เลือดหยดนี้เพื่อ ‘พ่อหลวง’ ปีติสุขจากลูกๆ มรภ.สงขลา

[ทีมงานประชาสัมพันธ์]

รายงานพิเศษ/
ประเด็น/                                                เลือดหยดนี้เพื่อ 'พ่อหลวง'
                                                         ปีติสุขจากลูกๆ มรภ.สงขลา
                                                                               
            การให้ มีความสุขยิ่งกว่าการรับ ยิ่งหากเป็นการให้ที่มอบให้กับบุคคลอันเป็นที่เคารพรักแล้ว ผู้ให้ย่อมเปี่ยมด้วยปีติสุขอย่างยิ่ง เช่นเดียวกับที่นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) ได้บริจาคโลหิตถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และช่วยต่อลมหายใจผู้ป่วยให้มีชีวิตอยู่ต่อไป โครงการบริจาคโลหิตถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จัดโดยกองพัฒนานักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา ร่วมกับเหล่ากาชาด จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมา ณ บริเวณด้านล่างอาคารกองพัฒนานักศึกษา มีนักศึกษาจำนวนมากร่วมบริจาคโลหิต      
     


                นางสาวเสมอใจ พัวพันธ์ และ นางสาวอรอุมา เรืองช่วย สองนักศึกษาโปรแกรมวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ คณะวิทยาการจัดการ กล่าวถึงความรู้สึกหลังบริจาคโลหิตว่า รู้สึกตื่นเต้นและปลื้มปีติไปพร้อมกันๆ ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้บริจาคโลหิต เนื่องจากปกติเป็นคนกลัวเลือด แต่ความรู้สึกที่อยากจะทำความดีถวายในหลวงมีมากกว่า จึงตัดสินใจมาบริจาคโลหิต เพราะเลือดของเราจะมีส่วนในการให้ชีวิตใหม่แก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน


นางสาวเสมอใจ พัวพันธ์

                ด้าน นางสาวแสงระวี สังข์รัตน์ นักศึกษาโปรแกรมวิชาการศึกษาพิเศษ คณะครุศาสตร์ กล่าวว่า ตนมีคติว่ามีบริจาคโลหิตที่ไหนมีตนที่นั่น ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ตนดีใจและเต็มใจมาร่วมบริจาค เพราะเลือดเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับชีวิตมนุษย์ และสามารถนำไปช่วยเหลือชีวิตผู้ป่วยได้ แต่ในการบริจาคแต่ละครั้งนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคนด้วย เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะบริจาคโลหิต ควรเตรียมตัวให้พร้อม พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อที่จะสามารถบริจาคโลหิตได้

                "ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่ได้บริจาคโลหิต สำหรับเพื่อนคนไหนที่ต้องการบริจาค ก็ขอให้ตัดสินใจมาเลย ซึ่งบางคนกลัว อยากบอกว่าไม่ต้องกลัว ขอให้กล้าที่จะทำบุญ สร้างกุศล ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ถึงแม้ว่าบางครั้งเราไม่สามารถบริจาคได้ เพราะร่างกายไม่เอื้ออำนวย แต่จิตใจเราพร้อม แค่นี้ก็ถือว่าเราได้บุญแล้ว" นางสาวแสงระวี กล่าวในขณะที่ นางสาวมารีญา เบญอะหลี นักศึกษาโปรแกรมวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้ความเห็นว่า มีความตั้งใจหลายต่อหลายครั้งที่จะบริจาคโลหิต แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยมีโอกาสได้บริจาค เนื่องจากติดเรียน แต่ในครั้งนี้รู้สึกดีใจมากที่ได้มาบริจาคสมความตั้งใจ เพราะคิดว่าถ้าเลือดของเราสามารถเป็นประโยชน์กับผู้อื่นได้ ก็อยากบริจาคให้คนที่ต้องการเลือด ส่วนเราก็ได้ทำความดีด้วยการช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ อีกทั้งเรายังได้บุญกุศลอันยิ่งใหญ่ เพราะการบริจาคโลหิตคือการสละโลหิตส่วนเกินที่ร่างกายไม่จำเป็นต้องใช้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายเลย อีกทั้งยังทำให้รู้สึกอิ่มเอิบใจ อยากฝากถึงคนอื่นๆ ให้มาร่วมกันบริจาคโลหิต ร่วมกันทำความดีถวายในหลวง พ่อของปวงชนชาวไทยทุกคน

                นางวาสนา เสถียร กรรมการเหล่ากาชาด จังหวัดสงขลา กล่าวว่า อยากขอเชิญชวนให้บริจาคโลหิต เพื่อร่วมกันสร้างกุศลอันยิ่งใหญ่ ถวายแด่พระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัว เพราะการบริจาคโลหิตเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่ เหมือนกับเราได้ถ่ายน้ำมันเครื่อง เพราะเลือดที่เราบริจาคเป็นเลือดที่ใช้แล้ว ถ้าเราไม่บริจาคเลือดเหล่านั้นก็จะขับออกไปทางเหงื่อและทางปัสสาวะ นอกจากเราจะได้บุญจากการบริจาคโลหิต ช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์แล้ว เรายังได้รับการตรวจสุขภาพในทางอ้อมด้วย เพราะทางโรงพยาบาลจะตรวจเลือดที่ได้รับบริจาคมาก่อนที่จะนำไปช่วยเหลือผู้ป่วย ซึ่งเลือดที่นำไปใช้ต้องเป็นเลือดที่ไม่มีโรคติดต่อ


นางวาสนา เสถียร กรรมการเหล่ากาชาด

                "ผู้บริจาคโลหิตทุกคนจะได้รับเข็มและเกียรติบัตร ซึ่งผู้ที่บริจาคครบ 100 ครั้ง จะได้รับเหรียญกาชาดสมนาคุณ ชั้นที่ 1 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทำด้วยทองคำ และสลักชื่อผู้บริจาคโลหิต แต่ที่ยิ่งใหญ่กว่าการได้รับเข็มหรือเกียรติบัตร นั่นก็คือ กุศลอันใหญ่หลวงที่ได้รับจากการได้เป็นผู้ให้"

                บริจาคโลหิต คือการให้อีกรูปแบบหนึ่งที่ทุกคนพึงทำได้ ทั้งยังมีคุณค่าอย่างยิ่งในการต่อลมหายใจผู้อื่น ขณะเดียวกันผู้ให้ก็บังเกิดความอิ่มเอมใจ จึงเป็นการให้ที่เปี่ยมสุขทั้งผู้ให้และผู้รับ

ภาพ/ข่าว โดย  น.ส. อิษบดี คชสาร ประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา