รถยนต์คันแรกของหาดใหญ่

[พี่แอ๊ด]

ภาพนี้หลายคนคงเห็นมาเยอะแล้ว  แต่ยังไม่เคยทราบว่า 
จากภาพนี้จะมีรถยนต์คันแรกของเมืองหาดใหญ่ 

[พี่แอ๊ด]

จากภาพซ้ายมือเป็นร้านถ่ายรูปโปจิน  ร้านถ่ายรูปร้านแรกของหาดใหญ่
และภาพนี้ก็เป็นฝีมือของร้านนี้  ถ่ายจากถนนเจียกีซี  หลังสถานีรถไฟ
ต่อมาก็คือ  ถนนธรรมนูญวิถึ   
ขวามือใคร ๆ ก็เข้าใจว่าเป็นเกวียนกับเจ้าของเกวียน  แต่ทายาท
ขุนนิพัทธ์จีนนคร  (นายกิตติ  จิระนคร)  เฉลยว่าขวามือคือรถยนต์
2 สูบ  รถยนต์คันแรกของหาดใหญ่ ไม่ใช่เกวียนอย่างคนเข้าใจกัน
และคนที่หันหลังอยู่นั้น  คือ ขุนนิพัทธ์ฯ  ผู้สร้างป่าละเมาะให้เป็นเมือง
หาดใหญ่  ผู้ผลิตน้ำมันรถยนต์จากยางพารา  ในยามหลังสงครามโลก
ครั้งที่ 2

[พี่แอ๊ด]

ปัจจุบันยังมีรถคันนี้อยู่มั้ยคะ
เมื่อเทียบกับล้อเกวียนด้านซ้ายมือ จะมีขนาดใหญ่กว่าเห็นๆ อิอิ  ;D

แล้วรถคันนี้ก็ใช้น้ำมันจากยางพาราใช่มั้ยคะ ท่านเก่งจัง  O0

รถคันนี้ไม่มีแล้วคะ  แต่รถคันนี้เป็นรถยนต์ที่ใช้สำหรับ
ขับในเมืองหาดใหญ่แล้ว  ยังขับไปเมืองอีโป (มาเลเซีย)
ใช้เวลา 4 ชั่วโมง  เพื่อไปซื้อเครื่องดื่มสำหรับต้อนรับข้าราชการ
ชั้นผู้ใหญ่  ซึ่งในสมัยนั้นยังไม่มีด่านศุลกากร  ใช้เวลาน้อยกว่า
ไปซื้อจากกรุงเทพฯ

[พี่แอ๊ด]

รถคันนี้เติมน้ำมันที่บ่อยางสงขลา 
หลังเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2   ในปี พ.ศ.2484    ได้รับความกระทบ
ในเรื่องการขาดแคลนน้ำมันเบนซิน   ขุนนิพัทธ์ฯ จึงได้กลั่นน้ำมันเบนซิน
จากยางพารา  เพราะท่านทำเหมืองแร่  มีหม้อน้ำใหญ่ที่มีเครื่องวัดความ
ร้อน     จนสามารถกลั่นน้ำมันเบนซินได้ผลสำเร็จ   มีคุณภาพพอใช้กับ
รถยนต์ทุกชนิด  แต่มีข้อบกพร่องที่น้ำมันมีความเหนียว  ต้องหมั่นล้าง
เครื่องยนต์บ่อย ๆ แต่ก็นำไปใช้แก้ความขาดแคลนได้

[พี่แอ๊ด]

การกลั่นน้ำมันจากยางพาราผลิตได้เดือนละ 70,280 ปีป  ใช้ทั่วทั้ง
หาดใหญ่ - สงขลา  รวมประเทศมาเลเซียในรัฐเปอร์ลิส, รัฐเคดาห์
รัฐตรังกานู และรัฐกลันตัน  ก็ยังสั่งน้ำมันจากท่านเช่นกัน
และหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นี้ท่านยังสั่งเกลือมาขายจากจังหวัด
ประจวบึคีรีขันธ์  มาทางทะเลสาบสงขลา

[พี่แอ๊ด]

นี่คือซากรถวอลโล่ในอดีต  รถจากประเทศสวีเดน
หรูที่สุดของเมืองหาดใหญ่  ของทายาทขุนนิพัทธ์ฯ
อายุมากกว่า 50 ปี

[พี่แอ๊ด]

อีกคันลุย ๆ ใช้สำหรับไปเหมืองแร่  เป็นรถของ
นายกิตติ  จิระนคร ทายาทขุนนิพัทธ์ฯ

[พี่แอ๊ด]

นี่คือซากรถวอลโล่ในอดีต  รถจากประเทศสวีเดน
หรูที่สุดของเมืองหาดใหญ่  ของทายาทขุนนิพัทธ์ฯ
อายุมากกว่า 50 ปี

ลืมภาพ

[พี่แอ๊ด]

บริเวณที่จอดรถเก่านี้  อดีตเคยเป็นหลุมหลบภัยในยาม
สงครามโลกครั้งที่ 2

[888]

ช่วยนำเขามาสู่เกียรติภูมิ  ที่ดีๆ จัดที่จัดทางให้เขาเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์เมืองหาดใหย๋ด้วยครับ  ขอบคุณในความรู้ชิ้นนี้ครับ

[กิมหยง]

ติดตามเว็บกิมหยงต่อไปนะครับ

เว็บนี้แหละ ที่จะเล่าความเป็นมาของเมืองหาดใหญ่
แบบไม่มีเบื้องหลังแอบแฝงครับ

จะได้ทราบประวัติของเมืองหาดใหญ่ที่เป็นประวัติจริง ๆ เสียที
มิใช่นิยายเพี้ยนๆ ที่แต่งกันมั่วไปหมด

ติดตามได้ที่นี่ครับ เร็ว ๆ นี้ครับ

[พี่แอ๊ด]

และข้อมูลทั้งหมดเป็นข้อมูลจากทายาทคนที่ 11 ของขุนนิพัทธ์ฯ
ที่เหลือเพียงไม่กี่ท่านเท่านั้น  ข้อมูลบางอย่างฟังแล้วอึ้ง 

[Thanakorn P.]

ติดตามเว็บกิมหยงต่อไปนะครับ

เว็บนี้แหละ ที่จะเล่าความเป็นมาของเมืองหาดใหญ่
แบบไม่มีเบื้องหลังแอบแฝงครับ

จะได้ทราบประวัติของเมืองหาดใหญ่ที่เป็นประวัติจริง ๆ เสียที
มิใช่นิยายเพี้ยนๆ ที่แต่งกันมั่วไปหมด

ติดตามได้ที่นี่ครับ เร็ว ๆ นี้ครับ

จะติดตามต่อไปครับ
น่าสนใจจริงๆ ถ้าทำเป็นหนังคงสนุกแน่นอน

[พี่แอ๊ด]

คงทำเป็นหนังไม่ได้แน่นอน  ถ้าอยู่ในวงการบันเทิง
ก็คือ  โดนสกัดดาวรุ่ง มาโดยตลอด

[แฟนเก่าชื่อส้ม]

ถ้าเจ้าของวอลโวล่เมืองนอกมาเห็นละก็ ขอซื้อคืนราคางามแน่นอน

[Kungd4d]

 ;D :D จากหลายๆกระทู้ที่พี่แอ๊ดโพสมา ผมว่าถ้าหากจัดตั้งเป็น พิพิธภัณฑ์ ได้ก็น่าจะดีนะครับ  ;D :D

[พี่แอ๊ด]

;D :D จากหลายๆกระทู้ที่พี่แอ๊ดโพสมา ผมว่าถ้าหากจัดตั้งเป็น พิพิธภัณฑ์ ได้ก็น่าจะดีนะครับ  ;D :D

เป็นไปไม่ได้เลย  ถ้าหากฟังจากทายาทขุนนิพัทธ์
จะทราบดีเพราะอะไร  เขียนในนี้ไม่ได้  บอกเพียงแต่ว่า
เกี่ยวกับผู้บริหารฯ
อยากจะบอกคนปัจจุบันหรือคนรุ่นหลังว่า บุคคลคนนี้คือ
ผู้มีพระคุณกับแผ่นดินเมืองหาดใหญ่มากมายมหาศาล
ที่หลาย ๆ คนไม่เคยรับรู้เลย  เมืองหาดใหญ่ตั้งขึ้นมา
เกือบ 100 ปี มาแล้ว (หาดใหญ่ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2459)

[กิมหยง]

ยังแปลกใจที่นำยางพารา มาทำเป็นน้ำมันนี่แหละ

[พี่แอ๊ด]

สมควรแล้วที่ประวัติของท่าน  เคยได้รับการตีพิมพ์ลงในหนังสือ
"The Succesful Men of Southeast Asia"  เป็นหนังสือ
ที่เขียนเฉพาะชีวประวัติของบุคคลในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย
และไทย  ที่ประสบความสำเร็จในด้านการทำงานและได้บำเพ็ญ
ประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ
แต่น่าแปลกที่ในวารสารของเทศบาลหาดใหญ่เอง  ไม่เคยตีพิมพ์
ชีวประวัติของบุคคลนี้  และไม่เคยให้ความสำคัญต่อบุตรหลาน
ท่านเลย  เคยเห็นที่ มอ.ปัตตานี  จัดงานขอบคุณรุ่นหลานของ
ผู้บริจาคที่ดินให้แก่ มอ.ปัตตานี ทุกปี

[พี่แอ๊ด]

นายจันทร์  สมบูรณกุล  อดีตนายอำเภอหาดใหญ่ ปี พ.ศ.2486
กล่าวถึงขุนนิพัทธ์ฯ  เมื่อมารับตำแหน่งนายอำเภอหาดใหญ่ใหม่ ๆ
ปลัดอำเภออาวุโสสมัยนั้น นำไปทำความรู้จัก และคารวะต่อท่านขุน
ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นพระภูมิเจ้าที่  และได้ยืมรถยนต์ของท่านขุน
ใช้ในราชการ  เนื่องจากทางอำเภอมีรถยนต์เซฟโรเล็ทเก่า ๆ
เพียงหนึ่งคัน  บางครั้งก็ใช้งานไม่ได้

[พี่แอ๊ด]

หนูทราบมาเพิ่มเติมว่า ในอดีตท่านเคยได้รับดำรงตำแหน่งเป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองหาดใหญ่ด้วยหรือคะ
ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรคะ เคยดำรงตำแหน่งนี้กี่ปีคะ

แล้วคุณเลี่ยง ดวงสุวรรณ พี่แอ๊ดเคยได้ยินมั้ย เห็นว่าเมื่อก่อนเป็นลูกน้องที่คอยช่วยเหลืองานทั่วไปของท่านขุนพันธ์ฯอ่ะค่ะ

ขอบคุณมากที่สนใจประวัติเมืองหาดใหญ่  ซึ่งน้อยราย
ที่เป็นเด็กรุ่นใหม่ที่สนใจเรื่องแบบนี้ 
ผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายกเทศมนตรีเมืองหาดใหญ่  ไม่ใช่ขุนนิพัทธ์ฯ
แต่เป็นลูกชายคนที่ 4 ของท่านคือ นายกี่  จิระนคร (เสียชีวิตแล้ว)
เป็นนายกเทศมนตรีคนที่ 12 ของเมืองหาดใหญ่  ระหว่างวันที่ 11 มิถุนายน
2496 - 17 พฤศจิกายน 2500
นายกี่  จิระนคร  เป็นผู้นำที่ดินแปลงที่นายกเทศบาลตำบลหาดใหญ่
คนที่ 3 ได้ซื้อไว้  มาสร้างเป็นตลาดสดเทศบาล ในปี พ.ศ.2497
และทำพิธีเปิดตลาดสดในปี 2500
จากภาพนายกี่  จิระนคร  ขวามือคนที่หนึ่ง
ขวามือคนที่สอง  คือ  นายยรรยง  จิระนคร

[พีพี]

ติดตามชมตอนต่อไปอยู่ครับ