ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ไทยส้มหล่นโรงงานญี่ปุ่นแห่หนีจีน อุตชิ้นส่วนย้ายตามนิสสัน-โตโยต้า

เริ่มโดย ทีมงานประชาสัมพันธ์, 10:56 น. 29 ต.ค 55

ทีมงานประชาสัมพันธ์

updated: 28 ต.ค. 2555 เวลา 19:15:14 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ไทยรับอานิสงส์กรณีพิพาทจีน-ญี่ปุ่น ทัพชิ้นส่วนค่ายรถยนต์หนีแดนมังกรแห่ซบไทย ค่าย "นิสสัน" ร่อนจดหมายขึ้นโรงงานประกอบแห่งที่ 2 ในไทย "เลกซัส" เปลี่ยนแผนจากจีนย้ายลงเกตเวย์ คาดดึงทัพชิ้นส่วนตามมาอีกชุดใหญ่ หลังยอดขายรถญี่ปุ่นในจีนลดฮวบกว่า 30% ขณะที่กลุ่ม "เครื่องใช้ไฟฟ้า" ลุ้นโยกเข้าไทย

ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า ผลพวงจากกรณีพิพาทระหว่างจีนกับญี่ปุ่นแย่งชิงเกาะเซนกากุ หรือเตียวหยู ที่ลุกลามอย่างต่อเนื่อง ขยายวงกว้างต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ญี่ปุ่นในประเทศจีนอย่างรุนแรง ส่งผลยอดขายรถยนต์ญี่ปุ่นในจีนลดลงแบบฮวบฮาบทุกเดือน โดยแหล่งข่าวในแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยต่างมองว่า เป็นสัญญาณเตือนว่าหลังจากนี้ ผู้ประกอบการค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นอาจต้องย้ายฐานที่มั่นในจีน โดยขยับขยายการลงทุนออกมา และประเทศที่จะได้รับอานิสงส์เต็ม ๆ ก็มีเพียง 2 ประเทศคือ ไทย และอินโดนีเซีย

นายเคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงโอกาสและความเป็นไปได้จากปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างจีนและญี่ปุ่นว่า หากโตโยต้าไม่สามารถขยายการลงทุนในจีนต่อไปได้ ก็อาจจะต้องเปลี่ยนมายังประเทศไทยและอินโดนีเซีย ซึ่งทั้งสองประเทศมีโอกาสค่อนข้างสูงขึ้น แต่ถึงแม้ไม่มีกรณีพิพาทดังกล่าว โตโยต้าก็มีแผนขยายการลงทุนมาทั้ง 2 ประเทศอยู่แล้ว

นอกจากนี้ "นิสสัน" ถือว่าเป็นค่ายรถญี่ปุ่นอีกรายที่มีแผนชัดเจนที่จะขยายการลงทุนมาเมืองไทย โดยล่าสุดได้ส่งจดหมายแถลงข่าวแผนลงทุนโรงงานแห่งใหม่ ในวันศุกร์ที่ 2 พ.ย.นี้ โดยโรงงานใหม่จะตั้งอยู่บริเวณพื้นที่โรงงานเดิม บางนาตราด ระหว่าง กม.21-22 ซึ่งในงานดังกล่าวจะมีนายฮิโรตะ ไซกาวา รองประธานบริหาร บริษัท นิสสัน มอเตอร์ จำกัด และนายทาคายูกิ คิมูระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ร่วมแถลงการลงทุนเปิดโรงงานใหม่ของนิสสันครั้งนี้ สอดคล้องกับรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์นิกเคอิในประเทศญี่ปุ่น ที่รายงานเมื่อวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า บริษัท นิสสัน มอเตอร์ ประกาศจะลงทุนมูลค่า 30,000 ล้านเยน หรือประมาณ 11,500 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่อีก 1 แห่งในประเทศไทย เพื่อรองรับการขยายตลาด และเป็นไปตามเป้าหมายของนิสสันที่ต้องการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในประเทศไทยเป็น 15% ในปีงบประมาณ 2560

สำหรับโรงงานแห่งนี้ ในระยะแรกจะมีกำลังผลิต 100,000 คันต่อปี และสามารถเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 200,000 คันต่อปีได้ในภายหลัง ขณะที่ปัจจุบันโรงงานนิสสันในประเทศไทยมีกำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 190,000 คันต่อปี

นางเพียงใจ แก้วสุวรรณ นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า สัญญาณการเพิ่มกำลังผลิตและขยายการลงทุนในประเทศไทยของค่ายรถต่าง ๆ ช่วงนี้เริ่มชัดเจนขึ้น และเชื่อว่าภายใน 5 ปีจากนี้จะมีการลงทุนเพิ่มเติมจากผู้ประกอบการหลายราย และน่าจะเป็นการลงทุนทั้งจากค่ายรถยนต์และกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วน เพราะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติอยู่แล้วที่ค่ายชิ้นส่วนจะต้องขยายตัวไปตามโรงงานประกอบรถยนต์

ขณะที่แหล่งข่าวจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นที่มีฐานอยู่ในประเทศจีนและน่าเป็นห่วงมากที่สุดตอนนี้คือ นิสสัน เพราะมียอดขายและส่วนแบ่งตลาดเยอะสุดในจำนวนผู้ประกอบรถยนต์ญี่ปุ่นด้วยกัน โดยมีส่วนแบ่งการขายในประเทศจีนมากถึง 25% ของนิสสันทั่วโลก

ส่วนโตโยต้า โดยเฉพาะรถยนต์หรู "เลกซัส" ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวค่อนข้างชัดเจนว่า จะไปตั้งโรงงานที่จีนหลังโดนผลกระทบค่าแรงและปัญหาค่าเงินเยนแข็งตัว ทำให้มีการทบทวนนโยบาย และล่าสุดนายเคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการของโตโยต้าประเทศไทย ยืนยันความเป็นไปได้ที่จะย้ายการลงทุนมาที่ประเทศไทยและอินโดนีเซีย แต่ให้น้ำหนักประเทศไทยมากกว่า โดยน่าจะไปลงทุนตั้งโรงงานที่นิคมเกตเวย์อันเป็นฐานผลิตรถเก๋งของโตโยต้า

ขณะที่นายเอช นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ ล่าสุดก็ประกาศเพิ่มกำลังการผลิตในไทย จากเดิมที่มีกำลังผลิตอยู่ที่ 2.1 แสนคันต่อปี ในวันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม 2555 พร้อมเดินเครื่องกำลังการผลิตโรงงานผลิตรถยนต์อีซูซุแห่งใหม่ ณ นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้ จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 8 หมื่นคันต่อปี โดยใช้เงินลงทุนกว่า 6.5 พันล้านบาท ซึ่งจะทำให้อีซูซุมีกำลังการผลิตรวมเพิ่มเป็น 2.9 แสนคันต่อปี เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของตลาดในประเทศและการส่งออก โดยสัดส่วนการส่งออกอยู่ที่ 30-40% และในประเทศ 60-70%

สำหรับผลกระทบความขัดแย้งระหว่างจีนและญี่ปุ่น หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีต เจอร์นัล รายงานว่า สินค้าสัญชาติญี่ปุ่นในจีนมีความต้องการที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่นในจีนได้รับผลกระทบรุนแรง โดยบริษัท กวางเจา ออโตโมบิล กรุ๊ป ในประเทศจีน ซึ่งเป็นพาร์ตเนอร์ของโตโยต้าและฮอนด้า เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ในเดือนกันยายนอยู่ที่ 47,000 คัน ลดลง 33% ส่วนบริษัทดองเฟง ออโตโมบิล กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ร่วมทุนในจีนของนิสสัน เปิดเผยว่า ยอดขายในเดือนกันยายนที่ผ่านมาอยู่ที่ 18,608 คัน คิดเป็นสัดส่วนยอดขายที่ลดลงถึง 30% เทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา

ด้านนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร นายกสมาคมไทย-ญี่ปุ่น และประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวว่า ปัญหาความขัดแย้งระหว่างจีนและญี่ปุ่นที่เกิดขึ้น ส่วนตัวก็หวังลึก ๆ ว่าจะเป็นอานิสงส์เอื้อให้มีการตัดสินใจย้ายการลงทุนเข้ามาในไทย ซึ่งต้องยอมรับว่าเมืองไทยมีความโดดเด่น ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องความขัดแย้งในลักษณะนี้ และเชื่อว่านักลงทุนเหล่านี้ต้องเริ่มมองหาฐานผลิตสำรองเอาไว้แล้ว เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ถือเป็นข้อดีของเมืองไทยมีจุดแข็งเรื่องนี้ และคนไทยเวลาลงทุนเป็นพาร์ตเนอร์กับต่างชาติแล้วค่อนข้างซื่อสัตย์ ทำให้ไว้ใจได้เวลามาลงทุนในไทย

ส่วนปัญหาการเมืองและน้ำท่วมของไทย เชื่อว่าถ้าสามารถรีบเคลียร์ปัญหาได้เร็ว ทั้งในแง่ของการเดินหน้าทำงานต่อเนื่องของรัฐบาล และยุทธศาสตร์การวางระบบป้องกันน้ำท่วมที่เป็นรูปธรรม จะเป็นโอกาสของการดึงนักลงทุนใหม่ ๆ ให้เข้ามา และเมื่อเกิดการรวมตัวของเศรษฐกิจประชาคมอาเซียนก็จะเป็นโอกาสของประเทศไทยมากที่สุด ในฐานะที่อยู่ใจกลางของภูมิภาค

ดาว เหนือ

ผมเคยทำงานในนิคมอุตสหกรรมลาดกระบัง   บอกได้เลยว่าคนญี่ปุ่น  ชอบคนไทยมาก หัวหน้าผมบางคนเคยไปทำงานที่อินโด เวียดนาม จีน  ฟิลลิปปินส์ 
1.เป็นแรงงานมีฝีมือ  อบรมไม่นานสามารถทำงานได้เลย  แก้ไขงานเฉพาะหน้าได้ดี   
2.คนไทยเอื้อเฟื้อ  มีน้ำใจ 
3.ประเทศไทยสวยงาม  มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย
4.อาหารอร่อย
5.ไม่ขี้โวยวายเหมือนประเทศจีน  (บางทีเขามีแผลจากอดีตสงคราม  คนจีนมักจะว่าญี่ปุ่นโหดร้าย  จากสงครามที่นานกิง)
6.มีความรับผิดชอบ  ฯลฯ  คือข้อดีที่เขาเล่าให้ฟัง
ส่วนข้อเสีย 
1.การเมืองไม่นิ่ง    ชอบประท้วง 

boonthung

ถ้าเรามีนายก ดี ๆ  นักการเมืองไม่โกงกิน ตั้งใจพัฒนาประเทศ สงวนทรัพายากรไว้ ให้คนไทย รับรองประเทศเราน่าอยู่ที่สุดในโลก

CHUMPOL

เราเคยคิดบางไหม...ว่าทำไมเราไม่รวยซักที

ต้องการคนอยากจะรวย...ใครไม่อยากรวย..ไม่เหมาะกับกระทู้นี้
รีบๆเลยครับ..SNATUR..ของศรีไทยซุปเปอร์แวร์..เจ๋งสุดๆ

ทุกวันนี้ถ้าเราไม่ยอมมองหาอาชีพเสริม...หรือไม่ยอมมองหาหนทางที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเราเอง...
เพื่อให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น...หรือให้มีชีวิตที่ได้รับอิสระ...ไม่ว่าจะอิสระภาพทางเวลา...
อิสระภาพทางการเงิน...ก็เปรียบเหมือนว่า..คุณปล่อยให้เวลานั้นฆ่าตัวคุณเองโดยทางอ้อม...
ฉนั้น...สิ่งที่จะทำให้คุณมีอิสระภาพที่แท้จริงก็คือ ธุรกิจขายตรง หรือ เอสเนเจอร์

คลิ๊ก เข้ามาศึกษา แล้วร่วมทีมกับเรา...
ทีมของเราจะสอนคุณฟรี..ในการทำเว็บไซต์และเป็นเว็บไซต์ของตัวคุณเอง...
ให้ติดอันดับหน้า1 หรือ ต้นๆหน้า1 ของGoogle เพื่อเพิ่มโอกาศกับผู้คนนับล้านที่จะคลิ๊กเข้ามาในเว็บไซต์ของคุณ...

คลิ๊กเข้ามาเรียนรู้เลย...ขอย้ำ!!..เดี๋ยวนี้..
SNATUR

ตอบกลับอย่างรวดเร็ว

ชื่อ:
การยืนยัน:
กรุณาเว้นช่องนี้ว่างไว้:
พยัญชนะไทยตัวแรก:
shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง