(25 พ.ย.63) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันที่ 27 พ.ย.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเป็นประธานพิธีลงนามในสัญญาการจัดหาวัคซีนโควิด-19 โดยการจองล่วงหน้าและสัญญาการจัดซื้อวัคซีนกับบริษัท แอสตร้าเซเนก้า หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สำหรับประชาชนไทย
โดยการจองล่วงหน้าและการจัดซื้อวัคซีนในวงเงินกว่า 6,000 ล้านบาท โดยให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติจัดทำสัญญาการจัดหาวัคซีนโดยการจองล่วงหน้า ภายใต้เงื่อนไขว่ามีโอกาสที่จะได้รับวัคซีนหรือไม่ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับผลการวิจัยพัฒนาหรือเหตุอื่นๆ ในวงเงินกว่า 2,300 ล้านบาท โดยจะมีการลงนามที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล สำหรับการลงนามดังกล่าว จะทำใหัคนไทยมีโอกาสเข้าถึงวัคซีนมากกว่าประเทศอื่นโดยคาดว่าจะได้รับวัคซีนกลางปี 2564
น.ส.ไตรศุลี กล่าวด้วยว่า ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยข่าวดีเกี่ยวกับการวิจัยวัคซีน ที่ผลิตโดยบริษัท แอสตร้า เซเนก้า โดยผลการวิจัยวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มีประสิทธิผลเกินข้อกำหนดขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่กำหนดมาตรฐานการรับรองวัคซีนป้องกันโควิด-19 ต้องมีประสิทธิผลไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ซึ่งการวิจัยแบ่งออกเป็น 2 แบบ โดยแบบแรกพบว่าประสิทธิผลในการป้องกันโรคโควิด-19 สูงถึงร้อยละ 90 ส่วนแบบที่สองพบว่ามีประสิทธิผลร้อยละ 60 เฉลี่ยประสิทธิผลโดยรวมของทั้ง 2 แบบอยู่ที่ร้อยละ 70.4 และวัคซีนยังมีความปลอดภัยสูงด้วย