ข่าว:

ทดลองใช้งานบอร์ดตะลุง ที่อยู่ในขั้นตอนการกู้คืนข้อมูล เบื้องต้นมีแต่กระทู้ (ข้อความ) กำลังกู้รูปภาพ ไฟล์แนบต่าง ๆ คาดว่าจะทยอยสมบูรณ์ภายในไม่ช้า

Main Menu

ตามรอยอาคารเก่า I : โรงแรมฮุนนำใต้ ๕-๗ ถนนดวงจันทร์

เริ่มโดย HAADYAI.history, 19:42 น. 06 ส.ค 51

HAADYAI.history

เคยสงสัยไหมครับว่า

อาคารเก่าแต่ละหลัง เคยเป็นอะไรมาก่อน

หม่องวิน มอไซ

ปัจจุบันยังดำเนินกิจการอยู่หรือเปล่าครับ
เพราะผมค้นเจอในเว็บของ ททท.ครับ

ชื่อที่พัก : ฮุนนำใต้ 
ที่อยู่ : 5-7 ถนนดวงจันทร์ ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
โทรศัพท์ : 0 7424 3165
จำนวนที่พัก : 16 ห้อง 
ราคาต่ำสุด - สูงสุด: 80 - 120 บาท 
ระดับดาว : ไม่ระบุ

http://thai.tourismthailand.org/accommodation/songkhla-90-5485-1.html 

HAADYAI.history

อ้างจาก: หม่องวิน มอไซ เมื่อ 22:26 น.  06 ส.ค 51
ปัจจุบันยังดำเนินกิจการอยู่หรือเปล่าครับ
เพราะผมค้นเจอในเว็บของ ททท.ครับ

ชื่อที่พัก : ฮุนนำใต้ 
ที่อยู่ : 5-7 ถนนดวงจันทร์ ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
โทรศัพท์ : 0 7424 3165
จำนวนที่พัก : 16 ห้อง 
ราคาต่ำสุด - สูงสุด: 80 - 120 บาท 
ระดับดาว : ไม่ระบุ

http://thai.tourismthailand.org/accommodation/songkhla-90-5485-1.html 


เป็นข้อดีอันนึงของเว็บที่ไม่อัพเดท เราน่าจะเซฟหน้านั้นเก็บไว้ก่อนที่เค้าจะปรับปรุงนะครับ

โรงแรมปิดกิจการมาหลายปีแล้วครับ ผมไม่เคยเห็น(หรือไม่รู้จักสังเกตหว่า) เค้าเปิดเลยครับ

ไม่ทราบว่าท่านอื่นๆ พอจะมีมีข้อมูลบ้างไหมครับ

ปัจจุบันเป็นของ บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ติดประกาศขาย (รวมถึงอาคาร/อดีตอาคาร อื่นๆ ใน List ที่ผมเพิ่งทำ)
อาคารนี้ผมว่าสวยนะ มี Design ต่างจากอาคารยุค 2510 เป็นต้นมา หาที่สวยๆ ยากจริงๆ

เราน่าจะอนุรักษ์ไว้ หรือไปบอกกรมศิลป์ ให้ขึ้นทะเบียนเอาไว้ก่อน เพราะอายุอานามคงจะเข้าเกณฑ์แล้ว อีกอย่างบรรษัท ก็เป็นของรัฐ ไม่น่ามีปัญหาอะไร

กิมหยง

ปรับปรุงให้แข็งแรง
หรือจะทำให้มันคลาสสิคก็ได้ครับ

นักท่องเที่ยวมีหลายแบบครับ
บางคนอาจชอบแบบนี้ก็ได้ครับ

หากมีตังค์ต่อไป ผมจะทำเองครับ
ยากจังแหละ  เพราะไม่ค่อยมีตังค์
สร้าง & ฟื้นฟู

HAADYAI.history

อ้างจาก: กิมหยง เมื่อ 11:47 น.  07 ส.ค 51
ปรับปรุงให้แข็งแรง
หรือจะทำให้มันคลาสสิคก็ได้ครับ

นักท่องเที่ยวมีหลายแบบครับ
บางคนอาจชอบแบบนี้ก็ได้ครับ

หากมีตังค์ต่อไป ผมจะทำเองครับ
ยากจังแหละ  เพราะไม่ค่อยมีตังค์

ผมก็อยากทำครับ แต่ม่ายเบี้ย

ดูรายการ 100 ปีไกลบ้าน
ที่อื่นๆ โรงแรมเก่าๆ ขนาด 100 ปี เค้าอนุรักษ์ เป็นโรงแรม 5 ดาวอยู่เหลย ของเรามีที่เดียวที่หัวหิน เซ็นทารา (โรงแรมรถไฟ เดิม)

ผมสงสัยมานานครับว่า ที่ตรงนี้เคยเป็นอะไรมาก่อน ตอนนี้ก็ถึงบางอ้อแล้วครับ

ถ้าคุณกิมหยงสามารถ ก็ลองทำ Scoop สัมภาษณ์ คนที่เคยเห็นโรงแรมนี้สมัยดำเนินกิจการอยู่ ว่าแต่แรก โรงแรมนี้เป็นพันพรือก็จะดีไม่น้อยครับ

ใกล้ๆ กัน ตรงที่เป็น ร้าน เบเกอรี่ ในปัจจุบัน (2551) เคยเป็น ร้านอ้า (ย้ายไปอยู่ตรงหัวมุมแล้ว) อาจจะลองถามเจ้าของร้านอ้า ดู ว่าเคยเห็น สมัยที่โรงแรมนี้ยังดำเนินกิจการอยู่ไหม
ผมก็ไม่ทราบว่าร้านอ้า เก่าแก่สักขนาดไหน

กิมหยง

ครับท่าน  จะรีบเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุดครับท่าน
สร้าง & ฟื้นฟู

HAADYAI.history

อ้างจาก: กิมหยง เมื่อ 10:19 น.  08 ส.ค 51
ครับท่าน  จะรีบเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุดครับท่าน

ขอบคุณครับ



โรงแรมเก่าๆ (ดั้งเดิม) มักจะเป็นกิจการภายในครอบครัว ของคนหาดใหญ่ ถ้าสามารถตามตัวเจ้าของเดิมหรือลูกหลาน เจ้าของเดิมมาให้ข้อมูลก็จะสุดยอดมากเลยครับ

จากการตามรอย เห็นว่าโรงแรมยุคแรกๆ เป็นโรงแรมเล็กๆ มีจำนวนห้องไม่มาก
โรงแรมที่ใหญ่ขึ้นมา มีจำนวนห้องมากขึ้น จะเริ่มแถวๆ 2510 เป็นต้นมา

กำลังสงสัยต่อไปว่า โรงแรมไหน หนังเหนียวที่สุด คือ เก๋าที่สุด และยังเปิดดำเนินกิจการอยู่

ส่วนกิจการอื่นๆ ที่ไม่ใช่โรงแรม กิจการที่มี 9 ชีวิต ดูเหมือนจะเป็น ร้านโปจิน (เป่าจินช่างถ่ายรูป) แหละครับ ยังไม่เห็นร้าน/กิจการไหน ที่เก่าแก่กว่าร้านโปจินเลย หรือถ้าท่านอื่นๆ ท่านใดทราบช่วยเล่าให้ฟังหน่อยครับ

HAADYAI.history

ลำปาง : สาขาธนาคารไทยเก่าแก่ที่สุดในต่างจังหวัด ร่องรอยภารกิจทางประวัติศาสตร์ที่ยังมีลมหายใจ
โดย บัณรส บัวคลี่
ผู้จัดการรายเดือน กรกฎาคม 2550

ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาลำปาง น่าจะเป็นสาขาของธนาคารพาณิชย์ที่มีเนื้อที่กว้างขวางที่สุดแห่งหนึ่ง แม้จะตัดที่ดินส่วนที่เป็นชายธงขายทิ้งไปก่อนหน้า แต่ปัจจุบันก็ยังมีเนื้อที่เหลืออยู่กว่า 5 ไร่ เป็นที่ตั้งของอาคารเก่าแก่อายุ 77 ปี และอาคารใหม่โอ่อ่าที่ให้บริการประชาชนชาวลำปางตั้งอยู่เคียงข้างติดกัน

อาคารเก่า เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ธนาคาร ขณะที่อาคารใหม่คือสำนักงานสาขาที่ให้บริการลูกค้ามายาวนานต่อเนื่องจากรุ่นสู่รุ่น

สาขาแห่งนี้นับเป็นสาขาในต่างจังหวัดที่เก่าแก่ที่สุดของบริษัท แบงก์สยามกัมมาจล ทุนจำกัด ที่ยังเหลืออยู่ เพราะ 2 สาขาแรกก่อนหน้า คือ สาขาทุ่งสง และสาขาเชียงใหม่ใช้วิธีเช่าและย้ายไปสร้างสำนักงานแห่งใหม่

ขณะที่สาขาลำปาง ที่เปิดทำการเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2473 ในสมัยรัชกาลที่ 7 ก่อนหน้าการเปลี่ยนแปลงการปกครองเพียง 2 ปี เป็นสาขาที่ทางธนาคารได้จัดซื้อที่ดินเพื่อก่อสร้างเอง จึงยังสามารถรักษาอาคารสำนักงาน และเครื่องมืออุปกรณ์ตลอดจนร่องรอยการดำเนินธุรกรรมในต่างจังหวัดตกทอดมาถึง ยุคนี้ได้

แต่ก็น่าเสียดายอย่างยิ่งที่บันทึกประวัติศาสตร์ด้านเศรษฐกิจการเงินใน ภูมิภาคที่สำคัญทั้ง 2 แห่ง ทั้งที่ทุ่งสง และ เชียงใหม่ แทบจะไม่เหลือรูปรอยไว้ให้คนรุ่นหลังได้ติดตามภารกิจของคนยุคนั้น

หากมองย้อนหลังกลับไปในยุคกว่า 80 ปีก่อน หัวเมืองต่างๆ ในภูมิภาคปัจจุบัน ก็คือชุมชนขนาดไม่ใหญ่มาก ส่วนมีขนาดเศรษฐกิจขนาดเล็กไม่คุ้มกับการออกไปตั้งสาขาในพื้นที่

ในยุคนั้นเป็นยุคปลายของขบวนการปฏิรูปการปกครอง กระชับอำนาจมาสู่ศูนย์กลาง (Centralization) ที่เริ่มต้นเมื่อประมาณปี พ.ศ.2440 ในสมัยรัชกาลที่ 5 อำนาจรัฐส่วนกลางจากกรุงเทพฯ ออกไปตั้งหน่วยงานและองค์กรในพื้นที่หัวเมืองต่างๆ ปรับเปลี่ยนรูปแบบและวิธีการทางการปกครอง การศึกษา ตลอดถึงระบบการเงินการคลังให้เป็นไปตามแบบแผนเดียวกัน

ทางรถไฟ เป็นเส้นทางคมนาคมหลักที่เป็นพลังหลักในกระบวนการเชื่อมโยงหัวเมืองกับอำนาจ รัฐศูนย์กลางในยุคที่ถนนหนทาง หรือแม้แต่การเดินทางด้วยเรือยังล่าช้า ล้าสมัย

จึงเป็นที่น่าสังเกตว่า เศรษฐกิจใหม่ในหัวเมืองจึงตั้งอยู่ในพื้นที่ซึ่งมีทางรถไฟผ่าน หรือเป็นแหล่งชุมทางสำคัญ

อย่างเช่นที่ทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นสาขาแห่งแรก เปิดเมื่อ พ.ศ.2463 เป็นชุมทางรถไฟ เป็นที่จอดพัก ซ่อมบำรุงของรถไฟในภาคใต้ ทางหนึ่งสามารถแยกไปตัวเมืองนครศรีธรรมราช อีกทางหนึ่งดิ่งลงไปถึงภาคใต้สุดเชื่อมโยงกับประเทศมาเลเซีย ทุ่งสง จึงเป็นแหล่งชุมทางการขนส่ง แร่ดีบุก เพื่อขนส่งไปถลุงที่เมืองปีนังต่อ

ขณะที่ทางรถไฟสายเหนือ ซึ่งแรกก่อสร้างมาหยุดอยู่ที่จังหวัดลำปาง นานกว่า 12 ปี เพราะต้องใช้เวลาก่อสร้างอุโมงค์ขุนตาล เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ.2450 แล้วเสร็จในปี พ.ศ.2461

ในระหว่างนั้น ทางรถไฟเป็นปัจจัยผลักดันให้ลำปาง ที่เดิมมีทำเลภูมิศาสตร์เป็นศูนย์กลางคมนาคมทางบกระหว่างหัวเมืองต่างๆ ในภาคเหนือตอนบนอยู่เดิมแล้ว กลายเป็นเมืองศูนย์กลางหลักของการคมนาคมเชื่อมโยงกับกรุงเทพฯ ไปโดยปริยาย

หน่วยงานสำคัญๆ ในระดับภาคที่จัดตั้งจากรัฐ อาทิ ศูนย์กลางการทหาร ศูนย์กลางตำรวจ รวมถึงหน่วยงานอื่นๆ ถูกตั้งขึ้นที่นี่ก่อนจังหวัดเชียงใหม่ และดำเนินการต่อเนื่องมาถึงประมาณปี 2535-2540 จึงย้ายไปสู่เชียงใหม่ อาทิ สำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 (ภาคเหนือตอนบน) กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 หรือแม้แต่ ธนาคารแห่งประเทศไทย สาขาภาคเหนือก็ถูกจัดตั้งขึ้นที่ลำปางก่อน เพิ่งย้ายไปอยู่เชียงใหม่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้เอง

เอกสารของพิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ระบุถึงเหตุผลการก่อตั้งธนาคารสาขาในเชียงใหม่ และลำปาง หลังสาขาแรกในภาคใต้ได้เปิดดำเนินการว่า

"...ต่อมาอีก 7 ปี เมื่อพิจารณาเห็นว่า ในภาคเหนือของประเทศ กิจการป่าไม้ที่ชาวอังกฤษดำเนินการอยู่มีกิจการอย่างอื่นที่ต่อเนื่องกัน เช่น โรงเลื่อยเป็นจำนวนมากจึงได้เปิดสาขาขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และเมื่อพบว่ากิจการผลิตใบยาสูบ ซึ่งเกี่ยวข้องกับโรงบ่มเป็นจำนวนมากในภาคเหนือเป็นธุรกิจ ที่สำคัญ จึงพิจารณาเป็นสาขาขึ้นที่จังหวัดลำปาง ใน พ.ศ.2473 นับได้ว่า แบงก์สยามกัมมาจลได้นำระบบธนาคารสาขาเข้ามาใช้ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งนอกจากจะเอื้ออำนวยให้เศรษฐกิจการค้าในภูมิภาคมีแหล่งเงินทุนที่สำคัญ ขึ้นแล้ว ยังช่วยให้ประชาชนในภูมิภาคมีการใช้เงินตราของไทยกันกว้างขวางมากขึ้นกว่า แต่ก่อนอีกด้วย"

เชียงใหม่ และลำปาง เป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจในยุคนั้น เฉพาะที่ลำปาง มีกิจการไม้สักของต่างประเทศถึง 4 ราย คือ

1. บริษัท บริติชบอร์เนียว จำกัด (British Borneo Ltd.)
2. บริษัท บอมเบย์เบอร์มา จำกัด (Bombay Burma Trading coporation)
3. บริษัทสยามฟอร์เรสต์ จำกัด (Siam Forest)
4. บริษัท แอล.ที.เลียวโนเวนส์ จำกัด (L.T.Leonowens Ltd.)

ยุคนั้น พม่ายังเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรอังกฤษ จึงปรากฏว่ามีแรงงานชาวพม่า-กะเหรี่ยง-ไทใหญ่ ที่เป็นแรงงานในกิจการทำไม้จำนวนมากอพยพมาอยู่ในลำปาง

และที่สำคัญที่สุด แม้ว่ารัฐไทยจะพยายามปฏิรูปการเศรษฐกิจการเงินการคลังมาต่อเนื่องตั้งแต่ สมัยรัชกาลที่ 5 สืบเนื่องมาถึงก่อนยุคการเปลี่ยนแปลงการปกครอง

แต่ทว่าเงินบาทของไทยกลับยังไม่มีบทบาทในพื้นที่ภาคเหนือ

ในยุคนั้น อันเป็นยุคที่ทางรถไฟเพิ่งจะเชื่อมไปถึงพื้นที่ภาคเหนือตอนบนยังเป็นพื้นที่ ใกล้ชิดกับพม่า ดินแดนในปกครองอังกฤษ แถมยังมีกิจการทำไม้สักมาดำเนินกิจการอยู่ทั้ง 2 หัวเมืองหลัก กิจการของมิชชันนารีตะวันตก ทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล เป็นกิจกรรมสมัยใหม่ที่มีบทบาทอย่างสูง

บริษัท แบงก์สยามกัมมาจล ทุนจำกัดจึงต้องมีบทบาทสำคัญทำหน้าที่แทนรัฐบาลในการสถาปนาระบบการเงินยุค ใหม่ให้เป็นระบบเดียวกัน ด้วยการกระตุ้นให้คนในพื้นที่หันมาใช้เงินบาทแทนเงินรูปี ซึ่งตะวันตกนำมาใช้ และมีอิทธิพลครอบคลุมภาคเหนือตอนบนทั้งภาค

เรื่องดังกล่าวมาจากปัจจัย 2 ด้านผนวกกัน ด้านแรกคือความเป็นพื้นที่ต่อเนื่องกับอิทธิพลของอังกฤษและธุรกิจทำไม้

อีกปัจจัยหนึ่งคือ รัฐไทยเองไม่สามารถจะส่งเงินตราไทย กระจายเข้าไปในพื้นที่ได้อย่างกว้างขวางพอเพราะไม่มีกลไกดำเนินการ

เอกสารของพิพิธภัณฑ์ระบุว่าในยุคนั้น "เงิน 1 บาทแลกเป็นเหรียญไทยได้เพียง 95 สตางค์เท่านั้น"

บันทึกประวัติหลายชิ้นของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ในฐานะคนไทยคนแรกที่ถูกส่งมาทำหน้าที่ผู้จัดการ บริษัท แบงก์สยามกัมมาจล ทุนจำกัด สาขาลำปาง ในยุครอยต่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นเวลานานถึง 8 ปี (2486) ระบุว่า หน้าที่หนึ่งในฐานะผู้จัดการสาขาทำก็คือ

"หาทางให้คนไทยหันมาใช้เงินบาทไทยแทนเงินรูปีของพม่า ซึ่งเคยเป็นที่นิยมกันในหมู่คนไทยทางภาคเหนือ"

ในอีกมุมหนึ่ง บทบาทหน้าที่ของบริษัท แบงก์สยามกัมมาจล ทุนจำกัด ก็คือ การทำหน้าที่สร้างเสถียรภาพทางการเงิน เป็นประโยชน์โดยตรงต่อรัฐบาล

ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช มีความผูกพันกับจังหวัดลำปางมาก ผลงานหลายชิ้นของอดีตนายกรัฐมนตรีท่านนี้กล่าวถึงชีวิตและเกร็ดความรู้ เกี่ยวข้องกับลำปางบ่อยครั้ง ได้สรุปความเป็นลำปางยุคนั้นว่า

"ในลำปางมีพ่อเลี้ยงอยู่ 2 ประเภท คือ พ่อเลี้ยงค้าไม้ กับพ่อเลี้ยงค้าฝิ่น"

ในฐานะของผู้จัดการสาขา ม.ร.ว.คึกฤทธิ์จึงต้องมีสัมพันธ์ที่ดีกับ "พ่อเลี้ยง" ต่างๆ ในการบริการธุรกรรมการเงินให้ ซึ่งบางครั้งต้องเดินทางร่วมไปกับชาวต่างประเทศที่กิจการทำไม้ในป่า นั่นจึงเป็นที่มาของการขอแบ่งซื้อที่ดินบนดอยขุนตาลจากชาวอังกฤษที่ได้ สัมปทานทำไม้ หลุยส์ ที เลียวโนเวนส์ ในยุคนั้นยังไม่มีกฎหมายเกี่ยวกับป่าสงวนหรือเขตป่าของรัฐ จึงปรากฏว่าบ้านพักของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์บนยอด ย.-2 ดอยขุนตาล เป็นที่แปลงเดียวที่มีเอกสารสิทธิมาถึงบัดนี้

หลักฐานน่าสนใจที่ยังปรากฏในพิพิธภัณฑ์ธนาคารไทยพาณิชย์สาขาลำปาง อีกชิ้นหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงธุรกรรมการบริการการเงินให้กับลูกค้าผู้ เป็น "พ่อเลี้ยงทำไม้" ก็คือ เอกสาร "สัญญาจำนองช้างเป็นประกัน" ซึ่งทางธนาคารได้เก็บรักษาไว้

เอกสารดังกล่าวคือหลักฐานประวัติศาสตร์เศรษฐกิจท้องถิ่นภาคเหนือที่น่าสนใจ เพราะช้างคือทรัพย์สินที่มีค่าในการประกอบการชักลากไม้ของท้องถิ่น แม้ในระบบการเงินท้องถิ่นดั้งเดิมก็มักจะมีการจำนองช้างเพื่อกู้ยืมเงิน ระหว่างบุคคลต่อบุคคลแล้ว เมื่อธนาคารพาณิชย์สมัยใหม่เข้ามาตั้งสาขาในพื้นที่ ก็เปิดให้บริการรับจำนองหลักทรัพย์ดังกล่าวด้วยเช่นเดียวกัน

ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้เคยใช้ชีวิตตลอด 8 ปี ที่ลำปางในอาคารแห่งนี้ด้วยจึงมีความผูกพันกับอาคารแห่งนี้เป็นพิเศษ

ศิริชัย ศิริสารกูล ผู้จัดการธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาลำปาง คนปัจจุบัน ซึ่งเข้าบรรจุทำงานครั้งแรกเมื่อปี 2525 ณ สาขาแห่งนี้ เล่าว่า เมื่อครั้งที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ยังมีชีวิตอยู่ มักจะเดินทางมาพักผ่อนที่ภาคเหนือบ่อยๆ ทั้งที่บ้านขุนตาล ลำปาง และที่บ้านริมปิง เชียงใหม่ และมักจะปลีกเวลามาเยี่ยมบ้านพักเมื่อครั้งใช้ชีวิตที่ลำปางแห่งนี้ด้วย

"วันหยุด เสาร์ อาทิตย์ เมื่อท่านมาลำปาง ก็มักจะมาแวะกินข้าวซอยร้านประจำ แล้วก็นั่งรถม้ามาที่นี่ แล้วก็มาเดินรอบๆ บ้าน เดินที่หน้าสนาม ...พอเช้าวันจันทร์ยามก็จะบอกพวกเราว่าท่านมา"

ด้วยความเป็นสำนักงานสาขาที่เก่าแก่ที่สุดที่เหลืออยู่ในภูมิภาค และเป็นอาคารอนุรักษ์ดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยามประจำปี 2540 ปัจจุบัน พิพิธภัณฑ์อาคารไม้สักทองทั้งหลัง ก่อสร้างด้วยศิลปะผสมตามที่สมาคมสถาปนิกสยามฯ ระบุว่าเป็นอาคารรูปทรงอังกฤษ ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย

อาคารแห่งนี้จัดแบ่งพื้นที่ใช้สอยให้ชั้นล่างเป็นสำนักงานที่มีเคาน์เตอร์ บริการ เครื่องมืออุปกรณ์ที่จำเป็น รวมถึงห้องมั่นคง (ตู้นิรภัย) ที่ออกแบบก่อสร้างอย่างหนาแน่นเท่าที่ยุคนั้นจะสามารถทำได้ ขณะที่ชั้นบนเป็นที่พักของผู้จัดการสาขาซึ่งปัจจุบันปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์ ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้บรรจุอาคารแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจของจังหวัดลำปางอีกแห่ง หนึ่ง

http://portal.rotfaithai.com/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&p=93875#93875

ปล.ผู้เขียนบทความนี้เป็นศิษย์เก่า ม.อ. ณ คอหงส์

ไม่รู้ว่าจะชวนมาคุยเรื่องตึกเก่าในบ้านเราบ้างจะได้ไหมน้อ

กิมหยง

เราจะได้รู้จักเขาหรือเปล่าละครับ

ถ้าได้ร่วมกันเขียนบทความเผยแพร่ สิ่งดีดี สิ่งเก่าแกของบ้านเราก็ดีครับ
สร้าง & ฟื้นฟู

HAADYAI.history

อ้างจาก: กิมหยง เมื่อ 16:30 น.  08 ส.ค 51
เราจะได้รู้จักเขาหรือเปล่าละครับ

ถ้าได้ร่วมกันเขียนบทความเผยแพร่ สิ่งดีดี สิ่งเก่าแกของบ้านเราก็ดีครับ

เห็นอยู่ที่นี่ครับ

http://www.thaiza.com/content/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%93%E0%B8%A3%E0%B8%AA%20%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88.html

แต่ไม่รู้ว่าตัวเค้าอยู่ที่ไหน

กิมหยง

คุณ บัณรส บัวคลี่ ผู้สื่อข่าวอาวุโส หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ

จะลองหามาให้ดูครับ

แต่ท่านเป็นศิษย์เก่า ม.อ. และท่านอยู่หาดใหญ่เหรอครับ
สร้าง & ฟื้นฟู

HAADYAI.history

อ้างจาก: กิมหยง เมื่อ 17:28 น.  09 ส.ค 51
คุณ บัณรส บัวคลี่ ผู้สื่อข่าวอาวุโส หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ

จะลองหามาให้ดูครับ

แต่ท่านเป็นศิษย์เก่า ม.อ. และท่านอยู่หาดใหญ่เหรอครับ

ไม่ทราบว่าทำงานที่ไหนครับ
แต่คุ้นๆ ชื่อว่าน่าจะเป็นศิษย์เก่าม.อ. รุ่นเดียวกัน หรืออาจจะรุ่นน้อง คุณกนกพงศ์ สงสมพันธ์ สักปีหนึ่งเห็นจะได้ครับ

HAADYAI.history

หาดใหญ่เราน่าจะมีชมรม อนุรักษ์ หรืออะไรทำนองนี้ครับ
จำพวก
- จักรยานเก่า ผมเห็นหลายจังหวัดเค้ามีกัน ปัตตานี หรือสงขลาก็น่าจะมี
- จักรสามล้อพ่วงข้าง ที่สมัยก่อนเพื่อการโดยสาร
แต่สมัยนี้เห็นใช้ขนของตามตลาด
- เวสป้า หรือ จยย รุ่นเก่าๆ จำนวกฮอนด้า  50 หรือ 70 cc
หรือ สองสูบ 100 cc อะไรทำนองนี้
- รถเต่า และรถยนต์เก่าอื่นๆ
- ฯลฯ

วันดีคืนดีก็จัดกิจกรรม แล้วเอารถพวกนี้มาร่วมขบวนแห่
เช่น(สมมติ) วัน ที่เปิดเดินรถไฟวันแรก จากหาดใหญ่
เพราะเราปฏิเสธไม่ได้ว่า หาดใหญ่มีวันนี้ได้เพราะรถไฟ

กิมหยง

ครับ  จะลองไปคุยไปเสนอผู้ใหญ่ท่านดูครับ
สร้าง & ฟื้นฟู

HAADYAI.history

ที่ ลำปาง เค้าจะมีวันอะไรน้อ
ดูทีวีแว๊ปๆ
ที่ให้คนใส่ชุดโบราณนั่งรถไฟมาจากกรุงเทพฯ
แล้วลงรถไฟที่สถานีลำปาง มาขึ้นรถม้า ชมเมือง

เราก็น่าจะจัดได้
เพราะหาดใหญ่เหมือนลำปางในข้อที่ว่า
เมืองเราโตมาขนาดนี้ได้เพราะรถไฟ

เราไม่มีรถม้า ก็ใช้จักรยานสามล้อพ่วงข้างแทน ก็เข้าทีดีเหมือนกัน

กิมหยง

อย่างที่ท่านคิดก็เป็นการสร้างจุดขายให้กับหาดใหญ่ครับ

น่าจะลองคิด ลองคุยกับหลาย ๆ ส่วนนะครับ
เผื่อวันหนึ่งความคิดเรานั้น อาจเป็นแรงขับเคลื่น เป็นเอกลักษณ์ให้เมืองนี้ก็เป็นได้ครับ
สร้าง & ฟื้นฟู

HAADYAI.history

อ้างจาก: กิมหยง เมื่อ 21:43 น.  09 ส.ค 51
อย่างที่ท่านคิดก็เป็นการสร้างจุดขายให้กับหาดใหญ่ครับ

น่าจะลองคิด ลองคุยกับหลาย ๆ ส่วนนะครับ
เผื่อวันหนึ่งความคิดเรานั้น อาจเป็นแรงขับเคลื่น เป็นเอกลักษณ์ให้เมืองนี้ก็เป็นได้ครับ

ครับ
ผมคิดมานานแล้วว่า
หาดใหญ่เราน่าจะ วาง Positioning ใหม่ ได้แล้ว

กิมหยง

ผมกำลังคุยอยู่กับหลายส่วน ผมคิดว่า วันหนึ่งอยากจะเชิญหลาย ๆ ท่านได้มานั่งโต๊ะ พูดคุยประเด็นนี้กันเสียทีครับ

เราต้องเปลี่ยนแปลง เราต้องหาเอกลักษณ์ของเรา เพื่อให้เราอยู่รอดอย่างมั่งคงและยั่งยืนครับ
สร้าง & ฟื้นฟู

HAADYAI.history

อ้างจาก: กิมหยง เมื่อ 22:34 น.  09 ส.ค 51
ผมกำลังคุยอยู่กับหลายส่วน ผมคิดว่า วันหนึ่งอยากจะเชิญหลาย ๆ ท่านได้มานั่งโต๊ะ พูดคุยประเด็นนี้กันเสียทีครับ

เราต้องเปลี่ยนแปลง เราต้องหาเอกลักษณ์ของเรา เพื่อให้เราอยู่รอดอย่างมั่งคงและยั่งยืนครับ

ดีครับ
ผมคิดว่าคุณเนตร (ไดอาน่า) คุณกฤษ (รร เพรสสิเดนท์) คุณกฤตโชค
และชมรมคนรักเมืองหาดใหญ่ ฯลฯ ล้วนมีไอเดียที่ดีครับ
รวมถึงอาจารย์ม.อ.บางท่าน

กิมหยง

เราน่าจะลองเชิญ นายกท้องถิ่นมานั้งคุยให้หมด สื่อ ผอ.ททท หาดใหญ่เรา
จะลองสอบถามท่านที่ปรึกษาดูก่อนครับท่าน ว่าจะให้ใครพอจะออกตัวเป็นเจ้าภาพได้บ้างครับ
สร้าง & ฟื้นฟู

HAADYAI.history

อ้างจาก: กิมหยง เมื่อ 23:09 น.  09 ส.ค 51
เราน่าจะลองเชิญ นายกท้องถิ่นมานั้งคุยให้หมด สื่อ ผอ.ททท หาดใหญ่เรา
จะลองสอบถามท่านที่ปรึกษาดูก่อนครับท่าน ว่าจะให้ใครพอจะออกตัวเป็นเจ้าภาพได้บ้างครับ

การพัฒนาที่ยั่งยืนควร เริ่มจาก ประชาชน (รวมถึงพ่อค้าผู้ประกอบการและสมาคมต่างๆ)
จะหวังให้ภาครัฐมา อุ้มนั้นมักไม่ยั่งยืนครับ
เพราะนโยบายต่างๆ มันไม่เคยนิ่ง เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเสมอ

อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่เริ่ม มันก็ไม่เกิดครับ ลองไปคุยนอกรอบกับ ททท ดูก่อนก็ได้ครับ
เริ่มจากนอกรอบ แล้วค่อยเข้ามาในรอบ

คนหาดใหญ่2497

ผมคิดว่าเราน่าจะฟื้นฟูรถสามล้อถีบขึ้นมา  เพื่อที่จะให้นักท่องเที่ยวนั่งสามล้อถีบชมเมืองหาดใหญ่(เหมือนลำปางมีรถม้าไงละ) สมัยเด็กตอนอยู่ ป.1 (พ,ศ2504)ตอนเช้าไปโรงเรียนแสงทองก็ได้อาศัยนั่งรถสามล้อทั้งไปและกลับ