- ยินดีต้อนรับสู่ กิมหยง - ตะลุงเว็บบอร์ด.
กระทู้โดย Hatyai Nai
- 15:43 น. 25 พ.ค 55อ้างจาก: คนทิ้งหม้อ เมื่อ 13:13 น. 25 พ.ค 55ชื่นชมครับ
ท่านอยู่ที่หมู่ 5 ครับเข้าทางสภ.สิงหนคร ลงไปประมาณ กิโลเศษๆ สอบถามชาวบ้านแถวนั้นดูครับ คนแถวนั้นอัทธยาศรัยดีทุกบ้าน..
กระทู้โดย คนทิ้งหม้อ
- 13:13 น. 25 พ.ค 55ท่านอยู่ที่หมู่ 5 ครับเข้าทางสภ.สิงหนคร ลงไปประมาณ กิโลเศษๆ สอบถามชาวบ้านแถวนั้นดูครับ คนแถวนั้นอัทธยาศรัยดีทุกบ้าน..
กระทู้โดย ซุปเปอร์ฮีโร่
- 08:23 น. 25 พ.ค 55สุดยอดมากครับ
กระทู้โดย wana
- 16:07 น. 24 พ.ค 55เก่งจังเลย พ่อเพื่อนเราเองคะ
กระทู้โดย ขอทราบที่อยู่
- 15:01 น. 24 พ.ค 55อ้างจาก: คนทิ้งหม้อ เมื่อ 13:57 น. 24 พ.ค 55
สุดยอดครับน้าหลวงเขียน อดีตผญบ.พูดจริงทำจริงครับคนนี้คอนเฟร์ม
ขอทราบที่อยู่และการไปด้วยครับ น่าสนใจมาก
มีที่ดินอยู่หน่อย อยากจะปลูกมะม่วงบ้าง ?
สักไม่กี่ต้น แต่อยากมีหลานพันธ์ โดยเฉพาะมะม่วงเบา
กระทู้โดย คนทิ้งหม้อ
- 13:57 น. 24 พ.ค 55สุดยอดครับน้าหลวงเขียน อดีตผญบ.พูดจริงทำจริงครับคนนี้คอนเฟร์ม
กระทู้โดย นายไข่นุ้ย
- 08:58 น. 24 พ.ค 55
กระทู้โดย wee6
- 08:34 น. 24 พ.ค 55 ชอบมะม่วงพิมเสนเบามากครับ ส.สู้ๆมีกิ่งพันธุ์แบ่งขายบ้างไหมครับกระทู้โดย Ovaltine
- 23:56 น. 23 พ.ค 55ยินดีด้วยนะคะ
เห็นข่าวทำนองนี้ คิดถึงและสงสารชาวนามากเลย ต่อไปคงไม่มีชาวนาให้เห็นอีก
เห็นข่าวทำนองนี้ คิดถึงและสงสารชาวนามากเลย ต่อไปคงไม่มีชาวนาให้เห็นอีก
กระทู้โดย puiey
- 18:08 น. 23 พ.ค 55ยินดีด้วยครับ สามารถสร้างรายได้มากเลยที่เดียว เพิ่มช่องทางทำกินของเกษตรกร
กระทู้โดย focus60
- 17:58 น. 23 พ.ค 55ชื่นชมครับ
กระทู้โดย คันหลัง
- 17:42 น. 23 พ.ค 55 กินกับน้ำปลาหวานหรอยมากๆๆกระทู้โดย JaY_SoniC
- 17:19 น. 23 พ.ค 55วันที่ 23 พ.ค. 55 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จ.สงขลา นอกจากจะมีการปลูกยาพาราเป็นพืชเศรษฐกิจหลักแล้ว ยังมีเกษตรกรบางรายที่หันมาทำสวนมะม่วง จนประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน เช่น นายเขียน อุบลพันธุ์ อายุ 67 ปี เกษตรกรในพื้นที่ หมู่ 5 ต.สทิ้งหม้อ อ.สิงหนคร จ.สงขลา ซึ่งได้พลิกผืนนามาทำสวนมะม่วง โดยการปลูกมะม่วงรวมกัน 10 สายพันธุ์ ในแปลงเดียว รวมเนื้อที่ 20 ไร่
โดยแบ่งออกเป็น 3 สวน ประกอบด้วย มะม่วงเบา มะม่วงพิมเสนเบา มะม่วงมันศาลายา มะม่วงเขียวไข่กา มะม่วงฟ้าลั่น มะม่วงเขียวเสวย มะม่วงน้ำดอกไม้ มะม่วงแก้วลืมคอน มะม่วงเพชรบ้านลาด และ มะม่วงโชคอนันต์ ซึ่งมีทั้งหมดจำนวน 700 ต้น โดยเน้นไปที่มะม่วงเบา ซึ่งเป็นมะม่วงพันธุ์พื้นเมืองของภาคใต้ และ มะม่วงพิมเสนเบา เป็นตัวชูโรง ซึ่งสามรถสร้างรายได้เป็นจำนวนถึง 5-7 แสนบาท ต่อปี เลยทีเดียว
นายเขียน อุบลพันธุ์ เล่าว่า ตนได้เริ่มต้นจากที่ดินเพียง 10 ไร่ เมื่อ 40 ปี ที่ผ่านมา โดยใช้ที่ดินทำนาและทำสวนอยู่ในผืนเดียวกัน แต่มาในระยะหลังการทำนาไม่ค่อยได้ผล เลยพลิกผืนนามาทำสวนมะม่วงเพียงอย่างเดียว โดยเน้นปลูกมะม่วงเบาและมะม่วงพิมเสนเบาเป็นหลัก ต่อมาได้ขยายพื้นที่ทำสวนมะม่วงเพิ่มเป็น 20 ไร่ รวม 3 สวน หลังจากนั้นได้นำพันธุ์มะม่วงอีก 8 สายพันธุ์ มาปลูก โดยใช้วิธีเสียบยอดกับโคนต้นมะม่วงเบา และตัดต้นมะม่วงเบาออก ซึ่งให้ผลผลิตได้ดีเช่นเดียวกัน และไม่เปลืองเนื้อที่
สำหรับสวนมะม่วงทั้งหมดไม่มีการใช้สารเคมีกำจัดแมลง แต่จะใช้น้ำหมักจากสมุนไพร ซึ่งประกอบด้วย ใบสะเดา หัวข่า และ ตะไคร้หอม โดยนำน้ำหมักมาฉีดใบมะม่วง เพื่อไล่แมลง และใช้ลูกเหม็นห่อผ้าฉลุมาแขวนที่บริเวณกิ่งที่มีผลมะม่วง ซึ่งกลิ่นของลูกเหม็นทำให้แมลงวันทองไม่กล้าเข้าเจาะผลมะม่วงอีกด้วย
นายเขียน เล่าอีกว่า ตนอยู่กับมะม่วงมาตั้งแต่หนุ่มจนถึงปัจจุบันนานกว่า 40 ปี โดยช่วยกันทำสวนมะม่วงกับภรรยา จนถึงตอนนี้มีลูก 4 คน แล้ว และส่งลูกเรียนจากรายได้จากการขายมะม่วง จนสำเร็จทำงานไปแล้ว 3 คน และกำลังศึกษาอยู่อีก 1 คน ซึ่งเวลาลูกกลับมาเยี่ยมบ้านก็จะเข้ามาช่วยดูแลสวนทุกคน เนื่องจากมีความผูกพัน เพราะ รายได้ทั้งหมดที่ทำให้เล่าเรียนจนจบมาจากสวนมะม่วงทั้งหมด
นอกจากนั้น นายเขียน ยังได้ฝากข้อคิดสำหรับเกษตรกรในการทำการเกษตรให้ประสบความสำเร็จ โดยจะต้องมีความอดทน ขยัน และ มองตลาดให้ออก เพื่อที่จะสามารถนำผลผลิตออกขายในช่วงที่ราคาดี ไม่ใช่หวังพึ่งแต่เทวดาเพียงอย่างเดียว
/////
โดยแบ่งออกเป็น 3 สวน ประกอบด้วย มะม่วงเบา มะม่วงพิมเสนเบา มะม่วงมันศาลายา มะม่วงเขียวไข่กา มะม่วงฟ้าลั่น มะม่วงเขียวเสวย มะม่วงน้ำดอกไม้ มะม่วงแก้วลืมคอน มะม่วงเพชรบ้านลาด และ มะม่วงโชคอนันต์ ซึ่งมีทั้งหมดจำนวน 700 ต้น โดยเน้นไปที่มะม่วงเบา ซึ่งเป็นมะม่วงพันธุ์พื้นเมืองของภาคใต้ และ มะม่วงพิมเสนเบา เป็นตัวชูโรง ซึ่งสามรถสร้างรายได้เป็นจำนวนถึง 5-7 แสนบาท ต่อปี เลยทีเดียว
นายเขียน อุบลพันธุ์ เล่าว่า ตนได้เริ่มต้นจากที่ดินเพียง 10 ไร่ เมื่อ 40 ปี ที่ผ่านมา โดยใช้ที่ดินทำนาและทำสวนอยู่ในผืนเดียวกัน แต่มาในระยะหลังการทำนาไม่ค่อยได้ผล เลยพลิกผืนนามาทำสวนมะม่วงเพียงอย่างเดียว โดยเน้นปลูกมะม่วงเบาและมะม่วงพิมเสนเบาเป็นหลัก ต่อมาได้ขยายพื้นที่ทำสวนมะม่วงเพิ่มเป็น 20 ไร่ รวม 3 สวน หลังจากนั้นได้นำพันธุ์มะม่วงอีก 8 สายพันธุ์ มาปลูก โดยใช้วิธีเสียบยอดกับโคนต้นมะม่วงเบา และตัดต้นมะม่วงเบาออก ซึ่งให้ผลผลิตได้ดีเช่นเดียวกัน และไม่เปลืองเนื้อที่
สำหรับสวนมะม่วงทั้งหมดไม่มีการใช้สารเคมีกำจัดแมลง แต่จะใช้น้ำหมักจากสมุนไพร ซึ่งประกอบด้วย ใบสะเดา หัวข่า และ ตะไคร้หอม โดยนำน้ำหมักมาฉีดใบมะม่วง เพื่อไล่แมลง และใช้ลูกเหม็นห่อผ้าฉลุมาแขวนที่บริเวณกิ่งที่มีผลมะม่วง ซึ่งกลิ่นของลูกเหม็นทำให้แมลงวันทองไม่กล้าเข้าเจาะผลมะม่วงอีกด้วย
นายเขียน เล่าอีกว่า ตนอยู่กับมะม่วงมาตั้งแต่หนุ่มจนถึงปัจจุบันนานกว่า 40 ปี โดยช่วยกันทำสวนมะม่วงกับภรรยา จนถึงตอนนี้มีลูก 4 คน แล้ว และส่งลูกเรียนจากรายได้จากการขายมะม่วง จนสำเร็จทำงานไปแล้ว 3 คน และกำลังศึกษาอยู่อีก 1 คน ซึ่งเวลาลูกกลับมาเยี่ยมบ้านก็จะเข้ามาช่วยดูแลสวนทุกคน เนื่องจากมีความผูกพัน เพราะ รายได้ทั้งหมดที่ทำให้เล่าเรียนจนจบมาจากสวนมะม่วงทั้งหมด
นอกจากนั้น นายเขียน ยังได้ฝากข้อคิดสำหรับเกษตรกรในการทำการเกษตรให้ประสบความสำเร็จ โดยจะต้องมีความอดทน ขยัน และ มองตลาดให้ออก เพื่อที่จะสามารถนำผลผลิตออกขายในช่วงที่ราคาดี ไม่ใช่หวังพึ่งแต่เทวดาเพียงอย่างเดียว
/////