ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ทำไม "ตักบาตร ห้ามถามพระ"

เริ่มโดย อรัญญวาสี, 21:39 น. 30 ม.ค 55

อรัญญวาสี

ได้ยินกันมาตั้งแต่เด็ก เวลาจะตักบาตรห้ามถามพระ

เอ้า

แล้วญาติโยมจะทราบกันหรือว่าพระทานโปรดสิ่งไหน

wareerant

อ้างถึงได้ยินกันมาตั้งแต่เด็ก เวลาจะตักบาตรห้ามถามพระ

เอ้า

แล้วญาติโยมจะทราบกันหรือว่าพระทานโปรดสิ่งไหน

เรื่องนี้ขออธิบายดังนี้

เมื่อพุทธศาสนาเริ่มตั้งขึ้นมาโดยพระพุทธเจ้า คำสอนของพระพุทธองค์นั้นแน่นอนแล้วว่าจะเป็นประโยชน์มหาศาลแก่มนุษยชาติ แต่พระพุทธเจ้าพระองค์เดียวนั้น ไม่สามารถเผยแผ่พระศาสนาได้มาก จึงได้บรรพชาภิกษุสงฆ์สาวก เข้ามาเป็นผู้ช่วยในการเผยแผ่พระศาสนา

พระภิกษุนั้น จุดประสงค์หลักในการบวชคือ ศึกษาพระธรรม และ เผยแผ่พระธรรม (ภิกษุในปัจจุบัน หลายท่าน เข้าใจผิดว่า บวชแล้วต้องทำงานการกุศล สาธารณประโยชน์ ซึ่งจริง ๆ แล้ว เป็นจุดประสงค์รอง ทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้)

ภิกษุเลี้ยงชีพด้วยการบิณฑบาต (บิณฑบาต ไม่ใช่ บิณฑบาตร ไม่มี ร เรือ ตาม) ภิกษุไม่จำเป็นต้องทำงานเหมือนฆราวาส เพราะจุดประสงค์ในการบวชดังที่ได้กล่าวไปแล้ว

เมื่อต้องเลี้ยงชีพด้วยการบิณฑบาต ภิกษุจึงจำเป็นต้องอยู่อย่างสมถะ สันโดษ มักน้อย ฉันเท่าที่มี ใช้เท่าที่มี
และภิกษุเป็นผู้ฝึกฝนธรรมมะ ไม่ยึดติดในอุปาทาน (อุปาทาน หมายถึง การยึดมั่น ว่าสิ่งนั้นเป็นอย่างนี้ สิ่งนี้เป็นอย่างนั้น เช่น คิดว่า โทรศัพท์ไอโฟนคือลูก ต้องเลี้ยงดูทะนุถนอมอย่างดี คิดว่าแฟนคือคนสำคัญที่สุดในชีวิต พ่อแม่สำคัญลำดับท้าย ๆ เป็นต้น)

เมื่อไม่ยึดมั่นในอุปาทาน ก็ไม่ได้คิดว่า อาหารนี้คือ เป็ด ไก่ เนื้อ ผัก ไข่ อร่อย ไม่อร่อย สีสวย สีไม่สวย นี่ของหวาน นี่ของคาว นี่มาจากต่างประเทศ นี่ร้อน นี่เย็น นี่นิ่ม นี่แข็ง ฯลฯ

ภิกษุแท้นั้น ไม่ยึดติด

เมื่อไม่ยึดติดในอุปาทาน ต่าง ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องไปคิดว่าอยากฉันอะไร ไม่อยากฉันอะไร ญาติโยม จึงไม่จำเป็นต้องไปถามให้เสียเวลา เพราะพระแท้นั้น ฉันอะไรก็ได้ (ยกเว้นของบางอย่าง ลองไปถามกูเกิ้ลดู)

พระสมัยนี้จำนวนมาก ยังยึดติดกับอาหาร เช่น บางรูป ระบุญาติโยมเลยว่า ฉันชอบฉันปลากระพง ฉันชอบแกงส้มหัวโหนดกับปลาหมอ ฉันชอบต้มยำกุ้งแม่น้ำตัวโต ๆ ฉันชอบฉันนั่น ฉันชอบฉันนี่

ญาติโยมจำนวนมากก็ชอบหาบาปให้พระ ชอบถามพระ ว่า กาแฟหรือโอวัลติน ร้อนหรือเย็น อาหารเย็นแล้วเอาไปอุ่นให้มั้ย เอาโน่นเพิ่มมั้ย เอานั่นเพิ่มมั้ย จนพระบางรูป ติดนิสัย เกิดความเคยชิน ชอบระบุคุณสมบัติของอาหาร
บิณฑบาต ไม่ได้หมายถึง การถวายอาหารเพียงอย่างเดียว ยังมีของหลายอย่างที่ถวายได้ เช่น เสื่อ รองเท้า น้ำยาล้างจาน จีวร ไฟฉาย ฯลฯ หากจะถวายสิ่งเหล่านี้ ก็ไม่ต้องถามเช่นกัน พระอาจมีสิ่งเหล่านี้แล้ว สามารถนำไปแบ่งปันกับสหธรรมิก(เพื่อนร่วมธรรม) ได้เช่นกัน
ทั้งหมดนี้เขียนจากประสบการณ์ที่อยู่ในวงการพระมา 6 ปี

สุดท้ายนี้ขอยืนยันว่า อาหารแห้ง ไม่ควรนำมาตักบาตร ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ

ที่มา : http://www.hatyai-classified.com/index.php?topic=402.0

B26

อ้างจาก: อรัญญวาสี เมื่อ 21:39 น.  30 ม.ค 55
ได้ยินกันมาตั้งแต่เด็ก เวลาจะตักบาตรห้ามถามพระ

เอ้า

แล้วญาติโยมจะทราบกันหรือว่าพระทานโปรดสิ่งไหน

เป็นกฎข้อห้ามของพระครับ หมายถึง การเป็นภิกษุต้องอยู่ง่ายกินง่าย

สิ่งไหนที่เราเอ่ยชื่อไปแล้วพระจะกินไม่ได้ เช่นถ้าเราถวายกับข้าวแก่พระสงฆ์

แล้วขณะกำลังถวายเราพูดกับพระว่า วันนี้มีแกงส้ม แกงเขียวหวาน ปลาทอด แล้วก็ผัดผักครับ

ที่พูดชื่อไปทั้งหมด พระฉันไม่ได้ ยังมีสิ่งที่ไม่ได้เอ่ยชื่ออีก เช่นข้าวเปล่า น้ำพริกกะปิและผัก ส่วนนี้พระฉันได้

ญาติโยมอาจจะสงสัยว่าทำไมหลวงพี่ไม่ฉันกับข้าวอย่างอื่นเลย

ส.กลิ้ง


puiey

สรุปสั้น เพราะว่าไม่มีสิทธิ์เลือกฉันตามใจชอบ ญาติโยม ถวายอะไรก็ฉันตามนั้น เพื่อดำรงค์ชีพอยู่ได้เท่านั้น(กินเพื่ออยู่ ไม่ได้อยู่เพื่อกิน)
โกธรกับแฟน ขึ้นสเตตัส "โสด" ถ้าวันนึง แม่มึงโกธร มึงไม่ขึ้นสเตตัส "กำพร้า" เลยเหรอ

เพลบอย

หากพระบอกว่าอยากกินแกงเนื้อ หรือผัดเผ็ดหมู หรือไข่มดแดง ญาติโยมก้ต้องไปหามา ต้องไปเบียดเบียนสัตว์ ไปฆ่าวัว ฆ่าหมู ยอนไข่มดแดง เป็นการชี้นำพระก็บาป  เค้าเลยไม่ถามพระ ส.อ่านหลังสือ

เคยโดน

 หลายปีมาแล้ว ตอนนั้นตื่นแต่เช้าทุกวันไปทำงาน จะไปซื้อน้ำเต้าหู้ที่ คลองเรียน 2 พร้อมปาท่องโก้  เห็นพระเดินมาบิญฑบาต ก็เลยสั้งน้ำเต้าหู้ พร้อมปาท่องโก้ จัดถวายตักบาตร เป็นประจำทุกวัน เพราะว่าเรากินทุกวัน เลยสะดวกดี แต่สังเกตุพระรูปต่างๆ เห็นเราแล้ว ประมาณว่าเซ็งๆ เหมือนเดินอีกแล้ว เราก็รู้ตัว  แต่เราอยากตักบาตร และสะดวกเพราะต้องรีบไปทำงาน อยู่มาวันหนึ่ง มีพระอายุประมาณ 60 ปี เรานิมนต์ ท่านเห็น ท่านได้บอกมาเสียงกระแทกว่า " ตักอย่างอื่นไม่เป็นหรือไง " เราก็ตกใจ เราก็หัวเราะพูดอะไรไม่ถูก ก็บอกไปว่า "ไม่เป็นไรฉันๆ ไปเถิด " ในใจผมคิด "ตูยังแดกได้ทุกวัน พวกสูเจ้า รับบิญบาตรของข้าพเจ้าแล้ว จะไปทำอย่างไร ก็ไม่ว่า ทิ้งให้หมากิน ก็ได้ หรือแบ่งให้เด็กวัดกินก็ได้ สุดแต่ท่าน แต่ไม่ควรพูดเช่นนี"  หลังจากนั้น ก็ อามิตาพุทธ ส.บ๊ายบาย

wareerant

อ้างถึงหลายปีมาแล้ว ตอนนั้นตื่นแต่เช้าทุกวันไปทำงาน จะไปซื้อน้ำเต้าหู้ที่ คลองเรียน 2 พร้อมปาท่องโก้  เห็นพระเดินมาบิญฑบาต ก็เลยสั้งน้ำเต้าหู้ พร้อมปาท่องโก้ จัดถวายตักบาตร เป็นประจำทุกวัน เพราะว่าเรากินทุกวัน เลยสะดวกดี แต่สังเกตุพระรูปต่างๆ เห็นเราแล้ว ประมาณว่าเซ็งๆ เหมือนเดินอีกแล้ว เราก็รู้ตัว  แต่เราอยากตักบาตร และสะดวกเพราะต้องรีบไปทำงาน อยู่มาวันหนึ่ง มีพระอายุประมาณ 60 ปี เรานิมนต์ ท่านเห็น ท่านได้บอกมาเสียงกระแทกว่า " ตักอย่างอื่นไม่เป็นหรือไง " เราก็ตกใจ เราก็หัวเราะพูดอะไรไม่ถูก ก็บอกไปว่า "ไม่เป็นไรฉันๆ ไปเถิด " ในใจผมคิด "ตูยังแดกได้ทุกวัน พวกสูเจ้า รับบิญบาตรของข้าพเจ้าแล้ว จะไปทำอย่างไร ก็ไม่ว่า ทิ้งให้หมากิน ก็ได้ หรือแบ่งให้เด็กวัดกินก็ได้ สุดแต่ท่าน แต่ไม่ควรพูดเช่นนี"  หลังจากนั้น ก็ อามิตาพุทธ

เยอะมากครับ เดี๋ยวนี้ ที่เป็นแบบนี้ ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ที่เป็นแบบนี้เพราะ ในวัดต่าง ๆ ไม่ได้เน้นย้ำเรื่องจุดประสงค์ของการบวช ไม่ได้เน้นย้ำเรื่องการปฏิบัติตัวยังงัย ไม่มีการสอนลักษณะนี้เลย บวชแล้วก็บวชมา อยู่กันไป เหมือนเป็นอาชีพ ๆ หนึ่ง

การบวชนั้น จุดมุ่งหมายสูงสุดคือ พระนิพพาน แต่ที่เป็นอยู่ เมื่อมีใครพูดถึงนิพพาน หรือพระอรหันต์ จะถูกเพื่อนพระรูปอื่นหัวเราะเยาะ หาว่าบ้า หาว่าคิดอะไรแปลก ๆ จะถูกมองแปลก ๆ พระสมัยนี้ แค่อยู่ไปวัน ๆ เท่านั้นเอง สะสมทรัพย์สมบัติภายนอก สะสมเงิน ฉันแล้วนอน ฉันแล้วนอน

เมื่อก่อนผมเห็นพระเลือกฉัน พระขี้เกียจแล้วเหนื่อยใจมาก รู้สึกหดหู่  แต่ตอนนี้รู้สึกเฉย ๆ เพราะคิดได้ว่า

"ศาสนาพุทธก็อยู่ในแนวทางของ อนิจจัง สักวันก็คงเสื่อมและสูญหายไป เหมือนเช่นของอย่างอื่น" คิดแบบนี้ก็ทำใจได้ เพราะปัจจุบัน แนวทางของพระภิกษุก็เปลี่ยนไปมากแล้ว

เหยี่ยวสาว

ไม่อยากให้มองเรื่องของบุญเป็นเรื่องที่ติดลบ  เพราะพระท่านที่ดีที่ปฏิบัติเพื่อเอานิพพานก็ยังมีค่ะ

เพียงแต่เราต้องแสวงหา พระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเอาเองน่ะค่ะ  ไม่ได้เจอกันง่ายๆหรอก

เหมือนที่หลวงพ่อจรัญท่านเคยเทศน์ว่า บุญไม่ได้ทำกันง่ายๆ หรอก


หรอย

กินได้เพเหละ นอกจากอาหารที่สายัณ ดอกสะเดา กิน ก็คือ ขะ ขะ ขะ ขะ  สระอี ไม้โท

อรัญญวาสี

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน ที่มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น

ขอถามต่อ "แล้วถ้าอย่างนั้น อะไรใส่บาตได้บ้าง ใส่บาตรไม่ได้บ้าง ?"

ถามsheได้บ่

.



...ถ้าถามพระ แล้วพระบอกว่า อยากกิน รังนก กะหูฉลาม แล้วจะหนาวววววว.... ส.โกรธอย่างแรง

กวน

.



....ที่ใส่บาตรได้ น่าจะเป็นหางช้าง หากเป็นช้างทั้งตัวคงใส่ไม่ด้าย...

ผ่านมา

จุดประสงค์หลักของพระสงฆ์ที่ได้เข้ามาบวชในธรรมวินัยนี้  ก็เพื่อศึกษาและปฏิบัติ  เพื่อให้ถึงซึ่งพระนิพพาน
เพื่อหยุดความนึกคิด  ปรุงแต่ง  ละเสียไดซึ่งอกุศลทั้งปวง  ผให้ได้ไม่ผิดที่จะถามแต่พระต่างหากมีหน้าที่ปฏิเสธเพราะ
เป็นวินัยของพระ  คือห้ามพระไม่ได้ห้ามโยม  แต่เมื่อเรารู้อย่างนี้แล้วครั้งหน้าเราก็ไม่ควรถามท่าน  เพราะทำให้
พระท่านกิเลสทางใจได้  ซึ้งเป็นข้อปฏิบัติเพื่อให้ถึงซึ่งความบริสุทธิ์ในเบื้องต้น

คุณหลวง

มังสะ 10 อย่างที่ภิกษุไม่ควรฉันและห้ามรับประเคน

1 เนื้อมนุษย์                              6 เนื้องู

2 เนื้อช้าง                                 7 เนื้อสุนัข

3 เนื้อม้า                                   8 เนื้อราชสีห์

4 เนื้อเสือโคร่ง                            9 เนื้อหมี

5 เนื้อเสือเหลือง                          10 เนื้อเสือดาว

  เนื้อทั้งสิบนี้ห้ามขาดครับ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อหมี นี่ห้ามกว่าใคร เพราะห้ามทั้งหมีสัตว์ป่า และหมีสัตว์เมือง หมีหน้าคน และหมีมีขน และหมีมีหอย รวมทั้งหอยบางชนิดก็ห้ามอย่างหอยมีหมี ฯลฯ  ส.ก๊ากๆ อ่ะล้อเล่ง แต่จริงนะ

  ส่วนอะไีรที่ใส่บาตรได้ หรือไม่ได้นั้น มีข้อห้ามพระฉันเนื้อที่ไม่ปรุงสุกทุกชนิด เช่นนี้แหนมที่ยังไม่สุกก็มิควร แต่พระโดยมากก็มิรู้

  และพระก็มิควรฉันเนื้อที่ เห็น ได้ยิน และนึกรังเกียจว่าเขาฆ่ามาเพื่อตน ดังนั้น ระมัดระวังครับ และไม่ควรฆ่าสัตว์เพื่อเลี้ยงพระเลยครับ พระต้องฉันง่าย เอาที่ทีตามกำลัง เอาบุญจากพระอิ่มมาล้างบาปฆ่าสัตว์มิได้ครับ เพราะที่ตายมันก็เป็นเวรและจองเวรคืน ไม่เกี่ยวกับพระ

  แล้วอย่างพวกพืชผักนี่ ทำให้เรียบร้อยเลยครับ อย่ามีรากมีโคนที่อาจปลูกงอกได้อยู่มาถวาย เมล็ดพืชก็ควรผ่า จี้ หรือทำให้พืชนั้นๆหมดเชื้อต่อการงอกก่อนครับ เพราะการพรากของเขียว (พืชมีชีวิต)เป็นอาบัติครับ ปาจิตตีย์เท่ากับฆ่าสัตว์

  และไม่ควรให้อะไรกับพระที่ขอเราโดยที่พระนั้นมิได้เป็นญาติของเรา (ในชาติปัจจุบัน อย่าให้ท่านอ้างพุทธพจน์ว่าสัตว์ทั้งหลายล้วนเคยเกิดเป็นญาติกันมาทั้งสิ้นมาอ้างได้) และเรายังมิได้ปวารณาตนว่า หากท่านต้องการสิ่งไรจงบอก ข้าพเจ้ารับเป็นธุระให้ เพราะพระจะผิดวินัย และสร้างนิสัยที่ไม่ดีแก่พระ

  อย่าชวนพระคุยขณะท่านฉัน เพราะเสียสมณะสารูปได้ ผิดเสขิยวัตร เพราะบางทีพูดทั้งที่มีอาหารในปาก บางทีทำให้เคี้ยวดัง ให้เสร็จเรื่องท้องแล้วค่อยคุยดีกว่าครับ แม้พระอยากพูด ชวนพูดก็แกล้งมึนเสียมั่งให้ท่านรู้ตัว แต่ก็อนุโลมได้ในธุระจำเป็น

  บางคนอยากให้พระยออาหารตนก็เที่ยวถามอยู่ตลอด แนะนำตลอด ต้องฉันนี่นะคะ ต้องฉันอย่างนี้ค่ะ ดิฉันทำสุดฝีมือเจ้าค่ะ อย่าเลยครับ ท่านพิจารณาของท่านเองได้

  อย่าน้อยใจหากพระฉันอาหารท่านน้อย แต่ควรดีใจ เพราะท่านรู้ประมาณในการบริโภค อันเป็นข้อหนึ่่งในหนทางเพื่อบรรลุธรรม อย่าดีใจที่พระฉันมากจนอ้วนพี เสร็จแล้วต้องหลับ เพราะเป็นการตามใจกิเลส สร้างความเคยชินที่ไม่ดี แต่อย่าไปว่าท่าน แค่ทำใจตนให้ได้ ถวายด้วยใจบริสุทธิ์ เอาเจตนาเป็นใหญ่อย่าเอาปริมาณอาหารเป็นหลัก

  อันนี้ก็ว่ามากไปหน่อยกระมัง


สะบายดี...
คุณหลวง


 
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

Look 4 a star

...



..ขอบคุณ ท่านเจ้าคุณหลวง... ส.ก๊ากๆ ส.หัว

อรัญญวาสี

ซูชิ  อาหารญีปุ่น อาหารต่างประเทศใส่บาตรได้หรือไม่

บางคนเอาเงินใส่บาตรด้วย ได้หรือไม่ เป็นบุญหรือเป็นบาป

ตอนพระบิณฑบาต ควรรับแต่อาหารใช่หรือไม่

ข้าวหมาก ควรนำมาตักบาตรหรือไม่

คุณหลวง

    ขอให้เป็นอาหารปรุงสุกครับ ไม่เกี่ยงว่าอาหารของชนชาติใด ใส่ได้ทั้งสิ้น(ส่วนตัวยังไม่เคยกินซูชิครับ และไม่รู้จักว่าเป็นอย่างไร แต่คิดว่าไม่เป็นปัญหาครับ)

    เรื่องเงินใส่บาตรนั้นกลายเป็นความสะดวกที่นิยมไปเสียแล้ว พระมากมายก็ชอบ โดยวินัยนั้นผิดครับ พระไม่ควรรับ และไม่ควรสะสมเงินทอง แต่สมัยปัจจุบันมีไว้เพื่อความสะดวกในการเดินทางหรือเล็กๆน้อยๆบางอย่างก็เห็นว่าอนุโลมได้อยู่ แต่ประเภทที่แสวงหา สะสม นั้นไม่ควรอย่างยิ่ง

    บางพระ บางพวกถึงกับบิดเบือนพระพุทธพจน์เพื่อการได้มาแห่งวัตถุ เช่น แสดงว่าการถวายเงิน ทานมากได้บุญมากกว่าถวายน้อย โดยอ้างว่าคนที่ถวายมากย่อมมีความตั้งใจมากกว่า นั้นเป็นการตีความที่ค่อนข้างเห็นแก่ตัวมากไปครับ เพราะคนเรามีฐานะ ความจำเป็นต่างกัน

    สมัยพุทธกาลมีพราหมณ์ยากจนมีแค่ผ้านุ่งส่วนตัว แต่ศรัทธาอยากถวายผ้านั้นแก่พระสงฆ์ อายก็อายแต่ศรัทธาแรงกล้ากว่าเลยถอดถวาย ยอมแก้ผ้า แล้วร้องว่า "ชิตัง เมๆ" เราชนะแล้วๆ คือชนะใจตระหนี่ของตนได้ เช่นนี้ แม้น้อยแต่มหาศาลกว่าผ้าพันผืนเนื้อดีที่พระราชาถวายก็เป็นได้ครับ หากเจตนาของราชาไม่ถึงขนาดกัน

    ส่วนเรื่องจะเป็นบุญหรือบาปนั้น ผมว่าเจตนาคนถวายคงเป็นบุญ แต่พระที่รับนั้นจะเป็นนาบุญที่ดีหรือไม่ ก็อีกเรื่อง เจอนาร้าย ข้าวบุญทีปลูกก็ได้ผลน้อยครับ ก็ลองพิจารณากันดู

    นักบวชที่ล่อลวงเขาเพื่อประโยชน์ส่วนตัวนั้นพระพุทธองค์เคยตรัสโทษว่า เป็นเช่นมหาโจรที่ลักเขากิน มิใช่สิทธิ์ที่นักบวชพึงได้รับ

    แต่เมื่อญาติโยมใส่เงิน บางพระไม่อยากรับ แต่ไม่กล้าขัด พระที่อยากรับแซงคิวมารับแทนก็มี เคยเจออยู่ ดังนั้น ไม่ใส่เงินจะดีกว่าครับ จะว่าควรรับแต่อาหารก็มิได้ ต้องว่าตามเหตุผล ดอกไม้ธูปเทียนก็ควรรับ(แห่ะๆ)

    ส่วนแป้งข้าวหมากนั้น ผมก็ชอบครับ ตอนบวชเขาถวายมาก็รับและฉัน แต่เมื่ออ่านประวัติหลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี มีตอนหนึ่งท่านได้แป้งข้าวหมากมา ท่านก็ไม่ฉัน ให้เหตุผลว่ารสและกลิ่นของมันไม่เหมาะกับนักบวช ผมก็แสลงใจไปมั่งเหมือนกัน ก็ตัดปัญหาอย่าใส่เลยครับ ไม่เป็นไรหรอก


สะบายดี...
คุณหลวง
๐๓/๐๒/๒๕๕๔/๑๐๐๕
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

อาตมา

สมัยนี้ พระดีดีหาทำขี้เกลือยากมาก เพราะเห็นแต่ในหน้าหนังสือพิ่มพ์มั่งไรมั่ง เช่น พระเอากับสีกา ดูหนังโป๊ ส.มองลอดแว่น อ่านหนังโป๊ ส.อ่านหลังสือ ถ่ายคลิปโป๊ ส.โทร อย่างเอินกะลักกะลุยเหลย ไม่อยากอีแหลงแล้ว ส.ก๊ากๆ ส.ก๊ากๆ ส.ก๊ากๆ 

คุณหลวง

อ้างจาก: อาตมา เมื่อ 22:04 น.  03 ก.พ 55
สมัยนี้ พระดีดีหาทำขี้เกลือยากมาก เพราะเห็นแต่ในหน้าหนังสือพิ่มพ์มั่งไรมั่ง เช่น พระเอากับสีกา ดูหนังโป๊ ส.มองลอดแว่น อ่านหนังโป๊ ส.อ่านหลังสือ ถ่ายคลิปโป๊ ส.โทร อย่างเอินกะลักกะลุยเหลย ไม่อยากอีแหลงแล้ว ส.ก๊ากๆ ส.ก๊ากๆ ส.ก๊ากๆ

งั้นก็ลองหาพระขี้เกลือมาทำดีดีสิครับ  ส.เอ๊
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

นายไข่นุ้ย

อ้างจาก: คุณหลวง เมื่อ 12:55 น.  04 ก.พ 55
งั้นก็ลองหาพระขี้เกลือมาทำดีดีสิครับ  ส.เอ๊
ใช่ หามาสิ
ส.โอ้โห
DO YOU KNOW ME? I AM A CAT 28 YEARS. AND YOU?    แมวแท้สู (แมวยิ้ม)

ใครโช้

คงเอามาทำกันไม่หวาดไม่ไหวเพราะมีเยอะมาก ปล่อยวายพันนั้นแหละดีแล้ว

อรัญญวาสี

เราควรนำเงินใส่บาตรหรือไม่  ถ้าใส่แล้วจะเป็นบาปหรือเปล่า พระควรรับเงินหรือไม่

เจอบางวันพระออกมายืนนิ่ง ๆ หน้าวัด รอให้ญาติโยมมาใส่บาตร  อันนี้เหมาะสมหรือเปล่า