ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

Digital Marketing Freelancer หลักสูตรอบรม, ความรู้การทำ SEO เพื่อเพิ่มยอดขาย

เริ่มโดย wm5398, 21:10 น. 22 มิ.ย 64

wm5398

1 เดือนแรก ของการทำธุรกิจส่วนตัว หลังจบชีวิตมนุษย์เงินเดือน


ลาออกจากงานประจำมาแล้ว 2 อาทิตย์ กลายเป็นนักธุรกิจเต็มตัว บริหารบริษัทตัวเองด้วยเงินเก็บจากธุรกิจเดิม ความรู้สึกมันยิ่งกว่าการย้ายงาน จากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง แต่นี้ต่างออกไป มันคือการย้ายจากโลกของมนุษย์เงินเดือน ไปสู่โลกของคนทำธุรกิจส่วนตัว ที่แข่งขันกันอย่างเข้มข้นและรุนแรงกว่า

การใช้ 3 หัวใจในการทำธุรกิจแบบนักรบ
นักรบรู้โดยสัญชาตญาณว่า ถ้าพลาดเรื่องเงินหลายครั้งคงเจ๊งแน่ ครั้งนี้จึงตัดสินใจใช้แผนเดิมดูท่าที
       1. เร็ว : ลงมือทำได้เร็ว
       2. แรง : Passion รุนแรง
       3. เปลี่ยนแปลงแบบสุดขั้ว : พัฒนาตัวเองทุกเรื่อง

อ่านต่อ 3 หัวใจในการทำธุรกิจแบบนักรบ ประโยชน์ของเทคนิคนี้ ช่วยประหยัดต้นทุนได้มาก  Focus ที่การสร้างผลงานที่ดี โพสลงเว็บไซต์และ Fanpage ค่อยๆสร้างฐานแฟนเพจ และไต่อันดับ Google SEO ด้วยการให้ความรู้ควบคู่กัน

งานวิทยากรได้อะไร ?
งานวิทยากรจะได้ Connection เป็นอันดับแรก จากบริษัทที่เชิญ และจะได้ Connection จากคนเข้าเรียนเป็นลำดับที่ 2 งานวิทยากรไม่ได้มีประจำทุกเดือน ฉะนั้นเรื่องเงินเป็นเพียงสีสันของชีวิต แต่เรื่อง Connection และภาพลักษณ์ คือโอกาสที่สำคัญที่ไม่ควรมองข้ามได้ รายได้ : ปานกลาง Connection : ดี ระดับความยาก : ง่าย – ปานกลาง ข้อดี : สร้างชื่อเสียงได้ดีเยี่ยม


จัดงานสัมมนาได้อะไรบ้าง ?
งานสัมมนาจะได้ Profile ผลงาน และ Present Document ที่ใช้ต่อได้ สามารถกำหนดชื่องานสัมมนาและเนื้อหาได้ด้วยตัวเอง การเตรียมข้อมูลครั้งนี้ จะใช้เป็นข้อมูลในการจัดสัมมนาครั้งต่อๆไปได้ เป็นการทำครั้งเดียวและต่อยอดได้นั้นเอง (แต่ควรปรับปรุงเนื้อหาด้วย) รายได้ : ปานกลาง Connection :  ปานกลาง ระดับความยาก : ปานกลาง – ยาก ข้อดี : เอกสารทำครั้งเดียว ต่อยอดงานสัมนาต่อไปได้ (แต่ควรปรับปรุงเนื้อหาด้วย)

ข้อดี งานประจำ VS ธุรกิจส่วนตัว
ข้อดีของงานประจำ 1 ในทีมงานขอบริษัท ต้องทำงานร่วมกับผู้อื่นได้เองอย่างดี และรับผิดชอบงานตัวเองได้ดีเยี่ยม
       - มั่นคงกว่า และเสี่ยงน้อยกว่า
       - ไม่ต้องกำหนดเป้าหมายระยะยาว เพราะมีวิสัยทัศน์ของผู้บริหารค่อยกำหนดทิศทาง
       - หากพลาด ก็มีทีมงานหรือแผนกอื่นทำให้ธุรกิจไปต่อได้
       - เงินเดือนคาดการณ์ได้
       - มีเวลาวางแผนระยะยาวเรื่องเงินได้ดี

ข้อดีของธุรกิจส่วนตัว ธุรกิจส่วนตัว ต้องกำหนดทิศทางและวางแผลกลยุทธ์ระยะยาว จะอยู่รอด หรือล้มเหลวก็ขึ้นกับวิสัยทัศน์เป็นสำคัญ
       - รายได้เกิดจากยอดขาย ไม่ใช่ฐานเงินเดือนร่วมกับคนอื่น
       - กำหนดทิศทางทั้งตัวเอง และบริษัทที่รับผิดชอบในระยะยาว
       - มีอำนาจเต็มที่ในการตัดสินใจ ทั้งเรื่องเวลาและเงินทอง
       - มีอิสระภาพในการคิดและการทำได้ 100%
       - ปลุกศักยภาพของตัวเองได้ถึงขีดสุด

การเพิ่มรายได้ ของธุรกิจส่วนตัว จะใช้ความต้องการของตลาดเป็นปัจจัยที่มีผลโดยตรง ต่างจากพนักงานประจำที่ต้องใช้ฐานเงินเดือนของบริษัทเป็นเกณฑ์ เส้นทางของการทำธุรกิจส่วนตัว ต้อง Start ที่เป้าหมายของชีวิต แรงบันดาลใจ, พลังในการขับเคลื่อน และต้องใช้ความเข็มแข็งทางจิตใจที่มากกว่าตอนทำงานประจำมาก เพราะต้องรับผิดชอบบางสิ่งบางอย่าง ที่ไม่ได้เรียนรู้มาเลยในชิวิตงานประจำและมหาลัย นั้นคือ การวางกลยุทธ์ทางธุรกิจในระยะยาวที่สามารถทำให้อยู่รอดและเข้มแข็งได้ ในงานประจำ สิ่งที่ต้องสู้ คือการพัฒนาตัวเอง และรับผิดชอบงานให้ลุล่วงด้วยดี ตัวเราเป็นฟันเฟืองหนึงในธุรกิจ หากเราไม่เก่งพอ ก็ยังมีคนในทีมอื่นๆหนุนหลังให้ธุรกิจไปต่อได้ แต่ในหนทางของธุรกิจส่วนตัว เราเป็นแกนกลางของธุรกิจ เราต้องสู้กับคู่แข่งอย่างน้อยๆทั่วประเทศไทย และต่างประเทศในอนาคต ฉะนั้นเราต้องพัฒนาตัวเองให้ดีเยี่ยมในระดับของประเทศ

เมื่อพลาดในงานประจำ vs ธุรกิจส่วนตัว
ทำธุรกิจส่วนตัวหากพลาดติดต่อกันหลายๆครั้ง รายได้จะหาย ต้นทุนจะเพิ่ม ล้มเหลวถึงขั้นเจ๊งได้ ไม่เหมือนงานประจำ ถ้าพลาดอย่างมากคือโดนด่า หักเงินเดือน มีโอกาสแก้ไขแต่รายได้ไม่หายไป

การรับผิดชอบที่สูงขึ้น จะได้โอกาสและรายได้ที่สูงตาม
นักรบเข้าใจเรื่องนี้ว่า คนที่มีความสามารถในการรับมือกับปัญหาที่ยิ่งใหญ่, ใช้สติ, การควบคุมอารมณ์ที่ฝึกฝนมาเป็นอย่างดี มักจะได้ทำงานที่ท้าทาย และได้ค่าตอบแทนงดงามกว่างานธรรมดาทั่วไป นั้นก็เพราะเขาเป็นคนกลุ่มน้อยที่ควรค่ากับการได้รับค่าตอบแทนนี้เอง

สรุปโดย นักรบ
เมือทำธุรกิจส่วนตัวเต็มเวลาครั้งแรก ร่างกายยังไม่ปรับตัวให้ชิน และกิจวัตรประจำวันการทำงานไม่ค่อยเป็นเวลา ไม่มีใครกำกับเวลาเข้างานและออกงาน ชีวิตมีทั้งแบบอิสระและสะเปะสะปะปนไป หากเป็นแบบนี้ต่อไป ร่างกายจะไม่สมดุล ส่งผลร้ายในภายหลัง โดยเฉพาะวิสัยทัศน์ ก็ยังได้รับการปิดเบือน และอาจตามึดบอดมองไม่เห็นอนาคต หนทางข้างหน้าธุรกิจลำบากแน่นอน วิธีแก้ไข ปรับกิจวัตรการทำงาน 8-10 ชั่วโมงให้ครอบคลุมเนื้อหาและเป้าหมาย
         - ช่วงเช้า 2-3 ชั่วโมง : ตอบ Facebook, Email และ คำถามจากผู้เคยเรียนคอร์ส
         - ช่วงบ่าย 4-5 ชั่วโมง : เตรียมเนื้อหาคอร์สเรียน
         - ช่วงค่ำ 3-4 ชั่วโมง : สร้างเนื้อหา ให้ความรู้แฟนเพจนักรบ
https://warrior.in.th/warrior-life/the-first-month-of-doing-business-life-after-death/

wm5398

มนุษย์เงินเดือน เช้าทำงานประจำ เย็นทำธุรกิจ จนตั้งบริษัทตัวเองได้


สวัสดีครับ ผมนักรบ เมื่อก่อนเป็นเพียง " มนุษย์เงินเดือน " ธรรมดาๆ ฐานะทางบ้านปานกลางค่อนข้างจน พอมีพอกินบ้างแต่ไม่ร่ำรวย ผมมีหนี้สินแค่รถคันเดียวก็ผ่อนกันเหงื่อตกแล้วครับ จนต้องให้ที่บ้านช่วยผ่อนด้วยซ่ำ สมัยเด็กผมเป็นไอ้ขีแพ้ ทั้งเรื่องเรียน, เรื่องกิจกรรม และแม้แต่เรื่องความรัก ตั้งแต่ประถมจนเรียนจบ เคยด่าตัวเองว่า "ไอ้ขี้แพ้" บ่อยๆ
        - สมัยประถม เคยได้รับโอกาสเป็นนักเล่นดนตรี อิเล็กโทน แต่เล่นไม่นานก็เลิก
        - สมัยมัธยม เพื่อนส่งรายชื่อให้ประกวดร้องเพลงคณิตศาตร์ แต่กลับโดนโห่กลางเวที
        - จบ ม. ปลาย เอนท์ไม่ติด เพราะไม่ขยันเรียน การบ้านไม่ส่งเลย
        - มหาลัย ได้เล่นบาส หมดเวลา ชู๊ตลูกโทษตัดสินแพ้-ชนะ 2 ลูก กลับชู๊ตไม่ลงสักลูก ทำให้ทีมแพ้รอบชิงชนะเลิศ เพราะขี้เกียจซ้อมไม่เอาจริง
        - มหาลัย เล่นวงดนตรีประกวด แต่อ่อนซ้อม แพ้ไม่เป็นท่าเพราะผม
        - ทำงาน เคยโดนลดเงินเดือน, โดนขอให้ออก, ทำที่ไหม่ ก็ไม่ผ่าน Pro

ตลอดเกือบ 30 ปี ชีวิตไม่ประสบความสำเร็จเลย ผมไม่เคยทำอะไรจริงจัง และไม่รู้ด้วยว่าอนาคตจะไปได้แค่ไหน  แค่ฝันบางทียังไม่กล้า แต่วันนี้สามารถปลดหนี้รถ, บัตรเครดิต, ออกจากงานประจำ มาเปิดบริษัทเล็กๆได้ พร้อมมีเงินเก็บสำรองใช้ 1 ปี โดยไม่ต้องมีรายได้ก็อยู่ได้ มีเวลาอยู่กับพ่อแม่ทุกวัน และ มุ่งหน้าสร้างบริษัทเล็กๆของตัวเองให้แข่งเกร่ง ถึงแม้จะประสบความสำเร็จเล็กๆ แต่ก็เป็นก้าวแรกที่ดี วันนี้ผมไม่เรียกตัวเองว่า "ไอ้ขี้แพ้" อีกแล้ว เพราะผมเห็นหนทางของการสร้างแบรนด์ให้ธุรกิจตัวเองด้วยความสามารถและวิสัยทัศน์ ผมทำอย่างไร? มาดูกันครับ

วิสัยทัศน์สำคัญที่สุด
วิสัยทัศน์คือการมองเห็น สิ่งที่จะเกิดขึ้น หรือมีแนวโน้มที่จะเกิด ยิ่งมองเห็นชัดเท่าไหร่จะยิ่งเกิดความเชื่อมากขึ้นเท่านั้น เมื่อความเชื่อแรงกล้า ทำให้ฟันฝ่าทุกอุปสรรคได้ง่าย และประสบความสำเร็จครับ ผมโชคดีเรื่องหนึ่ง ที่ได้มีโอกาสเจอกับ พี่หนึ่ง(วรพงศ์) หัวหน้าที่มีวิสัยทัศน์ เขาได้สอนผมหลายเรื่อง ทำให้ผมมีวันนี้ หลังจากที่ลงมือทำมากยิ่งขึ้น ทำให้ผมประสบความสำเร็จในธุรกิจมากยิ่งขึ้นครับ ถึงแม้ยังเป็นความสำเร็จเล็กๆน้อย แต่เชื่อว่าแนวทางของผมจะช่วยแก้ไขปัญหามนุษย์เงินเดือนคนอื่นๆ ได้ไม่มากก็น้อยครับ

3 หัวใจของการเริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัวควบคู่งานประจำ
เช้าทำงานประจำ เย็นทำธุรกิจตัวเองจนตั้งบริษัท มีหัวใจในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จและมีความมั่นใจได้อย่างไรไปดูกันครับ 1. เร็ว : เร็วที่ลงมือทำ เป็นอาวุธที่ร้ายแรงที่สุดอาวุธแรกที่คนทำธุรกิจตัวเล็กต้องมี – การลงมือทำเร็ว, – คิดเร็ว วางแผนเร็ว – วัดผลหลังทำไปแล้ว ตัดสินใจว่าเวิร์คหรือไม่ได้เร็ว ได้ผลลัพธ์มาใช้เพื่อหาหนทางที่ดีกว่าต่อไป ในช่วงแรกๆของการทำธุรกิจ สมัยนั้นนักรบต้องเรียนรู้อะไรหลายอย่าง เช่น วิธีเลือกสินค้า, วิธีซื้อสินค้า, วิธีหาแหล่งผลิต, วิธีต่อรองราคาต้นทุน, วิธีนำไปขาย, วิธีการทำการตลาด และวิธีสร้างแบรนด์เยอะแยะเต็มไปหมด ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องเรียนกันใหม่ด้วยตัวเอง หากลงมือทำช้า มัวแต่หลอกตัวเอง ก็ไปไม่ถึงไหน ความขี้เกียจจะเข้าครอบงำ วิธีแก้ไขปัญหา ลงมือทำให้เร็ว  เพราะความขี้เกียจและอุปสรรคทางความคิดมีความเร็วของมัน ถ้าช้า มันจะครอบงำให้อยู่เฉยๆไม่ต้องทำอะไร อีกทั้งการลงมือทำเร็วช่วยให้นักรบเรียนรู้เรื่องเหล่านี้ได้เร็วครับ 2. แรง : แรงที่ึความมุ่งมั่น ความมุ่งมั่นและต้องการอย่างแรงกล้า ที่จะทำตามวิสัยทัศน์, ทำสิ่งรักให้ได้ผล มีความสุข และมีเป้าหมายใหญ่ที่จะเป็นอันดับ 1 ของประเทศหรือของโลก บ่อยครั้งที่นักรบ ตะโกนบอกตัวเองว่า "กูคือคนที่เก่งที่สุดในโลก" เพราะความมุ่งมั่นข้างในมันแรงจนล้น เลยต้องพูดออกมา ในโลกเรามีสิ่งดึงดูดให้เสียสมาธิและหลุดโฟกัสมากมาย เพราะในแต่ละวันเราจะเจอผลงานของคนอื่นๆสร้างไว้ผ่านสื่อต่างๆ เช่น TV, วิทยุ, หนังสือพิมพ์, นิตยสาร, ป้าย หรือแม่แต่บนโลกออนไลน์เกลื่อนกลาดเต็มไปหมด นี้ยังไม่รวมทั่งการบอกปากต่อปากจากเพื่อนๆอีกด้วย สิ่งเหล่านี้จูงใจเรา ให้เสียสมาธิและกระตุ้นเราให้ใช้ชีวิตสบาย ใช้เงิน แต่ไม่เคยสอนให้เราหาเงินเลยครับ นั้นคือสาเหตุหลัก หากตกอยู่ในวังวนการใช้เงินไปกับเรื่องไร้สาระ ไม่พาตัวเราไปยังเป้าหมาย เราจะเสียความมุ่งมั่นไปเร็วมาก วิธีป้องกันการสูญเสียความมุ่งมั่น เข้าใจว่าโลกนี้เต็มไปด้วยโฆษณา หลอกให้คุณใช้เงิน และมอมเมาต่างๆนาๆ ฉะนั้นจงเลือกดู ฟัง และอ่านแต่สิ่งๆดีๆเท่านั้น และรักษาวิสัยทัศน์, เป้าหมาย และความมุ่งมั่นอยู่เสมอๆ นักรบเคยเป็นไอ้ขี้แพ้ ตั้งแต่เด็กจนโตอายุ 30 ปี แต่ชีวิตก็พลิกผัน เพราะได้คุยกับหัวหน้าทุกเช้าในเรื่องธุรกิจ หลังจากนั้น 1 ปี นักรบก็พบทางสว่าง เกิดวิสัยทัศน์ มองโลกได้กว้างขึ้น + กับลงมือทำจริงจัง ส่งผลให้ชีวิตดีขึ้น ธุรกิจส่วนตัวได้กำไร หลังจากมีวิสัยทัศน์แล้ว นักรบรู้ทันทีว่าจะต้อง Focus สิ่งที่ทำ โดยยอมแลกทุกสิ่งเพื่อให้ประสบความสำเร็จ ยอมแลกที่จะไม่คบเพื่อนที่ชวนกันไปเมา ยอมแลกทีจะไม่ดูสื่อห่วยๆเลยแม้แต่นิด ทำให้ตัวเองเก่งขึ้น โดยมีเป้าหมายที่แรงกล้าที่จะเก่งที่สุดในโลกในจุดที่ตัวเองทำ เพื่อตอบแทนบุญคุณคนและเลี้ยงดูครอบครัว วิธีสร้างขุมพลังความมุ่งมั่นแบ่งตามจุดกำเนิด
         - พลังจากสิ่งภายนอกร่างกายเรา เช่น คำพูดดีๆจากคนอื่น, หนังสือดีๆสักเล่ม, หนังดีๆสักเรื่อง หรือประสบการณ์ในแต่ละวันเล็กๆน้อยสักครั้งจากสิ่งต่างๆเหล่านั้นสอนให้รู้ว่า คนที่ประสบความสำเร็จจะต้องมีช่วงของการตกต่ำของชีวิต หากคิดได้ ลงมือทำจริงและโดดขึ้นจากหลุมของความล้มเหลวได้ จะยิ่งแข็งแกร่ง นั้นคือเหตุผลทีทำให้อ่านและศึกษาคนเก่งๆเพื่อค้นหาทั้งวิธีคิด และวิธีทำนำมาใช้กับตัวเองครับ
        - พลังจากภายในตัวเอง : สร้างได้จากวิสัยทัศน์ หรือ วิกฤตความล้มเหลวในชีวิต'
        - เปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้ว :  หลังจากลงมือทำเร็วและแรง จะได้ผลลัพธ์ทำให้เปลี่ยนทั้งความคิดและการกระทำในครั้งต่อไปให้ดีขึ้น เพื่อค้นหาวิธีที่ดีที่สุด นักรบใช้ข้อ 1 และ 2 ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตัวเองที่ละเรื่อง เมื่อมากๆเข้ามันทำให้นักรบ เปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั๊ว อีกทั้งนักรบพบว่าวิธีนี้มันได้ผล เพราะปลดหนี้และมีเงินตั้งบริษัทเล็กๆของตัวเองได้ 3หัวใจนี้ เกิดขึ้นทุกๆวัน เพื่อค้นหาวิธีทำธุรกิจของตัวเอง ในทุกขั้นตอนของการทำธุรกิจล้วนเคยผ่านกระบวนนี้มาแล้วทั้งสิ้น

ทุกธุรกิจมีคู่แข่ง
ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไร ล้วนมีคนทำมาก่อน หรือคิดได้ก่อนแล้วทั้งนั้น เพราะเราอยู่ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารถึงกันได้รวดเร็ว Idea ต่างๆที่เราคิดได้หลังจากที่เราได้ฟัง ได้เห็นบางสิ่งมาแล้ว ก็มีคนอื่นๆคิดได้เช่นกัน และเขาอาจจะคิดได้เร็วกว่าอีกด้วย เพราะประเทศของเราไม่ใช่ผู้นำทางเทคโนโลยีด้าน Internet และด้านอุตสาหกรรม ฉะนั้นหลังจากคิดได้ ต้องทำให้ได้ผลและปรับใช้ให้เข้ากับคนในแต่ละท้องถื่นให้เร็วที่สุด Idea ที่คิดได้เป็นเพียงก้าวเล็กๆเท่านั้น มันต้องผ่านกรรมวิธีในการวางแผน และวางขั้นตอนคร่าวๆเพื่อทดสอบและลงมือในทุกรายละเอียดเพื่อเช็คเบื้องต้นว่า Idea นั้นได้ผลจริงหรือมีแนวโน้มที่จะได้ผลหรือไม่ ? เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาประกอบการตัดสินใจในการลุยหน้าต่อ หรือกำหนดทิศทางทางธุรกิจอื่นๆ เช่น การหาแหล่งเงินทุน, การวางแผนผลิต, จัดจำหน่าย, หาช่องทางขาย, และการโปรโมทอีกมากมาย รวมทั้งวิธีในการป้องกันการ Copy เลียนแบบ ในทุกกลวิธีที่เรื่องราวในอดีตของวงการธุรกิจได้สอนเรามา

คำแนะนำจากนักรบ
นักรบขอแนะนำ ไม่ควรเสียเวลาวางแผนมากจนเกินไปกับการนั่งอ่านนั่งฟังจากคนอื่นๆโดยเฉพาะเรื่องแรงบันดาลใจที่มีอยู่ล้นตลาด ควรพุ่งเวลาและสมาธิไปที่การลงมือทำจริง โดยใช้เวลา 60-80% ของเวลา เป็นการทำทั้งหมด นั้นก็เพราะแผนงานที่ดีที่สุดจะเกิดก็ต่อเมื่อเราได้ลงมือทำจนชำนาญแล้วอย่างน้อย 1 ครั้ง บ้างครั้ง นักรบไม่เคยวางแผนเลย แต่ใช้วิธีลงมือทำก่อน คิดที่หลัง ให้ได้ประสบการณ์ก่อน และนำผลลัพธ์มาพัฒนาอีกที ตราบใดที่ลงทุนต่ำเราก็สามารถลุกขึ้นใหม่ได้เสมอ เพราะการลงทุนไม่ได้สร้างรายได้ แต่ประสบการณ์ต่างหากที่สร้างรายได้

วิธีผลิตผลงานให้ดีและเจ๋ง
ผลงานจะดีได้ต้องมีทั้งจำนวนและคุณภาพ ฉะนั้นถ้าอยากทำให้ผลงานดีเหนือใคร ควรทำตามขั้นตอนดังนี้ 2 ขั้นตอน ผลิตผลงานให้ชนะคู่แข่ง
        - ต้องผลิตผลงานได้เร็ว
        - ต้องผลิตผลงานได้ดี

นักรบทำธุรกิจ ควบคู่งานประจำจะ Focus ที่ความเร็วในการผลิตผลงานก่อน เพราะจำนวนครั้งที่ทำจะสร้างความชำนาญ และความชำนาญจะสร้างผลงานที่ดีตามมา โดยหากต้องการประหยัดเวลาสร้างผลงานให้ดี ควรเลือกแหล่งข้อมูล (Outsource) ที่ดีประกอบ ฉะนั้นต้องแบ่งเวลาในการค้นหา Outsource ด้วย Outsource คือ การใช้ทรัพยากรที่ไม่ใช่ของเรา แต่เราสามารถนำมาใช้ได้ เช่น คน หรือ สิ่งของ โดยเราจำเป็นต้องจ่ายเงินทดแทนหรือไม่นั้น แล้วแต่ตามตกลง

มนุษย์เงินเดือน ทำธุรกิจตัวเองมีข้อดีอย่างไร ?
        1. มีมุ่งมั่นของเจ้าของเป็นทุนเดิม : เพราะมีความเป็นเจ้าของธุรกิจอยู่ภายใน
        2. ถ้าทำอาชีพ Infopreneur  เกี่ยวกับความเชี่ยวชาญในงานประจำ คุณจะมีเวลาสร้างผลงานหรือเรียนรู้ = 8 ชั่วโมงในงานประจำ + 2 ถึง 3 ชั่วโมงหลังเลิกงาน (เฉลี่ยที่ 11 ชั่วโมง/วันทำงาน และ 5-10 ชั่วโมงในวันหยุด ส-อา.)

สรุป โดยนักรบ ถึง มนุษย์เงินเดือน
มนุษย์เงินเดือนทีทำธุรกิจหลังเลิกงานประจำ โดยใช้ความเชี่ยวชาญในงานประจำมาใช้ด้วย จะได้เปรียบคู่แข่ง เพราะมีเวลาทำงานมากกว่าและมีพลังของความเป็นเจ้าของธุรกิจที่แรงอีกด้วย แต่ถึงกระนั้น ธุรกิจก็สู้กันที่ สินค้า, ช่องทางการขาย และ การตลาด
         - สร้างสินค้าให้มีเยอะและดี ได้ด้วยการลงมือเร็ว คิดเร็ว วัดผลเร็ว และพัฒนาสินค้าจนมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
         - ช่องทางการตลาด หากเดินกลยุทธ์สร้าง Personal Brand ด้วย Content Marketing + SEO ผ่านระบบเว็บไซต์ จะยิ่งทวีคุณความรุนแรงเข้าไปเท่าตัว
         - การตลาด สอดคล้องกับช่องทางการตลาดที่สร้างไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ด้วยการไต่อันดับ Google ด้วย SEO ผ่าน Content ที่มีคุณภาพ และใช้ Facebook Ads ในการสร้างยอดคนเข้าชมและรู้จัก

วิสัยทัศน์สร้างได้จากการลงมือทำ หรือมีที่ปรึกษาส่วนตัว มนุษย์เงินเดือนก็สามารถทำธุรกิจส่วนตัวจนตั้งบริษัทของตัวเองได้ จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปครับ
https://warrior.in.th/warrior-life/salary-man-working-early-morning-to-do-business-to-set-up-their-own-company/

wm5398

SEO คือ อะไร , ปัจจัย SEO มีอะไรบ้าง และ SEO ทำอย่างไร


SEO คือ อะไร ?
SEO อ่านว่าเอสอีโอ คือ การปรับแต่งเว็บไซต์และเนื้อหาให้ติดอันดับการค้นหาในตำแหน่งที่ดีที่สุดใน Search Engine ต่างๆ เช่น Google, Yahoo, Bing โดย SEO ย่อมากจาก Search Engine Optimization.
สร้างเว็บไซต์ให้ติดหน้า Google มี 2 วิธีใหญ่ๆ คือ การลงโฆษณากับ Google Ads และ SEO

Note : ในที่นี้จะเน้น Google Search เป็นหลักครับ เพราะมีผู้ใช้สูงมากที่สุดกว่า 90%

ปัจจัย SEO ที่นักรบขอแบ่งเป็น  5 ประเภทหลัก
การทำ SEO ให้ได้ผล ควรอ้างอิงข้อมูลที่เชื่อถือได้ เกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลกับเอสอีโอ โดยนักรบอ้างอิงข้อมูลจากบริษัทให้บริการด้านเอสอีโอระดับโลก ได้ทำการทดลอง 10,000 Keywords กับ 300,000 เว็บไซต์ เพื่อเผยแพร่ผลการทดสอบ (White Paper) โดยปัจจัย SEO ทั้งหมดมี 5 กลุ่มใหญ่ๆดังนี้ครับ
        1. Website
        2. Content
        3. User Signals
        4. Social Signals
        5. Backlinks
Note : * ปัจจัยกลุ่ม 1-3 คือ การปรับแต่งเอสอีโอภายในเว็บไซต์ (On-Page SEO) * ปัจจัยกลุ่ม 4-5 คือ ปัจจัยภายนอกเว็บไซต์ (Off-Page SEO)


SEO คือ อะไร
1. ปัจจัยด้านเว็บไซต์
เว็บไซต์รองรับมือถือ มีโครงสร้าง HTML ที่เอื้อกับการทำ SEO ในส่วนของ Title, Description, H1, H2, Img Alt เป็นต้น รวมทั้งความเร็วในการเปิดแต่ละหน้าของเว็บไซต์ อีกทั้งความสามารถในการแชร์ไปยัง Social Media ได้สะดวกมากยิ่งขึ้นก็มีส่วนสำคัญครับ ปัจจัยด้าน Website แบ่งเป็นข้อๆดังนี้
         - ความเร็วเว็บไซต์
         - การรองรับมือถือ
         - เว็บไซต์มีโครงสร้าง HTML รองรับ เช่น Title, Description, H1,H2, Img Alt
         - URL Friendly
         - เว็บไซต์ไม่ล่มบ่อย ไม่โดน Hack ไม่ติดมัลแวล์
         - มี Security เช่น https
         - มีระบบรองรับการทำ Blog, News, Faq เป็นต้น

2. ปัจจัยจากเนื้อหาภายในเว็บไซต์ (Content)
ปัจจัยแบ่งเป็นข้อๆดังนี้
         - Keyword ใน Title, Description, H1, H2, Img Alt
         - Keywords ที่เกี่ยวข้องกัน
         - จำนวนลิงค์ภายในเว็บไซต์
         - จำนวน Keywords ในเนื้อหาเว็บ
         - จำนวนคำ, ความยาวของ HTML, และจำนวนตัวอักษร
         - Keyword ใน Link ภายในเว็บไซต์

3. สัญญาณจาก ผู้ใช้ (User Signals)
ปัจจัยนี้สามารถดูได้จาก Google Analytic ซึ่งมีการเก็บข้อมูลของคนเข้าเว็บไซต์เราเป็นอย่างดี โดยสถิติผู้ใช้จะดี ก็ต่อเมื่อเว็บไซต์ดี โหลดเร็ว ใช้งาน สวยและมีเนื้อหา Content ดีครับ ปัจจัยแบ่งเป็นข้อๆดังนี้
         - อัตราการคลิ๊กจาก หน้าผลการค้นหา Google
         - เวลาที่ใช้บนเว็บไซต์
         - สถิติผู้ใช้ เข้า-ออกเว็บไซต์

4. ปัจจัยจาก Social Media
ปัจจัยจาก Social Media อาศัยการ Like, Share, Comment เป็นหลัก ฉะนั้นต้องสร้างเนื้อหา (content) ทีดี มีภาพสวย อ่านเข้าใจง่ายและเป็นประโยชน์จริงๆทั้งแบบข้อความ, ภาพ หรือวีดีโอ แล้วแต่ถนัดครับ
ปัจจัยแบ่งเป็นข้อๆดังนี้
         - Google Plus
         - Facebook Shares
         - Facebook Comments
         - Pinterest
         - Facebook Likes
         - Tweets

5. ลิงก์กลับมายังเว็บไซต์ (Backlink)
Backlink คือ Link ที่เชื่อมเว็บไซต์อื่นๆ มาหาเว็บเรา เช่น การโพส Link ตามเว็บบอร์ด เว็บประกาศโฆษณาฟรีต่างๆ , การซื้อ Banner, การซื้อบทความลงเว็บไซต์ advertorial เป็นต้น
Backlink อาจเกิดขึ้นเองอัติโนมัต ถ้าเว็บไซต์เราติดหน้าแรกแล้วบ้าง จะมีคนทำ Backlink ให้เองฟรีๆ หรือเราจะสร้างเองหา Backlink ฟรีได้ครับ
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับ Backlink มีดังนี้
         - จำนวน Backlinks
         - Backlink จากเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียง
         - Backlink จากวเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเว็บของเรา
         - Backlink จากโดเมนภาครัฐ หรือการศึกษา เช่น .ac.th, .or.th, .go.th เป็นต้น

ปัจจัยพิเศษ บทลงโทษจาก Search Engine
หากไม่ทำผิดกฏก็ไม่ต้องกำวลเรื่องเหล่านี้ครับ ปัจจัยแบ่งเป็นข้อๆดังนี้
         - Backlink จากเว็บไซต์ ผิดธรรมชาติ
         - Spam Keywords
         - ลงโฆษณามากเกินไป และมีเนื้อหาสำคัญน้อย
         - หลอกลวง URL และมีการ Redirect ไม่ประสงค์ดี
         - ซ่อน Keywords

เว็บไซต์ที่อันดับดี จะมีปัจจัยทาง SEO หลายข้อทำงานร่วมกัน
เราจะใช้ปัจจัยทาง SEO ไม่กี่ข้อแล้วหวังว่าเว็บเพจจะมีอันดับดีใน Google วิธีคิดแบบนี้อาจจะไม่ส่งผลดีเท่าไหร่นัก เพราะถ้าคู่แข่งมีเว็บเพจที่ดีกับ SEO หลายปัจจัยมากกว่า แล้วเว็บไซต์ของเราก็จะตกอันดับแน่นอน ฉะนั้นถ้าเป็นไปได้เราต้องใส่ใจทุกรายละเอียดของ SEO ทีเดียว

ทำไม ? การทำ SEO ถึงจำเป็นต่อเว็บไซต์
คนค้นหาข้อมูลทั้งสินค้าและบริการส่วนใหญ่จะมาจากทาง Google แทบทั้งนั้น และ Google ก็อยู่ในชีวิตประจำวันของใครๆหลายๆคนเรียบร้อยแล้ว จะหาอะไรก็ไปกูเกิล ฉะนั้นถ้าอยากให้มีคนเข้าเว็บไซต์เรามากๆ เราจะต้องปรับแต่งเว็บไซต์ของเราให้ดี ติดอันดับ Google แล้วจะมีลูกค้าหน้าใหม่ๆ รวมทั้งลูกค้าเก่าๆแวะเวียนมาที่หน้าร้านออนไลน์ของเราไม่ขาดสายครับ Note : ยอดผู้เข้าชมสามารถเพิ่มขึ้นจาก Social Media ได้ โดยจะพูดถึงในบทความอื่นๆ

Google จะทำอย่างไร ? กับเว็บที่ไม่ทำ SEO
ถึงแม้เว็บไซต์ไม่ได้มีการทำ SEO แต่ถ้ามีข้อมูลที่ดี มีคนเข้าชมเยอะ ค่อยๆเติมโต เว็บไซต์นี้ก็จะอยู่ในอันดับที่ดีของ Google ได้ครับ เพียงแต่ว่าจะเห็นผลช้าหน่อย และอาจจะไม่ได้ใช้ประสิทธิภาพของ SEO เต็มที่นั้นเอง

ทำ SEO ด้วยตัวเองได้ไหม ?
ทำ SEO ด้วยตัวเองได้ครับ เพียงแต่ว่าคนทำต้องเรียนรู้และทดลองเกี่ยวกับ SEO หลายๆเดือน หรือเป็นปีเลยทีเดียว วิธีง่ายๆในการเรียนรู้เบื้องต้น คือ การค้นหาความรู้ได้ฟรีก่อนใน Internet ขั้นถัดมาคือการซื้อหนังสือที่สอนเกี่ยวกับ SEO และ เข้าสัมมนา Workshop เกี่ยวกับ SEO ครับ หรืออ่านจากบทความ เช่น  สอน SEO ฟรี โดย Rungwat.com  Note : สามารถจ้างบริษัทรับทำ SEO ได้ โดยจะมีราคาแตกต่างกันไปตามความยากง่ายตั้งแต่หลักพัน – หลักหมื่น ต่อ 1 Keyword นักรบแนะนำ : รับทำ SEO โดยนักรบ

บริการรับทำ SEO ราคาถูกดีไหม ? และควรจ้างทำ SEO หรือ ทำเองดี ?
บริการรับทำ SEO ราคาถูกเกินไป และทำผิดวิธีจะทำให้เว็บไซต์โดน Ban ได้ การจ้างทำ SEO เหมาะกับธุรกิจที่มีเงินลงทุน, ไม่มีเวลา, ไม่มีความรู้ด้านการตลาดออนไลน์ โดยควรพิจารณาผลงานเป็นสำคัญจากผู้บริการที่น่าเชื่อถือ

นักรบแนะนำ
นักรบแนะนำให้คนนักการตลาดดิจิทัล เรียนรู้การทำ SEO ด้วยตัวเอง โดยเขียนบทความลง Fanpage และ Website ในลักษณะการทำ Content Marketing ที่ช่วยทำให้ SEO ดีขึ้นมากถึงมากที่สุด หากแต่เพียงว่าต้องเรียนรู้การทำ SEO เพิ่มเติมมากขึ้น โดยสามารถเรียนผ่านสัมมนา หรือ คอร์สออนไลน์ของเราได้ครับ เมื่อผลิด Content ได้มากมาย สม่ำเสมอ ผ่านทักษะการเขียนบทความ การสร้าง Content ต่างๆเช่น วีดีโอ, ภาพนิ่ง ที่สอดคล้องกับหลักการทำ SEO แล้ว เว็บไซต์ก็จะติดหน้าแสดงอันดับผลการค้นหาของ Google (SERPs) ได้ง่ายดายขึ้นเป็นทวีคูณ พอจะเข้าใจคร่าวๆแล้วนะครับ

อย่าลืมที่จะพัฒนาตัวเองในทักษะยุคดิจิตอลสำหรับธุรกิจ SME สิ่งที่นักรบพอจะช่วยได้คือ ช่วยเผยแผ่ความรู้ผ่านคอร์สเรียนของเราครับ
https://warrior.in.th/freelance-seo/job/seo-factor/seo-is/

wm5398

วิธีใช้งาน Google Keyword Planner Tools โปรแกรมค้นหาคีย์เวิร์ดจากกูเกิล


ค้นหาลูกค้า และโอกาสบนโลกออนไลน์จาก Google Adword
นาทีที่ 0 – 0:04 หลังจากที่เรามีสินค้าที่จะขายแล้วในโลกออนไลน์แล้วนะครับ ขั้นต่อไปเราก็มีวิธีเช็คนะครับ ว่าสินค้าของเราเนี่ยมีคนค้นหา หรือว่ามากน้อยแค่ไหนในโลกออนไลน์ เพื่อดูโอกาสทางธุรกิจของเรานะครับ ว่าสามารถที่จะเติบโต ว่ามันเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็น mass product หรือว่า niche หรือว่ามีจำนวนคนค้นหามากน้อยแค่ไหน วิธีการเช็คนะครับเราจะใช้เครื่องมือของ Adwords ช่วยนะครับ   Adwords ตัวนี้นะครับ Search คำว่า "Adwords" หรือว่าเข้า https://www.google.co.th/adwords/ ได้นะครับ คลิกเข้าไปในเว็บไซต์นะครับ แล้วก็ล็อกอินด้วย User Email ของ Gmail นะครับผม  Log in ไปเรียบร้อยนะครับ

นาทีที่ 0:05 – 01:56 เสร็จแล้วก็เข้าไปใช้เครื่องมือเครื่องมือหนึ่งครับ เครื่องมือนี้ชื่อว่านะครับ "เครื่องมือวางแผนคำหลัก" ตรงนี้ครับ คลิกหนึ่งครั้ง แล้วใส่ Keywords หรือคำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ เป็นคำค้นหา, คำพูดติดปาก ที่ลูกค้ามีโอกาสที่จะค้นหาธุรกิจของเรานะครับ อย่างเช่น ธุรกิจของผม warrior นะครับ  จะใช้คำค้นหาประมาณนี้ "ธุรกิจส่วนตัว" นะครับ ถ้ามีหลายคำค้นหาก็คั่นด้วย Comma (,) นะครับ การสร้างเว็บไซต์  พิมพ์คำค้นหาของตัวเองนะครับ ของธุรกิจของตัวเองที่เกี่ยวข้อง อย่างสมมุติว่าสามคำนี้นะครับ เช็คให้แน่ใจนะครับว่าอยู่ในประเทศไทยไหม และเป็นภาษาไทยไหมนะครับ ถ้าทำธุรกิจอยู่ในประเทศไทย แล้วก็กดรับแนวคิด โอเค แล้วก็กดแนวคิดคำหลัก ตรงนี้นะครับ คือตัวเลขของสถิติที่ปรากฏขึ้นนะครับ มันจะเป็นตัวเลขบอกจำนวนครั้งในการค้นหาโดยเฉลี่ยต่อเดือนนะครับ สูตรนี้นะครับ เขาจะคำนวณสถิติย้อนหลังสองเดือนนะครับแล้วเอาตัวเลขของแต่ละเดือนมาเฉลี่ยกัน และได้ตัวเลขนี้ออกมา

นาทีที่ 01:57 – 02:33 อย่างเช่น คำว่า "ธุรกิจส่วนตัว" นะครับ ย้อนหลังสิบสองเดือนเนี่ย มีคนค้นหาประมาณเฉลี่ยแล้วนะครับ มันจะเป็นอย่างงี้นะครับ ย้อนหลังไปนะครับ หมื่นแปด, สองหมื่นเจ็ด, สามหมื่นสามบ้างล่ะ นู้นนี่นั่น ประมาณเลขไม่เท่ากันนะครับ มันเอาตัวเลขทั้งหมดเนี่ย มาเฉลี่ยจะได้ตัวเลขเป็นประมาณสองหมื่นสองพันครั้งต่อเดือน นะครับ สำหรับคำว่า "ธุรกิจส่วนตัว" ซึ่งตัวเลขนี้จะช่วยบอกโอกาสในการทำธุรกิจในโลกออนไลน์ได้นะครับ ว่ามีคนค้นหาเยอะมากน้อยแค่ไหน ถ้าทำธุรกิจอยู่ในด้านนี้นะครับ และเราทำเว็บไซต์ติดอันดับนะครับ เราก็จะมีลูกค้า หรือคนเข้ามาในเว็บไซต์ของเรานะครับ เยอะทีเดียว

นาทีที่ 02:34 – 03:21 อีกอันคือการตลาด เห็นไหมครับ มันจะตัวเลขขึ้นๆลงๆนะครับ  Keywords บางคำนะครับ ถ้ามีแนวโน้มว่ามันจะลงนะครับ ให้สังเกตได้เลยว่าในอนาคตมันอาจจะน้อยลงไปอีกเรื่อยๆ เพราะมันอาจจะเป็นคำที่ไม่มีคนค้นหาแล้ว หรือค้นหาแล้วไม่เจอเว็บไซต์ที่มีคุณภาพนะครับ เขาก็จะเปลี่ยนคำค้นหาไป นี่คือตัวอย่างของการใช้เครื่องมือค้นหาคำหลักนะครับ ในการ Search คำค้นหา ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณนะครับ เพื่อหาโอกาสทางธุรกิจในโลกออนไลน์ ว่าจะมีคนเข้าเว็บไซต์ของคุณมากน้อยแค่ไหนนะครับ โดยสัมพันธ์กับกาค้นหาหรือ Keywords นั้นๆของธุรกิจของคุณนะครับ  สำหรับวิธีในการเช็คโอกาสในโลกออนไลน์นะครับ จบแต่เพียงเท่านี้ก่อนครับ สวัสดีครับ.
https://warrior.in.th/freelance-seo/job/keywords/keywords-tools-planner/

wm5398

ความเร็วเป็นจุดเด่นของ คนทำธุรกิจส่วนตัว เพียงคนเดียว Solopreneur


ทักษะหนึงที่นักรบใช้สร้างธุรกิจ ชิงความได้เปรียบทั้งในเรื่องการพัฒนาตัวเอง พัฒนาสินค้าและบริการ คือ "ความเร็ว" เริ่มต้นการทำธุรกิจออนไลน์ด้วยตัวคนเดียว (Solopreneur) จะเหมือนเป็น CEO และเป็นเจ้าของบริษัทในคนๆเดียวกัน สิ่งที่เป็นอาวุธวิเศษที่คู่แข่งไม่มี คือความเร็วในการตัดสินใจในทุกๆเรื่อง ทั้งเรื่องการพัฒนาตัวเอง พัฒนาสินค้าและบริการ รวมทั้งพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจด้านการตลาด ในขณะที่คู่แข่งขยับ 1 ก้าว ท่านขยับได้เร็วกว่า 3 เท่า นั้นก็เพราะด้วยเหตุผลง่ายๆ ที่นักรบขอยกตัวอย่างมาเพียง 1 ข้อ คือ คู่แข่งจะจ้างพนักงานประจำทำงานภายใต้เงินเดือนที่กำหนดตายตัว แต่ท่านเป็นเจ้าของธุรกิจและลงมือทำด้วยตัวเอง ไม่มีเพดานทางรายได้ ด้วยเหตุนี้ส่งผลให้ศักยภาพในตัวของท่าน จะถูกกระตุ้นให้พัฒนาได้แรงและเร็วกว่าปรกติหลายเท่าครับ แต่ก็ไม่ได้ความว่า คนทำธุรกิจด้วยตัวคนเดียว (Solopreneur) จะไม่มีจุดอ่อน


จุดอ่อนของ นักธุรกิจทำด้วยตัวคนเดียว (Solopreneur)
จุดอ่อนที่เด่นชัดที่สุดของ Solopreneur คือ กำลังคนที่จะช่วยท่านสร้างผลงานแบบเดินคู่ขนานไปพร้อมๆกันครับ ซึ่งการสร้างผลงานแบบเดินคู่ขนานไปพร้อมๆกันนั้น ท่านสามารถแก้ไขและลบจุดด้อยนี้ได้ ในวันที่ท่านมีกำลังเงิน และมีพันธมิตรทางธุรกิจ (Partners) มากพอครับ ซึ่งเงินจากมีมากขึ้นและพันธมิตรทางธุรกิจ จะมีมากขึ้นก็หลังจากท่านสร้างชื่อเสียงและผลงานมาแล้วในระดับหนึ่งครับ ในวันหน้าถ้ามีโอกาสนักรบจะพูดถึงเรื่องการสร้าง พันธมิตรทางธุรกิจ (Partners) ให้ครับ เนื้อหาอื่นที่เกี่ยวข้องคุณตัน พูดไว้แล้วในคลิปวีดีโอ " ทำงานช้าแต่รอบคอบ กับ ทำงานเร็วแต่อาจผิดพลาด " https://www.youtube.com/watch?v=Ab2YHYw2vZU ซึ่งมีส่วนคล้ายกันในเรื่องของวิธีคิดในเรื่องการใส่ใจความเร็วของ SME ครับ
https://warrior.in.th/warrior-life/speed-online-e-commerce/

wm5398

วิธีค้นหาธุรกิจออนไลน์ โดยใช้แนวคิด Blue Ocean Strategy



1 ในกลยุทธ์ จาก นักรบทำธุรกิจ วิธีในการค้นหา ธุรกิจออนไลน์ ที่เหมาะกับตัวเอง เพื่อสร้างธุรกิจออนไลน์ที่ยั่งยืน ภายในวีดีโอ ยังแนะนำวิธีการ และ website ที่เป็นประโยชน์เพื่อใช้ต่อยอดในการสร้างธุรกิจ

คำพูดจากวีดีโอ
วิธีค้นหาธุรกิจออนไลน์โดยใช้แนวคิด Blue Ocean Strategy
สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับเข้าสู่ warrior ทำธุรกิจแบบนักรบ คราวนี้ผมจะพูดถึงเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง ในการเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์เป็นของตัวเอง ก็คือการเลือกธุรกิจออนไลน์ที่ตัวเองจะทำนะครับ

ทริคอย่างหนึ่ง ที่ผมจะแนะนำให้ใช้ในการเลือกธุรกิจ คือใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีคราม หรือที่เราเรียกกันว่า Blue Ocean Strategy ซึ่งมันเป็นทฤษฎีที่ดังมากในต่างประเทศนะครับ แล้วก็มีคนเขียนนะครับ ก็คือคนนี้ ผู้ประพันธ์เรียบร้อยแล้ว มีลิขสิทธิ์ มีรูปแบบการสอน กลยุทธ์ละอะไรก็ว่าไปนะครับ

ในไทยก็มีตัวแทนอย่างเป็นทางการ อะไรก็ว่าไปนะครับ คราวนี้ผมจะหยิบทริค หรือความเข้าใจส่วนหนึ่งที่ผมอ่านแล้วก็ Get เลยนะครับ ที่เอามาใช้ในการเลือกธุรกิจนะครับ ก็คือข้อนี้ครับ

ถ้าเราลองอ่าน ว่ากลยุทธ์น่านน้ำสีครามมีความหมายว่าอย่างไร ทริคอันหนึ่งที่ผมอ่านได้ก็คือ การสร้างธุรกิจหรือว่าเลือกธุรกิจ หรือว่าสร้างสินค้าหรือบริการที่ตอบสนองความต้องการของคนนะครับ โดยเป็นความต้องการของคน โดยที่ยังไม่มีคู่แข่งอ่ะ เอาง่ายๆนะครับคือมันเหมือนว่าเราจะทำธุรกิจหรือสินค้าบริการนี้ แต่ยังไม่มีใครทำ หรือมีคนทำน้อยมาก ถ้าเราทำเป็นคนอันดับต้นๆหรือว่า First group เฮ้ย ทุกคนจะจับจ้องมาที่เรา ว่าเราคือคนแรกๆ ที่ทำ

ฉะนั้นสิ่งที่คุณทำ คือ คุณต้องพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบสนองกับความต้องการของคนนะครับ แล้วก็ตัดเรื่องของการแข่งทางราคาหรือว่าการตัดราคาไปได้เลยนะครับ เพราะว่าคู่แข่งยังน้อย เป็นโอกาสที่จะทำให้คุณเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ภายใต้กลยุทธ์นี้นะครับ "เอ๊ะ กลยุทธ์มันดีหรือพี่

แล้วผมจะเลือกกลยุทธ์ เอากลยุทธ์นี้มาใช้ในการเลือกธุรกิจได้ยังไง" โอโห! เป็นคำถามที่ดีเลยนะครับ แล้วผมก็ปิ๊งทันทีเลยว่าก้าวต่อไปควรจะคิดแบบนี้

เอางี้ครับ เวลาที่คุณจะเลือกธุรกิจหรือว่าจะทำธุรกิจอะไรสักอย่างหนึ่ง สิ่งที่คุณคิดเลยนะครับ คุณจะทำยังไง ถ้าวันนี้คุณเดินเข้าร้านหนังสือในไทยนะครับ หรือฟังวิทยุ ดูโทรทัศน์ในไทยนะครับ แล้วคุณ Get ไอเดียในการทำธุรกิจ ผมบอกได้เลยว่าคุณเดินผิดทางแล้วครับ เพราะสิ่งที่คุณได้ฟังจากในเมืองไทยนะครับ มันคือเป็นสิ่งที่บางที ผ่านการกลั่นกรองมาแล้วหลายคน แล้วก็ผ่านกระบวนการคิดมาแล้วบางทีหลายประเทศ จากหลายประเทศ กว่าจะมาถึงคุณ ฉะนั้นทุกอย่างที่คุณฟังในเมืองไทยนะครับผมบอกได้เลยว่าไม่สามารถใช้ในกลยุทธ์ Blue Ocean Strategy ได้ แต่ถ้าใครสามารถใช้ได้ นั่นคือว่าเขาเป็นการ Apply เป็นการ Apply ในเชิงลึกมากขึ้น

แต่วิธีง่ายๆนะครับ คุณต้องดูตลาดโลกครับ ว่าตอนนี้โลกเขาเดินไปทางไหน ตอนนี้โลกเขากำลังศึกษาอะไรอยู่ มีธุรกิจของตลาดโลกในต่างประเทศมีอะไรอยู่ แล้วคุณก็ลองหยิบมาใช้ในเมืองไทย

เพราะว่าสิ่งที่โลกทำไว้แล้วนะครับ เรื่องแรกนะครับ คุณจะมี Know-how, Knowledge  แล้วคุณจะมีตัวอย่าง Case Study ที่คนทำประสบความสำเร็จไว้แล้ว ในต่างประเทศนะครับบางธุรกิจมันจะเอาหรือบางทีอาจจะเป็น red ocean คือมีการแข่งขัน มีการทำมาแล้วสักพักหนึ่ง แต่ในเมืองไทยมันคือ blue ครับ  Concept ง่ายครับ ต่างประเทศมีแล้วเมืองไทยยังไม่มีนะครับ คุณแค่ดึงมา แล้วเรียนรู้มันนะครับ แล้วเอามาประยุกต์ใช้ในเมืองไทย คุณจะกลายเป็นธุรกิจแบบ Blue Ocean ทันทีนะครับ นี่คือ Concept ง่ายๆนะครับ ซึ่งหลายๆคนทำแบบนี้นะครับ ธุรกิจหลายๆคนทำแบบนี้ เพียงแค่ว่าคุณรู้หรือไม่รู้เท่านั้นเอง

คุณได้ติดตามหรือสังเกตมันหรือเปล่าแค่นั้นเองนะครับผม คราวนี้จะมาดูสังเกตทริคอีกทริคหนึ่งนะครับ แล้วคราวนี้เราจะดูตลาดโลกได้ไง จะต้องดูเว็บไซต์ทุกเว็บ อ่านข่าวทุกข่าว ดู CNN หรือว่าดูช่องแบบภาษาอังกฤษ New York Time  อะไรก็แล้วแต่เราอย่างงั้นเหรอครับ ไม่ต้องถึงขนาดนั้นครับ

ผมคลิกโชว์ Step ให้อย่างหนึ่งนะครับ Step ถัดไปครับ คือเข้า Amazon ครับ  Concept ง่ายๆครับ คือ Amazon มันก็คือเรารู้อยู่แล้วครับมันคือ เจฟฟ์ เบซอส เป็นผู้สร้างขึ้นมานะครับ แล้วก็มีหนังสือมีขายอะไรเยอะแยะไปหมดเลย ซึ่งที่ผมให้ดูใน Amazon นะครับ คือผมต้องการให้ดูหนังสือครับ ลองเข้าไปที่ Shop by Department นะครับ แล้วก็เลือก Books นะครับ คราวนี้ คุณก็เห็นว่าเนี่ยคือหมวดนะครับ ละเลือกหมวดที่คุณสนใจ สมมุติหมวดที่ผมสนใจเนี่ยมันเป็นเกี่ยวกับเรื่องของหมวด Business ผมก็จะเลือกหมวดของ Books ที่มันเป็น Business นะครับ เพราะว่าผมทำเกี่ยวกับธุรกิจนะครับ Business นะครับ คือพวกนี้เราสามารถลง Plug-in ช่วยในการแปลได้นะครับ เพราะเกิดคนไม่เก่งภาษาอังกฤษนะครับ อย่างเช่นอย่างงี้คลิก Highlight นะครับแล้วก็แปลได้นะครับ  Plug-in ก็เป็นตัวนี้ครับของ Google Chrome แปลภาษา เพิ่มใน Chrome ได้ครับ

โอเค คราวนี้ผมมาเรื่องของ Business นะครับ เรื่องที่ผมสนใจก็คือเรื่องของ Business & Money มีหนังสือประมาณล้านกว่าเล่มนะครับ เจาะลึกไปอีกนะครับ ผมสนใจเกี่ยวกับเรื่อง Business & Money แล้วก็ตัวนี้ครับไล่ลงมาเรื่อยๆ ตัวนี้ครับ Small Business & Entrepreneurship ธุรกิจขนาดเล็กนะครับ เพราะด้วยเหตุผลว่าผมกำลังจะสอนและแนะนำคนที่เริ่มธุรกิจด้วยตัวคนเดียวนะครับ ฉะนั้นต้องเป็นธุรกิจขนาดเล็กครับ อีกเรื่องนึงครับ Home based ครับ Concept คือทำที่บ้านได้ เจ๋งไหมครับ คือถ้าคุณทำที่บ้านได้นั่นหมายความว่าคุณสามารถกลับมาจากที่ทำงาน เลิกงานแล้ว เฮ้ยฉันมาเริ่มธุรกิจของฉันได้ที่บ้านและเป็นธุรกิจขนาดเล็กและสามารถทำด้วยตัวคนเดียวได้ เห็นไหมครับ Concept ดีไหมครับ

คราวนี้ผมเลือกได้ละหัวข้อที่ผมอยากจะรู้นะครับ เป็นเกี่ยวกับธุรกิจ ธุรกิจขนาดเล็กทำที่บ้านได้นะครับ สิ่งที่ผมจะดูต่อไปคือ ผมดูช่วงบนชื่อหนังสือครับ ในโหมดนี้นะครับมีประมาณแปดพันกว่าเล่ม ผมไล่ไปอย่างเงี้ย ดูไปเรื่อยๆ ผมดูไปประมาณห้าร้อยกว่าเล่มละครับ ประมาณเป็นร้อยๆหน้าเลยนะครับ จุดเด่นที่ผมดูนะครับ ผมจะดูว่าหนังสือพูดถึงอะไรนะครับ ก็คือคำหรือ Keyword นั้นนะครับก็จะเปิดไปเรื่อยๆ Search ไปเรื่อยๆ อ่านไปเรื่อยๆครับ ถ้าใครไม่เก่งภาษาอังกฤษใช้ Google Translate หรือว่าลงตัว Google แปลเพิ่ม คุณจะเลือกแปลทั้งหน้านี้เป็นภาษาไทยก็ได้นะครับ หรือว่าจะแปลแค่บางคำก็แล้วแต่เรานะครับ

คราวนี้ผมจะดูคำพวกนี้นะครับว่าคำอะไรคือคำที่สะดุด เอาเรื่องแรกผมดู Homemade เห็นไหมครับ Homemade เป็นธุรกิจเกี่ยวกับอาหาร เห็นไหมครับ มันสามารถประยุกต์ใช้ในเมืองไทยได้หรือเปล่า เห็นไหมครับ เมืองไทยเคยมีใครทำไว้ไหมลอง Search หาดู ถ้าไม่มีใครทำแล้วเรารู้สึกว่าเรามาทางสายนี้ เราสามารถเป็นคนเก่งทางด้านการทำอาหาร แล้วส่งอาหารอะไรได้ เราทำธุรกิจเกี่ยวกับ Homemade ได้นะครับ นี่คือ Blue Ocean เลยนึกภาพออกไหมครับ แล้วถ้าเรารู้สึกว่าเราอยากทำจริงๆ เราลองหาความรู้แล้วก็สามารถซื้อหนังสือเขามาอ่านได้ ไม่แพงเลย เราอยากจะได้ไอเดียในการประยุกต์ใช้ในเมืองไทยนะครับ คราวนี้เรามาดูว่ามีอะไรบ้างนะครับอ่าผมหยิบมาเล่มหนึ่งนะครับเป็นเล่มแรก ดูเกี่ยวกับเรื่องของ Becoming a Virtual Assistant นะครับ   Virtual Assistant คือเหมือนกับผู้ช่วยเสมือนนะครับ เห็นไหมครับ ก็เป็นอีกเล่มหนึ่งนะครับ มันสามารถทำได้ไหมในเมืองไทย Virtual Assistant? น่าสนใจไหมครับ  อีกอันหนึ่งที่ผม Search เจอก็คือ Teespring นะครับผม   Teespring Shirt คืออะไร นึกภาพออกไหมครับ ผม Search ไปเจอหนังสือเกี่ยวกับอยู่ในหมวดนี้แหละครับ Small Business Home based ส่วน Teespring คืออะไรผมก็หาความรู้ต่อคือผมเอา Teespring เนี่ยไป Search ต่อ ผมก็พบว่า Teespring คือเว็บไซต์นี้ครับเป็นเว็บไซต์ที่เปิดโอกาสให้ใครก็ได้นะครับมาออกแบบเสื้อ  ออกแบบเสร็จแล้วก็ทำการตลาด แล้วก็กำหนดยอดไว้ว่า ฉันจะสั่งพิมพ์ประมาณสองร้อยกว่าตัวภายในเวลาที่กำหนด ถ้าเกิดถึงยอดนะครับ เรียบร้อยนะครับ เขาก็จะพิมพ์แล้วก็จะปริ๊นท์เสื้อมาแล้วก็ส่งขาย มันเป็นลักษณะเหมือนกับการหา Order Marketing ก่อนแล้วค่อยผลิตนะครับ ข้อดีของมันก็คือคุณไม่ต้อง Stock สินค้าเลย ไม่ต้องเสียเงินไปกับการผลิตสินค้าแล้วไม่รู้ว่าจะมีคนซื้อหรือเปล่า นึกภาพออกไหมครับ นี่คือ Concept ของ Teespring  แล้วก็ถ้าหาข้อมูลเพิ่มเติมนะครับในไทย ใน Google นะครับ ก็มีคนสอนเกี่ยวกับการหารายได้จาก Teespring เห็นไหมครับ ลอง Search ดู นี่คือโอกาสเลย เห็นไหมครับว่า สังเกตไหมครับว่าทิศทางของมันเนี่ยโอกาสของมันเนี่ยมาจากที่เริ่มจากหนังสือก่อนครับ  Search หา keyword นะครับ เพราะว่าการที่คุณดูจากหนังสือเนี่ยข้อดีคือว่า คุณสามารถซื้อหนังสือแล้วก็เข้าไปอ่าน Know-how ของเขาได้ Knowledge ของเขาได้ แล้วมาประยุกต์ใช้เป็นคนแรกๆนะครับ แต่เนื่องจาก Teespring มันมีมาได้สักพักแล้วนะครับ ก็เลยมีคนทำเว็บไซต์แล้วก็มีคนทำสอน นึกภาพออกไหมครับ ถ้าใครทำเป็นคนแรกๆก็จะเป็น Blue Ocean ทันทีเลยครับ
อ่านเพิ่มเติม  https://warrior.in.th/freelance-seo/how-to-find-business-blue-ocean-strategy/

wm5398

4 เทคนิคการเขียนบทความ SEO


การเขียนบทความต้องใช้ทักษะ และฝึกฝนเป็นอย่างดีหลายร้อยชั่วโมงก็ว่าได้ ก็จะมีความชำนาญอย่างยิ่งในการเขียนบทความได้โดนใจ และส่งผลประโยชน์เต็มที่ นอกจากผู้อ่านจะได้ประโยชน์แล้ว ยังส่งผลกับ SEO เป็นอย่างยิ่งอีกด้วย การเขียนบทความที่ดี ผู้อ่านต้องจับใจความสำคัญของบทความได้รวดเร็ว ผ่าน Heading, Subheading และข้อมูลใน Paragraph ต่างๆ ทั้งในส่วนของเกริ่นนำ (Introduction), ส่วเนื้อหา (body) และส่วนสรุปในตอนท้าย ในบทความนี้ จะพูดถึงเทคนิคบางส่วนในการเขียนบทความที่อ่านง่ายและเกื้อหนุนเรื่อง SEO เป็นอย่างดี นั้นหมายความว่า ผมต้องบรรลุเป้าหมาย 2 ข้อดังที่กล่าวมาแล้ว พร้อมๆกัน

ส่วนประกอบสำคัญที่จะทำให้เขียนบทความได้ดี
สำหรับนักเขียนที่มีความสามารถ เขาไม่จำเป็นต้องฝึกพื้นฐานเหล่านี้แล้ว เพราะเขาสามารถทำได้อย่างอัติโนมัติ และบ้างครั้งทำได้ดีกว่าเสียด้วย เขาเพียงเขียนมันมาจากประสบการณ์ ด้วยทักษะการถ่ายทอดที่ดีอยู่แล้วเท่านั้น แต่สำหรับนักเขียนมือใหม่ ที่ไม่ได้ผ่านการฝึกฝนการเขียนมาเลย จำเป็นต้องเดินตาม Step พื้นฐานของการเขียนก่อน โดยโครงสร้างการเขียนจะมีดังต่อไปนี้

1. คิดก่อนเขียน ตั้งคำถาม และหาคำตอบในใจให้ได้ก่อน
ก่อนอื่นเลย ต้องรู้ว่าบทความนี้มีจุดประสงค์อะไร ข้อความหรือใจความสำคัญอะไรที่คุณต้องการบอกกับผู้อ่าน หลังจากผู้อ่านอ่านจบ ต้องการที่จะให้เขาทำอะไร หรือต้องการที่จะกระตุ้นให้เขาทำอะไร เช่นเดียวกัน บทความที่ดีจะกระตุ้นให้ผู้อ่านรู้สึกดี และได้ไอเดียใหม่ๆ หรือต่อยอดไอเดียเดิมได้ เป็นประโยชน์กับผู้อ่าน ฉะนั้นจงตั้งคำถามเบื้องต้นและเขียนบทความให้ตอบโจทย์ที่ตั้งไว้

2. เขียนโครงสร้างของบทความลงไปก่อน
ทุกบทความควรมีเนื้อหาเกริ่นนำสักเล็กน้อย (Introduction) และเนื้อหาหลักจะอยู่ในส่วนกลาง (body) ของบทความ บทสรุปของเนื้อหาอยู่ท้ายสุด ซึ่งใช้เพื่อสรุปแนวคิด ประโยชน์ของบทความ สรรค์สร้าง Idea ใหม่ๆให้เกิดขึ้น หลังจากวางโครงสร้างเรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มต้นเขียนบทความกันได้เลย

3. การใช้ Heading
Heading Text นี้สำคัญมากสำหรับการอ่าน และก็มีประโยชน์กับ SEO เป็นอย่างมาก ต้องเช็คให้แน่ใจว่า Keywords อยู่ใน Heading หรือ Subheading แล้ว แต่ไม่จำเป็นว่าจะต้อง Spam keyword ทุกๆ Heading หรือ Subheading นะครับ ควรคำนึงถึงเนื้อหาที่ดี และมากเพียงพอที่จะอธิบายบทความนั้นๆ

4. ใช้คำที่สรุปเข้าใจง่าย
ใช้คำสรุปเข้าใจง่าย เพื่อแนะแนวทางให้ผู้อ่านที่ Scan บทความของคุณ ได้จับใจความสำคัญได้เร็วที่สุด เช่นคำว่า ในที่สุด, ประโยชน์สูงสุด, แนวทางการนำใปใช้, โอกาสที่เกิดขึ้น เพื่อเป็น GUIDE LINE ให้ผู้อ่านสามารถอ่านเนื้อหาประเด็นที่เป็นใจความสำคัญได้เร็วยิ่งขึ้น นี้เป็น 4 เทคนิคง่ายๆ ลองนำไปปรับใช้ดูนะครับ หากมีอะไรจะแชร์หรือแบ่งปัน Comment บอกได้เลยครับ
https://warrior.in.th/freelance-seo/job/seo-content/good-seo-articles/

wm5398

WordPress คือ อะไร ? และเหตุผลที่นักรบใช้ WordPress


WordPress คือ ระบบจัดการเนื้อหาภายในเว็บไซต์ Content Management System (CMS)  ที่เปิดเผยซอสโค้ดของโปรแกรม และอนุญาติให้ใช้หรือพัฒนาต่อได้ฟรีภายใต้สัญญาอนุญาต GNU

หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า WordPress มาบ้างแล้ว ซึ่งอธิบายง่าย ๆ WordPress ก็คือเครื่องมือที่ใช้ในการสร้างเว็บไซต์นั่นเอง ตั้งแต่ถูกปล่อยออกมาในปี 2003 WordPress ก็ได้รับความนิยมติดอันดับต้น ๆ กลายเป็นสุดยอดแพลตฟอร์มที่คนใช้เผยแพร่เว็บไซต์ โดยทุกวันนี้ก็มีคนใช้งานเจ้า WordPress เพื่อสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาแล้วไม่ต่ำกว่า 70 ล้านเว็บไซต์เลยทีเดียว

ซึ่ง WordPress ไม่ใช่แค่เพียงเครื่องมือที่ใช้สร้างเว็บไซต์เท่านั้น แต่ยังมีประสิทธิภาพในการจัดการคอนเทนต์ที่สุดยอดมากด้วย ช่วยให้เราสามารถสร้างและจัดการเว็บไซต์ได้อย่างเต็มรูปแบบโดยไม่เสียเงินสักบาท เพราะ WordPress เป็นโครงการที่อาสาสมัครหลายร้อยคนจากทั่วทุกมุมโลกร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนาขึ้นมา นอกจากนี้ยังมีปลั๊กอินมากมายให้เราได้เลือกใช้งาน มีเครื่องมือ และรูปแบบให้เลือกตกแต่งเว็บไซต์ในสไตล์ของตัวเองได้ตามใจชอบอีกด้วย

แล้ว WordPress ทำงานยังไง
ในสมัยก่อนนั้น การจะสร้างเว็บไซต์ขึ้นมาสักตัวต้องใช้ HTML เพื่อจัดรูปแบบข้อความรูปแบบหน้า, ภาพ, และอื่น ๆ ซึ่งเว็บเบราเซอร์ของเราก็จะอ่านโค้ด HTML เหล่านั้นแล้วแสดงผลเป็นเนื้อหาของหน้าแต่ละหน้าขึ้นมาให้เราได้เห็นกัน
แต่ในวันนี้โลกของเราพัฒนาขึ้น เพียงแค่ติดตั้งซอฟต์แวร์ WordPress บนเว็บเซิร์ฟเวอร์ของคุณเอง แค่ 5 นาทีคุณก็สามารถใช้งานเว็บไซต์ของตัวเองได้แล้ว ไม่ต้องไปเสียเวลาเรียนภาษา HTML อะไรให้ปวดหัวอีกต่อไป


เหตุผลมากมาย ที่เราควรใช้ WordPress ในการสร้างเว็บไซต์สำหรับการทำธุรกิจ
        1. อันดับแรกเลยอย่างที่ได้บอกไป เพราะ WordPress มีคนมากมายจากทั่วทุกมุมโลกคอยพัฒนา และเพิ่มประสิทธิภาพของมันอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดให้ใช้บริการอย่างฟรี ๆ อีกต่างหาก
        2. เพราะมันเป็นมิตรกับผู้ใช้งาน แทนที่จะเสียเงิน เสียเวลาไปจ้างคนออกแบบเว็บไซต์ราคาแพง ๆ สู้ใช้ WordPress ทำเองตั้งแต่ต้นจนจบดีกว่า ลงคอนเทนต์เองได้ไม่ต้องไปเรียนรู้ HTML อะไรให้ยุ่งยาก ใช้ไมโครซอฟต์เวิร์ดเป็นก็ใช้ WordPress ได้ไม่ยากเลย
        3. ข้อดีต่อมาเพราะ WordPress ยืดหยุ่นได้ มีส่วนเสริมและธีมตั้งเป็นร้อยเป็นพันรูปแบบให้เราได้เลือกใช้งาน สามารถปรับแต่งหน้าตาเว็บไซต์ให้เข้ากับสไตล์ของแต่ละคนได้อย่างเหมาะสม และที่สำคัญคือ "ใช้งานง่ายมาก"
        4. ถ้าเจอปัญหาก็มีคนพร้อมช่วยเหลืออยู่เสมอ เนื่องจากมีผู้ใช้งาน WordPress อยู่มากกว่า 70 ล้านเว็บไซต์ ทำให้มีคนที่คอยให้คำปรึกษาเวลาที่เราเจอปัญหามากขึ้นเป็นเงาตามตัว หรือถ้ามีอะไรอยากติดต่อกับผู้พัฒนาโดยตรงก็สามารถทำได้เลยที่ wordpress.org/support ซึ่งที่นี่เค้ามีคำตอบให้กับทุกคำถามเลยล่ะ
        5. ง่ายต่อการทำ SEO ซึ่ง WordPress ได้รวบรวมทุกสิ่งอย่างที่จำเป็นในการทำ SEO ไว้ให้คุณเรียบร้อยแล้ว ถึงขนาดที่ว่า วิศวกรคอมพิวเตอร์ของบริษัทยักษ์ใหญ่ "Google" ยังออกมาบอกเองเลยว่า "WordPress ถูกสร้างมากเพื่อการทำ SEO อย่างแท้จริง"
        6. และสุดท้าย เราควบคุมทุกอย่างได้หมด ซึ่งปกติเครื่องมืออื่น ๆ จะมีข้อจำกัดในการแก้ไขเว็บไซต์ตามความต้องการ แต่ด้วยกับ WordPress เราสามารถทำทุกอย่างเกี่ยวกับคอนเทนต์ได้ทั้งหมด จะนำข้อมูลเข้า หรือจะส่งออกข้อมูลก็ทำได้ภายในไม่กี่คลิก
https://warrior.in.th/wordpress/wordpress-is/

wm5398

WP101 : ทำไมต้องใช้ WordPress สร้างเว็บไซต์


WP101 : ทำไมต้องใช้ WordPress สร้างเว็บไซต์
วันนี้ผมจะมาพูดในเรื่องของคอร์ส WP101 ที่ว่า WordPress มันคุ้มค่าที่จะลงทุน ลงเงิน ลงแรง และ ลุยกับมันอย่างเต็มที่วันหนึ่งเป็น 10 ชั่วโมงหรือไม่ ? และเป็นพื้นฐานสู่ วิธีสร้างเว็บ โดยนักรบ ในขั้นสูงต่อไป WordPress ดีจริงหรือเปล่า? อนาคตยังสามารถใช้งานได้ดีอยู่ไหม? และหากเทคโนโลยีมีการเปลี่ยน เช่นเปลี่ยน Platform มือถือ หรือมีการเปลี่ยนผู้พัฒนาจะยังสามารถใช้งานได้อยู่อีกหรือเปล่า? หรือจะสิ้นสุดแค่ช่วงเวลานี้เท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น เราเคยนิยม Flash กันอยู่ช่วงหนึ่ง ที่สามารถทำการ Coding และ ActionScript อยู่ดีๆวันหนึ่ง Appple เกิดไม่ทำการสนับสนุน Flash ขึ้นมา แถม Flash ยังไม่สนับสนุน Search Engine ต่างๆ จึงเริ่มค่อยๆเปลี่ยนและไม่ได้ใช้งานอีกต่อไป

คราวนี้เรามาดูที่ WordPress กันบ้าง WordPress มีดีอย่างไร ซึ่งสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนนั่นคือ WordPress มีระบบหลังบ้านให้กับผู้ใช้งาน มี Admin ให้เราสามารถกรอกข้อมูลหรือตั้งค่าผ่าน Interface ในระบบ Admin ได้ ระบบ admin กับเว็บไซต์ทั่วไป เราต้องจ้าง Programmer เขียนขึ้นมา อาจจะใช้ Framework ในการเขียนระบบ Admin ขึ้นมาสักตัวหนึ่ง ราคาเป็นหมื่นหรือ 2 หมื่น หากวันหนึ่งระบบมีปัญหาเราต้องการให้ Programmer ทำการแก้ไข แต่ไม่สามารถติดต่อได้ หรือ Programmer ไม่อยากทำต่อแล้วจะทำให้เกิดความเสียหายกับเว็บไซต์ของเราได้ หากคุณมองหา Programmer คนใหม่มาทำ เขาก็จะทำการชาร์ตเงินของคุณมากอีกหลายบาทอย่างแน่นอน เห็นหรือไม่ว่านอกจากเสียเงิน เสียเวลา และ มีความเสี่ยงสูงที่ไม่คุ้มกับรายจ่ายที่เสียไป คุณยังไม่ทันได้กำไรเลยก็ขาดทุนเสียแล้ว WordPress คือทางเลือกหนึ่ง ที่มีระบบ Admin หากเราทำการเปลี่ยนผู้ดูแล เราสามารถให้ใครที่พอมีความรู้มาเป็นผู้ดูแลก็ย่อมได้ เนื่องจาก WordPress เป็นระบบมาตรฐานสากล ทำให้มีผู้ที่พร้อมจะดูแลระบบของคุณต่อได้อย่างมาก หรือคุณอาจจะเลือกพัฒนา WordPress ด้วยตัวเอง ทดลองใช้ ศึกษาด้วยตนเองก็สามารถทำได้ WordPress ถูกออกแบบมาให้กับคนที่ไม่ได้ศึกษาจบสาย Programming โดยตรง ก็ใช้งานระบบนี้ได้ และ WordPress เป็นนิยมขนาดที่ว่า บริษัท PlayStation, CNN, New York Time, Macdonal ในบางประเทศ หรือแบรนด์รถยี่ห้อดังๆในประเทศไทยเองก็เลือกใช้งาน WordPress กันแทบทั้งหมดแล้ว

เว็บไซต์ระดับโลกที่ใช้ WordPress

หากเรามองสถิติภาพรวมใน W3Techs เขาได้บอกไว้ว่า WordPress จะถูกใช้ประมาณ 61%  ของ CMS CMS คือ Content Manage System ระบบที่มีการจัดการเกี่ยวกับ content ต่างๆ หรือ มีระบบหลังบ้านไว้เป็นตัวช่วยในการจัดการข้อมูล ดังนั้น 61% นี่คือสูงมาก และยังเป็นอันดับ 1 ของเว็บไซต์ที่เลือกใช้ CMS อีกด้วย หากเทียบกับเว็บไซต์ทั้งหมดทั่วโลก WordPress มีจำนวนประมาณ 23% ของทั้งหมด ซึ่งหากวันหนึ่งคุณเข้าชมเว็บไซต์ 100 เว็บต่อวัน คุณจะต้องเจอเว็บที่ทำมาจาก WordPress  ประมาณ 23 เว็บแน่นอนซึ่งเยอะที่สุดแล้วไม่มีใครเยอะกว่านี้อีก และ ยังเป็นอันดับ 1 ครองส่วนแบ่งตลาด จึงทำให้ WordPress มีคนใช้เยอะมากกแซง CMS ทุกตัวที่อยู่บนโลกนี้ แต่ไมได้หมายความว่า WordPress ดีที่สุดนะครับ Drupal จะเหมาะกับเว็บไซต์ที่มี traffic ใหญ่ หรือองค์กรขนาดใหญ่ที่มีพนักประมาณ 100-1000 คน ซึ่งหากคุณต้องการทำธุรกิจขนาดเล็ก หรือขนาดกลาง ให้คุณเลือกใช้ WordPress จะสะดวกและง่ายที่สุด สำหรับคนที่อยากจะลองใช้เกี่ยวกับระบบ e-commerce ในระบบใหญ่ก็อาจจะเลือกใช้ Magento แบบนั้นแทน แต่หากต้องการเริ่มต้นด้วยความสะดวก ง่าย รวดเร็ว มีคนบริหารระบบเยอะก็เลือก WordPress นั่นเอง

WordPress จะถูกใช้ประมาณ 61% ของเว็บไซต์ ประเภท CMS

WordPress จะถูกใช้ประมาณ 61% ของเว็บไซต์ ประเภท CMS
WordPress ทีมพัฒนาระบบ Plugin ใหม่ๆ เช่น วันนี้ คุณอยากจะให้เว็บไซต์ของเรามีการ contact กับ ระบบของ facebook หรือ ผู้ใช้สามารถทำการสมัครสมาชิกผ่าน facebook login หรือ google login ได้ หากเราไปจ้าง Programmer มาเขียน บางทีเราอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก แต่ถ้าเราใช้ WordPress ที่มี Plugin Free หรือ เลือกใช้ Plugin ที่มีอยู่ใน Jetpack ก็ได้ ซึ่งมีให้เลือกใช้ฟรี ประมาณ 30,000+ plugin ฉะนั้นคุณจะรู้สึกเสมือนมีคน support ตลอดเวลา และยังให้เราได้ใช้ฟรีอีกด้วย ทำให้เราสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก ประหยัดเวลาในการทำงาน และสามารถที่จะตรวจสอบหรืออ่านความเห็นได้ว่า plugin ไหนดีหรือ ไม่ดีอย่างไร หรือเป็นที่นิยมหรือไม่ ตัวอย่างจากของ Jetpack มีประมาณ 33 ตัว เช่น Stat, Link, Monitor, Google หรือระบบ email เป็นต้น และนี่คือเหตุผลที่ว่า ทำไม ? เราถึงเลือกใช้ WordPress

มี Plugin สำหรับสร้างเว็บกว่า 30,000 plugin

เหตุผลเพิ่มเติม ทำไม ? ถึงใช้ WordPress – Why use WordPress?
เมื่อ search คำนี้ใน google จะเจอเว็บไซต์มากมายเต็มไปหมด แต่เราจะยกตัวอย่างมาสัก 1 เว็บไซต์ นั่นก็คือ wpbeginner.com เนื่อจาก เขียนไว้ค่อนข้างชัดเจน มีภาพประกอบเยอะ และเขียนได้อย่างเข้าใจง่าย เมื่อได้อ่านสรุปคร่าวๆ ในเว็บนี้ได้เขียนไว้ว่า WordPress เป็นที่นิยมมาก เพราะในงานออกแบบเว็บไซต์ มีการใช้งาน WordPress ถึง 22.5% ที่ถูกใช้ในเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง Time Magazine, Google, Facebook, Sony, Disney, LinkedIn, The New York Times, CNN, eBay และ อีกมากมาย มี Theme WordPress ให้ใช้ฟรีมากกว่า 2,000 กว่าแบบ,  WordPress ง่ายต่อการใช้งานเป็นอย่างมาก สามารถ setup Theme สวยๆได้มากมาย สามารถรองรับได้หลายธุรกิจ อีกส่วนหนึ่งที่น่าสำคัญคือ WordPress เป็นมิตรกับ Search Engine นั้นเอง คุณสามารถลดต้นทุนในการโปรโมท หรือพัฒนา SEO ไปได้เยอะเลยทีเดียว อีกทั้ง WordPress มีระบบ Backup สำรองข้อมูลไว้ได้ มีระบบความปลอดภัยในระดับหนึ่ง แต่คุณสามารถ update เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกโจมตีได้ หรือทำการ Backup hosting บ่อยๆ รองรับสื่อมัลติมีเดียได้หลายชนิด และยังเลือกใช้รูปแบบได้หลายชนิด เช่น Blog, Gallery, Portfolio, Rating Website, Shopping Store, Video Collection Site และ Membership Site เรียกได้ว่ารองรับทุกกลุ่มธุรกิจ นอกจากนั้นยังมีการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการรองรับ SEO จาก Matt Cutts ซึ่งถือว่าเป็น Leader ของทีม Programmer จาก Google  กล่าวว่า หากคุณต้องการเริ่มต้นธุรกิจที่มีความจำเป็นต้องใช้ SEO คุณไม่ต้องทำการศึกษหรือนั่งทำ SEO ให้วุ่นวายมากนัก เพียงแค่ใช้ WordPress เท่านั้น WordPress ยังมีตัวช่วยเสริม SEO ให้มีควมเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น คือการใช้ Plugin WordPress SEO จาก Yoast โดยคนๆนี้ มีการติดตามเรื่องของ SEO จาก Google อยู่ตลอดเวลา เขาสร้าง plugin ที่สามารถใช้งานได้อย่างง่ายๆ โดยมีจำนวนคนดาวน์โหลดไปใช้งานทั้งหมดกว่า 14 ล้านครั้งเหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้น ที่ต้องการจะเพิ่มอันดับ SEO ของเว็บไซต์ตนเอง ในส่วนของ Theme ซึ่ง Theme ของ WordPress นั้นเปรียบเสมือนหน้ากาก เพื่อสร้างความเชื่อถือ ความสวยงาม โดยตามหมวดหมู่ ไม่ว่าจะเป็นแบบ e-commerce, organizing หรือ photography หาก theme ฟรีเหล่านั้นไม่สามารถตอบสนอง เรายังสามารถซื้อTheme ของ WordPress จาก Themeforrest ได้อีกด้วย Theme เหล่านี้ผู้พัฒนามีความสามารถและประสบการณ์ไม่น้อยกว่า 5 – 10 ปี โดย Theme WordPress มีราคาเพียง 1 – 2 พันเท่านั้น ก็สามารถซื้อได้จากทั่วทุกมุมโลก มีหลายหมวดหมู่ และ plugin อีกกว่า 3,000 plugin สามารถรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ว่าจะ  facebook, signup และ forum ใหม่ๆ ทำให้เหมือนว่าเรามีทีมสำหรับพัฒนา Theme พัฒนา plugin และพัฒนาหลังบ้าน

Theme WordPress มากมาย รองรับทุกธุรกิจ

หากเราต้องการสร้างเว็บคุณภาพโดยปราศจาก WordPress นั้นคุณจำเป็นจะต้องมีเงินทุนมาก แต่หากเราเลือกใช้ WordPress เราสามารถตัดปัญหาเรื่องเงินทุน และเริ่มธุรกิจของเราได้ในทันที และยังสามารถขยายธุรกิจต่อยอดไปได้เรื่อยๆ จึงเหมาะสำหรัมผู้ที่เป็น user ทั่วไป และผู้ที่มีพื้นฐานทำเว็บไซต์ทั่วไป โดยคุณสามารถเริ่มต้นเรียนรู้และศึกษาได้จากเว็บไซต์ทั่วไป หรือจากเว็บไซต์แห่งนี้  ซึ่งมีข้อมูลให้คุณได้ศึกษาอย่างมากมายง
https://warrior.in.th/wordpress/wp101-why-use-wordpress/

wm5398

วิธีปรับแต่ง CSS ของ Theme WordPress โดยใช้ Chrome


วิธีปรับแต่ง CSS ของ Theme WordPress โดยใช้ Chrome
สวัสดีครับ คราวนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องที่สำคัญอีกเรื่องนึง และก็มีนักเรียนที่ที่เรียนกับคอร์สของผม แล้วมีความรู้สึกสงสัย จึงสอบถามกันเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องการปรับแต่ง css ของ Theme WordPress
** วิธีปรับแต่ง CSS เป็นพื้นฐานสำคัญในการ วิธีสร้างเว็บ ด้วย WordPress โดยนักรบ

ซึ่งวิธีการการปรับแต่ง css ของ Theme WordPress นั้น มีด้วยกันหลายวิธีแล้วแต่ความถนัดของแต่คนจะใช้ แต่วิธีที่ผมจะแนะนำและก็เป็นวิธีที่ใช้กันสากล เป็นวิธีที่ช่วยประหยัดเวลาและมีความแม่นยำสูง นั่นคือการปรับแต่ง css ผ่านบราวเซอร์ของเราเอง เช่น ถ้าเราใช้บราวเซอร์ Google เราสามารถใช้ Google Developer tools

วิธีเปิด Google Developer tools คือการกดปุ่ม F12 บนคีย์บอร์ด รอสักพัก เมื่อทำการโหลดเว็บเสร็จเรียบร้อยก็จะเปิด tools ขึ้นมาให้เห็น ซึ่งมีหน้าตาคร่าวๆประกอบไปด้วยส่วนของ Element, Network, Source, Timeline, Profile, Resource, Audits  และ Console อาจจะดูเยอะแยะไปหมดเลย เพราะแต่ละตัวมีการใช้งานแตกต่างกันไป

ส่วนที่ผมจะสอนมีอยู่ด้วยกัน 2 ตัวหลักๆ ที่ใช้เป็นประจำคือ Element และ Source และ ทางด้านขวาเราจะใช้ Style และ Computed ซึ่งเป็นส่วนของ css นั่นเอง แต่ในเรื่องของ Event Listeners, DOM breakpoints และ Properties จะเป็นในของ JavaScript, Document Object Model มีความ Advance มากขึ้นซึ่งเราจะมาเรียนรู้ในภายในหลัง

ในเรื่องการปรับแต่ง css ของธีม WordPress บน website ของเรานั้น หลังจากที่เราเปิด Tools ตัวนี้ขึ้นมาแล้วให้กดปุ่มแว่นขยายด้านซ้ายมือ และเริ่มทำการปรับแต่ง css ที่เราต้องการทำการปรับแต่งได้ทันที

ยกตัวอย่างเช่น เมื่อดูหน้าแรกของเว็บไซต์ warriiior.com หากเราต้องการปรับแต่ง css ของเราเนื่องจากดูไม่สวยเลย รู้สึกว่าแปลกๆอยากได้ heading ที่ใหญ่ขึ้น, ต้องการแต่งภาพให้มีกรอบ, เปลี่ยนสีตรงนี้ให้ดูสะดุดตา เราทำได้ง่ายๆด้วยการเลือกในส่วนที่เราต้องการปรับแต่ง เช่นตัวนี้เป็น h2 เมื่อคลิกเข้าไปในส่วนปรับแต่งจะขึ้นคำสั่งด้านล่าง ให้ทำการเช็คดูทางด้านขวา ว่าใช่หรือไม่เพียงเลือกปิด css บางส่วนดูว่ามีการเปลี่ยนแปลงในส่วนนั้นๆหรือไม่

หากมีการเปลี่ยน แสดงว่าตัวที่เราเลือกไว้หรือเลือก Element ของตัวนั้นถูกต้อง ด้านซ้ายส่วนใหญ่ที่เราเลือกนั้นจะเป็น Html ส่วนด้านขวาที่ปรากฏมาจะเป็น css พอเราคลิ๊กด้านซ้ายที่เป็น Html ส่วนไหนก็แล้วแต่ css ทางด้านขวาจะแสดงขึ้นมาโดยแสดงจากล่างขึ้นบน จะเห็นว่า css ทางด้านบนจะทับตัวด้านล่างเนื่องจาก Html บางตัวเรามีการเขียน css ทับกันหลายชั้น เริ่มจากเป็นค่าคุณสมบัติพื้นฐานของบราวเซอร์ เช่น Text heading หรือมี Margin เท่าไร, Size เท่าไร และลองเขียน css กำหนดลักษณะให้กับ h2 เข้าไปว่า margin มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ Size มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ line-height มีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ความสูงของตัวอักษรแต่ละบรรทัดมีการเปลี่ยนแปลงตามต้องการหรือไม่ ทำให้มีการทับกันของ css เกิดขึ้นไล่จากล่างขึ้นบน

เมื่อเราต้องการเช็คว่า css ตัวใดหรือตัวใหม่ล่าสุดให้สังเกตุจาก css ข้างบนลงด้านล่าง จากนั้นเมื่อเราทำการเปลี่ยน h2 พอเราคลิ๊ก h2 ปุ๊บจะลิงค์ css จะมาอยู่ที่ .block-title h2 ตัวนี้ใช้ css ของ h2 หรือเปล่าให้เราลองเปลี่ยนสีดู เลือกที่ Color ซึ่งคนที่เปลี่ยนนั้นจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับ css ด้วยหากยังไม่มีความรู้เรื่อง css อาจจะต้องเรียนพื้นฐานก่อน จากตรงช่องจะเห็นค่าสีมาตรฐานซึ่งมีชื่อเฉพาะอยู่และเราอาจจะใส่รหัส F หรือ # แบบไหนก็ได้ตามใจของเรา

ในส่วนของ css นั้นสามารถปรับแต่งได้ทั้งตัวหนังสือต่างๆ, สีสันต่างๆ,  รูปภาพ, กำหนดระยะห่างแบบ Padding, ใส่ border,จัดแถวจัดแนวของเว็บไซต์ได้ทั้งหมด และข้อสำคัญให้ลองสังเกตุดูว่าในแต่ละส่วนที่เราต้องการแก้ไขนั้นมีแต่ .id แต่ไม่มี class ซึ่งอยากจะแนะนำว่าไม่ควรทำการปรับเพราะหากส่วนไหนไม่มี class กำกับเมื่อเราเปลี่ยนจะทำให้ส่วนอื่นๆของเว็บไซต์ที่ทำการใช้ .id ร่วมกันนั้นเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ยากต่อการปรับแต่งมากยิ่งขึ้น

หากเรากำลังทำการแก้ไขในส่วนที่มี JavaScript เมือเราเลือกในส่วนแสดงผลอาจจะเลื่อนไปเลื่อนมาทำให้สับสน เราสามารถเลือกไม่ให้ผลของ JavaScript ได้ชั่วคราวด้วยการเข้าในส่วนของ Setting เลือก (ด้านขวาบนของ tools) Disable JavaScript ได้เลยเราสามารถสร้าง class ขึ้นมาเองได้ด้วยการเข้าในส่วนของ  source จากนั้นเลือกไฟล์ css ของรา สร้าง class ที่เราต้องการให้เรียบร้อยจากนั้นกลับมาดูที่หน้า element จะเห็น css ทางด้านขวามือขึ้น class ที่เราสร้างสามารถแก้ไขได้ตามปกติ

เมื่อเราปรับทุกอย่างตามที่ต้องการแล้ว ขั้นตอนต่อมาก็คือการ save โดยการเลือกที่ Source  ไปที่ไฟล์ที่ต้องการแก้ไขโดยไฟล์ css ที่เราทำการแก้ไขจะมีสัญลักษณ์ดาวอยู่ ให้ทำการคลิกขวา save as จากนั้นเลือกแฟ้มที่ไฟล์อยู่หรือ save ไว้ต่างหากก่อนก็ได้ หากต้องการใช้ก็ให้ทำการ save ทับได้เลย จากที่เราได้ทำการทดสอบมาจะพบว่าเราสามารถปรับ css ได้แทบทุกส่วนยกเว้นที่เป็น plugin หรือ gallery บางตัวมีที่การใส่ JavaScript แค่นั้นเอง
https://warrior.in.th/wordpress/how-to-customize-css-theme-wordpress/

wm5398

Plugin : Visual Composer ของ WordPress สำหรับจัดหน้าเว็บ (Page Builder)


Plugin Visual Composer และการใช้งานเบื้องต้น
ครับ!! สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพูดเกี่ยวกับเรื่องของ Plugin ที่ชื่อว่า Visual Composer นะครับ
คอร์สออนไลน์แนะนำ วิธีสร้างเว็บ ด้วย WordPress โดยนักรบ

Visual Composer นะครับ  ถ้าเราดูใน Themes  for  rents  มันจะขายอยู่ที่ประมาณ  28 ดอลล์ นะครับ  ถ้ารวมเป็นเงินไทยก็ประมาณเกือบพันนะครับ  Plugin Visual Composer เป็น Plugin ที่ดีมานะครับ เป็น Plugin ที่ช่วยในการจัดหน้าเพจของเรานะครับ ให้ง่ายและมีโครงสร้างที่สวยงามมากขึ้นนะครับ และยังทำรองรับ Animation รูปแบบง่ายๆ ได้ด้วย  ซึ่งสามารถทำให้ เว็บไซต์  ของเราเปลี่ยนจากรูปแบบสเตตินิ่งๆไม่มี Animation อะไรเลยนะครับ  กลายเป็นรูปแบบเว็บไซต์ ที่มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้นนะครับ และที่สำคัญนะครับความสามารถของ Visual Composerยังรองรับรูปแบบของ mobile ไว้  ไม่ว่าจะเป็น Tablet และมือถืออีกด้วยนะครับ  และ Visual Composer เป็นปลั๊กอินในเรื่องของการจัดหน้าที่เรียกว่า Page Builder นะครับ เป็นอันดับหนึ่งของ Themes  for  rents อยู่ในโหมดของ codecanyon  และก็ขายดีมากจนเอ็นมาโตถูกหยิบยกมาเลยว่าเป็นตัวอย่างของกราฟที่มีการเจริญเติบโตอย่างดี ของปลั๊กอินใน  codecanyon เลยนะครับ ไปเปรียบเทียบกับวง Commerce  ที่มันเป็น ปลั๊กอินเกี่ยวกับ  E-Commerceที่มีคนพัฒนาเป็นบริษัทใหญ่โตนะครับ  อ่า!!! ถ้ามาดูเนื้อหาใน  codecanyon  Visual Composer ก็จะประมาณนี้นะครับ  ลองอ่านรายละเอียดนะครับว่ามีขายไปแล้วประมาณ 30,000 กว่าเซลล์นะครับ comment เป็นปลั๊กอินอันดับหนึ่งเลยนะครับ และก็มีคนใช้มาก นิยมมากและก็สามรถเป็นปลั๊กอิน Page Builder ตัวแรก  ตัวสำคัญด้วยนะครับที่ใช้ในเรื่องของฟังก์ชั่นการแก้ไขหน้าจอคอนเทนของ WordPress ผ่านทางหน้า Fonts นะครับ ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นใหม่ของ  WordPress นะครับ

OK คราวนี้!!! ถ้าเราซื้อ Visual Composer มาแยกๆต่างหากนะครับประมาณ 28 ดอลล์  แล้วมาใช้กับ Themes เรานะครับ  ซึ่ง Themes เราอาจจะโหลดจากที่ไหนไม่รู้แหละ  โหลดฟรีหรือว่าใช้ Themes มาตรฐานนะครับ ซึ่ง Themes มาตรฐานพวกนี้ไม่ได้ออกแบบ CSS รูปร่างหน้าตาให้กับ Visual Composerฉะนั้นมันจะได้ฟังก์ชั่นการทำงานมาอย่างเดียวนะครับ แต่มันจะไม่ได้ความสวยงามของโครงสร้างของ Visual Composer ด้วยนะครับ  มันจะไม่เข้ากับ Themes มันจะแยกกัน  ถ้าคนซื้อแยกนะครับ จะต้องสามารถแก้ไข CSS เป็นเพื่อไปปรับ CSS ของ Visual Composer ให้สวยงามเข้ากับ Themes นะครับ แต่สำหรับคนที่ปรับไม่เป็นนะครับ ผมแนะนำให้ซื้อ Themes ที่ขายพร้อมกับ Visual Composer เพราะเขาจะสามรถปรับความสามารถของ Themes และก็ปลั๊กอินให้สวยงามไปในทิศทางเดียวกันเรียบร้อยแล้ว

ตัวอย่าง Themes หนึ่งที่ผมจะใช้ในการสาธิตการใช้งานของ Visual Composer นะครับ  ก็คือ Themes ที่ชื่อว่า The 7 นะครับ Themes The 7 ถูกขายเป็นอันดับท็อปๆ แล้วก็ติดอันดับมาเป็นอันดับต้นของ Themes  for  rents มาหลายสัปดาห์แล้ว  หลังจากที่ผมเล่นระบบหลังบ้านนะครับ และเรื่องของการวางคอนเท้น  Layout และก็การจัดวางนะครับ  ผมพบว่า Themes The 7 เป็น Themes ที่ฉลาดและก็เป็น Themes ที่คนเขียนถูกพัฒนามาให้ใช้งานง่าย และก็ยืดหยุ่น เรียบ  ดูดี และก็เหมาะกับองค์กร หน่วยงาน เอกชน รัฐบาล  หรือหน่วยงานที่ต้องการความเรียบง่าย เอเจนซี่อะไรต่างๆ ที่ต้องการความหรูหรามีระดับและก็เข้าใจง่าย  เรื่องเมนูของ The 7 นี้เค้าก็ล้ำยุคมากนะครับ รองรับมือถือแล้วก็แบบสไลด์ ลองเข้าไปเล่นดู ลองดูนะครับ

อ้า!! สำหรับวีดีโอนี้ผมจะสาธิตเรื่องของการใช้ Themes Visual Composer ก่อนนะครับ ในเรื่องของเวลาที่เราปลั๊กอินนะครับนำเข้ามาแล้วนะครับ ติดตั้ง Themes The 7Composer แล้วนะครับ มันก็จะให้ลงปลั๊กอินอะไรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปลั๊กอินอะไรต่างๆ ที่จะอยู่ในนี้นะครับ ข้ามไปแล้วกันนะครับ เป็น Layer  Slider  Revolution เป็นแบนเนอร์สไลด์อะไรต่างๆ  ตัวที่เราติดตั้ง  Themes เรียบร้อยเราจะไปปรับค่าของ Visual Composer ไปที่ Settings แล้วก็เลือก Visual Composer ครับ ตัวนี้จะเป็นการปรับค่าของ Settings Visual Composer ครับ ถ้าเราใช้ Themes The 7 นี่มันก็จะมี content types หลายแบบมากนะครับ  เพราะว่าถ้าขึ้นด้วย dt ย่อมาจาก dreamteam ชื่อบริษัทเค้า  ทำเกี่ยวกับ content types, portfolio, testimorials, team, jogos, benefits, gallery แล้วก็ slideshow เพิ่มเติมเข้ามานะครับ  แต่ถ้าเป็น  Themes ทั่วไปหรือ Themes มาตรฐานแบบบ้านๆ พื้นๆโหลดมาจะมีแค่ post, page อาจจะมี portfolio หรือ gallery อะไรบ้างก็แล้วแต่คนเขียนนะครับ

ดีฟอร์ของ Visual Composer จะถูกติดไว้ที่ page หรือเราจะติกที่โค้ดช่วยด้วยก็ได้นะครับแล้วแต่เรา  นี่ก็เป็นการใช้งาน
ต่อไปเป็นเรื่องของ Desing Options เราสามารถปรับค่าโดยรวมของ Visual Composer เพราะว่าค่าบางค่าถูกออกแบบมาเป็น Default  อย่างเช่น ระยะห่างระหว่างบล็อกนะครับ 35 พิกเซล ถ้ารู้สึกว่ามันกว่าไปก็ปรับลดได้นะครับ Grid gutter คือ ช่องว่างระหว่างคอลัมภ์นะครับ  แล้วก็ Mobile screen width ก็คือระยะ  ถ้าสมมุติว่ามันต่ำกว่า 768 พิกเซล มือถือ หน้าจอหรืออุปกรณ์  ให้มันเปลี่ยนโครงสร้างดูสวยงามขึ้น  ปรับให้มันเรียงแบบสแตก  คือ เรียงแบบจากบนลงล่าง จากคอลัมย์ก็อาจจะเป็นแบบสแตกจากบนลงล่าง ก็แล้วแต่เราจะปรับค่าได้ สำหรับคนที่ลองเล่นก็ลองติกแล้วก็ปรับค่าได้  สำหรับคนที่เขียน CSS เก่งเราจะปรับค่าได้ในช่อง Custom CSS ก็ได้นะครับเพื่อปรับค่าต่างๆ

อันนี้คือเรื่องของการปรับลายเส้นเอ็กทีเวด
อันนี้เรื่องของ shortcodes นะครับ คือถ้าเป็นคนที่เล่น worde page สักพักก็จะพอรู้ว่า  shortcodes คืออะไรนะครับ  แต่สำหรับคนที่เพิ่งเล่นนะครับ shortcodesคือ ชุดคำสั่งง่ายๆ  อาจจะเป็นมันจะเป็น shortcodes ที่เป็นปีกกาแข็งเหมือนเราเล่นเว็ปบอดนะครับ เป็นเครื่องหมายปีกกาแข็งอะไรอย่างนี้ shortcodes ก็จะมีลักษณะคล้ายๆ แบบนั้น อ้า!!! OK เรื่องของการอธิบาย Visual Composer Settings ง่ายเรียบง่าย

คราวนี้เราจะมาดูวิธีการใช้งานง่ายๆเรียบง่ายกันดีกว่า ผมไปที่ Pages  เวลาเราติดตั้ง Themes ครั้งแรกมันจะมีโพสต์แค่นี้นะครับ มี Sample Page แล้วก็ Hello world ในโพสต์แค่นั้นเองนะครับเดี๋ยวเราลองไปที่ Edit กันดูนะครับ นี่ก็คือข้อมูลเก่าๆ ใน The 7 Pages นะครับ

OK  คราวนี้เรามาดูนะครับ พอเราเข้ามาในหน้าแก้ไข Edit Page เราจะเห็นปุ่มอยู่สองตัวซึ่งเด่นสะดุดตาเป็นสีน้ำเงิน ซึ่งแตกต่างจาก Themes อื่นๆ ถ้าเราไม่ได้ใช้จะมีปุ่มคำว่า BACKEND EDTOR แล้วก็ FRONTEND EDTOR ความหมาย คือ แก้ไขหน้าเพ็จระบบหลังบ้านเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง  แต่ FRONTEND ก็คือ  แก้ไขระบบหน้าบ้านนะครับ  เราลองเรียนรู้วิธีการใช้งานไปอย่างคร่าวๆนะครับ ลองที่ BACKEND EDTOR ก่อนนะครับ ก่อนที่จะเริ่มมาดูตัวนี้ก่อนครับ  เมื่อก่อนมันจะมีโครงสร้างแค่นี้ครับ ตรงนี้เราจะเรียกว่า ไทนีเอ็มซีอี  เป็นตัวอีดีเตอร์ที่ worde page ดึงมาใช้ ก็ยืด หด ขยาย ได้นะครับ อันนี้ก็จะเป็น Short Cord เราเขียนเพิ่มขึ้นมา Themes ก็เขียนเพิ่มขึ้นมา  ก็จะมีแค่นี้อย่างเก่งก็จัดหน้าได้ ชิดซ้าย ชิดขวา ตรงกลาง ใส่ลิสต์นะครับ ตัวหนา  ตัวเอียงเท่านั้นเอง แต่ไม่สามารถจัดคอลัมย์ได้  แต่ถ้าเราไปลงปลั๊กอินเสริมแทนที่พวกเอ็มซีอี, ลงเทเบิลอะไรอย่างนี้ มันก็จะจัดหน้าในมือถือลำบากก็ไม่ค่อยนิยมนะครับ  ผมแนะนำให้ใช้ Visual Composerช่วยนะครับ ผมกดที่ BACKEND EDTOR ปรึ้ง!! คราวนี้มันก็จะมาแล้ว  โอโฮ!! เป็นโครงสร้าง เห็นไหมครับเริ่มเป็นโครงสร้างแล้ว  จัดคอลัมย์อะไรได้นะครับ  นี่ๆ นั่น  คราวนี้เพื่อให้เห็นชัดขึ้น เดี๋ยวผมลอง Add new page ขึ้นมาแล้วกันเป็นหน้าว่าง ๆ ไม่มีอะไรเลยแล้วก็กด BACKEND EDTOR หน้าว่างๆ จะเป็นแบบนี้ครับ เริ่มต้นคือตัวในปุ่ม ปุ่มนี้จะลิงค์ไปยังเว็บไซต์ ของเขา ปุ่มนี้เป็น Add new element คือ ส่วนประกอบทุกอย่างที่อยู่ในเว็บไซต์ เรียกรวมๆ ว่า element  ถ้าเรียกเฉพาะเจาะจง เช่น เป็นแทค P แทค A แทคพารากราฟ แทควีดีโอ แทคอะไรก็แล้วแต่ตัวจะเลือก  เรียกรวมๆว่า Add new element ถ้ากดมันขึ้นมานี่พวกนี้คือ element หมดเลยนะครับ  อันนี้คือ Templates ครับ สมมุติว่าเรา Add element เข้าไปแล้วนะครับ เป็นแถวนะครับ  และผมใส่ Text เข้าไป ผมอาจจะใส Text เป็นคำว่า Copy right ซึ่งตัวนี้ผมอาจจะเอาไว้ทุกหน้าเลย หรืออาจจะบอกว่า "สินค้าและบริการหากมีการแก้ไขโดยมิได้แจ้งล่วงหน้า" อะไรอย่างนี้ก็แล้วแต่ที่เราจะใส่ในสินค้าของเรา ซึ่งเราอาจจะใส่ในทุกหน้า ฟูดเตอร์ หรือใส่ในหน้าเพ็จก็ได้นะครับ ซึ่งเวลาที่เราจะใส่ในทุกหน้าเราจะทำการเซฟ และก็ทำการเซฟเป็น Templates ได้นะครับ ก็จะเป็นอะไรอย่างนี้นะครับ การเซฟ Templates แบบนี้เป็นลักษณ์เหมือนการ copy layout มาไว้ใน Templates  สมมุติว่าเราเปิดหน้าใหม่ขึ้นมานะครับ แล้วเราก็ทำการโหลด Templates ที่เราทำการเซฟไว้นะครับ ก็กดคลิกเข้าไปมันก็จะเพิ่มมาให้โดยอัตโนมัตินะครับ  แต่เวลาเราแก้ไขนะครับ สมมุติว่าเราทำไป 10  หน้า แต่เวลาแก้ไขเราก็ต้องตามไปแก้ไขทั้ง 10 หน้า  มันเหมือนเป็นการ copy layout มาวางไว้เฉยๆ นะครับ  มันไม่เชิงเป็น Templates 100 เปอร์เซ็นต์ วิธีการอยากได้ Templates 100 เปอร์เซ็นต์ เราต้องลงตัวเสริมของเขาชื่อว่า VC Templates นะครับ  คือ เราทำ Templates ไว้ตัวเดียวพอเราไปแก้ที่ Templates  มันจะกระทบทุกหน้าให้นะครับ ก็เป็นการช่วยให้ง่ายขึ้น นั่นก็จะเป็นตัวเสริมของเขา OK นี่ก็จะเป็นเรื่องของ Templates ง่ายๆ นะครับ

คราวนี้เรามาดูตรงปุ่มนี้นะครับ  ปุ่มเฟืองนี่เป็นเรื่องของ Custom CSS  คนเก่ง CSS  เขียน CSS มันจะเป็นการปรับแต่ง CSS เฉพาะหน้านี้หน้าเดียว ถ้าอยากให้ได้ทุกหน้าก็ต้องไปที่หน้า True settings เมื่อกี้ที่เราผ่านมาแล้วก็ใส่ CSS เข้าไปนะครับ OK ตัวนี้ก็ไปเรื่องของการบริการ คลิกไป  Frontend นะครับ  อันนี้ก็จะลบได้

คราวนี้เรามารู้จักข้างล่างก่อน  ปุ่มนี้ก็จะเป็นเหมือนข้างล่างนะครับไม่มีอะไรใส่ element ก่อนไหม หรือจะใส่ text block ก็ได้  หรือคุณจะเลือก Layout ซึ่งเป็น Layout ที่เขาออกแบบมาไว้คราวๆ เพื่อง่าย คลิกปรึบ!! มันก็จะโหลด Layout มาให้เลยอ้า!!! ประมาณนี้  สมมุติผมจะเริ่มต้นผมจะใส่ข้อมูลอย่างไรดี  ผมก็จะเริ่มต้นด้วยการใส่แถว เพื่อจัดข้อมูล แบ่งคอลัมย์ 2 คอลัมย์ 3 คอลัมย์ อย่างนี้ก็ได้นะครับ จัดคอลัมย์ผมใส่อีกคอลัมย์หนึ่งเป็นแบบนี้ก็ได้ ปุ่มเครื่องหมายนี้เอาไว้ทำอะไร ขยับตำแหน่งไง บน  ล่าง เห็นไหมครับ สลับกัน เป็นนี้ไว้จัดอลัมย์ไง ถ้าเกิดผมอยากให้ด้านนี้ตัวใหญ่ แล้วด้านนี้ตัวเล็กต้องทำไง กด Custom ไงสลับตัวเลขนิดหน่อยนี่เป็น 3 นี่เป็น 1  เอาก้อนใหญ่ไปทางซ้าย   เอาก้อนเล็กไปทางขวา กด Update ปรึ้ง!! นี่ไงสลับแล้วเห็นไหมครับ ก็ปรับคอลัมย์ได้เป็นอิสระ

นี่ปุ่มนี้เอาไว้ทำอะไรดูก็รู้ว่า copy ไงเห็นไหมครับ ทำอะไรครับลบแค่นั้นครับ เท่านั้นเอง Edite เอาไว้ทำอะไร แก้ไขใส่คราสสำหรับคนที่เขียน CSS เอ็ดวาน เอ็ดชอลมีไว้ทำไม เอาไว้ลิงค์ในหน้าเพ็จตัวเอง ความสูง ความสูงขั้นต่ำ ระยะTop margin คือ ระยะมันกับเพื่อนมันด้านบน ระยะด้านล่างกับเพื่อนด้านล่าง  full width content หรือเปล่า Animation ตัวนี้สำคัญมากที่จะทำให้เว็บไซต์ ของเราดูมีระดับมากขึ้นก็สามารถใส่ Animation เข้าไปได้  Row style  เป็นแบบไหน สไตล์เป็นเรื่องของขั้น section มีหลายแบบก็ปรับเป็น setting ได้สำหรับ Visual Composer นะครับ เป็นมาตรฐานในบางครั้งในการปรับRow style  อาจจะไม่มีเยอะเท่านี้นะครับ  Themes The 7 เขาเขียนเพิ่ม อย่างเช่นRow style  เขาเขียนเพิ่มเข้ามา OK คราวนี้มาดูอะไรที่ขาดไป ปุ่ม Frontend เราสามารถคลิกไปที่  Frontend ได้นะครับ  มันก็จะเด้งกลับมาที่ Frontend
https://warrior.in.th/wordpress/plugin-visual-composer/

nutexosehun@gmail.com

SEO Asiasearch.webp

การทำ SEO คือกระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาเว็บไซต์ของคุณเพื่อปรับปรุงการมองเห็นของคุณในผลการค้นหาทั่วไปสำหรับเครื่องมือค้นหาเช่น Google หลายคนอาจจะงงว่า การทำ SEO นั้นสำคัญอย่างไร ทำไมถึงกลายเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ Digital Marketing ได้ เราจะเห็นตรวจอย่างสำคัญของการถูกค้นหาให้เจอได้ง่าย ๆ อย่าง Google Ads จึงจะโผล่มาในหน้าแรกและอันดับแรง ๆ เสมอ การทำ SEO ก็เช่นกันแต่การทำ SEO นั้นไม่ต้องเสียเงินค่าโฆษณา ซึ่งจะขึ้นมาอยู่ในอันดับต้น ๆ โดยธรรมชาติ ซึ่งนั้นทำการเว็บไซต์ที่ขึ้นมาอยู่ในอันดับต้น ๆ มีความน่าเชื่อถือกว่า

สำหรับการทำ SEO มีการใช้การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อช่วยคุณปรับแต่งเนื้อหาของคุณให้ตรงกับสิ่งที่ผู้ใช้กำลังค้นหา นอกเหนือจากการปรับปรุงเว็บไซต์ปัจจุบันของคุณแล้ว กลยุทธ์ SEO ยังเกี่ยวข้องกับการสร้างเนื้อหาใหม่ภายนอกไซต์ภายในของคุณ เช่น บล็อกโพสต์หรือโซเชียลมีเดีย เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณการเข้าชมจากที่อื่นมายังเว็บไซต์ของคุณ ด้วยการทำ SEO ธุรกิจของคุณมีโอกาสมากขึ้นที่จะถูกมองเห็นโดยผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าที่กำลังค้นหาบริการเฉพาะของคุณ พูดง่ายๆ ก็คือ เว็บไซต์ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดี มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง คำหลักยอดนิยม ประสบการณ์การใช้งานที่ยอดเยี่ยม และชื่อเสียงที่ดี คือสิ่งที่ Google มองหานั่นเอง

ข้อดีของการทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ธุรกิจมีอะไรบ้าง ?

ปรับปรุงการมองเห็น SEO สามารถช่วยให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏสูงขึ้นในผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหาเช่น Google ทำให้ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้ามองเห็นได้มากขึ้น
เพิ่มปริมาณการเข้าชมเป้าหมายโดยเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาของคุณด้วยคำหลักที่เกี่ยวข้องและปรับปรุงอันดับเว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถเข้าถึงผู้ชมที่ต้องการทราบเกี่ยวกับธุรกิจของคุณจริงๆ โดยไม่ต้องพึ่งพาการโฆษณาแบบเสียค่าใช้จ่ายเพียงอย่างเดียว
สร้างความน่าเชื่อถือและความน่าเชื่อถือ การปรากฏบนหน้าแรกของผลการค้นหาจะแสดงให้ผู้ค้นหาเห็นว่าไซต์ของคุณน่าเชื่อถือ เนื่องจาก Google จัดอันดับให้อยู่ในรายชื่อไซต์ที่น่าเชื่อถือสูง
กลยุทธ์การตลาดที่คุ้มค่า เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการตลาดออนไลน์อื่นๆ SEO ค่อนข้างคุ้มทุนและสามารถให้ผลประโยชน์ระยะยาวได้ โดยนำการเข้าชมที่มั่นคงมาสู่เว็บไซต์ของคุณ ไม่ใช้เงินมากำหนดโปรเอง
สร้างโอกาสในการขายที่มีคุณภาพ ด้วยการกำหนดเป้าหมายคำหลักที่ตรงกับความต้องการของผู้ค้นหา SEO สามารถดึงดูดผู้เยี่ยมชมที่สนใจอย่างแท้จริง

ทั้งหมดนี้คือข้อดีของการทำงาน SEO ที่หลาย ๆ ธุรกิจไม่ใส่ใจ และปัจจุบัน การค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ใน Google ใน 1 วินาที มีการใช้งานมากเป็นล้าน ๆ คน การที่คุณถูกค้นเจอเป็นอันดับต้น ๆ ก็มีโอกาสในการขายมากกว่า และยังสามารถสร้างการรับรู้ให้ผู้ค้นหาได้รู้จักที่ดีขึ้นนั้นเอง

ทำไมเราควรใช้บริการ SEO Agency ในการปรับปรุงเว็บไซต์

ในการทำ SEO ก็เหมือนกับการออกกำลังกาย ยิ่งคุณมีเวลาในการปรับปรุงอัปเดตบนเว็บไซต์มากเท่าไร ผลลัพธ์ก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น การจะเข้าไปอยู่บนหน้าการค้นหาในอันกับต้น ๆ ต้องมาพร้อมการอัปเดตเนื้อหาอย่างต่อเนื่องจะทำให้เว็บไซต์ของคุณดูดีทั้งต่อลูกค้าและ Google รวมถึงเทคนิคอื่น ๆ เช่นการทำ Backlink การวางโค้ดต่าง ๆ บนเว็บไซต์ เชื่อว่าหลาย ๆ ธุรกิจนั้นไม่มีบุคลากรที่สามารถทำ SEO ได้อย่างครบกลยุทธ์อย่างแน่นอน และกลยุทธ์ในการทำ SEO ก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด

ธุรกิจของคุณอาจจะไม่มีความพร้อมในส่วนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เขียนหน้า ป้อนข้อมูลและเผยแพร่เนื้อหา ใช้กลยุทธ์ SEO โพสต์บนโซเชียลมีเดีย และทุกสิ่งทุกอย่างที่ใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของคุณ การเลือกใช้ SEO Agency นั้นจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของหลาย ๆ บริษัท เพราะเอเจนซี่จะมีผู้เชี่ยวชาญออกแบบกลยุทธ์ที่วางแผนเนื้อหาเกี่ยวกับกลยุทธ์ SEO คุณภาพสูง สร้างเว็บไซต์ที่เป็นมิตรกับ Google ซึ่งมีโอกาสในการจัดอันดับที่ดีกว่า มีการวางแผนปรับปรุง SEO คอยอัปเดตเนื้อหาของคุณให้สดใหม่อยู่เสมอเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพคุณภาพที่เห็นผลลัพธ์


ดูบริการรับทำ SEO เพิ่มเติม : https://asiasearch.co.th/seo/