ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ไม่มีศาสนา

เริ่มโดย เณรเทือง, 17:01 น. 28 มี.ค 55

เณรเทือง

ขออนุญาตลบข้อความท่านสีอาริยะ เพราะท่านได้กล่าวล่วงเกิน ตามที่ได้ระบุพระนาม นาม และชื่อ เป็นการกล่าวโดยไม่มีหลักฐาน

ป๋ากริช ลองวัดใจ

นิพพานคือเสรีภาพ ไม่ถูกกักขังอยู่ในคุกใดๆ

คุกที่รุนแรงที่สุดก็คือ คุกแห่งอัตตา อัตตาเป็นคุกที่รุนแรงที่สุด หลุดออกมาเสียได้เรียกว่ามีเสรีภาพ หัวใจของพระพุทธศาสนาก็คือสอนเรื่องไม่มีสิ่งที่เรียกว่าอัตตา แม้จะเรียกว่าอัตตามันก็มิใช่อัตตา ไม่ใช่อัตตา ไอ้ที่สิ่งที่เราหลงว่าเป็นอัตตา เป็นตัวเราของเรานั่น สิ่งนั้นไม่ใช่อัตตา จงมีไว้ในลักษณะที่มันไม่ใช่อัตตา ก็จะต้องขจัดมัน จัดการกับมันไปเรื่อยๆ อย่าให้มันเกิดเป็นอันตรายเลวร้ายอะไรขึ้นมา จนกว่าจะหมดความรู้สึกว่าอัตตา

นับตั้งแต่ว่า ตาเห็นรูปก็ตาเห็นรูป อย่ากูเห็นรูป นี่ หรือว่าลิ้นได้รับรสอร่อยหรือไม่อร่อยก็ว่าลิ้นเป็นผู้รับรส ไม่ใช่กู เปรียบเทียบกันดูเองเถอะ ลิ้นอร่อยกับกูอร่อย มันเกิดปัญหายุ่งยากต่างกันมาก ถ้าลิ้นมันไม่อร่อย ไอ้มือมันก็ว่าไปเติมน้ำปลา เติมน้ำตาล เติมอะไรพออร่อยได้ แต่ถ้าว่ากูไม่อร่อยแล้วมันก็จะเกิดเรื่องขึ้นมาทันที มันจะด่าแม่ครัวบ้าง มันจะสาดเทอาหารบ้าง นี่กูมันไม่อร่อย เพียงแต่ "ลิ้น" ไม่อร่อยกับ "กู" ไม่อร่อย มันต่างกับลิบลับเป็นฟ้าและดิน

ฉะนั้นเราอย่ามีตัวกู อะไรๆ อย่ามีตัวกู มีเพียงร่างกาย มีเพียงจิตใจ มีความรู้สึกถูกต้อง ดำเนินไปอย่างที่ควรจะดำเนินโดยไม่ต้องมีตัวกู ตาเห็นรูป ก็ตาเห็นรูป อย่ากูเห็นรูป หูได้ยินเสียง ก็หูได้ยินเสียง อย่าว่ากู กูได้ยินเสียง ถ้ากูได้ยินเสียงก็เกิดปัญหาไพเราะไม่ไพเราะขึ้นมา ก็ไปหลงใหลในความไพเราะ ต้องซื้อหา ต้องยุ่งยาก ต้องลำบาก

จมูกได้กลิ่นก็เหมือนกันเป็นเรื่องของจมูก ถ้าเป็นเรื่องของกูก็ต้องไปซื้อน้ำหอมมา

ลิ้นน่ะเป็นปัญหามากที่สุด เพราะมันเป็นเรื่องที่มีตลอดเวลามีทุกวัน ถ้าไปตกเป็นทาสของลิ้น เอาตัวกูเป็นใหญ่แล้วก็ มันก็ยุ่งยากแหละ คนนั้นจะยุ่งยาก ครอบครัวนั้นจะยุ่งยาก

สัมผัสผิวหนังก็เหมือนกันนั่นแหละ โดยเฉพาะทางกามารมณ์ ทางเพศตรงกันข้าม ถ้าเอาเป็นตัวกูละก็ มันก็เรื่องมันใหญ่โต ใหญ่โต จนฆ่ากันตายไม่หมด ไม่รู้จักหมดจักสิ้น ถ้าเพียงแต่ผิวหนังได้รับสัมผัส จัดการไปตามที่ถูกที่ควร มันก็ไม่มีปัญหาอะไร ฉะนั้นศีลข้อนี้จึงสำคัญมาก ศีลเกี่ยวกับทางเพศ ทางเพศตรงกันข้าม เพราะเคยสนใจกันมาตั้งแต่ก่อนพุทธกาล ในครั้งพุทธกาลอินเดียก็สนใจกันมาก มีพุทธกาลแล้วก็มาอยู่ในศีลสำคัญข้อที่ว่าไม่ประพฤติล่วงกาเม ฉะนั้นมันอยู่ในความเป็นระเบียบ

ไอ้ความคิดนี้ก็เหมือนกัน อย่าเอาเป็นตัวกูสิ มันเป็นเรื่องของจิตได้รับสิ่งแวดล้อมปรุงแต่งเข้ามาจากรอบด้าน มันก็คิดอย่างนั้น คิดอย่างนี้ ไปตามแบบของจิต ก็รู้ มีความรู้ว่ามันผิดหรือถูก มันชั่วหรือดี มันจะเลวร้ายหรือมันจะไม่เลวร้าย มันเป็นเรื่องของจิต อย่าเป็นเรื่องของกู อย่าเป็นเรื่องของกู เป็นเรื่องของตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อย่าเป็นเรื่องของกู ก็ไม่ตกเป็นทาสของกิเลส ไม่ตกเป็นทาสของอายตนะ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

เดี๋ยวนี้เราอยู่ในโลกนี้ในลักษณะที่เป็นทาสของอายตนะ เป็นทาสของตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ทั้ง ๖ อย่าง เพราะมันได้หลงไปเอาทั้ง ๖ อย่างนั้นมาเป็นตัวกู มันก็เลยอยู่เหนือสิ่งใดหมด เป็นทาสตา เป็นทาสหู เป็นทาสจมูก เป็นทาสลิ้น เป็นทาสสัมผัสผิวหนัง เป็นทาสความคิดความนึกรู้สึก ก็ไม่มีอะไรเหลือ มีแต่ปัญหา มีแต่ความยุ่งยาก

พุทธทาสภิกขุ
ที่มา แสดงธรรมล้ออายุ ปี พ.ศ. 2534 เรื่อง ธรรมจริยามีชีวิตโดยไม่ต้องมีอายุ
#จดหมายเหตุพุทธทาส 1415340527020

จักรกฤช

เมือถามว่า นับถือศาสนาอะไร หลายคนตอบได้ในทันที
แต่คำว่า "ศาสนา" มีความหมายลึกซึ้งกว่านั้นมาก

ท่านอาจารย์พุทธทาส อธิบายไว้ในการบรรยายธรรมว่า ไม่มีใครเป็นคนไม่มีศาสนา แต่ศาสนามีหลายระดับ แม้แต่การแสวงหาทรัพย์ ความเพลิดเพลิน ยึดความเชื่อก็เป็นศาสนาของคนบางพวก

ศึกษาต่อจากจดหมายเหตุพุทธทาส ฉบับเต็มได้ที่ ฐานข้อมูลเอกสารลายลักษณ์
http://bit.ly/2cAOCoZ

อ่านแล้วอาจเข้าใจว่า เราท่านนับถือศาสนามากกว่าหนึ่งก็เป็นได้

ชื่อเรื่อง: เรื่องความจำเป็นที่ต้องมีศาสนา วันที่ 15 ก.ย. 2499

คุณหลวง

สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

คุณหลวง

    ศาสนานั้นคืออะไรแน่
หรือเพียงแค่ความเชื่อห้ามสงสัย
หรือเพียงแค่ความคิดของจิตใจ
หรืออย่างไรลองว่าขานผ่านกันฟัง
    ศาสนานั้นเป็นเรื่องวันนี้
หรือบางทีวันหน้าที่คาดหวัง
หรือเมื่อวานติดมาประดาประดัง
เหมือนเสาตั้งคล้องเชือกผูกล่ามใจ
    ศาสนาเป็นเรื่องของผู้รู้
หรือเป็นเรื่องของผู้วิเศษวิไสย
หรือเป็นเรื่องของใครต่อใครใคร
เหมือนไม่มีหัวใจเป็นของตน

    ศาสนาเป็นเรื่องของตัวเขา
หรือเป็นเรื่องตัวเราเฝ้าฉงน
หรือเป็นเรื่องของคนทุกทุกคน
เหมือนว่าตนแบกคนทั้งโลกา
    ศาสนาเป็นเรื่องของความคิด
หรือว่าจิตจินตนาวิมาหรา
หรือเป็นเรื่องที่เขาเล่าฟังมา
เหมือนดั่งว่าไม่สามารถรู้แจ้งใจ
    ศาสนาเป็นเรื่องของพระเจ้า
หรือคนเก่าคร่ำครึเที่ยวหลงใหล
หรือเป็นเรื่องของตัวกับหัวใจ
เหมือนกับว่าเมามัวตัว ใจตน

    ศาสนาเป็นเรื่องรู้ด้วยปาก
หรือเพียรพากษ์ตำรามาสับสน
หรือความรู้มีเพียงเพื่ออวดคน
เหมือนยกตนให้สูงยูงลำพอง

    ศาสนาคือไม่มีศาสนา
ไม่มีศาสนาก็คือศาสนา
นิพพานนั้นก็คือวงวัฏฏา
วงวัฏฏาที่แท้คือนิพพาน
    เมื่อไม่มีว่ามีจึงยุ่งติด
มีไม่มีวุ่นคิดจนพลุ้งพล่าน
ความสับสนติดกมลสันดาน
มีไม่มีค่ามันคือคือกัน
   ในน้ำขุ่นมีน้ำใสใสใช่ขุ่น
ในน้ำอุ่นมีน้ำเย็นเห็นเช่นนั้น
ในน้ำร้อนมีน้ำเย็นอยู่เช่นกัน
...........................เอย


สะบายดี...
                                                   
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

Mr.No

อ้างจาก: คุณหลวง เมื่อ 14:23 น.  03 ต.ค 59
    ศาสนานั้นคืออะไรแน่
หรือเพียงแค่ความเชื่อห้ามสงสัย
หรือเพียงแค่ความคิดของจิตใจ
หรืออย่างไรลองว่าขานผ่านกันฟัง
    ศาสนานั้นเป็นเรื่องวันนี้
หรือบางทีวันหน้าที่คาดหวัง
หรือเมื่อวานติดมาประดาประดัง
เหมือนเสาตั้งคล้องเชือกผูกล่ามใจ
    ศาสนาเป็นเรื่องของผู้รู้
หรือเป็นเรื่องของผู้วิเศษวิไสย
หรือเป็นเรื่องของใครต่อใครใคร
เหมือนไม่มีหัวใจเป็นของตน

    ศาสนาเป็นเรื่องของตัวเขา
หรือเป็นเรื่องตัวเราเฝ้าฉงน
หรือเป็นเรื่องของคนทุกทุกคน
เหมือนว่าตนแบกคนทั้งโลกา
    ศาสนาเป็นเรื่องของความคิด
หรือว่าจิตจินตนาวิมาหรา
หรือเป็นเรื่องที่เขาเล่าฟังมา
เหมือนดั่งว่าไม่สามารถรู้แจ้งใจ
    ศาสนาเป็นเรื่องของพระเจ้า
หรือคนเก่าคร่ำครึเที่ยวหลงใหล
หรือเป็นเรื่องของตัวกับหัวใจ
เหมือนกับว่าเมามัวตัว ใจตน

    ศาสนาเป็นเรื่องรู้ด้วยปาก
หรือเพียรพากษ์ตำรามาสับสน
หรือความรู้มีเพียงเพื่ออวดคน
เหมือนยกตนให้สูงยูงลำพอง

    ศาสนาคือไม่มีศาสนา
ไม่มีศาสนาก็คือศาสนา
นิพพานนั้นก็คือวงวัฏฏา
วงวัฏฏาที่แท้คือนิพพาน
    เมื่อไม่มีว่ามีจึงยุ่งติด
มีไม่มีวุ่นคิดจนพลุ้งพล่าน
ความสับสนติดกมลสันดาน
มีไม่มีค่ามันคือคือกัน
   ในน้ำขุ่นมีน้ำใสใสใช่ขุ่น
ในน้ำอุ่นมีน้ำเย็นเห็นเช่นนั้น
ในน้ำร้อนมีน้ำเย็นอยู่เช่นกัน
...........................เอย


สะบายดี...
                                                 


สวัสดีท่านคุณหลวง

ไม่ได้คุยกันในนี้นานมาก...  วันนี้มาเป็น กวีศรีชาวกิมหยง เชียว 555

นี่น่าจะเป็น มหากาพย์แห่งกระทู้นะ...เพราะคนดูปาเข้าไป ห้าหมื่นกว่า!!   

แต่ก็ยังหาทางลงไม่ได้ซะกะที  ส-เหอเหอ ส-เหอเหอ ส-เหอเหอ
..ขอเป็นแค่ "มนุษย์" ที่อาศัยโลกใบนี้สำหรับ เกิด.แก่.เจ็บ.ตาย อย่างนอบน้อมและคารวะ.

คุณหลวง

ใครให้ท่านพี่ขึ้นไปล่ะครับ  ส.หลกจริง



สะบายดี...
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

นก แดงแจ้ง