ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

Digital Marketing Freelancer หลักสูตรอบรม, ความรู้การทำ SEO เพื่อเพิ่มยอดขาย

เริ่มโดย wm5398, 21:10 น. 22 มิ.ย 64

wm5398

วิธีเช็คว่า หลังจากโพสเฟสบุ๊คแล้วลูกค้า Add Line@ เยอะมากแค่ไหน ?

วิธีเช็คว่า หลังจากโพสเฟสบุ๊คแล้วลูกค้า Add Line@ เยอะมากแค่ไหน ?
สำหรับคนที่ชื่นชอบการคุยกับลูกค้าผ่าน Line@ หากได้รู้วิธีเช็คว่าคน Addline@ จากเฟสบุ๊คโพสมากแค่ไหน ? ก็ช่วยทำให้เราเห็นว่าโพสประเภทใดที่มีผลต่อการ Add Line ครับ เพื่อที่เราจะได้ทำเนื้อหาแบบนั้นมากยิ่งขึ้นไปนั่นเอง
https://warrior.in.th/freelance-seo/marketing/how-to-check-add-line-from-facebook-post/

wm5398

ทำเว็บไซต์เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม สู้เว็บระดับโลก E-Marketplace


ทำเว็บไซต์เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม Niche Market
ในเมื่อการทำเว็บไซต์เดียวแต่ขายทุกอย่างในเว็บ ไม่ตอบโจทย์การทำการตลาดบนกูเกิลอีกต่อไป คำตอบคือการทำเว็บไซต์ที่เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม ทำเว็บไซต์รองรับสินค้าเพียงเรื่องเดียว แต่เอาให้อยู่ ยึดพื้นที่ในหน้าแรกบนกูเกิลให้ได้ ก็ช่วยทำให้สินค้าขายของได้อย่างยั่งยืนมากยิ่งขึ้นครับ
https://warrior.in.th/freelance-seo/make-a-niche-market-i-will-fight-the-world-e-marketplace/

wm5398

วิธีสร้างเว็บขายของออนไลน์ขั้นพื้นฐาน


วิธีสร้างเว็บขายของออนไลน์ขั้นพื้นฐาน ด้วย WordPress และ WooCommerce
วิธีสร้างเว็บขายของออนไลน์ขั้นพื้นฐาน สอนว่าควรจดโดเมนและเช่า hosting ที่ไหน อีกทั้งสอนการติดตั้ง WordPress รวมทั้งบอกแหล่งขาย Theme WordPress , การ Download Theme WordPress และการติดตั้ง Theme WordPress ครับ
https://warrior.in.th/entrepreneur/create-basic-e-commerce-website/

wm5398

วิธีขายของออนไลน์ สำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซแบบ B2B


วิธีขายของออนไลน์ สำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซแบบ B2B
วิธีขายของออนไลน์ และทำการตลาดออนไลน์สำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซแบบ B2B สไตล์นักรบ โดยเริ่มจากมีสินค้าหรือบริการที่ดีก่อน หลังจากนั้นมุ่งมั่นสร้างเว็บไซต์ โดยเฉพาะภาพให้สวยดูดีได้มาตรฐานเดียวกับคู่แข่งหรือมากกว่า ซึ่งเราควรค้นหาเว็บไซต์ต่างประเทศเพื่ออ้างอิงการทำภาพให้สวยงามได้มาตรฐานด้วย
https://warrior.in.th/entrepreneur/how-to-sell-online/

wm5398

การออมเงินทำให้มีเงินใช้แต่ไม่รวย เพราะ ROI ต่ำเพียง 1-2% ต่อปี

หลังจากศึกษาเรื่องอัตราผลตอบแทนการลงทุน (ROI) และอ่านหนังสือเงิน 4 ด้าน (ถึงแม้คนแต่งหนังสือจะมีข่าวโดนฟ้องล้มละลาย ก็ขอให้เรียนรู้จากสิ่งดีๆที่เขาให้ไว้ครับ) หนังสือเงิน 4 ด้าน ได้อธิบายถึงรายได้จากคน 4 ประเภท คือ ลูกจ้าง, คนทำธุรกิจส่วนตัว, เจ้าของกิจการ และนักลงทุน ซึ่งดูแล้วใครๆก็อยากเป็นเจ้าของกิจการหรือนักลงทุนกันหมด แต่เป็นไม่ได้เพราะมันต้องใช้เงินลงทุนสูงมากเป็นหลักล้าน

ฉะนั้นนักรบควรเริ่มต้นจากฝั่งลูกจ้างแล้วค่อยเขยิบไปทำธุรกิจส่วนตัว แล้วขยายไปเป็นเจ้าของกิจการและนักลงทุนตามลำดับครับ

พื้นฐานด้านการออมเงิน
         - การออมเงินเพื่อใช้จ่าย : พื้นฐานความรู้ทางการเงิน สอนให้เรารู้จักการออมเงินเพื่อใช้จ่ายสำรองเวลาตกงาน, เจ็บป่วย, เดินทาง, ซื้อของใช้ต่างๆตั้งแต่ชิ้นเล็กไปยันชิ้นใหญ่, ซื้อบ้าน, ซื้อรถ, ซื้อมือถือ อะไรต่อมิอะไรเยอะแยะไปหมด
                 - ออมเงินไว้ใช้สำรองฉุกเฉิน
                 - ออมเงินไว้ดาวน์บ้าน ดาวน์รถ
                 - ออมเงินไว้ใช้หลังเกษียณ
         - การออมเงินเพื่อทำประกัน รับมือความเสี่ยง : ควรทำประกันเพื่อจัดการความเสี่ยงเช่น ประกันรถ, ประกันบ้าน ประกันอุบัติเหตุ และโรคภัยไข้เจ็บ
         - การออมเงินเพื่อลงทุน : เพื่อลงทุนให้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูงๆ ROI สูงๆ  ตรงนี้คือจุดสำคัญผมพยายามเน้นมากที่สุด เพราะมันช่วยเพิ่มเงินในกระเป๋าของเราได้มากเป็นพิเศษนั้นเอง

โปรแกรมแนะนำ : โปรแกรมคำนวณดอกเบี๊ยเงินฝาก
https://www.1213.or.th/th/tools/programs/Pages/savings.aspx

ROI คือ อะไร ?
ROI ย่อมาจาก Return on investment คือ อัตราผลตอบแทนการลงทุน
สูตรคำนวณคือ อัตราผลตอบแทนการลงทุน (ROI) = กำไร x 100 / เงินลงทุน
นักรบศึกษาเรื่อง ROI อยู่ ทั้งวิธีคิดและการคำนวณ ทำให้พบว่า ถ้าเราเอาทุกการลงทุนที่เราทำได้นั้นมาคำนวณ ก็จะตัดสินใจได้ว่า เราควรลงทุนกับอะไรดี ประมาณค่า ROI อัตราผลตอบแทนการลงทุนในเงินฝาก,ตราสารหนี้,กองทุนรวมและหุ้น
         1. ฝากเงิน ค่า ROI 1% ต่อปี
         2. ตราสารหนี้ ค่า ROI 1-2% ต่อปี
         3. กองทุนรวม ค่า ROI ตั้งแต่ติดลบ-10% ต่อปี
         4. หุ้น ค่า ROI ตั้งแต่ติดลบ-10% ต่อปี
         5. ตราสารนุพันธ์ เก็งกำไร ความเสี่ยงสูง (ตัวนี้ผมไม่เล่นอยู่แล้วครับ)
** ส่วนเรื่องการลงทุนใน Startup, Bitcoin,Tfex,Forex ขอไม่พูดถึง เพราะไม่ได้ศึกษาครับ หากลองเช็คดูดีๆ ตั้งแต่ 1-5 คือการลงทุน ซึ่งเหมาะกับคนที่เป็นนักลงทุน (Investor) และถ้าจะให้ดีควรมีเงินลงทุนหลักล้านขึ้นไป และมีค่า ROI ตั้งแต่ติดลบ – 10% ต่อปี หรือ สูงสุดไม่น่าจะเกิน 20% ต่อปี

ลงทุนหาความรู้และประสบการณ์ ก่อนที่จะลงทุนจ่ายหนักๆ
        1. ลงทุนหาความรู้และประสบการณ์ในงานประจำก่อนครับ
        2. ลงทุนหาความรู้จากหนังสือ และความรู้ในอินเตอร์เนตที่ฟรีและถูกๆก่อน
        3. ลงทุนหาความรู้และประสบการณ์จากการลงมือทำเล็กๆก่อน
        4. ลงทุนจากการเข้าอีเวนต์และสัมมนา (ข้อนี้เช็คให้ดี เพราะมันต้องออกนอกบ้านหรือเสียเงิน ระวังสิ่งที่ได้ไม่คุ้มเสียนะครับ)
** นักรบเน้นข้อ 1-3 ครับ เพราะใช้บ่อยที่สุด ส่วนข้อ 4 ไม่เน้นครับ

แชร์ประสบการณ์ตัวเอง ทำ E-Commerce ให้ค่า ROI 50-300 %
ทำธุรกิจส่วนตัวเปิดเว็บไซต์ขายของออนไลน์ (E-Commerce) ได้ค่า ROI ที่สูงกว่าเงินฝาก,ตราสารหนี้,กองทุนรวมและหุ้นหลายเท่าครับ จากประสบการณ์การทำ E-Commerce ของนักรบ จะได้อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน ROI อยู่ที่ 50-300% โดยเฉลี่ย และมียอดขายรวมเกินล้าน/ปี จากธุรกิจค้าขายออนไลน์ (E-Commerce) ทั้งหมด 3 ธุรกิจ

สรุป คือ เร่งทำธุรกิจออนไลน์ ค้าขายออนไลน์ ให้ได้มากๆหลายธุรกิจ
ไม่มีการลงทุนไหนที่นักรบจะทำแล้วได้ผลตอบแทนการลงทุนได้สูงและทำได้ชัวร์เท่าการทำ E-Commerce อีกแล้ว ฉะนั้นจึงตัดสินใจวางแผนสะสมธุรกิจ E-Commerce ที่ได้ ROI สูงๆเข้าไปหลายๆธุรกิจ แล้วค่อยผันตัวเป็นเจ้าของกิจการและนักลงทุนต่อไป ลุย!!!
https://warrior.in.th/freelance-seo/income/roi-investment/


wm5398

ทำการตลาดด้วย "การให้"


เป็นฟรีแลนซ์และเปิดบริษัทมาจะ 3 ปีแล้ว ลองเปลี่ยนวิธีทำการตลาดไปเรื่อยๆ ทั้ง Facebook, Google SEO & Adwords, YouTube, Line@ และ Email Marketing บางอย่างก็ลองเล่นเยอะ บางอย่างก็ลองเล่นผิวเผินพอได้รู้ พบว่า... ถ้าเราเก่งการใช้เครื่องมือการตลาดเหล่านั้น จะได้ประโยชน์ และช่วยทำให้สินค้าหรือบริการขายได้นะ (อ้างอิงจาก ผลลัพธ์การตลาด & Case Study)

แต่ทว่าสิ่งที่สำคัญสิ่งหนึงที่ต้องมีก่อนเลย คือ พลังของการลุยลงมือทำการตลาด ซึ่งถ้าพลังนั้นมาจากการอยากได้เงินหรือชื่อเสียงเป็นจำนวนมากๆ เราจะมีพลังฮึดแค่เพียงวูบเดียวสั้นๆ ไม่ต่อเนื่อง พอพบเจอปัญหาก็ไม่พยายามมากพอ เมื่อทำไม่ไหวหรือไปต่อไม่ได้ ก็จะมองหาสิ่งที่ทำได้ง่ายกว่า ได้เงินเร็วกว่า จนบางครั้งอาจชักพาเราไปสู่การหลอกหลวงในรูปแบบต่างๆที่ทยอยเปิดมาหาเงินจากคนขี้เกียจแต่อยากรวยเร็ว ซึ่งเราจะเห็นได้บ่อยในทุกยุคทุกสมัยจริงๆ พลังที่ใช้ได้ผลจริงกับนักรบคือ พลังของ "การให้" เช่น – ให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจชื้อที่ดี ละเอียดเพียงพอและมีรูปภาพประกอบน่าสนใจ – ให้ข้อมูลจากประสบการณ์จริง ที่ทำแล้วได้ผล – ให้ข้อมูลสม่ำเสมอๆและอัพเดทข้อมูลจากการลงมือทำอะไรใหม่ๆ

หนังสือ Give & Take
หนังสือ แค่รู้วิธีให้คนรับได้เท่าไหร่คนให้ได้มากกว่า (Give And Take)
หนังสือ Give & Take น่าจะอธิบายเสริมถึงพลังของการให้ได้เป็นอย่างดี โดยหนังสือเล่มนี้แบ่งคนด้วยวิธีปฏิสำพันธ์กับผู้อื่น ออกเป็น 3 กลุ่ม
        - ผู้รับ (takers) คือ คนที่ชอบเป็นฝ่ายรับมากกว่าให้
        - ผู้ให้ (givers) คือ คนที่ชอบเป็นฝ่ายให้มากกว่ารับ
        - ผู้แลกเปลี่ยน (matchers) คือ คนที่เน้นการแลกเปลี่ยนอย่างเท่าเทียมกัน อ่านรีวิวหนังสือเพิ่มเติมได้ที่ https://rath.asia
ถ้าพอจะเห็นพลังของการให้ ที่ส่งผลต่อการทำการตลาด Content Marketing ละก้อ ลองทำดูนะครับ ลุย!!!
https://warrior.in.th/freelance-seo/marketing/give-marketing/

wm5398

ผลลัพธ์การทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ – ธุรกิจขายสูตรน้ำสลัด


ผมวางแผนทำการตลาด Google Marketing (SEO & AdWords) ให้กับ เชฟหมวย สอนทำน้ำสลัด เพื่อที่เขาจะได้ออกจากงานประจำมาทำธุรกิจส่วนตัวเต็มเวลาครับ จนวันนี้เขาสามารถออกจากงานประจำมาทำธุรกิจของตัวเองได้แล้ว ส่วนวิธีการนั้น ผมจะเล่าผ่านบทความนี้ครับ

วิธีเลือกธุรกิจที่จะทำเสริมควบคู่งานประจำ
เราควรทำธุรกิจสร้างรายได้เสริมควบคู่งานประจำก่อน เพราะว่ามันช่วยสร้างรายได้ และถ้าธุรกิจไปได้ดี จึงวางแผนออกจากงานประจำมาทำธุรกิจเต็มตัวครับ และเหตุผลหนึงที่ผมมักผลักดันให้เชฟหมวยออกมาทำเพราะ ผมอยากให้เขาเรียนรู้การทำธุรกิจได้เต็มที่ ซึ่งมันแตกต่างจากโลกของงานประจำค่อนข้างมากเลยทีเดียว และธุรกิจที่เราเลือกคือ สอนทำน้ำสลัด เหตุผลเพราะ
         1. เริ่มต้นเงินทุนต่ำ และเลือกทำอาหารเพราะเชฟหมวยมีต้นทุนด้านความรู้เกี่ยวกับการทำอาหารอยู่แล้ว
         2. สลัดเป็นอาหารสุขภาพที่ถ่ายรูปสวย เวลาทำการตลาดถ้ารูปสวยจะทำได้ง่าย
         3. สลัดเป็นอาหารประเภทหนึงที่คนรักสุขภาพชอบ ทำให้มีคนติดตามและแชร์ได้ง่าย
หลังจากพอได้ไอเดียคร่าวๆก็ลุยสร้างเว็บไซต์ Bravelife.in.th และทำ AdWords, SEO & Content marketing กันต่อเลยครับ

เริ่มต้นกับเว็บไซต์ Bravelife.in.th
เว็บไซต์ Bravelife.in.th เป็นเว็บไซต์สอนทำเมนูสลัด และเปิดคอร์สสอนทำสูตรน้ำสลัดทั้งในแบบห้องเรียนและวีดีโอออนไลน์ โดยเชฟหมวยเริ่มต้นจากเปิดเว็บไซต์และแฟนเพจขึ้นก่อน ในระหว่างทำงานประจำก็สร้างสรรเมนูสลัดใหม่ๆ เพื่อโพสลงเว็บไซต์และแฟนเพจสม่ำเสมอจนมี 30 เมนู จากนั้น 6 เดือนต่อมา จึงคิดสูตรน้ำสลัดพร้อมขาย และสามารถสร้างยอดขายที่มากกว่าเงินเดือนได้ในเดือนที่ 8 และออกจากงานประจำมาทำธุรกิจส่วนตัวเต็มเวลา


SEO Rank ณ วันที่ 1/10/2560
ติดอันดับ 1 ใน Keyword : เรียนทำน้ำสลัด
ติดอันดับ 1 ใน Keyword : สอนทำน้ำสลัด
ติดอันดับ 1 ใน Keyword : สอนทำสลัด
และ SEO ติดอันดับ 1-10 มากกว่า 100 Keywords โดยจะมี Google Organic Click 17,000 คลิ๊ก/เดือน

การผลิตคอนเทนต์ (Content Marketing)


ถ้ามีแต่ของขายอย่างเดียว ไม่มีของฟรีแจกบ้างเลย คนจะไม่รู้จักเราครับ เราต้องทำของฟรีแจกบ้าง โดยของฟรีนี้คือวิธีทำเมนูสลัดต่างๆ และมีข้อมูลเกี่ยวกับการผลิตคอนเทนต์ดังนี้
        - ความถี่ในการทำคอนเทนต์ = 2 คอนเทนต์ / 1 อาทิตย์
        - ต้นทุนต่อ 1 คอนเทนต์ = 300 บาท
        - ระยะเวลาในการทำ 1 คอนเทนต์ =  1 วัน

อุปกรณ์ที่ต้องมี
        1. กล้องถ่ายรูปความคมชัดสูง เช่น กล้อง DSLR
        2. ไฟต่อเนื่อง 2 ชุด
        3. โต๊ะรองถ่ายรูปพื้นหลังสีขาว
        4. คอมพิวเตอร์

โปรแกรมที่ใช้
        1. Adobe Lightroom สำหรับแต่งแสงและภาพรวมของภาพ
        2. Photoscape สำหรับทำกรอบภาพและตีช่องวางภาพ
        3. Photoshop สำหรับทำภาพแบนเนอร์ ภาพหน้าปกต่างๆ

งบประมาณการโฆษณา
        1. Facebook Boost Post  ใช้งบ 500-1,000 บาท/เดือน
        2. Google AdWords ใช้งบ 1,500 บาท/เดือน
        3. Facebook Ads กำหนดความถี่ในการเข้าถึง 90 วัน เห็น 1 ครั้ง ใช้งบ 1,500 บาท/เดือน

เครื่องมือทำการตลาด (Marketing Tools)
        1. Facebook Fanpage
        2. Website (ระบบ WordPress)
        3. YouTube Channel
        4. Line@

เทคนิคการทำการตลาดออนไลน์
เทคนิคการตลาดออนไลน์ที่นักรบใช้เสมอๆ และได้ผล คือ Give & Take ทำการตลาดด้วยการให้ก่อนเสมอ โดยนำมาประยุกต์ใช้กับ SEO & Content Marketing และ Influencer Marketing ครับ

ทักษะด้าน Digital Marketing ที่นักรบใช้
ทักษะ การทำ SEO & Content Marketing คือ การทำ SEO กับคอนเทนต์ที่ให้ประโยชน์ เพื่อสร้างผู้ติดตามใน Website & Social Media
Influencer Marketing คือ การตลาดที่ใช้คนที่มีอิทธิพลทางความคิด หรือ คนที่มีคนติดตามเยอะๆ โดยนักรบจะแนะนำให้เจ้าของเว็บเป็น Influencer ซะเองครับ

นักรบสรุป
นี้เป็นการแชร์ประสบการณ์การทำการตลาดออนไลน์ (Online Marketing) ของนักรบเอง ผู้อ่านควรเรียนรู้และนำไปปรับใช้กับธุรกิจและการตลาดออนไลน์ของตัวเองนะครับ
SEOWarrior ลุย!!!
https://warrior.in.th/seo-goal/results-seo-content-marketing-website-bravelife/

wm5398

Google Adsense คือ อะไร และใช้งานอย่างไร?

Google Adsense เป็นเครื่องมือจัดการโฆษณาออนไลน์ของ Google เจ้าของเว็บไซต์สามารถสร้างรายได้จากการติดตั้งพื้นที่โฆษณา (แบนเนอร์โฆษณา) ของ Adsense ลงในเว็บไซต์ของคุณเอง และสามารถจัดการเนื้อหาและประเภทของโฆษณาให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายและเว็บไซต์ได้อย่างง่ายดาย โดยคุณจะได้รับเงินเมื่อผู้เข้าชมคลิกที่แบนเนอร์โฆษณา ตามนโยบายจ่ายเมื่อคลิก (Cost-per-Click) หรือตามเงื่อนไขอื่นๆ ตามข้อตกลงระหว่างคุณกับ Google Adsense

Google Adsense คืออะไร ?
ดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้น Google Adsense ช่วยให้บล็อกเกอร์และเจ้าของเว็บไซต์ทำรายได้จากการลงโฆษณาในหน้าบล็อกหรือเว็บไซต์ เพียงสมัครเข้าร่วมลงโฆษณากับ Adsense และติดตั้งโค้ดโฆษณาลงในหน้าเว็บไซต์ของคุณ จากนั้น spider (บอท) ของ Google Adsense จะเข้ามาเก็บข้อมูลที่เว็บไซต์เพื่อจัดประเภทของเนื้อหาในเว็บไซต์ของคุณ จากนั้นบอทจะคัดเลือกโฆษณาที่เนื้อหาใกล้เคียงกับคอนเทนต์ในเว็บไซต์ และแสดงโฆษณาบนทีกำหนดแบนเนอร์บนหน้าเว็บไซต์ของคุณ ดังนั้นโฆษณาที่สอดคล้องกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมายจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลย เป็นไปได้ว่าคนที่กำลังอ่านบทความเรื่องการจัดสวน อาจจะมีความสนใจเลือกซื้ออุปกรณ์สำหรับทำสวน มากกว่าคนที่อ่านบทความเรื่องยางรถยนต์

แล้วผู้ลงโฆษณาจะใช้งาน Adsense ได้อย่างไร?
สำหรับผู้ที่ลงโฆษณาบน Adsense สามารถใช้ประโยชน์สูงสุดจาก Adsense ได้โดยการสร้างคีย์เวิร์ดสำคัญที่ตรงกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของตัวเอง สมมุติว่า ผมกำลังต้องการลงโฆษณาผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์สำหรับแต่งสวนขวดแก้ว คุณควรเลือกใช้คีย์เวิร์ด เช่น "แต่งบ้าน","สวนขวดแก้ว","สวนจิ๋ว", "ของแต่งสวน DIY" เป็นต้น จากนั้น บอทของ Adsense จะจับคู่โฆษณาของผมกับ:
         1. คีย์เวิร์ดที่ใช้ค้นหาบน Google และแสดงโฆษณาของผมในผลการค้นหาอันดับแรก (หรือพื้นที่ด้านขวาของผลการค้นหา
         2. เว็บไซต์(แบบเดียวกันกับคุณ)ที่แสดงโฆษณาจาก Adsense
ทีมงาน Adsense จะส่งบอทมาเก็บข้อมูลอยู่ตลอดเวลาและตรวจสอบว่าคอนเทนต์บนเว็บไซต์ของคุณนั้นเกี่ยวกับอะไร และหากคอนเทนต์ของคุณตรงกันกับคีย์เวิร์ดโฆษณาที่ผมตั้งค่าไว้ โฆษณาอุปกรณ์แต่งสวนของผมก็จะถูกแสดงบนแบนเนอร์โฆษณาบนหน้าเว็บไซต์ของคุณที่มีบทความเกี่ยวกับไอเดียจัดสวนแก้ว ที่มา https://bloggingyourpassion.com/what-is-google-adsense-how-does-it-work/
https://warrior.in.th/freelance-seo/google-adsense-is/

wm5398

ประโยชน์ 5 ข้อ : " เขียนบล็อก Blog, การเขียนบทความ และผลิตวีดีโอ " สำหรับทำการตลาดออนไลน์

เขียนบล็อก Blog , เขียนบทความ และผลิตวีดีโอช่วยทำการตลาดออนไลน์ได้อย่างไร มาฟังเหตุผลง่ายๆจากนักรบที่ตกผลึกความคิดมา 5 ข้อจากประสบการณ์ตรง และมันได้ผลจริงมาแล้วกับธุรกิจของตัวเอง โดยประโยชน์ 5 ข้อนี้มี....


เขียนบล็อก Blog และผลิตวีดีโอมีประโยชน์อย่างไร ?
1 โน้มน้าวใจลูกค้าให้ซื้อด้วยคอนเทนต์

การเขียน Blog ต่อยอดการทำ SEO & Content Marketing ได้ เพราะลูกค้าอาจไม่ได้ซื้อของของเราทันทีที่เจอเราครั้งแรก การที่เราจะเข้าถึงเข้าได้สม่ำเสมอๆนั้น มันต้องใช้คอนเทนต์เขาช่วย หัดเขียนบทความดีๆส่งถึงลูกค้าบ้างผ่านแฟนเพจหรืออีเมล หัดทำวีดีโอให้ความรู้ที่ลูกค้าสนใจ โพสใน YouTube Channel ให้คนติดตาม หรือถ้ามีงบหน่อยก็อัดโฆษาณาโปรโมทคอนเทนต์ในเฟสบุ๊คไปเลย รับรองคนเห็นเยอะแน่นอน แต่ขออย่างเดียวคือ คอนเทนต์นั้นควรเป็นเนื้อหาดีๆที่ลูกค้าอยากอ่านอยากชมจริงๆ

2 เพิ่มลูกค้าใหม่ๆอัตโนมัติจาก Google Search
บทความในเว็บบล็อก ถ้านำมาผนวกกับความรู้ด้านการทำ SEO ก็จะทำให้บทความนั้นมีความเป็นอมตะ คือ บทความนั้นจะโชว์ใน Google Search ให้คนใหม่เข้ามาอ่านเรื่อยๆซ่ำๆเพิ่มจำนวนคนเข้าเว็บไซต์ (Website Traffic) จาก Keywords ที่เกี่ยวข้องในบทความ

3 เพิ่มลูกค้าใหม่ๆอัตโนมัติจาก YouTube
วีดีโอคอนเทนต์ใน YouTube ดึงคนมาเพิ่มยอดวิว(View) ให้ชมเรื่อยๆ ยอดวิววีดีโอของนักรบเกือบ 200,000 ครั้ง/ปี แบบอัตโนมัติ

4 เพิ่มความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์และเฟ๊สบุ๊ค
การเขียนบล็อก (Blog), เขียนบทความและผลิตวีดีโอ แล้วโพสลง Website และ Facebook จะช่วยเพิ่มความเคลื่อนไหวและความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์และเฟสบุ๊คอีกด้วย เพราะมีลูกค้าหลายคนจะเช็คเว็บไซต์และความเคลื่อนไหวในเฟสบุ๊คก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการด้วย จริงไหมครับ ?

5 เปลี่ยนตัวเองเป็น Influencer
Influencer คือ คนที่มีอิทธิผลทางความคิดคนอื่น ถ้าเรากลายเป็น Influencer ในสาขาธุรกิจของเรา มันจะช่วยส่งเสริม Branding ให้ชัดเจนและแข็งแรงมากยิ่งขึ้นครับ จริงๆแล้วยังมีประโยชน์อีกหลายข้อที่นักรบไม่ได้หยิบยกมา เพราะเอาเท่านี้ก็เพียงพอต่อการตัดสินใจเดินทางสร้างคอนเทนต์ในเว็บบล็อก (Blog) เพื่อโปรโมทธุรกิจของตัวเองให้กลุ่มลูกค้ารู้จักครับ
https://warrior.in.th/freelance-seo/job/seo-content/benefit-blog-online-marketing/

wm5398

วิธีโน้มน้าวใจลูกค้า ให้ซื้อของด้วย Content Marketing & WordPress


วิธีโน้มน้าวใจลูกค้า ให้ซื้อของด้วย Content Marketing  & Website (WordPress) ขอเกริ่นแบบนี้ก่อนครับ เดี๋ยวนี้คนจะซื้อของออนไลน์ก็ต้องหาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อแทบทั้งสิ้น หรือไม่ก็ถามไถ่จากคนใกล้ตัว คนที่มีประสบการณ์มาก่อน ดูน่าเชื่อถือและไว้เป็นข้อมูลตัดสินใจก่อนซื้อได้ครับ เวลาซื้อจะได้ไม่เจ็บตัว ไม่มานั่งเสียใจหรือเสียดายทีหลัง เผลอๆจะได้ไม่เสียเวลาด้วย

ทำไมต้องสร้างเนื้อหาใหม่ๆสม่ำเสมอๆ (Content)
เราเป็นคนขายของออนไลน์ ก็คงอยากขายของได้ทีละมากๆ ยิ่งยอดขายแตะหลักแสนหลักล้านได้ยิ่งดี แต่ในทางตรงกันข้าม คนซื้อสินค้าออนไลน์เขาไม่สนใจหรอกครับ ว่าคนขายจะรวยจะจนมากแค่ไหน ? เขาสนเพียงว่าเงินที่จ่ายไปนั้นคุ่มค่าหรือปล่าวครับ ฉะนั้นพ่อค้าแม่ค้าที่ทำธุรกิจออนไลน์ E-Commerce หรือจะทำธุรกิจด้านบริการก็ควรให้ข้อมูลที่มีประโยชน์กับลูกค้าเพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อ อย่างเพิ่งพาแต่เพียงโปรโมชั่นอย่างเดียว และการให้ข้อมูลที่มีประโยชน์กับลูกค้า เราสามารถให้ในรูปแบบของ Content Marketing ได้ครับ Tips : เมื่อลูกค้าค้นหามาเจอเนื้อหา (Content) ที่เราสร้างไว้มากๆเข้า ก็จะส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการของเราครับ

Content Marketing คืออะไร ?
Content Marketing คือ รูปแบบการทำการตลาดแบบหนึ่ง ที่มุ่งเน้นในการสร้างเนื้อหา เช่น บทความ, วีดีโอ, เสียง อื่นๆ เพื่อให้ลูกค้าอ่าน, ชอบ, ติดตามและเปลี่ยนใจเขาให้ทดลองใช้สินค้าหรือบริการได้

ใช้เพียง Facebook ทำการตลาดได้ไหม ?
การเขียนโพสใน Facebook ในเรื่องทีลูกค้าอยากอ่านก็เป็นการทำ Content Marketing ได้ เพียงแต่ว่าเฟสบุ๊คจะโชว์เนื้อหาได้ไม่มากเท่าในเว็บไซต์ครับ  โดยนักรบแนะนำให้สร้างเว็บไซต์ด้วย WordPress แนว Blog & Magazine ก็จะโชว์เนื้อหาได้มากกว่า และดูมืออาชีพมากขึ้นด้วย ดังที่นักรบและแฟนนักรบทำได้แล้วในเว็บไซต์ SEOWarrior บริษัทรับทำ SEO และ Bravelife.in.th สอนการทำน้ำสลัด

วิธีเริ่มต้นสร้างเว็บไซต์ Blog & Magazine
ถ้าเป็นคนที่มีพื้นฐาน WordPress อยู่แล้ว ก็สามารถเรียนรู้ได้เอง ที่ WordPress.com

วิธีโน้มน้าวใจลูกค้า  Content Marketing  & WordPress
       1. สร้างเว็บไซต์ด้วย WordPress
       2. สร้างเนื้อหาดีมีประโยชน์โพสลงเว็บสม่ำเสมอ  (Content Marketing) โดยเนื้อหานั้นควรเป็นเรื่องที่ส่งผลกับการตัดสินใจซื้อของกลุ่มลูกค้า
       3. แชร์เนื้อหานั้นไปยังทุกช่องทางการตลาด
       4. ทำ SEO กับ Content Marketing เพื่อให้เนื้อหานั้นยังคงอยู่ใน Google Search
       5. เช็คผลลัพธ์
ลุย!!! 
https://warrior.in.th/freelance-seo/job/seo-content/how-to-convince-your-customers-to-buy-something-with-content-marketing/

wm5398

แชร์ประสบการณ์... วิธีเก็บเงิน 500,000฿+ ภายใน 2 ปี 8 เดือน จากการทำฟรีแลนซ์


สวัสดีครับ ก่อนอื่นขอบอกไว้ก่อนว่า ที่ตั้งใจแชร์ประสบการณ์นี้ ก็เพราะว่าอยากให้เป็นประโยชน์ เป็นแนวทางกับคนที่สนใจ "วิธีเก็บเงินจากการทำฟรีแลนซ์" ในแบบของผมดูบ้าง เพราะผมทำงานประจำมานาน 8 ปี ก็ไม่เหลือเก็บครับ แต่สุดท้ายก็เข้าใจว่า การประหยัดเงินอย่างเดียวนั้น มันใช้ไม่ได้กับนักรบ แต่การหาเงินได้มากกว่าเดิมตากหาก ที่ถูกจริตกับเรามากกว่าจริงๆ นักรบจึงมุ่งมั่นทำธุรกิจเสริม จนมีเงินเก็บเกินครึ่งล้านภายใน 2ปี 8 เดือน ฉะนั้นบทความนี้จะมุ่งเน้นที่การหาเงินเพื่อเก็บเงิน มากกว่าการประหยัดเงินครับ

วิธีเก็บเงินให้ได้ตามเป้ามาย – แบบนักรบ
วิธีเก็บเงินแบบนักรบ ไม่ใช่การประหยัดเพียงอย่างเดียว แต่เน้นไปที่การหารายได้เสริม ฉะนั้นจึงเริ่มต้นลุยทำอาชีพ SEO Freelance

เริ่มต้นหลังเรียนจบ....นักรบก็เป็นพนังงานประจำ ทำมาเกือบ 8 ปี แต่ไม่ค่อยมีเงินเก็บเลย เงินส่วนใหญ่หมดไปกับค่าผ่อนรถ ค่าโน่นค่านี้หมด ถ้าทำงานต่อไปอีก 10 ปี ก็คงเก็บเงินได้ยากแน่ๆ

นักรบเลยเริ่มสนใจทำธุรกิจส่วนตัวออนไลน์ ทำอาชีพฟรีแลนซ์ เพราะรู้ดีว่า ลึกๆแล้วคนรวยๆ ล้วนทำธุรกิจแทบทั้งนั้น ผมเลยเริ่มทำงานเสริมเล็กๆควบคู่งานประจำครับ หลังเลิกงาน ก็หางานเสริมมาทำ เช่น ขายของออนไลน์, ขายของตามตลาดนัด, รับจ้างทำโน่นนี่ ทำอยู่หลายอย่างครับ ล้มลุกคลุกคลานมา 3 ปี และล้มเหลวไปแล้ว 7 อย่าง แต่ทุกครั้งที่ล้มเหลว ก็จะได้ประสบการณ์ใหม่ๆ เสมอๆ ดังที่แชร์ไว้ที่ประวัตินักรบ

พอล้มเหลวมากพอ เริ่มจับทางการทำธุรกิจและการตลาดได้ ส่วนเทคนิคนั้นมีหลายข้อ คงเล่าได้ไม่หมด เอาหลักๆเลยคือ คนที่ทำธุรกิจสำเร็จ ล้วนใช้แต้มต่อที่ได้เปรียบแทบทั้งสิ้น โดยแต้มต่อนั้น อาจจะเป็น

          - เงินทุน : ได้เปรียบเรื่องการมีตัวเลือกทำธุรกิจที่หลากหลายกว่า
          - เส้นสายคอนเนคชั่น : ได้เปรียบเรื่องโอกาส
          - ทรัพยากรแหล่งผลิต : ได้เปรียบเรื่องต้นทุนราคา
          - ภาษา : จะได้เปรียบเรื่องนำเข้า-ส่งออก
          - ความรู้และทักษะจากงานประจำ : ได้เปรียบเรื่องทักษะและ Tools
          - อื่นๆ


ส่วนนักรบใช้แต้มต่อทางความรู้และทักษะจากงานประจำครับ ส่วนเงินทุนเหรอ ? แทบจะไม่มี 555+ (มีเพียง 1-3 พันบาท/เดือนในการลงทุนคับ)
ปีแรกที่ออกจากงานประจำ มีเงินเก็บประมาณ1แสน และเพิ่มขึ้นตามลำดับ.. จากการลุยทำฟรีแลนซ์ โดยใช้ Website เป็นหลักครับ
เริ่มต้นเก็บเงินมาก้อนหนึงก่อนเพื่อลงทุน (ผมไม่ลงทุนในหุ้นหรืออื่นๆ เพราะไม่ถนัดและคิดว่าผลตอบแทนมันช้ากว่าธุรกิจมาก อีกอย่างมันใช้เงินลงทุนสูงกว่ามากๆเพื่อเทียบกับธุรกิจออนไลน์ครับ)

เริ่มต้นธุรกิจบริการรับทำ WordPress & SEO


            1. ซื้อของอุปกรณ์เริ่มต้นประมาณ 2-3 หมื่น ก็เช่น คอมพิวเตอร์ โต๊ะทำงาน ของใช้ใน Office
            2. สร้างเว็บไซต์เสร็จด้วย WordPress ภายใน 1 เดือน
            3. ซื้อโฆษณา Google AdWords & Facebook Ads  (ใช้เพียง 2-5 พัน/เดือน)
            4. เขียนบทความทำ SEO & Content Marketing เกือบทุกวันติดต่อยาวนาน 6 เดือน (อันนี้หัวใจหลักที่ทำให้ธุรกิจโตอย่างยั่งยืน)
            5. ทำ Video เพื่อให้คนค้นหาเจอใน YouTube (ช่วยเสริมการทำ SEO)
หลังจากมีคนเข้าเว็บไซต์ประมาณ 150,000 คน/ปี และมียอดวิวใน YouTube 250,000 ครั้ง/ปี ธุรกิจก็เริ่มแข็งแรงและมีกำไรครับ เพราะทำ SEO ติดแล้ว

รวมคำถามที่พบบ่อย....
➡️ จัดการภาษีบริษัทอย่างไร ?
จ้างบริษัทรับทำบัญชีครับ แต่ปีแรกผมยื่นช้า โดนค่าปรับไป 15,000 บ. เอง T_T

➡️ มีทีมงานกี่คน ? เริ่มง่ายๆใช้เพียง 1-2 คน ในปีแรกๆ ลงทุนหลักหมื่นต้นๆ (ปัจจุบันมี 3 คน + จ้างฟรีแลนซ์บ้าง) พัฒนาทีมงานโดยให้เรียน SEO และ เรียน WordPress จากผมโดยตรง

➡️ รายได้มาจากทางไหน ?
หลายทางมากคับ โดยรายได้หลักๆมาจากการทำ SEO ให้เว็บลูกค้าและเว็บของตัวเอง

➡️ คู่แข่งมีเยอะใหม ? คู่แข่งมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ผมเลือกทำการตลาดผ่าน Website (WordPress) และเน้น SEO แบบเร่งด่วนก่อน จึงฉีกหนีคู่แข่งได้ (เพราะส่วนใหญ่ไปเน้น Facebook กัน)

➡️ ทำไมเลือก Web ทั้งที่ Facebook ทำง่ายกว่า
Facebook เปิดง่ายคับ แต่ทำการตลาดระยะยาวยากและเหนื่อย ไม่เหมือน Web ตอนแรกเหนื่อย ตอนหลังสบายถ้าทำ SEO ได้แล้ว

➡️ เคล็ดลับการตลาดออนไลน์คืออะไร ?
หลักๆคือ สอนทีมงานทำ SEO & Web Content Marketing ในเว็บไซต์ที่สร้างด้วย WordPress ครับ แล้วไปแชร์ใน Social Media ทุกช่องทาง

➡️ เป้าหมายต่อไป คืออะไร ?
กำลังเตรียมเว็บไซต์ขายของออนไลน์ แบบขายส่งอยู่  อยากลองท้าทายอะไรใหม่ๆ ทำยอดขายแตะหลัก 1,000,000 ฿ ดูบ้าง เพื่อพิสูจน์ฝีมือตัวเอง เน้นทำการตลาดขายส่ง เพราะเท่าที่ศึกษามา คนทำยอดขายมากๆ มาจากขายส่งแทบทั้งนั่น

หากสนใจการขายของออนไลน์ ลองอ่านแนวทางของนักรบได้ที่ เริ่มต้น " ขายของออนไลน์ " แตะยอดขายหลัก 1,000,000 ฿
ลุย!!!
https://warrior.in.th/freelance-seo/income/500000-within-2-years-8-months/

wm5398

ปัจจัยการทำเอสอีโอ SEO Factor


ปัจจัยการทำเอสอีโอ SEO Factor มีมากกว่า 200 ข้อ ทำให้การทำ SEO นั้นก็เหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทรนั่นแหละครับ เพราะ Google เค้าไม่ค่อยจะบอกอะไรเราสักเท่าไหร่เลยว่าปัจจัยไหนบ้าง ที่จะช่วยให้เราติดหน้าแรกบนเว็บไซต์เค้าได้ ซึ่งหลังจากนักพัฒนาเว็บไซต์ทั้งหลายดำดิ่ง งมเข็มเหล่านี้กันมานาน เค้าก็ได้สังเกตเห็นถึงปัจจัยกว่า 200 อย่างที่ Google ใช้ในการพิจารณาว่าใครจะได้อยู่อันดับไหนบนหน้าค้นหาของเค้า ซึ่งบอกเลยครับว่าถ้าทำได้ครบทั้ง 200 ข้อนี้ล่ะก็ อันดับหนึ่งของผลการค้นหาไม่มีทางหลุดมือไปไหนแน่นอนครับ
1. อายุของ Domain ต้องจดมานาน
2. มี Keyword อยู่ในชื่อ Domain ด้วย
3. Keyword ต้องอยู่คำแรกของชื่อ Domain เลยถึงจะดีที่สุด
4. วันหมดอายุของ Domain ต้องเหลือเยอะ ๆ
5. มี Keyword อยู่ในชื่อ Subdomain ด้วย
6. ประวัติของ Domain ห้ามเปลี่ยนชื่อผู้ถือครองบ่อย ๆ
7. เล่น Keyword เดียวกันกับชื่อ Domain
8. เปิดเผยข้อมูลในส่วนของ WhoIs
9. ชื่อผู้ถือครอง Domain ใน WhoIs ต้องไม่มีประวัติการกระทำผิดต่อ Google
10. จดทะเบียน Domain ตามประเทศนั้น ๆ เช่น ประเทศไทย .th
11. มี Keyword ใน Title Tag
12. ใช้ Keyword เป็นคำแรกใน Title Tag
13. มี Keyword ใน Description Tag
14. มี Keyword อยู่ใน H1 Tag
15. Keyword ต้องเยอะกว่าคำอื่น ๆ ในหน้านั้น
16. ความยาวของบทความ 1,000 คำขึ้นไป กำลังดี
17. จำนวน Keyword ในหน้านั้นไม่ควรมากเกินไปจนดูเหมือน Spam
18. มีคำอธิบาย Keyword เพิ่มเติมในบทความ เพื่อไม่ให้ Google สับสน เพราะบางคำมันแปลได้หลายความหมาย
19. มีคำอธิบาย Keyword เพิ่มเติมใน Title และ Description Tags
20. ความเร็วของเว็บไซต์ก็มีผล
21. ถ้ามีบทความซ้ำกันเยอะ จะทำให้อันดับตกได้
22. ใช้ Rel=Canonical เพื่อป้องกัน Google นับหน้าซ้ำ
23. โหลดเว็บไซต์จาก Chrome ได้อย่างรวดเร็ว
24. ใส่ข้อมูลให้รูปด้วย เช่น ชื่อไฟล์ Alt Text, Title, Description และ Caption
25. คอนเทนต์สดใหม่ไม่ซ้ำใคร
26. อัพเดทคอนเทนต์อยู่ตลอด
27. อัพเดทหน้าเพจด้วย
28. มี Keyword อยู่ใน 100 คำแรกของคอนเทนต์
29. มี Keyword อยู่ใน H2, H3 Tag
30. การเรียงคำ Keyword ต้องให้ตรงกับที่คนพิมพ์หา ไม่จำเป็นต้องถูกหลักไวยากรณ์ก็ได้
31. มีลิงก์ออกไปที่เว็บไซต์อื่น
32. ลิงก์ที่ออกไปกับเว็บไซต์นั้นต้องเกี่ยวข้องเป็นโทนเดียวกัน
33. สะกดถูกทุกคำ ตรงตามหลักไวยากรณ์
34. เขียนคอนเทนต์เอง ไม่ได้ลอกใคร
35. คอนเทนต์มีประโยชน์ คนชอบแชร์
36. มีลิงก์ออกไปมากเกินไปก็ไม่ดี
37. ต้องมีรูปภาพ วิดีโอ หรือลูกเล่นต่าง ๆ ด้วย
38. มีลิงก์ภายในวิ่งเข้าหาหน้าที่สำคัญ
39. ถ้าอยากให้หน้าไหนดัง ก็ทำลิงก์ภายในมายังหน้านั้นด้วย
40. อย่าให้มีลิงก์เสียอยู่บนเว็บไซต์
41. คอนเทนต์อ่านง่าย สบายตา
42. ไม่ใส่ลิงก์ Affiliate มากไป
43. อย่าให้มี HTML Error
44. Host ต้องดีด้วย
45. หน้า PR ต้องสูง
46. URL ต้องไม่ยาวเกินไป
47. URL ต้องคล้าย ๆ กับหน้าแรก
48. ใช้คนเขียนเนื้อหา ไม่ใช้โปรแกรม
49. จัดหมวดหมู่ให้เว็บไซต์ช่วยได้
50. ใช้ Tag ด้วย
51. มี Keyword อยู่ใน URL
52. URL ต้องเรียงกัน
53. มีแหล่งอ้างอิงเนื้อหา
54. บทความเป็นข้อ ๆ ดีกว่าบทความยาว
55. ลำดับความสำคัญใน Sitemap
56. ถ้ามีลิงก์ออกไปข้างนอกมากเกินไปจะไม่ดี
57. มี Keyword ที่ติดอันดับดี ๆ เยอะ ในหน้านั้น
58. อายุของหน้านั้น ยิ่งอายุนานแล้วทำการอัพเดทยิ่งดี
59. การจัดวางรูปแบบสบายตากับผู้ใช้งาน
60. ไม่ใช้ Parked Domain
61. คอนเทนต์ต้องมีประโยชน์
62. คอนเทนต์ให้คุณค่าและข้อมูลเชิงลึกที่ไม่เหมือนใคร
63. มี Contact Us ให้คนติดต่อได้
64. มี Domain Trust / TrustRank ที่สูง
65. มีโครงสร้างเว็บไซต์ที่ดี
66. อัพเดทเว็บไซต์อยู่เสมอ
67. มีหน้าเว็บหลาย ๆ หน้า
68. มี Sitemap ช่วยให้ง่ายต่อการค้นหา
69. มี Site Uptime ด้วย
70. ที่ตั้งของเซิฟเวอร์ ถ้า Keyword ภาษาไทย เซิฟเวอร์ตั้งที่ประเทศไทยจะดีกว่า
71. มีการรับรองความปลอดภัย SSL
72. มีหน้าข้อตกลงการใช้งาน และนโยบายความเป็นส่วนตัว
73. ข้อมูล Meta ในเว็บไซต์ไม่ควรซ้ำกัน
74. มีเมนูแบบ Breadcrumb
75. รองรับการใช้งานบนโทรศัพท์มือถือ
76. มีวิดีโอจากยูทูปปะปนอยู่บนเว็บไซต์
77. ใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก
78. ติดตั้ง Google Analytics และ Google Webmaster Tools
79. มีคนรีวิวดี ๆ ให้บนเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียง
80. มีลิงก์มาจากเว็บไซต์ที่เปิดมานาน
81. มีคนอ้างอิงถึงเยอะยิ่งดี
82. มีลิงก์มาจากเว็บที่ IP ต่างกัน
83. จำนวนลิงก์ยิ่งเยอะยิ่งดี
84. ใส่ Alt Text ให้รูปภาพด้วย
85. มีลิงก์จาก Domain ที่น่าเชื่อถือเหล่านี้ .edu, .gov, .go.th, .ac.th
86. สร้างลิงก์กลับจากเว็บที่มีคุณภาพ
87. มีการอ้างอิงจากเจ้าของ Domain ที่มีคุณภาพ
88. มีลิงก์จากคู่แข่ง
89. มีการแชร์บนโลกโซเชียล
90. ห้ามมีลิงก์มาจากเว็บไซต์ที่แย่ ๆ
91. ลิงก์ที่มาจาก Guest Posts ไม่ค่อยช่วยอะไรเท่าไหร่
92. มีลิงก์ไปยังหน้าหลักของ Domains อื่น ๆ
93. มีลิงก์ไว้แต่ไม่มีคนคลิกก็ยังดี
94. มีลิงก์จากหลาย ๆ เว็บไซต์
95. ลิงก์ที่ขึ้นว่า Sponsored Link ทำให้คะแนนลด
96. ฝังลิงก์ไว้ในคำของบทความ
97. ไม่ควรมีลิงก์กลับที่มาแบบหลอกที่มา
98. ข้อความที่อยู่ใน Backlink น่าเชื่อถือ
99. ข้อความใน Internal Link ไม่น่าเชื่อถือ
100. ข้อความใน Title ของลิงก์ ต้องดี
101. อ้างอิงจาก Domain .th
102. มีลิงก์อยู่ต้นคอนเทนต์ ไม่ใช่ท้าย
103. มีลิงก์อยู่ในหน้าคอนเทนต์ ดีกว่าอยู่ด้านข้าง
104. มีลิงก์จากเว็บที่เกี่ยวข้องกันดีกว่า
105. มีลิงก์จากหน้าที่เกี่ยวข้องกันดีกว่า
106. ลิงก์ที่กลับมาต้องเป็นคำชมไม่ใช่คำด่า
107. มี Keyword ใน Title
108. ความเร็วในการไปถึงลิงก์นั้น ๆ ก็สำคัญ
109. ยิ่งลิงก์อืดยิ่งลดระดับ
110. มีลิงก์จาก Hub ที่น่าเชื่อถือ
111. มีลิงก์จากเว็บที่ได้รับรองจาก Google
112. มีลิงก์อยู่ใน Wikipedia
113. ข้อความรอบ ๆ ลิงก์ทำให้ Google รู้ว่าเราคือเว็บไซต์อะไร
114. อายุของ Backlink ยิ่งเยอะยิ่งดี
115. มีลิงก์ที่มาจากเว็บไซต์จริง ๆ
116. มีลิงก์ธรรมชาติจากโปรไฟล์
117. แลกลิงก์กันได้ แต่อย่าเยอะเกิน
118. ผู้ใช้งานสร้างคอนเทนต์ลิงก์ขึ้นมา
119. มีลิงก์จาก 301
120. รองรับ Microformats
121. มีลิงก์จาก DMOZ
122. มีลิงก์จากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ
123. มีลิงก์มาจากหน้าที่มีลิงก์น้อย
124. มีลิงก์จาก Forum
125. จำนวนคำของบทความที่ลิงก์นั้นอยู่มีผล ยิ่งคำเยอะ ๆ ยิ่งน่าเชื่อถือ
126. มีลิงก์จากคอนเทนต์คุณภาพ
127. ลิงก์ที่เหมือนกันในทุก ๆ หน้าจะถูกนับเพียงแค่หนึ่งครั้ง
128. มีคนคลิกลิงก์จาก Keyword แบบ Organic เยอะ
129. มีคนคลิกลิงก์จาก Keyword  แบบ Organic หลายคำ
130. Bounce Rate ต่ำ
131. Direct Traffic สูง
132. มีคนเข้าซ้ำเยอะ
133. ไม่ถูกผู้ใช้งาน Block
134. ถูก Bookmark ไว้บน Chrome
135. เข้าเว็บด้วย Google Chrome
136. มีคนคอมเมนท์เยอะ
137. มีคนเข้าเว็บนาน ๆ
138. มีหน้าที่สร้างใหม่
139. แสดงความหลากหลายถ้า Keyword กำกวม
140. มีประวัติการเข้าชมเยอะ
141. มีประวัติการค้นหาเยอะ
142. คนค้นหาในประเทศไหน เว็บไซต์จากประเทศนั้นจะได้อันดับมาก
143. ถ้าเปิด Safe Search บางเว็บไซต์ที่เนื้อหารุนแรงจะไม่แสดงให้เห็น
144. มี Google+ Circles
145. ไม่มีคำร้องเรียน DMCA
146. ต่อให้เว็บไซต์หนึ่งควรติดทุก Keyword แต่ Google ก็จะกระจายให้เว็บไซต์อื่นด้วย
147. เว็บไซต์ซื้อ-ขายจะได้รับอันดับที่สูงกว่าคอนเทนต์ทั่วไป
148. ปักหมุดสถานที่บน Google+
149. จะมีช่อง News สำหรับบาง Keyword
150. Brand ยิ่งดังยิ่งดี
151. สินค้าซื้อ-ขายจะได้อันดับดีกว่าปกติ
152. รูปภาพจะมาอันดับแรก
153. Google มีเกมให้เล่นอยู่ในบาง Keyword ด้วย
154. Domain กับ Keyword ของแบรนด์ต้องเหมือนกัน
155. จำนวน Tweet ของเว็บไซต์ช่วยได้
156. คนที่ Tweet ต้องมี Follower เยอะ
157. คนไลค์ Facebook เยอะ
158. คนแชร์ Facebook เยอะ
159. เนื้อหาที่แชร์หรือไลค์เข้าถึงคนหมู่มากได้
160. มีการปักหมุด Pinterest เยอะ
161. มีคนโหวตบนหน้า Social Sharing เยอะ
162. มีคน +1 บน Google+ เยอะ
163. คนที่ +1 บน Google+ มีคนติดตามเยอะยิ่งดี
164. ข้อความที่แชร์ลงไปดีหรือไม่ดีมีผลด้วย
165. ถ้าข้อมูล คอนเทนต์ ข้อความ ทุกอย่างดี เกี่ยวข้องกัน อันดับจะยิ่งดี
166. เว็บไซต์มีส่วนเกี่ยวข้องกับโซเชียลเท่าไหร่ยิ่งดี
167. มีชื่อแบรนด์เป็นของตัวเอง
168. มีคนค้นหาชื่อแบรนด์
169. มี Facebook Page
170. มี Twitter
171. มี LinkedIn
172. พนักงานบริษัทมีข้อมูลบน LinkedIn
173. มีการโต้ตอบในแต่ละช่องทาง
174. มีคนพูดถึงชื่อแบรนด์
175. ปักหมุดบน Google Business
176. มีคนติดตาม RSS Subscriber
177. ใส่ที่อยู่ธุรกิจลงบน Google+
178. จ่ายภาษีครบถ้วน
179. คุณภาพเว็บไซต์ต้องดี
180. มีลิงก์จากเว็บไซต์แย่ ๆ จะทำให้เว็บเราแย่ตามไปด้วย
181. ไม่มีการ Redirect
182. ไม่มี Popup หรือ Ad ให้รำคาญตา
183. ไม่ทำ SEO เยอะเกินไปในเว็บไซต์เดียว
184. ไม่ทำ SEO เยอะเกินไปในหน้าเดียว
185. ไม่มี Ad กวนใจ
186. ไม่พยายามซ่อนลิงก์ Affiliate
187. ไม่ทำเว็บเพื่อ Affiliate
188. เขียนบทความเอง ไม่ใช้คอมพิวเตอร์
189. ไม่โกงระบบจัดอันดับ
190. IP Address สะอาดปราศจากมลทิน
191. ไม่ Spam ใน Meta Tag
192. มีลิงก์เข้ามามากเกินไปแบบผิดสังเกต
193. ไม่ถูก Penguin ของ Google คาดโทษ
194. ไม่มีลิงก์จากหน้า Profile ที่ไม่มีคุณภาพ
195. มีลิงก์อยู่บนเว็บไซต์ที่ไม่เกี่ยวข้องเยอะเกินไปก็ไม่ได้
196. ไม่ถูกเตือนเรื่องมีลิงก์ผิดธรรมชาติ
197. ลิงก์จาก IP Class C เดียวกันก็ห้าม
198. ห้ามมีคำที่สุ่มเสี่ยงอยู่บนเว็บไซต์เยอะ ๆ
199. ไม่ถูกแบนโดยทีมงาน Google
200. ไม่ซื้อขายลิงก์

เยอะมากจริง ๆ เลยนะครับสำหรับปัจจัย SEO แทบทุกการกระทำบนเว็บไซต์ของเราสามารถส่งผลต่อ SEO ได้หมดเลย แต่ทีนี้ทุกคนก็คงหายสงสัยกันแล้วนะครับว่าต้องทำยังไงถึงจะติด SEO กับเค้าได้บ้าง เพราะถ้าทำตาม Checklist นี้และหมั่นเพิ่มความรู้การทำ SEO อยู่เสมอครับ

บทความเขียนโดย Freelance
โปรดเช็คความรู้จากลิงค์เหล่านี้เพิ่มเติม
      - https://backlinko.com/google-ranking-factors
      - https://support.google.com/webmasters/answer/7451184
      - https://warrior.in.th/freelance-seo/job/seo-factor/seo-factors/

wm5398

วิธีเพิ่ม Promo Bar สำหรับสร้างปุ่ม Add Line จากเว็บไซต์


ถ้อยคำในวีดีโอ
ขอสรุปเป็นสูตรสำเร็จการทำการตลาดออนไลน์ของผม คือ
        - รุกหาลูกค้าด้วย Facebook Ads
        - รอลูกค้ามาหาด้วย SEO
        - ปิดการขายใน Line

โพสนี้ขอไม่พูดถึง Facebook Ads, SEO แต่จะพูดถึง Line ว่า การติดตั้งปุ่ม Add Line อย่างไรให้เห็นชัดเจน และง่ายต่อการกดเข้ามาคุย

เมื่อก่อนผมใช้ https://sumo.com/ เพื่อติดตั้ง Smart Bar ไว้แสดงปุ่ม Add Line ส่วนล่างสุดของทุกหน้าเว็บไซต์ (ใช้ดี แต่มีโฆษณาแฝงเยอะไปนิด) ถัดมาเจอสิ่งที่ดีกว่า คือ https://zotabox.com/ ตัวนี้ Function เยอะ แถมน้ำหนักเบา โหลดเร็ว ชอบมาก ส่วนใหญ่ผมจะใช้ติดตั้งปุ่ม Add Line ครับ

พูดง่ายๆ ถ้าไม่มีช่องให้แชทกับลูกค้าสะดวกๆจากเว็บละก้อ ปิดการขายแทบจะไม่ได้เลย แต่เมื่อไหร่ที่มีปุ่มไลน์ให้คุย มันปิดการขายง่ายขึ้นเยอะครับ คนไทยชอบคุยก่อนซื้อจริงๆครับ

สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับเข้าสู่สอนการตลาดแบบออนไลน์ แบบนักรบ
เครื่องมือ Promobar Bar ตัวนี้ช่วยทำให้คนเห็นชัด เห็นทุกสี สามารถปรับแต่งสี ฟอนต์ ขนาดของปุ่ม text และ link ต่างๆแล้วไปคลิ๊กหน้าที่เราต้องการได้ สามารแสดงโปรโมชั่น ส่วนลด หรือว่าแสดงข่าวที่น่าสนใจ เพื่อทำให้คนเห็นชัด

Bar ตัวนี้สามารถวางทั้งข้างบนและข้างล่างได้ เป็นฟังค์ชั่นของเว็บไซต์ info.zotabox.com ซึ่งเป็นบริการของเค้ามีให้เลือกเยอะมาก เป็นเครื่องมือ(Tool)ที่เปลี่ยนคนเข้าให้เป็นคนซื้อ ช่วย support ในเว็บไซต์ แชทกับคนที่เข้ามาในเว็บไซต์ แชร์เข้าโซเชียลมีเดีย หรือเก็บอีเมล์ เป็นเครื่องมือที่ใช้ทำการตลาดเป็นหลัก ช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำเว็บไซต์มากยิ่งขึ้น มีทั้ง social media,contact us,facebook chat เป็น Pop up ที่ให้ใช้ฟรีซะส่วนใหญ่


วันนี้นักรบจะพูดถึงเกี่ยวกับเครื่องมือ Bar ปรับประยุกต์ในเรื่องของการ add friend ใน Line นักรบทำมาสักพักแล้วขอแชร์ประสบการณ์คือ
       - รุกด้วย Facebook Ads
       - รอรับลูกค้าจาก facebook มาหาด้วย SEO
       - ปิดการขายใน Line

จากที่คุยกับบางที่คนจะซื้อของ ต้องคุยก่อนจริงๆช่วยปิดการขายได้ง่ายขึ้น นักรบ test หลายอย่าง ปุ่ม Line และ FB สรุปแล้ว ปุ่ม line เข้าใจง่ายกว่า

วิธีการใช้ Bar
       1. log in สมัครสมาชิกเข้าใช้ก่อน
       2. คลิ๊กปุ่ม Free > Promotion
       3. คลิ๊กปุ่ม Promo Bar นักรบปรับประยุกต์ใช้กับ line โดยคลิ๊ก On(เปิด) และแก้ไขคำเข้าไป เมื่อก่อนเคยใช้ของ SUMO แล้วมีโฆษณาแฝง จึงแนะนำของ info.zotabox.com ใช้งานง่าย น้ำหนักเบากว่า
       4. หลังจากนั้นทำตาม
       5. เปลี่ยนข้อความที่เราต้องการ ใส่ทั้ง text และปุ่มเข้าไปตามตัวอย่าง และมี link ซึ่งเป็น URL ของ Line
       6. ปรับ background color size opacity ตำแน่งที่วางบน-ล่าง เลือกได้ Save เป็นอันใช้ได้เลยเช็คให้แน่ใจว่า เราได้ add เว็บไซต์ เพื่อให้ code ไปอยู่ในเว็บไซต์เรา โดยกด Preview กดที่ Dashboard สามารถเพิ่มเว็บไซต์ได้ทั้งหมด 3 เว็บไซต์ เราเลือกเว็บไซต์ และเลือกฟังก์ชั่นที่เราใช้ด้วย พอเราตั้งค่าเสร็จ จุดเชื่อมไปที่เว็บไซต์ของเราคือ การติดตั้ง code ไปที่ Setting > Embed code เราจะได้ codeมาชุดหนึ่ง และฝังลงในเว็บของเรา พยายามอ่านคำอธิบายในการทำ ฝังในส่วน Body หรือ Google analytic code > reset เว็บไซต์ของตัวเอง(Ctrl+f5) หรือส่ง email devoloper ให้ทำการฝัง code ให้การฝัง code นักรบใช้ wordpress โดยเข้าที่ Google analytic code และฝัง code จากนั้น save ดูหน้าแรก reset เว็บไซต์ของตัวเอง(Ctrl+f5) หากทำถูกต้องจะมี แท็บ Bar ที่เราทำขึ้นมา เนื่องจากตัวแท็บนี้ รองรับเฉพาะมือถือ เพราะสามารถเข้าแชทได้เลย หากเป็นปุ่ม facebook สามารถแชทได้เลย แต่เป็น PC ต้องสแกน QRcode อยู่ นักรบพบว่า Line ดีกว่า หากใครจะประยุกต์ใช้แล้วแต่เลือกเลย

การเช็คสถิติ

คำถามถัดมา มันมีสถิติให้ดูให้ละเอียด โดยนักรบลองทดสอบ 1 อาทิตย์ วิธีการเข้าไปที่หน้าแรก
คลิ๊ก Stats(Last 30 days) เข้าไปดู จะปรากฎ facebook chat ,social mobile bar และ Promo bar แสดงผลว่าเท่าไร ตัวอย่าง Promo bar คือ
Line ของนักรบ สมมุติว่า มีคนเข้าเว็บไซต์ 10,000 คน คนคลิ๊กเข้ามาดู 1.1% เท่ากับหลักร้อย ธุรกิจเดินต่อได้แล้ว สามารถเลือกระยะเวลาสถิติได้ โดยเค้า note ไว้ว่า สถิติอยู่ที่ 1-5 % นี้คือวิธีการที่จะทำให้คนเข้ามาคุยกับเราง่ายขึ้น
https://warrior.in.th/wordpress/how-to-promo-bar-add-line-button/

wm5398

วิธีเจาะกลุ่มเป้าหมายใน Facebook ได้ตรงกลุ่ม

วิธีเจาะกลุ่มเป้าหมายใน Facebook ได้ตรงกลุ่ม
วิธีค้นหากลุ่มเป้าหมายใน Google & Facebook เพื่อมองเห็นกลุ่มลูกค้าจริง ช่วยยืนยันได้ว่าธุรกิจของเราจะเติบโตได้มากแค่ไหน ในโลกออนไลน์

วีดีโอนี้เหมาะกับ : นักการตลาดออนไลน์ที่มีประสบการณ์ การใช้งาน Google Keywords Planner และ Facebook Audience

ประโยชน์ : รู้วิธีเช็คขนาดของกลุ่มเป้าหมายธุรกิจตัวเอง ใน Google & Facebook แก้ไขคำผิดในวีดีโอครับ คนซื้อ / คนเข้าชม (Audience) = 350/350,000 = 0.001 เปลียนเป็น % = 0.001 x 100 = 0.1 % ครับ (ขอบคุณ Ekkachai Taimuang ที่แจ้งครับ)   วิธีเช็คกว่ากลุ่มเป้าหมายใน Facebook ตรงกลุ่มจริงๆไหม

คำพูดในวีดีโอ
สวัสดียินดีต้อนรับเข้าสู่วิธีการทำการตลาดออนไลน์แบบนักรบนะ วีดีโอนี้จะพูดถึงเรื่องนะ วิธีหากลุ่มเป้าหมาย Audience ของเรา ใน Google และ Facebook นะ โอ้โห! รวมกันอยู่ในวีดีโอเดียวนะ จริงๆ มันแยกวีดีโอได้เลยนะ   วิธีหากลุ่มเป้าหมายใน Google ก็ตัวนึง วิธีหากลุ่มเป้าหมายใน facebook ก็อีกตัวนึงได้เลย แต่นักรบเอามารวมกันเลย วีดีโอมันจะได้แน่นๆ หน่อยนะ โอเคนะ คราวนี้ มาเกิดตั้งคำถามว่า เฮ้ยทำไมต้องหากลุ่มเป้าหมายด้วย Audience ด้วยนะ เพราะว่าเราจะได้รู้ว่าตอนนี้ ธุรกิจของเรามีคนสนใจเยอะมากแค่ไหนนะ มีคนสนใจจริงรึเปล่า เยอะมากพอที่จะทำเป็นธุรกิจหรือเปล่า ธุรกิจจะเดินต่อไปได้นะ เราจะได้เช็คได้ว่าธุรกิจของเราปีนี้เราโตกี่เปอร์เซ็นต์ ปีนี้หน้าเราโตกี่เปอร์เซ็นต์ แล้วเราจะโตได้อีกมั้ยอย่างนี้เป็นต้น แล้วเราจะได้รู้วิธีการทำการตลาด วิธีการหากลุ่มเป้าหมายไปด้วยผ่านวีดีโอตัวนี้นะ โอเค คราวนี้มาเริ่มต้นเลยนะ นี่คือเว็บไซต์ WARRIOR ให้เนื้อหาฟรีด้วย Content แบบ Marketing และ SEO ผสมกันไป เพื่อให้คนเข้ามาเจอเว็บไซต์และก็ทำ Youtube ด้วยอะไรด้วยนะ คราวนี้นะ เราจะมาหา Audience ของเรากันนะ เฮ้ย ถ้าเกิดใครไม่รู้จักคำว่า Audience เนี่ย search ใน Google ได้นะ เว็บไซต์ Nuttapatch.com เขียนไว้แล้วนะคับ Audience คืออะไร แปลง่ายๆ ก็คือกลุ่มเป้าหมายแล้วกัน กลุ่มที่สนใจเรื่องที่เราจะบอก ที่เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของเราด้วยนะ สิ่งที่เค้าอยากรู้ด้วยนะ เช่น แบบประโยชน์ วิธีใช้ หรือ ข้อมูลที่เค้าสนใจด้วย กลุ่มที่คาดว่าจะเป็นลูกค้าของเรานั่นเองนะ  Audience ของเรา
นาทีที่ 1.54 คราวนี้  เราจะหากลุ่ม Audience ใน Google  ได้อย่างไร เราต้องใช้เครื่องมือใน Google Adwords  มันชื่อว่าเครื่องมือวางแผนคำหลัก  เครื่องมือวางแผนคำหลัก ซึ่งนักการตลาดทุกคนจะต้องรู้แล้ว ใน Google Adwords ไม่รู้ไม่ได้แล้วนะ โคตรสำคัญเลย เข้าไปที่ Google Adwords แล้ว Login ด้วย Gmail ของท่านนะ แล้วก็ถ้าเกิดใครเคยซื้อ Adwords แล้วเนี่ยเวลา Report ออกมาตัวนี้ นะ กดผลลัพธ์ออกมาจะเป็นตัวเลขค่าคงที่นะ แต่ถ้าเกิดใครไม่เคยซื้อโฆษณา Adwords เลยจะออกมา มันจะเป็นค่าแบบช่วง Rank คือตั้งแต่ 1 ม. – 1 ส. 1 หมื่น ถึง 1 แสน 1 พ. – 1 ม. 1 พัน ถึง 1 หมื่น อะไรอย่างงี้นะมันจะไม่ใช่ตัวเลขค่าคงที่ แล้วมันจะดูลำบาก เราจะเช็ค Audience เราไม่ได้เลยนะ เราต้องซื้อโฆษณา Adwords กันก่อน คราวนี้มาที่เครื่องมือวางแผนคำหลักตรงนี้ เราจะใช้เครื่องมือตัวนี้นะในการวิเคราะห์กลุ่ม Audience ของเรา ใส่ Keyword ของเราเข้าไป เอาไปตั้งแต่ต้นเลยละกันเดี๋ยวจะงงกัน  เครื่องมือวางแผนคำหลักนะ วีดีโอนี้ค่อนข้างจะเป็นวีดีโอที่เหมาะกับนักการตลาดออนไลน์ที่มีพื้นฐานมาแล้วนะ ที่มีประสบการณ์มาแล้ว ทำการตลาดออนไลน์มาได้สักพักแล้ว สำหรับคนที่แบบเพิ่งเริ่มต้นขอให้ไปแบบอ่านหนังสือ ดูบทความ ดูวีดีโอนะ หรือ Take course ไปก่อนนะสำหรับพื้นฐาน อะโอเค ใส่ keyword ที่เกี่ยวกับธุรกิจของท่านเข้าไป นักรบก็จะยกตัวอย่างธุรกิจตัวเองเลยนะ เพื่อจะได้รู้ว่ามันทำยังไงเลยนะ เช็คให้แน่ใจว่าเป็นประเทศ และภาษาที่ต้องการนะ กดรับแนวคิด  เฮ้ยใส่แค่ keyword คำเดียวเนี่ยมันได้กลุ่ม Audience ตรงนี้ชัดเจนหรือเปล่า นี่คือกลุ่ม Audience ของเราใน keyword ที่เกี่ยวข้อง มันใช่จริงหรือเปล่าและจะต้องเช็คให้แน่ใจว่า Keyword พวกนี้มันใช่จริงหรือเปล่า 3 แสนกว่าครั้งต่อเดือนเนี่ยมั นใช่กลุ่ม Audience ของเราใน Google Search จริงหรือเปล่า วิธีการนะ เลื่อนลงมาลงมาดูข้างล่าง  ขายสินค้าออนไลน์ ขายของออนไลน์ ธุรกิจออนไลน์ มันใช่มั้ยนะ ถ้านักรบรู้สึกว่ามันไม่ใช่ นักรบจะยัดเข้าไปในคำหลักเชิงลบ เพื่อเอาคำพวกนี้ สถิติพวกนี้นะ ไปลบออก ลบออกจากกลุ่ม Audience ทั้งหมด เราจะได้ตัวเลขที่ใกล้เคียงกับความจริงมากยิ่งขึ้น สมมตินักรบจะสอนนักการตลาดออนไลน์ไม่ได้สอนขายของ ไม่ได้สอน  คิดว่าขายของออนไลน์  อยากสอนการใช้เครื่องมือการแชร์ประสบการณ์มากกว่า ก็เอาคำนี้เป็นคำหลักเชิงลบ ใส่เข้าไป ใส่เพื่ออะไร มันจะได้เอาคำพวกนี้ คำที่เราไม่ต้องการนะ ไปลบในกลุ่ม Audience จะได้ตัวเลขคน search จริงๆ เฉลี่ยต่อเดือนเท่าไหร่ เราจะได้ดู Audience ต่อเดือนจริงๆ เท่าไหร่ ลบแบบนี้ไปเรื่อยๆ นะ คำหลักเชิงลบ นี่ลบไปเยอะมาก ลบกันเป็นสิบ บางที 20 – 30 คำเลยนะ เพื่อที่เราจะได้ตัวเลขตรงนี้จริงๆ  ที่มันใช้ได้จริงนะ  นักรบก็ทำประมาณเป็นแบบ 2 – 3 ชั่วโมงนะกว่าจะได้ตัวเลขจริงๆ  อันนี้จริงๆ นะ อยากให้ทำกัน เพราะว่าทำปุ๊บจะได้รู้ audience ของเราจริงๆ  เราจะได้รู้เลยว่า เฮ้ย ข้อมูลมันน่าเชื่อถือได้ กลุ่ม audience ของเราจริงๆ มันใช่จริงๆ แล้วมันจะเกิดความเชื่อมั่น ว่าเออเรามีตลาดรองรับ เรามีตัวเลขที่เราสามารถไปอ้างอิง  สามารถคุยกับเจ้าของธุรกิจ นักการตลาดหรือใครๆ ก็ได้นะ นักรบทำแบบนี้จนวิเคราะห์มาแล้ว keyword ประมาณนี้นะ เสร็จแล้วก็รู้แล้วว่า keyword คือประมาณนี้ ใส่เข้าไปเลยแล้วจะได้รู้ audience จริง ๆ audience ของนักรบอยู่ที่ประมาณ 2 แสนเห็นปะ ตัวเลขประมาณนี้ ประมาณ 2 แสน เฉลี่ยๆ คือ 2 แสนต่อเดือน 2 ล้านต่อปี ว่างั้นเหอะ รวมตัวเลขแล้วโดยเฉลี่ย เราก็จะได้รู้ว่า เฮ้ย 2 แสนต่อเดือน โอเค เว็บไซต์นักรบ มีคนเข้าประมาณหมื่นนิดๆ ต่อเดือน หมายความว่าอะไร หมายความว่า เว็บไซต์ของนักรบนะ สามารถที่จะทำ Google SEO หรือ Adwords เนี่ยดึงให้คนเข้ามาในเว็บไซต์ของเรานะได้เพิ่มอีกหลายเปอร์เซ็นต์ ได้เพิ่มอีกหลายเท่าเลย นึกออกมั้ย เพราะตอนนี้นักรบมีคนเข้าหมื่นกว่าคนเองนะ ขณะที่ audience คน search เนี่ยอยู่ที่ประมาณ หลักแสนนะ ฉะนั้นโตได้อีกอาจจะเริ่มจากหมื่น โตอีกหมื่น ปีถัดไปโตเป็น 2 หมื่นโตเป็น 3 หมื่น 4 หมื่น ในปีถัดไป ปีที่ 5 โตเป็นคนเข้าเป็น 5 หมื่นนึกออกมั้ย มันก็อาจโตได้อีก เพราะว่ากลุ่ม audience คน search มันมีนึกออกมั้ย 6.12 พอเรารู้ตัวเลขกลุ่ม audience ของเรา เราจะรู้เลยธุรกิจของเราโตได้อีกเท่าไหร่ โหเจ๋งมั้ย นี่คือการหากลุ่ม audience กลุ่มธุรกิจของเรานะ ทุกท่านนะ ต้องหากลุ่ม audience ของตัวเองใน Google Adwords ให้เจอนะ เราจะได้รู้ว่าธุรกิจของเราโตได้อีกหรือเปล่า หรือว่าธุรกิจเราตันแล้วนะ ซึ่งส่วนใหญ่มันโตได้อีกแน่นอนนะ แต่ถ้าเราไม่สามารถใช้คำหลักเชิงลบตัวนี้ได้นะ audience ตรงนี้มันจะใช้ไม่ได้ มันเพี้ยนเลย จริงปะ เพราะว่าเราจะมี keyword อะไรที่มันไม่เกี่ยวข้องแล้วเราเอามาปนกันไปหมดเลยเพราะฉะนั้นเราต้องใช้ keyword คำหลักเชิงลบผสมเข้าไปด้วยนะ เพื่อหากลุ่ม audience คน search จริงๆ ของเรา และเราก็จะได้ตัวเลขตรงนี้เป็นตัวเลขหลักในการดำเนินธุรกิจของเราได้เอง เราจะได้ตัวเลขมา 1 ตัวละ นะ คือ max audience ของเรา สูงสุดของเรานั่นเอง โอเค พอเข้าใจนะ นี่คือวิธีการนะ ในการหากลุ่ม audience ใน Google Adwords คราวนี้หาแล้วได้อะไร สงสัยมะ หาแล้วได้อะไร หาแล้วจะได้รู้ไงว่าคนซื้อของเรากี่เปอร์เซ็นต์ ต่อคนเข้านั่นเอง วิธีการต่อนะ นักรบรู้แล้วตัวเลขตัวนึงนะ ขอยกตัวอย่างเลยนะ audience  โอเค Max Audience ละกันนะ เท่ากับ สอง ตัวนี้เราต้องหัดทำของเราเองนะ ถ้าเราทำเราจะเห็นนะ เห็นการเติบโต เห็นความเชื่อมั่น Max Audience คือ 200,000 ครั้งต่อเดือนนะ แต่คนเข้าจริงนะ เข้าจริงในเว็บ เท่ากับประมาณอยู่ที่ 1 หมื่นครั้งต่อเดือนเอง ยังน้อยอยู่ และก็ทำให้ธุรกิจเดินต่อไปได้แล้วนะ แต่เนื่องจากนักรบไม่ได้ทำแค่เว็บอย่างเดียว ทำ Youtube ด้วย แต่ Youtube มันนับที่คนเข้าชมนะ คนชม คน views อยู่ที่ประมาณ 250,000 ครั้ง 250,000 views ประมาณ 25,000 ครั้งต่อเดือน ขอโทษนะตะกี้สองแสน มันต่อปีแล้ว ประมาณนี้ นะ นี่คือต่อเดือนนะ คราวเนี้ย ได้อะไร คราวนี้มาดู ปีที่แล้ว มีคนซื้อนะ ปีที่แล้วคนซื้อ 30 ประมาณ  นักรบคนซื้อน้อย 350 คน  นี่คือปีนะ  ปีทีแล้วคนเข้าเว็บรวม นี่คือปีแล้วนะ รวมกันอยู่ที่ประมาณ ตีเป็นตัวเลขกลมๆ ละกันมันจะได้เข้าใจง่ายๆ นะ อยู่ที่ประมาณ 100,000 ละกัน อยากให้เป็นตัวเลขกลมๆ ไม่ใช่ไรหรอก จะได้คำนวณง่ายๆ นะ ปีที่แล้วคนชม Youtube นะ อยู่ที่ 250,000 นะ  3 บรรทัดสุดท้ายนี่สื่ออะไร สื่อเราจะได้หาไงว่า เค้าเรียกว่า เปอร์เซ็นต์นะ เปอร์เซ็นต์ละกันคนซื้อหารคนเข้าชม หรือ เค้าเรียกว่า audience ไง เนี่ยมันก็คือนะ 350 หาร หนึ่งแสน บวก สองแสนห้า คนเข้าชม 2 ตัวนี้รวมกัน หารสามห้าศูนย์หนึ่งสองสาม นึกออกมั้ย มันจะเท่ากับ เอาเครื่องคิดเลขมาเลย 350 หาร สามห้าศูนย์ หนึ่ง สอง สาม 0.001 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตัวเลข 0.001 เปอร์เซ็นต์เนี่ยมันมาจากคนซื้อหารคนเข้าชม แต่ละธุรกิจไม่เหมือนกันนะ บางธุรกิจอาจจะตัวเลขเยอะกว่าผมด้วยนะ อย่างนี้เป็นต้น เพื่ออะไร เวลาที่เราจะเพิ่มรายได้ธุรกิจนะ เราเพิ่มอะไรดี เราเพิ่มคนซื้อหรือ เพิ่มคนเข้านึกออกมั้ยนะ นักรบรู้เลยว่า Max Audience มันอยู่ที่ 2 แสน  2 แสนครั้งต่อเดือนนะ โอ้ขอโทษนี่ปี  Max Audience อยู่ที่ 2 แสนครั้งต่อเดือนหรือ 2 ล้านครั้งต่อปี นึกออกมั้ย อันนี้คือสรุปเมื่อปีที่แล้ว ถ้าจะเพิ่มนะ ยอดขายง่ายสุดเลยคือเพิ่มคนเข้าเว็บนะ เพราะว่านี่มันคนเข้าเว็บประมาณ 3 แสนครั้งต่อปี ซึ่ง Max มันอยู่ที่ 2 ล้านครั้งต่อปี เห็นมะ Max Audience อยู่ที่ 2 ล้านครั้งต่อปี แต่นักรบเพิ่งเก็บไปแค่ 3 แสนครั้งต่อปีเองมันยังแค่ประมาณแค่ตีเป็น 15เปอร์เซ็นต์แค่นั้นเอง นึกออกมั้ย ฉะนั้นเนี่ย การเพิ่มคนเข้าเว็บเนี่ยมันง่ายกว่าเพราะเรารู้แล้ว เราทำ Youtube ได้แล้วเราทำ SEO and Content Marketing ได้แล้ว ธุรกิจเรายังโตได้อีก เพราะตอนนี้เราเพิ่งเก็บ audience ได้แค่ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์นั่นเอง นะ เราจะได้รู้ว่าธุรกิจเราโตได้อีก ตรงนี้ต้องดูดีๆ นะเพราะว่ามันค่อนข้างที่จะซับซ้อนแล้วนะ โอเคเป็น concept นะ ใน Google จบแล้ว เราหา Max Audience ต่อเดือนหรือต่อปี เพื่อจะได้รู้ว่าธุรกิจของเรา มันยังโตได้อีกมั้ยนะ แล้วเรามีคนซื้อเท่าไหร่ เราจะได้รู้เปอร์เซ็นต์นั่นเองนะ แล้วเวลาจะเพิ่มยอดขาย ก็คือ เพิ่มคนเข้านั่นเอง ผ่านเว็บและก็ Youtube โดยที่เราสามารถเพิ่มได้อีก อีกหลายเท่าเลยนะ เพราะเรารู้ว่า Max Audience มันกี่ล้านครั้งนั่นเองนะ โอเคพอเห็นภาพละ นี่คือ Google  เราจะเกิดความเชื่อว่าเอ๊ย เดินต่อได้ ธุรกิจเดินต่อได้นะ คราวนี้ใน Facebook  Facebook เช็คแบบนี้ได้มั้ย มันก็เช็คได้นะแต่มันเช็คเป็นตัวเลขอีกแบบนึง นะ มันอยู่ในนี้ อยู่ในกลุ่มเป้าหมายนะ นักรบเช็คแล้วนะ สนใจ Adword WordPress ประมาณ แสนแปด ประมาณนี้นะ วิธีการหากลุ่มเป้าหมายใน Facebook นี่ทำไง ไปที่ ไลบารี่ นะ ไปที่ ข้อมูลเชิงลึกก่อน เวลาเราสร้างกลุ่มเป้าหมาย เราต้องเช็คให้แน่ใจว่ากลุ่มเป้าหมายที่เราสร้าง มันใช่กลุ่มเป้าหมายจริงๆ หรือเปล่า บางคนสร้างกลุ่มเป้าหมายมาแล้วผิดกลุ่ม โอ้โห ยิงโฆษณาไปก็เปลืองตังค์ เลือกประเทศ เลือกอายุ ประเทศอายุไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เลือกทำกันได้อยู่แล้วจริงมะ ไอ้ตรงความสนใจ interest นี่แหละมีปัญหา interest ความสนใจที่เราเข้าใจกับสิ่งที่ Facebook เข้าใจเนี่ยบางทีคนละเรื่องนะ เวลาใส่ keyword เข้าไปนะ  ทำแบบนี้ก่อนนะ เสร็จแล้ว
https://warrior.in.th/freelance-seo/marketing/how-to-find-audience-in-google-facebook/

wm5398

Blog คือ อะไร? ทำไมนักการตลาดออนไลน์ถึงควรใช้ WordPress (CMS)


ลองไปถามคนรอบตัวเราเล่น ๆ ดูสิครับว่า Blog คืออะไร, รู้จัก CMS มั้ย, ทำ WordPress เป็นรึเปล่า ? มันเลยทำให้ผมต้องเขียนบทความนี้ขึ้นมานั่นเองครับ
วันนี้ผมจะมาไขข้อข้องใจทั้งหมดให้เพื่อน ๆ ร้องอ๋อ  ไล่ตั้งแต่ Blog คืออะไร CMS คืออะไร มีอะไรบ้าง WordPress คืออะไร มีกี่ประเภท แตกต่างกันยังไง และปิดท้ายด้วยเรื่องของ Theme WordPress รับรองบทความนี้บทความเดียว "จบ" ได้ความรู้ไปเต็ม ๆครับ


เริ่มต้นด้วยคำถามที่ว่า Blog คือ อะไร?
เราน่าจะเคยได้ยินคำว่า Blog มาตั้งนานหลายปีแล้วใช่มั้ยครับ ซึ่ง Blog เนี่ยก็เป็นเว็บไซต์แบบนึงนี่แหละ แต่ออกแนวเป็นคล้าย ๆ บันทึกส่วนตัวมากกว่า ให้อารมณ์เหมือนการเขียนไดอารี่ เพราะบทความที่ใหม่สุดก็จะอยู่บนสุด ส่วนบทความเก่า ๆ ก็จะอยู่ลึกลงไปข้างล่าง ถ้าใครอยากอ่านก็อาจต้องค้นหากันไล่ลงไปเรื่อยๆ ระบบ Blog มันก็มีความยุ่งยากในตัวของมันเอง แต่ที่คนชอบใช้กันก็เพราะ มันไม่เสียตังค์นั่นเอง เราเลยจะเห็น "Blogger" หน้าใหม่ ๆ โผล่ขึ้นมาเป็นดอกเห็ด คอยเขียนเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไป บางคนให้ความรู้จนเป็นที่โด่งดัง กลายเป็นคนมีชื่อเสียงไปเลยก็มี บางคนรับรีวิวสินค้า โฆษณาเข้า ทำเงินไปเป็นหมื่นเป็นแสน กลายเป็นอาชีพหลักไปเลยก็ได้เหมือนกัน หรือบางคนมีสินค้าเจ๋ง ๆ อยากขาย ผมก็เห็นเค้าใช้ Blog เนี่ยแหละเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการกระจายสินค้า การสร้าง Blog จึงเป็นการลงทุนที่ไม่ต้องเสียเงินสักบาท อาศัยแค่แรงใจและความชอบก็สามารถเกิดเป็นช่องทางสร้างรายได้ได้แล้ว

CMS คือ อะไร เกี่ยวข้องกับ Blog ยังไง?
แต่กว่าจะออกมาเป็น Blog ให้ใช้งานกันได้สะดวกสบายแบบทุกวันนี้นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ เพราะนักพัฒนาเค้าต้องทำการบ้านกันอย่างหนัก ในการผลิตระบบขึ้นมาตัวหนึ่งชื่อว่า Content Management System หรือที่เรียกกันว่า CMS นั่นเอง ซึ่งมันคือ ระบบที่เน้นในการจัดการเนื้อหาและบทความ ทำให้คนธรรมดาที่เขียนโปรแกรมไม่ได้ อ่านภาษาคอมฯ ไม่ออก ก็สามารถสร้าง Blog สร้าง Website ของตัวเองขึ้นมาได้ ซึ่ง CMS นี่แหละครับที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความง่ายทั้งหมดทั้งมวลของโลกออนไลน์

แล้วโปรแกรม CMS มีอะไรบ้างล่ะ?
ถ้าจะให้ไล่ยาวทั้งหมด 3 วันก็คงไม่จบ ก็ตัวโปรแกรม CMS มันมีเยอะแยะมากมายตั้งแต่ WordPress, Joomla, PhpBB, Magento, Prestashop, Simple Machines, Open Cart, etc. แต่ละโปรแกรมก็จะมีจุดแข็งจุดอ่อนที่ต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการสร้างเว็บไซต์ของเรามากกว่าว่าเหมาะกับ CMS ตัวไหน บางตัวก็ช่วยในเรื่องการขายของออนไลน์ บางตัวก็เด่นในเรื่องนำเสนอคอนเทนต์ แต่ตัวที่เราจะมาเจาะลึกกัน วันนี้คือเจ้าตัว WordPress ที่ขึ้นแท่น CMS อันดับ 1 ของเมืองไทยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเองครับ

WordPress คือ อะไร? มาทำความเข้าใจไปพร้อม ๆ กัน
WordPress นี่ก็เป็นโปรแกรมสำเร็จรูป CMS ที่เอาไว้สร้าง Blog สร้าง Website นั่นแหละ ตอนแรกเลยเนี่ย WordPress เกิดมาเพื่อทำหน้าที่เป็น Blog เฉย ๆ แต่เพราะมันปรับแต่งได้หลากหลาย ลูกเล่นเยอะเหลือเกิน มีตั้งแต่ Plug-in ไปจนถึง Theme มากมายให้เลือกใช้กันไม่ถูก เลยทำให้คนเอาไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย จนตอนนี้ WordPress กลายเป็นทั้ง Blog ร้านค้าออนไลน์ เว็บไซต์ และกระดานข่าวสารไปแล้ว! และด้วยกับข้อดีทุกอย่างที่บอกไป ทั้งใช้ง่าย สวย ลื่น ฟรี ลูกเล่นเยอะ และพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ทำให้ตอนนี้มีผู้ใช้งาน WordPress มากกว่า 200 ล้านเว็บไซต์ ทิ้งห่าง CMS ตัวอื่นแบบชนิดที่ว่าไม่เห็นฝุ่นกันเลยทีเดียว

ความแตกต่างระหว่าง WordPress.com และ WordPress.org
ถ้าใครได้ลองเข้าไปสมัครใช้งาน WordPress คงจะเห็นว่าจริง ๆ แล้วมันมีอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ แบบ .com และ .org ซึ่งทั้ง 2 แบบนี้มีข้อดีข้อเสียต่างกันเล็กน้อยตามนี้เลยครับ

WordPress.com คือ อะไร?
ตัว WordPress.com ก็เหมือนกับ Blog ทั่วไปที่เปิดให้บริการฟรี ๆ มีธีมให้เลือกว่าเราอยากได้หน้าตาเว็บไซต์แบบไหน แถมมีโดเมนมาให้พร้อมเลย แต่โดเมนตรงนี้จะเป็น .wordpress.com นะครับ เช่น เราตั้งชื่อเว็บไซต์ว่า warrior ก็จะเป็น warrior.wordpress.com นั่นเอง

ข้อดีของ WordPress.com คือ
         - ฟรีทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นจนจบ (สามารถ Upgrade ใช้ Function ทีมากขึ้นได้ด้วยการจ่ายเงินเป็นรายเดือน)
         - ไม่ต้องเสียค่า Hosting เพราะข้อมูลถูกเก็บไว้บนเซิฟเวอร์ของ com
         - มีการอัพเดตระบบอยู่ตลอดเวลา
         - มี Plug-in จำเป็นให้บริการพร้อม ไม่ต้องไปติดตั้งเพิ่มเติมให้ยุ่งยาก


ข้อเสียของ WordPress.com คือ
         - ชื่อโดเมนมีคำว่า .com ต่อท้าย (แก้ไขโดยการชำระเงินค่าโดเมนเพิ่ม)
         - ปรับแต่งได้ก็จริง แต่ได้น้อยมาก เต็มที่ก็ได้แค่สีกับธีมนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้น
         - โหลด Plug-in เพิ่มไม่ได้

WordPress.org คือ อะไร?
มาถึงด้านของ WordPress.org ต้องบอกเลยครับว่าเจ้าตัวนี้ก็เหมือนตัวข้างบนทุกอย่าง แต่ WordPress.org จะเป็นเหมือนการถอดมาแต่เฉพาะระบบเท่านั้น เราต้องหา Hosting เอง จดโดเมนเอง เลือกธีมเอง เสริม Plug-in ใหม่ทั้งหมดเอง (แต่ก็ไม่มีอะไรยากเกินใจเราหรอกครับ อยากใช้ของดีก็ต้องขวนขวายกันหน่อย)

ข้อดีของ WordPress.org คือ
         - ปรับแต่งได้ทุกแบบตามใจเรา อยากเฟี้ยว อยากแนวแค่ไหน เนรมิตได้หมด
         - Plug-in ก็เยอะสุด ๆ ช่วยเสริมนั่น เพิ่มประสิทธิภาพนี่ อำนวยความสะดวกเว่อร์
         - ใครเขียนโค้ดเป็นก็ปรับแต่งทุกอย่างเองได้เลย
         - เลือก Hosting เจ้าที่ต้องการได้
         - และสุดท้ายนะครับorg มีธีมให้เลือกใช้งานเยอะมาก แล้วคุณจะสนุกกับการเลือกธีมจนลืมสร้างเว็บไซต์ไปเลยล่ะครับ

ข้อเสียของ WordPress.org คือ
         - มีค่าใช้จ่ายในเรื่อง Hosting และ โดเมน ที่จำเป็นต้องเสีย
         - ไม่ง่ายเท่ากับแบบ wordPress.com

เดี๋ยวนะ แล้ว Theme WordPress คือ อะไร ?
ไหน ๆ เพื่อน ๆ ก็อุตส่าห์ติดตามอ่านกันมาจนถึงตรงนี้แล้ว ผมขอเซอร์วิสทุกคนด้วยการอธิบายถึงเรื่อง Theme WordPress กันหน่อยดีกว่า ถือเป็นการปิดฉากแบบสวย ๆ ไปด้วยเรื่องนี้เลยแล้วกัน ลูกเล่นที่ทำให้ WordPress พุ่งทะยานขึ้นมาแซงหน้าทุก CMS ได้ผมว่าน่าจะเป็นเพราะเรื่องของ ธีม นี่แหละครับ เพราะบน WordPress เนี่ยเราสามารถเปลี่ยนแปลงหน้าตาทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย เหมือนเปลี่ยนเคสโทรศัพท์ยังไงยังงั้นแหละ แถมมีแบบให้เลือกเยอะมากกกกก เยอะจนตาลายเลยแหละครับ เข้าไปครั้งแรกกว่าจะตัดสินใจได้ลงตัวว่าจะเอาอันไหน ใช้เวลาไป 2-3 วันก็มี และที่สำคัญเลยก็คือ มัน "ฟรี" นี่แหละ (ถึงจะมีแบบเสียเงินด้วย แต่แค่แบบฟรีนี่ก็ครอบคลุมทุกอย่างแล้วครับ) แต่ก่อนจะเลือกธีม WordPress มาใช้งานสักอัน เราต้องดูด้วยนะครับว่า มันเหมาะสมกับสิ่งที่เราจะเอาไปใช้งานมั้ย ไม่ใช่มองแต่ความสวยอย่างเดียว เพราะแต่ละทีมก็อาจจะมีฟีเจอร์ที่แตกต่างกันออกไปเล็กน้อย ถ้าเราเลือกผิดมันก็จะแสดงศักยภาพออกมาได้ไม่เต็มที่ ไหน ๆ จะเสียเวลาทั้งทีก็เลือกให้มันดี ๆ ไปเลยดีกว่าครับ บทความด้านบนนี้เขียนโดน Freelance

5 เหตุผลที่นักรบเลือกใช้ WordPress
เหตุผลหลักๆที่เลือกใช้ WordPress เพราะเหมาะสมที่สุดในการต่อยอดการทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ เมื่อเว็บไซต์ติดอันดับใน Google ด้วยคีย์เวิร์ดสร้างยอดขาย (Commercial Keywords) จะทำให้ธุรกิจเดินหน้าต่ออย่างไรกังวลใน Google Search ครับ
         1. ประหยัดเงินทำเว็บไซต์ได้ 1-3 หมื่นบาท หากเลือกสร้างเว็บไซต์เองด้วย WordPress
         2. รองรับเทคโนโลยีสมัยใหม่ๆเสมอ เพราะมีอาสาสมัครทั่วโลกค่อยพัฒนาอย่างเป็นระบบ
         3. รองรับการทำ SEO และ รองรับการใช้ Marketing Tools ได้หลากหลาย
         4. สามารถ Update และปรับแต่งได้เองเต็มที่
         5. รองรับการขยายธุรกิจให้ใหญ่ขึ้น รองรับคนเข้าได้มากขึ้นสูงถึง 5,000 คน/วัน (สำหรับผู้เริ่มต้น)

หากใครสนใจสร้างอาชีพด้วยการรับทำเว็บไซต์ด้วย WordPress ลองอ่าน Freelance รับทำเว็บไซต์ WordPress และ การขายของออนไลน์ด้วย WordPress ดูครับ ส่วนใครอยากจะต่อยอดการทำ WordPress SEO ก็อ่านบทความ ฟรีแลนซ์รับทำ SEO ได้ต่อครับ สุดท้ายถ้าจะต่อยอดเป็นระดับ SEO Agency ลองอ่านบทความ แชร์วิธีการสร้าง Small SEO Agency
ขอให้สนุกกับโลก Digital Marketing ครับ ลุย!!!
https://warrior.in.th/wordpress/blog-is/

wm5398

ทดสอบและใช้งานโปรแกรม SEO PowerSuite


นักรบจะฝึกการใช้งาน SEO PowerSuite ประมาณ 1-2 เดือนครับ โดยจะทำการทดสอบการทำ SEO กับเว็บไซต์ตัวเอง ด้วยจำนวนคีย์เวิร์ด 640 Keywords, Search Volume 200,000 ครั้ง/เดือน กับเว็บไซต์ตัวเอง ให้ได้ผลก่อน เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นว่าได้ผลจริงครับ ทุกองค์ความรู้ที่ทดสอบ จะถูกเผยแพร่ในหน้าเว็บไซต์แห่งนี้ครับ หลังจากนั้นจะตกผลึกประสบการณ์, ศึกษาความรู้จาก Blog ต่างประเทศ และสรุปแนวทางในการทำคอร์สเรียน เพื่อสร้างนักการตลาดออนไลน์รุ่นใหม่ ที่สนใจประกอบอาชีพนี้ ได้มีพื้นฐานไปสมัครงานและทำงานในบริษัทครับ

โดยผมจะเน้นที่ SEO Technical Specialist โดยเฉพาะครับ (อ่าน SEO Job Requirment ได้ที่ https://goo.gl/tGq1hT) ส่วน SEO สาย Content สามารถเรียนได้ที่ https://warrior.in.th/classroom ถ้าจังหวะดีๆ ผมจะจัดตั้งสถาบันการอบรม พัฒนาทักษะสร้าง Digital Marketer ใหม่ๆในอนาคตอีกด้วยครับ

สรุปรายละเอียด
หัวข้อเรื่อง : ทดสอบและใช้งานโปรแกรม SEO PowerSuite เหมาะกับ : นักการตลาดออนไลน์ และ เจ้าของธุรกิจ พื้นฐานที่ควรมี : มีพื้นฐาน SEO แล้ว ระยะเวลา : 1-2 เดือน

ข้อมูลโปรแกรม SEO PowerSuite โปรแกรมสามารถ Download & Testing ได้ฟรีที่ https://www.link-assistant.com (ค่าลิขสิทธิ์โปรแกรม 299-699$) (ค่าอัพเดท 19.95 – 39.95 $/Mo)
https://warrior.in.th/freelance-seo/job/technical-seo/seo-powersuite-testing/

wm5398

Yoast & XML Sitemap ใน Search Console

ถ้อยคำจากวีดีโอ
วิธีที่นักรบแนะนำมี 2 วิธี คือ
1. เพิ่มจำนวนคนเข้าชมเว็บไซต์
       ถ้าเราเพิ่มคนเข้าชมเว็บไซต์จะเป็นการส่งสัญญาณให้ Google Bot จับว่าหน้าเว็บไซต์และบทความตัวนี้มีคนสนใจเยอะ และจัดอันดับให้ติด google search โดยมีวิธีการคือ Copy URL แชร์ลงใน Facebook Fanpage ของเรา ยิ่งมีคนติดตามเพจเรามากเท่าไร จะช่วยให้เพิ่มสถิติเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรามากขึ้นวิธีเช็คว่าบทความของเราว่าติดอันดับที่เท่าไหร่ใน Google Search  ให้พิมพ์คำว่า site : ตามด้วย URL ของบทความนั้นในการค้นหาบน Google หากติดอันดับจะปรากฏบทความของเราขึ้นมาทันที      การโปรโมทบทความของเราตามงบประมาณ จะช่วยเร่งสปีดคนเข้าเว็บไซต์มากยิ่งขึ้น วิธีนี้เหมาะกับคนที่มีเว็บไซต์ WordPress มีการเขียนบทความดีตอบรับความชอบของคนส่วนใหญ่ที่เล่น Social media

2. การตั้งค่า SiteMap ใน Google Search Console
     เมนู > SiteMap เพื่อบอก google ว่า เรามีโครงสร้างเว็บไซต์แบบนี้ แจ้งให้กูเกิลเช็คทุกหน้า สำหรับท่านที่ไม่มีโครงสร้างจาก SiteMap แบบนี้ นักรบจะแนะนำการติดตั้งปลั๊กอินการสร้าง Auto SiteMap ไปที่เว็บไซต์ของเรา เมนู ปลั๊กอิน > เพิ่มปลั๊กอินใหม่ นักรบใช้ปลั๊กอินของ Yoast SEO นอกจากทำ SEO ได้แล้วยังใช้ทำ SiteMap ได้อีกด้วย เมื่อติดตั้งเรียบร้อยแล้ว ให้มองหาเมนูที่ชื่อว่า XML SiteMap     เราจะพบว่าปลั๊กอินนี้ได้สร้าง SiteMap มาให้เราเรียบร้อยแล้ว ให้นำไปวางใน Google Search Console กลับไปที่ Google Search Console ทำการกดเพิ่ม SitMap สังเกตว่า เรามี URL อยู่แล้วให้เติมส่วนด้านหลัง จากนั้นเช็คและกดส่ง ทำจนครบทุก SitMap การเช็คการจัดอันดับของเรา ให้คลิกเมนู > "ดัชนี Google " เราจะพบว่า Google ได้จัดอันดับของไว้เรียบร้อยแล้ว นี้คือการเร่งจัดอันดับหน้าเว็บไซต์เรา     หากเว็บไซต์ที่มีคนเข้าเยอะ จะรอประมาณ 1-2 วัน  ตัวอย่างบทความล่าสุดที่นักรบพึ่งทำ พึ่งโพสต์ไปไม่กี่วัน ยังไม่มีการจัดอันดับ แต่หากโพสต์นานแล้วจะมีการจัดอันดับเรียบร้อยแน่นอนวิธีที่ดีสุดที่นักรบแนะนำสำหรับคนที่พึ่งสร้างเว็บไซต์ควรทำการ Submit Sitemap ก่อน ตามด้วยการเพิ่มจำนวนคนเข้าเว็บไซด์ผ่านช่องทาง Social Media ครับ
https://warrior.in.th/wordpress/call-google-bot-rank-wordpress/

wm5398

ผลลัพธ์ – 5 คนทำธุรกิจส่วนตัวออนไลน์ ดีใจที่นักรบมีส่วนช่วยครับ


ภูมิใจที่มีส่วนช่วยใครหลายๆคนผ่านคอร์สเรียนและบทความให้ความรู้การทำการตลาดออนไลน์ครับ จริงๆแล้วก็มีหลายคนที่อยากจะแนะนำ แต่วันนี้ขอพูดถึงเพียงเท่านี้ก่อนครับ อ๋อ ลืมบอกไป นักรบอาจจะมีส่วนช่วยเหลือบ้าง เช่นการทำเว็บไซต์ หรือแบ่งปันความรู้ในคอร์สเรียนครับ โดยทั้ง 5 ท่านนั้นมีทักษะที่จำเป็นอื่นๆ และมีความสามารถอื่นๆติดตัวมาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งมีส่วนช่วยเป็นอย่างมากที่ทำให้ทำธุรกิจส่วนตัวออนไลน์ของแต่ละท่านได้ผลดีครับ

ท่านที่ 1 : พี่หลินและพี่ต้น เรียนจีนให้ได้จีน

วันแรกที่เจอ เราแลกเปลี่ยนคอร์สเรียนซึ่งกันและกัน ทำให้ได้ความรู้ อีกทั้งยังได้รับทำเว็บไซต์ให้กับพี่หลินอีกด้วยครับ โดยก่อนหน้านี้พี่หลินใช้เว็บไซต์ของ blogspot.com อยู่ครับ นักรบจึงแนะนำระบบเวิร์ดเพรสให้ เพราะเห็นว่าพี่ต้นซึ่งเป็นแฟนพี่หลินนั้น มีศักยภาพในการดูแลเว็บไซต์นี้ครับ

ท่านที่ 2 : น้องพัน Nine100.com

น้องพันเป็นผู้เรียนคอร์สเรียน SEO รุ่นแรกๆเลยของนักรบครับ มีความตั้งใจเป็นอย่างมาก หลังจากที่ทำเพจนายร้อยด้วยการแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับการสอบเข้านายร้อย ทำให้มีคนติดตามในแฟนเพจทะลุหลักแสนภายใน 1 สัปดาห์ทีเดียวครับ ซึ่งความสามารถในการแบ่งปันความรู้นี้นั้น เป็นความสามารถของทีมงานและตัวน้องพันเองครับ ส่วนนักรบดีใจที่มีส่วนช่วยในการรับทำเว็บไซต์และแบ่งปันความรู้ในคอร์สเรียนให้คร๊าบบบ

ท่านที่ 3 : คุณหนุ่ม เกษตรอินทรีย์

คุณหนุ่มคือเพื่อนใน Facebook ครับ และได้เห็นผลงานการทำเว็บไซต์และวีดีโอเกี่ยวกับ " ทุกเรื่องราวการทำเกษตรอินทรีย์ " ซึ่งเรื่องนี้นักรบเองยังไม่เห็นใครทำเป็นจริงเป็นจังเท่าคุณหนุ่ม อีกทั้งยังทำเว็บไซต์และเนื้อหาออกมาได้มากมายพอที่จะเก็บอยู่ในเว็บไซต์อีกด้วยครับ ดูแล้วน่าอ่านมากๆ ดีใจที่คุณหนุ่มบอกว่า บทความของนักรบมีส่วนช่วยให้คุณหนุ่มสร้างเว็บไซต์นี้ได้สำเร็จอีกด้วยคร๊าบบ

ท่านที่ 4 : เชฟหมวย สอนทำสลัด

เชฟหมวย คือ คนที่นักรบช่วยเหลือมากที่สุดครับ โดยจะช่วยในเรื่องการสร้างเว็บไซต์เวิร์ดเพรส, การถ่ายรูป, ตกแต่งรูปประจำบทความ, อัดวีดีโอ และเป็นที่ปรึกษาด้านการตลาดออนไลน์แบบครบวงจรอีกด้วย เนื่องจากเชฟหมวยมีต้นทุนที่ดีในเรื่องการทำอาหารอยู่แล้วครับ นักรบจึงช่วยฝึกให้เชฟหมวยสามารถเขียนบทความและเผยแพร่บทความวิธีการทำอาหารได้เอง จนได้รับการแชร์สูงถึง 18,000 เฟสบุ๊คแชร์ และติดกะทู้ Trend ใน Pantip คร๊าบบ

ท่านที่ 5 : น้องขวัญ Bathmetender

น้องขวัญเป็นลูกเจ้าของโรงงานผลิตน้ำยาทำความสะอาดครับ และก็ได้ออกสินค้าของตัวเองเป็นผลิตภัณฑ์แชมพูออร์แกนิค ซึ่งน้องขวัญออกแบบและจัดทำข้อมูลเองหมดเลย เก่งมากครับ อีกทั้งน้องขวัญยังขยันเรียนกับคอร์สเรียนของนักรบมากกว่า 4 คอร์สแล้ว นักรบเลยขอฟังรีวิวจากน้องขวัญมาคร๊าบบบ น้องขวัญ : " ได้มีโอกาสเรียนคอร์ส SEO, Adwords, WordPress: The7 กับทางนักรบ ได้ความรู้เยอะมากๆในแต่ละคอร์ส คุณนักรบรวบรวมเทคนิคที่จำเป็นไว้ให้มากมาย อัดแน่นภายในวันเดียว ครบเกือบทุกอย่างที่ผู้ประกอบการในยุค Digital Marketing ควรเรียนรู้ ขอบคุณมากๆนะคะ "

กล่าวตอนท้าย
นี้เป็นตัวอย่างส่วนหนึ่งที่นับรบพอจะหยิบยกมาได้บ้าง เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับเรื่องราวที่นักรบได้มีส่วนช่วยเหลือไม่มากก็น้อย โดยจะเห็นได้ว่าแต่ละท่านมีต้นทุนที่เป็นความชอบ ความรัก ทักษะที่ทำดีอยู่แล้ว นักรบเพียงเพิ่มในส่วนของเว็บไซต์และการตลาดออนไลน์ให้ครับ
https://warrior.in.th/seo-goal/five-online-business-owner/

wm5398

อุปกรณ์เริ่มต้นสร้างคอร์สออนไลน์ SEO


อุปกรณ์สำหรับการสร้างคอร์สออนไลน์ SEO นักรบใช้เพียง Notebook และไมโครโฟนดีๆก็เพียงพอ แต่ถ้าอยากให้ใช้งานได้ดีและคล่องตัวขึ้น ก็ซื้อกล้อง Webcam เพิ่มอีกสักตัว จะทำให้อัดภาพผู้สอนชัดเจนมากยิ่งขึ้น อยากรู้ว่าอุปกรณ์สร้างคอร์สออนไลน์มีอะไรบ้าง ก็เลื่อนอ่านด้านล่างกันได้เลยครับ

Notebook หรือ PC และ ไมโครโฟนเสียงดีๆสักอัน
ราคา Notebook จะอยู่ในช่วง 10,000 – 20,000 บาท ก็สามารถใช้งานได้แล้วครับ หรือใครจะใช้ PC ก็ได้นะไม่ว่ากัน


Webcam และ Mouse
ถ้าเว็บแคมที่มากับโน๊ตบุ๊คไม่ชัดดีพอ ให้มองหากล้อง logitech c920 ราคาประมาณ 3,500 บาท (มีรุ่นใหม่ออกมาแล้ว ลองเช็คดูนะครับ) ส่วนเม้าส์เลือกที่ชอบจะได้ทำงานได้ง่าย เอาแบบไร้สายก็ดีนะ
ภาพตัวอย่างใกล้ๆของกล้องเว็บแคม Logitech 920 ครับ

หูฟังพร้อมไมโครโฟน ก็ใช้ง่ายๆราคาแค่ 210 บาทเอง แต่ถ้าอยากได้เสียงชัดๆ แนะนำให้ซื้อไมแยกดีกว่าครับ

เมาส์ไร้สายราคาประมาณ 400 บาท

อุปกรณ์เท่านี้ก็เพียงพอที่จะเริ่มต้น "สร้างคอร์สออนไลน์ สร้างรายได้ Passive Income " แล้วนะคร๊าบ อ๋ออย่างลืมใช้สัญญาณ Internet แรงๆด้วยนะครับ ส่วน Software ที่ใช้นั้นมีอะไรบ้าง วันหน้าจะมาบอกคร๊าบ
https://warrior.in.th/entrepreneur/how-to-prepare-hardware-create-courses-online/


wm5398

แชร์ประสบการณ์การลงโฆษณา Google AdWords เพิ่มยอดขาย 10 เท่า

แชร์ประสบการณ์การลงโฆษณา Google AdWords เพิ่มยอดขายมากกว่า 10 เท่า ทั้งการทำโฆษณาใน Google Search และ ในเครือข่ายดิสเพลย์
https://warrior.in.th/freelance-seo/job/google-ads/google-adwords-increase-sales/

wm5398

5 เหตุผล ทำไมเลือกทำการตลาดในกูเกิลเป็นหลักแทนเฟสบุ๊ค


กลยุทธ์การทำการตลาดออนไลน์มีมากกว่า 1 วิธี แล้ววิธีไหนล่ะ ที่จะเหมาะกับธุรกิจของเพื่อนๆ มีแต่ได้ทดลองทำกับตัวเองแล้วเท่านั้นถึงจะรู้ จริงไหมครับ วันนี้นักรบขอแชร์วิธีการทำการตลาดออนไลน์ของตัวเอง ว่าทำไมถึงเลือก Google เป็นหลัก และใช้ Facebook เป็นรองในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้

5 เหตุผล เลือกทำการตลาดในกูเกิลแทนเฟสบุ๊ค
        1. Facebook ลดอัตราการเข้าถึงของ Fanpage ลงไปเรื่อยๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดที่จุดไหน
        2. Facebook ปรับ algorithm ทุกครั้งที่มี Feature ใหม่ๆเข้ามา เพื่อให้คนแห่ไปใช้ทำให้คนทำเพจต้องเหนื่อยกับการวิ่งตามไม่หยุดหย่อน (กูเกิลก็ปรับ Algorithm  SEO เหมือนกัน แต่เนื่องจากนักรบจับทางการทำ SEO ได้แล้วจึงไม่มีปัญหา)
        3. หยุดโพสเมื่อไหร่ Engagement ของ Fanpage ลดลงเข้าใกล้ 0ในขณะที่ ถ้าเลือกทำ Google SEO ให้เว็บไซต์ ถึงเดือนนี้ทั้งเดือนไม่มีบทความใหม่ ก็ยังมีคนเข้าเว็บไซต์จากบทความ SEO เก่าที่ทำไว้ไม่มีลดลง
        4. หลายธุรกิจเริ่มทำ Content Marketing ในเฟสบุ๊คมากขึ้น คนทำธุรกิจรายย่อยเสียเปรียบในอนาคตแน่นอน ถ้าไม่เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) และสร้างเนื้อหาเฉพาะด้าน (Niche Content)
        5. Google มีระบบ Search ที่รองรับ Niche Content ดีกว่า Facebook

ความจริงแล้วยังมีอีกหลายเหตุผล แต่ทว่าเพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ตัดสินใจเลือกสร้างเนื้อหาเฉพาะด้านในเว็บไซต์ (Niche Content Site) เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) ทำการตลาดใน Google และเสริมทัพด้วย Social Media ครับ เพื่อนๆละครับ มีวิธีการทำการตลาดออนไลน์อย่างไรบ้าง?
https://warrior.in.th/freelance-seo/marketing/5-reason-why-use-google-marketing/