อยากให้คุณกิมหยง ตั้งหัวข้อ "ชมรมฟื้นฟูเส้นทางรถไฟสาย หาดใหญ่-สงขลา"
คล้ายๆ ในกรณีการตั้ง หัวข้อตลาดน้ำคลองแห
หากจะผลักดันเส้นทางรถไฟเส้นนี้กันจริงๆ ก็ควรจะตั้งนะ เพราะข้อมูลเกี่ยวกับ รถไฟสายนี้ อยู่สะแปะสะปะไปหมด น่าจะรวมๆไว้ เพื่อช่วยๆกันผลักดัน
ข้อมูลข้างล่างเอามาจากบล๊อกๆหนึ่ง
................................................

รูปที่ 1 : แสดงสถานีรถไฟสงขลาในอดีต
"การตั้งชมรมฟื้นฟูรถไฟสาย หาดใหญ่-สงขลา"[/b] เป็นการผลักดันในรูปแบบที่ได้ผลอย่างคาดไม่ถึง
ว่ากันด้วยประวัติของรถไฟเส้นทางสายนี้ เส้นทางรถไฟสาย หาดใหญ่-สงขลา ถือเป็นเส้นทางรถไฟสายแรกๆที่ก่อสร้างขึ้นในประเทศไทย และมีประวัติที่ยาวนาน ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จนมาถึงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เส้นทางรถไฟสายนี้ มีผลต่อการสกัดกั้นการยกทัพของจักรวรรดิญี่ปุ่น ในแผนการจะมีการระเบิด สะพานหลายแห่ง เช่นสะพานน้ำน้อย และมีการเตรียมกำลังพลไว้สกัดบริเวณ เนินภูเขาน้ำน้อย ซึ่งเป็นทางแคบ อีกทั้ง เส้นทางรถไฟสายนี้ ยังมีประวัติผูกพันธ์กับ คนหาดใหญ่-สงขลา มาเป็นระยะเวลานาน ดังนั้นเส้นทางรถไฟสายนี้ จึงเป็นเส้นทางสายประวัติศาสตร์อย่างชัดเจน ไม่แพ้เส้นทางรถไฟ สายกาญจนบุรีเลยทีเดียว

รูปที่ 2 : แสดงเส้นทางรถไฟสาย หาดใหญ่-สงขลา ถูกบุกรุก ในเขต อ.เมืองสงขลา
แต่ปัจจุบัน เส้นทางรถไฟสายนี้ กลับถูกละเลย และถูกปิดไป เพราะเหตุผลทางการเมือง และผลประโยชน์บางอย่าง
เรื่องที่น่าเศร้าคือ เส้นทางรถไฟสายนี้ กำลังถูกบุกรุก อย่างหนัก เนื่องจากข้ออ้างที่ว่า ไม่มีรถไฟวิ่งแล้ว จะปล่อยพื้นที่ให้ว่างไว้ทำไม
และปัจจุบัน มีการพูดถึงเรื่องการฟื้นฟูเส้นทางรถไฟสายนี้ แต่จะฟื้นฟูได้อย่างไร หากไม่มีรถไฟวิ่ง โอกาสในการถูกบุกรุกก็จะมากขึ้น จนยากที่จะแก้ไขได้ในอนาคต

รูปที่ 3 : แสดงเส้นทางรถไฟสายสุพรรณบุรี ที่ถูกรักษารางไว้ด้วย รถไฟขบวน 355 ซึ่งมีแค่ 2 โบกี้เท่านั้น

รูปที่ 4 : แสดงหัวรถลาก ที่อาจจะสามารถนำมาวิ่งในเชิงการ "รักษาราง" และต่อพ่วงด้วยโบกี้ ขนส่งสินค้า ขนส่งมวลชน และการท่องเที่ยวขนาดเล็กได้ อาจจะใช้ในกรณีที่ รฟท. อ้างว่าหัวรถจักรไม่พอ

รูปที่ 5 : แสดงระบบขับเครื่องของรถลากแบบนี้ จะเห็นได้ว่า สามารถเอารถบันทุกมาดัดแปลงได้ไม่ยากเลย
กรณีศึกษาในเรื่องนี้คือ [/b]เส้นทางรถไฟสายสุพรรณบุรี ที่แทบจะไม่สามารถ สู้กับถนนมอเตอร์เวย์ ที่ตัดตรงเข้าสู่ตัวจังหวัดสุพรรณบุรีได้เลย แต่ทว่า นายบรรหาร ศิลปะอาชา ซึ่งเป็นนายกรัฐมณตรีในขณะนั้น ได้แล่งเห็นแล้วว่า หากไม่มีรถไฟวิ่ง พื้นที่ทางรถไฟจะถูกบุกรุกอย่างแน่นอน จึงได้เกิดโครงการ
รถไฟรักษาราง" [/b] ซึ่งวิ่งวันละเที่ยว และทำให้เส้นทางรถไฟสายสุพรรณบุรี รักษาตัวตนเอาไว้ได้ และในอนาคต เส้นทางนี้จะไปเชื่อมกับภาคเหนือ เป็นรถไฟเส้นทางเศรษฐกิจ เหนือ-ใต้ หรือ เส้นทาง จีน-สิงคโปร์ โดยไม่ต้องวิ่งเข้ากรุงเทพฯ
จากตัวอย่าง เส้นทางรถไฟสายสุพรรณบุรี แสดงให้เห็นผลเป็นรูปธรรมแล้ว ว่า สามารถที่จะรักษารางได้ ดังนั้น คนหาดใหญ่-สงขลา จึงต้องคิดว่า ควรจะทำอย่างไร ให้เกิดรถไฟในรูปแบบ
"รักษาราง"[/b]ให้เกิดขึ้นก่อน ไม่เช่นนั้นแล้วการบุกรุกเส้นทางรถไฟสายนี้ จะมากขึ้นทุกวัน จนยากต่อการแก้ไขได้ในอนาคต
แต่รูปแบบที่จะทำให้เกิด
"รถไฟรักษาราง"[/b] เกิดขึ้นนั้น มีหลายๆรูปแบบ เช่น รถไฟเชิงการท่องเที่ยว เพราะเป็นรถไฟสายประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับสงครามโลก เช่นเดียวกับ รถไฟสายกาญจนบุรี หรืออาจจะขนส่งมวลชนขนาดเล็ก หรือขนส่งสินค้าขนาดเล็ก (ตามรูปที่ 4 และ 5)

รูปที่ 6 : แสดงรถไฟ LRT ที่สามารถนำมาวิ่งขนส่งมวลชนบนรางขนาด 1.00 ม. ได้ทันที่

รูปที่ 7 : แสดงการขนส่งสินค้า หากมีการสร้างรางไปถึงท่าเรือน้ำลึกสงขลา และสามารถใช้รางร่วมกับ LRT ได้
ซึ่งเมื่อเกิดรูปแบบ
"รถไฟรักษาราง" [/b]เกิดมาขึ้นแล้ว ผลที่ได้คือ
1.จะไม่มีการบุกรุกเพิ่มเติมจนอยากต่อการแก้ไข (รูปที่ 2 )
2.สามารถที่จะพัฒนาต่อ จนกลายเป็นระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ หรือ รถไฟ LRT ของ หาดใหญ่-สงขลาได้ (รูปที่ 6)
3.และยังสามารถพัฒนาต่อจนกลายเป็น รถไฟขนส่งสินค้า เข้าท่าเรือน้ำลึก สงขลา ซึ่งจะเป็นแนวแลนด์บริจด์อีกแนวได้ (ในข้อนี้จะต้องมีการสร้างรางเพิ่มไปจนถึงท่าเรือน้ำลึกสงขลา) (รูปที่ 7)
และจากที่อธิบายมาทั้งหมด คีย์เวริด์สำคัญ ก็คือ ต้องให้เกิดรถไฟในรูปแบบ "รถไฟรักษาราง" ให้ได้ก่อน[/b]

รูปที่ 8 : แสดงการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน
แต่การจะทำให้เกิดรถไฟในรูปแบบ
รักษาราง[/b]นั้น ดูเหมือนว่าจะไม่ง่ายนัก เพราะอย่างที่บอก มีทั้งคนได้ และคนเสีย อีกทั้ง หน่วยงานของกระทรวงคมนาคม ในนาม สนข. ที่ศึกษา เกี่ยวกับเรื่องนี้ มีแนวโน้มว่า จะเลือก BRT ซึ่งก็คือรถเมล์ดีๆนี้เอง แต่เป็นรถเมล์ที่วิ่งในช่องทางพิเศษในถนน สาย 407 เท่านั้นเอง เรื่องนี้อาจมีผลประโยชน์ที่ซับซ้อน คงไม่สามารถลงรายละเอียดได้ เพราะมีเอกชนบางราย ผลักดัน BRT เต็มตัว
และหากเกิด BRT ขึ้นจริงๆ เส้นทางรถไฟสาย หาดใหญ่-สงขลา ต้องใช้คำว่า "ตายสนิท" อย่างแน่นอน[/b]
และอย่างที่บอก คนหาดใหญ่-สงขลา แค่ไม่กี่คนที่รักเส้นทางรถไฟสายนี้ คงจะไม่สามารถต่อสู้กับหน่วยงานของรัฐ แบบ สนข. หรือกระทรวงคมนาคมได้ หากเราไม่รวมตัวกัน
ดังนั้น การรวมตัวกันผลักดันเส้นทางรถไฟสายนี้ จะสามารถทำให้เกิดพลังในการต่อรอง กับหน่วยงานใหญ่ๆได้ แต่ปัจจุบันนั้น การรวมตัวกันผลักดัน ค่อนข้างขนาดเอกภาพ ต่างคนต่างทำ จึงไม่เกิดพลัง สับสนกันไปหมด

รูปที่ 9 : แสดงการรวมตัวกันของภาคประชาชน โดยใช้สัญลักษณ์คือ ผ้าคาดผมสีเขียว

รูปที่ 10 : แสดงธงสัญลักษณ์ขององค์กรภาคประชาชนองค์กรหนึ่ง
ดังนั้น ควรจะรวมตัวกันและตั้งเป็น
"ชมรมฟื้นฟูเส้นทางรถไฟสายหาดใหญ่-สงขลา" [/b]ตั้งเป็นชมรมขึ้นมา และจดทะเบียนเป็นองค์กรภาคประชาชน ต่อกระทรวงมหาดไทยให้ถูกต้อง จะทำให้มีกำลังต่อรองมากมายทีเดียว ซึ่งกลุ่มเสื้อเหลือง เสื้อแดง หรือแม้กระทั้งกลุ่ม NGO ได้พิสูทธิ์ มาแล้ว ว่าสามารถต่อรองกับรัฐได้
ในองค์กรจะต้องมีการตั้งเป้าหมาย ระยะสั้น กลาง ยาว อย่างเป็นระบบ มีช่องทางการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน มีสัญลักษณ์ร่วมกัน เช่น ป้าย ธง เสื้อ ตราสัญลักษณ์ ฯลฯ (รูปที่ 9 และ 10)
และจะต้องมีการขับเคลื่อนองค์กร หาแนวรวมทางความคิดเพิ่มเติม เช่นติดป้ายประกาศ จัดเวทีแสดงความคิดเห็น สร้างบอร์ดข่าว ติดต่อทางอินเตอร์เน็ต สร้างกิจกรรมต่างๆเช่น นำนักเรียนนักศึกษาไปถางหญ้า ริมทางรถไฟ เป็นต้น
องค์กรภาคประชาชนที่เข้มแข็ง มีพลังกว่าที่คิดมาก แค่ประชาชนรวมตัวกัน เอาจอบเอามีดไปคนละเล่มไปฟื้นฟูเส้นทางรถไฟสายนี้กันเอง แค่นี้รัฐก็หนาวๆร้อนๆแล้ว แต่ต้องรวบรวมคนที่มีแนวคิดเหมืนกัน ในการฟื้นฟูเส้นทางรถไฟสายนี้ ให้รวมเป็นกลุ่มก้อน หรือบางคนที่เข้าร่วมชมรมอาจจะมีตำแหน่งทางหน้าที่การงานใหญ่โต ก็จะทำให้ชมรมยิ่งมีพลังต่อรองเยอะขึ้นอีก และเมื่อมวลชนรวมกันได้ ภาคธุรกิจ ภาคการเมือง ก็จะเข้ามาสนับสนุนเอง
หากทำได้เส้นทางรถไฟสายนี้ จะเป็นของประชาชนโดยแท้จริง หาก รฟท.ไม่ยอมให้ใช้เส้นทาง พวกเราก็รวมตัวกันฟ้องศาลปกครอง งานนี้มีลุ้นแน่ แต่เหตุการณ์ ที่ว่า รฟท. ไม่ยอม คงเป็นไปได้ยาก เพราะรฟท. จะเก็บเส้นทางให้หญ้าขึ้นรกไปทำไม และจะมีเรื่องกับคน หาดใหญ่-สงขลา ไปทำไม
ถ้าเราไม่ช่วยกันเอง ใครจะมาช่วยเรา "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" สุภาษิตนี้ ยังใช้ได้ดีแม้เวลาจะเปลี่ยนไปแค่ไหนก็ตาม[/b]
ผู้เขียนหวังว่า คงเกิด
"ชมรมฟื้นฟูเส้นทางรถไฟสาย หาดใหญ่-สงขลา"[/b] อย่างเป็นรูปธรรมในไม่ช้านี้
เครดิดรูปทั้งหมด : อยู่ในรูปแล้ว
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=chuk007&month=10-2009&date=01&group=1&gblog=17