ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ไม่มีศาสนา

เริ่มโดย เณรเทือง, 17:01 น. 28 มี.ค 55

กรรมบังตา

อ้างจาก: คุณหลวง เมื่อ 17:29 น.  04 พ.ย 55
    เราภูมิใจในศาสนาว่าเป็นวิทยาศาสตร์ แต่เรากลับอวดไสยศาสตร์และอิทธิปาฏิหาริย์เพื่อดึงศรัทธาประชาชน
    เราภูมิใจว่าศาสนาเป็นศาสนาแห่งปัญญาและเหตุผล แต่เราต้องการให้คนเชื่อโดยไม่มีเงื่อนไขและไร้คำถาม
    เราภูมิใจว่าศาสนาเป็นศาสนาแห่งสันติภาพ แต่เรากลับทำลาย หยาบหยาม ดูถูก ประชดประชัน ทำลายคนที่เห็นต่างแม้เพียงเรื่องเล็กๆ
    เราภูมิใจกับพระพุทธพจน์ จนไม่ใส่ใจพระพุทธจริยา

    หลายปีก่อน ผมได้อ่านหนังสือแผนการทำลายพระพุทธศาสนา ที่เขียนโดยพระระดับราชาคณะรูปหนึ่ง อธิบายเรื่องแผนการทำลายพระพุทธศาสนาในประเทศไทย โดยองค์กรของศาสนาอื่น ผมเกลียดศาสนานั้นอยู่พักหนึ่ง จนเมื่อได้อ่านพระพุทธพจน์ที่ว่า "พระสัทธรรมจะเสื่อมสูญได้ เพราะบุคคลสี่จำพวก คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา"
    ผมไตร่ตรองอยู่นานว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น จนกระทั่ง เมื่อเห็นประสบการณ์ที่ได้บวชมาระยะหนึ่ง เห็นเหตุผลว่าทำไม พระสัทธรรมจะเสื่อมได้ เพราะพวกเราเองเท่านั้น

    คนรุ่นใหม่ เขาไม่โง่ และไม่ได้หยิ่งจนดูถูกศาสนา เพียงแต่การเรียนรู้ที่เปิดกว้าง ทำให้เขากล้าที่จะตั้งคำถาม และต้องการคำตอบ เมื่อคนในศาสนาที่เอาแต่ปัด โดยอ้างความเป็นของสูง ของศักดิ์สิทธิ์ รวมไปถึงการประพฤติที่ไร้ยางอายภายใต้ความน่าเลื่อมใส การสอนไปตามความรู้ ความเชื่อของตนปนเปกับคำสอนทางศาสนาโดยอ้างพระพุทธเจ้าร่ำไป ฯลฯ

    คนรุ่นใหม่ เขาต้องการความรู้ที่เป็นเหตุผล และเปิดกว้างมากพอที่จะรับฟังและอธิบาย หากเพียงความใจแคบของคนที่อ้างความเป็นตัวแทนพระศาสนา เป็นผู้รู้ทางศาสนา กลับไม่สามารถทนรับฟัง อันมิต้องพูดถึงการอธิบาย พูดทีก็ต้องการเพียงให้เขาเชื่อโดยอย่ามีคำถาม อ้างพระพุทธพจน์เป็นตันๆแต่พระจริยาอันเป็นสื่อศาสนาที่แท้จริงนั้นกลับไม่เห็นสำแดงออกมาได้

    คนรุ่นใหม่ เขาต้องการความจริงใจ ของผู้ที่เขาตั้งคำถาม เขาหวังความรู้จากความเมตตา หาใช่ยัดความรู้จากคัมภีร์และอัตตายัดๆลงไป ไม่แปลกหากเราสังเกตุทิดสึกใหม่หลายคนจะห่างศาสนามากกว่าก่อนเข้าไปบวช

      ท่านwareerant กล้าหาญพอที่จะยอมรับตรงๆ หลายท่านอาจไม่พอใจ แต่หากเราสืบกลับไปในกระทู้ต่างๆที่ท่านwareerantโพสต์มา ก็จะเห็นความเคารพในศาสนา เพียงแต่สิ่งที่ทำลายจิตใจของท่านเกิดจากความใจแคบของบุคคลที่ดำรงตนเป็นผู้สืบทอดพระศาสนามากกว่า ยิ่งเป็นคนศึกษา และสงสัยมาก มีคำถามมาก กลับไร้คำตอบยิ่งทำให้ท่านลำบากใจ จนในที่สุดกล้าประกาศว่าไร้ศาสนาเสียดีกว่า

    ตัวอย่างหนึ่งที่พอจะยกตัวอย่างได้ คือ ครั้งหนึ่งมีผู้ถามว่า การที่พระพุทธเจ้าหนีบวชนั้นเป็นการหนีโลกใช่หรือไม่ และการที่เมืองไทยไม่พัฒนาเป็นเพราะเรานับถือศาสนาพุทธ? เพียงสองสามวันกระทู้นั้นก็โดนลบไป ผมไม่โทษคนที่ลบ เพราะว่ามีบุคคลอีกจำนวนมาก แม้พระผู้ใหญ่บางท่านที่ไม่ยอมตอบ กลับหาว่าคนถามบาปหนา ดูถูกพระพุทธเจ้าไปเสียอย่างนั้น

        ศาสนาเป็นเรื่องของศิลปะการใช้ชีวิต หาใช่สถาบันที่เราต้องปกป้อง หากเรากลับไปดูพระพุทธจริยา จะเห็นว่าพระองค์หาได้ทำเช่นนั้นไม่ ท่านไม่ได้ยกตนข่มท่าน ไม่ปกป้องตนเอง กลับให้ธรรมไปอย่างใจเย็นที่สุด การบันลือธรรมของพระองค์จึงเป็นผลสำเร็จ

    แล้วทุกวันนี้ เรามีศาสนาอย่างที่ศาสนาเป็น หรือมีศาสนาแบบที่เราอยากให้เป็น?

สะบายดี... ส.กลิ้ง ส.กลิ้ง ส.กลิ้ง

ไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดเลย ถึงบอกว่า มันอยู่ที่บุญและกรรมบารมีจริงๆ ก็แล้วแต่คุณๆท่านๆจะเข้าใจ กอบโกย ธรรม ถึงบอกว่าให้ไปศึกษาใน คัมภีร์ โดยตรงทีเดียวหมดเรื่อง เป๋หลงทางแล้วก็อย่าพาคนอื่นหลงไปด้วยเลย เจ้าคณะหรืออะไรมียศมีตำแหน่งนั้นมันไม่ได้สลัดจากคราบฆราวาสเลยอย่าเอามาอ้างอิงแค่เป็นไกค์ได้ แต่ให้มาเทียบอ้างอิงจากคัมภีร์โดยตรงดีกว่า สาธุ สาธุ สาธุ สว่างซักทีนะ ของท่านที่โพสท์ๆมา ใบไม้ทั้งป่าเป็นส่วนใหญ่เลยอ้อมไปอ้อมมาวกวน คุณหลวง กระพี้ยังไม่เข้าถึงแก่น ยังสัมผัสไม่ได้ด้วยจิต หรือตาใน ยังไม่ได้ญาณ เราไม่โต้กับท่านแล้วหล่ะ ท่านหลงตัวเอง อวิชชาครอบงำอยู่ อ่านพระไตรปิฎกให้มากนั่งกรรมฐานเดินจงกรมภาวนาจับจิต อีกหน่อยก็คงเข้าใจอะไรมากขึ้น ความอาวุโสคนนับถือกับพรรษาการบวชไม่ใช่ตัวชี้ว่าใครรู้ธรรมตรงแท้จริง มันอยู่ที่บุญบารมีที่สั่งสมกันมาในอดีต และมันรู้เฉพาะตน จริตท่านคนละทางกับเรา อยู่คนละสำนักก็แล้วกัน กระทู้นี้ของท่านที่โพสท์บ่งบอกถึงตัวท่านดีที่สุด คุณหลวง มันเจือ อารมณ์อะไรอยู่บ้าง เดี๋ยวกองเชียร์ก็ตามมาเป็นพรวน และก็ด่าไม่เกรงใจในเนื้อที่ลานบุญ เสียดสีอ้อมบ้างก็ได้นะ กองเชียร์ท่านน่าจะรู้ กาละเทสะ อย่าดุดันออกหยาบในพื้นที่ธรรม

nanajittungmo

ศึกษาให้จริงจัง ยังไงแผนที่ ที่ท่านกางเดินไปหาจุดหมายก็มาทางเดียวกับเรา ที่เราพยายามจะสื่อให้หลายคนเข้าใจ ทางเราคือ ทางสายหลวงปู่มั้น หลวงตาบัว อีกคนที่หลายคน อคติ คือ พระเกษม วัดสามแยก และชอบมากๆ คือ ท่าน พุทธทาส นี่ สุดยอดการหลอมรวม ทางโลกวิทยาศาสตร์เข้ากับทางธรรม มิกส์ผสมได้หอมกลุ่นจับใจมาก ในทางโลกโลกียะนะ แต่ถ้าทางธรรมโลกุตระก็ ปกติธรรมดาวิสัยผู้รู้ พระหลายองค์พยายามเทศน์สอนในแบบฉบับตัวเอง จนลืมนึกว่า หน้าที่คือ แค่ เอา วจณ พระพุทธองค์มาบอก ก็เพียงพอแล้ว บุญบารมีไม่สุกงอมจริงๆ เร่งยังไงก็ไม่ขึ้น หลวงตาบัวชัดเจน ที่สุดแล้วในยุคนี้ แต่จะตรง จริตแต่ละตนหรือเปล่า หากอคติกับคำสอนที่ดุดันออกหยาบๆขวานผ่าซาก ซักหน่อย จนตัดไม่สนใจธรรมที่ท่านสอน แก่นแท้ ช่างน่าเสียดาย ทุกคนมีส่วนดี จงเลือกเอาส่วนดีของเค้า แม้เขาจะเป็นโจรขี้คุกก็ตามเมื่อเขาพูดเรื่องธรรมก็ต้องเลือกเอาธรรม ธรรมมีทุกที่ให้เรียนรู้ วางจิตให้ถูก แม้แต่คนบ้าที่นอนข้างถนนก็ เห็นธรรม หาแก่นธรรมได้ คุณหลวงนี่ก็แค่หยอกเย้ายั่วให้ลดอัตตาลง คุณหลวงถ้าสุดยอดจริง ต้องนิ่งกว่านี้เยอะ ยังขาดภาคปฏิบัติที่ลึกซึ้งยิ่งยวดสล่ะชีพให้แก่ธรรม ลองเข้าไปนั่งกรรมฐานในป่าใต้พุ่มไม้ ซักสองคืนสองวันก็พอ ห้ามกินอะไรให้น้ำซักสองลิตร ต้นไม้หลังบ้านก็ได้กำหนดลมหายใจเข้าออก จนให้ถึงขั้นเหมือนไม่หายใจเลย แต่ไม่ตาย แล้วจะรู้ภาคปฏิบัติที่สล่ะชีพเพื่อธรรม ห้ามจุดยากันยุง หรือทา กย15 นะ หากจิตไม่เชื่อและรองรับและไม่มั่นใจอย่าทำ ต้องให้มาจากการสล่ะชีพเพื่อเข้าถึงธรรมอย่างจริงๆ ผีมีจริงนะ ยังเข้าสิงสาวกของพระพุทธองค์ด้วยขอบอก ในคัมภีร์ยังมีบอกไว้ ให้รู้ไว้เลยว่าผีมีจริง เตรียมใจไว้ก่อนเลย  ส-เหอเหอ

wareerant

อ้างถึงห้ามจุดยากันยุง หรือทา กย15 นะ

ใช้ไบก้อนหรือไม้ช๊อตยุงได้มั๊ย

wareerant

ถามตัวเองเถอะ ว่าเราอยู่ในโลกมนุษย์หรืออยู่บนสวรรค์ ถ้าตอบได้ว่าอยู่ในโลกมนุษย์ ก็ต้องมี กิน ขี้ ปี้ (หรือช่วยตัวเอง) นอน

หนี้ไม่พ้นหรอก รัก โลภ โกรธ หลง ก็เช่นกัน มันต้องมี มีต้องให้มันมีน้อย ๆ หรือรู้เท่าทัน

พระอรหันต์เป็นอย่างไร เดินช้า ๆ  ตามองตรง พูดน้อย ๆ เจ้าอาวาสใช้ให้ไปถากหญ้าก็ไม่ไป บาป วัน ๆ เอาแต่เดินจงกลม ดึก ๆ ก็ไปนั่งในป่า

ยังมีคนอีกนับหลายพันล้านคน ที่ต้องการความช่วยเหลือจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน คนที่ลำบาก ไร้ที่พึ่ง

ผมไม่เชื่อหรอกว่า ภาวะอรหันต์หรือขั้นต่ำกว่านั้น จะเป็นสิ่งที่ธรรมชาติอยากให้เราเป็น คนคิดกันไปเองมากกว่า

คนที่ทำงานโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนเป็นเงินทองผลประโยชน์ หวังแต่ให้คนอื่นพ้นทุกข์ นั่นแล พระอรหันต์ที่แท้จริง โดยไม่ต้องนั่งสมาธิให้เมื่อย

namotudsa

 มาถูกทางเดินหน้าหาธรรมต่อ ถ้าไม่ทะเลาะเถียงกันบ้าง ก็ไม่ทำให้คนสนใจเข้ามาอ่าน คนที่เข้ามาอ่านทุกคนนะ มีบุญมีกรรมร่วมกันเด้อ ในความที่เหมือนรู้สึกว่าไม่มีอะไร แต่มันมีอะไรมากมาย เพียงแค่จิตมันไม่เข้าไปรับรู้ เมื่อถึงระดับนึง จะรู้ว่าทุกอย่าง มันไม่ใช่แค่ความบังเอิญ ที่เรามาโต้กัน มันมาจากบุญกรรมที่ทำมาร่วมกัน ใน อดีต แสนชาติล้านๆชาติที่ผ่านมา แน่นอน รู้ไว้ว่า พระพุทธเจ้ามีมามากนับไม่ถ้วนเป็น ล้านๆ มันเกิดดับๆอยู่อย่างนี้ เป็นธรรมดาธรรมชาติ ร้อยปีมนุษย์ ประมาณนะก็แค่ วันคืนนึงเทวดาชั้นไหนลองไปเทียบค้นหาเอา โลกก็คือโรงละครเรือนจำขังจิต แต่ยังไงก็น่าภูมิใจตรงที่ว่าพระพุทธเจ้าต้องอาศัยภพภูมินี้เท่านั้น อย่าทำให้ชาตินี้เสียเปล่า หากหลงผิดความเกิดเป็นมนุษย์นั้นยาก แต่ยังไงก็เกิดได้อยู่ดีไม่ว่านานแค่ไหนเพราะมันวนๆเวียนๆอยู่อย่างนั้นตามอำนาจกรรม  ส-เหอเหอ

จุ้นจัง

อ่านมาตั้งนานเป็นชั่วโมง เขาคุยเรื่องอะไรกันครับ สรุปให้หน่อยครับ ศาสนาพุทธ นรก สวรรค์ ผี ทำบุญ สัจธรรม ตายแล้วไปไหนครับ อยากรู้ เอาเรื่องจริงไม่เอานิทาน

Bush

อ้างจาก: จุ้นจัง เมื่อ 22:42 น.  05 พ.ย 55
อ่านมาตั้งนานเป็นชั่วโมง เขาคุยเรื่องอะไรกันครับ สรุปให้หน่อยครับ ศาสนาพุทธ นรก สวรรค์ ผี ทำบุญ สัจธรรม ตายแล้วไปไหนครับ อยากรู้ เอาเรื่องจริงไม่เอานิทาน

                                ชอบใจคำถามท่านจัง    ส.หัว   ส.ยกน้ิวให้ ส.ยกน้ิวให้

wuttasongsal

ตายแล้ว ต้องเกิดใหม่แน่นอน ตามอำนาจกรรม กรรมลบกรรมบวก ลบก็อบายภูมิ สัตว์เดรัจฉานลงไป ถึงนรกชั้นล่างสุด กรรมบวกก็ ภพภูมิมนุษย์ขึ้นไป จน อรูปพรหม เข้าอรหันต์ ไม่มาอยู่ในวงจรวัฏสงสารอีกแล้ว ศาสนาพุทธก็คือ การฝึกจิตยกระดับจนแยกความสัมพันธ์ทางจิตกับกายว่ามันแยกกัน ว่ามันอยู่ในร่างกายเดียวกัน อาศัยกัน ทำงานกันคนละหน้าที่ เมื่อสะสมบุญบารมีมาถึงจุดนึง จะเข้าสู่ระบบพุทธศาสนาเอง และทำให้รับรู้ธรรม จนมองทะลุ ในโลกธาตุภพภูมิต่างๆได้ จนหายสงสัยเห็นวงจรวัฏสงสาร อันนี้ต้องบุญบารมีต้องถึงจริงๆ  ทำบุญก็คือการให้ ให้ได้กรรมในทางบวกทำให้อยู่ในภพภูมิดีๆ โอกาสบรรลุธรรมเห็นแสงสว่าง มากขึ้นตกอยู่ใน ภพภูมิ มนุษย์ขึ้นไป ทอดสะพานข้ามผ่านวัฏสงสารไปสู่ อรหันต์นิพพาน ตายแล้วไปไหนก็อยู่ที่จิตสุดท้าย ที่ระลึก และ เกิดใหม่แน่นอน คำถามทุกข้อมีคำตอบอยู่ในพระคัมภีร์ พระไตรปิฎก 

กระจกเงา


คุณหลวง

อ้างจาก: กรรมบังตา เมื่อ 21:12 น.  04 พ.ย 55
ไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดเลย ถึงบอกว่า มันอยู่ที่บุญและกรรมบารมีจริงๆ ก็แล้วแต่คุณๆท่านๆจะเข้าใจ กอบโกย ธรรม ถึงบอกว่าให้ไปศึกษาใน คัมภีร์ โดยตรงทีเดียวหมดเรื่อง เป๋หลงทางแล้วก็อย่าพาคนอื่นหลงไปด้วยเลย เจ้าคณะหรืออะไรมียศมีตำแหน่งนั้นมันไม่ได้สลัดจากคราบฆราวาสเลยอย่าเอามาอ้างอิงแค่เป็นไกค์ได้ แต่ให้มาเทียบอ้างอิงจากคัมภีร์โดยตรงดีกว่า สาธุ สาธุ สาธุ สว่างซักทีนะ ของท่านที่โพสท์ๆมา ใบไม้ทั้งป่าเป็นส่วนใหญ่เลยอ้อมไปอ้อมมาวกวน คุณหลวง กระพี้ยังไม่เข้าถึงแก่น ยังสัมผัสไม่ได้ด้วยจิต หรือตาใน ยังไม่ได้ญาณ เราไม่โต้กับท่านแล้วหล่ะ ท่านหลงตัวเอง อวิชชาครอบงำอยู่ อ่านพระไตรปิฎกให้มากนั่งกรรมฐานเดินจงกรมภาวนาจับจิต อีกหน่อยก็คงเข้าใจอะไรมากขึ้น ความอาวุโสคนนับถือกับพรรษาการบวชไม่ใช่ตัวชี้ว่าใครรู้ธรรมตรงแท้จริง มันอยู่ที่บุญบารมีที่สั่งสมกันมาในอดีต และมันรู้เฉพาะตน จริตท่านคนละทางกับเรา อยู่คนละสำนักก็แล้วกัน กระทู้นี้ของท่านที่โพสท์บ่งบอกถึงตัวท่านดีที่สุด คุณหลวง มันเจือ อารมณ์อะไรอยู่บ้าง เดี๋ยวกองเชียร์ก็ตามมาเป็นพรวน และก็ด่าไม่เกรงใจในเนื้อที่ลานบุญ เสียดสีอ้อมบ้างก็ได้นะ กองเชียร์ท่านน่าจะรู้ กาละเทสะ อย่าดุดันออกหยาบในพื้นที่ธรรม

    ผมคงไม่ยอมรับว่ามันเป็นความผิดของผมนะครับท่าน เพราะว่าผมไม่ได้ตอบโต้หรือพูดคุยกับท่าน ผมเพียงนำเสนอปัญหาหรือนำเสนอในส่วนที่ผมเห็นว่ามันเป็นปัญหาอยู่ในคน ในศาสนาเท่านั้น ดังนั้น นับตั้งแต่ผมบอกว่าผมขอหยุดคุยกับท่านก่อน ผมก็ไม่คิดว่าจะต้องสนใจอะไรท่านอีก

    ผมอาจจะแย้งท่านพี่เณรว่าไม่ควรปิดกระทู้เพราะเราควรจะได้เห็นหรือนำเสนออะไรกันต่อไป และต่อมาก็นำเสนอบทความที่ผมสังเกตเห็นในสังคมนี้ ศาสนานี้โดยปรารภท่านwareerant ขึ้นมาเป็นตัวอย่าง เพราะเห็นท่าน wareerant มีประสบการณ์ที่ไม่ดีนักจากบุคคลในศาสนา ให้เห็นปัญหาของการเผยแผ่ศาสนา

    มันกลับเป็นปัญหาใหญ่โตของท่านไปเสีย เหมือนกับเมื่อตอนที่ผมนำเสนอบทความเรื่องไม่มีศาสนา แล้วท่านก็ท้าวาทีให้เห็นแพ้แลชนะ ผมงงนะ ว่าการนำเสนอข้อสังเกตทางสังคมนั้นมันกลายเป็นการเสียดสี ประชดประชันตามท่านว่าได้อย่างไร หากท่านไม่เห็นด้วยก็แค่นำเสนอแง่มุมของท่านมาแลกเปลี่ยนกันแต่ที่ตอบที่แย้งท่านไปนั้นด้วยเหตุผลเดียวคือ การที่ท่านประกาศอริยะแห่งตนอย่างองอาจ ผมจึงต้องขอดูสักหน่อย เพราะผมไม่ได้เพิ่งเจอท่านเป็นคนแรก แต่เจอมาแล้วหลายคนในระยะเวลาแห่งการบวชสั้นๆระยะหนึ่งของผม

    ซึ่งพวกประกาศตนว่าอริยะนั้น มีทั้งพวกที่ปฏิบัติแล้วหลง พวกที่เรียนมาก หลงตำราจนเข้าใจว่าความรู้จากตำราที่ตนท่องคล่องปรื้ดนั้นเป็นความรู้แท้ของตน บางพวกก็มิจฉาชีพ ฯลฯ

     ในครั้งนี้ คงไม่เป็นการตอบกับท่านหรอกนะครับ เพียงแต่บังอาจเตือนสักเล็กน้อย ผมอยากให้ท่านลองกลับไปอ่านทวนการสนทนาที่ผ่านมาดู ท่านสังเกตหรือยอมรับได้ไหมในส่วนที่ท่านพูดคำหลังคล้ายไม่ตรงกับคำหน้า สิ่งที่ท่านตำหนิผมแล้วท่านก็หลุดเปิดมาเองในทีหลังว่าท่านเป็นอย่างนั้น สิ่งที่ท่านยืนยันชัดว่ามี แต่สุดท้ายท่านไม่ได้เห็นด้วยตัวท่านกลับมาจากตำรา อะไรที่ญาณเห็นผิดแล้วมากลบเกลื่อนภายหลัง รวมไปถึงความอ่อนแอของตัวเอง

    การปฏิบัติธรรมนั้น ไม่ว่าเราจะจับอะไรมาเป็นหลักเป็นหัวใจ แต่มีอย่างหนึ่งที่เราไม่อาจมองข้ามก็คือการสามารถพึ่งตนเองได้อย่างแท้จริง มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง(อย่าให้ผมต้องเปิดสดๆนะครับ หาไม่เจอ แห่ะๆๆ) และการมีตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนั้นไม่ได้หมายความแค่การกินข้าวเองได้ ทำอะไรๆเองได้ เลี้ยงชีวิตตัวเองได้เท่านั้น

    แต่มันหมายความถึงความเข้มแข็งในจิตวิญญาณที่หยั่งรู้ตน ไม่หวั่นไหวไปตามสรรเสริญและนินทา แม้ว่าการสรรเสริญ นินทานั้นจะส่งตรงมาที่ตัวเรา (อย่าว่าแต่การหวั่นไหวไปตามคำสรรเสริญ นินทาที่มีต่อผู้อื่น แม้คนที่เราเห็นว่าเป็นคู่แข่งก็ตาม) การยอมรับตนตามเป็นจริงจนพอใจกับขณะแห่งชีวิตแม้ว่ามันจะยังไม่ดีพอก็ตาม

    ธรรมะที่สามารถช่วยเราได้นั้น ไม่ได้อยู่ที่ครูบาอาจารย์หรือตำราใดๆ สิ่งเหล่านั้นอาจให้ความรู้แต่ไม่ใช่ความรู้ที่เราสามารถใช้ เวลาเกิดปัญหา เราไม่สามารถบอกปัญหาว่า รอนะ ฉันเปิดตำราก่อน ฉันถามครูก่อน อย่าอ่อนแอจนต้องยืนพิงตำรา ครูอาจารย์ร่ำไป เพราะสุดท้ายของการหลุดพ้นนั้นต้องละทิ้งทั้งตำรา ครูอาจารย์ พระธรรม พระพุทธเจ้า หรือแม้กระทั่งตัวเอง ไม่ใช่เอะอะก็อ้างตำรา อ้างคัมภีร์เหมือนกับคนไม่มีความรู้ในตนเอง ไม่มีประสบการณ์ในตนเอง ไร้สาระในตนเองอย่างนั้น

    ไม่ต้องเห็นอารมณ์คนอื่นให้มากจนลืมสนใจอารมณ์ตน ไม่ต้องหวังดีกับคนอื่นจนลืมความหวังดีที่ควรมีแก่ตน

    พระอริยะไม่ได้อยู่ที่ปาก หลวงตามหาบัวไม่ได้สอนให้ประกาศ(ตนว่าเป็น)อริยะ แต่สอนให้ยกจิตให้อริยะ ไกลกิเลส สิ่งที่ท่านทำได้ ไม่ได้แปลว่าลูกศิษย์ทำได้หรือควรทำ การพูดเหมือนสำเนียงสำนวนของท่านก็ไม่ได้แปลว่ามีจิตใจเหมือนท่าน คนทุกคนมีรูปแบบของตนหากยังเลียนแบบอยู่ตราบใดก็ไม่ใช่ของแท้ตราบนั้น

    สังขารมันไม่เที่ยง สรรเสริญ นินทาก็มาจากสังขาร แม้ ศีล สมาธิก็เป็นเรื่องของสังขาร หลุดพ้นแล้วมันไม่มีทั้งเรื่องของศีล สมาธิ ไม่มีเรื่องใดๆทั้งสิ้น อย่าไปสนใจอะไรกับมันมากนัก วันนี้เกิด พรุ่งนี้ไม่เกิดก็ได้ วันนี้สรรเสริญ พรุ่งนี้อาจนินทา มันแล้วแต่สังขารอันมาจากเหตุปัจจัยเกื้อหนุนเพียงใด

    การเกิด ไม่เกิด มันเป็นเรื่องของเหตุและปัจจัยเกื้อหนุนกัน จะกำหนดแน่นอนว่าเกิดแน่มันไม่ได้ หากเหตุให้เกิดไม่มีมันก็ไม่เกิด มีเหตุไม่มีปัจจัยก็เกิดไม่ได้ มีปัจจัยไม่มีเหตุก็ไร้ผล ต้องเข้าใจความสืบเนื่องของกันและกัน จิตเป็นเหตุ สิ่งแวดล้อมทั้งสิ้นเป็นปัจจัย  ดับทุกข์ต้องดับที่เหตุ อย่าเพ่งเล็งปัจจัย อย่าแก้ที่ปัจจัย เพราะปัจจัยเป็นสิ่งภายนอกเรากำหนดไม่ได้ ขืนไปเพ่งมันก็ยิ่งก่อทุกข์ เพราะเท่ากับสร้างเหตุหนุนเหตุแห่งทุกข์มากขึ้น

    ผมไม่ทราบว่าท่านเป็นอะไรแค่ไหน แต่สิ่งที่ท่านว่ามานั้นเป็นเรื่องที่ผมเจอมาแล้วกับตน จึงอยากบอกว่า การปฏิบัติธรรมอย่ารีบรองรับผลที่เกิด เพราะมันไม่แน่ ต้องรอดูกันต่อไปนานๆ เมื่อถึงจุดที่ท่านหลวงปู่มั่นเรียกว่า "สักขี ภูตัง" ตนเป็นสักขีแก่ตนได้เมื่อใด เมื่อนั้นจึงวางใจได้ แต่นั่นก็ไม่ได้เกิดจากการที่เอาตนไปรองรับ มันเป็นเรื่องของธรรมชาติล้วนๆ

    ผมจึงขอถึงความปรารถนาดีมาอย่างจริงใจ และน้อมรับผลหากสิ่งที่ผมทำมันผิดพลั้งต่อท่าน หากท่านเป็นของแน่อย่างท่านว่าจริงๆ       

    สะบายดี.....

สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

wareerant

อ้างถึงผมไม่ทราบว่าท่านเป็นอะไรแค่ไหน

ผมว่าเป็นคนไข้จิตเวช

ธวัฒ

อ้างจาก: wareerant เมื่อ 21:37 น.  10 พ.ย 55
ผมว่าเป็นคนไข้จิตเวช
ตามอ่านมานาน คุณคนนี้ไม่ได้รู้อะไรลึกซึ้งเลย มีแต่กวนนอกเรื่อง ส่วนตัวเป็นคนที่หาโอกาสปฏิบัติธรรมอยู่และ

ศึกษาอ่านมาพอสมควร อยากฟังผู้รู้มาตอบปัญหาธรรม โดยที่ไม่มีผู้ที่รู้ไม่จริงหรือศึกษาธรรมน้อยมาเที่ยวกวน คุณไม่น่าจะมายุ่งมากนักนะ ดู

แล้วคุณยุแหย่เสียดสีอยู่บ่อยๆ มันบาป รบกวนเวลาสอนธรรม อ่านดูมาทั้งหมด ส่วนตัวบอกเลย ว่า คุณน่ะ ยัง

แค่ฉาบฉวย และหลงผิดอยู่อีกเยอะ ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองศาสนาอะไร 

wareerant

ผมไม่ได้กวน ใครเป็นงัยก็ว่าไปตามนั้น ใครดีก็ว่าดี ใครเพี้ยนก็ว่าเพี้ยน ตรง ๆ แบบนี้แหละ

อ้างถึงยังไม่รู้เลยว่าตัวเองศาสนาอะไร 

ผมบอกว่าผมไม่มี จับประเด็นให้ได้สิ

ธวัฒ

ทำไมเหรอ กลัวประจานตัวเองหรือเปล่าถึงได้อยากให้ตกไป ยุแหย่อยู่คนเดียวเลย เห็นอยู่ แอบอ่านเงียบๆอยู่นานแล้ว แต่เห็นร้อนตัว เลยมาบอกซักหน่อย มันจะตกได้ไงก็ตัวเองเที่ยวเข้ามายุแหย่เสียดสีอยู่อย่างนี้ แปลกจริงคนเรา อวดรู้ถ้ารู้ให้จริงหน่อยจะไม่ว่าเลย เที่ยวมาบอกคนอื่นถูกๆผิดๆ มันบาป ให้รู้ก่อนเถอะว่าตัวเองศาสนาอะไร สงสัยคงคิดว่าตนเองเป็นศาสดาซะเองรึเปล่า ถึง ดุนดีเหลือเกิน ไม่รู้กาละเทศะ นี่เราก็บอกความจริงเหมือนกัน ขอโทษนะที่ต้องบอกความจริง

จุ้นจัง


ออทิสติก/ซิลลี่

เมื่อฝึกยกระดับจิตขึ้น ท่านทุกคนจะรู้ได้ว่า มันสามารถควบคุมสั่งการคนได้ ใครก็ได้ที่ระดับชั้นจิตต่ำกว่าผู้ควบคุมระดับปุถุชน การอวตารหรือสิงให้ทำอะไร มีจริงแน่นอน มันคือ อวืชชา ที่นำไปใช้ได้ สองด้าน ด้านมืด ด้าน สว่าง เป็นระดับพื้นๆ ที่ตรากตรำและรู้ขั้นตอนซักนิดไม่ยาก แต่ก็มีต้นทุนมาจากบุญเก่าเหมือนกัน พาไปหาใบไม้ทั้งป่าให้หนุกเล่นๆ อีกครั้ง  ส.ยักคิ้ว

กำลังหาอยู่่

ทุกอย่างมันพิสูจน์กันได้หมดแหละครับ  ไม่มีใครหลอกใครได้หรอก  นอกจากจะหลอกตัวเองไปวันๆ
อันนั้นก็ตัวใครตัวมันหล่ะน่ะ ส.หัว  เดี๋ยวจะไปหาข้อมูลมาให้ได้อ้างอิงกันก่อน

กำลังหาอยู่่

 ส.อืม

ท่านรู้จักคำว่าพุทธะแน่นอนแล้วริเปล่า......
ท่านยึดถือในสิ่งถูกต้องแล้วรึเปล่า.......
และสิ่งที่ท่านยึดถืออยู่...  ที่คิดว่าถูก!    ถูกจริงแล้วรึเปล่า!
หรือสิ่งใดบ้างที่ท่านควรจะละซะเพื่อมายึดถือในสิ่งที่ถูกต้อง....

เราลองมาดูกันเผื่อท่านจะได้ข้อมูลอะไรมากขึ้น   นี้คือสิ่งที่ผมพอจะทำได้ 
http://m.youtube.com/#/watch?v=0UbujsoAcws&desktop_uri=%2Fwatch%3Fv%3D0UbujsoAcws&gl=TH

อยากบอกให้รู้

เข้าใจ ความหมายของใบไม้ทั้งป่าไหม มันนอกประเด็นธรรม อวิชชา ไง หรือ การ มิกส์ ผสมหลักธรรมเข้ากับ

ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี ทาง โลก ทำให้น่าสนใจขึ้น ไม่ เอียน และ ได้ หลัก ธรรม ไปบ้างบาง ส่วน

ถ้า ออก ตัว ว่า ใบไม้ ทั้งป่า คือ ไร้ สาระ เพ้อ เจ้อ ความบ้า อย่า เอาไปรวมกับ ธรรมใบไม้กำมือเดียว มันคนละ

วิถี และ หา ว่า หลงผิด  เพราะตั้งใจพาออกนอกประเด็นธรรม อวิชชา ใบไม้ทั้งป่า บอกไปแล้วใช่ไหม ก็อย่า

จับเอาเป็นสาระ มากนัก แค่ให้แง่คิดทางจินตนาการ เพราะตั้งใจพาออกนอกประเด็นเลย อวิชชา ไศยเวช วิทยา

ศาสตร์ทางจิต อยู่ ในหนังสือที่เค้าเขียนขายกันเยอะ แค่อยากบอกให้รู้ไว้เล่นๆ  ส.หัว

เส้นผมบังภูเขา

ลบข่าวข้อมูลเสริมไปแล้ว แล้วมันจะเข้าใจต่อเนื่องได้ไง มันเป็นข้อมูลอ้างอิง ทำให้ ยืนยันสิ่งที่กำลังสื่อสารให้

เข้าใจ ถ้าลบหมดแบบนี้ โดยไม่พยายามคิดว่า เขา พยายามสื่อสารอธิบายอะไร มันก็เวรกรรมของท่านแล้วหล่ะ

มันก็กลายเป็นเพ้อเจ้อ ลอยๆขึ้นมาสิ เวรกรรมจริงๆ ข่าวควบคุมหุ่นยนต์ด้วยคลื่นสมองความคิดหน่ะลบทำไม มันใช้

อ้างอิงเป็นข้อมูลวิทยาศาสตร์ คนที่ลบหน่ะเวลาลบเจตนาเป็นยังไงเหรอ เฮ้อ  ส.อืม

the unforgiven

ทุกสรรพสิ่ง สรรค์สร้าง บันดาลขึ้นด้วยอำนาจจิต เมื่อดับอวิชชาหมด ทุกอย่างทางกายภาพ วัตถุธาตุ ล้วนเป็นสิ่งสมมติ เพียงดำรงค์ตนให้ครบฉากครบบทตอน ทุกภพภูมิล้วนเป็นที่คุมขังกรงตารางคุมขัง จิต ก็แล้วแต่เวรแก่กรรมแล้วแต่ใครจะเข้าใจ  ส.หลกจริง ส.โกรธ

จิตควบคุมทุกภพภูมิ

เว็ปจุดกำเนิดภูมิธรรมพลิกฟ้าแผ่นดิน สนั่นโลกา วอร์มอัป รอพระยาธรรมมิกราช ขนคนข้ามฟากขึ้นภพภูมิชั้นสูง ขับเคลื่อนโดยธรรมขั้นสูง คือ เว็ปนี้ ที่นี่ ตรงนี้ จงกอบโกยธรรม ที่มีในเว็ปนี้ จงมีดวงตาเห็นธรรมทุกดวงจิต ด้วยความหวังดี ที่แท้จริง แต่ถ้าเห็นว่าบ้าก็ กรรมของท่าน สาวกธรรมจงหนักแน่นเป็นตัวของตัวเองมีสติคิดใคร่ครวญ จงเชื่อด้วยปัญญา ตื่นลืมตาเห็นความเป็นจริง มองหาธรรมที่แท้จริง ตัวเองเท่านั้นพาตัวเองไปได้ อัตตาหิอัตโณณาโถ นิพพาณังปรมังสุขัง และ ก็ สุญญัง อกาลิโก ธรรมอยู่ได้ทุกที่ไม่จำกัดเวลา กระทู้ ประโยคธรรมแค่ไม่กี่คำก็ทำให้บางท่านมีดวงตาเห็นธรรมได้ แน่แท้ บุญใด ก็สู้ให้ธรรมเป็นทานไม่ได้ การให้ธรรมเป็นทานชนะการให้ทั้งปวง อย่างที่ใครว่า ออกทะเลแล้วไง สาระมันอยู่ที่ไหน กรอบที่ตั้งเอาไว้ทางสังคมยุคปัจจุบันคือตัวสกัดกั้น ปัญญา เป็นทาสมาร  ส-เหอเหอ