ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

5 มหาวิทยาลัยในภาคใต้ เรียกร้องรัฐบาลกำหนดเกณฑ์สอบครูและครูผู้ช่วยให้ชัดเจน

เริ่มโดย ทีมงานประชาสัมพันธ์, 10:42 น. 17 เม.ย 60

ทีมงานประชาสัมพันธ์

5 มหาวิทยาลัยในภาคใต้ เรียกร้องรัฐบาลกำหนดเกณฑ์การสอบเป็นข้าราชการครูและครูผู้ช่วยให้ชัดเจน 

[attach=1]

คณบดีด้านการผลิตครูจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ มหาวิทยาลัยทักษิณ  มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลาและมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา ไม่เห็นด้วยกับวิธีการรับสมัครบุคคลเข้ามาเป็นข้าราชการครูและครูผู้ช่วย โดยไม่ต้องมีใบประกอบวิชาชีพ  ชี้นโยบายนี้ทำให้เกิดความไม่ยุติธรรมสำหรับบัณฑิตวิชาชีพครู  5 ปี  และเรียกร้องให้คุรุสภา ดูแลบุคลากรครูของประเทศอย่างจริงจัง

คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี  จัดเสวนา หัวข้อ "เส้นทางวิชาชีพครูจะไปทางไหน"เพื่อทบทวนมติการแก้ไขหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขันครูผู้ช่วยของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน  (สพฐ.) ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน  หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ครั้งที่ 3/2560 เมื่อวันจันทร์ที่ 20 มีนาคม 2560 ได้เปลี่ยนหลักเกณฑ์การบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย สำหรับผู้ที่ไม่มีใบอนุญาตปฏิบัติการสอนที่คุรุสภาออกให้ สามารถสมัครสอบแข่งขันได้ โดยมีคณบดีคณะศึกษาศาสตร์จาก 5 สถาบันการศึกษาในภาคใต้เข้าร่วมการเสวนาประกอบด้วย

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอกรินทร์  สังข์ทอง คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ประภาศ  ปานเจี้ยง คณบดีคณะศึกษาศาสตร์และศิลปะศาสตร์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เรวดี  กระโหมวงศ์ คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กฤษฎา กุณฑล คณบดีคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ และดร.ฆนัท ธาตุทอง อดีตคณบดีคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสงขลา โดยมีผู้เข้าร่วมรับฟังการเสวนากว่า 400 คน

[attach=2]

   การเสวนาได้กล่าวถึงกรณีการสอบครูผู้ช่วยซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) มีการปรับเปลี่ยนให้บุคคลที่จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี 4 ปีซึ่งไม่มีใบอนุญาตในการประกอบวิชาชีพครู สามารถสอบแข่งขันได้เนื่องจากต้องการลดปัญหาการขาดแคลนครูและต้องการคนเก่งในสาขาวิชาโดยตรงนั้น  ผศ.ดร.เอกรินทร์ สังข์ทอง คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า คณบดีคณะศึกษาศาสตร์และคณะครุศาสตร์ที่เข้าร่วมการเสวนาในครั้งนี้ต่างผิดหวังกับนโนบายดังกล่าว แม้คณบดีบางท่านจะเห็นด้วยในเชิงนโยบาย แต่ทุกท่านไม่เห็นด้วยในวิธีปฏิบัติในการรับสมัครบุคคลเข้ามาเป็นข้าราชการครูและครูผู้ช่วย โดยไม่ต้องมีใบอนุญาตปฏิบัติการสอนรับรองจากครุสภาก็สามารถสอบแข่งขันได้   เพราะนโยบายนี้ทำให้เกิดความไม่ยุติธรรมกับบัณฑิตวิชาชีพครู  5 ปี    ที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินนโยบายถูกทางแต่ไม่รอดูผลในระยะยาว  ทุกท่านต่างยืนยันว่า  คนที่จะเป็นครูต้องผ่านกระบวนการมาตรฐานวิชาชีพครู  เพราะคนที่มาประกอบวิชาชีพครู แต่ไมได้จบการศึกษาด้านวิชาชีพครูแม้จะเป็นคนเก่งแต่ไม่มีจิตวิทยาในการสอนลูกศิษย์  และหลายสถาบันได้ใช้หลักสูตรการเรียนการสอนมาตรฐานเดียวกับต่างประเทศ  สำหรับคณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีโมเดลการผลิตครูแบบเดียวกับประเทศฟินแลนด์ บัณฑิตที่จบวิชาชีพครูต่างเรียนเนื้อหาเฉพาะทางกับอาจารย์สาขาวิชานั้นๆ โดยตรง เช่น ครูที่จบวิชาเอกภาษาต้องเรียนเนื้อหาภาษากับอาจารย์สอนภาษาคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ครูที่จบด้านวิทยาศาสตร์ เรียนเนื้อหาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์กับอาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ ส่วนวิชาหลักสูตรการสอน จิตวิทยาความเป็นครู เรียนกับอาจารย์คณะศึกษาศาสตร์ซึ่งดำเนินการสอนมากว่า 50 ปี บัณฑิตคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จึงมีความรู้ในสาขาวิชาเฉพาะทางพร้อมกับมีความพร้อมในวิชาชีพครู   

ทางด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ฆนัท ธาตุทอง อดีตคณบดีคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา กล่าวว่า สถาบันที่ผลิตครูต้องบูรการการศักยภาพในการผลิตครู  และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ควรพัฒนาศักยภาพครูในมหาวิทยาลัยโดยไม่ยึดติดกับใบปริญญาบัตร  งานวิจัยและผลงาน  และไม่เห็นด้วยกับการอบรมผู้ที่ไม่ได้เรียนวิชาชีพครูมาอบรมเพียงระยะเวลา 1 ปี เพราะผู้ที่เรียนครู 5 ปีถูกปลูกฝังการมีความรู้ 11 มาตรฐานและต้องปฏิบัติการสอนเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งใช้เวลา 5 ปีในการปลูกฝังความเป็นครู นี่คือข้อแตกต่าง   แต่นโยบายนี้ผู้ที่เรียนจบวิชาเอก 4 ปี สามารถสอนได้ทันที  จึงไม่เชื่อว่า ผู้ที่เรียน 4 ปี จะเป็นครูที่ดี เมื่อเทียบกับผู้ที่จบครู 5 ปี  วิธีการเหล่านี้รัฐบาลทำผิดพลาด  คนเหล่านั้นควรเป็นติวเตอร์มากกว่าเป็นครู

ในขณะที่ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เรวดี  กระโหมวงศ์ คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณกล่าวว่า  ผิดหวังกับนโยบายของรัฐบาล ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาสะสมมานาน ครูไม่ตรงวุฒิบ้าง ครูไม่ตรงวิชาเอกบ้าง เรามีหน้าที่ผลิต ครูดี ครูเก่ง สอนดี สอนเก่ง เราสร้างได้  สิ่งที่เกิดขึ้นผู้บริหารไม่มีมุมมองและกระทรวงศึกษาธิการไม่มองให้รอบทั้งที่ทุกหย่อมหญ้ามีข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการอยู่  รู้สึกสงสารลูกศิษย์  แต่เป็นโอกาสที่จะแสดงให้สาธารณะเห็นว่าผู้ที่เรียนครู 5 ปีมีความพร้อมของวิญญาณความเป็นครูที่ดีกว่าผู้ที่เรียน 4 ปีแน่นอน

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กฤษฎา กุณฑล คณบดีคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา กล่าวว่า ผมผิดหวังกับมติรัฐบาล  แต่ขอให้เป็นมติที่ชัดเจน สงสารลูกศิษย์ จะเป็นครู 5 ปี หรือ 4 ปี ขอมติ ครม.ที่ชัดเจน และไม่ว่าใครจะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี หรือผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ควรเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์โดยขาดการวิเคราะห์ที่ชัดเจน

   ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ประภาศ  ปานเจี้ยง คณบดีคณะศึกษาศาสตร์และศิลปะศาสตร์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่กล่าวในฐานะผู้บริหารมหาวิทยาลัยเอกชน ว่าหลักสูตรกว่าจะผ่านต้องใช้เวลาในการดำเนินการ แต่เมื่อมีปัญหาคุรุสภาไม่ได้เป็นปากเสียงแทนสถาบันการศึกษา และสงสารลูกศิษย์  รัฐควรมีนโยบายที่ชัดเจนแน่นอน เป็นมาตรฐาน พร้อมทั้งกล่าวว่า  ต้นแบบที่ดีในการผลิตครู คือ ครูเรียนวิชาเนื้อหาจากครูที่เชี่ยวชาญจากคณะสาขาวิชาเฉพาะทาง พร้อมทั้งเรียกร้องให้ยกฐานะวิชาชีพครูให้เป็นวิชาชีพชั้นสูง เพราะครูเป็นผู้ผลิตคนทุกสาขาอาชีพ 

นอกจากนี้คณบดีทั้ง 5 สถาบันต่างทั้งเรียกร้องให้คุรุสภา ดูแลบุคลากรครูของประเทศอย่างจริงจัง ต้องยกฐานะวิชาชีพครูให้เทียบเท่าวิชาชีพทางการแพทย์  ครุสภาต้องคงศักดิ์และสิทธิ์ของวิชาชีพครูให้เป็นวิชาชีพชั้นสูงตลอดไป เพราะจิตวิญญาณของความเป็นครูต้องใช้เวลาบ่มเพาะเพื่อสร้างความภาคภูมิใจและเป็นครูที่สมบูรณ์แบบ ในขณะที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)ต้องวิเคราะห์ข้อมูลอัตรากำลังข้าราชครูและครูผู้ช่วยให้ชัดเจน เพราะข้อมูลที่ไม่อยู่ไม่ตรงกับสภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย