′ยูทูบ′ เปิดช่องพิเศษ-เก็บเงินค่าชม! เน้นขายรายการสด-ซีรีส์-สอนวิชาเรียนรู้ด้วยตัวเอง

[ทีมงานประชาสัมพันธ์]

′ยูทูบ′ เปิดช่องพิเศษ-เก็บเงินค่าชม! เน้นขายรายการสด-ซีรีส์-สอนวิชาเรียนรู้ด้วยตัวเอง

updated: 15 พ.ค. 2556 เวลา 10:35:01 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

"ยูทูบ" เว็บไซต์อัพโหลดคลิปวิดีโอยอดนิยม ปัจจุบันหากเอ่ยถึงชื่อนี้ น้อยคนที่ยังไม่รู้จัก โดยเฉพาะคนในเมืองที่ชีวิตใช้เวลาอยู่กับสื่อดิจิตอลเกือบจะตลอดเวลา นับตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อ 14 ก.พ. 2548 ความนิยมในเว็บไซต์ดังกล่าวพุ่งสูงขึ้นแบบเอาช้างมาหยุดก็ฉุดไม่อยู่ เพราะหนึ่งในกุญแจสำคัญที่ทำให้ผู้คนทั่วโลกหันมาสนใจเพราะฟรี ทว่าบัดนี้เริ่มมีกระแสข่าวมาแล้วว่า ยูทูบจะเริ่มหันมาเก็บเงินผู้ใช้บ้างแล้ว หลังปล่อยฟรีมานมนาน

ไฟแนนเชี่ยล ไทมส์ เว็บไซต์สื่อดังของสหรัฐ อ้างแหล่งข่าวว่า เว็บไซต์ยูทูบและกูเกิ้ล เตรียมเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ โดยการเปิดช่อง (Channel) พิเศษ 50 ช่อง เพื่อเพิ่มประสบการณ์การรับชมของผู้บริโภค แต่จะต้องเสียค่าสมัครแบบรายเดือน เริ่มต้นที่ 1.99 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 60 บาทต่อช่องต่อเดือน ซึ่งเป็นไปได้ว่ายูทูบอาจเตรียมที่จะประกาศเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวด้วยในสัปดาห์นี้

ด้านโฆษกของยูทูบกล่าวว่า ทางบริษัทยังไม่มีแผนประกาศอะไรในชั้นนี้ แต่ยืนยันว่ายูทูบอยู่ระหว่างทบทวนแผนเกี่ยวกับ "ฟีเจอร์สมาชิกรายเดือน" เพื่อให้ผู้บริโภคสัมผัสประสบการณ์รับชมที่ดีกว่า และสร้างช่องทางทำเงินให้ผู้สร้างสื่อดิจิตอล นอกจากให้เช่าและโฆษณาที่มี

ไฟแนนเชี่ยล ไทมส์ ระบุว่า ผู้ที่จะมาร่วมเป็นพันธมิตรยูทูบในฟีเจอร์ใหม่ คือ ฮาวคาสต์ เวิลด์ เวรสลิ่ง เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ดิ โอเนี่ยน และมาจินิม่า เน็ตเวิร์กเกี่ยวกับเกม

ข่าวลือนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ระบุถึงช่องในยูทูบที่ผู้ชมจะต้องเสียเงินรับชมเดือนละ 1-5 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 60-300 บาท รายการจะสร้างโดย สื่อยอดฮิตจากผู้บริโภคจำนวนมากอยู่แล้ว เช่น รายการถ่ายทอดสด คลิปวิดีโอแบบซีรีส์ รายการแบบดีไอวาย

ขณะที่กูเกิ้ลเคยระบุว่า คอนเทนต์ที่แตกต่างควรมีวิธีเก็บเงินที่แตกต่างกัน จุดสำคัญที่สุดคือ การผลักดันให้ ผู้สร้างคอนเทนต์ทำกำไรได้ กูเกิ้ลจึงกำลังทบทวนโมเดลทางธุรกิจนี้อยู่

หากยูทูบเลือกวิธีการดังกล่าว จะกลายเป็นคู่แข่งโดยตรงกับเว็บไซต์ชมภาพยนตร์เน็ตฟลิกซ์ และฮูลู ซึ่งข้อได้เปรียบของยูทูบ คือ ฐานผู้ใช้ที่ทะลุ 1 พันล้านคนต่อเดือนไปเรียบร้อยแล้ว

ที่มา : นสพ.ข่าวสด