที่เราไปว่าเขามันก็ไม่ถูกต้อง ผมก็ช็อกพอสมควรแต่ก็ยอมรับในการตัดสินใจของเขา ผมเองก็เคยจัดรายการวิทยุมาก่อนและก็เคยถูกพักงานเพราะไปพูดถึงเรื่องการ เมือง ตอนนั้นจัดอยู่คลื่นแม็ก 103.0 ของอาร์เอส ผมจัดรายการชื่อจั๊ดจัดซึ่งเป็นชื่อเดียวกับที่ลงในยูทูป ตอนนั้นคุณสมัคร สุนทรเวช เสียชีวิตผมก็เปิดเพลงซึ่งมันในยูทูปที่คุณสมัครเคยร้องไว้ เนื้อหาเพลงประมาณว่าคนเราตายไปเอาอะไรไปไม่ได้ชื่อเสียงเงินทองเกียรติยศทำ ความดีกันไว้เถอะ ก็มีผู้ใหญ่เรียกไปเตือนและก็โดนพักงานไปหนึ่งสัปดาห์และกลับมาจัดรายการ ต่อ"
       
       "ส่วนครั้งนี้ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่ไม่ได้มากเท่าครั้งนั้นด้วยซ้ำ แต่ผมก็โดนพักงาน 3 สัปดาห์กว่า พอสัปดาห์ที่ 4 ก็โทรมาบอกผมว่าจะมีการปรับผังและจะไม่ให้ผมจัดแล้ว ผมก็เสียใจครับแต่ว่าก็คาดเดาเอาไว้แล้วว่าอาจจะเป็นแบบนี้(จริงๆ แล้วบริษัทเขามีกฎห้ามพูดเรื่องการเมืองในขณะจัดรายการหรือเปล่า) เขาห้ามพูดครับแต่ผมเองเคยโทรศัพท์ไปคุยกับเอ็มดีของคลื่นนี้ว่า ถ้าเป็นช่วงของผมขอพูดเรื่องการเมืองบ้างได้ไหม ก็ได้รับคำตอบว่าพูดได้เพราะเขาเชื่อมั่นฝีมือของผมกับพี่ธงธงว่าจะสามารถ พูดให้ไม่แรงเกินไปได้ แต่ตรงนี้ผมไม่มีหลักฐานเพราะเป็นการพูดคุยกันส่วนตัว"
       
       "โปรดิวเซอร์เขาก็บอกว่า จั๊ดจ์ต้องเข้าใจนะว่าบริษัทจะต้องดีลงานทั้งภาครัฐและเอกชน บริษัทพีดีนอกจากจะทำรายการวิทยุและโทรทัศน์แล้วก็ยังมีธุรกิจอีเว้นท์ที่จะ ต้องดิวกับราชการ ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าใครเป็นอะไรยังไงก็ควรจะวางตัวเป็นกลางก่อน และเราเป็นสื่อด้านบันเทิงก็ควรจะยืนอยู่ตรงกลางและไม่ควรมีภาพลักษณ์ที่ รุนแรงเอียงไปเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง"
       
       "สำหรับการทำหน้าที่สื่อผมคิดว่าคิดแบบนั้นมันไม่ถูกต้อง แต่ผมก็เข้าใจในมุมมองของบริษัทนะครับที่จะต้องมองในเรื่องของเม็ดเงินการ ติดต่องาน แต่สำหรับผมเองผมคิดว่าสื่อสารมวลชนจะต้องนำเสนอข้อมูล ให้รอบด้าน และข้อมูลรอบด้านมันก็ไม่จำเป็นที่เราจะต้องยืนอยู่ตรงกลางเสมอไป ถ้ามันได้ผ่านการศึกษาข้อมูลมาอย่างละเอียดแล้วว่ามันเป็นแบบนั้น เราก็ควรจะถ่ายทอดข้อมูลออกไป แต่ในการถ่ายทอดมันมีวิธีจบของข้อความที่เราอยากจะสื่อสารออกไปให้ผู้ฟังเอาข้อมูลของเราไปตัดสินโดยใช้วิจารณญาณของเขาเอง"
       
       "ผมว่าการเป็นสื่อมันไม่ควรจะกลัวในเรื่องของการเมืองและผลักเรื่อง การเมืองไปอยู่ไกลตัว ผมว่าการเมืองเป็นธรรมดาของชีวิตคนครับ แต่การเมืองเป็นสิ่งต้องห้ามไม่กล้าที่จะแสดงความคิดเห็นโดยเฉพาะคนบันเทิง ส่วนใหญ่ไม่กล้าที่จะออกมาแสดงความคิดเห็นว่าตนเองสนับสนุนฝ่ายไหนหรืออะไร ยังไง ผมว่าการที่เราสนับสนุนฝ่ายไหนไม่ได้หมายความว่าเราไม่สามัคคี เพราะเลือกตั้งเราก็ต้องเลือกข้างอยู่แล้ว เราก็ต้องมีข้างที่เราปลื้ม มันเป็นการแสดงความคิดเห็นมากกว่าทำไมเราถึงชอบนโยบายของฝั่งนี้"
       
       แล้ว "จั๊ดจ์" เลือกข้างไหน ?
       "ผมขอยืนอยู่ข้างสถาบันพระมหากษัตริย์ครับ อันนี้คือจุดยืนของผม ผมเป็นคนที่รักและเทิดทูนในหลวง ท่านมีคุณูปการต่อประเทศชาติมากมายก่ายกอง ฉะนั้นการเมืองอยากจะเล่นอะไรก็เล่นไปแต่อย่าเล่นถึงพระองค์ท่าน ผมเข้าใจว่ามีคนสนับสนุนเสื้อแดงเสื้อเหลือง ชอบประชาธิปัตย์หรือว่าอยู่พรรคเพื่อไทย หรือว่าจะอะไรก็ตามที แต่ไม่ควรจะล้มล้างระบอบการปกครองที่มีอยู่ในปัจจุบัน คือผมไม่สนับสนุนพวกที่ล้มเจ้าครับ"
       
       "ในยูทูปผมก็มีการพูดถึงมาตรา 112 ที่อยากจะแก้ไขกันเหลือเกิน ผมคิดว่าระบอบการเมืองในปัจจุบันมันดีพอแล้วถ้านักการเมืองมีคุณภาพเล่นการ เมืองกันอย่างสะอาดไม่โกง ถ้ามองไปรอบตัวทุกสิ่งทุกอย่างที่รวมกันเป็นประเทศไทยมันถูกแฝงไปด้วย สัญลักษณ์ ถูกแฝงไปด้วยพระเดชพระคุณ ถูกปลูกฝังไปด้วยอะไรหลายๆ อย่างที่มันเป็นสิ่งดีงามที่ถ่ายทอดมาโดยสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมคิดว่ามันไม่จำเป็นที่จะไปล้มล้างไปทำให้พระราชอำนาจของท่านหายไป ถ้าคุณบอกว่าประชาธิปไตยมันจะไม่เต็มใบ แต่ผมว่ามันเต็มใบครับถ้าคุณทำอะไรตามลู่ตามทางที่มันดี ขอแค่คุณอย่าโกงมันเพียงพอแล้ว"
       
       เมื่อปี 2538 ที่เกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่ไม่ต่างจากปัจจุบัน ครั้งนั้นในหลวงทรงมีพระราชวินิจฉัยและพระราชทานแนวพระราชดำริการแก้ปัญหา น้ำท่วมจนประเทศชาติรอดพ้นจากวิกฤติด้วยพระปรีชาสามารถ แต่ในขณะที่รัฐบาลของยิ่งลักษณ์ กลับไปดึงเอานักวิชาการต่างประเทศเข้ามาวุ่นวายในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมไปหมด ทั้งที่เรามีกษัตริย์ที่มีพระปรีชาสามารถเก่งในเรื่องน้ำอยู่แล้ว ที่เรามีเขื่อนไว้กักเก็บน้ำ มีโน่นนี่ระบบที่เกี่ยวกับน้ำ ก็เกิดจากโครงการพระราชดำริและพระปรีชาสามารถของในหลวงทั้งสิ้น แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์กลับให้ความสำคัญกับต่างประเทศ แม้แต่สื่อมวลชนเองก็ไม่นำเสนอข่าวเรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเมื่อปี 2538 ของพระองค์ให้แพร่หลาย มีแต่ไปตามติดก้นฝรั่งให้ฝรั่งมาวิพากษ์วิจารณ์การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของประเทศไทย เรื่องนี้ "ดีเจจั๊ดจ์" ให้ความเห็นว่า....
       "ผม รู้สึกว่าหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างที่ในหลวงทรงทำไว้ให้กับประเทศไทย โดยเฉพาะเรื่องน้ำมันชัดเจนอยู่แล้ว เราควรจะน้อมรับเอาพระราชดำริที่เกี่ยวกับเรื่องน้ำมาบริหารจัดการ พระองค์ท่านอยู่กับปัญหาน้ำมาเป็นระยะเวลาหลายสิบปีแต่นักการเมืองอยู่มา 2 ปีหรืออย่างมากก็ไม่เกิน 8 ปี แต่จริงๆ แล้วอยู่ไม่ถึงสมัยซะด้วยซ้ำ กลับมาลองผิดลองถูกกับประเทศ ทำไมไม่นำเอาแนวทางของในหลวงมาปฏิบัติ ส่วนเรื่องที่เอานักวิชาการต่างชาติมาประเทศไทยเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำโดยเฉพาะ นักวิชาการเนเธอร์แลนด์ที่เก่งเรื่องน้ำเอาแนวคิดเขามารวมกับเราได้ก็ดี"
       
       "แม้แต่ข้าราชการของไทยเองก็ดูแลด้านน้ำมานานเขาอยู่กับตรงนี้มานาน กว่าจะขึ้นมาเป็นระดับอธิบดีระดับปลัดกระทรวงเขาต้องทำงานด้านนี้มาแล้วกี่ สิบปี เขามีความรู้ความสามารถตรงนี้ดี แต่พอถึงเวลาจะต้องให้เขามาฟังอำนาจการสั่งการจากนักการเมืองที่พึ่งจะมาบริ หารประเทศ ผมอยากจะให้นักการเมืองฟังข้าราชการบ้าง และเอาอำนาจที่นักการเมืองมีไปสั่งการให้อำนวยความสะดวกในการทำงานของข้า ราชการ"
       
       "อย่างคุณประชาเป็นตำรวจมาตลอดชีวิตอยู่ดีๆ ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมก็พอเข้าใจได้ แต่อยู่ดีๆ เอามาเป็นผู้อำนวยการศปภ.ถามว่ากางแผนที่ออกมาท่านรู้หรือเปล่าอะไรตรงไหน เขื่อนไหนมีกำลังกักเก็บเท่าไหร่ควรจะบริหารเท่าไหร่ ท่านก็อาศัย การอ่านเพิ่มเติมเมื่อตอนที่เข้ามารับตำแหน่ง ท่านอยู่กับตำแหน่งกี่วันล่ะครับ เดือนหรือสองเดือน ? เทียบกับข้าราชการที่ทำงานด้านนี้มาตลอดชีวิตตั้งแต่เรียนจบมา ใครมันจะมีความรู้ความสามารถกว่ากันล่ะครับ
สนับสนุนการขับเคลื่อนโดย
- ฮอนด้าพิธานพาณิชย์-อริยะมอเตอร์ www.phithan.co.th/hondaphithan
- ปาล์มสปริงส์ & ซิตี้รีสอร์ท บ้านและคอนโดคุณภาพจากเครืองศุภาลัย www.hatyainakarin.com
- ธีระการช่าง หาดใหญ่ (เยื้องบิ๊กซีคลองแห) โทร 086-4910345 www.facebook.com/teerakarnchanghy
- เอนกการช่าง ผู้นำการพัฒนาเครื่องจักรกลเกษตร โทร 081-7382622 www.an-anek.com/contact.php
รีวิวธุรกิจ เกาะติดบ้านเมือง ร้อยเรื่องท้องถิ่น TLP 0897384215

ICZ

อ้างจาก: สายข่าวบ้านเรา เมื่อ 11:33 น.  19 พ.ย 54
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    18 พฤศจิกายน 2554 02:25 น

[attach=1]

รู้จัก "ดีเจจั๊ดจ์" ผู้กล้าวิจารณ์ "ศปภ.โง่เง่า" ,สับ "ประชา พรหมนอก" แก่ , จวกรัฐบาลเลือกคนผิดฝาผิดตัวแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ,สมน้ำหน้าที่โดนประชาชนด่า , เปิดใจไม่หวั่นวิจารณ์ศปภ.จนโดนไล่ออกจากงาน บอกเป็นความในใจที่เต็มไปด้วยอารมณ์เพราะทำงานไม่ได้ดั่งใจ สุดสงสาร "ปู" ที่เคยช็อบปิ้งกินข้าวกับลูกและสามีใช้เงินไม่มีหมดในชาตินี้ กลับต้องมาทุกข์ใจนอนไม่หลับเพราะเป็นนายกฯ แต่เป็นสิ่งที่ต้องแลกเพราะอยากถูกจารึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นนายกหญิงคน แรก
       
       โซเชี่ยลเน็ตเวิร์คกลายเป็นเวทีระบายความในใจของใครต่อใครหลายคนถึง การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมรัฐบาล ไล่มาตั้งแต่ตั้งตอนที่ตั้งศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย หรือ ศปภ.ใหม่ๆ ที่สื่อสารไม่ตรงไปตรงมาและไม่ชัดเจนจนโดนวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว มีดาราหลายคนใช้โซเชี่ยลเน็ตเวิร์คพูดคุยถึงปัญหาดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น "หนิง ปณิตา พัฒนาหิรัญ" ที่ ทวิตเตอร์ว่า "สส.ที่เลือกมาหายไปไหนหมดอ๊ะ ไม่เห็นทำไรได้ซักคน เห็นแต่เอาหน้าโดยการเอาของที่ ปปช.บริจาคไปเป็นของตัวเองว่ามาจากตน กินกันยังไม่พออีกเหรอ" และอีกหลายต่อหลายคนแต่ที่เด็ดสุดเห็นจะเป็น "หนูดี วนิษา เรซ" ผู้อำนวยการโรงเรียนวนิษา ซึ่งเป็นที่รู้จักในนามผู้แต่งหนังสือ "อัจฉริยะสร้างได้" ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตว่า "ขอพูดอะไรแรงๆ สักก็ ที่วนิษา ครั้งในชีวิตค่ะ พูดแล้วจะร้องไห้...น้ำท่วมไม่กลัว กลัวอย่างเดียว...ผู้นำโง่ เพราะพวกเราจะตายกันหมด"
       
       "บิลลี่ โอแกน" เองก็มีข่าวว่า ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กดุเดือดว่ารัฐบาลไร้ปัญญาแก้ไขน้ำท่วม ไล่ไปร้องไห้ให้ควายดู จนกลายเป็นเรื่องทอล์กออฟเดอะทาวน์ แม้ว่าเจ้าตัวจะยังไม่ออกมายอมรับว่าเป็นเฟซบุ๊กของตนเองจริงหรือไม่
       
       ล่าสุด "ดีเจจั๊ดจ์ ธีมะ กาญจนะไพริน" แห่งคลื่น สบาย 90 เอฟเอ็ม ของบริษัทพีดี ครีเอชั่น จำกัด ก็ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ศปภ.ผ่านสถานี และจัดรายการ "จั๊ดจ์จัด" ลงยูทูปด้วยถ้อยคำที่ตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่รัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" แต่งตั้งให้ "พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก" อดีตอธิบดีกรมตำรวจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมมาเป็นผู้อำนวยการศูนย์ทั้งที่ไม่มีความรู้ เรื่องน้ำ เพราะเติบโตมาจากการเป็นตำรวจมาทั้งชีวิต พอออกมาแถลงข่าวทีก็อ่านสคริปท์ และสื่อสารไม่รู้เรื่อง แผนที่ที่เอามาประกอบการแถลงข่าวก็ห่วย ไม่มีเงินจ้างทำกราฟฟิกให้ประชาชนเข้าใจหรือไง งานนี้ดีเจจั๊ดเลยจัดหนักว่า "ทั้งแก่ทั้งโง่" น่าจะไปดูการแถลงข่าวและการทำงานของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ.ซะบ้าง สรุปสั้นๆ ว่า "โง่เง่า"
       
       ซึ่งภายหลังที่คลิปวิพากษ์วิจารณ์ศปภ.ดังกล่าวถูกเผยแพร่ลงในยูทูปดี เจจั๊ดก็โดนบริษัทพีดีพักงานและถูกไล่ออกในที่สุด เป็นดีเจทำงานบริษัทใหญ่ๆ อยู่ดีๆ ทำไมถึงไปวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการเมือง อะไรที่ทำให้ดีเจจั๊ดทะลักจุดแตก วันนี้เราจะไปทำความรู้จักกับดีเจจั๊ดให้มากขึ้น ไหนๆ ก็ออกจากงานแล้ววันนี้ขอบอกว่าดีเจจั๊ดจ์จัดหนักแน่...
       
       "เรื่องราวมันเกิดขึ้นเมื่อวันที่11 ตุลาคม วันนั้นผมจัดรายการคนเดียวพี่ธงธง มกจ๊ก(คัชฑาเทพ เอี่ยมศิริ)ดีเจที่จัดคู่กันไม่อยู่ แล้วศปภ.ก็ขอความร่วมมือมายังคลื่นคือต้องตัดรายการเข้าศปภ.วันละ 3 รอบ 10.00 น., 16.00 น. และ 22.00 น. ซึ่งช่วงที่ผมจัดอยู่เป็นช่วง 15.00 -18.00 น. ก็อยู่ในช่วงแถลงข่าวพอดี แต่วันนั้นศปภ.ไม่แถลงข่าวแต่ก็ไม่แจ้งมาว่าจะไม่แถลงข่าว พอผมเปิดไมค์มาก็เลยพูดเหน็บแนมไปนิดๆ หน่อยๆ ประมาณว่าจะแถลงแล้วทำไมไม่แถลง รายละเอียดจำไม่ได้แล้วแต่โดยเนื้อหาก็ประมาณนี้"
       
       "จากนั้นก็มีการพักงานผม โดยที่ไม่มีการเรียกไปเตือนแต่เป็นการโทรศัพท์มาหาผม โดยให้เหตุผลว่าศปภ.กับกองทัพก็ดำเนินนโยบายเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย อยู่แล้ว ดังนั้นการที่เราไปว่าเขามันก็ไม่ถูกต้อง ผมก็ช็อกพอสมควรแต่ก็ยอมรับในการตัดสินใจของเขา ผมเองก็เคยจัดรายการวิทยุมาก่อนและก็เคยถูกพักงานเพราะไปพูดถึงเรื่องการ เมือง ตอนนั้นจัดอยู่คลื่นแม็ก 103.0 ของอาร์เอส ผมจัดรายการชื่อจั๊ดจัดซึ่งเป็นชื่อเดียวกับที่ลงในยูทูป ตอนนั้นคุณสมัคร สุนทรเวช เสียชีวิตผมก็เปิดเพลงซึ่งมันในยูทูปที่คุณสมัครเคยร้องไว้ เนื้อหาเพลงประมาณว่าคนเราตายไปเอาอะไรไปไม่ได้ชื่อเสียงเงินทองเกียรติยศทำ ความดีกันไว้เถอะ ก็มีผู้ใหญ่เรียกไปเตือนและก็โดนพักงานไปหนึ่งสัปดาห์และกลับมาจัดรายการ ต่อ"
       
       "ส่วนครั้งนี้ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่ไม่ได้มากเท่าครั้งนั้นด้วยซ้ำ แต่ผมก็โดนพักงาน 3 สัปดาห์กว่า พอสัปดาห์ที่ 4 ก็โทรมาบอกผมว่าจะมีการปรับผังและจะไม่ให้ผมจัดแล้ว ผมก็เสียใจครับแต่ว่าก็คาดเดาเอาไว้แล้วว่าอาจจะเป็นแบบนี้(จริงๆ แล้วบริษัทเขามีกฎห้ามพูดเรื่องการเมืองในขณะจัดรายการหรือเปล่า) เขาห้ามพูดครับแต่ผมเองเคยโทรศัพท์ไปคุยกับเอ็มดีของคลื่นนี้ว่า ถ้าเป็นช่วงของผมขอพูดเรื่องการเมืองบ้างได้ไหม ก็ได้รับคำตอบว่าพูดได้เพราะเขาเชื่อมั่นฝีมือของผมกับพี่ธงธงว่าจะสามารถ พูดให้ไม่แรงเกินไปได้ แต่ตรงนี้ผมไม่มีหลักฐานเพราะเป็นการพูดคุยกันส่วนตัว"
       
       "โปรดิวเซอร์เขาก็บอกว่า จั๊ดจ์ต้องเข้าใจนะว่าบริษัทจะต้องดีลงานทั้งภาครัฐและเอกชน บริษัทพีดีนอกจากจะทำรายการวิทยุและโทรทัศน์แล้วก็ยังมีธุรกิจอีเว้นท์ที่จะ ต้องดิวกับราชการ ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าใครเป็นอะไรยังไงก็ควรจะวางตัวเป็นกลางก่อน และเราเป็นสื่อด้านบันเทิงก็ควรจะยืนอยู่ตรงกลางและไม่ควรมีภาพลักษณ์ที่ รุนแรงเอียงไปเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง"
       
       "สำหรับการทำหน้าที่สื่อผมคิดว่าคิดแบบนั้นมันไม่ถูกต้อง แต่ผมก็เข้าใจในมุมมองของบริษัทนะครับที่จะต้องมองในเรื่องของเม็ดเงินการ ติดต่องาน แต่สำหรับผมเองผมคิดว่าสื่อสารมวลชนจะต้องนำเสนอข้อมูล ให้รอบด้าน และข้อมูลรอบด้านมันก็ไม่จำเป็นที่เราจะต้องยืนอยู่ตรงกลางเสมอไป ถ้ามันได้ผ่านการศึกษาข้อมูลมาอย่างละเอียดแล้วว่ามันเป็นแบบนั้น เราก็ควรจะถ่ายทอดข้อมูลออกไป แต่ในการถ่ายทอดมันมีวิธีจบของข้อความที่เราอยากจะสื่อสารออกไปให้ผู้ฟังเอาข้อมูลของเราไปตัดสินโดยใช้วิจารณญาณของเขาเอง"
       
       "ผมว่าการเป็นสื่อมันไม่ควรจะกลัวในเรื่องของการเมืองและผลักเรื่อง การเมืองไปอยู่ไกลตัว ผมว่าการเมืองเป็นธรรมดาของชีวิตคนครับ แต่การเมืองเป็นสิ่งต้องห้ามไม่กล้าที่จะแสดงความคิดเห็นโดยเฉพาะคนบันเทิง ส่วนใหญ่ไม่กล้าที่จะออกมาแสดงความคิดเห็นว่าตนเองสนับสนุนฝ่ายไหนหรืออะไร ยังไง ผมว่าการที่เราสนับสนุนฝ่ายไหนไม่ได้หมายความว่าเราไม่สามัคคี เพราะเลือกตั้งเราก็ต้องเลือกข้างอยู่แล้ว เราก็ต้องมีข้างที่เราปลื้ม มันเป็นการแสดงความคิดเห็นมากกว่าทำไมเราถึงชอบนโยบายของฝั่งนี้"
       
       แล้ว "จั๊ดจ์" เลือกข้างไหน ?
       "ผมขอยืนอยู่ข้างสถาบันพระมหากษัตริย์ครับ อันนี้คือจุดยืนของผม ผมเป็นคนที่รักและเทิดทูนในหลวง ท่านมีคุณูปการต่อประเทศชาติมากมายก่ายกอง ฉะนั้นการเมืองอยากจะเล่นอะไรก็เล่นไปแต่อย่าเล่นถึงพระองค์ท่าน ผมเข้าใจว่ามีคนสนับสนุนเสื้อแดงเสื้อเหลือง ชอบประชาธิปัตย์หรือว่าอยู่พรรคเพื่อไทย หรือว่าจะอะไรก็ตามที แต่ไม่ควรจะล้มล้างระบอบการปกครองที่มีอยู่ในปัจจุบัน คือผมไม่สนับสนุนพวกที่ล้มเจ้าครับ"
       
       "ในยูทูปผมก็มีการพูดถึงมาตรา 112 ที่อยากจะแก้ไขกันเหลือเกิน ผมคิดว่าระบอบการเมืองในปัจจุบันมันดีพอแล้วถ้านักการเมืองมีคุณภาพเล่นการ เมืองกันอย่างสะอาดไม่โกง ถ้ามองไปรอบตัวทุกสิ่งทุกอย่างที่รวมกันเป็นประเทศไทยมันถูกแฝงไปด้วย สัญลักษณ์ ถูกแฝงไปด้วยพระเดชพระคุณ ถูกปลูกฝังไปด้วยอะไรหลายๆ อย่างที่มันเป็นสิ่งดีงามที่ถ่ายทอดมาโดยสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมคิดว่ามันไม่จำเป็นที่จะไปล้มล้างไปทำให้พระราชอำนาจของท่านหายไป ถ้าคุณบอกว่าประชาธิปไตยมันจะไม่เต็มใบ แต่ผมว่ามันเต็มใบครับถ้าคุณทำอะไรตามลู่ตามทางที่มันดี ขอแค่คุณอย่าโกงมันเพียงพอแล้ว"
       
       เมื่อปี 2538 ที่เกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่ไม่ต่างจากปัจจุบัน ครั้งนั้นในหลวงทรงมีพระราชวินิจฉัยและพระราชทานแนวพระราชดำริการแก้ปัญหา น้ำท่วมจนประเทศชาติรอดพ้นจากวิกฤติด้วยพระปรีชาสามารถ แต่ในขณะที่รัฐบาลของยิ่งลักษณ์ กลับไปดึงเอานักวิชาการต่างประเทศเข้ามาวุ่นวายในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมไปหมด ทั้งที่เรามีกษัตริย์ที่มีพระปรีชาสามารถเก่งในเรื่องน้ำอยู่แล้ว ที่เรามีเขื่อนไว้กักเก็บน้ำ มีโน่นนี่ระบบที่เกี่ยวกับน้ำ ก็เกิดจากโครงการพระราชดำริและพระปรีชาสามารถของในหลวงทั้งสิ้น แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์กลับให้ความสำคัญกับต่างประเทศ แม้แต่สื่อมวลชนเองก็ไม่นำเสนอข่าวเรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเมื่อปี 2538 ของพระองค์ให้แพร่หลาย มีแต่ไปตามติดก้นฝรั่งให้ฝรั่งมาวิพากษ์วิจารณ์การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของประเทศไทย เรื่องนี้ "ดีเจจั๊ดจ์" ให้ความเห็นว่า....
       "ผม รู้สึกว่าหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างที่ในหลวงทรงทำไว้ให้กับประเทศไทย โดยเฉพาะเรื่องน้ำมันชัดเจนอยู่แล้ว เราควรจะน้อมรับเอาพระราชดำริที่เกี่ยวกับเรื่องน้ำมาบริหารจัดการ พระองค์ท่านอยู่กับปัญหาน้ำมาเป็นระยะเวลาหลายสิบปีแต่นักการเมืองอยู่มา 2 ปีหรืออย่างมากก็ไม่เกิน 8 ปี แต่จริงๆ แล้วอยู่ไม่ถึงสมัยซะด้วยซ้ำ กลับมาลองผิดลองถูกกับประเทศ ทำไมไม่นำเอาแนวทางของในหลวงมาปฏิบัติ ส่วนเรื่องที่เอานักวิชาการต่างชาติมาประเทศไทยเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำโดยเฉพาะ นักวิชาการเนเธอร์แลนด์ที่เก่งเรื่องน้ำเอาแนวคิดเขามารวมกับเราได้ก็ดี"
       
       "แม้แต่ข้าราชการของไทยเองก็ดูแลด้านน้ำมานานเขาอยู่กับตรงนี้มานาน กว่าจะขึ้นมาเป็นระดับอธิบดีระดับปลัดกระทรวงเขาต้องทำงานด้านนี้มาแล้วกี่ สิบปี เขามีความรู้ความสามารถตรงนี้ดี แต่พอถึงเวลาจะต้องให้เขามาฟังอำนาจการสั่งการจากนักการเมืองที่พึ่งจะมาบริ หารประเทศ ผมอยากจะให้นักการเมืองฟังข้าราชการบ้าง และเอาอำนาจที่นักการเมืองมีไปสั่งการให้อำนวยความสะดวกในการทำงานของข้า ราชการ"
       
       "อย่างคุณประชาเป็นตำรวจมาตลอดชีวิตอยู่ดีๆ ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมก็พอเข้าใจได้ แต่อยู่ดีๆ เอามาเป็นผู้อำนวยการศปภ.ถามว่ากางแผนที่ออกมาท่านรู้หรือเปล่าอะไรตรงไหน เขื่อนไหนมีกำลังกักเก็บเท่าไหร่ควรจะบริหารเท่าไหร่ ท่านก็อาศัย การอ่านเพิ่มเติมเมื่อตอนที่เข้ามารับตำแหน่ง ท่านอยู่กับตำแหน่งกี่วันล่ะครับ เดือนหรือสองเดือน ? เทียบกับข้าราชการที่ทำงานด้านนี้มาตลอดชีวิตตั้งแต่เรียนจบมา ใครมันจะมีความรู้ความสามารถกว่ากันล่ะครับ
สื่อสารมวลชนจะต้องนำเสนอข้อมูล ให้รอบด้าน และข้อมูลรอบด้านมันก็ไม่จำเป็นที่เราจะต้องยืนอยู่ตรงกลางเสมอไป ถ้ามันได้ผ่านการศึกษาข้อมูลมาอย่างละเอียดแล้วว่ามันเป็นแบบนั้น เราก็ควรจะถ่ายทอดข้อมูลออกไป แต่ในการถ่ายทอดมันมีวิธีจบของข้อความที่เราอยากจะสื่อสารออกไปให้ผู้ฟังเอาข้อมูลของเราไปตัดสินโดยใช้วิจารณญาณของเขาเอง
ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้