เล่าเรื่องปีเถาะ กระต่ายน้อย 2554

[คุณาพร.]

เล่าเรื่องปีเถาะ  กระต่ายน้อย 2554

              เดือนพฤศจิกายน 2553 กำลังจะบอกลาผลัดเปลี่ยนไปในอีกไม่กี่วัน พร้อมกันสภาพชอกช้ำของชาวหาดใหญ่ สงขลา ชาวใต้ รวมถึงภาคต่างๆที่โดนผลพวงของพายุดีเปรสชั่น (ลูกนั้น) ถล่มเสียจนย่อยยับ บ้านผู้เขียนก็โดนไปบ้างเหมือนกันแต่ไม่มาก พอได้ซ่อมหลังคา แบกปูนยกหินยกทรายมาก่อเป็นคันกั้นน้ำ ช่วยกันอยู่พักใหญ่ๆกับครอบครัว เลยป้องกันน้ำเข้าบ้านไว้ได้ในระดับหนึ่ง (รอดตัวไปปีนี้) ฝนจะตก ฟ้าจะร้อง ท้องจะหิว ห้ามกันไม่ได้ ประมาณท่วมได้ก็แห้งได้ล่ะ (ว่าเข้านั่น) นั่งคิดกันเล่นๆต่อ พอย่างเข้าเดือนธันวาคมหลายคนคงเริ่มนับถอยหลังเพื่อต้อนรับปีใหม่ 2554 กัน เป็นปีกระต่ายนะครับปีหน้า อีกประมาณ 1 เดือนได้กระมัง เราจะได้ต้อนรับพญาสัตว์มงคลตัวใหม่ ที่จะมาแทนที่คุณ "เสือดุ 2553" จะไม่เรียกว่าดุได้อย่างไรเล่า ทั้งเผา ทั้งระเบิด ทั้งไฟไหม้ ทั้งน้ำท่วม งานนี้คนไทยเรียก "โดน" ไปตามๆกัน
             
             ปี พ.ศ. 2553 ปีขาลเสือดุ เปลี่ยนถ่ายไปเป็นปี พ.ศ.2554 น้องกระต่ายน้อยผู้น่าหลงใหล(รึเปล่า?) ว่ากันว่ากระต่ายที่ปรากฏพบในโลกนั้นมีกันอยู่หลายสายพันธุ์ แต่ที่พบในไทยนั้นมีแค่สายพันธุ์เดียวนั่นก็คือ "กระต่ายป่า" หรือ Lepus peguensis พูดถึงเรื่องเกี่ยวกับกระต่ายแล้วทำให้นึกถึงสำนวนแบบไทยๆบ้านเราเกี่ยวกับกระต่ายอันมีมากพอควร เช่นคำว่า "กระต่ายตื่นตูม" หมายถึง เปรียบเทียบกับคนที่ตื่นตกใจง่ายโดยไม่สำรวจข้อเท็จจริงให้ประจักษ์เสียก่อน "กระต่ายขาเดียว" หรือ "กระต่ายสามขา" หมายถึง ยืนกรานไม่ยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น และ "กระต่ายหมายจันทร์" ซึ่งหมายถึง ผู้ชายที่หมายปองหญิงสาวที่มีฐานะดีกว่าตนเอง นอกจากนี้ในไทยเรายังมีเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับงานในครัวเรือนคือเจ้า "กระต่ายขูดมะพร้าว" หรือที่เรียกกันเป็นภาษาไทยถิ่นใต้ว่า "เหล็กขูด" ใช้สำหรับขูดมะพร้าวนำมาคั้นเป็นน้ำกะทิสด ทำอาหารคาว-หวาน ขนมแบบไทยๆหลากหลาย ส่วนดาราไทยที่มีสัญลักษณ์คือ "ฟันกระต่ายมหาเสน่ห์" นี่ถ้าจำไม่ผิดหลายคนคงนึกถึงดาราสาวชื่อดังในอดีตอย่าง "อรพรรณ พานทอง" เป็นแน่
           
             วันก่อนผู้เขียนเดินทางไปเก็บข้อมูลงานวิจัยที่จังหวัดนครศรีธรรมราชได้ข่าวว่าคุณเพื่อนท่านหนึ่งได้ไปหาพันธุ์ "กระต่ายจาม" มาไว้ที่บ้านเพื่อทำยา ถามไปถามมาว่ากระต่ายจามที่ว่าคือต้นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง บางพื้นที่ของประเทศไทยใช้ใบของเจ้าต้นกระต่ายจามนี่แหล่ะสำหรับแก้ปวดท้อง แต่ในบางพื้นที่กลับใช้ลำต้นของกระต่ายจามมาหั่นเป็นเป็นชิ้นเล็กๆ ต้มจนสุกแล้วดื่มน้ำที่ได้เพื่อแก้อาการวิงเวียนศีรษะ
       
            ขอวกเข้าเรื่องเกี่ยวกับกระต่ายที่พูดมาก่อนหน้านี้ว่าเป็นสำนวนไทยถิ่นบ้านเราที่ว่า "กระต่ายตื่นตูม" แบบย้อนหลังเสียเล็กน้อย  ผู้เขียนเคยฟังนิทานที่คุณแม่เล่าให้ฟังตอนยังเป็นเด็กได้อย่างดี นิทานเรื่องกระต่ายตื่นตูมน่ะ ท่านผู้อ่านเคยฟังกันมาบ้างไหม สมัยก่อนในป่าใหญ่แห่งหนึ่งบรรดาสัตว์ป่าใหญ่น้อยต่างดำรงชีวิตอยู่อย่างพึ่งพาอาศัยกันฉันมิตร จวบจนวันหนึ่งเจ้ากระต่ายขาวจอมโวยวายได้ไปเผลอหลับลงที่ใต้ต้นมะพร้าวสูงใหญ่ต้นหนึ่งเข้า ครั้งหลับใหลไปนานด้วยความอ่อนเพลีย ปรากฏขณะนั้นมีลมกระโชกแรงผิดปกติ ลูกมะพร้าวลูกหนึ่งที่ทานแรงลมไม่ไหวจึงหลุดและตกลงมาใกล้ๆกับพื้นดินที่กระต่ายน้อยจอมโวยวายนอนหลับปุ๋ยอยู่ คราวนี้แหล่ะที่เจ้ากระต่ายตื่นขึ้นมาด้วยอาการตกใจเป็นที่สุด  ตัวสั่น วิ่งไปทั่วป่า ปากก็ตะโกนเสียงดังว่า "ฟ้าถล่ม ฟ้าถล่ม ฟ้าถล่ม" ทำเอาสัตว์ใหญ่น้อยในป่าแห่งนั้นหวาดกลัวว่าฟ้าจะถล่มลงมาจริงๆ หาที่ซ่อนตัวกันยกใหญ่ ในที่สุดสิงโตเจ้าป่าเรียกให้สัตว์ทุกตัวตั้งสติ ให้เจ้ากระต่ายน้อยจอมโวยวายนำพาไปยังจุดที่ฟ้าถล่ม ได้ทราบข้อเท็จจริงว่าเป็นเพียงลูกมะพร้าวตกลงมาจากต้น มิใช่ฟ้าถล่มแต่ประการใด สร้างความอับอายให้เจ้ากระต่ายน้อยจอมโวยวายเป็นอย่างมาก สุดท้ายสิงโตเจ้าป่าจึงสอนว่า "ก่อนจะเชื่อเรื่องอะไรก็ตามแต่นั้น จงตรึกตรองหาเหตุผล สำรวจข้อเท็จจริงให้ประจักษ์แจ้งเสียก่อน มิฉะนั้นอาจจะนำพาความเสียหายมาสู่หมู่คณะได้"
             
             นิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า(นิทานอีสป) เรื่องนี้คิดว่าหลายๆคนคงเคยได้ยินได้ฟังกันมาบ้างแล้ว เจ้ากระต่ายผู้อวดดีไปบอกเล่ากับใครต่อใครในป่าว่าข้านั้นวิ่งเร็วที่สุด ไม่มีวันที่เจ้าเต่าซื่อบื้อต้วมเตี้ยมเชื่องช้าจะสามารถวิ่งตามทันหรือชนะได้ ฝ่ายเจ้าเต่านั้นท้าทายว่าถ้าตนสามารถวิ่งแข่งชนะกระต่ายน้อยได้ กระต่ายน้อยต้องยอมกล่าววาจาขอโทษที่ดูหมิ่นตน กระต่ายน้อยรับคำท้าทั้งสองจึงวิ่งแข่งกันโดยมีบรรดาสัตว์ใหญ่น้อยในป่าเป็นสักขีพยาน เจ้ากระต่ายน้อยใช้ความเร็วที่เป็นต่อวิ่งแซงคุณเต่าผู้เชื่องช้าจนเกือบที่จะถึงเส้นชัย เห็นคุณเต่ายังเดินต้วมเตี้ยมมาได้ไม่ถึงไหน พลางคิดในใจอย่างหยิ่งยโสว่านอนพักสักงีบเสียก็คงไม่เป็นไร ตื่นขึ้นมาค่อยวิ่งต่ออีกอึกใจก็ชนะแล้ว ด้วยความประมาทกระต่ายน้อยผู้หยิ่งจองหองจึงเผลอหลับไปนานเท่านาน จนคุณเต่าวิ่งเข้าเส้นชัยแล้วเจ้ากระต่ายจึงเพิ่งตื่นขึ้นมา รับความพ่ายแพ้อย่างแสนอับอาย  นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น" และ "ความประมาท เป็นหนทางไปสู่ความพ่ายแพ้" เป็นต้น
             พูดถึงเรื่องกระต่าย สัตว์สัญลักษณ์ประจำปี 2554 แล้วนี่ วันก่อนไปเห็นเป็นเครื่องประดับในห้องรับแขกบ้านเพื่อนอีกท่านที่จังหวัดนครศรีธรรมราช แปลกตรงที่ใช้เป็นรูปกระต่ายขาวสามตัวประดับห้อง สงสัยจึงถามไปได้คำตอบกลับมาว่าเป็นความเชื่อแบบจีนนิยมน่ะ เลยขอเอามาเล่าสู่กันฟังสักหน่อยว่าคนจีนส่วนใหญ่ล้วนเชื่อกันว่าหากนำรูปปั้นกระต่ายขาวสามตัว หรือรูปวาดกระต่ายขาวสามตัวมาประดับบ้านแล้วจะก่อให้เกิดมงคลอันยิ่งใหญ่ มีอำนาจวาสนา เพราะเชื่อว่า "กระต่ายขาวสามตัว" หรือเรียกว่า "ซาโท้วบุ๊ง" ในแบบภาษาจีน คือกระต่ายขาวที่ปรุงยาอายุวัฒนะอยู่บนดวงจันทร์(ซาโท้วบุ๊ง = กระต่ายขาวตำยาบนดวงจันทร์)ในความเชื่อแบบจีนนิยม แสดงถึงมหาอำนาจ ความเป็นศิริมงคลที่ยิ่งใหญ่ กล้าหาญ และยุติธรรม
           
             นอกจากนี้แล้วกระต่ายยังถูกสร้างเป็นสัญลักษณ์มงคลในอีกหลายๆรูปแบบ อาทิ ตราสัญลักษณ์ของจังหวัดจันทบุรี ในประเทศไทย ก็ใช้เป็นรูปพระจันทร์ฉายแสงมีกระต่ายยืนอยู่กลางวงเป็นสัญลักษณ์มงคล หรือในเรื่องของการบูชาเทพเจ้าองค์หนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นเรียกเทพองค์นี้ว่า "Hakuto Sin" หรือ "เทพกระต่ายขาว" อันถือเป็นเทพประจำหมู่บ้าน(หรือประจำศาลเจ้าของหมู่บ้านนั้นๆ)ทำหน้าที่ปกป้องคุ้มครองมิให้ผีร้ายเข้ามาสร้างความเดือดร้อนภายในหมู่บ้านที่ตนปกครองได้ ชาวยุโรปตะวันตกก็มีความเชื่อในเรื่องเกี่ยวกับกระต่ายเทพนะครับท่านผู้อ่าน คือเชื่อว่ากระต่ายที่ชื่อ "แจ๊คคาโลป" หรือ Jackalope ซึ่งบางคนเรียกว่า Horned Rabbit หรือไม่ก็เรียกว่า Deerbunnies แต่ที่คนไทยรู้จักเจ้าแจ๊คคาโลป กันอย่างกว้างขวางก็ในชื่อ "กระต่ายเขากวาง" โดยเชื่อกันว่ากระต่ายเขากวางเป็นสัตว์วิเศษ บ้างก็ว่าเป็นสัตว์ของเทพเจ้าอันเป็นลูกผสมกันระหว่าง pygmy-deer(กวางปิกมี่)กับ killer-rabbit (กระต่ายนักฆ่า)โดยเชื่อกันว่าน้ำนมของกระต่ายเขากวางแจ๊คคาโลปหากได้ดื่มกินแล้วสามารถรักษาโรคได้ทุกโรค ส่วนเขาของแจ๊คคาโลปนั้นมีฤทธิ์มาก หากใครได้ครอบครองสามารถสร้างเป็นเทพอาวุธที่จะบัลดาลดลให้เกิดพายุหรือฟ้าผ่าเพื่อทำร้านอริศัตรูได้
             
             ตำนานกระต่ายบนดวงจันทร์(ฉบับความเชื่อตามตำนานของประเทศญี่ปุ่น) เป็นนิทานปรัมปราเล่าสืบทอดต่อๆกันมาว่า ครั้งหนึ่งบนดวงจันทร์ยังมีชายชราอยู่คนหนึ่งอาศัยอยู่ ชายชราจ้องมองดูมายังป่าแห่งหนึ่งที่มีสัตว์สามสหายอันประกอบไปด้วย กระต่าย สุนัขจิ้งจอก และลิง อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างเป็นมิตรตราบนานเท่านาน วันหนึ่งชายชราอยากที่จะนำพาสัตว์ตัวหนึ่งขึ้นมาอยู่บนดวงจันทร์ จึงออกอุบายแปลงเป็นขอทานลงไปหาสัตว์ทั้งสาม พลางบอกว่าตนนั้นมีฐานะยากไร้ไม่ได้กินอะไรมาเลยกว่าสามวันแล้วอย่างอดอยากหิวโหย สัตว์สามสหายได้ยินดังนั้นจึงวิ่งเข้าป่าไปหาอาหารมาให้ขอทานผู้อาภัพอย่างเร่งด่วน ลิงได้ผลไม้มากองใหญ่สุกแดงน่าทานเป็นยิ่ง สุนัขจิ้งจอกได้จับปลามาจากปากแม่น้ำสองตัวสดน่าทาน ส่วนกระต่ายขาวไม่สามารถหาอาหารมาให้ขอทานผู้ยากไร้ได้จึงวอนให้ทั้งลิง และสุนัขจิ้งจอกสองเกลอเพื่อนยากช่วยกันก่อไฟขึ้นมากองหนึ่ง จากนั้นกระต่ายขาวจึงบอกแก่ขอทานเฒ่าว่าตนไม่มีความสามารถใดใดที่จะหาอาหารมาช่วยให้ท่านทานได้ ก็จะขอสละร่างนี้วิ่งเข้ากองไฟ เมื่อร่างของข้าพเจ้าถูกไฟเผาจนสุกได้ที่แล้วท่านขอทานจงรับประทานเนื้อของข้าพเจ้าให้หายหิวด้วยเถิด ได้ฟังดังนั้นแล้วขอทานเฒ่าจึงกลับร่างเป็นชายชราหน้าตาอวบอิ่มตามเดิม เลือกกระต่ายขาวผู้เสียสละร่างกายให้เป็นอาหารในค่ำมื้อนั้นขึ้นไปอยู่บนดวงจันทร์ตราบปัจจุบัน ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่าหากมองพระจันทร์ในค่ำคืนที่ท่านเต็มดวงแล้วจะเห็นเป็นชายชรา และกระต่ายขาวตัวหนึ่งวิ่งเล่นอยู่บนดวงจันทร์ ตำนานเขาว่าไว้น่ะ (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่อง ตำนานพระจันทร์ เขียนโดย อ.คุณาพร ที่นี่ http://www.siamsouth.com/smf/index.php?topic=17534.0 )
             
             เล่าถึงเรื่องนิทาน และตำนานเกี่ยวกับกระต่ายมาก็หลายเรื่อง คราวนี้ขอเล่าเกี่ยวกับตำนานความเป็นมาของ "กระต่ายเพลย์บอย" กันบ้าง "กระต่ายเพลย์บอย" หรือ "กระต่าย PlayBoy" ถือเป็นสัญลักษณ์อันยิ่งใหญ่ของนิตยสารปลุกใจเสือป่าชื่อก้องโลกชื่อ PlayBoy ซึ่งมี ฮิวจ์ เฮฟเนอร์ เป็นเจ้าของ และก่อตั้งเป็นบริษัทขึ้นในปี ค.ศ.1953 สืบเนื่องจากนิตยสาร PlayBoy ได้รับการตอบรับจากแฟนคลับที่เป็นผู้ชายอย่างล้นหลาม ฮิวจ์ เฮฟเนอร์ ซึ่งต้องการทำให้ PlayBoy เป็นนิตยสารที่เป็นที่จดจำของคนทั้งโลกมากที่สุด จึงทำการสร้างเอกลักษณ์ของ PlayBoy ด้วยการสร้างสัญลักษณ์ "กระต่ายผูกโบไทด์" ขึ้นมา สื่อความหมายถึงความสดใส  น่ารัก และแสนซนของสตรี ซึ่งรูปสัญลักษณ์กระต่ายผูกโบไทด์ของ PlayBoy นี้เองปรากฏว่าได้รับความนิยมและโด่งดังไปทั่วโลกตราบปัจจุบัน  ซึ่งก็คล้ายๆกับที่สโมสรฟุตบอลในไทยพรีเมียร์ลีกทีมหนึ่งทำ นั่นก็คือสโมสรฟุตบอลบางกอกกล๊าส เอฟซี ใช้ตราสัญลักษณ์ประจำสโมสรเป็นรูป "กระต่ายแก้ว" นอกจากนี้ที่เป็นแรงดึงดูดให้หนุ่มๆเดินเข้ามาเชียร์ทีมกระต่ายแก้วถึงสนามลีโอ สเตเดี้ยม รังสิต-คลอง3 อยู่บ่อยๆก็คือ บรรดาตัว Mascot ของสโมสรที่เรียกกันว่า "แรบบิทเกิร์ล" หรือสาวๆกระต่ายบางกอกกล๊าสนั่นเอง  เรื่องราวเกี่ยวกับกระต่ายน้อยแห่งปี 2554 ที่กำลังจะใกล้เข้ามาทุกขณะก็ขอจบลงแต่เพียงเท่านี้แล  เอวัง

บทความโดย  :  อ.คุณาพร/วันที่ 30 พฤศจิกายน 2553
E-Mail  :  samara17520@gmail.com
ศิลปวัฒนธรรมไทยภาคใต้(ของคุณดล) www.siamsouth.com
ห้องคุยกับคุณาพร http://www.siamsouth.com/smf/index.php?board=11.0
ภาพประกอบ(กระต่าย PlayBoy สีชมพู)  ที่มา www.theoriginof.com/playboy.html

;) ;) ;) ;) ;)

[คุณาพร.]

ช่วงนี้ติดงานเเต่งหนังสือ(ส่วนตัว)+เขียนบทวิจัย  นานๆขอเข้ามาส่งงานเขียนเสียทีนะเออ   ;)

[ลิ้นจี่]

Jackalope น่าสนๆ น่าเอามาเลี้ยงไว้ทีบ้านซักตัว ใจจ้า ;D

[ลิ้นจี่]

เพิ่งได้ยินชื่อ killer-rabbit รีบไปเปิดอากูดู 55 น่ากัวง่ะ  ;D

[ทีมงานบ้านเรา]

คิดถึงบทความอาจารย์อยู่พอดีเลย คืนนี้จะอ่านให้อะเอียดแล้วค่อยแสดงความเห็นนะครับ

[กา]

น้องกระต่ายน่ารัก

[ฅนสองเล]

ปีหน้าปีกระต่าย ไม่ทราบว่าจะเป็นกระต่ายหมายจันทร์ไหมครับท่านพระอาจารย์

แต่ว่าปีหน้ากระต่ายคงไม่คอยคอรอความหวังกลางสายน้ำเหมือนปีนี้นะคับ

[คุณาพร.]

ปีหน้าปีกระต่าย ไม่ทราบว่าจะเป็นกระต่ายหมายจันทร์ไหมครับท่านพระอาจารย์

แต่ว่าปีหน้ากระต่ายคงไม่คอยคอรอความหวังกลางสายน้ำเหมือนปีนี้นะคับ

555+ ปีหน้ายังไม่รู้ครับท่าน บก.  เอาคืนนี้ก่อนดีกว่าครับ  เห็นนักวิชาการบางสายออกข่าวในช่อง TPBS ว่าเที่ยงคืนนี้ถึงเที่ยงคืนวันพรุ่งนี้ฝนจะตกหนักที่หาดใหญ่  เเละน้ำอาจจะท่วมได้.....ขออย่าให้ช่วงนี้ต้องลอยคอเป็นพอครับ  ปีหน้าค่อยไปว่ากันอีกที


ปล.    คนที่บ้านผมซื้อมาม่ามาเเบบยกโหลได้ 3 โหล(มั๊ง)
ปล.2  ฝนจะตก ฟ้าจะร้อง ท้องจะหิว ห้ามกันไม่ได้  เเต่.....ตูซื้อมาม่า มาตุนไว้เเล้วโฟ๊ยยยยยย   ;D

[คุณาพร.]

killer-rabbit.........น่าเอามาเลี้ยงไว้เฝ้าบ้านเเทนน้องหมา  ;)

[คนรักสัตว์]

แรบบิทเกิร์ล......อยากเอามาเลี้ยงไว้ที่บ้านซักตัว  ;)