กิมหยง - ตะลุงเว็บบอร์ด

คนที่กำไำรชอบมาอวด คนที่เจ๊งหมดตัวก็หายจ้อยไม่กล้าโวยเพราะ"อาย" สังคมแมงเม่าเลยรับรู้แต่พวกได้กำไร ได้ง่ายๆมันเย้ายวนเหลือเกิน แล้วก็ต้องมีเวรมีกรรมกับหนี้สินที่ทิ้งไว้ให้ครอบครัวต้องร่วมชดใช้
คำเตือนแบบเด็ดขาด ไม่มีเงินเหลือเก็บมากพอ อย่าอวดดีเข้าไปยุ่งกับหุ้นเลยครับ

อยากได้ลูกเสีอต้องเข้าถ้ำเสือ ระวังแม่เสืองับเอานะครับ มีนักลงทุนในหาดใหญ่เพียงสามสี่คนเท่านั้น
ที่ได้กับหุ้นเป็นกอบเป็นกำจริง ๆ แล้วรู้จักกันทั่วในหมู่นักเล่นหุ้น  ส่วนที่ตายไปก็มีอีกเยอะทั้งที่ตายแบบดัง ๆ
และตายแบบเงียบ ๆ ที่ไม่มีคนรู้ นั่นอาจจะเป้นเพราะกาลสมัยและข้อกำหนดต่าง ๆ เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อก่อนสามารถ
เปิดพอร์ตใหญ่ ๆ วัดดวงกับมันได้ มีทั้งแมวเก้าชีวิตสิบชีวิต ถ้ายังใช้วิธีเดิม ๆ คงรอดยาก แต่ถ้ารู้จักศึกษาและใช้
ให้เป็นก็สามารถเป็นแหล่งลงทุนอีกทางเลือกหนึ่ง ผมเป็นเพียงแมงหวี่(เล็กกว่าแมงเม่า) ที่เคยเห็นทั้งเสียงหัวเราะ
เห็นทั้งน้ำตามาแล้วเท่านั้นเอง

การลงทุน มีความเสี่ยง (มากกกกกก)  เหรียญมีสองด้าน หุ้นมีขึ้น ก็ต้องมีลง ศึกษาพื้นฐานของแต่ละตัว วิเคราะห์ตัวเองว่าเป็นคนสไตล์ไหน เลือกหุ้นให้เข้ากับตัวเอง ถ้าพลาดเราก็พลาดเอง อยากได้ลูกเสือ ต้องเข้าถ้ำเสือ    สุดท้ายขอให้โชคดี ในการลงทุนครับ

เรามักจะเห็นคนมาเล่าต่อๆกันว่าวันนี้ฟาดไป3ไม้ กำไรมาสองแสนกว่า

แต่เมื่อขาดทุนมักไม่ค่อยมีคนมาเล่าสู่กันฟัง เพราะมันเป็นความน่าอาย

ที่แพ้หุ้น เราเลยมักเห็นภาพแห่งความสำเร็จ มากกว่าความพ่ายแพ้

ซึ่งก็เป็นอย่างที่โบรกเกอร์ต้องการ ทำอะไรก็ได้ที่คิดว่าเราถนัด อย่า

ทำตามคนอื่น คนมีเงินหาดใหญ่ชอบทำตามๆกัน เห็นเขาเปิดร้านขนมเค็ก

ร้านกาแฟ กูก็เอาบ้าง ตอนนี้หาดใหญ่มีร้านประเภทนี้มากมาย ไม่รู้จะทน

กันได้นานแค่ไหน แต่เจ้าเก่าผมว่ายังเหมือนเดิม เจ้าใหม่ๆครับที่ต้องลุยกันต่อไป

โชคดีครับทุกท่าน พอเพียงครับ แน่นอนที่สุด อาจไม่ดูดีเท่าคนอื่น แต่ก็ไม่ลำบากครับ

    เห็นมาเยอะกับคนที่เข้าไปคลุกคลีกับ หุ้น เยอะแต่ส่วนมากไม่หมดตัวแล้วเลิก ก็เป็นหนี้
ให้หนักต้องหนีไปเลย ขนาดพวกที่เขาเรียกนายทุนยังโดนเหมือนกัน 555 ปล่อยเอาดอกเบี้ย
ว่างั้นเถอะ หมดกันทีเป็น 10 ล้าน 100 ล้านก็เห็นมาแล้วสำหรับคนที่จะก้าวท้าวเข้าไปใหม่
จำให้ดีและต้องทำให้ได้ตั้้งงบที่จะเล่นไว้ ถ้าหมดเลิกอย่าไปเอาคืนไม่งั้นหมดตัวแถมเป็นหนี้
คนที่เคยได้ขนาดเยอะซื้อเฟอรารี่มาขี่ปัจจุบันขี่รถร้ายๆพูดๆไปถามๆดูคนเก่าๆว่าจริงหรือเปล่า

ลืมบอกไป อย่างที่คุณ ประสบการณ์ บอกครับถูกต้องที่สุด "อย่ากู้เงินมาเล่นหุ้น"   

สำหรับการลงทุนระยะสั้นผมไม่แนะนำครับ คุณอาผมเป็นโบรกเกอร์ได้ให้ความเห็นสั้นๆเข้าใจง่ายไว้ว่า "ถ้าคิดว่าตลาดหุ้นเป็นที่ให้แม่บ้านหาค่าขนมให้ลูกไปโรงเรียนไปวันๆละก็..ยาก" คำเสียดแทงนิดๆ สำหรับผู้คิดจะเป็นแมงเม่า

                                                 โชคดีสำหรับการลงทุนครับ

ไปว่ามันเป็นการพนันก็ไม่ถูกนะครับที่บอกว่ามันเสี่ยงสูงก็จริงอยู่นะครับ แต่มันจะเป็นประโยชน์นะครับสำหรับการลงทุนระยะยาว เพราะเงินที่ลงทุนที่คุณได้ผลกำไรแน่นอนนะครับ ไม่ว่าความรู้คุณที่เกี่ยวข้องตลาดหลักทรัพย์จะกากแค่ไหน(ขอใช้คำนี้นะครับ) ถ้าหากคุณมีเงินที่เขาเรียกกันว่า "เงินเย็น" คือเงินที่คุณไม่มีความคิดที่จะนำไปใช้ลงทุนอะไรเหรอใช้สอยอะไรเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน(ในความคิดผมแต่ทางทฎษฎีมากว่านั้น) นำไปลงทุนจากนั้นก็คอยดูความเคลื่อนไหวเป็นระยะครับ เพราะว่าเงินที่เราลงไปนั้นจะมีค่าเพิ่ม-ลดตามราคาหุ้นที่เราซื้อ และตลาดก็ผันผวนอยู่ตลอดเวลา แต่ถึงอย่างไรก็ตามหากถือครองระยะยาวยังไงราคาหุ้นก็ขิ้นครับ หากคุณไม่แน่ใจลองเล่นเกมส์ตลาดหุ้นจำลองของตลาดหลักทรัพย์ก็ได้ใช้ราคาขิ้นลงจริงครับ หรือเกมส์หุ้นของ เว็ปพันทิพย์ก็ได้ครับเข้าใจง่ายดี ผมเคยลองรันตั้งไว้ไม่ส่งคำสั่งขายเป็นเดือนๆปรากฎว่ากำไรครับ แต่อย่างว่าละครับเงินจำลองกับเงินจริงมันต่างกัน แค่เห็นมันลดนิดเดียวก็ใจแป้วแล้ว

ลงทุนแบบพวกขี้เกียจไปเล่นที่บ่อนพนันเหรอครับ ผมว่าสัดส่วนของคนที่ถือหุ้นเพื่อการลงทุนจริงๆ มีไม่เกิน 10 เปอร์เซนต์หรอกครับ ที่เหลือคือพวกนักเล่นพนันรายใหญ่จนถึงรายย่อยทั้งน้าน เขามีคำพูดว่าเจ้าบ่อนต้องไม่เล่นการพนันเองถึงจะร่ำรวย เพียงแต่รูปแบบของบ่อนพนันแบบนี้ถูกกฎหมาย รัฐฯส่งเสริม ดูดีกว่าเดินเข้าบ่อนการพนันทั่วไปซึ่งผิดกฎหมาย 

พูดตรงๆก็คือมาชักชวนหน้าใหม่ให้เล่นหุ้น ในฐานะที่ยังอยู่ในแวดวงนี้เคยได้กำไรมากพอจะเลี้ยงตัวแบบพอเพียงได้จนแก่เฒ่า และเคยหมดตัวล้มลุกคลุกคลานขนาดต้องหลบหน้าไปเป็นปี
สรุปแบบเข้าใจง่ายๆ การเล่นหุ้นมี2แบบใหญ่ๆ
1.เล่นเหมือนการพนัน(เสี่ยงมาก) คือลงเงินไปแล้วคอยลุ้นให้หุ้นขึ้นแล้วขายเอากำไร เล่นวันต่อวัน หรือซื้อแล้วถือรอให้ได้กำไรตามใจชอบแล้วค่อยขาย บางครั้งรอหลายวัน หลายสัปดาห์หรือหลายเดือนฯลฯ ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยศึกษารายละเอียด เลือกหุ้นที่เห็นเขาเล่นกันเยอะๆ ผลก็คือเหมือนการพนัน ได้แล้วจะเอาอีก เสียแล้วจะเอาคืน ผลสุดท้าย...
2.เล่นแบบการลงทุนทำกิจการ(เสี่ยงน้อย) คือเหมือนเราเป็นเจ้าของกิจการนั้นด้วย เลือกซื้อหุ้นที่ทำมาค้าขายคงเส้นคงวา ทีมบริหารไว้ใจได้ ประวัติดี แต่ราคาอาจแพงต้องใช้เงินลงทุนเยอะ สิ้นปีมีส่วนแบ่งให้สมั่าเสมอ(ปันผล) ราคาหุ้นก็จะค่อยๆแพงขึ้นอยู่เรื่อยๆไม่หวือหวา หุ้นแบบนี้ต้องอดทนรอ ไม่ตกใจขายขาดทุนถ้าราคาลดลง และไม่ดีใจจนรีบขายถ้าราคาขึ้น อาจไช้เวลาเป็นปีหรือหลายปี สุดท้ายถ้าไม่มีเหตุสุดวิสัยจริงๆจนทำให้หุ้นตกระเนระนาด หุ้นพวกนี้จะกลายเป็นแหล่งออมเงินที่ดีที่สุด คือได้ทั้งดอกเบี้ย(ปันผล)และมูลค่าหุ้น(กำไร) ดีกว่าฝากธนาคารหลายเท่าหรือหลายสิบเท่า
เพราะฉะนั้นน้องๆหลานๆที่อยากจะลงสนามนี้ 1.ต้องศึกษาให้ละเอียดและใช้เวลาเป็นปี 2.ต้องรู้จักระงับจิตใจไม่ตกใจง่าย 3.ไม่โลภแบบทุ่มจนหมดตัว 4.ติดตามข่าวสารบ้านเมืองสม่ำเสมอ 5.อย่ากู้เงินมาลงทุนโดยเด็ดขาด 

บรรยากาศเพิ่มเติม

ศูนย์ข่าวบ้านเรา.-ตลาดหลักทรัพย์สัญจรหาดใหญ่สุดคึกคัก นักลงทุนหน้าเกาา-ใหม่ แห่ร่วมงานเพียบ เผยหาดใหญ่เป็นตลาดภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ นักวิเคราะห์ชี้จุดเปลี่ยนประเทศไทยหลังเลือกตั้งมีหลายมุมมอง

(25 มิ.ย.54) ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มีพิธีเปิดงาน "มหกรรมการลงทุนครบวงจร : SET in the City สัญจร หาดใหญ่ จ.สงขลา" ครั้งที่ 2 โดยมีนายพิศาล ทองเลิศ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา เป็นประธานเปิดงาน คุณเกศรา มัญชุศรี ผู้ช่วยผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวรายงาน มีแขกผู้เกียรติ จากหอการค้าจังหวัดสงขลา สภาอุตสาหกรรมจังหวัดสงขลา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ฯลฯ พร้อมด้วยนักลงทุนที่ให้ความสนใจเข้าร่วมงานจำนวนมาก

คุณเกศรา มัญชุศรี กล่าวว่า หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นแห่งการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดเป็นรองเพียงกรุงเทพแห่งเดียวเท่านั้น และชาวสงขลามีความตื่นตัวด้านการลงทุนสูง มีบริษัทหลักทรัพย์ให้บริการ 14 ราย 20 สาขา การจัดกิจกรรมสัญจรลงใต้ของตลาดหลักทรัพย์ เพื่อมุ่งเน้นการให้ความรู้ ข้อมูลการลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่น่าสนใจทั้ง หุ้น ฟิวเจอร์ ทองคำ เงิน และกองทุนรวม โดยภายในงานนอกจากการออกบูธของบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ แล้ว ยังมีการสัมมนาจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญที่ร่วมให้ความรู้แก่นักลงทุนด้วย

[attach=2]

สำหรับบรรยากาศโดยรวมภายในถือว่ามีความคึกคักไปด้วยนักลงทุนที่มากันทุกรุ่นและให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังการสัมมนาช่วงต่างๆ อย่างล้นหลาม ในช่วงของการสัมมนาช่วงจัดทัพ ปรับพอร์ตหุ้น ลงทุนรับเลือกตั้ง ผู้ร่วมเสวนา กล่าวถึงแนวโน้มหลังการเลือกตั้งว่าไม่น่าจะมีเรื่องน่าวิตกเหมือนที่หลายคนเป็นห่วงและปล่อยกันออกมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามปัจจัยทางการเมืองก็ยังเป็นตัวจักรสำคัญของประเทศไทย หากการเมืองนิ่งทุกอย่างก็จะขับเคลื่อนไปได้ด้วยดี

แต่หลังการเลือกตั้ง สิ่งที่น่าจับตามากที่สุดไม่ว่าขั้วไหนขึ้นมาเป็นรัฐบาล คือการใช้จ่ายเงินของรัฐบาลเพื่อรองรับนโยบายประชานิยม โดยเฉพาะการขึ้นเงินเดือน ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งช่วยให้เงินสามารถกระจายถึงรากหย้ามากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็น่าห่วงที่ผู้ประกอบการที่ต้องมีภาระมากขึ้น ประชาชนขาดวินัยทางการเงิน เกิดภาวะเงินเฟ้อ เงินฝืด พรรคการเมืองทุกพรรคเสนอแต่นโยบายใช้เงิน ลดภาษี แต่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องเงินเฟ้อ ดอกเบี้ย การปกป้องค่าเงิน ซึ่งเป็นปัจจัยที่น่าห่วงเช่นกันหากไม่ควบคุมให้ดีเราอาจมีปัยหาทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่อีกก็เป็นได้

[attach=3]
ตลท.มอบเงินสนับสนุนมูลนิธิมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์