ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ขอเชิญร่วมงานทอดผ้าป่าสามัคคี​ ณ.วัดควนเนียง​ ทุ่งลุง

เริ่มโดย Behind​ the​ Buddha, 18:36 น. 09 มิ.ย 62

Behind​ the​ Buddha

ขอเชิญร่วมงานทอดผ้าป่าสามัคคี​ ณ.วัดควนเนียง​ ทุ่งลุง

ปิดทองหลังพระ

อานิสงส์การร่วมบุญสร้างพระธาตุเจดีย์

อานิสงส์การร่วมบุญสร้างพระธาตุเจดีย์การสร้างเจดีย์เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ หรือ อัฐิธาตุของบุคคลที่ควรบูชาได้แก่ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ และพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นการสร้างมงคลให้กับตนเองอย่างสูงสุด เมื่อตายไปย่อมไปสู่สุคติโลกสวรรค์ย่อมได้ดวงตาเห็นธรรมและบรรลุมรรคผลนิพพานโดยง่าย การมีส่วนร่วมสร้าง พระเจดีย์จะมากหรือน้อย ถ้าทำด้วยความเลื่อมใส ก็ย่อมได้อานิสงส์มากมาย ดังตัวอย่างที่หยิบยกมาให้ท่านได้อ่านต่อไปนี้

พระเถระรูปนี้ในชาติก่อนมีส่วนร่วมสร้างเจดีย์ เพียงท่านใส่ก้อนปูนขาวลงในช่องแผ่นอิฐ ซื่งประชาชนกำลังก่ออิฐสร้างเจดีย์อยู่ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ด้วยจิตใจที่เลื่อมใส อำนาจแห่งบุญนั้นได้บันดาลให้ท่านไปเกิดในสวรรค์ แลโลกมนุษย์ถึง ๙๔ กัปป์ พอมาถึงสมัยพระพุทธเจ้าสมณโคดม ท่านได้มาบวชในพระพุทธศาสนาท่านคือ พระสุธาบิณฑิยเถระ

และยังมีเรื่องเล่าจาก #พระมหาโมคคัลลานะเถระ ว่าท่านได้พบเทพบุตรตนหนึ่งมีวิมานสวยงามวิจิตรตระการตา แวดล้อมด้วยนางฟ้าจำนวนมาก มาฟ้อนรำขับร้องให้เบิกบานใจ และเทพบุตรตนนี้มีอำนาจยิ่งใหญ่เหนือเทพบุตรทั้งปวง ท่านจึงถามเทพบุตรตนนั้นว่า เมื่อท่านเป็นมนุษย์ได้ทำบุญอะไรไว้หรือ ท่านถึงมีอานุภาพมากมีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศอย่างนี้ เทพบุตรตนนั้นตอบว่า แต่ก่อนเมื่อเป็นมนุษย์ได้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ได้ออกบวชอยู่ ๗ พรรษา และเป็นสาวกของพระศาสดานามว่า สุเมธ ต่อมาได้ดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว พระบรมสารีริกธาตุของท่านบรรจุไว้ในรัตนเจดีย์ซึ่งห่อหุ้มด้วยข่ายทองคำ ท่านได้ชักชวนประชาชนให้ไปสักการบูชาด้วยความเลื่อมใส กุศลจะส่งผลให้ขึ้นสวรรค์ ด้วยบุญนี้เองทำให้ข้าพเจ้าได้มาเสวยสุขอยู่ในทิพย์วิมานนี้เอง

ส่วน พระมหากัสสปะเถระนั้น ท่านได้พบเปรตตนหนึ่งมีกลิ่นเหม็นเน่า มีหนอนกินปาก นอกจากนี้ยังถูกยมบาลเฉือนปาก แล้วราดน้ำให้แสบร้อน จึงถามถึงผลกรรมของเปรตนั้น ทราบว่าแต่ก่อนตอนเป็นมนุษย์ ตนเป็นชาวนครราชคฤห์ได้ห้ามมิให้บุตร ภรรยา บูชาพระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมกับเล่าถึงพวกที่มีความคิดและกระทำเหมือนตน ส่วนภรรยา และบุตรของตนได้ไปเสวยสุขอยู่บนสวรรค์ มีวิมานสวยสดงดงาม เพราะอานิสงส์ที่ได้ไปใหว้พระบรมสารีริกธาตุ สำหรับตนเองนั้นตั้งใจไว้ว่า หากได้เกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง จะทำการบูชาพระสถูปเจดีย์ให้มากอย่างแน่นอน

#นอกจากนี้ในครั้งพุทธกาล พระเจ้าปัสเสนทิโกศล ได้เสด็จไปยังเมืองสาวัตถีพร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชบริพารเป็นอันมาก ครั้นถึงหาดทรายริมฝั่งแม่น้ำพระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นทรายขาว ผ่องบริสุทธิ์ยิ่งนัก ทรงมีพระทัยเลื่อมใสอย่างแรงกล้า ได้รับสั่งให้ช่วยกันก่อกองทรายให้เป็นรูปเจดีย์ถึง ๘๔,๐๐๐ องค์ มองดูเป็นทิวแถวสวยงาม เพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เสร็จแล้วได้เสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้าที่บุบผารามมหาวิหาร แล้วได้ทูลถามถึงอานิสงส์ แห่งการก่อเจดีย์ทราย พระพุทธเจ้าตรัสว่า ขอถวายพระพรมหาบพิตร ผู้มีศรัทธาแรงกล้าได้ก่อเจดีย์ทรายถึง๘๔,๐๐๐ องค์ หรือแม้แต่องค์เดียว ก็ย่อมได้รับอานิสงส์มาก จะไม่ตกนรกตลอดร้อยชาติถ้าเกิดเป็นมนุษย์ จะอุดมสมบูรณ์ทุกอย่าง มีชื่อเสียงเกียรติยศไปทั่วทุกทิศ จากนั้นจะได้ไปสวรรค์เวยทิพย์สมบัติ การก่อเจดีย์ทรายเป็นเรื่องของผู้มีความฉลาด มีความคิดดี ได้ทำเป็นประเพณีมาแล้วในอดีต แม้พระตถาคตเองก็เคยทำมาแล้วในครั้งเป็นพระโพธิ์สัตว์ ในครั้งนั้นตถาคตยากจนมาก มีอาชีพตัดฟืนขาย วันหนึ่งได้พบทรายขาวสะอาดมากในราวป่า ก็มีจิตใจศรัทธาผ่องใส วันนั้นได้หยุดตัดฟืนทั้งวัน ได้กวาดทรายก่อเป็นเจดีย์โดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก แล้วเปลื้องผ้าห่มของตน ฉีกทำเป็นธงประดับไว้ เพื่อบูชาพระติสสะสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วอฐิษฐานจิตขอให้เป็นปัจจัยแห่งพระโพธิ์ญาณในอนาคตกาล ครั้นเมื่อตายไปแล้วได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์อยู่ ๒ พันปีพิพย์ เมื่อสิ้นอายุขัย ได้อุบัติมาเกิดเป็นพระตถาคตนี้เอง สำหรับพระเจ้าปัสเสนทิโกศลนั้นก็ได้รับพยากรณ์ว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าในภายภาคหน้า

และพระมหากัสสปเถระ ยังได้กล่าวถึงประวัติและผลบุญแห่งการสร้างพุทธเจดีย์ของท่านไว้ดังนี้

ใน ครั้งที่พระพุทธเจ้ามีนามว่าปทุมมุตตระ พระองค์ได้ปรินิพพานแล้วพระมหากัสสปเถระได้ชักชวนหมู่ญาติมิตร และประชาชน ให้มาร่วมกันสร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อบูชาพระพุทธเจ้ากันเถิด ทุกคนมีจิตเลื่อมใส ปิติอิ่มเอมใจ จึงได้ช่วยกันสร้างเจดีย์สูงค่าเสร็จลงด้วยความเรียบร้อย เจดีย์สูงร้อยศอก สร้างปราสาท ห้าร้อยศอก สูงตระหง่านจรดท้องฟ้า ทุกคนมีจิตปิติเบิกบานในอานิสงส์บุญที่ได้พากันทำไว้ เมื่อท่านตายไปแล้วได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อยู่บนยานทิพย์เทียมด้วยม้าสินธพพันตัว วิมานของท่านสูงตระหง่านเจ็ดชั้น มีปราสาทหนึ่งพันองค์ ซึ่งสร้างด้วยทองคำ ศาลาหน้ามุขสร้างด้วยแก้วมณี ส่องแสงสว่างเจิดจ้าไปทั่วสารทิศ ทั้งยังมีอำนาจเหนือเทวดาทั้งปวง เมื่อลงมาเกิดในโลกมนุษย์ ในกัปป์ที่หกหมื่นในภัทรกัปป์นี้ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ ครอบครองอาณาเขตไปถึง ๔ ทวีป มีแก้วแหวนเงินทองมากมาย ประชาชนมีความสุขสำราญเหมือนดั่งเมืองบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และชาติสุดท้ายได้มาเกิดในสกุลพราหมณ์ที่ร่ำรวย แต่สละทรัพย์ออกบวช จนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ผู้เลิศด้วยปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ การไหว้พระธาตุถือเป็นการเสริมสร้างสิริมงคลให้แก่ชีวิตเป็นอย่างยิ่ง เพราะการบูชาพระธาตุ อันเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะนำมาซึ่งความสุข ความเจริญมาสู่ผู้ที่บูชา รวมทั้งอานิสงส์ผลบุญที่ได้จากการกราบไหว้บูชา ยิ่งหากใครบูชาด้วยจิตใจศรัทธาอันบริสุทธิ์ และหมั่นกราบไหว้เมื่อมีโอกาส อานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของพระธาตุ จะดลบันดาลให้เกิดสิริมงคลในชีวิตแก่ตัวผู้บูชา

#อานิสงส์ในการสร้างกุศลกับพระบรมสารีริกธาตุ

ถวายฉัตรยอดพระเจดีย์ —-> ได้รับการเคารพยกย่อง เกิดในชาติตระกูลสูง มีสง่าราศี

ถวายทองคำ —-> ผิวพรรณงาม เปล่งปลั่ง อุดมมั่งคั่ง

ถวายเงิน —-> ใจสว่างไสว อยู่เย็นเป็นสุข

ถวายอัญมณี —-> รัศมีกายทิพย์สว่าง มีราศรี มักประสบโชคดี

ถวาย, บรรจุพระเครื่อง —-> มีกำลังใจต่อสู้กับอุปสรรค มักมีคนช่วยเหลือเวลามีปัญหา

ถวายแผ่นทองคำเปลวปิดองค์พระเจดีย์ —-> มีราศีผิวพรรณงาม ใจสว่าง อบอุ่นใจ

ถวายอิฐ หิน ปูน ทราย —-> มีแต่ความมั่นคงในชีวิต ใจคอหนักแน่น ไม่โลเล

สร้างองค์พระเจดีย์ —-> มักได้สิ่งอันพึงปรารถนา สุขภาพดี ไม่มีวันอดตาย

ถวายธงหลากสีประดับองค์พระธาตุ —-> มีสง่าราศี กายทิพย์สว่าง

ถวายโคมไฟให้แสงสว่าง เทียน —-> ใจสว่าง ชีวิตสะดวกสบาย มีอุปสรรคน้อยลง มีปัญญาธรรมสูงขึ้น เบิกทางสู่ทิพยเนตร

ถวายดอกไม้อันบริสุทธิ์ต่างๆ —-> สุขสงบใจ ใจสะอาดสดชื่นผ่องแผ้ว

ถวายธูป เครื่องหอมต่างๆ —-> อบอุ่นมั่นคงในใจ ใจสว่างมีอุปสรรคน้อยลง มีกลิ่นกายสะอาด รู้สึกสดชื่นเสมอ

ถวายแผ่นหินปูพื้นพระเจดีย์ —-> มีบริวารดี มีสมาธิดีขึ้น มีเวลาปฏิบัติธรรมมากขึ้น

ถวายกระจกสีประดับองค์พระเจดีย์ —-> กายทิพย์สว่าง มีสง่าราศี มีคนศรัทธา เห็นความดีในตัว

ถวายผ้าเหลืองครอง(หุ้ม)องค์พระเจดีย์ —-> เพิ่มเนกขัมมบารมี ใจสงบขึ้น มีโอกาสได้วิมุตติธรรมเร็วขึ้น

สรงน้ำพระธาตุ —-> ใจสะอาดสงบสว่างขึ้น กายและใจชุ่มชื่นแจ่มใส สุขภาพดี

ถวายข้าว อาหาร เวรข้าวบูชาพระธาตุ —-> อุดมสมบูรณ์ อิ่มอกอิ่มใจ สุขภาพดี

เวียนเทียนรอบองค์พระเจดีย์ —-> เพิ่มวิสัยปัจจัยแห่งกุศลธรรม เป็นสิริมงคล ช่วยยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น สะอาดขึ้น

แสดงความเคารพอย่างสูงสุดต่อพระธาตุจากใจจริง —-> เป็นที่เคารพยกย่อง มักไม่มีใครเข้าใจผิดหรือ

มองอะไรผิดๆ ได้บารมีวิมุตติธรรมจากพระบรมธาตุ พาไปสู่วิสุทธิมรรค ผล นิพพานได้เร็วยิ่งขึ้น

เป็นเจ้าภาพหรือมีส่วนช่วยจัดงานฉลองพระธาตุ —-> ประสบสุขในชีวิตโดยทั่วไปแทบทุกด้านอุดมมั่งคั่ง มีคนเคารพยกย่องช่วยเหลือเสมอ

บูรณซ่อมแซมเจดีย์พระธาตุ —-> สุขภาพดี อายุยืน รูปร่างหน้าตาผิวพรรณดี มีฐานะมั่นคง

สร้างเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุ —-> ชีวิตมั่นคงสุขสมปรารถนาทุกด้าน เป็นที่เคารพยกย่อง ได้มรรคผล นิพพานเร็วขึ้น

ถวายภาชนะบรรจุพระบรมธาตุในเจดีย์ —-> มีชีวิตมั่งคง ปลอดภัย มั่งคั่ง มีบริวารดี มีเกียรติ เป็นที่ยกย่อง

ถวายบทสวด เทปสวดมนต์สวดบูชาพระธาตุ —-> เป็นที่ยกย่องสรรเสริญจากคนทุกหมู่เหล่า ได้ยินได้พบแต่สิ่งที่ดีงาม เสียงใสไพเราะ มีวาจางดงาม มีสมาธิดีขึ้น

พระปุฬินถูปิยเถระ ซึ่งเป็นพระอรหันต์ในครั้งพุทธกาลได้กล่าวถึงผลที่ท่านได้รับจากการที่ท่านเคยสร้างพระสถูปเจดีย์ไว้ดังนี้

"...เราเป็นชฎิลผู้มีตบะกล้ามีนามว่า นารทะ เราอยู่ในป่าผู้ที่จะสั่งสอน เราก็ไม่มี ใครๆ ที่จะตักเตือนเราไม่มี เราไม่มีอาจารย์และอุปัชฌาย์ สิ่งที่ควรบูชาเราควรแสวงหาเหมือนกัน เราจักได้ชื่อว่าเป็นผู้มีที่พึ่ง ครั้งนั้นเราได้ไปแม่น้ำชื่อ อเมริกา ตะล่อมเอาทรายมาก่อเป็นเจดีย์พระสถูปของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราได้ทำสถูปนั้นให้เป็นนิมิต เราก่อพระสถูปที่หาดทรายแล้วปิดทอง แล้วเอาดอกกระดึงทอง ๓,๐๐๐ ดอก มา บูชา เราเป็นผู้มีความอิ่มใจ ประนมกรอัญชลี นมัสการทั้งเวลาเย็น เวลาเช้า ไหว้พระเจดีย์เหมือนถวายบังคมพระพุทธเจ้าในที่เฉพาะพระพักตร์ ฉะนั้นในเวลาที่กิเลสและความตรึกเกี่ยวด้วยกามเกิดขึ้น เราย่อมนึกถึง เพ่งดูพระสถูปที่ได้ทำไว้ เราประพฤติอยู่เช่นนี้ได้ถูกพระยามัจจุราชย่ำยี เราทำกาลกิริยา ณ ที่นั้นแล้วได้ไปยังพรหมโลก เราอยู่ในพรหมโลกนั้นตราบเท่าหมดอายุ แล้วมาบังเกิดในไตรทิพย์ได้เป็นจอมเทวดาเสวยราชสมบัติในเทวโลก ๘๐ ชาติ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๓๐๐ ชาติ และได้เป็นพระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์โดยคณานับมิได้ เราได้เสวยผลของดอกกระดึงทองเหล่านั้น ดอกกระดึงทอง ๒๒,๐๐๐ ดอก แวดล้อมเราทุกภพ เพราะเราได้เป็นผู้บำรุงพระสถูปฝุ่นละอองย่อมไม่ติดกับตัว ที่ตัวเราเหงื่อไม่ไหล เรามีรัศมีแผ่ซ่านออกจากตัว พระสถูปเราได้สร้างไว้ดีแล้ว เราได้บรรลุบท (ธรรม) อันไม่หวั่นไหวก็เพราะได้ก่อสถูป ผู้ปรารถนาจะกระทำกุศล ควรเป็นผู้ยึดเอาสิ่งที่เป็นสาระ ความปฏิบัตินั่นเองที่เป็นสาระเมื่อถึงภพ (ชาติ) สุดท้าย เราเกิดในสกุลพราหมณ์มหาศาลอันมั่งคั่ง ในพระนครสาวัตถี เราได้เห็นพระ สถูปเสมอ จึงระลึกถึงเจดีย์ขึ้นได้นั่งอาสนะอันเดียวได้บรรลุอรหัตแล้ว เราได้บรรลุอรหัตตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ เราแสวงหาพระพุทธเจ้า เราได้เห็นพระธรรม จึงออกจากเรือนบรรพชาในสำนักของพระศากยบุตรกิจ ที่ควรทำในศาสนาของพระศากยบุตร เราได้ทำสิ้นแล้ว ข้าแต่พระ ผู้มีความเพียรอันยิ่งใหญ่ สาวกของพระองค์เป็นผู้ล่วงพ้นเวรภัยทุกอย่าง ล่วงพ้นความเกี่ยวข้องทั้งปวง นี้เป็นผลแห่งพระสถูปทอง..." ส.สู้ๆ

ธนาคารบุญ

" ธนาคารบุญ "
ธนาคารบุญมีอยู่หลายรูปแบบ แต่ว่าคนไม่ค่อยทราบกัน วันนี้จะมาขอแนะนำธนาคารบุญอย่างหนึ่งซึ่งเป็นธนาคารบุญใหญ่มากๆ
นั่นคือการสร้าง " พระพุทธรูป " การสร้างพระพุทธรูปถวายไว้ในพระพุทธศาสนา จัดเป็นสังฆทานและวิหารทาน เป็นเจดีย์ประเภทหนึ่งด้วย
ท่านเรียกว่า อุเทสิกกเจดีย์ การสร้างพระพุทธรูปมีอานิสงส์มาก เป็นธนาคารบุญยิ่งใหญ่ที่หลั่งไหลมาสู่ผู้ได้สร้าง เป็นกุศลมาก
โดยเฉพาะพระพุทธรูปที่สร้างแล้วมีคนมากราบไหว้สักการบูชาเยอะๆ ก็นับเป็นธนาคารบุญอันที่ให้กำไรดี การสร้างพระพุทธปฏิมากรขึ้นมาองค์หนึ่ง
ทำความร่มรื่นชุ่มเย็นปีติสุขให้แก่ผู้ได้พบเห็นผู้ที่ได้เคารพกราบไหว้บูชา ซึ่งไม่ใช่แค่คนเท่านั้นเหล่าทวยเทพทั้งหลายก็มักจะมากราบไหว้บูชาองค์พระปฏิมากรด้วยเช่นกัน
(ซึ่งครูบาอาจารย์เคยสอนไว้ว่า ในเวลา ๕ ทุ่มของทุกๆวันจะเป็นเวลาที่เหล่าทวยเทพลงมาสักการะพระพุทธรูปทั้งปวง ครูอาจารย์ท่านจึงได้สอนวิธีต้อนรับองค์เทพที่มาไหว้พระที่บ้านของเรา
เมื่อเราทำการตอนรับเทวดา ท่านก็จะอวยชัยให้พรแก่เราทำให้เรามีความเจริญรุ่งเรืองได้เช่นกัน) ทุกๆครั้งที่มีคนมากราบไหว้ เอาดอกไม้ ธูป เทียน ของหอมมาสักการะบูชา หรือเหล่าทวยเทพมาสักการะ
องค์พระพุทธรูปที่เราได้ร่วมสร้าง ทุกๆบุญที่เกิดขึ้นนั้น เราก็จะมีส่วนในบุญนั้นด้วย ฉะนั้นยิ่งมีคนมากราบไหว้บูชาพระที่เราสร้างมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นกุศลมากขึ้นเรื่อยๆไป
โดยเฉพาะใครที่ได้เป็นเจาภาพสร้างองค์เดียวคนเดียวเต็มๆ แล้วมีผู้คนมากราบไหว้ บุญกุศลนั้นก็จะหลั่งไหลหาบุคคลนั้นอย่างเต็มๆ มากมายมหาศาล
แต่ถ้าเราไม่สามารถจะเป็นเจ้าภาพคนเดียวได้ ก็ให้ร่วมกันสร้าง มีปัจจัยมากน้อยเท่าไหร่ก็ให้ร่วมไป ให้ตั้งใจว่าร่วมสร้างทั้งองค์ ถ้าไม่มีปัจจัยก็ให้ไปออกแรง ยกปูน ยกหินก่อสร้าง หรือถ้าเป็นพระโลหะ
ก็ให้ไปขันอาสาในกิจการงานหล่อพระ แบบนี้ถ้ามีส่วนในการสร้างองค์พระ มีบุญที่เกิดขึ้นเนื่องด้วยองค์พระ เราก็จะมีส่วนด้วย อย่างน้อยที่สุด เหล่าเทพเทวามาสักการะเวลาห้าทุ่มทุกวัน เราก็ได้บุญตรงนี้ด้วย
คราวนี้มีบุญตรงนี้จะดีอย่างไร ก็ต้องบอกว่า มีบุญสำเร็จทุกอย่าง มีความสุขมีความเจริญในชีวิตทุกประการ คนมีบุญคือคนมีวาสนาดี วาสนาดี บุญดี ก็คือ ดวงดี ทำอะไรก็ขึ้น
เป็นมงคล ทำอะไรก็สำเร็จ ไม่ตกอับไม่อับจน การสร้างพระจึงเป็นธนาคารบุญ ธนาคารกุศล ที่ส่งบุญให้เราดวงดีขึ้นทุกวันๆ เฮงขึ้นเจริญขึ้น ฉะนั้น จึงเชิญชวนให้ทุกคนสร้างพระบ่อยๆ
สร้างเยอะๆหรือร่วมด้วยหลายๆองค์ พอทำไปถึงระดับ เก็บสะสมไปเรื่อยๆจนมากพอแล้ว ทำอะไรก็ขึ้นก็ขลัง ทำอะไรก็สำเร็จ จึงขอเชิญขวนให้ทุกคนสร้างพระกันเนืองๆ ด้วยจิตศรัทธาแท้ แล้วจะดี
จะเป็นมงคลประสบสำเร็จทั้งในโลกนี้และโลกหน้า และเป็นปัจจัยให้ได้ความสุขอันสูงสุด คือมรรคผลนิพพานด้วยจ้า สาธุ อนุโมทนาบุญ...  ส.สู้ๆ

พุทธวจน

"ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายอย่ากลัวบุญเลย"

   ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายอย่ากลัวบุญเลย คำว่า 'บุญ' นี้ เป็นชื่อของความสุขที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่ารัก น่าพอใจ เรารู้ชัดผลที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่ารัก
น่าพอใจของบุญที่เราทำไว้ตลอดกาลนาน เราเจริญเมตตาพรหมวิหารมาถึง ๗ ปีจึงไม่มาเกิดในโลกนี้อีกถึง ๗ สังวัฏฏวิวัฏฏกัป๑- ทราบมาว่า เมื่อกัปพินาศไป เราบังเกิดอยู่ในพรหมโลกชั้นอาภัสสระ เมื่อกัปเจริญขึ้นใหม่ เราบังเกิดอยู่ในพรหมวิมานที่ว่างเปล่า

             ภิกษุทั้งหลาย ณ พรหมวิมานนั้น เราเป็นพรหม เป็นผู้ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครเทียบได้ด้วยคุณธรรม เป็นผู้สามารถเห็นอดีต อนาคต และปัจจุบันได้อย่างแจ่มแจ้ง เป็นผู้บังคับจิตให้เป็นไปในอำนาจของตนได้ ภิกษุทั้งหลาย เราเคยเป็นท้าวสักกะจอมเทพถึง ๓๖ ชาติติดต่อกัน เคยเป็นพระเจ้าจักรพรรดิผู้ทรงธรรม เป็นธรรมราชามีอำนาจ
แผ่ไปทั่วมหาสมุทรทั้ง ๔ เป็นผู้พิชิตชัยได้ทั้งภายในและภายนอก มีแว่นแคว้น
มั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง สมบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ ประการ๒- นับได้หลายร้อยครั้ง
ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงการเกิดเป็นพระเจ้าแผ่นดินประเทศราชเลย

             เรานั้นได้มีความคิดอย่างนี้ว่า 'บัดนี้ เราเป็นผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมากถึงเพียงนี้ด้วยผลของกรรมและวิบากของกรรมอะไรหนอ'

             ภิกษุทั้งหลาย เราตอบตนเองได้ว่า 'บัดนี้ เราเป็นผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมากถึงเพียงนี้ด้วยผลของกรรมและวิบากของกรรม ๓ ประการ คือ

                          ๑. ทาน (การให้)๑-
                          ๒. ทมะ (การฝึกตน)๒-
                          ๓. สัญญมะ (การสำรวม)๓-"
             พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความดังกล่าวมานี้แล้ว ในพระสูตรนั้น จึงตรัส
คาถาประพันธ์ดังนี้ว่า

                          บัณฑิตพึงศึกษาบุญที่ดีเลิศ
                          มีความสุขเป็นกำไรเท่านั้น คือพึงบำเพ็ญทาน
                          ประพฤติธรรมสม่ำเสมอ และเจริญเมตตาจิต
                          บัณฑิตครั้นบำเพ็ญธรรม ๓ ประการ
                          อันเป็นเหตุเกิดความสุขเหล่านี้แล้ว
                          ย่อมเข้าถึงโลกที่เป็นสุข ซึ่งไม่มีการเบียดเบียนกัน
             แม้เนื้อความนี้ พระผู้มีพระภาคก็ตรัสไว้แล้ว ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้แล
เมตตสูตรที่ ๒ จบ

๓. อุภยัตถสูตร
ว่าด้วยประโยชน์ทั้งสอง

             [๒๓] แท้จริง พระสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคตรัสไว้แล้ว พระสูตรนี้ พระอรหันต์กล่าวไว้แล้ว ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
           
  "ภิกษุทั้งหลาย ธรรมอย่างหนึ่งที่บุคคลอบรมแล้ว ทำให้มากแล้ว ย่อมถือเอา
ประโยชน์ทั้งสองได้ คือ ประโยชน์ในโลกนี้และประโยชน์ในโลกหน้า

@เชิงอรรถ :

@๑ การให้ ในที่นี้หมายถึงการบริจาคไทยธรรมมีข้าวเป็นต้น (ขุ.อิติ.อ. ๒๒/๘๙)
@๒ การฝึกตน ในที่นี้หมายถึงการสำรวมอินทรีย์มีตาเป็นต้น และการข่มกิเลสมีราคะเป็นต้น (ขุ.อิติ.อ. ๒๒/๘๙)
@๓ การสำรวม หมายถึงการสำรวมกาย วาจา (ขุ.อิติ.อ. ๒๒/๘๙)
{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๕ หน้า : ๓๖๗}

                  เนื้อความพระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาฯ เล่มที่ ๒๕ หน้าที่ ๓๖๖-๓๖๗.