ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ปัญหาอบายมุขเกลื่อนเมืองหาดใหญ่-สะเดา จ.สงขลา

เริ่มโดย นกเขาคู่รัก, 16:20 น. 21 มิ.ย 60

พี่ขวด ส้นตีนบิน

 นายกบเก็บขยะขายตั้งแต่หนุ่มจนแก่ ก่อนตายยกเงินเก็บสองแสนบาทให้ลูก นายก นกทำงานบริษัทมาตั้งแต่หนุ่ม เมื่อเกษียณมีเงินเก็บหนึ่งล้านกว่าบาท เขาส่งทรัพย์สินต่อให้ลูกสองคน นางนงเยาว์เปิดโรงงานผลิตปลาหมึกกระป๋อง กิจการใหญ่ขึ้น มีบ้านห้าหลัง รถยนต์สิบคัน ก่อนตายก็ส่งต่อสิ่งทั้งหมดที่มีให้ลูกหลาน

การส่งทรัพย์สินต่อให้ลูกหลานเป็นระบบที่มนุษย์สร้างไว้มานานแสนนาน กติกาของเราคือทำงานสะสมทรัพย์สินให้เต็มที่ เมื่อตายก็ส่งต่อทรัพย์สินที่ดินให้ลูกหลานได้ ทำให้รู้สึกว่าคุ้มแก่การลงแรงทำงาน ดังนี้จึงเป็นภาพปกติที่เห็นพ่อแม่จำนวนมากก้มหน้าก้มตาหาเงิน เก็บเงินให้ลูก

จะว่าไปแล้ว ระบบนี้ใช้ตัณหาเป็นแรงขับเคลื่อน ตัณหาในที่นี้มิได้หมายความในเชิงร้าย แค่หมายถึงว่าใครทำงานมากกว่าก็ได้มากกว่า

มีผู้วิเคราะห์ว่าเหตุผลหนึ่งที่ระบอบคอมมิวนิสต์ล่มสลายก็เพราะมันสวนทางกับตัณหาของมนุษย์ ทำงานหนักแทบตายได้ค่าตอบแทนเท่าคนเกียจคร้าน ย่อมทำให้ทุกคนขี้เกียจเท่ากัน ระบอบคอมมิวนิสต์ในบางประเทศปัจจุบันจึงเป็นแค่เปลือก แก่นเปลี่ยนเป็นทุนนิยมไปแล้ว มหาเศรษฐีระดับโลกจำนวนมากเป็นคอมมิวนิสต์ ทั้งนี้เพราะระบอบการเมืองเปลี่ยนได้เสมอ แต่ธรรมชาติคนไม่เปลี่ยน ใครๆ ก็อยากได้ทรัพย์สมบัติมากๆ

............

เคยสังเกตไหมว่า เมื่อเราย้ายเข้าบ้านใหม่หรือห้องเช่าใหม่ กินเวลานานเท่าไรที่เปลี่ยนจากห้องว่างเป็นห้องที่มีข้าวของเต็มแน่น ส่วนใหญ่ไม่นาน เพราะเป็นสัญชาตญาณของเรา

คนเราเกิดมาก็เริ่มสะสม จนกลายเป็นนิสัย

สัตว์จำศีลเก็บอาหารเท่าที่ต้องกินตลอดฤดูหนาว แต่มนุษย์สะสมสิ่งของมากๆ ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ทรัพย์มากขนาดนั้น มันอาจเป็นความรู้สึกปลอดภัยเมื่อมีทรัพย์มากๆ ยิ่งมีมากยิ่งอบอุ่นใจ จนมันกลายเป็นความรู้สึกทางจิตวิทยามากกว่าความจำเป็น

การเก็บเงินทองมากจนใช้ทั้งชีวิตไม่หมด และไม่สามารถเอาไปไหนได้หลังตาย จึงเป็นการใช้เวลาที่สิ้นเปลืองเปล่าๆ

เคยถามตัวเองไหมว่าเราต้องการทรัพย์สินเงินทองมากเท่าไรจึงจะรู้สึกปลอดภัย? เราต้องการความปลอดภัยมากจนมันกลายเป็นนิสัยงกหรือไม่?

เราได้ยินข่าวมหาเศรษฐีซื้อกิจการนั้นกิจการนี้ ซื้อสโมสรกีฬาในต่างประเทศ ฯลฯ ซื้อๆๆๆ เพราะไม่รู้จะทำอะไรกับเงินที่มี บางคนซื้อๆๆๆ เพียงเพราะตนเองสามารถซื้อได้ ไม่ต่างจากคนที่พูดๆๆๆ เพียงเพราะมีสมาร์ทโฟน กลายเป็นทาสเงินตราไปโดยไม่รู้ตัว

มองดูดีๆ จะเห็นว่า มีเงินแล้วเหนื่อยกว่าเดิม! ยิ่งมีสมบัติมากก็ยิ่งมีห่วงผูกคอมากเท่านั้น เพราะเท่าไรก็ไม่เคยพอ

กลายเป็นชีวิตที่รุงรัง

สมมุติว่านายสำราญ นายกนก นางนงเยาว์อยู่คนเดียวไม่มีญาติมิตร ไม่มีผู้รับมรดก บางทีพวกเขาอาจเดินชีวิตช้าลง เพราะไม่รู้จะสะสมทรัพย์สินมากมายให้คนอื่นใช้ไปทำไม

ถ้าหากการไม่มีห่วงทำให้เรารู้สึกพอเพียงง่ายกว่า เราอาจลองลดห่วงโดยมองว่า การมอบสมบัติให้ลูกหลานมากเกินความจำเป็นอาจทำร้ายพวกเขามากกว่า

..............

ในช่วงสงครามใหญ่ เมื่อทั้งเมืองถูกทำลายราบเป็นหน้ากลอง จนมองไม่เห็นเส้นแบ่งที่ดิน แต่ละคนต้องเริ่มต้นใหม่ สร้างตัวใหม่จากศูนย์ เมื่อนั้นจึงพบสัจธรรมว่าความมั่นคงที่เกิดจากทรัพย์สินเป็นภาพลวงตา มนุษย์ไม่เคยเป็นเจ้าของอะไรทั้งสิ้น โฉนดที่ดินหรือใบกรรมสิทธิ์ เป็นเพียงสิ่งสมมุติในโลกมนุษย์ ออกแบบมาให้เราอยู่ร่วมกันได้

ทรัพย์สินพันล้านหมื่นล้านก็ไม่ได้ทำให้คนคนหนึ่งเป็นคนพิเศษขึ้นมา หากกอดสมบัตินั้นแน่น เพราะมันไม่ใช่ของเรา มันไม่เคยเป็นของเรา เราแค่ยืมธรรมชาติมาเท่านั้น

ดังนั้นทัศนคติว่าต้องมีมากกว่าคนอื่นอาจเป็นการสร้างโซ่ตรวนมาพันธนาการวิญญาณตัวเอง

แน่นอน มันย่อมมิใช่เรื่องเลวร้ายที่จะมีสมบัติพัสถานมาก หรือร่ำรวยล้นฟ้า แต่หากไม่สามารถอยู่เหนือความรวย ชีวิตก็ต้องเหนื่อยกับการแบกของหนักตลอดเวลา

ลองนึกภาพตัวเองเดินป่า ก่อนเข้าป่า ต้องการขนของชิ้นนั้นชิ้นนี้ ทุกชิ้นสำคัญ เข้าไปได้พักหนึ่ง ก็ลดความจำเป็นลงไปเรื่อยๆ เพราะพอเหนื่อยมากๆ สิ่งที่เคยจำเป็นเหลือเกินก็กลายเป็นความไม่จำเป็นแล้ว

เครื่องบินที่ประสบปัญหาขัดข้อง น้ำหนักมากไป ต้องทิ้งสัมภาระลงไป จึงตัวเบาขึ้น และบินต่อไปได้

เราไม่จำเป็นต้องทิ้งทุกอย่าง เพียงแต่อยู่เหนือทรัพย์สินเงินทอง เป็นเจ้านายมัน ไม่ใช่เป็นทาสมัน

ทานจึงเป็นเรื่องสำคัญทางพุทธ มันทำให้ตัวเราเบาสบาย คล่องตัว สมบัติยิ่งน้อยยิ่งเป็นอิสระ

ท่านพุทธทาสภิกขุกล่าวว่า "เวลาที่เราไม่มีอะไรเป็นของเราเลย นั่นแหละเป็นเวลาที่เรามีความสุขที่สุด"

ความหมายคือ เมื่อไม่มีอะไรเป็นตัวเราหรือเป็นของเรา ก็จะว่างจากความทุกข์

วลี 'ไม่มีอะไร' น่าจะกว้างกว่าแค่ทรัพย์สิน ข้าวของ คน ชื่อเสียง แต่รวมเรื่องการปรุงแต่งของใจด้วย

เมื่อห้องของหัวใจว่างจากตัณหา ก็ไม่เป็นทุกข์

การปล่อยวางทางวัตถุต้องเริ่มที่ปล่อยวางทางจิต แต่ไม่ง่าย

หัวใจของการออกแบบศิลปะทุกชนิดคือความเรียบง่าย องค์ประกอบไม่มากจนรุงรัง ชีวิตก็เหมือนกัน

เราเลือกที่เกิดไม่ได้ เราเลือกพ่อแม่ไม่ได้ เลือกสีผิว ประเทศ ไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะเดินแบกของหนักหรือเดินแบบตัวเบาสบายไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ได้... ส.ยกน้ิวให้

นกสองหัว


นกเอี้ยงเลี้ยงควายเฒ่า

"เหตุที่พุทธสูญสิ้น ที่อินเดีย"
โดย...(ป. อ. ปยุตฺโต)

๑.ใจกว้างจนลืมหลัก เสียหลักจนถูกกลืน
ชาวพุทธใจกว้าง แต่ศาสนาอื่นเขาไม่ใจกว้างด้วย บางทีก็กว้างเลยเถิดไป จนลืมหลัก ไม่มีหลัก ไม่ยืนหลักของตัวไว้ เลยกลายเป็นกลมกลืนกับเขา จนศาสนาของตัวเองหายไปเลย เป็นเหตุสำคัญให้พระพุทธศาสนาสูญสิ้นไป (คำสอนฮินดูปลอมปน+มุสลิมปราบฆ่าเผาวัดตำรา-บังคับเปลี่ยนศาสนา)

๒.จุดที่เสื่อม คือ ชาวพุทธลืมหลักกรรม
ไม่เอาการกระทำของตัวเองเป็นหลัก ไปหวังพึ่งเทพเจ้า-ฤทธิ์-ปาฏิหาริย์ ไม่กระทำด้วยตนเอง ก็งอมืองอเท้า มันก็มีแต่ความเสื่อมไป

๓.เฉยมิใช่ไร้กิเลส แต่เป็นเหตุให้พระศาสนาสิ้น
ภัยกระทบกระเทือนส่วนรวม ชาวพุทธไม่น้อยที่วางเฉย ไม่เอาเรื่อง แล้วเห็นลักษณะนี้เป็นดีไปว่าไม่มีกิเลส ในทางตรงข้าม ถ้าไปยุ่งก็ว่ามีกิเลส อันนี้ อาจจะพลาดจากคติพุทธศาสนาไปเสียแล้ว และจะกลายเป็นเหยื่อเขา คติที่ถูกต้องนั้น สอดคล้องกับหลักความจริงที่ว่า "พระอรหันต์ หรือ ท่านผู้หมดกิเลสนั้น เป็นผู้บรรลุประโยชน์ตนสมบูรณ์แล้ว หมดกิจที่จะต้องทำเพื่อตนเองแล้ว จึงมุ่งแต่จะบำเพ็ญประโยชน์เพื่อผู้อื่น ขวนขวายในกิจของส่วนรวมอย่างเต็มที่"

๔. การฝากศาสนาไว้กับพระอย่างเดียว (ฆราวาสทอดธุระ)
พระพุทธเจ้าตรัสว่า "พระศาสนานั้นอยู่ด้วยบริษัททั้ง ๔ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ไม่ใช่บริษัทใดบริษัทหนึ่ง แต่จะต้องช่วยกัน" เหมือนโจรผู้ร้ายเข้ามาปล้นบ้านของเรา แทนที่จะรักษาทรัพย์สมบัติของเรากลับยกสมบัตินั้นให้โจรไปเสีย... ส.สู้ๆ


นก มาลีฮวนน่า