ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

สอบเข้าอนุบาลโรงเรียนธิดานุเคราะห์

เริ่มโดย khonthaijing, 13:25 น. 16 พ.ย 53

ดงยาง

อ้างจาก: ศิษย์เก่าที่ไม่ใช่ไฮโซ เมื่อ 15:52 น.  23 ธ.ค 53
          ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ดิฉัน ไม่ได้เป็นไฮโซ....สมัยที่สอบเข้าที่ธิดา ชั้นอนุบาล เมื่อประมาณปี 2531  พ่อของดิฉันมีอาชีพรับจ้างเงินเดือน 4,000 กว่าบาท แม่เป็นแม่ค้าขายเสื้อผ้าข้างถนน เดือนละประมาณ7,000 น่าจะได้  ดิฉันตัวเปียกทุกครั้งเมื่อต้องไปหรือกลับโรงเรียนขณะฝนตก ไม่มีเสื้อกันฝนพ่อจะเอาถุงใบใหญ่เจาะรูเพื่อให้หัวและแขนทั้งสองออกมาได้เพื่อเป็นเสื้อกันฝน...    ซึ่งตอนไปสอบ ..โรงเรียนไม่ได้ดูตรงที่ความเป็นไฮโซเลย  บ้านเราพอมีและพอกิน  พ่อ-แม่ก็ยังส่งเสียมาได้จนจบ และสอบเข้า มอ.ได้สำเร็จ  ปัจจุบันดิฉันก็ทำงานเป็นพนักงานของมอ.ค่ะ
 
             ถึงตอนนี้มีลูกสาว  ก็เลือกที่จะให้สอบที่ธิดาเพราะคุณภาพและความไว้วางใจของดิฉัน   ด้วยความโรงเรียนที่เป็นต้องการของผู้ปกครองหลายคน ดิฉันต้องไปเข้าแถวแต่เช้าเช่นกัน  ลูกดิฉันสอบได้ ด้วยความสามารถของเขาเอง  แม้ฐานนะของดิฉันยังไม่ดีในขณะนี้ เพราะเราเพิ่งสร้างครอบครัว แฟนดิฉันปัจจุบัน อายุ 27 และดิฉันอายุ 26 ก็จะทำให้ดีที่สุดเพื่อลูก  เหมือนที่พ่อกับแม่ของดิฉันทำเพื่อดิฉัน เลือกโรงเรียนที่ดีที่สุดให้ดิฉัน

             ที่เล่ามาทั้งหมดเพื่อให้ทุกท่านทราบว่า โรงเรียนธิดานุเคราะห์ เป็นโรงเรียนที่ดี มีคุณภาพ และเป็นที่ยอมรับของสังคมวงกว้าง  ไม่เคยจะเอาแต่ผลประโยชน์แต่อย่างใด  นอกเสียจากว่าความเกรงใจที่มีต่อผู้ปกครองที่เอื้อเฟื้อให้และไม่สามารถปฏิเสธน้ำใจนั้นได้เท่านั้นเอง   รักโรงเรียนค่ะ

เห็นด้วยครับ   เสริมนิด เด็กจะดีมาจากสังคมที่บ้านการดูแลของผู้ปกครองไม่ใช่ที่โรงเรียน  สอนให้ฉลาดสอนได้      สอนให้เป็นคนดีผู้ปกครองครับ 

2Lt. Yurijung

แสดงความเห็นนิดนึงนะคะ  ส่วนตัวที่บ้านก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรเช่นกัน และไม่ใช่ศิษย์เก่าของธิดา หรือแสงทอง ลำพังตัวเองตอนประถมก็จบจาก ท.๒ (บ้านหาดใหญ่) โรงเรียนเทศบาลแต่เปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงความสามารถ และปลดปล่อยศักยภาพมากมาย ดิฉันได้รู้จักการทำงานในตำแหน่งประธานนักเรียน มีโอกาสได้แสดงความสามารถ ทั้งนาฏศิลป์ เชียร์หลีดเดอร์ หรือแม้กระทั่งด้านวิชาการ ก็เคยไปสอบแข่งขันพูดเชิงวิทยาศาสตร์ที่ ร.ร. ญว. ชนะเลิศได้ที่ 1 ในปี 30 ที่เล่ามาไม่ได้ตั้งใจจะขี้คุย แต่กำลังจะบอกว่า ไม่ผิดที่พ่อแม่อยากให้ลูกเรียน หรือได้รับในสิ่งที่พ่อแม่คิดว่าดีที่สุด  แต่บางครั้ง การที่เราพยายามให้ลูกอยู่ในจุดที่เราคิดว่าดี แล้วทำให้เด็กไม่มีความสุข นั่นก็เท่ากับว่า เรายังไม่ได้ให้สิ่งที่ดีกับลูกจริงๆ  เรียนอะไร หรือที่ไหนก็ได้ แต่ให้เด็กมีความสุขกับสิ่งที่ทำ และเค้าจะทำได้ดี และที่สำคัญ ฝึกให้เค้ามุมานะ และใจกว้าง ไม่ดูถูกคนอื่น  ดิฉันจบ ท.๒ ก็ต่อที่ อำนวยวิทย์  จากนั้นก็สอบเทคโนราชมงคล  และ มศว.ประสานมิตร  ก็ล้วนแต่สอบเข้า ไม่ต้องรบกวนเงินของพ่อแม่เยอะ  การศึกษาคือการลงทุน  แต่ถ้าลงทุนน้อย (ค่าเล่าเรียน) ก็น่าจะกำไรเยอะ  เพราะปัจจุบันก็ทำงานในบริษัทเอกชน ที่ถือว่าเงินเดือนก็ไม่น้อย เลี้ยงดูครอบครัว และพ่อแม่ได้อย่างสบาย  แม้ตอนนี้จะมีลูก 2 คนแล้ว ลูกทั้งสอง ก็เรียนโรงเรียนใกล้บ้าน คือร.ร. คุณธรรมวิทยา ลูกอยู่อนุบาล 3 ก็อ่านภาษาไทยได้คล่อง  ภาษาจีนก็มีแนวโน้มที่ดี ค่าเล่าเรียนก็ไม่แพงมาก คุณครูก็ดูแลเอาใจใส่ สถานที่ห้องเรียนก็แสงสว่างเพียงพอ อากาศถ่ายเทได้ดี  บรรยากาศดีมากๆ  ไม่ต้องลำบากเวลาต้องไปส่งตอนเช้า หรือตอนเลิกเรียน เพราะพ่อแม่ทำงาน ต้องให้คุณตาไปรับ ก็อยู่แถวบ้าน ไม่ไกล สำหรับดิฉันและครอบครัว เลือกให้ลูกเรียนใกล้บ้าน และไม่มีค่านิยม ที่เด็กจะต้องไปแข่งขัน ดิ้นรน ตั้งแต่ 3 ขวบ  มันโหดร้ายเกินไป และธุรกิจเกินไป
Trust in you

2Lt. Yurijung

สำหรับสามี ก็เรียนประถมจากโรงเรียนแถวบ้านเหมือนกัน ชื่อโรงเรียนหัวไทร (อาจไม่เคยได้ยิน และไม่รู้จัก เพราะเป็นโรงเรียนต่างจังหวัด และเป็นชนบทด้วยซ้ำ) จากนั้นมาต่อมัธยมที่ ร.ร. มหาวชิราวุธ จนถึง ม.5 ก็สอบเอ็นทรานซ์ ได้วิศวะโยธา ที่ มอ.หาดใหญ่ ทุกวันนี้ก็เป็นวิศวกร  และตัวเค้าก็บอกว่า ไม่เคยต้องไปเรียนพิเศษหรือติวเตอร์อย่างเด็กสมัยนี้ ที่พ่อแม่ มีค่านิยมให้ลูกๆไปเรียนกัน อย่างชนิดที่เรียกว่า น่าจะบอกว่าจบจากติวเตอร์ มากกว่าจบจากโรงเรียนอะไร หรือมหาวิทยาลัยอะไร  เพราะเงินที่หมดไปกับติวเตอร์ ถ้าจะนำมาดาวน์รถยนต์ดีๆ หรือบ้านสักหลัง ได้ไม่ยากเลย เด็กๆ ยุคนี้ ดูไม่มีความสุข เหมือนเก็บกด ดูแกร็นๆ ไม่ได้ออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬา ไม่ได้สนุกให้สมวัยของตัวเอง กลับต้องเคร่งเครียด กับการที่ต้องเป็นคนเก่ง ให้ได้ บางครั้งพ่อแม่อย่างเราอาจลืม หรือมองข้ามความสุขที่แท้จริงของลูกๆไป โดยการนำความฝัน หรือความต้องการเห็นอนาคตของลูกอย่างที่ตนหวัง ไปวางบนบ่าของลูกเต็มๆ อยากให้คุณพ่อ คุณแม่ คอยดูแลและช่วยเหลือลูกอยู่ห่างๆเถอะค่ะ อยู่ในฐานะผู้สนับสนุน และเคียงข้างคอยชี้แนะ และที่สำคัญคือให้กำลังใจเค้า ฝึกให้เค้ารู้จักที่จะแพ้บ้าง ไม่ต้องแข่งขันเพื่อจะต้องชนะซะทุกเรื่อง  สำคัญที่สุด ฝึกลูกของเรา ให้เป็นคนดีมีน้ำใจ และมีจริยธรรม ไม่ขี้โกง ไม่เบียดเบียนคนอื่น ไม่ดูถูกดูแคลนคนอื่น  อย่าเห็นแก่ตัว เพียงเพื่อผลประโยชน์หรือชัยชนะของตัวเอง สังคมต่อไปภายภาคหน้าเมื่อถึงรุ่นของพวกเค้า จะได้ดี และน่าอยู่ (อย่าให้เหมือนภาพข่าว ที่ได้เห็นไปเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน กรณีเด็กหญิงเย่วเย่ว ประเทศจีน ที่ถูกรถทับ แต่ไม่มีใครสนใจช่วยเหลือ ถึง 18 คน ที่เดินผ่านไปมา ไม่มีใครมีน้ำใจ จะหยิบยื่นความช่วยเหลือแด่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน) เพราะถ้าถึงวันนั้น โลกนี้ก็ไม่น่าอยู่เอามากๆ
Trust in you

madatan

ขอเสนอความคิดเห็นหน่อยนะคะ
จริงๆก่อนที่เราจะให้ลูกเข้าโรงเรียนที่ไหน ควรศึกษาระบบระเบียบของโรงเรียนให้ดีก่อนนะคะ ว่าเหมาะกับครอบครัวของเราหรือลูกของเรารึเปล่า ซึ่งตรงนี้ก็ต้องอยู่ที่ดุลยพินิจของท่านเอง เด็กไม่มีสิทธิได้เลือกหรือตัดสินใจหรอกค่ะ
ยกตัวอย่าง
โรงเรียนธิดาฯ ลูกดิฉันเรียนที่นี่ เพราะดิฉันเห็นว่าสถานที่ดี สภาพแวดล้อมดี เป็นสัดเป็นส่วนดีค่ะ (ซึ่งอาจจะไม่ดีในทุกด้าน และก็โดยส่วนมากแล้วดี) และก็ต้องยอมรับว่าโรงเรียนเค้ามีกฎระเบียบต่างๆค่อนข้างมาก ซึ่งตรงนี้สำหรับพ่อแม่แล้วเราต้องรับให้ได้นะคะ เพราะถ้าเราไม่รับหรือรับไม่ได้ ก็จะเป็นปัญหากับเราและลูกของเราในอนาคต
ซึ่งต่างกับญาติของดิฉันซึ่งมีลูกในวัยเดียวกัน จริงๆตอนที่จะเข้าโรงเรียนก็ได้คุยและปรึกษากันว่าจะเข้าที่เดียวกันหรือเปล่า แต่สรุปแล้วเราก็ให้ลูกอยู่กันคนละโรงเรียนค่ะ เนื่องจากลูกเค้าไม่สบายบ่อยมาก อาจจะต้องขาดเรียนบ่อย และเป็นเด็กที่ค่อนข้างซน อยู่ไม่นิ่ง ซึ่งเค้าก็ให้ลูกไปอยู่ นะสุวรรณวงศ์ ตอนนี้อยู่ อ.3 และก็ Happy ดีค่ะ

ส่วนเรื่องการต่อแถวเข้าคิวซื้อใบสมัครเด็กอนุบาลนะคะ
ลูกคนแรก ไม่มีการเข้าคิวค่ะ จำได้ว่าเดินเข้าไปซื้อตอน 9 โมงเช้า
ลูกคนที่ 2 ไปเข้าคิวตอน 7 โมง เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ถามว่ารู้สึกอย่างไรบ้าง รู้สึกว่าปีนั้นเป็นปีแรกที่มีการเข้าแถวนะคะ
ตอนแรกก็งงเหมือนกัน ว่ามีเข้าแถวด้วยหรอ แต่ก็ไม่รู้สึกอะไรมากก็ทำเพื่อลูกหนิ ต้องทำได้อยู่แล้ว ก็รู้สึกภูมิใจเหมือน
กันค่ะ เหมือนเวลาเค้าเหนื่อย หรือขี้เกียจ ก็จะบอกเค้าว่าแม่อุตส่าห์ไปต่อแถวให้ลูกนะ ตั้งใจเรียนนะ เพียงแต่ช่วงหลังๆ
ก็มีคนไปต่อเร็วขึ้น (อาจจะดูเร็วไป) ซึ่งความเป็นจริงใบสมัครมีเพียงพอสำหรับทุกคนอยู่แล้วค่ะ ไม่ต้องต่อคิวก็ได้สมัคร
แน่นอน แต่ความเป็นพ่อเป็นแม่อะนะ มันทำได้เพื่อลูกจริงๆ
**ขอปรบมือให้กับคนที่ยืนเป็นคิวเป็นคนแรกค่ะ**
1. คุณทำให้ใครต่อใครได้รู้ว่า การยืนกันเป็นระเบียบ หาดูยากในประเทศไทย
2. พ่อแม่ก็คงรู้สึกภูมิใจ (ถ้าไม่ใช่จ้างใครไปยืนแทน)

อย่าไปอายค่ะ ถ้าเราทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่สตาร์ทซัก 6 โมงเช้าดีมั้ยคะ สงสารลุงยามค่ะ อิอิ

pavinee

ขอแสดงความคิดเห็นหน่อยน่ะค่ะ
ดิฉันนี้แหละค่ะ เป็นคุณแม่คนหนึ่งที่ไปยืนตากฝนๆ ตกหนักมาก รอคิว ตั้งแต่ ตี 5 ของวันที่ 30 ของเปิดรับสมัคร ก่อนหน้านั้น ดิฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าโรงเรียนธิดา มีคนไปเข้าคิวยืนรอกันตั้งแต่ ตี2 ตี 3 (คิดว่าเกินไปหรือว่า นี้สมัครเรียนแค่อนุบาลน่ะ ไม่ใช่เอ็นฯ สักหน่อย) เพราะคิดว่า จะให้ลูกเรียนอยู่ใกล้ ๆ บ้าน แต่มีหลายคนบอกกับฉันว่า ถ้าลูกได้ไปอยู่โรงเรียนธิดาก็จะดี เพราะว่า การเรียนการสอน ระเบียบวินัย มารยาท และอีกอย่างหนึ่งถ้าลูกเราเรียนได้ ก็สามารถต่อได้เลย โตขึ้นไม่ต้องไปหาโรงเรียนให้เหนื่อย เพราะว่ามี ถึง ม.6 ซึ่งก็คิดว่าดีเหมือนกัน (คนเป็นพ่อแม่ ใครบอกว่าที่ใหนดี ก็อยากให้ลูกเรียนที่นั้น)
วันนั้นตื่นตั้งแต่ตี 4 แต่ฝนตกหนักมาก คิดว่าคงยังไม่มีใครมา ก็เลยไปตอนตี 5 ไปถึงมีคน่ยืนรอคิวอยู่แล้ว ดิฉันไปยืนรอคิวนับได้ประมาณคนที่ 20 กว่า ๆ  คิดว่าไปเร็วแล้วน่ะ ยังมีคนเร็วกว่าอีก ทำให้คิดว่า พ่อ แม่ ทำได้ทุกอย่างเพื่อลูกจริง ๆ นั่งรอ ยืนรอ เปิดขายใบสมัครตรงเวลาจริง ๆ 8.30 น. กรอกรายละเอียดเสร็จ  เอาไปยื่น และได้รับบัตรนัดสัมภาษณ์ เป็นวันที่ พุธ ที่ 3 /11/54 ช่วงเช้า

เดี่ยวสัมภาษณ์เสร็จแล้วค่อยมาเล่าอีกที่ว่า ลูก จะ สัมภาษณ์ เป็นยังไงบ้าง

ปล.ใช้ความสามารถของเด็กอย่างเดียว (ถ้าลูกได้ก็ดี แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะอยากรู้ลูก กล้าพูด กล้าแสดงออกหรือเปล่า)

เกือบไป

เข้าไปแล้ว ก็ทำบุญ บริจาค เยอะ ๆ นะคะ ใกล้คริสมาสต์ แล้ว  ส.หัว

madatan

เพิ่มเติมเรื่องการทําบุญบริจาคค่ะ ตั้งแต่เรียนที่นี่มา จนตอนนี้ลูกก็เรียนอยู่ ไม่เคยได้รับประสบการณ์ของการบังคับให้ทำบุญ หรือการให้บริจาคใดๆทั้งสิ้น สุดแล้วแต่ความสมัครใจของเราเอง ซึ่งไม่ให้ก็ไม่มีผลอะไรทั้งสิ้นค่ะ

namfonfad

อ้างจาก: madatan เมื่อ 21:55 น.  01 พ.ย 54
เพิ่มเติมเรื่องการทําบุญบริจาคค่ะ ตั้งแต่เรียนที่นี่มา จนตอนนี้ลูกก็เรียนอยู่ ไม่เคยได้รับประสบการณ์ของการบังคับให้ทำบุญ หรือการให้บริจาคใดๆทั้งสิ้น สุดแล้วแต่ความสมัครใจของเราเอง ซึ่งไม่ให้ก็ไม่มีผลอะไรทั้งสิ้นค่ะ

ช่วยเพิ่มอีก 1 เสียงค่ะ โรงเรียนไม่เคยบังคับเรื่องบริจาค หรือ ขอสินบนใด ๆ ทั้งสิ้น  จ่ายแค่ค่าเทอมตามปกติค่ะ ส่วนเรื่องบริจาคแล้วแต่กำลังศรัทธาค่ะ  สำหรับเรื่องอื่น ๆ แล้วแต่ดุลยพินิจของผู้ปกครองแต่ละท่านนะค่ะ ว่าอะไรคือสิ่งที่ท่านคิดว่า ดีที่สุด  สำหรับ คนที่คุณรัก

samrit

เลือกสิ่งที่คุณคิดว่าดีที่สุดให้กับลูก (ในราคาที่จ่ายได้) เป็นเรื่องปกติของปถุชนครับ...

ต่างคนต่างจิต ต่างคนต่างใจครับ... นานาจิตตัง

สิ่งที่ดีสิ่งที่ชอบสำหรับคนๆหนึ่ง อาจเป็นที่ไม่ดี และไม่ชอบสำหรับคนอีกคนหนึ่ง

โรงเรียนไหนก็ได้ตามที่ชอบ ตามกำลังทรัพย์ของผู้ปกครอง

ขอเพียงโตขึ้นมา ให้เขาเป็นคนดีของพ่อแม่ และเป็นคนดีของสังคม... ส.ตากุลิบกุลิบ

คิดดี พูดดี ทำดี ชีวิตก็จะพบแต่สิ่งที่ดีๆ...

xray

สิ่งที่หลายคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับ รร.ธิดานุเคราะห์
สิ่งที่ได้เห็น ผ่านหู-ผ่านตา มาบ้างครับ
กับคำถามที่ถูกคนอื่นถามอยู่เสมอ เกี่ยวกับ รร.ธิดานุเคราะห์
และอยากบอกผู้ปกครองที่คิดว่าจะให้ลูกหลานเข้ามาอยู่ในรั้ว รร.ธิดา

1.ต้องเป็นคนรวย มีเส้นมีสายลูกถึงจะได้เรียน รร.ธิดา
    ไม่จำเป็น ผมก็ได้เรียนครับ พ่อแม่ เป็นข้าราชการเงินเดือนน้อยในตอนนั้น พ.ศ. 2525 เกือบ 30 ปีแล้วครับ

2.รร.ธิดามีผู้ชายด้วยเหรอ เดี๋ยวเรียนแล้วลูกเป็นตุ๊ด
   มีครับ มีมานานแล้วเฉพาะอนุบาล อยู่ที่ไหนก็เป็นครับ เรื่องตุ๊ด-แต๋ว มันอยู่ที่คน   

3.ถ้าลูกได้เรียน รร.ธิดา ก็สอบแสงทองได้อยู่แล้ว
   ไม่จริงครับ แค่ได้เปรียบกว่าเพราะการเรียนการสอนคล้ายกัน ถ้าลูกอยู่ รร.ธิดา แล้วไม่เอาใจใส่
   ไม่ดูแลตั้งแต่ต้น การเรียนอ่อน สอบที่ไหนก็ไม่ได้ครับ ทุก รร.มีสิทธิ์เท่ากัน วัดกันที่เด็ก

4.สอบได้แล้วต้องบริจาคเงิน มีแต่เรี่ยไรทั้งปี
   จริงครับ  รร.ต้องปรับปรุงหลายอย่างหลายเรื่อง ต้องช่วยกัน จะให้ใครช่วยถ้าผู้ปกครองไม่ช่วย
   ลูกได้กิน ได้ใช้ แต่ไม่เห็นไปขอรับบริจาคนอกโรงเรียนครับ มีแต่ภายใน เพราะทำเพื่อภายในโรงเรียน
   ผมก็ช่วยครับ 100 นึงก็เคยบริจาคครับ  300 ก็มีครับ  เค้าไม่บังคับ ไม่ให้ก็เคยครับ
   
5.แล้ว รร.ธิดา เป็น รร.ที่ดีที่สุดในหาดใหญ่รึเปล่า
    ไม่รู้ครับ  ไม่รู้ว่าต้องวัดจากตรงไหนว่าดีที่สุด 

6.แล้วลูกคุณอยู่โรงเรียนไหน เพราะอะไรถึงให้อยู่โรงเรียนนี้
    รร.ธิดา ครับ เพราะผมก็เรียนที่นี่ ทุกวันนี้คุณครูประจำชั้นผม ที่สอนผมตอนอยู่อนุบาล
    ก็เป็นคุณครูประจำชั้นลูกชายผมครับ  ตอนนี้ขึ้น ป.1 แล้วครับ การเรียนมีมาตรฐาน เอาใจใส่ดีครับ ใกล้บ้านด้วย
    ค่าเทอมมไม่รู้แพงมั้ย ลูกสาวคนเล็ก อ.2 ล่าสุดจ่ายมา เกือบ 9200 บาท ที่อื่นเท่าไหร่ครับ
    อยากรู้เหมือนกัน

เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ ไม่ได้ฟังใครมา เป็นประสบการณ์ตรงส่วนตัว
ทุกวันนี้ผมอยู่ได้ในสังคม มีฐานะ มีอาชีพการงานที่ดี เพราะเริ่มต้นจากที่นี่ครับ
แค่อยากแชร์ประสบการณ์ให้ฟัง




สงสัย

สงสัยว่า
1ที่ระบุว่ามาเข้าแถวเวลา ตี4 หรือ มาตอนเที่ยงคืน จริงหรือไม่ อยากให้ไปจุดธูปสาบานต่อหน้าพระพุทธรูป เขียนเว่อร์ไปหรือปล่า
2คนเขียนตั้งใจเขียนเพื่อความสนุกหรือปล่า ดีจริงหรือไม่ถามคนหาดใหญ่คงรุ้ ไม่ต้องรวยก็เข้าเรียนได้ถ้าลูกคุณเก่งจริง

ผู้เฒ่าเต่า

อ้างจาก: Yuri เมื่อ 10:49 น.  31 ต.ค 54
แสดงความเห็นนิดนึงนะคะ  ส่วนตัวที่บ้านก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรเช่นกัน และไม่ใช่ศิษย์เก่าของธิดา หรือแสงทอง ลำพังตัวเองตอนประถมก็จบจาก ท.๒ (บ้านหาดใหญ่) โรงเรียนเทศบาลแต่เปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงความสามารถ และปลดปล่อยศักยภาพมากมาย ดิฉันได้รู้จักการทำงานในตำแหน่งประธานนักเรียน มีโอกาสได้แสดงความสามารถ ทั้งนาฏศิลป์ เชียร์หลีดเดอร์ หรือแม้กระทั่งด้านวิชาการ ก็เคยไปสอบแข่งขันพูดเชิงวิทยาศาสตร์ที่ ร.ร. ญว. ชนะเลิศได้ที่ 1 ในปี 30 ที่เล่ามาไม่ได้ตั้งใจจะขี้คุย แต่กำลังจะบอกว่า ไม่ผิดที่พ่อแม่อยากให้ลูกเรียน หรือได้รับในสิ่งที่พ่อแม่คิดว่าดีที่สุด  แต่บางครั้ง การที่เราพยายามให้ลูกอยู่ในจุดที่เราคิดว่าดี แล้วทำให้เด็กไม่มีความสุข นั่นก็เท่ากับว่า เรายังไม่ได้ให้สิ่งที่ดีกับลูกจริงๆ  เรียนอะไร หรือที่ไหนก็ได้ แต่ให้เด็กมีความสุขกับสิ่งที่ทำ และเค้าจะทำได้ดี และที่สำคัญ ฝึกให้เค้ามุมานะ และใจกว้าง ไม่ดูถูกคนอื่น  ดิฉันจบ ท.๒ ก็ต่อที่ อำนวยวิทย์  จากนั้นก็สอบเทคโนราชมงคล  และ มศว.ประสานมิตร  ก็ล้วนแต่สอบเข้า ไม่ต้องรบกวนเงินของพ่อแม่เยอะ  การศึกษาคือการลงทุน  แต่ถ้าลงทุนน้อย (ค่าเล่าเรียน) ก็น่าจะกำไรเยอะ  เพราะปัจจุบันก็ทำงานในบริษัทเอกชน ที่ถือว่าเงินเดือนก็ไม่น้อย เลี้ยงดูครอบครัว และพ่อแม่ได้อย่างสบาย  แม้ตอนนี้จะมีลูก 2 คนแล้ว ลูกทั้งสอง ก็เรียนโรงเรียนใกล้บ้าน คือร.ร. คุณธรรมวิทยา ลูกอยู่อนุบาล 3 ก็อ่านภาษาไทยได้คล่อง  ภาษาจีนก็มีแนวโน้มที่ดี ค่าเล่าเรียนก็ไม่แพงมาก คุณครูก็ดูแลเอาใจใส่ สถานที่ห้องเรียนก็แสงสว่างเพียงพอ อากาศถ่ายเทได้ดี  บรรยากาศดีมากๆ  ไม่ต้องลำบากเวลาต้องไปส่งตอนเช้า หรือตอนเลิกเรียน เพราะพ่อแม่ทำงาน ต้องให้คุณตาไปรับ ก็อยู่แถวบ้าน ไม่ไกล สำหรับดิฉันและครอบครัว เลือกให้ลูกเรียนใกล้บ้าน และไม่มีค่านิยม ที่เด็กจะต้องไปแข่งขัน ดิ้นรน ตั้งแต่ 3 ขวบ  มันโหดร้ายเกินไป และธุรกิจเกินไป

อ้างจาก: Yuri เมื่อ 11:14 น.  31 ต.ค 54
สำหรับสามี ก็เรียนประถมจากโรงเรียนแถวบ้านเหมือนกัน ชื่อโรงเรียนหัวไทร (อาจไม่เคยได้ยิน และไม่รู้จัก เพราะเป็นโรงเรียนต่างจังหวัด และเป็นชนบทด้วยซ้ำ) จากนั้นมาต่อมัธยมที่ ร.ร. มหาวชิราวุธ จนถึง ม.5 ก็สอบเอ็นทรานซ์ ได้วิศวะโยธา ที่ มอ.หาดใหญ่ ทุกวันนี้ก็เป็นวิศวกร  และตัวเค้าก็บอกว่า ไม่เคยต้องไปเรียนพิเศษหรือติวเตอร์อย่างเด็กสมัยนี้ ที่พ่อแม่ มีค่านิยมให้ลูกๆไปเรียนกัน อย่างชนิดที่เรียกว่า น่าจะบอกว่าจบจากติวเตอร์ มากกว่าจบจากโรงเรียนอะไร หรือมหาวิทยาลัยอะไร  เพราะเงินที่หมดไปกับติวเตอร์ ถ้าจะนำมาดาวน์รถยนต์ดีๆ หรือบ้านสักหลัง ได้ไม่ยากเลย เด็กๆ ยุคนี้ ดูไม่มีความสุข เหมือนเก็บกด ดูแกร็นๆ ไม่ได้ออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬา ไม่ได้สนุกให้สมวัยของตัวเอง กลับต้องเคร่งเครียด กับการที่ต้องเป็นคนเก่ง ให้ได้ บางครั้งพ่อแม่อย่างเราอาจลืม หรือมองข้ามความสุขที่แท้จริงของลูกๆไป โดยการนำความฝัน หรือความต้องการเห็นอนาคตของลูกอย่างที่ตนหวัง ไปวางบนบ่าของลูกเต็มๆ อยากให้คุณพ่อ คุณแม่ คอยดูแลและช่วยเหลือลูกอยู่ห่างๆเถอะค่ะ อยู่ในฐานะผู้สนับสนุน และเคียงข้างคอยชี้แนะ และที่สำคัญคือให้กำลังใจเค้า ฝึกให้เค้ารู้จักที่จะแพ้บ้าง ไม่ต้องแข่งขันเพื่อจะต้องชนะซะทุกเรื่อง  สำคัญที่สุด ฝึกลูกของเรา ให้เป็นคนดีมีน้ำใจ และมีจริยธรรม ไม่ขี้โกง ไม่เบียดเบียนคนอื่น ไม่ดูถูกดูแคลนคนอื่น  อย่าเห็นแก่ตัว เพียงเพื่อผลประโยชน์หรือชัยชนะของตัวเอง สังคมต่อไปภายภาคหน้าเมื่อถึงรุ่นของพวกเค้า จะได้ดี และน่าอยู่ (อย่าให้เหมือนภาพข่าว ที่ได้เห็นไปเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน กรณีเด็กหญิงเย่วเย่ว ประเทศจีน ที่ถูกรถทับ แต่ไม่มีใครสนใจช่วยเหลือ ถึง 18 คน ที่เดินผ่านไปมา ไม่มีใครมีน้ำใจ จะหยิบยื่นความช่วยเหลือแด่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน) เพราะถ้าถึงวันนั้น โลกนี้ก็ไม่น่าอยู่เอามากๆ

เขียนได้ดีมากเลยครับ ทั้ง 2 หัวข้อ คิดตรงกันหลายเรื่อง โดยเฉพาะสอนให้รู้จักแพ้บ้าง

เพราะสมัยนี้เด็กหลายคนจะรับกับคำว่า แพ้ ไม่เป็น และส่วนตัวก็คิดเช่นกันว่า ชนะก็ไม่

ง่าย และ แพ้ก็ทำใจรับมันยากเช่นกัน บางคนถึงกับต้องฆ่าตัวตายก็มี
อย่าใช้ภาษาผิด ๆ สะกดผิด ๆ เดี๋ยวภาษาที่ ปู่ ย่า ตา ยาย ใช้กันมานมนานจะวิบัติไปกันหมด   
              พลังคลื่นเต่า..........ปู๊ด !!!!!!



khonthaijing

-ปีนี้ได้มีโอกาสมาโพสต์อีกครั้ง หนึ่งปีผ่านไปไวเหมือนโกหก ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ธิดารับนักเรียนชั้นอนุบาลใหม่อีกคำรบ
ปีนี้ทราบว่าฝนตกเหมือนกับปีที่แล้ว ต่างกันตรงที่น้ำไม่ท่วมเท่านั้นซึ่งดีแล้ว(ปีที่แล้วรับสมัครเสร็จไม่นานน้ำท่วมซะงั้น)ตอนนี้ลูกสาวคนโตที่สอบปีที่แล้วกำลังเรียน อ.1 เทอม 2 อยู่ ปีหน้าจะส่งลูกสาวคนเล็กเข้าประกวดตอนนี้กำลังติวเข้มอยู่
-การเรียนการสอนที่นี่ค่อนข้างเข้มข้น-อันที่จริงเคล็ดลับอยู่ที่ตัวผู้ปกครองค่อนข้างมีความเพร้อม(มิใช่เงินอย่างเดียวอะไรบ้างที่ต้องพร้อมเดี๋ยวเข้ามาเรียนเมื่อไรก็รู้เอง)เพราะเด็กจะดีพ่อแม่เป็นตัวแปรสำคัญที่สุดผมเห็นความมุ่งมั่นและเอาใจใส่ในการศึกษาของพ่อแม่แต่ละท่านแล้วน่าชื่นชม-สิ่งนี้ผมว่าเป็นแรงกระตุ้นให้เด็กมีพัฒนาการที่ดี(รวมทั้งการได้เรียนกับเพื่อนที่เก่ง ๆ เด็กเราก็จะเก่งด้วย)-คุณครูหรือโรงเรียนเป็นแค่องค์ประกอบเท่านั้น-ผมไม่แปลกใจทำไมถึงมีคนอยากให้ลูกได้เข้าเรียนที่นี่กันนัก
-มีคนแอบแซว ประเด็นของบริจาควันคริสมาสต์ มีผลหรือไม่มีผลประการใด แล้วค่อยมาเล่าให้ฟังแล้วกันครับ
-ช่วงสัมภาษณ์ ถ้าเด็กพูดคุยกับซิสเตอร์จะได้เปรียบอย่าเงียบนะครับ คำถามทั่วไป ชื่อ โรงเรียนเก่า พ่อแม่ทำงานอะไร
-เอาข้อสอบปีที่แล้วมาเล่าให้ฟัง
1.ให้เด็กนับเลข 1-10 ปากเปล่า แล้วก็ให้เด็กบอกตัวเลข 1-10 ด้วย (มีบัตรคำให้)
2.ให้เด็กบอกสีต่าง เช่น ฟ้า แดง เหลือง
3.ให้ต่อบล็อคตามคำสั่ง (ปีที่แล้ว่ต่อเป็นอุโมงค์และต่อให้สูงขึ้นไป)
4.ให้เด็กใส่บล็อคทรงเลขาคณิต
5.ทายภาพต่าง ๆ เช่น ร่ม ดอกไม้ (ประมาณ 20 ภาพ)
6.ให้หยิบลูกแก้วด้วย 2 นิ้ว ใส่ในกระป๋อง
7.ให้เด็กหยิบจับใช้ช้อนส้อม
8.ให้วาดรูปวงกลม
-เตรียมตัวกันให้พร้อมนะ เหตุผลหนึ่งทีพ่อแม่ส่วนใหญ่ไปเข้าแถวตั้งแต่เช้าเท่าที่สอบถามมาเพราะอยากให้เด็กได้สัมภาษณ์ตอนเช้าเพราะเด็กจะสดชื่น(ไม่ง่วงนอน ถ้าบ่ายเด็กจะงอแงและง่วง)อันนี้เรื่องจริงเพราะของผมก็เกือบเอาตัวไม่รอดจะหลับท่าเดียว


fusion

ข้อมูลแน่น คนสอบมาเองครับ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ คุณ khonthaijing

Phung gold

ไม่เอากันแอ๊ะ คล้านตื่น เรียนจนจบด๊อกที่ ม.อ.แล้ว เรียนโรงเรียนบ้านๆ เพนิ  ส.หลก


กิมหยง

อ้างจาก: สงสัย เมื่อ 15:16 น.  02 พ.ย 54
สงสัยว่า
1ที่ระบุว่ามาเข้าแถวเวลา ตี4 หรือ มาตอนเที่ยงคืน จริงหรือไม่ อยากให้ไปจุดธูปสาบานต่อหน้าพระพุทธรูป เขียนเว่อร์ไปหรือปล่า
2คนเขียนตั้งใจเขียนเพื่อความสนุกหรือปล่า ดีจริงหรือไม่ถามคนหาดใหญ่คงรุ้ ไม่ต้องรวยก็เข้าเรียนได้ถ้าลูกคุณเก่งจริง

ท่านจะจุดธูปสาบานอะไรละครับท่าน

ข้าพเจ้าไปด้วยตัวข้าพเจ้าเอง และเคยตั้งกระทู้ไว้ปีก่อนโน้นด้วยครับท่าน

เป็นสิ่งแปลก ไม่น่าเชื่อว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในหาดใหญ่เราครับ

ส่วนตัวคิดว่าดีนะครับ 

แต่จริง ๆ แล้วไป 8 โมงเช้าก็ทันครับ
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าไปกันดึก ๆ ดื่น ๆ แบบนั้นทำไมกัน
สร้าง & ฟื้นฟู

kamphon1

โลกหนอโลก เด็กจะดีดีได้ด้วยตัวของเด็กเองเกิน 80% ที่เหลือเป็นปัจจัยภสยนอก  ปีนี้ โรงเรียนนี้หากมันไม่ได้สิ่งของตามที่มันต้องการ อย่าหวังจะได้เรียนครับ พรรคพวกมาเล่าให้ฟัง ลูกของเขาเองเลย ของที่มันต้องการก็ใช่มูลค่าน้อยครับ อย่าเรียกการบริจาคด้วยใจเสน่หาเลย เรียกรับสินบนไปตรงๆดีกว่าครับ

อนุบาล

อ้างจาก: kamphon1 เมื่อ 12:13 น.  15 พ.ย 54
โลกหนอโลก เด็กจะดีดีได้ด้วยตัวของเด็กเองเกิน 80% ที่เหลือเป็นปัจจัยภสยนอก  ปีนี้ โรงเรียนนี้หากมันไม่ได้สิ่งของตามที่มันต้องการ อย่าหวังจะได้เรียนครับ พรรคพวกมาเล่าให้ฟัง ลูกของเขาเองเลย ของที่มันต้องการก็ใช่มูลค่าน้อยครับ อย่าเรียกการบริจาคด้วยใจเสน่หาเลย เรียกรับสินบนไปตรงๆดีกว่าครับ

พรรคพวกมาเล่าให้ฟัง แล้วพรรคพวกพี่ใด้เรียนที่ไหนแล้วครับ แล้วลูกพี่kamphon1เรียนที่ใหนครับ แล้วโรงเรียนที่ลูกพี่เรียนดีหรือเปล่าครับ แล้วพี่รู้หรือเปล่าครับว่าวันนี้ลูกพี่เรียนอะไรมาบ้าง ครูให้การบ้านอะไรมาบ้าง ตอนลูกพี่อยู่อนุบาล2อ่านหนังสือออกแล้วยัง ส.อ่านหลังสือ ส.อ่านหลังสือ ส.อ่านหลังสือ ส.อ่านหลังสือ ส.อ่านหลังสือ ส.อ่านหลังสือ

mam16

อ้างจาก: kamphon1 เมื่อ 12:13 น.  15 พ.ย 54
โลกหนอโลก เด็กจะดีดีได้ด้วยตัวของเด็กเองเกิน 80% ที่เหลือเป็นปัจจัยภสยนอก  ปีนี้ โรงเรียนนี้หากมันไม่ได้สิ่งของตามที่มันต้องการ อย่าหวังจะได้เรียนครับ พรรคพวกมาเล่าให้ฟัง ลูกของเขาเองเลย ของที่มันต้องการก็ใช่มูลค่าน้อยครับ อย่าเรียกการบริจาคด้วยใจเสน่หาเลย เรียกรับสินบนไปตรงๆดีกว่าครับ
ลูกไม่ได้เรียนที่นี่ค่ะ..แต่มีลูกเพื่อนหลายคนเรียนอยู่..จึงลองสอบถามดูก็ได้คำตอบว่า
สอบเข้าปกติตอนเรียนก็ไม่ได้ถูกเรียกเก็บอะไรเพิ่มเติมนี่คะ ส.อืม
รับสั่ง ทำเค้ก คัพเค้ก  และเบเกอร์รี่ต่างๆ
tal.08-9607-0207 ID.line pamammam
https://www.facebook.com/pages/Mammam-bakery/534049996724406

ฉัดโหนด

เค้าไม่เก็บเพิ่ม แต่ขอบริจาค ตามกำลังของ ผปค.
แต่เค้าใช้ทริคในการขอบริจาคกับ ความหน้าใหญ่ ของ ผปค.นร.

เช่น ตั้งกล่องบริจาคไว้ ให้เห็นกันทั่ว ๆ ว่าใส่คนละเท่าไหร่ เป็นต้น


ผู้ปกครองธิดา

อ้างจาก: ฉัดโหนด เมื่อ 15:56 น.  15 พ.ย 54
เค้าไม่เก็บเพิ่ม แต่ขอบริจาค ตามกำลังของ ผปค.
แต่เค้าใช้ทริคในการขอบริจาคกับ ความหน้าใหญ่ ของ ผปค.นร.

เช่น ตั้งกล่องบริจาคไว้ ให้เห็นกันทั่ว ๆ ว่าใส่คนละเท่าไหร่ เป็นต้น

บางคนเห็นขาช้าง แต่ไม่เคยเห็นช้าง ก็อาจจะบอกว่านี่มันขาไดโนเสาร์ เพราะเคยเห็นในรูป ลักษณะมันใหญ่ ๆ แบบนี้แหละ
หน้าใครใหญ่  ใครเล็ก  เป็นความคิดของคนแต่ละคน
ลูกผมอยู่ ป.2 กับ อนุบาล 2  ผมหน้าไม่ใหญ่ ก็อยู่ตามประสาคนหน้าไม่ใหญ่ได้นี่ครับ

พ่อลูกสอง

- ลูกคนโตเรียนอยู่ ลูกคนเล็กสอบปีนี้

- ฝากบอกเผื่อปีต่อไปนะครับ ว่าไม่ต้องมาแต่เช้ามืดขนาดนั้น มีคนรู้จักไปตอนเกือบ 11 โมง ก็สมัครได้ครับ ยืนยัน sister เองก็บอกอย่างนั้นตั้งแต่แรก และก็เป็นจริงตามนั้น

- ค่าเทอมไม่แพงครับ อันนี้ผมชอบมาก สำหรับคนเบิกไม่ได้อย่างผม (เทียบกับที่ รร.อื่นๆ ที่น้องๆที่ทำงานบอกนะครับ)

- มีทั้งไฮโซ และก็ โลโซ ครับ ก็คละๆกันไป ซึ่งก็เหมือนๆกันทุก รร. นะ

- เก็บเงินระหว่างเรียน น้อยมากนะครับ เป็นเรื่องกิจกรรมของเด็ก เช่นเสื้อกีฬาสี นอกนั้นก็งานการกุศล แล้วแต่จิตศรทธา

- ที่แน่ๆ คือ รร. ให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม เรื่อยๆ

- สรุปแล้วดีครับ ถูกใจผม