ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 และ 2 ต่างกันอย่างไร และควรเลือกแบบไหน?

เริ่มโดย jbtsaccount, 22:56 น. 24 ก.ย 67

jbtsaccount

หากคุณกำลังคิดทำประกันภัยรถยนต์และลังเลระหว่างประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 และชั้น 2 คุณไม่ใช่คนเดียวที่สงสัยว่าทั้งสองแบบนี้ต่างกันอย่างไร  และแต่ละแผนครอบคลุมมากน้อยแค่ไหน วันนี้เราจะมาดูความคุ้มค่าของแต่ละแผนเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกแผนประกันที่เหมาะกับตัวเองได้ง่ายขึ้น

ประกันรถยนต์ชั้น 1
ประกันรถยนต์ชั้น 1 เป็นประกันภัยรถยนต์ (เพิ่มเติม: https://digital.msig-thai.com/main/motor) ที่คุ้มครองครอบคลุมมากที่สุด ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีคู่กรณี จึงเป็นที่นิยมมาก เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มขับรถหรือเพิ่งออกรถใหม่ เนื่องจากมีความคุ้มครองที่ครอบคลุมและเบี้ยประกันมีราคาสูง
รายละเอียดการคุ้มครองของประกันชั้น 1 มีดังนี้:
คุ้มครองบุคคลภายในรถ: ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล ค่าประกันผู้ขับขี่ และค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอื่น ๆ
คุ้มครองบุคคลภายนอก: รับผิดชอบค่าเสียหายทั้งต่อร่างกายและทรัพย์สินของคู่กรณี หากเกิดอุบัติเหตุประกันจะชดเชยให้
คุ้มครองรถยนต์ที่เอาประกัน: คุ้มครองทั้งกรณีรถชน รถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม หรือภัยธรรมชาติอื่น ๆ โดยไม่จำเป็นต้องมีคู่กรณี เช่น ถูกชนแล้วคู่กรณีหนีไป หรือชนกับสิ่งที่ไม่ใช่ยานพาหนะ เช่น กำแพง เสาไฟฟ้า ประกันก็จะรับผิดชอบค่าซ่อมรถยนต์ให้
ประกันรถยนต์ชั้น 2
ประกันรถยนต์ชั้น 2 เป็นแผนประกันที่คุ้มครองรองลงมา โดยส่วนที่แตกต่างคือ ประกันชั้น 2 ไม่คุ้มครองรถของเราในกรณีที่เกิดการชน โดยจะคุ้มครองเฉพาะรถของคู่กรณีเท่านั้น
รายละเอียดการคุ้มครองของประกันชั้น 2 มีดังนี้:
คุ้มครองบุคคลภายในรถ: ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล ค่าประกันผู้ขับขี่ และค่าใช้จ่ายที่จำเป็นเหมือนกับประกันรถยนต์ชั้น 1 (เพิ่มเติม: https://digital.msig-thai.com/main/motor)
คุ้มครองบุคคลภายนอก: รับผิดชอบค่าเสียหายทั้งต่อร่างกายและทรัพย์สินของคู่กรณีเช่นเดียวกับประกันชั้น 1
คุ้มครองรถยนต์ที่เอาประกัน: คุ้มครองเฉพาะกรณีรถหายและไฟไหม้เท่านั้น หากเกิดอุบัติเหตุอื่น ๆ เช่น รถชนรถ ชนฟุตบาท หรือชนต้นไม้ ประกันชั้น 2 จะไม่รับผิดชอบค่าซ่อมรถยนต์ของเรา
ประกันรถยนต์ 2+
ประกันภัยรถยนต์ 2+ เป็นทางเลือกที่คุ้มค่ามากกว่าประกันชั้น 2 เนื่องจากมีความคุ้มครองเพิ่มเติมที่ครอบคลุมมากขึ้น แต่ยังคงมีเบี้ยประกันที่ต่ำกว่าประกันชั้น 1
รายละเอียดการคุ้มครองของประกันรถยนต์ 2+ มีดังนี้:
คุ้มครองบุคคลภายในรถ: ครอบคลุมเช่นเดียวกับประกันชั้น 1 และชั้น 2 รวมถึงครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่าง ๆ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ทั้งนี้ยังครอบคลุมถึงค่าประกันตัวในกรณีที่เกิดคดีอาญาด้วย
คุ้มครองบุคคลภายนอก: คุ้มครองทั้งร่างกายและทรัพย์สินของคู่กรณี หากเกิดอุบัติเหตุและมีผู้บาดเจ็บหรือทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย ประกัน 2+ จะรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาลของคู่กรณี หรือค่าซ่อมแซมทรัพย์สิน
คุ้มครองรถยนต์ที่เอาประกัน: สิ่งที่ทำให้ประกัน 2+ โดดเด่นกว่าแผนประกันชั้น 2 คือ การคุ้มครองกรณีรถชนกับยานพาหนะทางบกและมีคู่กรณี โดยจะซ่อมให้ทั้งรถของเราและรถของคู่กรณี รวมถึงกรณีรถหายและไฟไหม้ แต่จะไม่คุ้มครองในกรณีที่ชนแบบไม่มีคู่กรณี เช่น ชนฟุตบาท ชนเสาไฟฟ้า หรือชนกำแพง เป็นต้น ซึ่งแตกต่างจากประกันชั้น 1 ที่จะให้ความคุ้มครองทุกกรณีไม่ว่าจะมีคู่กรณีหรือไม่ก็ตาม

สรุป ประกันภัยรถยนต์แบบไหนที่ควรเลือก?
การเลือกซื้อประกันรถยนต์ที่เหมาะสมที่สุดนั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้แผนประกันที่ตอบโจทย์ความต้องการและความเสี่ยงของคุณมากที่สุด ปัจจัยหลักที่ควรพิจารณาได้แก่
อายุรถยนต์: หากคุณมีรถใหม่ หรือรถที่มีอายุไม่เกิน 7 ปี การเลือกประกันชั้น 1 จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากประกันชั้น 1 ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุมทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นการชนกับยานพาหนะอื่นหรือไม่ก็ตาม นอกจากนี้ยังคุ้มครองในกรณีที่ไม่มีคู่กรณีด้วย เช่น การชนกับสิ่งกีดขวาง การชนฟุตบาท หรือแม้กระทั่งความเสียหายที่เกิดจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ไฟไหม้ ซึ่งทำให้คุณมั่นใจได้ว่า รถของคุณจะได้รับการคุ้มครองอย่างเต็มที่ ไม่ว่าคุณจะประสบเหตุแบบใดก็ตาม
รูปแบบการใช้รถยนต์: หากคุณใช้รถน้อย ขับขี่ในเมืองเป็นหลัก หรือไม่ค่อยได้ขับทางไกล ประกันชั้น 2 หรือ 2+ อาจเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่า ประกันชั้น 2 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดค่าเบี้ยประกันและรับความคุ้มครองในระดับพื้นฐาน โดยจะคุ้มครองในกรณีที่เกิดความเสียหายกับทรัพย์สินหรือร่างกายของบุคคลภายนอกเท่านั้น และครอบคลุมกรณีรถหายและไฟไหม้ แต่ไม่ครอบคลุมกรณีรถชนกับสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ยานพาหนะ
ในทางกลับกัน หากคุณต้องการความคุ้มครองที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ประกัน 2+ จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เนื่องจากประกัน 2+ จะคุ้มครองกรณีรถชนกับยานพาหนะอื่น ๆ บนถนน โดยมีคู่กรณี ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถเคลมค่าซ่อมแซมรถยนต์ของคุณได้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุที่มีคู่กรณี นอกจากนี้ยังคุ้มครองกรณีรถหายและไฟไหม้เหมือนกับประกันชั้น 2 ด้วย
งบประมาณ: เบี้ยประกันเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญในการตัดสินใจ หากคุณมีงบประมาณมาก และต้องการความอุ่นใจสูงสุดในการขับขี่ ประกันชั้น 1 จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด เพราะคุณจะได้รับความคุ้มครองในทุกด้าน แต่ถ้างบประมาณของคุณจำกัด ประกันชั้น 2 หรือ 2+ ก็ยังเป็นทางเลือกที่ดี ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายแต่ยังคงได้รับการคุ้มครองที่เพียงพอในกรณีเกิดอุบัติเหตุ
ลักษณะของการขับขี่และการใช้รถ: หากคุณมีประสบการณ์ขับรถมานาน และมีความมั่นใจในทักษะการขับขี่ของตนเอง ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 หรือ 2+ อาจเพียงพอต่อความต้องการของคุณ แต่หากคุณเพิ่งเริ่มขับรถหรือขับรถในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ถนนที่มีการจราจรหนาแน่นหรือมีสภาพภูมิอากาศที่ไม่แน่นอน การเลือกประกันชั้น 1 จะช่วยให้คุณได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากขึ้น และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
คำแนะนำเพิ่มเติม:
สำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมและสามารถจ่ายเบี้ยประกันที่สูงขึ้นได้ ประกันชั้น 1 คือทางเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากความคุ้มครองที่ครอบคลุมทุกกรณี
สำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด และต้องการความคุ้มครองที่ดีในราคาที่ประหยัด ประกันชั้น 2 หรือ 2+ เป็นทางเลือกที่คุ้มค่า โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการความคุ้มครองในกรณีที่ไม่มีคู่กรณี

การเลือกประกันภัยรถยนต์ที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณสามารถขับขี่อย่างอุ่นใจ และได้รับการคุ้มครองที่ตอบโจทย์ตามความต้องการของคุณในทุกกรณี แต่อย่าลืมประกันรถยนต์ชั้น 3 ของ MSIG ด้วยนะ