ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ยาแก้แพ้อาหารควรกินตอนไหน มีกี่ประเภท เลือกอย่างไร ?

เริ่มโดย w.cassie, 10:04 น. 17 พ.ค 67

w.cassie

อาการแพ้อาหารเป็นหนึ่งในภาวะที่คนไทยหลายคนต้องประสบพบเจอ และต้องพยายามหลีกเลี่ยง แต่ในบางครั้งหลายคนอาจเผลอไปรับประทานอาหารที่ตนเองแพ้อย่างไม่รู้ตัว การรับประทานยาแก้แพ้อาหารจึงเป็นหนทางในการบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้ แล้วยาแก้แพ้อาหารมีกี่ประเภท ควรเลือกอย่างไร เราจะมาบอกให้ได้รู้กัน


ยาแก้แพ้อาหารมีกี่ประเภท
ยาแก้อาการแพ้อาหารสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
ยาแก้แพ้อาหารออกฤทธิ์เร็ว หรือยาแก้แพ้ชนิดหยุดอาการฉุกเฉิน เป็นยาที่ออกฤทธิ์อย่างรวดเร็วในการบรรเทาอาการแพ้อาหารที่มีอาการรุนแรง อย่างอาการแพ้แบบฉับพลัน หอบหืด คันตามร่างกาย เป็นลม ใจสั่นระรัว คลื่นไส้ หน้ามืด หรือหมดสติ โดยยาประเภทนี้จะช่วยหยุดการเกิดปฏิกิริยาจากการแพ้ได้อย่างรวดเร็ว เป็นการรักษาเบื้องต้น ก่อนจะได้รับการดูแลเพิ่มเติมจากแพทย์ ตัวอย่างยาแก้แพ้ประเภทนี้ เช่น Ephinephrine, Solofedrile, Clastine เป็นต้น

ยาแก้แพ้อาหารระยะยาว หรือยาบรรเทาอาการแบบค่อยเป็นค่อยไป เป็นยาที่ออกฤทธิ์ในการลดหรือควบคุมอาการแพ้อาหารในระยะยาว โดยยาประเภทนี้จะทำงานค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่ออกฤทธิ์อย่างฉับพลันเหมือนยาแก้แพ้อาการฉุกเฉิน ยาแก้อาการแพ้อาหารระยะยาวนิยมใช้รักษาอาการแพ้อาหารเรื้อรัง หรือป้องกันอาการแพ้ก่อนที่จะเกิดขึ้น เช่น อาการคันจมูก จาม น้ำมูกไหล ตาแดง เป็นต้น โดยยาบางชนิดอาจใช้รักษาควบคู่ไปกับการแพ้ภูมิแพ้อื่นๆ เช่น หอบหืด หรือผื่นภูมิแพ้ได้ด้วย ตัวอย่างยาแก้แพ้ประเภทนี้ เช่น Cetrizine, Fexofenadine, Loratadine, Montelukast เป็นต้น

ยาแก้แพ้อาหารควรกินตอนไหน
สำหรับช่วงเวลาในการรับประทานยาแก้แพ้อาหารนั้น ควรแยกการรับประทานตามประเภทของยาดังนี้
ยาแก้แพ้ออกฤทธิ์เร็ว ควรรับประทานทันทีเมื่อมีอาการแพ้อาหารรุนแรง เพื่อหยุดปฏิกิริยาภายในร่างกาย และบรรเทาอาการฉุกเฉินแบบเร่งด่วน หลังจากนั้นควรได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด
ยาแก้อาการแพ้อาหารระยะยาว สามารถรับประทานได้ทุกวัน โดยไม่จำเป็นต้องรอให้มีอาการก่อน

ยาแก้แพ้อาหารควรเลือกอย่างไร
ในการเลือกใช้ยาแก้แพ้อาหารนั้น ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้ยา เนื่องจากมีปัจจัยหลายประการที่ต้องพิจารณา ได้แก่
ชนิดและรุนแรงของอาการแพ้ เพื่อเลือกประเภทของยาแก้แพ้ที่เหมาะสม ระหว่างยาออกฤทธิ์เร็วสำหรับอาการฉุกเฉิน หรือยาแก้แพ้ระยะยาวสำหรับอาการเรื้อรัง

อายุของผู้ป่วย เนื่องจากวัยเด็กและวัยชราอาจมีข้อจำกัดในการใช้ยาบางชนิด หรือต้องปรับขนาดยาให้เหมาะสม
โรคประจำตัว บางโรคอาจมีข้อห้ามในการใช้ยาแก้แพ้บางชนิด เช่น โรคไต โรคตับ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เป็นต้น

การใช้ยาร่วมกันกับยาอื่น ๆ เพื่อป้องกันการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา
ประวัติการแพ้ยา หากเคยมีประวัติการแพ้ยาแก้แพ้ชนิดใด ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาชนิดนั้น
ระยะเวลาที่ต้องใช้ยา หากต้องใช้ยาเป็นระยะยาว ควรเลือกยาที่มีอาการข้างเคียงน้อย เพื่อปลอดภัยต่อการใช้งานในระยะยาว

หากสามารถหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ ก็จะเป็นการดีที่สุด เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการแพ้รุนแรง และลดความจำเป็นในการใช้ยาแก้อาการแพ้อาหาร แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรปรึกษาเภสัชกรทุกครั้งเมื่อใช้ยาแก้อาการแพ้อาหาร เพื่อให้ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้องและปลอดภัยที่สุด