สธ.ตั้งศูนย์ปรึกษาปัญหา “ท้อง-แท้ง”

[ฅนสองเล]

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    30 พฤศจิกายน 2553 15:07 น.
   
สธ.รับมือปัญหา ท้อง-แท้ง ตั้ง "ศูนย์ให้คำปรึกษาท้องไม่พร้อม" เตรียมเปิดบริการ 1-2 วัน เผย คร.แจกถุงยางทั่วทุกพื้นที่แล้ว 20 ล้านชิ้น หวังเกิดการใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
       
       วันนี้ (30 พ.ย.) นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการตรวจสอบคลีนิกทำแท้งเถื่อน ว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากภายหลังปรากฏเป็นข่าวส่งผลให้คลินิกเหล่านี้ปิดตัวเงียบ จึงทำได้แค่การเฝ้าระวังต่อไป สำหรับการตรวจสอบการออกใบหลักฐานการเกิดให้เด็กที่รอดชีวิตจากการทำแท้ง ของศูนย์อนามัยขอนแก่น และโรงพยาบาลขอนแก่นนั้น เบื้องต้นพบว่า สถานพยาบาลทั้งสองแห่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เชื่อว่า อาจมีการทำเอกสารปลอมขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ในสวนของศูนย์อนามัยขอนแก่ ขณะนี้กรมอนามัย ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นตรวจสอบความชัดเจนด้วย
       
       "เรื่องการทำแท้งเป็น ปัญหาสะสมที่ต้องแก้ไขด้วยการป้องกัน และหากตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์จริงๆ ควรมีการให้คำปรึกษาอย่างถูกต้อง ซึ่งล่าสุด ตนได้มอบหมายให้กรมสุขภาพจิตจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาการตั้งครรภ์ไม่ พึงประสงค์ และปัญหาเพศสัมพันธ์ต่างๆ ขึ้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการจัดผู้เชี่ยวชาญเป็นการเฉพาะ" นายจุรินทร์ กล่าว
       
       นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของการทำแท้งกว่าครึ่งเป็นวัยรุ่น อายุไม่เกิน 19 ปี โดยพบปีละประมาณ 120,000 คน ทั้งนี้ กรมสุขภาพจิตจะจัดผู้เชี่ยวชาญเฉพาะเพื่อให้คำปรึกษาวัยรุ่นเกี่ยวกับเรื่อง เพศใน 3 ด้านหลัก คือ 1.ให้ความรู้ในการรู้จักปฏิเสธการมีเพศสัมพันธ์ โดยไม่เสียความสัมพันธ์ที่ดี 2.รู้จักป้องกันตัวเองในการมีเพศสัมพันธ์ และ3.หากตั้งครรภ์จะแก้ปัญหาอย่างไร โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวผ่านสายด่วน 1323 คาดว่าจะสามารถเปิดศูนย์ดังกล่าวได้ภายใน 1-2 วัน อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญต้องรณรงค์ทำความเข้าใจถึงการมีเพศสัมพันธ์ไม่พร้อมด้วย เนื่องจากขณะนี้ค่านิยมที่ผู้ชายมักไม่สวมถุงยางอนามัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ถือเป็นค่านิยมที่ผิด เพราะหากไม่ป้องกันนอกจากจะเสี่ยงตั้งครรภ์ไม่พร้อมแล้ว ยังเสี่ยงต่อการติดโรคด้วย
       
       ต่อข้อถามว่า จากปัญหาดังกล่าวนั้นเห็นควรให้มีการรณรงค์ให้ติดตั้งถุงยางอนามัยในสถาน ศึกษาหรือไม่ รัฐมนตรี สธ.กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมองแยกเป็น 2 มุม หากต้องถึงขั้นนำถุงยางอนามัยไปไว้ในโรงเรียนก็อาจเกิดผลลัพธ์ 2 ด้าน คือ จะช่วยเรื่องการป้องกันโรค ป้องกันการตั้งครรภ์ แต่อีกด้านจะเป็นการยั่วยุทำให้เกิดความเข้าใจว่า การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรเป็นเรื่องที่ควรสนับสนุนหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ทางที่ดีที่สุดต้องรณรงค์ให้ความรู้ความเข้าใจว่า อะไรถูกผิด และให้คิดถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย ซึ่งในเรื่องของการป้องกันนั้น ทางกรมควบคุมโรคก็มีการแจกถุงยางอนามัยไปยังพื้นที่ต่างๆ แล้วถึง 20 ล้านชิ้น และยังมีหน่วยงานอื่นๆ อีก สิ่งสำคัญต้องสร้างความเข้าใจในเรื่องการใช้ถุงยางอนามัยอย่างเหมาะสมและถูก วิธีมากกว่า แต่ไม่ได้สนับสนุนให้มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร

[ลุงแกลบ]

ปรับปรุงการสอนสุขศึกษาในหลักสูตรก่อนดีกว่ามั้ง