ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ห้างสรรพสินค้าในโครงการ "ตลาดลีรถไฟ" เมืองสงขลา

เริ่มโดย คนสองเล, 21:09 น. 14 ส.ค 55

คนสองเล

ถอดข้อความที่อยู่ในป้ายที่ติดอยู่ที่โรงภาพยนต์เฉลิมทอง ตลาดนัดรถไฟสงขลา

พบกับโครงการห้างสรรพสินค้า  ภายในโครงการ ตลาดลีรถไฟ
แหล่งรวมสินค้าและอาหารชั้นนำ  บนพื้นที่รวมกว่า 6,000 ตร.ม.  พร้อมที่จดรถ เร็วๆนี้

"ตลาดรถไฟ  ทำเลทองแห่งใหม่  ใจกลางเมืองสงขลา"

คนสองเล


coldman

ขึ้นค่าที่แม่ค้า  ส.ร้องขึ้นค่าจอดรถ ส.ร้อง ขึ้นค่าเช่าบ้านอีก  ๔๐๐ %  ส.ร้องขอทำสัญญาใหม่ ๙ ปี คิดค่าต่อสัญญา อีกอย่างต่ำห้องละ ๕-๖ แสน ลีวิวัฒน์กะจะไม่เอาเงินตัวเองมาลงทุนเลยหรือไง  ส.โกรธอย่างแรง

lplayboyl >Chumphon<

ดีใจมากๆสงขลาได้มีห้างเเล้ว สุดยอดดดดด

chamanking

โครงการเอาเปรียบประชาชนคนในพื้นที่ชัดๆ แย่มากๆ โครงการนี้ไม่น่าเกิดขึ้นมานะ เจ้าของโครงการใช้ส่วนไหนคิดเนี่ย สร้างความเดือนร้อนให้คนในพื้นที่ซึ่งเป็นชาวสงขลา แย่จริงๆ

บ.มิตรทองสงขลา

สวัสดีครับ  ผมในฐานะกรรมการและเป็นตัวแทนบริษัท มิตรทองสงขลา จำกัด ซึ่งได้รับฟังข่าวสารมาตลอดแต่ไม่ได้โต้ตอบและแก้ข้อกล่าวหา  เพราะไม่อยากทำให้เรื่องบานปลาย ซึ่งยอมให้กลุ่มบุคคลบางกลุ่มได้กล่าวหาในแง่ลบมาโดยตลอด แต่เมื่อทุกอย่างเริ่มมีการใส่ร้ายป้ายสีมากขึ้น และข้อมูลที่แจ้งออกมาไม่ได้ตรงกับความเป็นจริงเลย เป็นการให้ร้ายป้ายสีทุกอย่างและเท่าที่จะทำให้บริษัทและผู้บริหารได้รับความเสื่อมเสียและเสียหาย สร้างข่าวให้มองภาพในด้านลบมาโดยตลอด ดังนั้นทางบริษัทจะขอตอบชี้แจง ณ ที่นี้และทุกท่านก็จะทราบความเป็นจริงว่าอะไรคืออะไร
   ที่มีข้อความแจ้งว่า ต้องมีการขับไล่ผู้อยู่อาศัยเดิมออกเกือบ 10 ครอบครัวเป็นเพียงเพราะการที่บริษัทตอบรับเงื่อนไขจากการรถไฟให้จ่ายค่าเช่า, ค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้น รวมมูลค่าต่อสัญญากว่า 65 ล้านบาท และมีค่าปรับปรุงตลาดในโครงการกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมดอกเบี้ยเงินกู้ที่ทางบริษัทได้ขอไว้ที่จะต้องจ่ายดอกเบี้ยกว่าเดือนละ 300,000-400,000 บาทต่อเดือน
โดยการที่บริษัทมิตรทองไม่ต่อสัญญาให้กับผู้เช่าบางส่วน เพียงเพราะต้องการที่จะนำโครงการที่จะพัฒนาพื้นที่ให้สามารถดึงดูดผู้สนใจพื้นที่มาช่วยกันพัฒนาเศรษฐกิจบริเวณในโครงการและต้องใช้พื้นที่พอสมควรจึงเลือกใช้โรงภาพยนตร์เก่าและคูหาข้างเคียงเพื่อให้กระทบน้อยที่สุด ซึ่งโครงการห้างนั้นจำเป็นต้องใช้พื้นที่พอสมควรจึงสามารถดึงดูดความน่าสนใจครับ เมื่อเกิดแล้วอาคารข้างเคียงก็มีรายได้มากขึ้นใช่หรือไม่ซึ่งทางบริษัทก็มิได้ให้ย้ายออกทันที บริษัทให้บ้านเหล่านั้นอยู่อาศัยปราศจากค่าเช่าไปจนถึงสิ้นปี (ตั้งแต่สิงหาคม-ธันวาคม 2555) โดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่าและบริษัทได้ให้ค่าเยียวยาจำนวน 100,000 บาทต่อคูหาครับ ซึ่งบริษัทถือว่าอาคารที่ได้รับผลกระทบเหล่านั้นเป็นผู้เสียสละให้กับส่วนรวมในการพัฒนาพื้นที่โครงการนี้ให้ทุกคูหาได้มีความเจริญต่อไป

โดยที่การรถไฟนั้นได้ปรับขึ้นมาตามสภาพเศรษฐกิจของพื้นที่ปัจจุบัน และให้บริษัทบุคคลภายนอกนอกมาประเมินค่าเช่า, ค่าเซ้งใหม่โดยไม่ได้อิงจากอัตราเดิม ผมถามว่าทุกท่านในสื่อออนไลน์คิดว่าต้องทำธุรกิจอะไรที่จะสามารถคืนทุนในพื้นที่โทรมๆของตลาดและอาคารพาณิชย์ที่เอาไว้เก็บของและอยู่อาศัย ซึ่งไม่ได้ทำธุรกิจอะไรเลย ทั้งๆที่เป็น "อาคารพาณิชย์" และอยู่ในเขตพื้นที่ที่มีความเจริญ และที่คุณบอกว่าไม่ผิดสัญญาอะไรเลย อยู่อาศัยมา 10-20 ปี ที่จะบอกความจริงคือทุกท่านและบริวารที่อยู่อาศัยในโครงการรถไฟได้อยู่อาศัยโดยไม่มีสัญญาเช่า (สัญญาได้หมดตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.2550) ผมถามว่าหากสัญญาเช่าหมดลงและทุกท่านไม่ต่อสัญญาจะอยู่ไปตลอดได้อย่างไรครับ ก็ต้องออกจากสถานที่ที่เช่าเมื่อหมดสัญญาเช่า ที่ดินนี้เป็นของการรถไฟ ซึ่งเมื่อหมดสัญญาเช่าทางการรถไฟก็สามารถจะยกเลิกสัญญาเช่ากับใครก็ได้ หากบริษัทมิตรทองไม่ยอมรับเงื่อนไขทางการรถไฟก็จะประมูลหาผู้เช่ารายใหม่ที่สามารถรับเงื่อนไขต่าง ๆ ได้ ในทำนองเดียวกันหากอัตราเช่าที่บริษัทได้ตั้งไว้ แล้วผู้เช่ารับไม่ได้ก็ควรสละสิทธ์ และทางบริษัทจะดำเนินการหาผู้เช่ารายใหม่แทน หากจะบอกว่าแพง บริษัทก็อาจจะไม่สามารถหาคนมาเช่าใหม่ได้ แต่ไม่ใช่จะใช้วิธีก่อตั้งกลุ่มมวลชนมาเจรจากดดันข่มขู่ผู้ให้เช่า(เจ้าของที่) และยื้อเวลาอยู่ต่อไปโดยไม่จ่ายค่าเช่าโดยให้วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆซึ่งกลุ่มเหล่านั้นไม่มีต้นทุนแต่ทางบริษัทต้องรับภาระดอกเบี้ยเดือนละ300,000-400,000บาท ซึ่งผมถามทุกท่านว่าบ้านอาคาร 2 ชั้น, 3ชั้นในโครงการ พวกท่านจะเช่าในราคา 1,000 บาท ในมุมกลับกันถ้าคุณเป็นผู้ให้เช่าควรจะให้ราคาที่เท่าไหร่เทียบกับราคาข้างเคียงปัจจุบันครับ โดยในปัจจุบันอาคารพาณิชย์ 2 ชั้นในโครงการนั้นให้เช่าช่วงต่อเอง ซึ่งผิดกฎสัญญาของบริษัทมิตรทองในอัตราตั้งแต่ 5,000 – 8,000 บาท และอาคารพาณิชย์ 3 ชั้นให้เช่าช่วงต่อสูงถึง 15,000 บาท-20,000บาทต่อคูหา แต่ทางกลุ่มผู้เช่าเสนอให้บริษัทในอัตราที่เดือนละ 1,000 บาทต่อเดือนและค่าเซ้งที่ 50,000 บาท ซึ่งเหมาะสมและเป็นธรรมกับผู้ให้เช่าหรือเปล่าครับ ในสภาพของภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน
   ตอบข้อ 2 ครับ ที่บอกว่าอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ ขอบอกว่าโครงการดังกล่าวอยู่ในอาณาเขตพื้นที่สัญญาเช่าของบริษัทมิตรทองแน่นอนครับ โดยสามรถตรวจสอบจากการรถไฟดีกว่าจะได้ข้อมูลที่เป็นความจริงและที่ถูกต้อง หากเป็นพื้นที่อนุรักษ์จะขึ้นเป็นโรงภาพยนตร์ได้อย่างไรครับและการรถไฟก็ไม่ได้แจ้งอะไรเมื่อต่อสัญญาฉบับใหม่ว่าต้องห้ามปรับปรุงในพื้นที่ของกรมศิลป์ในบริเวณโครงการรถไฟและก็คงจะไม่ต่อสัญญาเช่าให้กับบริษัท มิตรทองสงขลา อย่างแน่นอน
   ตอบข้อ 3 ที่บอกว่าบริษัทยังไม่มีการเซ็นต์สัญญาเช่า ผิดครับ เซ็นต์สัญญาเช่ามาตั้งนานแล้วดูจากจดหมายรูปที่แนบมาด้วยดีกว่าครับ แต่บริษัทไม่ได้คิดว่าต้องพิมพ์แจก โดยบริษัทได้ติดประกาศไว้ที่หน้าสำนักงานเพียงเท่านั้นและได้แจ้งให้ผู้เช่าทุกท่านได้เข้ามาติดต่อเพื่อรับข้อมูลการต่อสัญญาที่บริษัท และทางบริษัทจะชี้แจงว่าจะต้องชำระในอัตราเท่าไหร่เพื่อบริษัทจะได้รับทราบถึงผู้มีสิทธ์ในการเช่าที่แท้จริงด้วยเนี่องจากมีการเช่าช่วงต่อกันเองมากมาย
   ตอบข้อที่ 4 ผู้ประท้วงส่วนใหญ่คือผู้เช่าอาคารพาณิชย์ที่ไม่ยอมจ่ายเงินค่าเช่าและค่าธรรมเนียม ส่วนแม่ค้าทางบริษัทยังไม่มีการเก็บค่าเช่าเพิ่มอย่างไรยังคงเก็บในอัตราเดิมอยู่ มีแต่การพัฒนาการทำความสะอาด จัดระเบียบการจอดรถ เพิ่มระบบแสงสว่าง และกำลังเตรียมปรับปรุงหลังคาตลาดให้ดีขึ้นไม่รั่วซึมและเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายของแม่ค้า  เพื่อให้ทุกคนในสงขลาได้ใช้บริการได้อย่างสบายใจ,สะดวกไม่เปียกและสะอาดขึ้น ทุกท่านไม่ชอบหรือครับ
   ผมขอเกริ่นให้ทุกท่านลองทบทวนว่าคุณจะยอมรับราคาค่าเช่า 1,000 บาทต่อคูหาได้หรือไม่ และค่าเซ้งที่ 50,000 บาทครับ กับการลงทุนในโครงการกว่า 100 ล้านบาท ค่าเช่าที่การรถไฟเรียกเก็บจากบริษัทมิตรทองสงขลาปีละ 1,000,000 เป็นปีละกว่า 5,000,000 บาท แล้วคุณไม่กล่าวโทษการรถไฟบ้างละครับ แต่กลับมาลงความผิดที่บริษัทรับสัญญาเช่ามาจากการรถไฟ (เสริมอีกนิด ที่ข่าวออกมาว่าบริษัทปรับอัตราค่าเช่าที่อัตรา 10,000 นั้น เป็นข้อมูลเมื่อ 3-4 เดือนที่แล้ว โดยที่ประกาศกันโครมๆว่า10,000บาทนั้นเพียง12คูหาที่เป็นอาคาร3ชั้นติดถนนปละท่าและคิดคูหาละ5,000บาทสำหรับอาคาร2ชั้นที่เหลือ และคิดเฉพาะชั่วคราวถึงสิ้นปี2555เท่านั้น และบริษัทได้ยกเลิกค่าเช่านั้นไปแล้วด้วยเพราะไม่อยากให้มีปัญหา) และหากมีการต่อสัญญาเช่าฉบับใหม่กับบริษัทปัจจุบันอาคารพาณิชย์ 2 ชั้นบริษัทมีการเรียกเก็บค่าเช่าอยู่ที่เดือนละ 2,650 บาทต่อเดือน และมีค่าเซ้ง(ค่าต่อสัญญา) อยู่ที่คูหาละ 550,000 บาทยกเว้นในส่วนของถนนรามวิถี ซอย 2 มีค่าเซ้ง (ค่าต่อสัญญา) อยู่ที่คูหาละ 600,000 บาท  ส่วนอาคารพาณิชย์ทั้ง 2 ชั้น ละ 3 ชั้น ที่อยู่ห้องหัวมุมมีการเก็บเพิ่มเติมอีกจำนวน 50,000 บาท ในส่วนของอาคารโกดังมีการเก็บค่าเช่าตกเดือนละ 3,000 บาทจำนวน 8 คูหา โดยไม่มีค่าเซ้ง ( ไม่มีค่าต่อสัญญา )  ส่วนอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น เก็บค่าเช่าเดือนละ 3,000 บาท ค่าเซ้ง (ค่าต่อสัญญา)  คูหาละ 800,000 บาท ซึ่งบริษัทก็ยอมเก็บอัตราเซ้งเท่ากับที่ทุกท่านได้เซ้งกันเมื่อ20กว่าปีก่อนและเพิ่มเพียงอีกห้องละ100,000-150,000บาท เมื่อเทียบกับความเจริญที่ต่างกันมากมายแต่อัตราเรียกเก็บนั้นใกล้เคียงกับของเดิม ซึ่งทุกวันนี้มีการนำไปเช่าต่อแล้วที่เกือบ 20,000 บาทต่อเดือน ผมถามว่าถ้าคุณเป็นเจ้าของสิทธิ์ครอบครอง คุณจะให้เช่าอัตราเท่าไหร่ ซึ่งในระหว่างการต่อสัญญาทุกบ้านจะอ้างว่าไม่มีสัญญาก็จะไม่จ่ายค่าเช่า แต่การรถไฟได้เก็บอัตราค่าเช่าใหม่400%ปีละกว่า 5,000,000 บาทตั้งแต่ปี กุมภาพันธ์ พ.ศ.2550 ซึ่งบ้านทุกคูหาก็จ่ายอัตราเดิมมาโดยตลอด ทางบริษัทก็มิได้เก็บเงินส่วนต่างเพิ่มเติมแต่อย่างใด ถือว่าจ่ายกันมาแล้วก็ยกผลประโยชน์ไป บริษัทยอมรับผิดชอบส่วนต่างดังกล่าวกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งเมื่อบริษัทต้องจ่ายค่าเช่าให้การรถไฟในอัตราใหม่และรอให้การรถไฟเซ็นต์กลับมา และต้องเสนอแบบแปลนปรับปรุงอีกกว่า 30 ล้านบาท ทำให้บริษัทคิดว่าคงใช้ระยะเวลาประมาณครึ่งปี ดังนั้นจึงขอความเห็นใจจากทุกท่านโปรดช่วยกันบ้างนิดหน่อย จากบ้านหลังละ 600 บาท(ค่าเช่าถูกหรือไม่,โดยไม่คิดค่าเซ้ง) ปรับขึ้นมาบ้างหากทุกท่านช่วยกันก็แค่สามารถจ่ายค่าดอกเบี้ยได้เท่านั้นเอง แต่ก็ยังดีครับ เพราะบริษัทไม่มีมรดกและสมบัติจากไหนส่งมาให้ ทุกอย่างต้องขอกู้จากสถาบันการเงินทั้งนั้น และที่ปรับ 6 เดือนนั้นทางบริษัทคิดในอัตราตามมาตรฐานที่ละแวกใกล้เคียงที่เช่ากันและปรับลดลงนิดหน่อย เพราะถือว่าที่คุณอยู่ในเวลาที่ชั่วคราวไม่มีค่าเซ้งมารวมด้วย และได้ยกเลิกการคิดอัตราค่าเช่าดังกล่าวนานมาแล้วครับ ยังไม่ได้เก็บบ้านใดบ้านหนึ่งเลย แต่พวกคุณชอบเอาประเด็นดังกล่าวมาจุดฉนวนกระแสต่อต้านบริษัท
   ถ้าบอกว่าบริษัทเก็บค่าเซ้งแพง บริษัทจึงขอให้ช่วยสอบถามดูว่าในการเซ้งเปลี่ยนมือในโครงการตลาดที่ผ่านมา มีการเสนอและเสียค่าใช้จ่ายกันเท่าไหร่ อาคารพาณิชย์ บางแห่งที่ขายอุปกรณ์เบอร์เกอรี่ ขายเสื้อผ้า รองเท้า หนังสือ ละแวกเดียวกับฝั่งตลาดสดบอกว่าบริษัทเรียกเก็บราคาสูง แต่ทางเขาเองเซ้งมาคูหาละ 1 ล้านบาท โดยไม่มีสัญญาอะไรเป็นหลักค้ำประกันเลย และทราบด้วยว่าสัญญาที่ทำกับบริษัทได้กำลังหมดลง และอีกใกล้ๆกันเป็นคลับ, ผับเก่าหัวมุมเขาได้เซ้งกันเองคูหาละ 800,000 บาท เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งแทบจะไม่เหลือระยะเวลาเช่าในสัญญาเลย ขอให้ท่านย้อนกลับไปดูว่าสัญญาเช่าทุกท่านที่เช่าจากบริษัทก็เป็นที่ดินของการรถไฟ เมื่อสัญญาหมดก็ต้องออกโดยไม่มีเงื่อนไขหากไม่มีการต่อสัญญากันใหม่ และก็ขอให้ท่านช่วยกลับไปดูสัญญาเช่าเก่าฉบับครั้งล่าสุดที่ท่านได้ทำสัญญาเช่าไว้กับบริษัทมิตรทองว่ามีเงื่อนไขในสัญญาอย่างไร สัญญาเริ่มมีผลบังคับเมื่อใด สิ้นสุดเมื่อใด หน้าที่และความรับผิดของผู้เช่ามีอย่างไร สิทธิอำนาจหน้าที่ของผู้ให้เช่ามีอย่างไร ซึ่งก่อนทำสัญญาเช่าและจดทะเบียนการเช่าทุกท่านคงได้อ่านรายละเอียดข้อความในสัญญาเช่าแล้ว
   บริษัทไม่ได้กระทำการข้ามขั้นตอนในการแจ้งยกเลิกสัญญาเช่า แต่บริษัทได้แจ้งด้วยวาจาเบี้องต้นตั้งแต่ก่อนที่จะได้รับสัญญา และเมื่อได้รับสัญญามาแล้วก็ได้ทำหนังสือแจ้งให้กับทุกท่านเชิญชวนมาติดต่อที่สำนักงานตั้งแต่สิงหาคม-ต้นกันยายนแล้วแต่ปรากฏว่าไม่มีผู้ประสงค์ที่จะมาต่อสัญญาเช่า แล้วจะให้ทางบริษัทดำเนินการอย่างไรในเมื่อทุกท่านไม่ประสงค์ต่อสัญญาเช่า ทางบริษัทจึงทำหนังสือให้ย้ายออกเพื่อที่จะได้หาผู้เช่ารายใหม่

สำหรับข้อมูลอื่นๆ หากทุกท่านสงสัยทางบริษัทจะชี้แจงผ่านทาง Web ดีกว่าและขออย่าได้หลงเชื่อคำพูดกล่าวอ้างและใส่ร้ายป้ายสีต่างๆที่ไม่เป็นความจริง เพราะถ้าทุกท่านดูข้อมูลคร่าวๆที่บริษัทได้อธิบายแล้ว ก็หวังว่าจะเข้าใจหัวอกคนทำธุรกิจที่เดินตามกฎระเบียบต่างๆ และกฎหมาย และบริษัทไม่อำนาจที่จะใช้กฎหมู่ ไม่ใช่คิดจะยื้อไม่จ่ายค่าเช่าและไม่ออกอย่างนี้ ทางบริษัทมีข้อมูลเชิงลึกทุกอย่าง แต่คิดว่าให้ทุกท่านได้พิจารณาเองดีกว่า เพราะบริษัทได้ประชุมกับกลุ่มแกนนำแล้ว ได้บอกกล่าวทุกอย่างแต่กลุ่มแกนนำกลับไม่เปิดเผยข้อมูลให้ครบถ้วน จึงขอเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้องผ่านสื่อสาธารณะดีกว่าครับ และบริษัทขอย้ำอีกครั้งรรับว่าไม่ได้ต้องกากรยุแหย่แต่เพียงแค่ต้องการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องขอบคุณครับ
   ปล. ท่านใดที่ให้การสนับสนุนกลุ่มบุคคลดังกล่าวโปรดใช้วิจารณญาณในการรับฟังข้อมูลด้วยนะครับว่าถูกต้องเป็นจริงหรือไม่ เพราะหากไปช่วยคนที่ไม่สมควรช่วยเหลือ ก็อาจจะเสื่อมเสียและเสียสิทธิที่ควรพึงจะได้รับได้เหมือนกันและหากเกิดความเสียหายแก่ท่านใครหรือบุคคลคลใดจะเป็นผู้รับผิดชอบให้ท่านได้
   ขอความเป็นธรรมกับบริษัทมิตรทองด้วยที่โดนกล่าวใส่ร้ายมาโดยตลอด




coldman

เคยได้ยินเรื่องลิงติดหม้อมั๊ย  คนอยากจะจับลิงก็เลยหาหม้อดินปากแคบขนาดลิงสอดมือเข้าไปได้ เอาขนมหรือของที่ลิงชอบใส่เข้าไป เอาหม้อไปตั้งไว้ที่โคนต้นไม้ที่ลิงยึดทำเล ครู่เดียวลิงก็จะลงจากต้นไม้เห็นขนมก้นหม้อ ก็รีบเอามือล้วงเข้าไปกำขนมเอาไว้ แต่เมื่อมันจะดึงมือออกมาก็ติดมือที่กำ คนรออยู่แล้วได้ทีก็รี่เข่าไปจับ ลิงก็วิ่งหนีไปโดยมีหม้อติดมืออยู่ พอถึงต้นไม้ก็ปีนไม่ได้เพราะมีมือเหลืออยู่ข้างเดียว ครั้นลิงจะวิ่งหนีก็ติดหม้อ ทำให้วิ่งได้ไม่คล่อง สุดท้ายก็ถูกคนจับได้

ถ้าลิงยอมปล่อยขนมที่กำไว้ในมือ มือก็จะหลุดจากหม้อวิ่งหนีคนได้สบาย แต่เมื่อยังกำไว้มันก็เอามือออกจากหม้อไม่ได้ เป็นเพราะความอยากได้จนหน้ามืดตามัว ทำให้ลิงโง่  เพราะความโลภมันเข้าตา จึงไม่ฉลาดพอที่จะชักมือออกจากหม้อสักที


wewe......

ผมไม่เดิน ห้างลี สงขลา ผมจะเดินโลตัส มีอะไรอะเปล่า พอโลตัสมาสร้างห้างลีก็เจ๊งเเน่นอน

country_road

อ่านเรื่องลิงติดหม้อแล้วไม่เข้าใจความหมายครับ,แต่เข้าใจความหมายว่า ทำนาบนหลังคน มันเป็นยังไง!!!

เพราะผมเป็นนักธุรกิจ ใครอยู้ได้อยู่ อยู่ไม่ได้ก็ออกไป   ส.สั่งสอน ส.สั่งสอน

Zom~Zaa

อยากให้สงขลา มีห้างมานานแล้วววววววววววว
จะดูหนังแต่ละที ไม่ต้องเข้าหาดใหญ่ ประหยัดค่าน้ำมันรถ อิอิ
    ส.ยกน้ิวให้