ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

การตักบาตร

เริ่มโดย เณรเทือง, 00:49 น. 01 เม.ย 55

กิมหยง

ชาวอีสานเวลาตักบาตรจะนั่งคุกเข่าใส่บาตรแบบนี้ครับ

ความเชื่อความศรัทธาของเขา ต่างกับบ้านเราเยอะเลยครับ
สร้าง & ฟื้นฟู

นวก

เพียงแค่พระให้พรฯโยมหลังบิณฑบาต ถึงขนาดทำให้โยมบางท่านหยุดตักบาตรไปเลย แสดงว่า โยมท่านนั้นมิได้เข้าใจหรือเข้าถึงแก่นของหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาโดยแท้ เป็นเพียงนับถือพุทธศาสนาแต่ในนามเท่านั้น หรือเข้าใจพุทธศาสนาเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น ปากอาจจะบอกว่ารู้จักศาสนาพุทธจริง แต่แท้จริงแล้วกลับไม่รู้อะไรเลย เปรียบได้ดั่งกบในกะลา มีสายตาที่มืดบอด เรียนรู้อย่างผิดๆถูกๆ  วนเวียนอยู่แต่ในวัฏสงสาร ไม่เคยหรือพยายามที่จะเข้าใจให้ถึงแก่นของพระพุทธศาสนาแม้เพียงน้อยนิด นั่นแหละ! มันคือผลกรรมในอดีตของเจ้าที่ได้กระทำมา

กฤติยา

ลูกเป็ดขอสักหน่อยซิ  นายคนนั้น เขาไม่มีศาสนา เคว้งคว้าง  ว่างเปล่า   มันเป็นแบบชีวิตที่เขาวางรูปแบบของเขาไว้แล้ว  คิดไม่เหมือนกัน ถ้าคิดเหมือนกันก็แย่งกันนะซิ  ไม่เคยเห็นและไม่เคยได้ยิน  นึก ๆแล้วก็ข้ำ ขำ  ตามบาย น่ะ พอถึงเวลานั้น  อย่ามาร้องขอส่วนบุญเสียให้ยาก  คิดอย่างนี้ได้ยังไง ลูกใครหว่า !  สำหรับข้าพเจ้า ตักทุกวัน ให้ทุกวัน  แหกขี้ตาขึ้มา ก้ต้องให้ หมูหมากาไก่ ข้าพเจ้าหมดเลย เช้ามามีคนมาอวยพรให้สบ้าย สบาย  ดีกว่าเช้ามามองคนนู้นไม่ดี  ทำแบบนี้ไม่ดี   ในแต่ละวัน ต้องสำรวจตัวเองว่า วันนี้ เราทำดีอะไรแล้วหรือยัง  ทำให้คนอื่น หรือใครเดือดร้อนบ้างไหม ?  มัวแต่ตินู้น  ตินี่  ก้มดูต้วเองซะ  ว่าดีแค่ไหน  มีคนมาอวยพรให้ถึงหน้าบ้าน ไม่ดีหรือ   ข้าพเจ้าให้กับทุกคน   ไม่เห็นหมด ไม่เห็นจน  เบี้ยไม่รู้มาจากไหน  สุขใจมาก  ที่ให้โดยไม่ระแวง  .

คุณหลวง

    คนเรามีอะไรต่างกันอยู่แล้วครับ แต่การเห็นต่าง การเห็นผิด(หรือเราคิดว่าเขาเห็นผิด)นั้นไม่ใช่ความเลวที่จะต้องมาเหยียดหยัน ซ้ำเติมให้ชั่ว แม้ว่าเขากับเราอาจจะมีวิวาทะกันมาบ้างก็ตาม

    หากการเข้ามาในลานบุญด้วยจิตใจหยิ่งผยองว่าเหนือกว่า ดีกว่า และมุ่งเอาชนะกันมันกลับจะยิ่งก่อปัญหาแก่ศาสนาของตน เพราะยิ่งอวดตนว่าเป็นคนดีของศาสนามากเท่าไหร่แล้วกลับมาทำตัวเป็นนางอิจฉาละครไทยที่อวดตนข่มผู้อื่น หรือพูดความชั่วความผิดผู้อื่นเพื่อยกตนว่าสูง ผมว่าศาสนาจะยิ่งมัวหมองครับ


    หากเมตตากันไม่ลงจริงๆแล้ว อุเบกขาเสียจะดีกว่าไหมครับ

    ว่าด้วยธรรมของอสัตบุรุษและสัตบุรุษ

[๗๓] ภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ พึงทราบว่าเป็นอสัตบุรุษ ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน? คือ

    อสัตบุรุษในโลกนี้ เรื่องใดเป็นข้อเสียหายของผู้อื่น แม้ไม่มีใครถามก็เผยเรื่องนั้น จะกล่าวอะไรถึงถูกถาม มีใครซักถามเข้าก็เล่าเรื่องอันเป็นข้อเสียหายของผู้อื่นอย่างพิสดาร ไม่ให้บกพร่อง ไม่ให้อ้อมค้อมบริบูรณ์ นี่พึงทราบได้ว่า ผู้นี้เป็นอสัตบุรุษ.

    อีกประการหนึ่ง อสัตบุรุษ เรื่องใดเป็นเกียรติคุณของผู้อื่น แม้ถูกถามก็ไม่เผยเรื่องนั้น จะกล่าวอะไรถึงไม่ถูกถาม ถูกซักถามเข้าก็เล่าเกียรตคุณของผู้อื่นอย่างย่นย่อ บกพร่อง อ้อมค้อม ไม่สมบูรณ์ นี่พึงทราบเถิดว่ ผู้นี้เป็นอสัตบุรุษ.

    อีกประการหนึ่ง อสัตบุรุษ เรื่องใดเป็นข้อเสียหายของตน แม้ถูกถามก็ไม่เผยเรื่องนั้น จะกล่าวอะไรถึงไม่ถูกถาม ถูกซักถามเข้าก็เล่าข้อเสียหายของตนอย่างย่นย่อ บกพร่อง อ้อมค้อม ไม่บริบูรณ์ นี่พึงทราบเถิดว่ ผู้นี้เป็นอสัตบุรุษ.

    อีกประการหนึ่ง อสัตบุรุษ เรื่องใดเป็นเกียรติคุณของตน แม้ไม่มีใครถามก็เผยเรื่องนั้นขึ้นเอง จะกล่าวอะไรถึงมีคนถาม มีใครซักถามเข้าก็เล่าเรื่องที่เป็นเกียรติคุณของตนอย่างพิสดาร ไม่ให้บกพร่อง ไม่ให้อ้อมค้อม บริบูรณ์ นี่พึงทราบเถิดว่า ผู้นี้เป็นอสัตบุรุษ.

     บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล พึงทราบว่าเป็นอสัตบุรุษ.

    ภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ พึงทราบว่าเป็นสัตบุรุษ ธรรม ๔ ประการ เป็นไฉน? คือ
สัตบุรุษในโลกนี้ เรื่องใดเป็นข้อเสียหายของผู้อื่น แม้ถูกถามก็ไม่เผยเรื่องนั้น จะกล่าวอะไรถึงไม่ถูกถาม ถูกซักถามเข้าก็เล่าเรื่องอันเป็นข้อเสียหายของผู้อื่นอย่างย่นย่อ บกพร่อง อ้อมค้อม ไม่บริบูรณ์นี่พึงทราบเถิดว่า ผู้นี้เป็นสัตบุรุษ.

    อีกประการหนึ่ง สัตบุรุษ เรื่องใดเป็นเกียรติคุณของผู้อื่น แม้ไม่มีใครถามก็เผยเรื่องนั้น จะกล่าวอะไรถึงมีใครถาม มีใครซักถามเข้าก็เล่าเรื่องเกียรติคุณของผู้อื่นอย่างพิสดาร ไม่ให้บกพร่อง ไม่ให้อ้อมค้อมบริบูรณ์ นี่พึงทราบเถิดว่า ผู้นี้เป็นสัตบุรุษ.

     อีกประการหนึ่ง สัตบุรุษ เรื่องใดเป็นข้อเสียหายของตน แม้ไม่มีใครถามก็เผยเรื่องนั้น จะกล่าวอะไรถึงมีใครถาม มีใครซักถามเข้า ย่อมเล่าเรื่องเสียหายของตนอย่างพิสดาร ไม่ให้บกพร่อง ไม่ให้อ้อมค้อมบริบูรณ์ นี่พึงทราบเถิดว่า ผู้นี้เป็นสัตบุรุษ.

อีกประการหนึ่ง สัตบุรุษ เรื่องใดเป็นเกียรติคุณของตน แม้มีใครถามก็ไม่เผยเรื่องนั้น แต่เมื่อถูกซักถามเข้าก็เล่าเรื่องเกียรติคุณของตนอย่างย่นย่อ บกพร่อง อ้อมค้อม ไม่บริบูรณ์ นี่พึงทราบเถิดว่า ผู้นี้เป็นสัตบุรุษ.

     ภิกษุทั้งหลาย หญิงสะใภ้ ในคืนหรือวันที่เขารับตัวมาอยู่ตระกูลสามีย่อมมีความละอายกลัวเกรงมาก ทั้งในแม่ผัวทั้งในพ่อผัวทั้งในผัว โดยที่สุดในบ่าวและคนงานคนอาศัย ต่อมาพอคุ้นกันเข้า หญิงนั้นตะเพิดเอาแม่ผัวบ้าง พ่อผัวบ้าง ผัวบ้างก็ได้ว่า "ไป พวกท่านรู้จักอะไร" ดังนี้ ฉันใด ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้ ในคือนหรือวันที่ออกจากเรือนมาบวช ย่อมมีความละอายเกรงกลัวมากในภิกษุทั้งหลาย ในภิกษุณีทั้งหลาย ในอุบาสกทั้งหลาย ในอุบาสิกาทั้งหลาย โดยที่สุดในอารามิกะ และสมนุทเทส ต่อมาพอคุ้นกันเข้า ภิกษุนั้นตะเพิดเอาอาจารย์บ้าง อุปัชฌาย์บ้างก็ได้ว่า "ไป พวกท่านรู้จักอะไร" ดังนี้ ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะเหตุนั้น เธอทั้งหลายพึงสำเหนียกว่า เราทั้งหลายจักมีใจเสมอด้วยสะใภ้ใหม่ ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้แล.


พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย
จตุกนิบาต อปัณณกวรรค
สัปปุริสสูตรที่ ๓
หน้า ๒๓๔-๒๓๖
ฉบับมหามกุฎราชวิทยาลัย
เล่มที่ ๓๕

คัดจาก http://board.palungjit.com/f45/%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%A9-203465.html เอามาเพื่อพิจารณาครับผม

    สะบายดี...
สิ่งที่ไม่เหลือคือ  ความสงสัยในวิถีตน
สิ่งที่เหลือคือ  เดินทางต่อไป และต่อไป

Bush

อ้างจาก: คุณหลวง เมื่อ 10:12 น.  18 ธ.ค 55
   

   หากการเข้ามาในลานบุญด้วยจิตใจหยิ่งผยองว่าเหนือกว่า ดีกว่า และมุ่งเอาชนะกันมันกลับจะยิ่งก่อปัญหาแก่ศาสนาของตน เพราะยิ่งอวดตนว่าเป็นคนดีของศาสนามากเท่าไหร่แล้วกลับมาทำตัวเป็นนางอิจฉาละครไทยที่อวดตนข่มผู้อื่น หรือพูดความชั่วความผิดผู้อื่นเพื่อยกตนว่าสูง ผมว่าศาสนาจะยิ่งมัวหมองครับ


                                           ชอบมากครับ ประโยคนี้